ปัญหาการยึดวัดพุทธไชโย แจ้งผู้นับถือหลวงพ่อฤาษีลิงดำทราบ+เตรียมเปิดเผยการปาราชิก

คิดต่าง........ต่างความคิดใช่ผิดหรือ
คิดเหมือน.....ฤาเหมือนหรือคือมิตรแท้
คิดต่าง........แตกต่างทำเช่นนั้นแล
คิดต่างแก้.....ต่างธรรมไซร้..หาใช่ ศัตรู .-

ด้วยความเคารพในสิทธิของทุกๆท่านครับ -

 

ความกระทบทระทั่งใจของผู้ที่ปฏิบัติความดีย่อมมีเสมอ
ถือว่าเป็นการทดสอบการปฏิบัติของจิตเราได้เลยว่า
อารมณ์ใจของเราได้ฝึกถึงระดับใดแล้ว
กำแพงใจเมื่อถูกกระทบกระทั่งบ้างย่อมเป็นเรื่องปกติ
เปรียบเสมือนการก่อสร้างหากกำแพงบ้านเราถูกทุบพังไปด้วยเหตุอันใดก็ตาม
เราก็ต้องสร้างหรือซ่อมกำแพงขึ้นมาใหม่
เพราะฉะนั้นการปฏิบัติธรรมก็เช่นกันก็มีถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง
บางครั้งมองต่างมุมกันบ้าง
เราก็ต้องให้อภัยกันนะครับและน้อมนำเอาธรรมโอสถเข้ามารักษาจิตใจเราครับ
พลังสามัคคีจะได้ปรากฏขึ้นในทุกๆเรื่องทุกๆเหตุการณ์
ไม่ว่าท่านใดก็ต้องมีความรักความสามัคคีกันครับและต้องทำความเข้าใจกันครับ
ทั้งเรื่องประเทศชาติและศาสนาจะได้มั่นคง
ขอบคุณทุกๆท่านครับและโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับไม่ว่าท่านจะนับถือครูบาอาจารย์ใดก็ตามย่อมมีบุญกุศลเป็นเครื่องนำทางแห่งความหลุดพ้นครับ
ด้วยความเคารพทุกท่านครับสวัสดี

 

คณะศิษย์ที่ไปขอความเป็นธรรมเมื่อวันที่ 21 พ.ค.54 สวดอิติปิโส 9 จบ และนั่งกรรมฐาน ร่วมกัน

 

รักดอกจึงหยอกเล่น ล่วงเกินไปก็ขอขมานะครับ

 

พระกับชาวบ้านต่างก็อาศัยซึ่งกันและกัน คือพระก็อาศัยปัจจัย 4 จากชาวบ้าน

ชาวบ้านอาศัยพระด้วย 2 ประการ
1.ฟังธรรมจากท่านเพื่อจะได้เห็นทางบรรลุสุขอันเป็นอมตะ

2.เมื่อพระปฏิบัติธรรมให้เป็นพระอริยะ (พระโสดาบัน จนถึงพระอรหันต์) เวลาชาวบ้านเขาถวายทาน ทานเขาก็จะมีอานิสงฆ์เพิ่มขึ้นอย่างประมาณไม่ได้ (เหมือนดังประมาณไม่ได้ว่าน้ำในมหาสมุทรมีกี่ทะนานทีเดียว)

ด้วยเหตุนี้ท่านจึงสอนให้พระทั้งหลายปฏิบัติตัวให้เป็นพระอรหันต์ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ในทั้งสองข้อ ท่านทรงบอกว่าอย่าเอาแต่กินแล้วก็นอน เป็นการเปลืองข้าวชาวบ้านเขาเปล่าๆ

นักศึกษาทั้งหลายจะต้องไม่เอาตัวอย่างพระที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มาเป็นมาตรฐานประเมิณค่าของพระพุทธศาสนา เพราะในทั้งสองเรื่องที่กล่าวมาแล้ว พระอริยะเจ้าไม่เป็นกาฝากของสังคมเลย

 

ขอโมทนาบุญทุกๆอย่างที่ท่านได้ทำดีแล้วทุกๆอย่างนะครับ

 

มิตรแท้ มีลักษณะ
1.มิตรมีอุปการะ
- รักษาเพื่อนผู้ประมาทแล้ว
- รักษาทรัพย์สมบัติของเพื่อนผู้ประมาทแล้ว
- เมื่อมีภัย เป็นที่พึ่งพำนักได้

2.มิตรร่วมทุกข์ร่วมสุข
- บอกความลับแก่เพื่อน
- ปิดความลับของเพื่อน
- ไม่ละทิ้งในเหตุอันตราย
- แม้ชีวิตก็อาจสละแก่เพื่อนได้

3.มิตรแนะนำประโยชน์
- ห้ามจากความชั่ว
- ให้ตั้งอยู่ในความดี
- ให้ได้ฟังที่ยังไม่เคยฟัง (หมายถึงธรรม)
- บอกทางสวรรค์ให้

4.มิตรมีความรักใคร่
- ไม่ยินดีด้วยความเสื่อมของเพื่อน
- ยินดีด้วยความเจริญของเพื่อน
- ห้ามคนที่กล่าวโทษเพื่อน
- สรรเสริญคนที่สรรเสริญเพื่อน

 

สวัสดีครับผมขออนุญาตใช้ความคิดเห็นของผมที่จะตอบข้อความนี้เป็นสีชมพูนะครับ จะได้ไม่สับสนตัวหนังสือที่เราพิมพ์กันไปมาครับ

