คชสีห์๙บารมี๙บารมี๙แผ่นดินหลวงปู่หมุนเสก

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 30 สิงหาคม 2010.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,423
    ค่าพลัง:
    +21,326
    หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ อยุธยา

    พระสมเด็จพิมพ์พระประทานหลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ อยุธยา สภาพสวยครับ

    หลวงพ่อกวยเคยยกย่องหลวงพ่อนอให้ลูกศิษย์ฟังว่าท่านเก่งมหาอุตย์ ตะกรุด

    หนังเสือท่านติดอันดับเครื่องรางต้นๆครับศิษย์ตำรวจ ข้าราชการกรมราชฑัณ

    นับถือหลวงพ่อมากครับ ยุคโจรปล้นตลาดท่านเรือขอบารมีท่านช่วยครับ

    ปิดรายการ

    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2011
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,423
    ค่าพลัง:
    +21,326
    พระอาจารย์บัว เตมิโย วัดหลักศิลามงคล นครพนม

    พระผงพระอาจารย์บัว เตมิโย วัดหลักศิลามงคล นครพนมศิษย์อาวุโสสายหลวงปู่

    มั่นอีกท่านครับ

    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,423
    ค่าพลัง:
    +21,326
    หลวงพ่อกุหลาบ นนทบุรี

    รูปภาพขาวดำหลวงพ่อกุหลาบ นนทบุรี ลองหาอ่านประวัติท่านดูนะครับ

    กระดาษยุคเก่าฉาบผิวปรอทสะท้อนแสง ปั๊มหมึกหายากครับ

    ให้บูชา 700 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,423
    ค่าพลัง:
    +21,326
    หลวงพ่อดำ วัดสันติธรรม สระแก้ว

    พระฤาษีเขากุเลนหน้ากากทองแดง ผงมหาภูติลิ้นทองผสมพระธาตุฤาษีหนึ่งดอก ด้านหลังเป็นรูปพระอุมา
    จัดสร้างโดยหลวงพ่อดำ วัดสันติธรรม สระแก้ว โดยนำไปให้พระฤาษีที่อยู่ในถ้ำบนเขากุเลน กัมพูชา (ซึ่งร่ำลือว่าเป็นพรหมที่มีชีวิต แม้แต่เจ้าเหนือหัวกัมพูชายังมาเข้าพบ) ปลุกเสกหนึ่งไตรมาส จึงเข้มขลังอย่างเอกอุ

    พิเศษครับสวยเดิมทุกองค์ครับ

    ใ้บูชาองค์ละ 150 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับมี 4 องค์เลือกได้เลยครับ

    องค์สุดท้ายหน้ากากหลุด ขอ70 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,423
    ค่าพลัง:
    +21,326
    หลวงปู่บุญเรือน วัดยางสุทธาราม บางกอกน้อย ธนบุรี

    พญาเต่าเรือนหลวงปู่บุญเรือน วัดยางสุทธาราม บางกอกน้อย ธนบุรี

    พระอรหันต์กลางกรุงครับ ถ้าเคยอ่านประวัติปฎิปทาท่านจะเคารพศรัทธราท่านมาก

    ครับพระผู้ให้จริงๆครับ พญาเต่าเรือนที่สร้า้งแล้วมีชื่อคนรู็้จักก็ 2 ท่านหลวงปู่หลิว

    และหลวงปู่บุญเรือนครับเลี่ยมพลาสติกพร้อมบูชา เต่าใหญ่ด้านโภคทรัพย์

    ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,423
    ค่าพลัง:
    +21,326
    หลวงปู่ปั้น วัดแม่ยะ ตาก

    เหรียญรุ่น๒หลวงปู่ปั้น วัดแม่ยะ ตาก เดิมๆครับ

    เหรียญรุ่น2ตามประวัติที่เขียนไว้หลวงปู่บอกว่ามีเท่าไหรเรียนมาเท่าไรใส่ไว้ในรุ่นนี้หมดครับสร้า้ง

    ปี2527 รุ่นแรก2518 รุ่น2 2527เล่ากันว่าท่านเสกนานที่สุด และรุ่นวัดแม่โองน้ำ 2518 อีกรุ่นที่

    เสกนานหลายวาระหลายครั้ง หลังจากนั้นเป็นสายกรุงเทพสร้า้งครับ

    ให้บูชา 500 บาทค่า่จัดส่งEMS 50 บาทครับ(ปิดรายการ)

    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2011
  7. neverland45

    neverland45 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +27
    ขอจองเหรียญหลวงปุ่ตื่อ จำนวน 1 เหรียญไม่ทราบยังพอมีอยู่ไหมครับ กรุณาแจ้งให้ทราบด้วยนะครับ
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,423
    ค่าพลัง:
    +21,326
    เหรียญหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี หลังหนุมาน เหรียญนี้แถบไม่เคยเห็น

    พระหลวงพ่อแพที่จะออกแนวบู๊ ส่วนมากพระท่านจะทางด้านเมตตามหานิยม

    น่าจะมีรุ่นเดียวที่หลังหนุมานครับ

    เหรียญหลวงพ่อแพหลังหนุมานพร้อมล็อคเก็ตโบราณหน้าหนุ่มสภาพเดิมๆ

    ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่ง EMS 50 บาทครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,423
    ค่าพลัง:
    +21,326
    [​IMG]

    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดอรัญวิเวก บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

    ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม นามเดิมชื่อ ตื้อ นามสกุล ปาลิปัตต์ ท่านเป็นตระกูลชาวนาถือกำเนิดเมื่อวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2431 ตรงกับวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ปีชวด สัมฤทธิศกจุลศักราช 1250 ณ บ้านข่า ตำบลบ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
    บิดาชื่อ นายปา ปาลิปัตตฺ
    มารดาชื่อ นางปัตต์ ปาลิปัตต์
    มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดี่ยวกัน 7 น ชาย 5 หญิง 2 คน คือ
    1. นางคำมี ปาลิปัตต์ (ถึงแก่กรรมแล้ว)
    2. เป็นชาย (ถึงแก่กรรมแล้วตั้งแต่เด็ก)
    3. นายทอง ปาลิปัตต์ (ถึงแก่กรรมแล้ว)
    4. นายบัว ปาลิปัตต์ (ถึงแก่กรรมแล้ว)
    5. หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม (มรณภาพแล้ว)
    6. นายตั้ว ปาลิปัตต์ (ถึงแก่กรรมแล้ว)
    7. นายอั้ว ทีสุกะ (ถึงแก่กรรมแล้ว)
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เป็นผู้มีนิสัยรักความสงบ เขาเป็นศิษย์วัดตั้งแต่ยังเด็ก และได้รับการบรรพชาเป็นสามเณรอยู่ระยะหนึ่ง เป็นผู้ใฝ่ใจในการศึกษา มีนิสัยตรงไปตรงมา และเป็นที่น่าสังเกตว่าในเครือญาติของท่านใฝ่ใจในการบรรพชาอุปสมบททั้งนั้น และถ้าเป็นหญิงก็เข้าบวชชีตลอดชีวิต
    สำหรับหลวงปู่ตื้อ ได้รัยอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อมีอายุได้ 21 ปี บวชครั้งแรกในฝ่ายมหานิกาย บวชนานถึง 19 พรรษา ต่อมาได้ญัตติเป็น ฝ่ายธรรมยุตินิกาย จนถึงวาระสุดท้ายได้ 46 บรรษา สิริรวมอายุ 86 พรรษา
    ก่อนหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม จะออกบวชเป็นพระภิกษุนั้น ท่านได้เกิดนิมิตอันดีงามแก่ตัวท่านเอง คือก่อนคืนที่ท่านจะออกบวชนั้น กลางคืนท่านได้นิมิตฝันว่า ได้มีชีปะขาว 2 คนเข้ามาหาท่าน คนหนึ่งแบกครกหิน อีกคนหนึ่งถือสากหิน มาหยุดอยู่ตรงหน้าท่าน แล้ววางครกและสากลง คนแรกพูดว่า
    “ไอ้หนู เจ้ายกสากหินนี้ออกจากครกได้ไหม”
    หลวงปู่ตื้อ ตอบว่า “ขนาดต้นเสาใหญ่ผมยังแบกคนเดียวได้ ประสาอะไรกับของเพียงแค่นี้”
    แล้วท่านก็เดินเข้าไปพยายามยกเท่าไหร่ๆ ก็ไม่สำเร็จ จนถึงวาระที่ 3จึงสามารถยกสากหินนั้นขึ้นได้
    เมื่อยกได้แล้วก็ได้เอาสากหินนั้นตำลงที่ครก และตำเรื่อยไป มองดูที่ครกเห็นมีเปลือกเต็มไปหมด ท่านจึงได้พยายามตำข้าวเปลือกเหล่านั้นจนกลายเป็นข้าวสารไปหมด แล้วชีปะขาวก็หายไป
    เมื่อชีปะขาวหายไปจากนั้นก็ปรากฏว่าได้มีพระเถระ 2 รูป มีกิริยาอาการน่าเคารพเลื่อมใสมาก ทั้งร่างกายเป็นรัศมี ท่านนึกว่าเป็นพระอริยะเจ้าผู้วิเศษ เดินตรงมาที่ท่านแล้วพูดเบาๆว่า
    “หนูน้อย เจ้ามีกำลังแข็งแรงมาก”
    พอดีท่านรู้สึกตัวขึ้นมา แล้วนั่งทบทวนพิจารณาถึงความฝันที่ผ่านมา เห็นเป็นเรื่องแปลกและพิสดารมาก คิดว่านิมิตเช่นนี้จะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้างหนอ คิดแต่เพียงว่าคงจะมีเรื่องที่ดีเกิดขึ้นกับท่านแน่
    ท่านคิดได้แค่นี้ก็ระลึกถึงคำของบิดาว่า ได้สั่งให้ไปต้อนควายจากท้องทุ่งนาให้เข้ามาหากินอยู่ใกล้ๆ บ้าน ท่านจึงได้ลุกออกจากบ้านไปต้อนไล่ควายมาเลี้ยงอยู่ใกล้ๆ บ้านแต่ในใจยังนึกถึงความฝันเมือคืนนี้อยู่
    เป็นเพราะหลวงปู่ตื้อมีนิสัยรักความสงบอยู่แล้วจึงคิดขึ้นมาว่า สมควรที่เราจะต้องบวชเพื่อประพฤติธรรมดูบ้าง คิดว่าวันพรุ่งนี้เราต้องออกไปอยู่วัดอีก เพื่อจะได้บวชเป็นพระภิกษุแล้วจะได้มีโอกาสประพฤติธรรมอย่างจริงจังบ้าง และก็เป็นเช่นที่คิด พอรับประทานอาหารเย็นวันนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว บิดาท่านก็บอกว่า
    “กินข้าวอิ่มแล้วให้รีบไปหาปู่จารย์สิมที่บ้าน ปู่จารย์สิมมาตามหาเจ้าตั้งแต่กลางวันแนะ”
    หลวงปู่ตื้อนึกสงสัยว้าจะมีเรื่องอะไรก็ไม่ทราบ จึงรีบไปหาปู่อาจารย์สิมทันที
    (คำว่า พ่ออาจารย์, ปู่จารย์, หมายถึง ผู้ชายที่ได้รับบวชเรียนเป็นพระภิกษุมาก่อนหลายพรรษา และได้เล่าเรียนวิชา จนมีความรู้พอสมควร เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป แต่ต่อมาได้สึกออกมใช้ชีวิตฆราวาส)
    เมื่อไปถึงบ้านปู่จารย์สิม เรียบร้อยแล้ว ปู่จารย์สิมเปิดประตูข้างในเรือนและเรียกให้ท่านเข้าไปหา พอท่านเข้าไปในห้อง เห็นมีผ้าไตรจีวร บาตร และเครื่องบริขารสำหรับบวชพระ แล้ว ปู่จารย์สิม ก็ยื่นขันดอกไม้ที่เตรียมเอาไว้ให้พร้อมกับพูดว่า “เห็นมีแต่หลานคนเดียวเท่านั้นที่สมควรจะบวชให้ปู่ เพราะปู่ได้เตรียมเครื่องบวชไว้เรียบร้อยแล้ว แต่หาคนบวชไม่ได้ จึงให้หลายได้บวชให้ปู่สัก 1 พรรษา หรือได้สัก 7 วันก็ยังดี ขอให้บวชให้ปู่ก็เป็นพอ จะนานเท่าไรก็ได้ไม่เป็นไร”
    หลวงปู่ตื้อได้รับปากกับปู่จารย์สิมซึ่งเป็นปู่ของท่านทันที แต่ขอไปบอกลาบิดามารดาเสียก่อน เมื่อบิดามารดาอนุญาตให้ก็จะได้บวชตามที่ปูจารย์สิมต้องการ
    บิดามารดาของท่านเมื่อได้ยินลูกชายเล่าให้ฟังเช่นนั้น ก็อนุญาตตามที่
    ปู่จารย์สิม ขอ พร้อมกลับกล่าวคำอนุโมทนาสาธุการ แสดงความยินดีกับลูกชายเป็นอย่างยิ่ง
    ชีวิตสมณะ การแสวงหาธรรม และปฏิปทา
    เมื่อหลวงปู่ตื้อ อจลธฺมโม ได้รับอนุญาตจากบิดามารดาให้บวชแล้ว ท่านก็ได้เข้าไปอยู่เป็นศิษย์วัด อยู่ต่อมาจนได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในฝ่ายมหานิกาย เมื่อ ปีพ.ศ.2452 แต่ในบันทึกไม่ปรากฏแน่ชัดว่าท่านบวชที่ไหนและบวชกับใคร ท่านบอกว่า ท่านบวชกับประอุปัชฌาย์คาน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม แล้วก็กลับไปจำพรรษาที่วัดบ้านข่า ซึ่งเป็นบ้านเดิม เพื่อศึกษาเล่าเรียนตามอุปนิสัยที่ถ่านถนัดอยู่แล้ว นิสัยของท่านชอบการศึกษาค้นคว้าพระธรรมวินัย อันเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างมาก
    เมื่อท่านบวชครบ 7 วัน แล้วปู่จารย์สิมได้มาหาท่านที่วัดถามถึงเรื่องที่จะสึกหรือไม่สึก ถ้าสึกจะหาเสื้อผ้ามาเตรียมไว้ให้ ท่านก็สองจิตสองใจใครสึกบ้าง ไม่สึกบ้าง แต่มาคิดได้ว่า ถ้าสึกตอนนี้ชาวบ้านจะพากันเรียน ไอ้ทิต 7 วัน รู้สึกอับอาย จึงบอก
    ปู่จารย์สิม ว่า “อาตมายังไม่อยากสึก ขออยู่ไปก่อน รอให้ออกพรรษาก่อนเถิด”
    ท่านก็บวชอยู่ได้ครบพรรษาหนึ่ง ท่านหัดท่องหัดสวดเจ็ดตำนาน สิบสองตำนานจนขึ้นใจ
    พอออกพรรษาเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ทำเฉยเสีย เพราะรู้สึกใจคอท่านสบายดีอยู่ ถ้าหากสึกไปแล้ว การเล่าเรียนพระธรรมก็ยังไม่ไปถึงไหนเลย แค่อาราธนาศีล 5 ศีล 8 อาราธนา เทศน์ยังทำไม่ได้คล่องแคล่ว เมื่อสึกออกไป ถูกเข้าไหว้วานให้อาราธนา ถ้าว่าไม่ได้จะอายเขาเปล่า ๆ
    ต่อมาท่านได้เดินทางเพื่อไปศึกษาวิชาธรรมะในทางพระพุทธศาสนาที่เรียกกันว่า “เรียนสนธิ์ เรียนนาม มูลจัจจายน์” อันเป็นวิชาที่เรียนได้ยากในสมัยนั้น ถ้าหากใครเรียนได้จบตามหลักสูตรเรียกกันว่า “นักปราชญ์” เป็นผู้แตกฉานในพระธรรมวินัย
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ได้เดินทางไปเรียนที่ วัดโพธิ์ชัย อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนนม การเดินทางไปมีความลำบากมากทางคมนาคมไม่สะดวกเลย ต้องเดินไปด้วยเท้า (ระยะทางประมาณ 51 กิโลเมตร) สำนักเรียนวัดโพธิ์ชัยมีชื่อเสียงมากในขณะนั้น เพราะมีอุปัชฌาย์คาน เป็นเจ้าสำนักเรียน
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโมได้เข้าศึกษาเล่าเรียนวิชาบาลีสนธิ์นาม และมูลกัจจายน์ในสำนักวัดโพธิ์ชัยนี้ด้วยความสนใจเป็นเวลานานถึง 4 ปีเต็ม จึงจบตามการสอนของสำนักเรียน และได้ถือโอกาสกราบเรียนลาท่านพระอาจารย์ผู้เป็นเจ้าสำนักเรียน กลับสำนักเดิมคือ วัดบ้านข่า
    เมื่อท่านกลับมาอยู่วัดได้ 3 วันเท่านั้น ทั้งนี้คงเป็นเพราะนิสัยท่านใฝ่ใจในธรรม ชอบศึกษาค้นคว้าในคำสอนของพระพุทธเจ้าท่านจึงได้เดินทางออกจากบ้านเพื่อจะไป เรียนพระปริยัติธรรมต่อที่กรุงเทพมหานคร อันเป็นแหล่งที่มีการศึกษาเจริญที่สุดได้ชักชวนพระภิกษุรูปหนึ่งในวัดออก เดินทางจากวัดเดิมธุดงค์มุ่งหน้าไปยัง จังหวัดอุดรธานีก่อนค่ำไหนก็พักจำวัดทำสมาธิภาวนาที่นั่น เป็นเวลาหลายวันจึงถึงอุดรธานี
    แต่พอเดินทางถึงจังหวัดอุดรธานี พระภิกษุที่เป็นเพื่อนเดินทางเกิดเปลี่ยนใจเพราะคิดถึงบ้านอยากกลับบ้านไม่ ยอมไปเรียนต่อที่กรุงเทพมหานครตามที่ตั้งใจเอาไว้ ถึงแม้จะพูดอย่างไรก็ตามก็ไม่ยอม คิดแต่จะกลับบ้านอย่างเดียว ท่านต้องเป็นเพื่อนเดินทางกลับไปส่งพระรูปนั้นกลับบ้านข่า ถึงแค่อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี แล้วท่านจึงเดินทางกลับมายังวัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานีอีก แต่สมัยนั้นวัดโพธิสมภรณ์ หรือแม้จังหวัดอุดรธรนีก็ยังเป็นป่าไม่ได้พัฒนาให้เจริญเหมือนอย่างทุก วันนี้
