อัปนาสมาธิไม่รุ้สึกตัว (จริงหรือ)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย คณะโลกอุดร, 21 เมษายน 2011.

  1. คณะโลกอุดร

    คณะโลกอุดร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +5
    ผมได้เข้าห้องแชทไปคุยกับคนๆนึงเขาบอกว่าอัปนาจะไม่รู้ตัวและเป็นอรูปฌาน แต่ความจริงไม่ใช่ สมาธิมี ขณิกสมาธิ อุปจาระสมาธิ และอัปนาสมาธิ อัปนามันก็ฌานสี่นี่เองมันก็ต่อวิปัสสะนาได้
    กสิณถึงฌานสี่ก้ต่อวิปัสสะนาได้ แต่คนไม่เคยทำก็เถียงว่าทำไม่ได้ คนที่เขาว่าอัปนาไม่รู้ตัว ไม่จริง หลวงปู่เทพโลกอุดรกล่าวไว้ว่า อานาปานสติเป็นมหาสติ เพราะได้ดูกายในกาย พิจารณากาย ดูกายว่ามันมีไหมเมื่อกายไม่มีมีแต่ธาตุ4สักกายทิฏฐิก็หลุดไปจัดเป็นนิพพานครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ สติก็แปลว่ารู้แล้วจะไม่รู้ตัวได้อย่างไร
    ผมศึกษามาขอ ให้ครูบาอาจารย์ ฝ่ายพระ ฝ่ายพรหม ฝ่ายเทพ เทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยาน ขอพระแม่ธรณีเป็นพยาน ทั่วทั้ง 32ชั้นเป็นพยานอัปนาสมาธิไม่ใช่อรูปฌานอย่างที่เขาว่าเหมือนกับidที่เข่าเรียกกันว่า โชแปง หรืออะไรเนี่ยอัปนายังรู้ตัวแต่มันดับมโนสัมผัสมโนสัมผัสชาเวทนาไม่เกิดมันยังรู้ตัว รู้ตัวดีและเกิดปัญญาหรือใครจะว่าอย่างไรครับ
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    อัปปนาสมาธิ ที่ มีปัญญาร่วมด้วย ย่อมรู้ตัวเสมอ
    ถ้าไม่รู้ตัว นั่นมันตกภวังค์ เป็น มิจฉาสมาธิ
     
  3. คณะโลกอุดร

    คณะโลกอุดร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +5
    ลูกผู้ชายพูดแล้วขอพูดเลยหากใครเข้ามาอ่านแล้วไม่พอใจต่อว่ายังไงก็ไม่ขอเปลี่ยนแปลง
     
  4. suthipongnuy

    suthipongnuy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,428
    ตามที่ผมรู้ อรูปฌานทั้ง 4 ขั้นของสมาธิ ก็อยู่ในระดับอัปปานาสมาธิ (ฌาน4)

    ผิดถูกประการใด ขออโหสิกรรมด้วยครับ
     
  5. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    อาจจะไม่รู้เรื่อง แต่อาจจะรู้ตัวน่ะ

    รู้ว่าเป็นยังไง แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร เรียกว่ายังไง...
     
  6. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    ความรู้สึกจมดิ่งลึกเหมือนทะเลหรือลอยดิ่งในอวกาศที่ไม่มีขอบเขต เสียงหายไป..ลมหายใจสั้นเบาบางจนแทบไม่มีลมหายใจ..อาการทุกข์จากความเมื่อยเมื่อยหายเป็นปลิดทิ้ง เหมือนไม่มีร่างกาย..ความคิดปรุงในจิตก็หายไป ยังกะสมองหยุดทำงานแต่ยังรู้ตัวอย่างบางเบา อยู่อันนี้ไช่รึเปล่าเสียดายที่ไม่ถึงนาที.รู้แต่ว่าสงบสุขใจมากหลังจากที่ออกมารู้สึกพอใจในสภาวะนั้นมาก ผิดถูกอย่างไรขออภัยด้วยนะครับ
     
  7. Darkever

    Darkever เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2011
    โพสต์:
    450
    ค่าพลัง:
    +333
    ถ้ามันนิ่งเกินไป จิตมันแน่วนิ่งอยู่
    มันจะเอาอะไรไปคิด ตัวปัญญามันก็คิดไม่ได้เกิดไมได่้
    แต่มันเป็นกำลัง ใช้ให้จิตคิดได้ดี ถ้านิ่งแล้วยังคิดได้ก็ใช้ปัญญาได้
    ถ้านิ้งแล้วมันโง่ มันคิดอะไรไมได่้ ก็ถอนออกมานิดหน่อย
    ถอยจิตออกมาพอที่จะคิดได้ แล้วก็คิดพิจารณา นั้นแหละ

