หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ทุเรียนทอด, 16 พฤษภาคม 2011.

  1. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,566
    ค่าพลัง:
    +30,871
    พระอรหันต์ในบ้าน...ที่หลายคนละเลย
    พระอรหันต์ของลูก
    อมตะธรรม ของสมเด็จพระพุฒจารย์โตพรหมรักษี

    พระอรหันต์อยู่ในบ้าน ในขณะที่ทุกคนพากันคิดสงสัยอยู่นั้น ฝ่ายสมเด็จโตทรงทราบด้วยญาณวิถีของทุกคน

    ท่านจึงขยายความต่อไปว่า จิตพระอรหันต์ เป็นผู้บริสุทธิ์ ท่านละจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ไม่ยินดีและยินร้าย ในเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยม หากใครได้ทำบุญกับพระอรหันต์แล้วไซร้ ก็ถือได้ว่าเป็นลาภอันประเสริฐที่สุด
    บุญที่ได้ทำกับท่านจะให้ผลในชาติปัจจุบันทันที่ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้า ทุกๆคนจึงมุ่งเสาะแสวงหาแต่พระอรหันต์ที่อยู่นอกบ้าน แต่ไม่เคยมองพระอรหันต์ที่อยู่ในบ้านเลย

    ทุกๆ คนที่นั่งฟังเทศนาอยู่ในที่แห่งนั้นต่างทำสีหน้างุนงงไปตามกัน เพราะไม่เข้าใจความหมาย

    สมเด็จโตจึงเทศนาต่อไปว่า “พระอรหันต์ คือ พระผู้ประเสริฐ คนเราทั้งหลายพยายามค้นหาพระผู้ประเสริฐ เพียงหวังที่จะยึดท่าน เกาะผ้าเหลืองท่าน เกาะหลังของท่าน เพื่อให้ท่านพาไปสู่ความสุข แม้ว่าท่านจะอยู่ไกลสุดขอบฟ้า คนเราก็ยังอุตสาห์ดั้นด้นดิ้นรนไปหา เพียงหวังเพื่อยึดเหนี่ยวและบูชาท่าน
    แต่พระที่อยู่ภายในที่ใกล้ตัวที่สุดกลับมองข้าม มองไม่เห็นเหมือนใกล้เกลือแต่กับไปกินด่าง
    อันน้ำใจของพ่อแม่ที่ให้ต่อลูก มีแต่ความบริสุทธิ์ ไม่คิดหวังสิ่งใดตอบแทน เช่นเดียวกับน้ำใจของพระอรหันต์ที่ให้ต่อมนุษย์ ก็มีความบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน
    <!-- google_ad_section_end -->

    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A2.189049/
     
  2. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    แม้แต่องค์หลวงปู่ ท่านก็ยังสอนให้ดูแลพระอรหันต์ในบ้านให้ดีก่อนเลยครับ ถ้ามีญาติโยมที่จะลากลับ แล้วบอกว่าจะเอาของที่หลวงปู่ให้มาไปให้พ่อ-แม่ หลวงปู่จะกล่าวคำ " สาธุ " ทุกครั้งเลย และมักกล่าวคำว่า " ความกตัญญูรู้คุณ เป็นเครื่องหมายของคนดี "
     
  3. zea2516

    zea2516 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +797
    กราบองค์หลวงปู่พิศดูครับ
     
  4. เด็กไทรน้อย

    เด็กไทรน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,259
    ค่าพลัง:
    +4,327
    พระอรหันต์ของลูก

    เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบหลายๆคนในสังคมปัจจุบัน เลิกเรียน/เลิกงาน ก็สังสรรกับเพื่อนฝูงกลับดึกๆดื่นๆ ตื่นก็กินข้าวที่พระอรหันต์ของผมท่านหาเตียมไว้ให้ แล้วแต่งตัวออกจากบ้านไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กันในครอบครัว...แต่พอโตขึ้นกลับหยุดดื่มกิน ให้เวลาครอบครัวมากขึ้นจนตอนนี้คนแถวบ้านออกปากคุณนี่ดีจังอยากไปไหนลูกก็พาไป วันพระลูกก็พาไปทำบุญเวียนเทียน...เรียกว่าปัจจุบันนี้ให้เวลากับครอบครัวทดแทนช่วงเวลาในอดีตที่ขาดหายไป...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2011
  5. เด็กไทรน้อย

    เด็กไทรน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,259
    ค่าพลัง:
    +4,327
    วันทำบุญร้อยวันผมคงไม่มีโอกาสได้ไปร่วมงานด้วย เนื่องด้วยติดภารกิจงานที่บ้าน และเป็นช่วงที่ยุ่งเหยิงต้องสอบนู่นสอบนี่เพื่อความมั่นคงในชีวิต ไงก็เอาภาพมาให้ชมด้วยนะครับ...และขออนุโมทนาบุญร่วมกันด้วยครับ
     
  6. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,566
    ค่าพลัง:
    +30,871
    กราบหลวงปู่พิศดู 15[1].jpg

    หวัดดีท่านเจ้าของกระทู้และสมาชิกทุกท่านครับ
     
  7. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    สาธุ ดีแล้วครับท่านไทร มีเวลาให้กับผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดูเรามา เมื่อก่อนผมเองก็เป็นอย่างเช่นหลายๆคน ที่ไม่ค่อยมีเวลาให้กับครอบครัว แต่ตอนนี้ก็หันมาใส่ใจกับครอบครัวมากขึ้น เดี๋ยววันเกิดปีนี้ จะพาแม่ไปทานอาหารนอกบ้านอยู่ครับ
     
  8. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    สวัสดีครับป๋าบัติ และสมาชิกทุกท่านครับ
     
  9. เด็กไทรน้อย

    เด็กไทรน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,259
    ค่าพลัง:
    +4,327
    ดีแล้ว เจริญแล้ว สาธุ...:cool:
     
  10. ดินระเบิด

    ดินระเบิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,087
    ค่าพลัง:
    +8,702
    กราบหลวงปู่พิศดู
    สวัดดีสมาชิกทุกท่านครับ
    <!-- google_ad_section_end --> ​
     
  11. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    กราบองค์หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • CIMG1926.JPG
      CIMG1926.JPG
      ขนาดไฟล์:
      168.7 KB
      เปิดดู:
      253
    • DSC07349.JPG
      DSC07349.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.6 MB
      เปิดดู:
      136
  12. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    [​IMG]

    ประวัติความเป็นมาของพระกริ่ง


    ธ.ม.จ.ร.jpg ธ.ม.จ.ร 2.jpg ธ.ม.จ.ร 4.jpg ธ.ม.จ.ร 5.jpg

    พระกริ่งที่เราเริ่มรู้จักกันสมัยสมเด็จพระสังฆราชแพ มีการสร้างพระกริ่งวัดสุทัศน์ และพระชัยวัฒน์

    ซึ่งพระกริ่งมาจากคติความเชื่อของนิกายมหายาน นิกายทิเบต, นิกายจีน, นิกายยวนซึ่งได้แบ่งภาค ของพระพุทธเจ้า เป็น 3 องค์ คือ

    1. พระปฏิมา พระสมณโคดม (ประดิษฐานอยู่ตรงกลาง) คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทีไทยเรานับถืออยู่

    2. พระปฏิมา พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า(พระพุทธเจ้าหมอยา) ประดิษฐาน ณ ทิศตะวันออก ทุกองค์จะมีน้ำเต้า โอสถ หรือ น้ำมนต์ วางไว้บนตักเสมอ ถ้ามีคนเจ็บไข้ได้ป่วยพระองค์ก็ทรงใช้ยาในน้ำเต้ารักษาโรคต่างๆ คือเป็นพระกริ่งของไทยเราเอง ฉะนั้นพระกริ่งจะมีพระพุทธคุณทางด้านรักษาโรคเท่านั้น พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า แปลว่า พระครูแห่งเภสัช