 

ขอบคุณท่านที่ดูแลเว็บบอร์ททุกท่านที่เข้ามาแวะชมครับ
โมทนากับทุกท่านเช่นกันครับ
สาธุๆๆๆ

 

หนึ่งจิตคือหนึ่งจิตน้ำใส
หนึ่งใจคือหนึ่งใจรักจริง
อย่าหวงอย่าห่วงลวงจริง
รักจริงๆรักสามัคคี
ขอทุกท่านจงมีแต่ความสุขความเจริญในธรรม
ใจร่มๆเดินเล่นอยู่ตามริมคลองฟ้าคะนองก็หลบฝนไว้
ด้วยความรักและเคารพ
ราตรีสวัสดิ์

 

- คนจะดีดีได้ด้วยใจตอบ
คนจะชอบชอบได้ด้วยเหตุผล
คนจะร้ายร้ายได้ด้วยใจตน
คนเป็นคนเป็นคนได้ด้วยใจจริง

- จะยากดีมีจนเป็นคนแท้
ใจต้องแน่แท้ใจในทุกสิ่ง
มีเกิดแก่เจ็บตายเป็นความจริง
เพราะทุกสิ่งดับสลายคลายตามคน

- โลกไม่เที่ยงไม่แท้ช่างแน่นัก
มีคนรักคนชังยังสับสน
โลกธรรมแปดมีไว้ใส่ใจตน
ย่อมระคนในสุขทุกฃ์คลุกเคล้ากัน

- คลามีลาภซาบทรวงไม่ห่วงจิต
ระเริงคิดลาภเสื่อมไปไร้สิ่งสรร
มียศแล้วเสื่อมยศได้ในฉัพพลัน
จะยื้อกันไว้อย่างไรก็ไม่คง

- คำยกยอปอปั้นสรรเสริญ
ช่างเพลิดเพลินเพราะใจตัวพามัวหลง
หากนินทาว่าร้ายมาป้ายตรง
จะได้ปลงในความคิดเลิกติดใจ

- มีรักโลภโกรธหลงดำรงอยู่
ตรึกตรองดูจะรู้จริงว่าสิ่งไหน
ที่เที่ยงแท้แน่จริงคือสิ่งใด
ทุกสิ่งไซร้ในโลกนี้..มิมีเอย . -


กระผมแต่งไว้สอนใจตัวเองนานแล้วครับ ผิดถูกอย่งไรช่วยชี้แนะด้วยนะครับ สาธุ -

 

พระพุทธเจ้าทรงกล่าวไว้ถึงบุคคล 4 จำพวก

๑.อุคฆฏิตัญญู ฟังธรรมเฉพาะหัวข้อก็เข้าใจตลอด

๒.วิปจิตัญญู ต้องขยายความบ้างเล็กน้อยก็เข้าใจตลอด

๓.เนยยะ ต้องจำจี้จำไช เคี่ยวเข็ญ

๔.ปทปรมะ ยังไงๆ ก็ไม่ยอมเข้าใจ (รวมถึงผู้มีความรู้ท่วมหัวในทางธรรมด้วยรู้สารพัดแต่ไม่ยอมเชื่อ)

:z10

หลักฐานมีให้ดูกันเห็นๆ เชื่อแล้วจ้า ใครไม่เชื่อยกมือขึ้น อุ๊บ มะได้ว่าใครน้าเนี่ย แค่ถามเฉยๆอะจ้า:z2

 

กิจของสมณะที่สมณะควรทำ 3 อย่างนี้คือ

การสมาทานอธิศีลสิกขา

การสมาทานอธิจิตสิกขา

การสมาทานปัญญาสิกขา

(ผู้ไม่สมาทานอยู่ในหมู่สมณะ ก็เหมือนลาเดินตามฝูงโค แล้วร้องว่าตนเองเป็นโค)

 

เตรียมออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 จากคณะผู้ก่อตั้งและผู้อุปถัมภ์วัดพุทธไชโย

 

ความสุขในนิพพาน

นักศึกษาที่ไม่ได้ศึกษาให้ตลอดและทั่วถึง

มักจะตกหล่มอันหนึ่งเสียแต่แรกคือ

เห็นว่านิพพานเป็นไปไม่ได้

เพราะว่าเมื่อมีความสุข ก็ย่อมเป็นกิเลส ดังนั้นนิพพานจะต้องสูญจึงจะถูก

 

แถลงการณ์ฉบับที่ 3 (5 กรกฎาคม 2554)

แถลงการณ์ฉบับที่ 3 (5 กรกฎาคม 2554)​

คุณสมบัติเจ้าอาวาสองค์ใหม่ ชัดแจ้งแล้วว่าไม่เหมาะสม การดำเนินการภายในวัดจะต้องถูกตรวจ​

สอบทุกอย่างจากองค์กรทางโลกและทางธรรม การจัดกิจกรรมกับบุคคลภายนอกโดยเฉพาะเยาวชน ​

เช่น ค่ายพุทธบุตร จะได้รับการคัดค้านอย่างรุนแรง เพราะท่านไม่สามารถเป็นตัวอย่างของเยาวชนได้ ​

นอกจากนั้นท่านยังขัดขวางการดำเนินงานเผยแพร่พระพุทธศาสนา ขัดขวางการดำเนินงานของศูนย์​

สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 วัด​

ท่าซุง สาขาที่ 3 ขัดขวางความสงบเรียบร้อยภายในวัด ขัดขวางและทำลายศรัทธาญาติโยม​

ด้วยความเคารพในศีล 227 ข้อ และผ้ากาสาวพัตรซึ่งเป็นธงชัยของพระอรหันต์​

ข้อความต่อไปนี้ถือว่าเป็นการโต้แย้งโดยธรรม การนิ่งเฉยไม่ตอบ ไม่ชี้แจง สมควรที่ท่านจะไปปฏิบัติ​

หาความหลุดพ้น แต่ถ้าท่านเป็นเจ้าอาวาส ญาติโยมต้องการคำตอบที่มีเหตุผลเพียงพอ ถ้าหาเหตุผล​

มาชี้แจงไม่ได้ ก็ให้ท่านพิจารณาตนเอง เหมือนครั้งที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ​

2554 ว่า​

“วันมรณภาพวันแรก ก็บอกญาติโยมหามาเหอะ เจ้าอาวาส วัดใหญ่แบบนี้ใครจะมาอยู่ ขอแค่ช่วยงานนะ ขอแค่ช่วยงานเสร็จก็จะไป กลับวัด (วัดบุษยบรรพต) ไปช่วยงานที่พุทธบุตรดีกว่า”​

<EMBED height=257 type=application/x-shockwave-flash width=400 src=http://www.youtube.com/v/zPF5m8mo7a0?version=3&hl=en_US&rel=0 allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>
_____________________________________​

คุณสมบัติเจ้าอาวาสองค์ใหม่ ชัดแจ้งแล้วว่าไม่เหมาะสม​

1.ขาดคุณสมบัติพระสังฆาธิการ (เจ้าอาวาส, ผู้ช่วยเจ้าอาวาส, เจ้าคณะฯ)​

ข้อ 6.2 มีความรู้สมควรแก่ตำแหน่ง​

ข้อ 6.3 มีความประพฤติเรียบร้อยตามพระธรรมวินัย​

ข้อ 6.4 เป็นผู้ฉลาดในการปกครองคณะสงฆ์​

1.1อำนาจในการอนุญาตให้พระภิกษุสงฆ์ เข้ามาอาศัยในวัดเป็นอำนาจของเจ้าอาวาส ตามมาตรา​

38 ครั้งแรกเจ้าอาวาสองค์ใหม่อนุญาตให้พระเก่า 8 รูป มาประจำที่วัดพุทธไชโย ท่านลงลายมือชื่อ 1 ​

ครั้ง ในวันที่ 21 พ.ค. 2554 ที่ตึกกรรมฐาน วัดพุทธไชโย ภาพเหตุการณ์ตามวิดีโอคลิป​

<EMBED height=330 type=application/x-shockwave-flash width=400 src=http://www.youtube.com/v/Ol12xH52K8c?version=3&hl=en_US&rel=0 allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>
_____________________________________​

ครั้งที่ 2 เจ้าอาวาสองค์ใหม่ให้สัมภาษณ์นักข่าว “กลับมาเถอะทั้งพระทั้งโยม” ในวันที่ 21 พ.ค. ​

2554 ภาพเหตุการณ์ตามวิดีโอคลิป
<EMBED height=330 type=application/x-shockwave-flash width=400 src=http://www.youtube.com/v/VTmWuQK4Q_0?version=3&hl=en_US&rel=0 allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>
_____________________________________​

ครั้งที่ 3 เจ้าอาวาสองค์ใหม่เดินทางไปซอยสายลม ลงลายมือชื่อในใบสุทธิ รับพระเก่าเข้าสังกัดวัด​

พุทธไชโย ในวันที่ 3 มิถุนายน ต่อหน้าพระสงฆ์และฆราวาส ถือว่ามีผลสมบูรณ์แล้วทั้งทางโลกและ​

ทางธรรม ภาพเหตุการณ์ตามวิดีโอคลิป
<EMBED height=330 type=application/x-shockwave-flash width=400 src=http://www.youtube.com/v/dKlyGrhw2BI?version=3&hl=en_US&rel=0 allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>
_____________________________________​

วันที่ 5 มิถุนายน 2554 เจ้าอาวาสองค์ใหม่ออกหนังสือไม่ให้พระเก่า 8 รูป เข้าประจำที่วัดพุทธไชโย ​

โดยอ้างว่าเป็นมติคณะสงฆ์วัดพุทธไชโย แต่ในทะเบียนวัดพุทธไชโยไม่มีพระภิกษุอยู่เลย แม้แต่เจ้า​

อาวาสก็สังกัดอยู่วัดบุษยบรรพต​

ตามกฎหมายแล้วไม่สามารถอ้างชื่อคณะสงฆ์ได้เลย เพราะวัดพุทธไชโยไม่มีคณะสงฆ์ตามกฎหมาย ​

ข้อนี้ก็คือไม่รู้อำนาจตัวเอง ไม่รู้จักคณะสงฆ์วัดพุทธไชโยตามกฎหมาย จะถือว่ามีความรู้สมควรแก่​

ตำแหน่งได้อย่างไร​

1.2 เจ้าอาวาสองค์ใหม่ ไม่ใช้อำนาจเจ้าอาวาส อ้างมติคณะสงฆ์ภายในวัดพุทธไชโย​

พระ 2 กลุ่มไม่เคยรู้จักกันเลย ไม่เคยทำงานด้วยกัน เริ่มต้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ก็เป็นต้นเหตุสร้าง​

