ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ผมชอบเรื่องที่พี่เขียนแนวนี้มาก ๆ ครับ ไอ้สำลีทายาอุดฟันนี่เด็ก ๆ ผมก็เคยซื้อมา ไม่มีอะไรออกมาครับ เพิ่งจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้ยังมีอีก ทะเลาะกับเมียธรรมดาครับ คนอยู่ด้วยกัน ผมเองก็เพิ่งจะทะเลาะกันไม่กี่วันนี่เอง มีเพื่อนผมคนนึงบอกว่า "คนไหนที่บอกว่าอยู่กินกันมาไม่เคยทะเลาะกันเลย ไอ้คนนั้นคบไม่ได้ เพราะกะล่อน" ไม่มีหรอกครับที่อยู่ด้วยกันมาไม่เคยทะเลาะกัน อย่างน้อยก็ต้องขึ้นเสียงใส่กันบ้าง ขอบคุณพี่ modpong ครับ

 

สวัสดีค่ะ คุณ ลุง สาระกำลังเข้มข้นเลยนะคะ มีคนบางกลุ่มก็ชอบสะสมเจ้าตัวเขียวค่ะ บอกว่าดูเก่าและคลาสิคดี โดยเฉพาะขึ้นที่องค์พระบูชา ก็แปลกดีนะคะ เป็นกำลังใจให้คุณ ลุง ทุกๆวันค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

ถูกต้องครับ
เห็นหน้ากันอยู่ทุกๆวันยังไงก็ต้องมีกระทบกันบ้างตามประสามนุษย์
เพรียงแต่จะกระทบกันแบบเล็กๆหรือแบบใหญๆเท่านั้นครับ

 

รออ่านวิธีขัดเงินด้วยครับ

 

หวัดดีครับพี่modpong ยังติดตามกระทู้พี่อยู่ตลอดครับ

 

...........................................
...คงไม่มีหรอก..เพราะที่เขียนขึ้นมา..เพราะความประทับใจ..ผมศึกษามานาน..ค้นคว้าหาข้อมูลประกอบ..และผมก็ไม่เคยทำอย่างนี้กับเรื่องไหน..เป็นเรื่องเป็นราว..เหมือนอย่างนี้..ความจริง..ความประทับใจ..ในตัวบุคคล..นะมี.ก็หยั่ง..พระเนรศวร..พระเจ้าตาก..วังหน้า..แต่เก็บไว้ในใจดีกว่า..มีคนเขียนกันเยอะ..และหาข้อมูลได้ดี...
.......แต่สำหรับ..คนต่างชาติ..มันไม่มีเท่า"กุรข่า"..หรอก..เพราะเก่ง..กล้าหาญ..ไม่กลัวตายทุกคน..มันทั้งชาติพันธุ์เลย..และอีกอย่างมีข้อมูลให้เราศึกษา..และอ่านได้...
.......มีอยู่คนนึง..ที่ประทับใจในชีวิต..และผลงาน..ความหลักแหลม..เฉียบคม..ที่ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน..แลัวเขาไม่เคยแพ้ใคร..เขาไม่ใช่กษัตริย์..ตาเสียข้างนึง..แก่ตายเอง...แต่เขาคือ..ปัจจัยหลัก..เป็นสมอง..ในการรบทุกครั้ง...มีคนเขียนถึง..เขา..อยู่ไม่มาก..แต่คนเขียนนั้น..ซึ่งเป็นฝรั่ง..เปรียบเขาเช่น..เทพเจ้าสงคราม..ที่..ไม่มีใครเปรียบได้..ตั้งแต่..อดีต..จน..ปัจจุบัน...........แต่ผมพยายามหาข้อมูลเขาได้ไม่มากพอ..ทั้งๆทีอยากเขียน..และชื่นชม....เขาคือ...
.....สุโบไต บาฮาเดอร์...
(SUBOTAI BAHADUR)

 