    3. พระอมิตตา ประดิษฐาน ณ ทิศตะวันตก พระปฏิมาองค์นี้เน้นการโปรดสัตว์ โปรคคน


    พระกริ่งและพระชัยวัฒน์ ของสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทว)"
    พระกริ่ง และพระชัยวัฒน์ว่า "คำว่า "กริ่ง" นี้หมายความว่า สมเด็จฯ (สมเด็จพระสังฆราช แพ ติสฺสเทว) เคยรับสั่งเสมอว่า

    คำว่า "กริ่ง" นี้ มาจากคำถามที่ว่า "กึ กุสโล" (กิง กุสะโล) คือเมื่อพระโยคาวจรบำเพ็ญสมณธรรม มีจิตผ่านกุศลธรรมทั้งปวงเป็นลำดับไปแล้ว ถึงขั้นสุดท้าย จิตเสวยอุเบกขาเวทนา ปุญญาภิสังขาร "มูลเหตุที่สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทว) วัดสุทัศนเทพวราราม สร้างพระกริ่งและพระชัยวัฒน์นั้น มีดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ

    เมื่อพระองค์ดำรงสมณศักดิ์เป็นพระศรีสมโพธิ ครั้งนั้น สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้อาพาธเป็นอหิวาตกโรค

    สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ครั้งยังทรงเป็นกรมหมื่นเสด็จมาเยี่ยม เมื่อรับสั่งถามถึงอาการของโรคเป็นที่เข้าพระทัยแล้ว

    รับสั่งว่า เคยเห็นกรมพระยาปวเรศฯ เสด็จพระอุปัชฌาย์ของพระองค์อาราธนาพระกริ่งแช่น้ำอธิษฐาน ขอน้ำพระพุทธมนต์แล้วให้คนไข้เป็นอหิวาตกโรคกินหายเป็นปรกติ

    พระองค์จึงรับสั่งให้มหาดเล็กที่ตามเสด็จไปนำพระกริ่งที่วัดบวร นิเวศ แต่สมเด็จฯ ทูลว่า พระกริ่งที่กุฏิมี สมเด็จพระมหาสมณเจ้า จึงรับสั่งให้นำมา แล้วอาราธนาพระกริ่ง แช่น้ำอธิษฐานขอน้ำพระพุทธมนต์แล้วนำไปถวายสมเด็จพระวันรัต (แดง) เมื่อท่านฉันน้ำพระพุทธมนต์แล้วโรคอหิวาต์ก็บรรเทาหายเป็นปรกติ

    พระกริ่งที่อาราธนาขอน้ำพระพุทธมนต์นั้น เป็นพระกริ่งสมัยไหน พระองค์ท่านรับสั่งว่าจำไม่ได้ เข้าใจว่าเป็นพระกริ่งเก่า

    หรือไม่ก็คงเป็นพระกริ่งของสมเด็จกรมพระยาปวเรศฯ องค์ใดองค์หนึ่ง

    ตั้งแต่นั้นมา พระองค์ก็เริ่มสนพระทัยในการสร้างพระกริ่งขึ้นเป็นลำดับ ค้นหาประวัติการสร้างพระกริ่งและก็ได้เค้าว่า

    การสร้างพระกริ่งนี้มีมาแต่โบราณกาลแล้ว เริ่มขึ้นที่ประเทศทิเบตก่อน

    ต่อมาก็ประเทศจีน และประเทศเขมร และมีข้อความอีกตอนหนึ่งได้กล่าวถึงพระพุทธลักษณะของพระกริ่งไว้ ดังนี้

    พระพุทธลักษณะของพระกริ่ง เป็นแบบพระพุทธรูปมหายานทางประเทศทิเบต และปรากฏว่าในประเทศเขมรก็มีพระกริ่งแบบนี้เหมือนกับเรา