ความขัดแย้งระหว่างพระ 2 กลุ่ม โดยอ้างมติกลุ่มหนึ่งไปห้ามพระอีกกลุ่มหนึ่ง ความขัดแย้งนี้ท่านเป็นผู้​

สร้างขึ้นเอง ความไม่พอใจระหว่างกันจะมีหรือไม่ ไม่สามารถจะทราบได้ แต่ท่านขาด คุณสมบัติ ข้อ ​

6.3 เป็นผู้ฉลาดในการปกครองคณะสงฆ์ ท่านเป็นต้นเหตุ ส่งเสริมให้มีความไม่พอใจ ไม่สามัคคี​

ระหว่างกัน ขัดขวางการดำเนินงานศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร วัดท่าซุง สาขาที่ 3 โดย​

เสด็จพระราชกุศล​

1.3 เจ้าอาวาสองค์ใหม่ ลงลายมือชื่ออนุญาต ให้สัมภาษณ์นักข่าว “กลับมาเถอะทั้งพระ ทั้งโยม” ​

และลงลายมือชื่อในใบสุทธิ​

ถ้าแต่งงานกันก็ถือว่าจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว แต่นี่เป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาพูดแล้ว​

เปลี่ยนไป เปลี่ยนมา จะถือว่ามีคุณสมบัติในข้อ 6.3 มีความประพฤติเรียบร้อยตามพระธรรมวินัยได้​

อย่างไร​

2. ความเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสสิ้นสุดลงแล้ว ทำให้ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเจ้าอาวาส​

เจ้าอาวาสเก่ากล่าวว่า “ท่านขาดแล้ว (ขาดจากการเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส)”​

คุณสมบัติพระสังฆาธิการ ข้อ 6.7 ไม่เคยถูกถอดถอนหรือปลดจากตำแหน่งใดเพราะความผิดมาก่อน​

พระอนุภาพ ปริปุณโณ บวชที่วัดบุษยบรรพต สังกัดวัดบุษยบรรพต(เขาต้นงิ้ว) อำเภอหัวหิน จังหวัด​

ประจวบฯ ​

ข้อมูลเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552 พรรษา 5 วิทยฐานะนักธรรมตรี ระดับการศึกษาประถม 6​

ความเป็นมาของพระอนุภาพ ปริปุณโณ จากการพูดคุยกับโยม วันที่ 21 พ.ค. 54​

“อาตมามาอยู่ตรงนี้จริงๆตั้งแต่ปี 52 มาช่วยงานปริวาสหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านไม่มีคนช่วย เราอยู่วัดใกล้ๆ ก็เลยมาช่วยดูแล หลวงพ่อเห็นมีอาวุโสหน่อยหรือมีพรรษาหน่อย ก็เลยให้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ก็เลยอยู่ตรงนี้มาคิดว่า เราทำงานที่ค่ายพุทธบุตร แล้วที่นี่สถานที่มันก็ดีใช่ไหม แต่ทำไม่ได้ เพราะหลวงพ่อท่านอารมณ์แรง ก็เลยนั่งเฝ้าตึกไปวันๆ”​

“ตอนที่หลวงพ่อท่านอยู่หรืออยู่กับหลวงพ่อ ไม่มีสิทธิ์จะไปไหนเลย จะไปโรงเรียนก็ไปไม่ได้ ไปสวดปาฏิโมกข์ก็ไปไม่ได้ หลวงพ่อบอกไม่มีใครเฝ้าวัด โดนด่าอีกก็ต้องนั่งเฝ้าอย่างนี้ ก็เลยนั่งเฝ้าตึก”​

"เมื่อปลายปีที่แล้ว (2553 รับตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสแล้ว) พอดีมีโครงการของพระพรหมโมลี ให้ไปปฏิบัติกรรมฐาน 3 เดือน ก็กลัวว่าวัดจะขัดสนอะไรไม่มีคน ก็ไม่ได้ลาบอกหลวงพ่อ ก็ไปร่วม ไปปฏิบัติที่ธรรมโมลีโคราชไปเรียนวิปัสสนามา 3 เดือน"​

สรุปข้อความจากท่านคือ​

1.ปี 2552 เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส​

2.ไปไหนไม่ได้ หลวงพ่อห้ามหมด​

3.ออกจากวัดไป 3 เดือนโดยไม่ได้บอก​

เมื่อกลับมาที่วัดพุทธไชโย จากคำสัมภาษณ์ 21 พ.ค. 2554
<EMBED height=330 type=application/x-shockwave-flash width=400 src=http://www.youtube.com/v/BkbOLNsHBxo?version=3&hl=en_US&rel=0 allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>​

"เมื่อปลายปีที่แล้ว (2553 รับตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสแล้ว) พอดีมีโครงการของพระพรหมโมลี ให้ไปปฏิบัติกรรมฐาน 3 เดือน ก็กลัวว่าวัดจะขัดสนอะไรไม่มีคน ก็ไม่ได้ลาบอกหลวงพ่อ ก็ไปร่วม ไปปฏิบัติที่ธรรมโมลีโคราชไปเรียนวิปัสสนามา 3 เดือน"​

“หลวงพ่อท่านก็ลืมว่าท่านตั้งไปแล้ว ท่านก็พาไปเป็นรอบสอง ไปฝากกับหลวงพ่อจังหวัดว่า ถ้าเกิด​

