สภาวะนิพพาน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย hassadin77, 21 มิถุนายน 2011.

  1. hassadin77

    hassadin77 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    กระผมมีความสงสัยเกิดขึ้นในเรื่องของสภาวะนิพพานครับ เจตนาของกระผมนั้นไม่ได้จะมีเจตนาการไม่เคารพในพระอริยสงฆ์แต่อย่างใด แต่ที่กระผมเข้าใจมาก่อนอ่านเวปพลังจิตนั้น นิพพานคือสภาวะหนึ่งที่ละซึ่งกิเลสทั้งมวลอย่างสิ้นเชิง แต่ในกระทู้บางอันที่กระผมได้อ่าน คือ จะมีวิมานในนิพพาน แล้วทำให้กระผมรู้สึกว่า จะมีวิมานในนิพพานได้อย่างไร ในเมื่อกิเลสทั้งมวลนั้นไม่หลงเหลืออยู่แล้ว

    กระผมต้องกราบขออภัยถ้าไม่เหมาะสมไว้ ณ ที่นี้ ด้วย ครับ รบกวนผู้รู้ผู้เข้าใจตอบคำถามนี้ด้วยนะครับ
     
  2. ?????

    ????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +239
    เอ่อ......... ไม่รู้จะตอบยังไงเลยครับ แต่ตามความเห็นของผมนะ นิพพานก็คืออาการที่ใจพอ อาการที่ใจสิ้นกิเลสนั่นแหละครับ ส่วนวิมานจะมีหรือไม่มีก็ไม่ใช่ปัญหา จะมีร่างกายหยาบหรือละเอียด หรือไม่มีก็ไม่ใช่ปัญหา นั่นเป็นเพียงที่อยู่ของจิตที่บริสุทธิ์เท่านั้น นิพพานก็มีทั้ง สอุปาทิเสสนิพพาน อนุปาทิเสสนิพพาน (คืออะไรท่านคงจะรู้ ถ้าไม่รู้ก็มีให้อ่านมากมายครับ แต่หาอ่านที่น่าเชื่อถือหน่อยนะครับ) เปรียบเทียบก็เหมือนกับที่พระอรหันต์ท่านมีชีวิตอยู่ในวัดนั่นแหละครับ คือจิตไม่ได้ปรุงแต่งสร้างวัด แต่มีวัดจริงๆให้พระอรหันต์อยู่ สภาวะนิพพานไม่ใช่เมืองนิพพาน แต่เมืองนิพพานก็มีไว้รองรับผู้ที่มีสภาวะนิพพาน....มั้ง อย่าสนใจว่ามีวิมานหรือไม่มีเลยครับ พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์สอนให้ทำดี ละชั่ว ทำใจให้บริสุทธิ์ นิพพานก็ที่ใจนี่แหละครับ
    ความเห็นไม่ถูกต้องก็ชี้แจงได้นะครับ ตอบของเกินตัวก็แบบนี้แหละครับผม
     
  3. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    กิเลศนี่มันอยู่ใจในจิตนี่แหละไม่ได้อยู่ข้างนอกที่ไหนหรอกครับ ดับไม่เหลือก็ดับ
    ที่ใจจะมีหรือไม่มีวิมาณมันไม่เกี่ยวกับการดับกิเลศหรอกครับ
     
  4. bennynaja

    bennynaja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +104
    แม้จะมีวิมานที่สวยหรูเพียงใด ผู้ที่อยู่ในสภาวะนิพพานย่อมว่างเปล่าจากกิเลส ทั้งสิ้นทั้งปวง ไม่มีค่าอะไรสำหรับผู้ที่นิพพานแล้ว นิพพานอยู่ที่ใจคะ
     
  5. KBLS

    KBLS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +280
    อืม... ยังไม่เคยนิพพานเหมือนกัน
    แค่รู้ว่าหมดทุกข์ ไม่ต้องมา เกิด แก่ เจ็บ ตาย อีก ประมาณนั้น มั้ง
     
  6. hassadin77

    hassadin77 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอขอบคุณทุกคำตอบนะครับ ตัวกระผมต้องปฏิบัติอย่างเต็มที่ต่อไป เพราะเป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตัว
     