    เรียกกันว่า "กริ่งปะทุม" ประเพณีนิยมสร้างพระกริ่งของไทยจะได้ครูจากเขมรเป็นแน่แท้ และมีการสร้างกันในยุคกรุงสุโขทัยแล้ว

    ที่กล่าวว่าตำราสร้างพระกริ่งในยุคกรุงรัตนโกสินทร์นี้ เดิมเป็นของสมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้วก็น่าจะจริง

    เพราะสมเด็จพระพนรัตองค์นั้นท่านคงจะได้รวบรวมวิธีการสร้างตำรับตำราเก่า ๆ และในสมัยนั้น

    วัดป่าแก้วก็นับถือกันว่าเป็นสำนักอรัญญิกาวาส สมถธุระวิปัสสนาธุระ

    พระกริ่งก็คือ พระปฏิมาพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้านั่นเอง พระพุทธเจ้าองค์นี้เป็นที่นิยมนับถือของปวงพุทธศาสนิกชน

    ฝ่ายลิทธิมหายาน ยิ่งนัก ปรากฏพระประวัติมาในพระสูตรสันสกฤตสูตรหนึ่ง คือ "พระพุทธเจ้าไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาราชามูลประณิธานสูตร" แปลเป็นจีนในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๐..

    ก็เป็นอันว่า "พระกริ่ง" นั้นเป็นพระเครื่องที่ได้แบบมาจากทิเบต

    หมายถึงพระพุทธเจ้าไภษัชยคุรุซึ่งหมายความว่า ทรงเป็นครูในด้านเภสัช คือ การรักษาพยาบาล

    เพราะฉะนั้นจึงนิยมใช้อธิษฐานแช่น้ำทำเป็นน้ำพระพุทธมนต์แล้วดื่มกินเชื่อว่ารักษาโรคภัยไข้เจ็บแม้แต่อหิวาตกโรคได้

    สรุปพระกริ่ง ปวเรศฯ สามารถรักษาอาการอาพาธ ของสมเด็จพระวันรัตจากโรคอหิวาต์ พุทธคุณของพระกริ่งที่สร้างกันมา

    หลายท่านอาจเข้าใจผิดกันว่าพระกริ่งใช้ทางอยู่ยงคงกระพัน แท้ที่จริงพระกริ่งคือพระพุทธเจ้าหมอยา ใช้เพื่ออาราธนาทำน้ำพุทธมนต์ ยุคหลังความเชื่อในการสร้างพระกริ่งเปลี่ยนไป บางที่สร้างพระกริ่ง เพื่ออยู่ยงคงกระพัน และสร้างกันหลายที่หลายวัด รูปทรงเปลี่ยนไป ไม่ได้เนื้อแท้และความเป็นมาของพระกริ่งอย่างแท้จริง



    คาถาบูชาพระกริ่ง ทุกสำนัก

    นะโม ภควเต ไภษัชยคุรุ
    ไวฑูรยปะระภา ราชัยยะ ตถาคตายะ
    อรหเต สัมมาพุทธายะ (ตัทยะถา)
    โอม ไภเสชเย ไภเสชเย ไภเสชยะ
    สมุรคะเต สมุรคะเต สวาหะ..



    เรียบเรียงโดย อ.เวทิต

    ที่มา... http://praphrae.igetweb.com/index.php?mo=12&catid=53368

    http://www.dhammachak.net/board/viewtopic.php?t=545



    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    คาถาบูชาพระกริ่ง ทุกสำนัก

    นะโม ภควเต ไภษัชยคุรุ
    ไวฑูรยปะระภา ราชัยยะ ตถาคตายะ
    อรหเต สัมมาพุทธายะ (ตัทยะถา)
    โอม ไภเสชเย ไภเสชเย ไภเสชยะ
    สมุรคะเต สมุรคะเต สวาหะ..