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เมื่อได้เดินทางกลับมาถึงจังหวัดอุดรธานีคราวนี้ ท่านได้เปลี่ยนใจจากการไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่กรุงเทพมหานคร เป็นการออกปฏิบัติธรรมกรรมฐานแทน
    ท่านกล่าวว่า “การออกเดินธุดงค์ เป็นการเดินทางเส้นตรง...ต่อการบรรลุธรรมอย่างแท้จริง”
    เมื่อท่านได้เปลี่ยนในเช่นนี้แล้วก็ได้เดินทางจากจังหวัดอุดรธานีมุ่งสู่ จังหวัดหนองคาย ท่านได้แวะพักโปรดญาติโยมเป็นระยะ ๆ ไปและพักทำกรรมฐานที่ พระบาทบัวบก อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี บำเพ็ญภาวนาอยู่หลายวัน จึงออกเดินทางไปยังฝั่งลาวพักกรรมฐานอยู่ที่บริเวณนครเวียงจันทน์เป็นเวลา หลายเดือน
    หลวงปู่ตื้อเล่าให้ฟังว่า ได้ไปทำความเพียรอยู่บนเขาควายทำกรรมฐานอยู่บริเวณนั้นเป็นเวลา 4 เดือนเต็ม คืนแรกที่ท่านไปถึงนั้น ได้ไปนั่งภาวนาอยู่ที่ถ้ำเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในบริเวณนั้น พอนั่งสมาธิอยู่ไม่นานประมาณชั่วโมงเศษ ๆ เห็นจะได้ ท่านได้ยินเสียงดังมาแต่ไกล คล้ายเสียงลมพัดอย่างแรง แต่พอลืมตาขึ้นดูไม่เห็นมีอะไร นอกจากตัวผึ้งเป็นหมื่น ๆ ตัวบินวนเวียนอยู่เหนือศีรษะคล้ายเสียงเครื่องบิน
    สักพักหนึ่งตัวผึ้งเหล่านั้นก็บินลงมาเกาะตามผ้าจีวรเต็มไปหมด แล้วเที่ยวไต่ไปตามตัวจนท่านต้องเปลื้องจีวรและอังสะออกจากตัวและนุ่งสบงแบบ จูงกระเบน แล้วรัดผ้ากับให้แน่น ตามตัวมีแต่ตัวผึ้งเต็มไปหมด แต่มันก็มิได้ต่อยทำร้ายท่าน
    หลวงปู่ตื้อบอกว่า ในภาวะเช่นนั้นต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างยิ่ง ประมาณ 20 นาที หมู่ผึ้งเหล่านั้นทั้งหมดก็บินจากไป จากนั้นท่านก็นั่งภาวนาต่อไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ ๆ
    ในขณะนั้นเอง ได้นิมิตเห็นศีรษะของชายคนหนึ่งค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากพื้นข้างหน้าท่านห่างออกไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขากำลังเดินขึ้นมาจากเบื้องล่าง แล้วเดินเข้ามาหาท่าน จนเข้ามาใกล้แล้วมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้า โดยไม่พูดอะไร ร่างกายชายคนนั้นใหญ่โตมาก
    บุคคลนั้นยืนอยู่นานพอสมควรแล้วกลับหลังเดินไป แต่การเดินกลับไปนั้นดูเหมือนว่าเดินลึกลงไปสู่ที่ต่ำเพราะหายลับลงไปอย่าง รวดเร็วมาก จนมองตามไม่ทัน และท่านนั่งสมาธิอยู่ที่เดิม ไม่นานนักก็ได้ปรากฏว่ามีเทพยดาสวมมงกุฏสวยงามมากเข้ามาหาท่าน 2 องค์แล้วพูดขึ้นว่า
    “ท่านอาจารย์ ห่างจากนี้ไม่ไกลนัก มีพระพุทธรูปทองคำ 10 องค์ พระพุทธรูปเงิน 15 องค์ จมอยู่ในดิน ขอให้ท่านอาจารย์ไปเอาขึ้นมา เพื่อให้คนทั้งหลายได้กราบไหว้สักการบูชาเพราะบัดนี้ไม่มีใครรักษาแล้ว” พูดเท่านั้นเทพยาดาทั้งสองก็หายไป
    หลวงปู่ตื้อ เล่าเรื่องต่อไปว่า คืนที่ไปนั่งภาวนาอยู่ที่เส้นทางช้างศึกของ
    เจ้าอนุวงษ์ นครเวียงจันทน์หลายคืน คืนหนึ่งมีวิญญาณหลงทางมาหามากมายจริง ๆ เหตุที่ว่าเป็นวิญญาณหลงทางนั้นเพราะจะแผ่เมตตาให้อย่างไร ก็ระลึกและคลายมานะทิฐิไม่ได้ ยังมัวเมาอยู่นั่นเอง
    วิญญาณพวกนี้โดยมากเป็นพวกทหารหนุ่ม ๆทั้งนั้น สังเกตเห็นว่า พวกนี้จะไม่ยอมกราบไหว้ไม่มีเคารพในสมณเพศ ทั้งนี้เพราะส่วนมากเป็นวิญญาณมิจฉาทิฐิมาปรากฏเพื่อให้เห็นเท่านั้น
    รุ่งเช้า มีโยมมาขอให้ท่านพักอยู่ต่อไปนาน ๆ จะสร้างกุฏิถวาย แต่ท่านไม่รับนิมนต์ ท่านบอกโยมว่า จะต้องเดินธุดงค์ไปเรื่อย ๆ จนถึงจังหวัดเชียงใหม่เมืองของไทยใหญ่ ท่านบอกว่านับตั้งแต่ออกจากพระบาทบัวบกจังหวัดอุดรธานีมา พักจำพรรษาอยู่ที่บริเวณเวียงจันทน์นี้ เป็นเวลานานถึง 4 เดือนเศษ ๆ จากนั้นก็เดินทางแบบ
    พระธุดงกรรมฐานต่อไปยังเมืองหลวงพระบาง หนทางเดินลำบากที่สุด สภาพทั่วไปเป็นภูเขา บางวันเดินขึ้นภูเขาสูง ๆ แล้วเดินลงจากหลังเขา ถ้าคิดระยะทางการเดินทางธรรมดาจะต้องเดินไปไกลกว่านั้น เพราะเดินตลอดวันก็กลับลงมาที่เดิม ตกเย็นมืดค่ำลง ก็กางกลดพักผ่อนทำความเพียรภาวนา รุ่งอรุณก็ตื่นเดินทางต่อไป บางวันไม่ได้
    บิณฑบาติเลยเพราะไม่มีบ้านคน
    ท่านเล่าว่า เดินไปด้วยกันคราวนี้รวมแล้ว 6 รูป แต่ต่างคนต่างไปไม่พบกันหลายวันก็มี บางทีก็พบพระซึ่งเป็นชาวพม่าซึ่งท่านก็เดินธุดงค์เช่นกัน นาน ๆ พบกันทีหนึ่ง พบกันแล้วก็แยกทางกันเดินต่อไป ท่านบอกว่าถนนหนทางลำบากที่สุด รถยนต์ไม่มีโอกาสจะไปได้เลย แม้แต่คนจะเดินไปก็ยังยาก และสมัยนั้นรถยังไม่เคยมีในถิ่นนั้นเลย
    และแล้ว หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ก็ได้พบพระธุดงค์รูปหนึ่งซึ่งจะมีสหธรรมิกรูปสำคัญต่อไปในอนาคต พระธุดงค์หนุ่มรูปนี้มีปฏิปทาลีลาอะไรหลายอย่างละม้ายเหมือนหลวงปู่ตื้อมาก เป็นต้นว่า เป็นพระภิกษุหนุ่มฝ่ายมหานิกายที่ออกจาริกธุดงค์แต่ลำพังอย่างโดดเดี่ยวกล้า หาญโดยไม่มีครูบาอาจารย์ฝ่ายกรรมฐานแนะนำคอยชี้ทางให้เลย
    พระธุดงค์รูปนี้มีนามว่า หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม และหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ พบกันครั้งแรกที่ป่านภูพานขณะนั้นหลวงปู่ตื้อจาริกธุดงค์มาจากพระบาทบัวบก จังหวัดอุดรธานี ได้สนทนาธรรมแลกเปลี่ยนความรู้กันเป็นที่ชอบอัธยาศัยถูกใจกันยิ่งนัก
    หลวงปู่ตื้อเองก็ใฝ่ใจปรารถนาอยากจะพบ พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ให้ได้เหมือนกันเพราะได้ยินได้ฟังกิตติศัพท์เลื่องลือ เกี่ยวกับพระอาจารย์มั่นมามากแต่ยังไม่ได้พบสมใจหวังสักที
    ทั้งสองได้ปรึกษาหารือกันว่า หากวาสนายังมีคงจะได้พบกับอาจารย์มั่นสมใจหวัง เราอย่าเร่งรัดตัวเองและกาลเวลาเลย ถ้าไม่ตายเสียก่อนจะต้องได้สดับธรรมจากพระอาจารย์มั่นเป็นแม่นมั่น ในระหว่างนี้เราควรจะจาริกธุดงค์ไปตามมรรคาของเราก่อน
    ทั้งหลวงปู่ตื้อ และหลวงปู่แหวน เริ่มต้นเดินทางสู่เมืองลาวที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย พอข้ามแม่น้ำโขงแล้งก็พบแต่ป่าต้องเดินมุดป่าไปเรื่อย ๆดูเหมือนเป้าหมายจะเป็นหลวงพระบางในการเดินทางเท้านั้น ตลอดทางมักได้พบสัตว์ป่าเป็นจำนวนมากและได้อาศัยเดินตามรอยช้าง เพราะสะดวกสบายดี ถ้าใครเคยขึ้นภูกระดึง และเคยมุดป่าบนหลังภู จะพบทางเดินของช้างบนนั้น
    พระภิกษุหนุ่มทั้งสองท่านจะเดินธุดงค์ไปตลอดทั้งกลางวัน พอพลบค่ำก็เลือกพักใกล้หมู่บ้านคนพอได้โคจรบิณฑบาตยามเช้า ท่านได้เล่าถึงชาวป่าเผ่าหนึ่งพบระหว่างทางในตอนใกล้ พระอาทิตย์ตกดินชาวป่าเหล่านั้นเอากระติบข้าเหนียวมาถวายเดินแถวเข้ามานับ สิบเพื่อถวายอาหารด้วยพวกเขาไม่ทราบพระรับอาหารยามวิกาลไม่ได้แต่มีศรัทธา บอกว่า “งอจ้าวเนียวงอจ้าวเหนียว” ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร ทั้งสองท่านจึงบอกว่าอาหารไม่รับ ขอรับน้ำร้อนก็พอ ซึ่งก็ได้พยายามสื่อความหมายจนกระทั่งรู้เรื่องกันได้
    พอรุ่งเช้าเข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน ต้องทำการบิณฑบาตแบบโบราณคือ ไปยืนอยู่หน้าบ้านทำเป็นหวัดกระแอมไอ ให้เขาออกมาดู เขาไม่เข้าใจ ก็ทำนิ้วชี้ลงที่บาตร จึงได้ข้าวมาฉัน คนป่าเผ่านั้นคงจะไม่เคยรู้จักพระมาก่อน ไม่รู้วินัยพระ ไม่รู้ธรรมเนียมพระ
    ต่อมาท่านได้ธุดงค์เดินทางไปถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีวัดประจำหมู่บ้าน แต่ไม่มีพระจำพรรษามีแต่เพียงสามเณรอยู่รูปเดียว สามเณรรูปนั้นเห็นพระอาคันตุกะสองรูปนั้นมาเยี่ยมก็ดีใจ หาที่นอนหาน้ำร้อนมาถวาย ถวายเสร็จแล้วสามเณรรูปนั้นก็หลบไป
    อีกสักครู่หลวงปู่ตื้อ กับหลวงปู่แหวน ก็ได้ยินเสียงไก่ร้องกระโต้กกระต้าก แล้วก็เงียบเสียงลง อีกสักพักหนึ่งก็มีกลิ่นไก่ย่างโชยมา และอีกสักพักหนึ่งไก่ย้างก็ถูกนำมาวางตรงหน้าท่านทั้งสอง
    “นิมนต์ท่านครูบาฉันไก่ก่อน ข้าวเหนียวก็กำลังร้อน ๆ นิมนต์ครับ”
    ในที่สุดหลวงปู่ทั้งสองถึงเมืองหลวงพระบาง
    แม้ว่าบางครั้งท่านจะแยกกันธุดงค์ แต่มีหลายครั้งที่ท่านมีโอกาสจำพรรษาร่วมกัน และเป็นคู่อรรถคู่ธรรมที่แปลกมากกล่าวคือ เรื่องอุปนิสัยที่แตกต่างกัน หลวงปู่ตื้อ ท่านเป็นพระที่ชอบพูดชอบเทศน์ มีปฏิปทาผาดโผน และเวลาพูดเสียงท่านจะดังแต่ หลวงปู่แหวนกลับเป็นพระที่พูดน้อย เสียงเบา ไม่ชอบเทศน์ มีแต่ให้ข้อธรรมสั้น ๆมีปฏิปทาเรียบง่าย