    ลองคิดดู ถ้าสมาธิแกร่งจนจิตมันนิ่งมาก มันก็คิดอะไรไม่ได้เลย
    อันนี้ต้องถอนออกมา นิดหน่อย พอจิตถอนตัวออกมา มันเริ่มนึกคิดได้
    ก็พิจารณา ให้เกิดปัญญา
    แต่ในบางกรณีที่สมาธิสงบ แต่ไม่มากเกินๆไป พอที่จิตยังไหวตัวนึกคิดได้
    ก็พิจารณาไปเลย ให้เกิดปัญญา ไม่ต้องถอนออกมา

    เรื่องอัปนาสมาธิ มันหมายรวมสมาธิทั้งหมด เพราะอัปนา แปลว่า จิตสงบ
    ไม่ได้เจาะจงว่าอรูปฌาน คนที่พูดเจาะจงว่าเป็นอรูปฌานมันบ้าบอ
    และไอ้คนที่บอกว่าอัปนาสมาธิแล้วไม่มีปัญญามันก็บ้าบอ
    อัปนาสมาธิ ไม่มีปัญญา แต่อัปนาสมาธิสร้างปัญญาได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2011
  8. Darkever

    Darkever เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2011
    โพสต์:
    450
    ค่าพลัง:
    +333
    น้องทศพร ไม่มีไครเค้าเข้ามาเถียงหรอก
    ที่ขียนๆมา เค้ารู้ว่ามันเป็นยังไง
    เค้าเข้ามาร่วมกันอธิบายให้กระจ่าง
    จริงๆที่ระยองเค้าก็มีพระเก่งวิปัสนาเยอะ
    นายก็ลองๆไปถามคำถามนี้กับพระดู
    อาจจะเข้าใจกระจ่าง
    อย่ามีมานะ ถือว่าเราดีกว่าเค้า
    อย่ามีมานะ ถือว่าเราเลวกว่าเค้า
    อย่ามีมานะ ถือว่าเราเสมอเค้า
     