ท่านเป็นอะไรไป ขอฝากองค์นี้ไว้นะ ให้เป็นเจ้าอาวาส พระอนุภาพ ปริปุณโณ เป็นวาระที่สอง กลับมา
ถึงวัดก็เลยถามหลวงพ่อว่า พาผมไปหาจังหวัดทำไม
หลวงพ่อบอกว่าให้แต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส
ผมบอก ผมเป็นอยู่แล้ว เป็นมา สองปี แล้ว
หลวงพ่อบอก อ้าวเรอะ นึกว่าขาดไปแล้ว
ก็เลยบอกยังไม่ขาดผมยังเป็นอยู่
หลวงพ่อบอก แน่ใจนะ ถ้าเกิดมีอะไรหลวงพ่อไม่รับผิดชอบนะ”

_____________________________________​

สรุปข้อความคือ ไม่ได้ลืมว่าตั้งไปแล้ว แต่สรุปว่าขาดไปแล้ว​

พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พระสังฆาธิการย่อมพ้นจากอำนาจ หมวด 6 ข้อ 36(4) ย้ายออกไปนอกเขต​

ที่ตนมีสำนักอยู่ เมื่อปลายปี 2553 เจ้าอาวาสองค์ใหม่สังกัดวัดบุษยบรรพต แต่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด​

พุทธไชโยขณะที่ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาส ออกจากวัดพุทธไชโยไป 3 เดือน โดยไม่ลาเจ้า​

อาวาส ทั้งๆที่วัดพุทธไชโยไม่มีพระสงฆ์ในทะเบียนวัดเลย ไม่มีใครช่วยงานเลย และเจ้าอาวาสองค์เก่า​

อาพาธอย่างหนัก จนมรณภาพในเดือนเมษายน ในที่สุด ข้อ 55 ละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุผลอัน​

สมควรเกิน 30 วัน​

พระอนุภาพ ปริปุณโณ ถูกเจ้าอาวาสองค์เก่าระบุว่าขาดไปแล้ว ถูกต้องตาม​

พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พระสังฆาธิการย่อมพ้นจากอำนาจ หมวด 6 ข้อ 36(4) ย้ายออกไปนอกเขต​

ที่ตนมีสำนักอยู่ เมื่อขาดไปแล้วปลดหรือไม่ แล้วตั้งใหม่อีกหรือไม่ หรือใช้วิธีพาไปฝากเจ้าคณะจังหวัด ​

หรือไม่ ต้องใช้พระราชบัญญัติปกครองสงฆ์ พระสังฆาธิการ​

พระอนุภาพ ปริปุณโณ ออกจากวัดพุทธไชโยไป 3 เดือน โดยไม่บอกผู้บังคับบัญชา และถูกระบุว่าขาด​

ไปแล้ว ทำให้ขัดกับคุณสมบัติพระสังฆาธิการ (การที่จะแต่งตั้งเจ้าอาวาส) ข้อ 6(7) ไม่เคยถูกถอด​

ถอนหรือปลดจากตำแหน่งเพราะความผิดมาก่อน ขอให้ผู้ที่ชอบอ้างกฎหมายว่าตั้งเจ้าอาวาสใหม่มา​

ด้วยความถูกต้อง ช่วยชี้แจง ความถูกต้องตามกฎหมายด้วย​

3.ขัดขวางงานเผยแพร่พุทธศาสนา และขัดขวางงานศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร ​

ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 วัดท่าซุง สาขาที่3 ขัดขวางความ​

สงบเรียบร้อยภายในวัด ขัดขวางและทำลายศรัทธาญาติโยมที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาต่างๆภายในวัด​

หลังจากที่มีจดหมายร้องเรียนองค์กรปกครองคณะสงฆ์ให้ทบทวนการแต่งตั้งเจ้าอาวาสองค์ใหม่ แต่ใน​

ที่สุดก็มีการแต่งตั้งโดยรีบร้อน คณะศิษย์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤๅษี) ได้ขอความ​

เมตตากับเจ้าอาวาสองค์ใหม่ ท่านยินดีรับพระเก่า 8 รูปกลับวัดพุทธไชโยและประกาศต่อหน้าคณะ​

ศิษย์ฯ และญาติโยมจำนวนมาก ตามวิดีโอคลิปที่ให้คำสัมภาษณ์ 21 พ.ค. 54​

<EMBED height=330 type=application/x-shockwave-flash width=400 src=http://www.youtube.com/v/Ol12xH52K8c?version=3&hl=en_US&rel=0 allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>
_____________________________________​

และในวันที่ 3 มิถุนายน พระอนุภาพ ปริปุณโณ ติดต่อกับคณะศิษย์ฯ เพื่อเดินทางขอเข้าพบเจ้าอาวาส​

วัดท่าซุง ที่บ้านสายลม ตามที่ให้คำสัมภาษณ์กับนักข่าว 21 พ.ค. 54​

“จะดำเนินไปหาหลวงพ่ออนันต์ วันที่ 4 อะนะ ที่......ที่อะไรนะ (หันไปถามพระด้านหลัง) ที่ซอยสายลม ให้โยมเขาติดต่อกับหลวงพ่ออนันต์ไว้ ว่าจะไปกราบท่านและก็ขอความเมตตา จากหลวงพ่อด้วยว่า มีท่านใดสามารถจะสอนโยมได้ถูกต้องตาม ปณิธานของหลวงพ่อฤๅษี สายของหลวงพ่อฤๅษีนะ” (คณะศิษย์ฯแนะนำให้เข้าพบวันที่ 3 มิถุนายน)
<EMBED height=330 type=application/x-shockwave-flash width=400 src=http://www.youtube.com/v/DZ7M6554ABI?version=3&hl=en_US&rel=0 allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>
_____________________________________​