    ธรรมโอวาท
    สำหรับการแสดงธรรมเผยแพร่พระพุทธศาสนา ของปู่ตื้อ อจลธมฺโมนั้น ท่านแสดงธรรมอย่างตรงไปตรงมา แสดงธรรมตามทัศนะของท่าน มีคนชอบฟังมาก หลวงปู่เล่าว่า โลกนี้เขามีเครื่องผูกอันเหนียวแน่น ยากที่จะตัดได้ด้วยอย่างอื่น นอกจากพระธรรมของพระพุทธเจ้า มนุษย์เราเกิดมาก็ต้องทำบาป เมื่อทำแล้วก็ต้องได้รับผลกรรมที่เราทำไว้ พ่อแม่เรานั้นทำกรรม เราเกิดมาก็ทำกรรมไปอะไรที่สุดของกรรม ไม่มีใครรู้ได้ทำบาปแล้วมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย
    1. จิตตานุปัสสนา จิตไม่ฆ่าสัตว์ จิตก็เป็นโสดาปัตติมรรค จิตก็เป็นโสดาปัตติผล
    2. จิตตานุปัสสนา จิตไม่ลักทรัพย์ จิตก็เป็นพระสกิทาคามิมรรค จิตก็เป็นพระสกิทาคามิผล
    3. จิตตานุปัสสนา จิตไม่คิดมีผัวเมีย ออกบวช จิตก็เป็นพระอนาคามิมรรค จิต ก็เป็นพระอนาคามิผล
    4. จิตตานุปัสสนา จิตไม่กล่าวมุสาวาท จิตก็เป็นพระอรหัตมรรค จิตก็เป็นพระอรหัตผล อีกนัยหนึ่ง
    5. จิตไม่ฆ่าสัตว์ จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่หัวใจของเราทุกคน
    6. จิตไม่ลักทรัพย์ จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่หัวใจของเราทุกคน
    7. จิตออกบวช จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่หัวใจของเราทุกคน
    8. จิตไม่ขี้ปด จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่หัวใจของเราทุกคน
    หลวงปู่สอนว่า “ธรรมะคือ คำสอนของพระพุทธเจ้า พวกเรามองข้ามไปเสียหมด อยู่ที่ตัวของเรานี้เองมิใช่อื่น พุทธะคือผู้รู้ ก็ตัวของเรานี้ เองมิใช่ใครอื่น เช่นเดียวกันกับไข่ ไข่อยู่ข้างในของเปลือกไข่ ทำให้เปลือกไข่แตกเราก็ได้ไข่ พิจารณาร่างกายของเราให้แตก แล้วเราก็จะได้ธรรมะ” หรือ.......
    “ธรรมะจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการทำอะไรจริงจัง คือการตัดสินใจอย่างแน่นอนลงไป แล้วเลือกเฟ้นธรรมปฏิบัติอย่างแท้จริง ไม่นานหรอกเราก็จะได้พบสิ่งที่เราต้องการความกลัวทุกอย่างจะหายไปหมด
    ถ้าเราตัดสินใจอย่างใดแล้วคือเราต้องเป็นคนมีจุดมุ่งหมายอย่างหลวงตา นับตั้งแต่บวชมาได้ตัดสินใจปฏิบัติธรรมะอย่างแท้จริง จนทุกวันนี้ไม่เคยลดละเลยและท้อถอยเลย” หรือ........
    “นักธรรม นักกรรมฐานต้องมีนิสัยอย่างเสือโคร่ง คือ 1. น้ำจิตน้ำใจต้องแข็งแกร่งกล้าหาญไม่กลัวต่ออันตรายใด ๆ 2. ต้องเที่ยวไปในกลางคืนได้ 3. ชอบอยู่ในที่สงัดจากจน 4. ทำอะไรลงไปแล้วต้องมุ่งความสำเร็จเป็นจุดหมาย” หรือ.....
    “สัตว์เดรัจฉานมันดีกว่าคนตรงที่มันไม่มีมายา ไม่หลอกลวงใคร มีครูอาจารย์ก็คือคน เป็นสัตว์ที่น่ารักน่าสงสาร คนเราซิโง่เป็นพุทธะได้ แต่หลอกลวงตนเองว่าเป็นไม่ได้ ร่างกายก็มีให้พิจารณาว่าเป็นของเน่าเป็นของเหม็น แต่เราพิจารณาว่าเป็นของหอมน่ารัก โง่ไหมคนเรา”
    และเมื่อเทศน์จบลงท่านชอบถามผู้ฟังว่า “ฟังเทศน์หลวงตาดีไหม” คำถามเช่นนี้ ท่านบอกว่า หมายถึงการฟังธรรมครั้งนี้ได้รับความสงบเย็นของจิตไหม และเกิดสังเวชในความชั่วไหม?
    ท่านชอบตักเตือนเสมอว่าการปฏิบัติธรรมนั้นอย่างที่ท่านบูรพาจารย์ทั้งหลาย ดำเนินมานั้นท่านพยายามไม่ให้เกิดความเบื่อหมายในการปฏิบัติธรรม พยายามให้เกิดความสนใจในธรรมปฏิบัติอยู่เสมอ
    การที่เราเกิดความเบื่อหน่ายในธรรมปฏิบัตินี้เป็นการที่เราจะดำเนินไปไม่ได้ นาน และจะเป็นอันตรายต่อการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก แต่เกิดความสังเวชในธรรมบางอย่างนั้นเป็นการดีเพราะจะเป็นประโยชน์แก่เราผู้ ปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง แต่ถ้าเบื่อหน่ายในความชั่วไม่เป็นไร เพราะถ้าเบื่อหน่ายในความชั่วแล้วก็เร่งพยายามทำความดีต่อไป