  7. รากแห่งธรรม

    รากแห่งธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    667
    ค่าพลัง:
    +3,173
    นิพพาน เป็นสภาวะธรรมหนึ่งที่หลุดพ้น ว่างจากกิเลส พ้นจากความเศร้าหมองอันมีกิเลสเป็นเครื่องปรุงแต่ง เป็นสภาวะธรรมที่ดำรง อยู่อย่างนั้นไม่เคลื่อนที่ ไม่มีการจุติ เพราะเชื้อของการจุติคือกิเลส ได้ดับสนิทโดยไม่มีเหลือ ประดุจ ไฟที่ไม่มีเชื้อแล้ว ก็จุดไม่ติด ส่วนที่บอกว่า นิพพานเป็นบ้านเป็นเมืองนั้น ก็เนื่องด้วยเพราะ เป็นพุทธนิมิตร ธรรมนิมิตร สังฆนิมิตร ของพระรัตนไตร ที่ต้องการแสดงให้เหล่าผู้ปฏิบัติ และพยายามที่จะเป็นถึงสภาวะธรรมอันสูงสุด เป็นหลักยึดเหนี่ยวของจิต ให้จิตแต่ละดวงที่ขึ้นไปบนนั้นเกิดความปิติ เกิดความชิย เกิดการปราถนาอย่างอรงกล้าในพระนิพพาน อันเป็นอุบายในขณะที่จิตดวงนั้นๆจะละจากกายสังขาร ให้จิตดวงนั้นมีความชินกับอารมณ์ในพระนิพพาน เวลาที่จิตเคลื่อนออกจากร่างจะได้มี สุคติอันเกษมเป็นที่ไป อันพระนิพพานนี้ เป็นได้ทั้งอัตตา และอนัตตา คือ อัตตามีความเป็นตัวตน ก็ต่อเมื่อท่านต้องการแสดงให้เห็นถึงการคงอยู่ แก่ผู้ที่สิ้นกิเลสอยู่แต่ยังต้องดำรงในขันธาตุ ส่วนที่เป็นอนัตตา คือไม่มีตัวตนนั้นก็คือ เป็นสภาวะธรรมที่หลุดพ้นไม่มีสิ่งปรุงแต่งใดๆหลงเหลือ

    พระนิพพานเป็น ธรรมอันรู้ได้โดยเฉพาะตน การจะรู้ให้แจ้งถึงความเป็นไปในพระนิพพานนั้น มีพระอริยสงฆ์หลายๆองค์ในกล่าวไว้ว่า ต้องละสังโยชน์สามข้อแรกให้ได้เสียก่อนเมื่อนั้น ความณู้ที่ได้ในพระนิพพานจึงจะเป็นจริง ไม่ใช่เอาตำรามากล่าวอ้าง สังโยชน์ทั้งสามข้อนั้นก็มี
    1.สักกายทิฎฐิ มีความรู้เห็นว่าสังขารนั้นไม่เที่ยงมีความเสื่อมไปเป็นธรรม สุดท้ายทุกสิ่งต้องตายไป
    2.วิกิจฉา สิ้นความสงสัยในพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาค และพระอริยเจ้าผู้ปฏิบัติดี ปฎิบัติชอบ ปฏิบัติตรงในพระธรรมและพระวินัย ปฏิบัติเพื่อบรรลุธรรมอันเป็นเครื่องออกจากทุกข๋
    3.สีสัพพปรามาส มีการรักษาศึลห้าเป็นปกติ ไม่มีด่างพร้อย ไม่มีศีลทะลุเป็นรูโหว่าในเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย
    มีความต้องการในพระนิพพาน อย่างแรงกล้าขึ้นชื่อว่า สวรรค์และพรหมโลกนั้นไม่ต้องการ ต้องการเพียงแต่นิพพาน (คำสอนหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)
    เมื่อทำได้ถึงขั้นนี้แล้ว ชื่อว่า พระโสดาบัน เมือนั้น คำว่านิพพานก็จะรู้และประจักษ์เอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...