  9. อศูนย์น้อย

    อศูนย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +495
    อนุโมทนาด้วยครับสภาวะนั้นหาอะไรมาเปลียบเปยได้ยาก ยิ่ง อารม์เบาๆ
    ของซิงกูล่า แต่จะเข้าได้ครั้งเดียวไม่มีครั้งที่สอง ใครบอกว่าเข้าได้สองครั้งขึ้นไป
    จบครับ พลาดแล้ว เพราะอะไรรู้ไหม่ เพราะอารม์นั้น เราไปด้วยความไม่รู้จึงเกิด
    ประภักษร ก็เพราะเป็นสิ่งที่แปลกไหม่มิเคยพบเจอ ที่ว่าเข้าได้ครั้งเดียวก็เพราะ ครั้งที่สองเรามีเครื่องรู้ไปด้วย คือเรามีสติตามมาติดๆ ผมจึงพูดว่าเข้าได้ครั้งเดียว
    ก็เพราะเพียงแค่ อารม์ ความรู้สึกเสมอเหมือนเท่านั้น...อย่าได้ท้ออย่าได้ถอย
    นะครับ มันเหลืออีกแค่นิดเดียวเท่านั้น สติที่เข้ามากำกับนั้นไม่มีทางหายไปไหน
    หลอกครับ ใจเราตะหางที่จะท้อเล็ก ถอยหน่อยๆ เพียงแค่ไม่ได้ย่างที่หวังไว้
    อุบาย หรือ วิธีที่หลอก ล่อ จักจูงจิตชักจูงใจมีมากมายพันหมื่น แค่เม็ดทราย
    เม็ดเดียว ก็แจ้งได้ถ้าไม่ขาดความเพียน ถ้าเข้าใจแล้ว ในเหตุนั้นๆ อารม์มันเบา
    บางลงเรื่อยๆ ตรงนี้และ ที่มันจะไม้คิดไม่นึก หรือไม่คาดหวังในสิ่งที่เราไม่รู้
    หรือสิ่งที่เกินตัว เพราะเราไม่อยากมีไม่อยากได้แล้ว เพียงแค่มองผ่าน
    ม่านหมอกบาง ที่กั้นระหว่า ความรู้ กับความไม่รู้ หรืออีกนัยนึง ก็เพียงแค่เราปล่อยไห้เป็นไปตาธรรมชาติ ตามปกติของคนทั่วไปเค้าทำกันโดยมี่เครืองรู้ติด
    ตามมา หรือแค่สนองความหยากตันหาอุปทานด้วยความไม่รู้ มันต่างกันนิด
    เดียวไม่มีใครหลอกที่รู้ เราก็คนกินข้าวหมือนกัน ตัวเรานี้และที่จะรู้ในรูปแบบ
    ของเราเองรู้ไห้แจ้งในเหตุและผลของสิ่งๆนั้น มันจะเริมเบาบาง ทีละนิ ทีละนิด
    ถ้าเข้าใจจริงง่ายนิดเดียว ก็แค่ปัจตัง เองและเบาบางลงเท่านั้นไม่หมดสักที
    ตัวผมเองมีปัญญาทำได้ก็แค่เบาบาง ไม่หมดไปสักที ^^ แล้วใครเล่าหลอ
    จะรู้ว่า ตัวตะหลก กับ มนุษช์หิน ต่างกันแค่นิดเดียว ที่กั้นกลาง นั้นก็ทราย
    เพียงเม็ดเดียว ทางโนนแย่งเม็ดทรายกันแทบเป็นแทบตายไขว่คว้าเป็นเจ้าเค้า
    เจ้าของ สุดท้ายก็เอาไปไม่ได้ สว่นท่างนี้ก็ยังหากันไม่เจอเพราะอะไรเหยีบย่ำ
    มองข้ามเพราะไม่รู้ ว่าคำตอบก็คือเม็ดทราย .... เราเข้าใจนะว่าท่านรู้ท่านเห็น
    และเคยเจอกับเม็ดทรายกันทั้งนั้น เอาแบบไห้ถ่องแท้ในสิ่งๆนั้นไปเลย ก็แค่ใช้
    สิ่งที่ติดตัวเรามาตามระลึกได้นี่และมากำกับ แล้วเราก็จะ เห้อ......^^
     
  10. เงาของจิต

    เงาของจิต สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2011
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4
    อัปนาสมาธิ คือ จิตสงบลงถึงฐานของจิต

    ถึงจิตเดิม ผู้เข้าถึงจะรู้ชัดถึงคำว่า ธาตุรู้เป็นเช่นไร สติแนบสนิทกับจิต รู้สึกตัวตลอดสาย ตั้งมั่น สักว่ารู้อย่างแท้จริง เหนือความหมาย เหนือคำบรรยาย ไร้สมมุติ

    คำที่ว่าไม่รู้สึกตัวนี่ไม่ใช่อัปนาสมาธิ แน่นอน
    ผู้ที่กล่าวว่าอัปนาสมาธิไม่รู้สึกตัว ผู้นั้นยังไม่เข้าถึงจิตสงบ และรู้จักจิตเดิม ยังเดินสะกดรอยตามรอยเท้าโคอยู่ .
     
  11. เงาของจิต

    เงาของจิต สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2011
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4
    ผู้ใดตามรอยเท้าโค จนพบตัวโคแล้ว.

    ใครจะว่า โคมีงวง โคเห่าโฮ่ง โฮ่ง ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้ ความเห็น ที่เขาผู้นั้น ได้รู้ ได้สัมผัส โคด้วยตนเองได้เลย เขาผู้นั้นจึงเป็นผู้รู้จักโค .
     
  12. NICKAZ

    NICKAZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +812
    อรูปฌานทั้งหลาย อาศัยกำลังของฌาน 4 เป็นพื้นฐานทั้งนั้นล่ะครับ เพียงแต่เปลี่ยนจากการยึดถือรูปเป็นอารมณ์ ไปเป็นการยึดถือส่งที่ไม่มีรูป (อรูป) เป็นอารมณ์แทนแค่นั้น
     
  13. ธรรมภัฎ

    ธรรมภัฎ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +734
    ผมได้เข้าห้องแชทไปคุยกับคนๆนึงเขาบอกว่าอัปนาจะไม่รู้ตัวและเป็นอรูปฌาน แต่ความจริงไม่ใช่ สมาธิมี ขณิกสมาธิ อุปจาระสมาธิ และอัปนาสมาธิ อัปนามันก็ฌานสี่นี่เองมันก็ต่อวิปัสสะนาได้