....................................
.ที่พี่เขียน..รู้ไว้ใช่ว่า..นี่คือ..การจำลองเหตุการณ์..ในปี ๒๕๐๕ ทั้งหมด..มันเป็นยุคที่บ้านเมืองสวยงาม..และสนุก..และนั่นคือชีวิตจริง..ที่พี่ไปอนุสาวรีย์ชัยเมื่อไหร่..ก็จะไปดู....เพราะฉะนั้น..จะไม่มีการ..เกี่ยวข้องกับยุคนี้..ไอ้เรื่องที่เล่า..นี่ก็ต้องรุ่นใกล้เคียง..ถึงจะเข้าใจ..คนรุ่นอื่นอ่านก็..คง..งงๆ......

 

.........................................
...ไอ้เขียว..เป็นปื้นๆ..หรือ..กระจายไปทั่ว..นั้น..มันสวยดี..เหมือนอย่างพวกอนุสาวรีย์..แต่ถ้าเป็น..สนิมขุม..เมื่อไหร่..ที่ขึ้นกับ..พระบูชา..มันกินถึง..ทะลุเนื้อเลย..เห็นพระสัมฤทธิ์รุ่นเก่าๆ..มั้ย..นั่นบางองค์นะ..โบ๋..เลย...

 

เข้ามาติดตามสาระความรู้จากคุรลุงครับ

 

...ครับ..กลับมาไม่เป็นเวลาเช่นเคย...รายการ..รู้ไว้ใช่ว่า...........ผมต้องทำความเข้าใจ..กับทุกท่านก่อน..ที่จะเข้าเรื่อง..การขัดเงินที่หมองให้แวววาว..คือ..เราจะทำให้..แวววาว..ได้นั้นมันต้องรู้ว่า..ทำไมถึงได้..แวววาวก่อน..การจะเป็นเช่นนั้น..ได้..ผิวจะต้อง..มันปลาบครับ..เคยใช้แว่นส่ิองพระ..ส่องผิว..เครื่องเงินที่ซื้อมาใหม่ๆมั้ยครับ..ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ..หรือ..กรอบพระ..มันแวววาวเล่นไฟได้..เพราะ..ช่างเขาขัดมันมาก่อนครับ..โดยใช้เครื่อง..ขอโทษนะครับ..ผมเคยฝันว่าอีก ๓๐..กว่าปีข้างหน้า..พวกเครื่องเงิน..หรือ..กรอบพระ..เค้าไม่ได้เป็นแบบสมัยเราครับ..เขาชุบหมด..คงกลัวหมอง..นะครับ..ผมดูแล้วหมดเสน่ห์..จริงๆ..ไม่เหมือนยุคเราครับ..เพราะไม่ได้ความแวววาว..มันปลาบ..ผมว่าพอไอ้ที่ชุบหลุด..คงขี้เหร่ไปเลย..ครับกลับมาว่า..กันต่อ..คราวนี้..เวลาที่เราขัด..เราก็ตั้งหน้าตั้งตา..จะให้..ขาว..ลูกเดียว..ไม่ได้คำนึง..ถึง..ความแวววาว...มันจะมีไปได้ยังไงละครับ..ก็มันโดน..ของที่แข็งกว่ามาก..ขูดผิวออกไป..คุณเอากล้องไปส่องดูซิครับ..ผิวมันเป็นรอยเป็นเส้นขนแมวเล็กๆ..เต็มไปหมด...นั่นแหละครับ..ไอ้เส้นทั้งหลายนี่เอง..มันทำให้ดรรชนีการหักเหแสง..พูดง่ายๆ..การสะท้อนแสงนั่นแหละครับ..มันลดลง..ผลก็คือ..ขาวจริง..แต่ไม่แวววาว..เด้งแสง..เหมือนเมื่อซื้อมาใหม่ๆ..บางคนไปใช้ผงขัดเพชร..เครื่องประดับ..แป้งผัดหน้าบางชนิด..ก็มี..ซึ่งจะลด..เส้นขนแมวลงเพราะผงละเอียด..ยาสีฟันทั้งแบบหลอด..แบบผง..แต่มันก็ยังกัดผิว..อยู่ดี..รอยที่ผิวมันก็ยังไม่หาย..ไม่ต้องห่วงครับ..ผมมีคำตอบให้..แบบไทยๆ..ไม่ต้องพึ่งของนอก..ดีกว่าแน่นอน......
เอ้า..เวลาหมดพอดี..ไว้เจอกันครั้งหน้าครับ....