    ปัจฉิมบท
    ในปี พ.ศ.2517 นับเป็นปีที่ 4 ที่ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ได้อยู่จำพรรษาที่วัดอรัญญวิเวกบ้านข่า แดนมาตุภูมิของท่าน ในพรรษานี้ใครเลยจะนึกว่า ท่านจะจากพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับ ก่อนเข้าพรรษาท่านเคยพูดเสมอว่า
    “ใครต้องการอะไรก็ให้เร่งรีบสร้างเอา คุณงามความดีทั้งหมดอยู่ที่ตัวของเราแล้ว ขันธ์ 5 นี้ เมื่อมันยังไม่แตกดับก็อาศัยมัน แตกดับแล้วก็อาศัยอะไรมันไม่ได้ ขันธ์ 5 ของหลวงตาก็จะดับแล้วเหมือนกัน”
    และบ่อยครั้งที่ท่านพูดว่า “ธาตุลมของหลวงตาได้วิบัติแล้ว บางครั้งมันเข้าไปแล้วก็ไม่ออกมา นานที่สุดจึงออกมา และเมื่อมันออกมาแล้วก็ไม่อยากจะเข้าไป”
    ท่านแสดงธรรมแต่ละครั้นนั้นนานมาก ท่านได้สงเคราะห์ทั้งวัตถุธรรมและนามธรรม ท่านได้ให้อะไรสารพัดอย่าง บางครั้งท่านได้หยุดในระหว่างเทศน์ เมื่อเทศน์จบลงแล้วท่านบอกว่า
    “ขันธ์ 5 จะดับแล้ว ธาตุลมวิบัติแล้ว” จึงได้กราบเรียนถามท่านว่า “ท่านหลวงตาไม่เหนื่อยหรือ?”
    ท่านบอกว่า “ขันธ์ 5 จะได้หยุดการแสดงธรรมเหมือนกัน แต่ถ้าจิตไม่หยุดมันก็หยุดไม่ได้ การแสดงธรรมเป็นหน้าที่ของเราเกิดมาเพื่อทำประโยชน์ทั้งนั้นได้ความดีแล้วก็ ต้องทำความดี เพื่อความดีอีก คนเกิดมารู้จัก พุทโธ ธัมโม สังโฆ จึงจะเป็นคน ไม่ใช่สัตว์ เราต้องรู้จักพระธรรมให้ดีที่สุด” จึงจะเรียกได้ว่า พระมหาเปรียญ พระนักธรรม พระกรรมฐา
    เช้าวันที่ 19 กรกฎาคม 2517 ท่านฉันเช้าตามปกติแต่ก็ไม่มากนัก สังเกตดูอาการท่านเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียมากทีเดียว นับแต่เวลาเช้าไปท่านพักผ่อนเล็กน้อย แสดงธรรมตลอดแต่พูดเบามาก
    ขณะที่ท่านกำลังเทศน์อยู่นั้น มีพระภิกษุสามเณรจากต่างจังหวัดมาถวายสักการะและรับฟังโอวาท ท่านให้ลูกศิษย์ช่วยพยุงลุกขึ้นนั่ง เมื่อลุกขึ้นนั่งแล้วท่านพูดว่า “สังขารไม่เที่ยง หลวงตาเกิดมาก่อน ก็ต้องไปก่อนตามธรรมดา” ท่านเทศน์ประมาณ 15 นาที คณะสงฆ์นั้นก็ลากลับไป
    ขณะนั้นเวลาประมาณ 16 นาฬีกา ท่านเหนื่อยมากที่สุด พูดเบามาก ท่านบอกว่า “ลมวิปริตแล้ว ไม่มีแล้ว”
    จานกนั้นท่านได้ให้พรลูกศิษย์ว่า
    “พุทุโธ สุโข ธมฺโม สุโข สงฺโฆ สุโข จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ”
    แล้วท่านก็หัวเราะแล้วยิ้มให้ลูกศิษย์ อันเป็นลักษณะเดิมของท่าน แสดงว่าท่านมีอารมณ์ดี ไม่สะทกสะท้านต่ออาการที่เกิดขึ้น
    ในขณะนั้นมีท่านอาจารย์อุ่น ท่านอาจารย์วาน และพระภิกษุสามเณรหลายสิบรูปเฝ้าดูอาการของท่านด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
    แม้ท่านจะเหนี่อยมาสักปานใดก็ตาม แต่ท่านก็ยังพูดอยู่เรื่อย ๆ ถึงเสียงจะเบา แต่ก็พอฟังรู้เรื่องว่า ท่านพูดว่าอะไร
    วาระสุดท้ายท่านพูดว่า
    “ธาตุในหลวงตาวิปริตแล้ว”
    จากนั้นท่านไม่พูดอะไรอีกเลยกิริยาอาการทุกอย่างสงบเงียบทุกคนแน่ใจว่า หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ได้ถึงมรณภาพแล้ว เวลา 19 นาฬิกาเศษ ท่ามกลางสานุศิษย์ ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ด้วยความอาลัยยิ่ง แต่เชื่อมั่นเหลือเกินว่า ท่านได้ไปสันติสุขที่สุดแล้วสิริรวมอายุได้ 86 ปี