    ขั้นของอัปปณาจิตมีความสงบแน่วแน่ รู้ตัวแน่นอน แต่รู้ตัวแบบมีสติ ความเป็นอุเบกขาธรรมมันดันเอาไว้อยู่ เลยเหมือนรู้สึกไม่รู้สึกอะไร คนที่ได้ใหม่ๆอาจจะยังจับทางของอารมณ์ไม่ถูก นานๆไปเดี๋ยวก็รู้เอง ว่ามันมี มันอยู่ แต่มีและอยู่อย่างมีสติด้วยอุเบกขาธรรม

    หากจะเดินเข้าสู่อรูปแล้ว ถ้าไม่รู้สึกตัวว่าอยากเข้า อยากตัดรูป เพิกถอนการมีรูป แล้วมันจะเดินจิตตัดรูปได้หรอ เพราะแค่ฌานสี่มันก็รู้สึกตันๆแล้วนะ ดังนั้นต้องใช้จิตเพิกถอนรูปก่อนแล้วค่อยเดินจิตเข้าสู่อรูปได้

    กสิณถึงฌานสี่ก้ต่อวิปัสสะนาได้ แต่คนไม่เคยทำก็เถียงว่าทำไม่ได้

    ถ้าจะต่อวิปัสสนาต้องถอยกำลังของฌานลงมาที่อุปจาระก่อน แล้วค่อยพิจารณา ไม่ว่าจะมาแบบกสิน จับลมหายใจ จับคำภาวนาก็ตามแต่ เพราะเมื่อท่านมีกำลังจากการเข้าฌานมาก่อนแล้ว จะช่วยให้นิวรณ์ถูกระงับไปชั่วขณะ ช่วยให้ง่ายต่อการพิจารณาองค์ธรรมที่ตั้งไว้

    คนที่เขาว่าอัปนาไม่รู้ตัว ไม่จริง หลวงปู่เทพโลกอุดรกล่าวไว้ว่า อานาปานสติเป็นมหาสติ เพราะได้ดูกายในกาย พิจารณากาย ดูกายว่ามันมีไหมเมื่อกายไม่มีมีแต่ธาตุ4สักกายทิฏฐิก็หลุดไปจัดเป็นนิพพานครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ สติก็แปลว่ารู้แล้วจะไม่รู้ตัวได้อย่างไร

    อัปปณารู้ตัวทุกอย่าง เพราะสติครบสมบรณ์ ถ้าไม่มีสติครบแล้วจะเรียกความแน่วแน่ได้อย่างไร
    อานาปาณสติเป็นมหาสติ อันนี้เห็นสมควรด้วยทุกประการ

    ผมศึกษามาขอ ให้ครูบาอาจารย์ ฝ่ายพระ ฝ่ายพรหม ฝ่ายเทพ เทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยาน ขอพระแม่ธรณีเป็นพยาน ทั่วทั้ง 32ชั้นเป็นพยานอัปนาสมาธิไม่ใช่อรูปฌานอย่างที่เขาว่าเหมือนกับidที่เข่าเรียกกันว่า โชแปง หรืออะไรเนี่ยอัปนายังรู้ตัวแต่มันดับมโนสัมผัสมโนสัมผัสชาเวทนาไม่เกิดมันยังรู้ตัว รู้ตัวดีและเกิดปัญญาหรือใครจะว่าอย่างไรครับ

    เจริญธรรม
     
  14. suthipongnuy

    suthipongnuy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,428
    สวัสดีครับท่าน NICKAZ ไม่ได้เจอกันนานเลย ตอนนี้ใกล้แล้วหรือยังครับ
    ส่วนผมตอนนี้สาละวันเตี้ยลงๆ ทุกวันนี้แค่ทำตัวให้มีสติยังยากมากเลยครับ
    จะไปหวังสมาธิ วิปัสสนา คงไ่ม่ไหว :'(
     
  15. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    คณะโลกอุดร

    ผมได้เข้าห้องแชทไปคุยกับคนๆนึงเขาบอกว่าอัปนาจะไม่รู้ตัวและเป็นอรูปฌาน แต่ความจริงไม่ใช่

    ค่ะ ทั้งรูปฌาณ และอรูปฌาณ ก็จัดเป็น อัปนาสมาธิเหมือนกัน

    สมาธิมี ขณิกสมาธิ อุปจาระสมาธิ และอัปนาสมาธิ อัปนามันก็ฌานสี่นี่เองมันก็ต่อวิปัสสะนาได้
    กสิณถึงฌานสี่ก้ต่อวิปัสสะนาได้ แต่คนไม่เคยทำก็เถียงว่าทำไม่ได้