ในที่สุดท่านก็เข้าไปพบเจ้าอาวาสวัดท่าซุง ท่านแนะนำให้พระอนุภาพ ปริปุณโณ ปรึกษาหารือกับคณะ​

ศิษย์ผู้ก่อตั้งและอุปถัมภ์วัดพุทธไชโย รวมทั้งพระเก่า 8 รูป ที่ท่านรับกลับวัดพุทธไชโย​

เจ้าอาวาสวัดท่าซุงแนะนำว่า พระเก่า 8 รูปและโยมเสียสละสร้างวัดมา มีความรักในสถานที่และ​

ปฏิปทาของหลวงพ่อฤๅษี ให้ท่านไปปรึกษาหารือกัน ทุกอย่างจบลงด้วยดี เจ้าอาวาสใหม่วัดพุทธไชโย ​

ลงชื่อในใบสุทธิรับพระกลับวัดต่อหน้าพระสงฆ์และฆราวาส ​

ความสามัคคีในหมู่ชาวพุทธควรจะเกิดขึ้น แต่ถูกเจ้าอาวาสองค์ใหม่ ทำลายด้วยตนเอง​

วันที่ 5 มิถุนายน 2554 มีจดหมายไม่อนุญาตพระเก่า 8 รูป กลับเข้าวัดพุทธไชโยอ้างคณะสงฆ์พุทธ​

ไชโย ทั้งๆที่ในทะเบียนวัดพุทธไชโย ไม่มีพระภิกษุอยู่ในทะเบียนวัด ตามกฎหมายไม่มีอำนาจด้วย ​

อำนาจการรับพระเป็นของเจ้าอาวาสเท่านั้น เมื่อท่านกระทำการลงไปเช่นนี้ ก็ถือว่า​

1. ขัดขวางการดำเนินงาน ศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชประสงค์ของพระบาท​

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 วัดท่าซุง สาขาที่ 3 ขัดขวางการดำเนินงานโดยเสด็จพระราชกุศล​

2.ขัดขวางการเผยแพร่และส่งเสริมการปฏิบัติธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า​

3.ไม่ส่งเสริมความสามัคคี อ้างมติสงฆ์กลุ่มหนึ่งมาขัดแย้งกับอีกกลุ่มหนึ่ง เท่ากับขัดขวางความสงบ​

เรียบร้อยในวัด​

4.ขัดขวางและทำลายศรัทธาญาติโยมที่จะเข้าไปแก้ปัญหาในวัดพุทธไชโย ทั้งๆที่คณะศิษย์ฯได้ทำ​

ตามกฎหมายและกฎมหาเถรสมาคม คือยอมรับในความเป็นเจ้าอาวาสใหม่ของท่านแล้ว​

การที่เจ้าอาวาสองค์ใหม่ กระทำการดังกล่าวมาแล้วข้างต้น จะเห็นได้ว่า ขาดคุณสมบัติเจ้าอาวาส ข้อ ​

26(2) “เป็นผู้ทรงเกียรติคุณเป็นที่เคารพนับถือของบรรพชิตและคฤหัสถ์ในถิ่นนั้น”​

พระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งที่จะออกมาปกป้องพระอนุภาพ ปริปุณโณ ท่านเจ้าอาวาสองค์นี้ ​

ขอให้ท่านชี้แจ้งความถูกต้องตามธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า​

ขอให้ท่านชี้แจ้งความถูกต้องตามพระธรรมวินัย​

ขอให้ท่านชี้แจ้งความถูกต้องตามกฎหมาย​

ถ้ามีเหตุผลเพียงพอ คณะศิษย์ยินดีรับฟังการคัดค้านความเห็นนั้น ถ้าท่านไม่มีเหตุผลเพียงพอ และเห็น​

ด้วยกับข้อความในแถลงการณ์ฉบับนี้ ก็ขอนิมนต์ท่านอย่าได้นิ่งเฉย ให้ชาวพุทธทนทุกข์กับความอยุติ​

ธรรม พุทธัง สรนัง คัจฉามิ ธัมมัง สรนัง คัจฉามิ สังฆัง สรนัง คัจฉามิ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ​

จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยเถิด.​

คณะผู้ก่อตั้งและผู้อุปถัมภ์วัดพุทธไชโย​

___________________________________________________​

สมัครสมาชิกเว็บพลังจิต เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็น กดที่นี่


หน้าแรกของกระทู้ปัญหาวัดพุทธไชโย


ที่ยอมถวายหัวและชีวิตเพื่ออุทิศให้แก่หลวงพ่อก็เพราะว่า..


ประวัติงานศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร และกองทุนหลวงพ่อปาน - พระมหาวีระถาวโร


ติดต่อคณะผู้ก่อตั้งและผู้อุปถัมภ์วัดพุทธไชโยส่ง E-mail มาที่ srisumatro@hotmail.com

Face Book</EMBED>​

<!-- google_ad_section_end -->

 

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกไม่ใช่ของใคร ไม่มีใครมีอำนาจแมัแต่ร่างกายของเราที่ครองอยู่ เราก็ยังไม่อำนาจจะบังคับบัญชา เมื่อเรายังหนุ่มอยู่เราไม่ต้องการให้มันแก่มันก็จะแก่และร่างกายเรายังทรงอยู่ เรามีหมอดียาดีเราสามารถจะบำบัดโรคภัยใข้เจ็บได้เป็นอย่างดีแต่ก็ห้ามปรามการป่วยไข้ไม่สบายไม่ได้ เมื่อถึงเวลาจะตายจะมีอำนาจวาสนาบารมี เป็นพระราชาผู้คุ้มครองโลก เป็นพระมหากษัตริย์ที่มีบุญญาธิการ แต่ก็ห้ามความตายไม่ได้ ฉะนั้นพระองค์จะไปหลงไหลอะไรกับทรัพย์ภายนอก ควรรักษากำลังใจให้มีความบริสุทธ์ทางจิต คิดโดยธรรม แสวงหาความสุขทั้งในชาตินี้และในชาติหน้า คือตัดกังวลเสียให้หมด สิ่งใดล่วงแล้วก็แล้วกันไปอย่าตามนึกถึง สิ่งใดยังไม่ถึงก็อย่าดึงเข้ามา รักษากำลังใจเวลานี้ของเราให้ดี ให้จิตบริสุทธิ์ จะมีความสุข ดูตัวอย่างพระราชบิดาของอาตมาเองหรือแม้แต่ตัวอาตมาเองก็ดี กลับเข้าไปในเมืองเมื่อใดก็เป็นพระราชาเมื่อนั้น แต่อาตมาไม่ได้เห็นความสุขในการเป็นพระราชา เพราะว่าภาระมากจึงต้องการบวช การบวชนี้มีความดี2อย่าง คือชีวิตเป็นสุขเพราะไม่มีกังวลในชีวิตนี้ถ้าตายจากความเป็นคน อย่างน้อยที่สุดก็ไปเกิดเป็นเทวดาซึ่งมีความสุขมากกว่ามนุษย์หลายแสนเท่า
โอวาทของพระเตมีย์ใบ้
การบวชก็ดี การเป็นเจ้าอาวาสก็ดี การเป็นท้าวพระยามหากษัตริย์ก็ดี ล้วนแต่เป็นความสมัครใจของตนเอง เมื่อท่านเห็นคุณในการบวชแล้วยังจะมามีวิบากกรรมในการขัดขวางบุญของผู้อื่น ถึงกับยอมเสียสัจจะ ท่านจะอ้างเหตุผลอย่างไรก็ดี เมื่อพูดไปแล้ว ลงลายมือชื่อไปแล้วก็ถือว่ากรรมเกิดขึ้นแล้ว ผลของกรรมนั้นท่านจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมที่ท่านสร้างขึ้น การกระทำของท่านนั้นเมื่อเผยแพร่ออกไปแล้ว ย่อมทำลายความศรัทธาเลื่อมใสของมหาชน ความผิดพลาดของบุคคลในพุทธศาสนาย่อมเกิดขึ้นได้ พระพุทธองค์ด้วยความเมตตาต่อสรรพสัตว์ท่านได้อบรมสั่งสอนให้แก้ไขจิตใจที่เศร้าหมองให้ผ่องใส ขอให้ท่านเจ้าอาวาสได้มีจิตใจที่บริสุทธิ์มีสติแก้ไขวิบากกรรมที่ท่านได้สร้างไว้อย่างมีสติ ขอให้ปัญหานี้จงลุล่วงไปด้วยธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเทอญ

 

ความเป็นมาของศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร

<CENTER></CENTER>

<DD>พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชปรารภอยากให้หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร ตั้งศูนย์สงเคราะห์ราษฎรยากจนในถิ่นทุรกันดารขึ้น โดยมีศูนย์กลางปฏิบัติงานที่วัดจันทาราม (ท่าซุง) อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ทรงรับสั่งให้หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร เป็นองค์อำนวยการของศูนย์สงเคราะห์ฯนี้ และทรงพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท และยาป้องกันรักษาไข้มาเลเรีย ๔ หีบใหญ่ ให้ศูนย์สงเคราะห์ฯ นี้เป็นทุนเริ่มแรกอีกด้วย

<DD>พระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่จัดตั้งศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในแดนทุรกันดาร มีความมุ่งหมาย คือ

<DD>๑. ช่วยสงเคราะห์การกินอยู่ และสิ่งของที่ใช้จำเป็นแก่ราษฎรผู้ขาดแคลนยากจนจริง ๆ เป็นครั้งคราว เพื่อแก้ไขเฉพาะหน้าให้ราษฎรผู้ยากไร้เหล่านั้นมีกำลังกายกำลังใจพอช่วยตนเองได้

<DD>๒. แนะนำในการทำมาหากิน การประกอบอาชีพที่เหมาะสมแก่ท้องถิ่น ตลอดจนช่วยหาแหล่งน้ำให้

<DD>๓. แนะนำการเกษตร การกสิกรรม การพัฒนาท้องถิ่นที่ตนอาศัยอยู่ ให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองและประเทศชาติ

<DD>๔. ช่วยเหลือการจัดตั้งสร้างโรงเรียน เพื่อให้เยาวชนได้รับการศึกษา และจริยธรรมปลูกฝังปัญญาในทางที่ชอบ รู้จักรักชาติไทย รู้คุณของผืนแผ่นดินไทยที่ตนได้กำเนิดเกิดมาอยู่อย่างร่มเย็น รู้ตอบแทนและหวงแหนต่อสู้ศัตรูที่เป็นภัยมารุกรานประเทศชาติ ตลอดจนให้วิชาความรู้ ความสามารถนำมาประกอบสัมมาอาชีวะ ดำรงชีพเป็นพลเมืองดีต่อไป