 

หมดเวลาแล้วเหรอครับ ^^
งั้นรอฟังต่อพรุ่งนี้ครับ

 

เข้ามาติดตามทุกวันเช่นกันครับ ขอบคุณครับ...

 

สวัสดีครับคุณอา และสมชิกทุกท่าน มาขอรับความรู้ รู้ไว้ใช่ว่า....และ วิธีกำจัดไอ้ตัวเขียวครับ ยังคงติดตามงานเขียน และเป็นกำลังใจให้คุณอาอยู่เสมอครับ

 

สวัสดีค่ะ คุณ ลุง รายการรู้ไว้ใช่ว่า พิธีกร จัดรายการได้สนุก ต้องนั่งลุ้น ยิ่งกว่ารายการ ศึกวันทรงชัยอีกนะคะ จะเข้ามาติดตามทุกๆวันค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

เข้ามาติดตามเช่นเคยครับ ขอบคุณคุณลุงมากครับ

 

ขอขอบคุณ
ทุกท่านที่ได้postมา............................

......ตอนแทรกพิเศษ...อันเนื่องมาจาก..คำถามคุณเฉียวฟง......................

................การกำจัด..คราบสนิมสีเขียวอมฟ้า..ออกจาก..พระโลหะ..เหรียญพระ...
....และ..เหรียญสะสม..รวมถึง..เครื่องรางของขลัง..และ..วัตถุโบราณ............(ต่อ)

.....................เมื่อ..คุณได้แนวทางแบบนี้แล้ว..คราวนี้..คุณก็ทดลอง..ค้นหา...
..น้ำมันที่..เหมาะสม..ไอ้ที่มีใช้อยู่ประจำก็จะดีมาก..พวกน้ำยากำจัดสนิม..นี่ไม่จำ
เป็นก็ไม่ต้องหรอก..ครับ..ผมยกเอามาเป็นตัวอย่าง..เฉยๆ...อะไรที่ผลิตมาจากเมือง
นอก..ผมยิ่งไม่แนะนำ..บ้านเรามีน้ำมัน..เยอะแยะ..ลองเข้าไป..สนุกอีกต่างหาก...
...............อย่าไปยึดติด...ข้อควรจำ..คือ..โป๊ะมันให้ชุ่มก่อน..แล้วจึงเช็ดออก..
..ถึงเป็น..น้ำมันจันทน์ก็เช่นกัน..จะให้ผลดีกว่า..คือ..กำจัดแบบไม่เหลือหรอ...
..และไม่ต้องออกแรงมากด้วย..............................
.......................................................................................................
..............นั่นผ่านไป...คือ..แบบใช้กำลัง...โดยอาศัยตัวช่วย.......
.................ต่อไป...คือ.............
...................ล่อมันออกมาเอง............................
................ความจริงมันก็ไม่เชิง...ไอ้ตัวช่วยของเรามันจัดการ..ของมันเอง....
...วิธีนี้..ต่างจากวิธี..แรกโดยสิ้นเชิง..เพราะเป็น..กระบวนการทางเคมี......
.....วิธีแรก..เป็น..กระบวนการทางฟิสิกส์...............
..................คราวนี้..องค์ประกอบ..ของสารที่เรา..เอามาใช้..เป็นเรื่องสำคัญ...
.......เนื่องจาก..ไอ้พวกที่มาเป็นเมีย..ไอ้ทองแดง..แล้ว..กลายเป็น"ไอ้ตัวเขียว"
นั้น...ก็..มาจาก..พวกธาตุอินทรีย์ทั้งนั้น(ORGANIC SUBSTANCE)..ที่มีอยู่ใน
สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย...ดังนั้น..หนามยอก...เอาหนามบ่ง....................
........เอาสารประกอบ..ที่มี.ธาตุอินทรีย์..ไปสู้มัน.........แต่ต้องมีของแรงกว่ามัน
..เอาให้ไอ้ทองแดง..มันป่วนไปเลย.........................
...........เราใช้...ธาตุหลัก..และที่มีอยู่มาก..ใน..สารอินทรีย์..ที่รวมกันเป็น...
....สารประกอบไปสู้กับมัน...ที่นี้เนื่องจากเป็นกระบวนการทางเคมี..ต้องใช้เวลา
นาน..เพราะมันจะ..ค่อยๆเป็นค่อยไป...ก็เลือก..สารประกอบที่เป็น..ของเหลว..
....เพื่อ..แช่มัน..ให้มันทำปฏิกิริยาไปเรื่อยๆ..โดยเราไม่ต้องออกแรง..........
...................คอยอย่างเดียว...................................
.........................................ต่อตอนหน้า...........................................
...........................................................สวัสดี.......................................