    อัปนาสมาธิ นี่ฌาณ ๔ อย่างเดียว เหรอคะ การต่อวิปัสนาญาณ ไม่จำเป็นต้องถึงฌาณ ๔ นะคะ

    คนที่เขาว่าอัปนาไม่รู้ตัว ไม่จริง

    จริงนะคะ ถ้าคิดว่าอัปนาสมาธิ นี่คือฌาณ ๔ (แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ ฌาณ ๔ อย่างเดียว นะคะ) ที่ว่าไม่รู้ตัวเพราะ คนพูดเขาคงทำได้ จริง ๆ เค้าถึงรู้ เพราะถ้าเราเข้าถึงฌาณ ๔ กายหรือตัวตน จะไม่รู้ จะรู้แต่จิต คือ กายกับจิต จะแยกกันเด็ดขาด ฉะนั้น ถ้าจิตถึงฌาณ ๔ จะไม่รู้ตัว นะคะ (เหลือสุข กับเอกคัตตา)

    หลวงปู่เทพโลกอุดรกล่าวไว้ว่า อานาปานสติเป็นมหาสติ

    เป็นกรรมฐาน ๔๐ ด้วยนะคะ ในอนุสสติ ๑๐ แล้วท่านกล่าวไว้ที่ใหน ทำไม่ ไม่เชื่อพระธรรมคำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้า ล่ะคะ

    เพราะได้ดูกายในกาย พิจารณากาย ดูกายว่ามันมีไหมเมื่อกายไม่มีมีแต่ธาตุ4สักกายทิฏฐิก็หลุดไปจัดเป็นนิพพานครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ สติก็แปลว่ารู้แล้วจะไม่รู้ตัวได้อย่างไร

    รู้ที่จิต นะคะ ไม่ได้รู้ที่ตัว

    ผมศึกษามาขอ ให้ครูบาอาจารย์ ฝ่ายพระ ฝ่ายพรหม ฝ่ายเทพ เทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยาน ขอพระแม่ธรณีเป็นพยาน ทั่วทั้ง 32ชั้นเป็นพยาน

    ศึกษาให้ละเอียด ก่อนนะ จะเป็นการประจาน ตัวเอง และ 32 ชั้นนี่อะไรคะ มีอะไรบ้าง อย่ามั่ว ซิคะ อย่าบอกนะ ว่าจะเอาอบายภูมิ มาเป็นพยานด้วย

    อัปนาสมาธิไม่ใช่อรูปฌานอย่างที่เขาว่า

    อรูปฌาณ นี่ก็จัดเป็น อัปนาสมาธิ นะคะ เหมือนแม่น้ำ ปิง วัง ยม น่าน ก็เป็นแม่น้ำเหมือนกัน ควรจะตั้งกระทู้ถาม ไม่ใช่ตั้งกระทู้โชว์

    เหมือนกับidที่เข่าเรียกกันว่า โชแปง หรืออะไรเนี่ยอัปนายังรู้ตัวแต่มันดับมโนสัมผัสมโนสัมผัสชาเวทนาไม่เกิดมันยังรู้ตัว รู้ตัวดีและเกิดปัญญาหรือใครจะว่าอย่างไรครับ

    ท่านเอง ยังคงต้องศึกษา ให้เข้าใจก่อน เพราะที่ถามนี่ แสดงว่า ท่านและคณะของท่าน ก็ยังไม่รู้ นะคะ

    มานะ ยังเต็มตัว ท่านยังไม่ได้อะไร กับผลการปฏิบัติ ถ้ารู้ก็รู้แบบเสือกระดาษ ไม่มีประโยชน์ นะคะ

    นี่แหละ ควรปฏิบัติให้ได้ เพราะนี่คือพื้นฐาน ถ้าพื้นฐานท่านไม่ได้ แล้วอะไร ล่ะ ที่ท่านจะได้
     