    **************

    ที่มาจาก http://www.larndham.net ขอบคุณอย่างสูงครับที่มาข้อมูลและประวัติหลวงปู่ครับ
    [FONT=Tahoma,] เหรียญหลวงปู่ตื้อ

    คอลัมน์ เปิดตลับพระใหม่


    <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="360"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="#e0e0e0" valign="top">[​IMG]
    </td></tr></tbody></table>'หลวง ปู่ตื้อ อจลธัมโม' พระเกจิอาจารย์กัมมัฏฐานชื่อดังรูปหนึ่งของเมืองไทย อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าอรัญญวิเวก ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ท่านเป็นศิษย์สืบสายธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์แห่งพระป่า

    หลวง ปู่ตื้อ ยังเป็นสหธรรมิกหลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่, หลวงปู่ขาว อนาโย วัดถ้ำกลองเพล จ.หนอง บัวลำภู และหลวงปู่สิงห์ สมิทธิวิจารย์ วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา อีกด้วย

    หลวงปู่ตื้อ ยังได้รับการยกย่องเป็นพระเกจิที่มีวิทยาคมรูปหนึ่ง

    ท่านมีนามเดิมว่า ตื้อ ปาลิปัตต์ เกิดในตระกูลชาวนา เมื่อวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2431 ที่บ้านข่า ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

    อุปสมบท วัย 21 ปี ฝ่ายมหานิกาย เมื่อปี พ.ศ.2452 นาน 19 ปี มีหลวงปู่คาร คันธิโย เป็นพระอุปัชฌาย์ ก่อนญัตติเป็นฝ่ายธรรมยุต มีพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์

    ท่านได้ละสังขาร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2517 สิริอายุ 86 ปี 65 พรรษา ภายหลังการปลุกเสกวัตถุมงคลรุ่นสุดท้าย ก่อนกลับสู่มาตุภูมิได้ 4 ปี สร้างความเศร้าสลดแก่สาธุชน

    ทั้งนี้ ก่อนที่หลวงปู่ตื้อจะมรณภาพได้ 1 ปี ในปี พ.ศ.2516 กองบัญชาการทหารสูงสุดได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นเป็น "เหรียญหลวงปู่ตื้อ รุ่น พ.ศ.2516" มีวัตถุประสงค์เพื่อไว้แจกจ่ายกำลังพลกองบัญชาการทหารสูงสุด

    เซียนพระเรียกขานเหรียญรุ่นนี้ว่า "เหรียญหลังบาตร"

    ลักษณะเป็นเหรียญรูปไข่ มีหูห่วง ขอบเหรียญมีเส้นสันนูน จัดสร้างเป็นเนื้อทองแดงรมดำ แต่ไม่ทราบจำนวนที่จัดสร้างแน่ชัด

    ด้าน หน้าเหรียญ ตรงกลางเหรียญมีรูปเหมือนหลวงปู่ตื้อเต็มองค์ ห้อยลูกประคำนั่งท่าขัดสมาธิบนอาสนะ บริเวณอังสะตอกโค้ดตัว "ต" คล้ายเลข ๓ ไทย หมายถึง "ตื้อ" ด้านล่างสลักตัวหนังสือคำว่า "หลวงพ่อตื้อ อจลธมฺโม"