<DD>๕. จัดตั้งธนาคารข้าวทั่วไปทุกท้องถิ่น เพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมถิ่นฐานเดียวกันตามระเบียบของธนาคารข้าว ทั้งในการแก้ไขปัญหาระยะยาว

<CENTER></CENTER>
<DD>นอกจากพระราชประสงค์ทั้งหมดนี้แล้ว ในวโรกาสที่หลวงพ่อท่านพาคณะบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศลให้กับศูนย์สงเคราะห์ราษฎรยากจนในแดนทุรกันดาร เมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๑ ณ พระราชวังสวนจิตรลดา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชดำรัสว่า

<DD>“ขอขอบใจท่านทั้งหลาย ที่นำเงินมาบริจาคช่วยศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในแดนทุรกันดารฯ ความจริงการบริจาคเงินนั้น ก็เพียงแต่นำเงินมามอบให้ ซึ่งภาระยังไม่ควรจะหยุดอยู่แค่นั้น เพราะเจตนาของศูนย์ฯ ไม่ประสงค์แต่จะเพียงรับเงินบริจาคอย่างเดียวเท่านั้น แต่เราต้องการให้นักวิชาการ หรือผู้ที่มีความรู้และผู้ที่มีจิตเสียสละไปช่วยราษฎรที่ยากจน เพื่อแนะนำให้เขาทั้งหลายได้มีอาชีพเลี้ยงตนเองได้ โปรดเข้าใจว่าการที่เราเพียงนำสิ่งของไปช่วยนั้น เป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนชั่วคราว ซึ่งจะมีวันสิ้นสุด โดยที่ผู้รอรับการช่วยเหลือ เขารอรับสิ่งของที่จะนำไปนั้น และถ้าเขาไม่ได้ตามที่เขาหวังไว้ ก็จะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

<DD>ฉะนั้น ขอให้ท่านทั้งหลายควรที่จะหาวิธีการช่วยเหลือ หาอาชีพให้ราษฎรที่ยากจนในท้องถิ่นทุรกันดาร ได้ประกอบอาชีพตั้งหลักตั้งฐานอยู่ในท้องถิ่นของตน เลี้ยงตนเองและครอบครัวอย่างมีความผาสุกต่อไป ขอให้ท่านทั้งหลายจงอย่าคิดว่าเมื่อเราช่วยเหลือครั้งนี้แล้วก็หยุด ถ้ามีโอกาสที่เราจะช่วยได้ก็จงช่วยกันต่อ ๆ ไป และการที่ช่วยเหลือนี้ก็อย่าคิดว่าเราจะไม่ได้รับผลตอบแทน ซึ่งแท้ที่จริงแล้วการเสียสละของท่านทั้งหลายในส่วนที่เป็นกุศลนี้มีคุณค่ามหาศาล ยากที่จะหาสิ่งตอบแทนใดมาเทียบกันมิได้นับว่าการกระทำของท่านทั้งหลายเป็นสิ่งที่น่าชมเชย และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง..”

</DD>ที่มา ประวัติงานศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร และกองทุนหลวงพ่อปาน - พระมหาวีระถาวโร

 

ว่าไปแล้วป้ายทางเข้าหน้าวัดก็ชัดเจนนะ
"ศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร (สาขาที่3)"

ป้ายตึกก็มีบอกนะ
"ตึกพระสุธรรมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)" ใครมะรู้จักหลวงพ่อฤาษีลิงดำ อ่ะยกมือขึ้นจ้า

ป้ายศูนย์ในวัดก็มีอีก "กองทุนมูลนิธิหลวงปู่ปาน พระมหาวีระ ถาวโร"
ศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในแดนทุรกันดาร ตั้งขึ้นตามพระราชประสงค์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ สาขาที่ ๓" ใครมะรู้จักหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค พระอาจารย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ อ่ะยกมือขึ้นจ้า

ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2520 คิดว่าเจ้าคณะจังหวัด อำเภอ ตำบล น่าจะเกิดทันนะเจ้าคะ ตามมารยาท เนี่ยท่านควรจะติดต่อไปที่วัดท่าซุงโดยตรงนะเจ้าคะ มะใช่มาตั้งเจ้าอาวาสใหม่มาโดยไม่ใช่สายหลวงพ่อฤาษี

แล้วในงานสวดอภิธรรมศพ ก็มีพระสายหลวงพ่อฤาษีหลายองค์ไปร่วมงานด้วย ทำไมท่านถึงไม่เชิญพระสายหลวงพ่อฤาษีมาร่วมประชุมในการแต่งตั้งเจ้าอาวาส แต่กลับไปประชุมลับหลังเจ้าคะ

เด็กๆมะเข้าใจอ่ะเจ้าค่ะ ผู้ใหญ่ที่ว่าโตๆกันแล้ว ทำแบบนี้เหรอเจ้าคะ แบบนี้เด็กงงน้าเนี่ย
:z2

แล้วเกิดเรื่องแบบนี้ท่านจะทำไงเจ้าคะ

เมื่อใดฟ้าสีทองผ่องอำไพ ความมืดมิดจะหายไปจากพุทธไชโย