  16. คณะโลกอุดร

    คณะโลกอุดร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +5
    ผมก็แค่ไอ้เด็กคนนึงที่เชื่อมั่นในครูบาอาจารย์เชื่อมั่นในคำสอนของครูบาอาจารย์เชื่อในกฏแห่งกรรมเคารพ นะโมพุทธายะเสมอ
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ดี ดูท่าทางจริงจัง เด็ดขาด
    แต่ต้องเดินทางสายกลางก่อน เมื่อเจอธรรมแล้ว ให้พระธรรมเด็ดขาด จะไม่มีวันผิด
    แต่ถ้าเรา จะเด็ดขาดตอนที่ยังไม่รู้จักพระธรรม ก็ยังผิดพลาดได้
    แล้วจาก ความเด็ดขาด ความจริงจัง จะกลายเป็น ทิฎฐิมานะ อัตตา ถือตนไปเสีย

    ก็เดินทางสายกลาง ค่อยๆศึกษาไป เจริญสติไป
    ถึงศรัทธาครูบาอาจารย์ แต่เราก็ต้องมาทบทวน ให้เกิดปัญญาด้วยตัวเอง
    เอาความเด็ดขาด จริงจัง ไปรบกับกิเลสนะ จะได้ผลดี
     
  18. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    เอ..แล้ววิปัสนากะปัญญามันคืออะไรหนอ..ยังไม่รู้จักเลยแฮะ..หาคำตอบยังไงๆก็ยังไม่แน่ใจไม่ชัดแจ้ง....บางคนบอกว่าเป็นปัจจัตตัง..การตรึกและตรองโดยมีสติเมื่อดูความคิดหรือจิตตนเองโดยมีไตรลักษณ์ควบคู่ แล้วเกิดผลสรุปหรือคำตอบออกมา คือปัญญาจากวิปัสนารึเปล่า เราจะเชื่อได้อย่างไร การน้อมนำสภาวะธรรมต่างๆที่สัมผัสได้ลงไตรลักษณ์ แล้วตระหนักว่าเป็นไปตามกฏนั้น ผมไม่สงสัยหรอกเพราะเป็นจริงตามนั้นแน่นอน แต่ที่สงสัยคือเรื่องราวปัญหาต่างๆในชีวิตประจำวัน จะใช้ปัญญาแก้ไขได้อย่างไร เพราะมันทับซ้อนกันหลายชั้นหลายบุคคล หลายสาเหตุ หลายปัจจัย เราเป็น"คน"ๆหนึ่งที่อยู่ในสังคมของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า"คน"นี่นะ แต่ก็ทราบที่มาของปัญหาว่า เกิดจาก โลภ โกรธ หลง ของเราและผู้ที่เกี่ยวข้องมาผูกเป็นปัจจัยให้เกิดปัญหาขึ้น......ใช้สิ่งที่รู้จากไตรลักษณ์มาปลดปล่อยทุกข์จากจิตเราเองเพราะรู้ว่ามันไม่เที่ยงเราจึงคลายความยึดมั่น แล้วใช้ความคิดของสมองพิจารณาหาทางออกที่ดีที่สุดโดยไม่โกรธแค้นพยาบาทอยู่ฝ่ายเดียว..และพยายามไม่ให้คนอื่นเดือดร้อนแก้ปัญหาแบบ"คน"เช่นนั้นหรือเปล่า...................หรือว่าวิปัสนาแล้วคำตอบหรือปัญญาผุดขึ้นออกมาปั๊บมีวิธีแก้ปัญหาเลยว่าทำอย่างนั้นๆแล้วแก้ปัญหาได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็น???อันนี้ไม่เคยทำได้หรือไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้หยั่งรู้จริง เลยสรุปได้ว่าผมยังไม่รู้อะไรเลย...แต่สังเกตุได้ว่าอาการปรุงแต่งของจิต(ภวังค์ที่เรียกว่าสังขาร)มันสั้นลงกว่าเดิมมาก(ทุกข์น้อยลง)..โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกว่าโลภะ โทสะ โมหะ..เอแล้วอาการวืบๆตอนที่รูปต่างๆมากระทบอายตนะมันคืออาการของอะไรนะทั้งรูปรสกลิ่นเสียงวืบๆตลอดแม้แต่เสียงมันไวต่อการสัมผัสไปหมด..จนบางครั้งก็รำคาญ..แล้วก็แปลกยิ่งทำสมาธิยิ่งเห็นอาการของจิตที่เปลี่ยนไปมา มันบ้าของมันอยู่อย่างนั้นตลอดจนคิดไปว่านี่เราบ้ารึเปล่าตำหนิตัวเองอยู่ได้ที่คิดไม่ดี..พักหลังก็ทราบว่าเป็นอาการปกติธรรมของจิตที่ปรุงไปตามเรื่องของมันเราแค่ ดู รู้ วาง ไม่เข้าไปยึดปรุงต่อใช่มั๊ย มันก็คิดปรุงอยู่แค่แป๊บเดียว เลยหายกังวล..