    ด้าน หลังเหรียญ มีเส้นสันขอบหนา ใต้หูห่วงมีชุดอัฐบริขาร ประกอบด้วย บาตร ร่ม และกาน้ำ ถัดลงมาสลักอักขระ 3 บรรทัด ใกล้ขอบเหรียญจากซ้ายไปขวาสลักตัวหนังสือคำว่า "วัดป่าอรัญญวิเวก บ้านข่า ต.ท่าบ่อ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม"

    เหรียญรุ่นนี้ หลวงปู่ตื้ออธิษฐานปลุก เสกเดี่ยว พร้อมเหรียญชนิดกลมรุ่นแรก ที่โรงเรียนจ่าอากาศดอนเมืองจัดสร้าง

    เหรียญรุ่นดังกล่าว มีพุทธคุณโดดเด่นครบรอบด้าน ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง

    ราคาเช่าหาในปัจจุบันอยู่ระหว่าง 5,000-6,000 บาท ตามสภาพความคมชัด

    ปัจจุบันนี้วัตถุมงคลรุ่นนี้หาได้ยากแล้ว

    ขอบคุณข้อมูลอย่างสูงจากหนังสือพิมพ์ข่าวสดครับ
    [/FONT]

    เหรียญหลวงปู่ตื้อ อจรธัมโม วัดป่าอรัญวิเวก หนองคายพระอภิญญาสายหลวงปู่

    มั่นสหธรรมิกหลวงปู่แหวน หลวงปู่สิม ครับ สภาพเหรียญสวยเดิมๆคมชัดทุกเหรียญครับ

    ให้บูชาเหรียญละ 350 บาทครับ มี 10 เหรียญครับ

    จะถยอยลงให้ชมครับจองได้เลยครับ เหลือ 3 เหรียญครับ

    เหรียญที่ 1
    [​IMG] [​IMG]
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,423
    ค่าพลัง:
    +21,326
    พระสมเด็จศูนย์การทหารม้าค่าอดิศร ปี2514 สระบุรี

    พระสมเด็จแท้ๆมวลสารสมเด็จเก่าและผงพุทธคุณรวมครูบาอาจารย์แห่งยุคครับ

    สายภาคกลาง หลวงพ่อกวย หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อมุ่ย หลวงพ่อนอ หลวงพ่อ

    ตาบ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค

    สายเหนือครูบาวังวัดบ้านเด่น หลวงพ่อปี้ ด่านลานหอย

    สายใต้พระอาจารย์นำ ดอนสาลา

    สายอีสาน หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง อ.วัน อุตโม หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ


    และรายนามครูบาอาจารย์อีกหลายท่านทั่วประเทศในยุคนั้นครับ

    ถ้าท่านอยากได้พระสมเด็จที่หลวงพ่อพรหม วัดช่องแคอธฺฐานจิต องค์นี้ท่ามา

    ครับ หลวงพ่อกวยมาครับ ทุกองค์วัตถุมงคลของท่านศิษย์ล้วนปราถนา

    พระชุดนี้ไมมีนายทุนสร้าง ไม่มีโฆษณา ทำเพื่อการกุศลล้วนๆ เจตนาดี

    พระสร้า้งมา 40 ปีเนื้อหามวลสารเต็มเปรี่ยมพระสร้างยุคใหม่ๆยังมีอัตราบูชาสูง

    กว่าหลายเท่า ชุดนี้ผมได้จากท่านที่เก็บไว้นานแล้วน่าจะมีเยอะเป็นอันดับต้นๆ

    ส่งเข้าประกวดพระเครื่องวันนี้ก็ติดรางวัลถ้าท่านอยากได้พระสมเด็จมวลสารดีๆ

    พิธีดีๆที่หน่วยงานราชการสรา้งเพื่อปกป้องคุ้มครองทหารหาญบารมีสมเด็จพระ

    เจ้าตากสินมหาราชและครูบาอาจารย์ทุุกๆท่าน สมเด็จไม่เสร็จทุกรายแน่นอน

    ครับ เนื่องด้วยพระชุดนี้เป็นพระชุดเก่าที่เก็บไว้นานบางองค์มีคราบปลวก แตก

    บิ่นบ้างเล็กน้อยแต่ไม่โดนองค์พระ พระชุดนี้ผมได้มาร่วม 30 องค์แต่มีคนแบ่ง

    บูชาไปแล้วบางส่วน ที่อื่นจะให้บูชาเท่าไหร่ผมไม่ทราบนะครับผมอาจสูงกว่า

    หรือต่ำกว่า แต่ชุดนี้รับประกันล้าน%

    พระสมเด็จชุดนี้หลังจากพิธีอธิฐานมีการตรวจพุทธคุณ พุทธคุณเด่นด้านเมตตา

    โชคลาภ แคล้วคลาด ลองดูในกระดาษจากหน่วยงานราชการที่ผมนำมาลงครับ

    ไม่ได้เขียนเองอุปโลกเองครับฟอนด์ตัวหนังสือก็มาจากพิมพ์ดีดสมัยเก่าครับ

    พระชุดนี้ไม่มีใครเชียร์เพราะว่านายทุนไม่มีอยู่ในมือส่วนมากจะตกอยู๋กับข้า

    ราชการทหารในยุคนั้นและเอาไว้แจกทหารหาญเวลาไปราชการชายแดน

    ให้บูชาองค์ละ 380 บาททุกองค์ครับค่าจัดส่งEMS50บาทเลือกบูชาก่อนได้องค์สวยไปก่อนครับแบ่งได้ 8 องค์ก่อนครับรีบเก็บบูชาช้าแล้วท่านจะพลาดของดีแน่นอนครับ





    [​IMG] [​IMG]


    องค์ที่ 1

    [​IMG]

    [​IMG]


    องค์ที่ 2
    [​IMG]

    [​IMG]


    องค์ที่ 3(ปิดรายการ)
    [​IMG]

    [​IMG]

    องค์ที่ 4(ปิดรายการครับ)

    [​IMG]

    [​IMG]
    องค์ที่ 5(ปิดรายการ)


    [​IMG]

    [​IMG]

    องค์ที่6(ปิดรายการ)

    [​IMG]

    [​IMG]

    องค์ที่7

    [​IMG]

    [​IMG]

    องค์ที่8(ปิดรายการ)

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2011
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,423
    ค่าพลัง:
    +21,326
    พระผงนั่งตั๋ง หลวงปู่หมุน วัดป่าหนองหล่ม สระแก้ว

    พระผงนั่งตั๋ง หลวงปู่หมุน วัดป่าหนองหล่ม สระแก้วพิธีเดียวกับพระกริ่งเจริญลาภ

    ครับและพิธีของวัดพระไม่สวยปิ่นตามขอบมุมแต่ไม่ถึงองค์พระครับ

    ให้บูชา 250 บาทค่า่จัดส่งEMS 50 บาทครับมี 8 องค์เลือกก่อนได้ก่อนครับ

    องค์ที่ 1(ปิรายการ) ท่าน zaf จองครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    องค์ที่ 2


    [​IMG]


    [​IMG]

    องค์ที่ 3

    [​IMG]

    [​IMG]


    องค์ที่ 3

    [​IMG]


    [​IMG]



    องค์ที่ 4


    [​IMG]
    [​IMG]

    องค์ที่ 6
    [​IMG]

    [​IMG]
    องค์ที่ 7(ปิดรายการ)

    [​IMG]

    [​IMG]
    องค์ที่ 8
    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2011
  12. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,968
    ค่าพลัง:
    +5,381
    พระสมเด็จศูนย์การทหารม้าค่าอดิศร ปี2514 สระบุรี<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->พระสมเด็จแท้ๆมวลสารสมเด็จเก่าและผงพุทธคุณรวมครูบาอาจารย์แห่งยุคครับ