 

มาตามลุ้น สาระบทความดีๆเช่นเดิมค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

.....ท่านทราบหรือไม่ว่า.........
...คำว่า..."ฝรั่งมังค่า".....มีที่มาอย่างไร
.....ที่มา..เกิดจากการเล่นคำ..ที่เป็น..เอกลักษณ์..ของ..ไทย...ยกตัวอย่าง..
..."...อย่างงี้มัน..สวย..เสย..อะไร..."
....หรือ...
....."...แบบนี้มันก็...พัง..เพิง..วินาศกันหมด.."....
..ที่มา..มาจากเมื่อ..ก่อน..(มากกว่า ๕๐ ปี..)..นวนิยาย(กึ่งพงศาวดาร)..ที่มีคนติดกันงอมแงม..ทั่วบ้าน..ทั่วเมือง..คือ...ราชาธิราช..ทั้งในกรุง..นอกกรุง..มี..การทำเป็น..ละครวิทยุ..ละครเวที..ละครรำ..ละครร้อง..ละครทีวี..ลิเก....ปรากฎว่า..มีัตัวละคร..สำคัญอยู่ตัวนึงที่ชื่อแปลก..คือ..พระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง..ก็ไม่ได้เป็น..ฝรั่้ง..แต่ไม่รู้ทำไม..ดันชื่อแบบนี้..ไอ้ความที่ชื่อติดปาก..แล้วคนไทยก็ชอบต่อ..สร้อยห้อยท้าย..ก็เลยเวลาพูดถึง..พวกฝรั่ง..ก็เลยไปนึกถึงติดปากอยู่ว่า..ไอ้พวกฝรั่งมังฆ้อง..ฝรั่งมังค่า..
..ตอนหลัง..ก็เลยหดลงมา..กลายเป็น..
[COLOR=DarkRed].........ฝรั่งมังค่า..อย่างในปัจจุบัน....[/COLOR]

 

พระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง รู้สึกจะมีอยู่ในเรื่อง ราชาธิราช ถ้าจำมาผิดก็ขออภัยเป็นอย่างสูงคับ
ขอขอบคุณความรู้เรื่องน้ำมันอีกครั้งคับ ว่าจะพัฒนาให้เป็นโอทอปซะหน่อย (คลายเครียดยามดึกนะครับ) อิอิ

 

......................................
สงสัย..คุณบังรอน..คงอ่านตกไปมั้ง..ผมบอกไว้ในเรื่องอยู่แล้ว..ครับ..