ถ้าเราไม่ปรุงมันต่อมันก็หายไปเองเพราะเราจะปรุงเรื่องอื่นๆที่เข้ามาแทน..น่าเบื่อมั๊ยมันคิดอยู่ได้จากประสาทสัมผัสทั้งหกวันนึงเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านเรื่อง..เร็วจนมองไม่ทัน,เบาบางจนรู้สึกไม่ค่อยได้..สภาวะหยาบๆจึงจะเห็น(ไมทราบหรอกหยาบ-ละเอียดมันวัดกันยังไงรู้แค่ว่าถ้ากระทบจิตเยอะจนรู้ตัวนั่นคือหยาบ)
    ........สงสัยอยู่ว่าอาการโหวงๆใจห่อเหี่ยวไม่รู้จะทำอะไรกะชีวิตคิดอะไรไม่ค่อยออกนั่นคืออาการของ โมหะสังขาร ออกฤทธิ์ใช่ป่ะ ส่วนโลภะ กะโทสะ เจอบ่อยจึงรู้จักมันดี..โกรธแป๊บนึงนี่ก็ยังเป็นอย่างหยาบใช่ป่ะ ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษกว่าคนปกติ ทำสมาธิก็ไม่เคยเห็นอะไรที่เป็นเรื่องเป็นราว...อาจมีอะไรแปลกๆบ้างพวกคิ้วกระตุก,แสงแว๊บๆหรือจุดเล็กๆเป็นล้านจุดลอยไปลอยมาในม่านความมืดบางครั้งก็ลองรวมลองแยกดูแต่ก็ไม่ชำนาญอะไรหรอกทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่เห็นมีอะไรเป็นพิเศษ..ตอนแรกกลัวมากตอนหลังชักเบื่อเพราะบางครั้งหน้าผากตรงที่เพ่งมีอาการเก็งและเมื่อยกับแสงแว๊บๆ..จึงถามตนเองว่านั่งเพื่ออะไร ก็ได้คำตอบว่าเพื่อความสงบและให้จิตได้พักผ่อนแล้วจะไปเพ่งนิมิตไปทำไม(ยอมแล้วค้าบ) เมื่อรวมจิตไม่ได้เลยมองในร่างกายแทน ตอนเริ่มนั่งจะเพ่งจนมีแสงแว๊บๆซักนิดนึงก่อน แล้วจึงย้ายฐานมาวางโฟกัสตรงแถวๆสะดือแต่ก็รู้ตัวทั่วพร้อมทั้งตัว ก็รู้สึกรวมจิตได้เร็วดีไม่มีแสงอะไรทำให้ใจเขว จิตก็ดี่งลงดี หลายปีมานี้ฝึกมาสามสี่รูปแบบขี้เกียจบ้าง ขยันบ้าง เป็นช่วงๆ รู้สึกว่าแบบนี้จิตรวมตัวดี..อือแล้วก็แปลกที่ไม่สามารรถถึงสภาวะไม่ได้ยินเสียงอีกเลยคิดว่าเราไม่ขยันพอและขาดความต่อเนื่อง..ถ่าหยุดแล้วดูเหมือนจะถดถอยแฮะ..ช่วงหลังๆชักขี้เกียจทำงานส่วนตัวด้วยตัวคนเดียวมันเหนื่อยล้า(หาเรื่องอ้างเพราะไม่ขยัน)..เวลานอนเลยนอนสมาธิจนหลับไปเอง เรื่องแปลกอีกอย่างคือช่วงขยันนั่งช่วงนั้นจะไม่ค่อยฝันเลยนานๆที ใช้ชีวิตประจำวันก็ระลึกดูจิตตามแต่สติจะมี..มันยากนะที่จะตามดูได้ตลอดแป็บเดียวก็เผลออยู่ในภวังค์เรื่องอื่น..แต่รู้สึกว่าถ้าได้นั่งแล้วจะควบคุมสติได้ดีขึ้น..ใครบอกว่าใช้ชีวิตมีสติได้ตลอดผมไม่เชื่อหรอกมันก็ต้องมีตกภวังค์ขาดสติ(ขณะที่สังขารปรุง)กันบ้างล่ะ ดูหนังแล้วอินไปกะมันนั่นไง คนอื่นเขาด่ากันเรายังเก็บมาคิดนั่นก็ใช่..คงยกเว้นไว้แต่พระอรหันต์อันเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งสติตลอดเวลานั่นแล..จะว่าไปการทำสมาธินี่ก็คือการหัดให้ทรงสติได้นานๆใช่ป่ะ...ขออภัยที่ถามปนเล่าอะไรๆด้วยความสงสัยออกมาครับ ไม่รู้ว่าเดินถูกทางรึเปล่ารู้สึกว่าทางยังทอดยาวไกลเหลือเกินเพราะผมยังโง่อีกเยอะและอาจเข้าใจความหมายภาษาธรรมะผิดไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2011
  19. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    คุณขมิ้นชัน ลองทำความเข้าใจเรื่อง วิเวก3 คือ กายวิเวก จิตวิเวก และ อุปาธิวิเวก