    สายภาคกลาง หลวงพ่อกวย หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อมุ่ย หลวงพ่อนอ หลวงพ่อ

    ตาบ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค

    สายเหนือครูบาวังวัดบ้านเด่น หลวงพ่อปี้ ด่านลานหอย

    สายใต้พระอาจารย์นำ ดอนสาลา

    สายอีสาน หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง อ.วัน อุตโม หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ


    และรายนามครูบาอาจารย์อีกหลายท่านทั่วประเทศในยุคนั้นครับ

    ถ้าท่านอยากได้พระสมเด็จที่หลวงพ่อพรหม วัดช่องแคอธฺฐานจิต องค์นี้ท่ามา

    ครับ หลวงพ่อกวยมาครับ ทุกองค์วัตถุมงคลของท่านศิษย์ล้วนปราถนา

    พระชุดนี้ไมมีนายทุนสร้าง ไม่มีโฆษณา ทำเพื่อการกุศลล้วนๆ เจตนาดี

    พระสร้า้งมา 40 ปีเนื้อหามวลสารเต็มเปรี่ยมพระสร้างยุคใหม่ๆยังมีอัตราบูชาสูง

    กว่าหลายเท่า ชุดนี้ผมได้จากท่านที่เก็บไว้นานแล้วน่าจะมีเยอะเป็นอันดับต้นๆ

    ส่งเข้าประกวดพระเครื่องวันนี้ก็ติดรางวัลถ้าท่านอยากได้พระสมเด็จมวลสารดีๆ

    พิธีดีๆที่หน่วยงานราชการสรา้งเพื่อปกป้องคุ้มครองทหารหาญบารมีสมเด็จพระ

    เจ้าตากสินมหาราชและครูบาอาจารย์ทุุกๆท่าน สมเด็จไม่เสร็จทุกรายแน่นอน

    ครับ เนื่องด้วยพระชุดนี้เป็นพระชุดเก่าที่เก็บไว้นานบางองค์มีคราบปลวก แตก

    บิ่นบ้างเล็กน้อยแต่ไม่โดนองค์พระ พระชุดนี้ผมได้มาร่วม 30 องค์แต่มีคนแบ่ง

    บูชาไปแล้วบางส่วน ที่อื่นจะให้บูชาเท่าไหร่ผมไม่ทราบนะครับผมอาจสูงกว่า

    หรือต่ำกว่า แต่ชุดนี้รับประกันล้าน%

    พระสมเด็จชุดนี้หลังจากพิธีอธิฐานมีการตรวจพุทธคุณ พุทธคุณเด่นด้านเมตตา

    โชคลาภ แคล้วคลาด ลองดูในกระดาษจากหน่วยงานราชการที่ผมนำมาลงครับ

    ไม่ได้เขียนเองอุปโลกเองครับฟอนด์ตัวหนังสือก็มาจากพิมพ์ดีดสมัยเก่าครับ

    พระชุดนี้ไม่มีใครเชียร์เพราะว่านายทุนไม่มีอยู่ในมือส่วนมากจะตกอยู๋กับข้า

    ราชการทหารในยุคนั้นและเอาไว้แจกทหารหาญเวลาไปราชการชายแดน

    ให้บูชาองค์ละ 380 บาททุกองค์ครับค่าจัดส่งEMS50บาทเลือกบูชาก่อนได้องค์สวยไปก่อนครับแบ่งได้ 8 องค์ก่อนครับรีบเก็บบูชาช้าแล้วท่านจะพลาดของดีแน่นอนครับ

    ขอจององค์ที่ ๓ และ ๕ ครับ
     
  13. zaf

    zaf เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    477
    ค่าพลัง:
    +1,711
    จององค์ที่1ค่ะ
    พระผงนั่งตั๋ง หลวงปู่หมุน วัดป่าหนองหล่ม สระแก้ว<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->ให้บูชา 250 บาทค่า่จัดส่งEMS 50 บาทครับมี 8 องค์เลือกก่อนได้ก่อนครับ

    องค์ที่ 1

    [​IMG]
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,423
    ค่าพลัง:
    +21,326
    หลวงปู่คำบุ กุดชมพู อุบลราชธานี

    ขุนแผนรุ่นแรกของวัดหลวงปู่คำบุ กุดชมพู อุบลราชธานี ได้มาจากคนที่ไปทำบุญ

    ที่วัดมาสมัยก่อนเขาบอกว่าเป็นของวัดราวๆปี2552 ผมไม่ใช้สายตรงไม่ทราบข้อ

    เท็จจริงแต่คนที่ได้มาไปบูชามาจากวัดเนื้อว่านมวลสารมีกลิ่นว่านยาอยู่ด้วยครับ

    คนที่บูชามาเขาบอกว่าหลวงปู่ท่านมีชื่อคนอุบลรู้กันว่าด้านเมตตาค้าขายครับสภาพ

    พระสวยเดิมๆเลยครับ

    ให้บูชา 400 บาทค่า่จัดส่งEMS 50 บาทครับ(ปิดรายการ)

    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2011
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,423
    ค่าพลัง:
    +21,326
    หลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทานรชดำริ บุรีรัมย์

    เหรียญและตะกรุดหลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทานรชดำริ บุรีรัมย์สภาพผ่านการบูชา

    ให้บูชา 220 บาทค่า่จัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,423
    ค่าพลัง:
    +21,326
    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่

    เหรียญหลวงปู่แหวนธนาคารสร้า้งและเหรียญพระสยามเทวาธิราชหลวงปู่แหวน

    อธิฐานจิต

    ให้บูชาคู่กัน2องค์ครับ 250 บาทค่า่จัดส่ง EMS 50 บาทครับ(ปิดรายการ)


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2011
  17. zaf

    zaf เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    477
    ค่าพลัง:
    +1,711
    จองค่ะ โอนพร้อมพระผงหลวงปู่หมุนนะคะ

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->เหรียญหลวงปู่แหวนธนาคารสร้า้งและเหรียญพระสยามเทวาธิราชหลวงปู่แหวน

    อธิฐานจิต

    ให้บูชาคู่กัน2องค์ครับ 250 บาทค่า่จัดส่ง EMS 50 บาทครับ


    [​IMG]

    [​IMG]
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,423
    ค่าพลัง:
    +21,326
    หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม สิงห์บุรี

    เหรียญหลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม สิงห์บุรี รุ่นนี้เจตนาการสร้า้งดีครับอ่านดูที่เหรียญ

    ครับ เก็บได้เลยครับเหรียญหลวงพ่อจวนนี้ไม่ธรรมดาครับ ท่านเอากายเนื้อไปที่

    จุฬามณี หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยเล่าให้ลูกศิษย์ฟังครับเคยไปเจอท่านครับ

    ให้บูชา 100 บาทค่า่จัดส่ง EMS 50 บาทครับ
    [​IMG] [​IMG]
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,423
    ค่าพลัง:
    +21,326
    หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม จันทบุรี

    เหรียญหลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม จันทบุรี แต่ออกวัดดบึงสัมพันธ์ อุตรดิตย์

    ปี2529 สายกรรมฐานหลวงปู่มั่นครับ

    ให้บูชา 100 บาทค่า่จัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,423
    ค่าพลัง:
    +21,326
    หลวงปู่หลวง วัดป่าสำราญนิวาส ลำปาง

    เหรียญหลวงปู่หลวง วัดป่าสำราญนิวาส ลำปางสายกรรมฐานหลวงปู่มั่นอีกท่าน

    หนึ่งครับ

    ให้บูชา 100 บาทค่า่จัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...