    การทำสำรวมด้วยศีล จะช่วยให้ กายวิเวกปรากฏ พอรู้รส ก็พิจารณาคุณ และโทษ
    หาอุบายในการตามรักษา เราก็มี หลักในการเข้าสู่ วิเวกวุธ 1

    การทำสมาธิ จะช่วยให้ จิตวิเวกปรากฏ พอรู้รส ก็พิจารณาคุณ และโทษ หาอุบาย
    ในการตามรักษา เราก็มี หลักในการเข้าสู่ วิเวกวุธ 2

    การทำวิปัสสนา จะช่วยให้ อุปาธิวิเวก พอรู้รส ก็พิจารณาคุณ และโทษ และ จำแนก
    แยกแยะคุณภาพของธรรม ว่าเบื่ออย่างไหนเป็นอุบายในการตามรักษา เบื่ออย่างไหน
    เป็นอุบายพาไปติดหรือเกยตื้น เราก็มี หลักในการเข้าสู่ วิเวกวุธ 3

    พอเข้าใจ วิเวกวุธ3 ก็หมุนปฏิบัติไปเรื่อยๆ ไม่เพียร ไม่พัก และการตัดสินความก้าว
    หน้าก็อยู่ที่ การรักษาที่เรียกว่า สัมมัปธาน4


    สัมมัปปธาน หรือ สัมมัปปธาน 4 คือ การมุ่งมั่นทำความชอบ<SUP id=cite_ref-0 class=reference>[1]</SUP> มี 4 ประการ
    1. สังวรปทาน คือ เพียรระงับการกระทำอกุศล ไม่ให้เกิดขึ้น ( เพียรระวัง )
    2. ปหานปทาน คือ เพียรละเลิกอกุศลที่กำลังกระทำอยู่ ( เพียรละ )
    3. อนุรักขปทาน คือ เพียรรักษา กุศลธรรม ที่เกิดขึ้นแล้ว ( เพียรรักษา )
    4. ภาวนาปทาน คือ เพียรฝึกฝนบำรุงกุศลธรรม ให้เจริญยิ่งขึ้น ( เพียรเจริญ )
    [109] วิเวก 3 (ความสงัด, ความปลีกออก — seclusion)
    1. กายวิเวก (ความสงัดกาย ได้แก่ อยู่ในที่สงัดก็ดี ดำรงอิริยาบถและเที่ยวไปผู้เดียวก็ดี - bodily seclusion; i.e.solitude)
    2. จิตตวิเวก (ความสงัดใจ ได้แก่ทำจิตให้สงบผ่องใส สงัดจากนิวรณ์ สังโยชน์ และอนุสัย เป็นต้น หมายเอาจิตแห่งท่านผู้บรรลุฌาน และอริยมรรค อริยผล - mental seclusion, i.e. the state of Jhana and the Noble Paths and Fruitions)
    3. อุปธิวิเวก (ความสงัดอุปธิ ได้แก่ธรรมเป็นที่สงบระงับสังขารทั้งปวง ปราศจากกิเลสก็ดี ขันธ์ก็ดี อภิสังขารก็ดี ที่เรียกว่าอุปธิ หมายเอาพระนิพพาน - seclusion from the essentials of existence, i.e. Nibbana)


    ~นอกจากนี้ยังมี วิเวก 5 มีความหมายอย่างเดียวกับ นิโรธ 5
     
  20. จื่อหลิง

    จื่อหลิง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +698
    สั้น ๆ แต่ได้ใจความเหมือนเดิมครับ :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...