    เป็นพระคาถาศักดิ์สิทธิ์มาก แม้แต่องค์หลวงปู่พิศดู ท่านยังใช้สวดและเป่ารักษาโรคกับผู้ที่มาพึ่งบารมี หลวงปู่เคยบอกว่า " เป็นคาถาพระไภสัชยคุรุพุทธะ พระพุทธเจ้าหมอ "
    จนเป็นเหตุในการสร้างพระกริ่ง-ชัยวัฒน์ ธัมมะจารี โดยดำหริขององค์หลวงปู่อย่างแท้จริงที่สุด และยังได้จัดสร้างแหวนปลอกมีดมหามงคลขึ้นด้วยเป็นกรณีพิเศษ


    [​IMG][​IMG]
    จึงขออนุญาตแจงรายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับวัตถุมงคลชุดนี้สักหน่อยนะครับ เพื่อความสมบูรณยิ่งๆขึ้น
    พระกริ่งชุดนี้ได้ออกแบบให้มีความเป็นเอกลักษณ์ของทางวัดเทพธารทองเอง มิได้ถอดพิมพ์มาจากสำนักใดๆ โดยองค์หลวงปู่มีความปราถนา และให้ออกแบบลักษณะรูปของพระมหาไภสัชยคุรุ และสัญลักษณ์ของพระมหาอุปคุตไว้ในองค์เดียวกันจึงอัญเชิญดอกบัวอันเป็นสัญลักษณ์ของพระมหาอุปคุตมาประดิษฐานเอาไว้ที่พระหัตถ์ขององค์พระ เพื่อความสมบูรณ์ในด้านพุทธศิลป์ และตรงตามเชื้อสายแห่งธรรมขององค์หลวงปู่ท่าน นัยว่าองค์หลวงปู่มีความสัมพันธ์และนับถือในองค์พระมหาอุปคุตเปรียบเสมือนครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง และมีความศรัทธาในมหาบารมีของพระมหาไภสัชยคุรุ ที่สงเคราะห์มวลหมู่เวนัยสัตว์ให้ได้พ้นจากความทุกข์ หรือเป็นการรวมความเป็นสุดยอดในทั้งสองมาไว้เป็นหนึ่งเดียว

    พิธีการบรรจุพุทธานุภาพลงในวัตถุมงคลชุดนี้ได้พิถีพิถันเป็นอย่างมากทุกขั้นตอน ตั้งแต่สะสมชนวน มวลสารจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งที่มีอยู่บนดิน ใต้ดิน ในน้ำ ในอากาศ รวมได้เป็นธาตุทั้ง4 ประชุมรวมกันเป็นรูปแทนองค์พระมหาไภสัชยคุรุพุทธะ ทุกขั้นตอนนั้นได้มีการประกอบพิธี เริ่มตั้งแต่ เนื้อชนวนได้ขอความเมตตาจากท่านครูบาอาจารย์ได้ทำพิธีจารอักขระ เลข ยันต์ พระคาถาที่สำคัญๆของแต่ละท่าน และตะกรุดเครื่องรางของขลัง บางอย่างก็เป็นของตกทอดประจำตระกูล ซึ่งใครทราบข่าวในการสร้างนี้ก็จะนำของดีๆมาบริจาคเพื่อร่วมบุญกัน และของหลายอย่างก็ยังได้มาแบบไม่คาดคิดก็มี อาทิ ฆ้องชัยโบราณ เครื่องสัมฤทธิ์ต่างๆซึ่งมีอายุหลายร้อยถึงพันปี ทองสัมฤทธิ์ขวานฟ้า และแร่ธาตุบางอย่าง จึงได้ชนวน-มวลสารต่างๆมานับไม่ถ้วนรวมกันกว่า 100 กิโลกรัม ซึ่งได้เตรียมการกันมาหลายปี เมื่อรวบรวมของมงคลต่างๆเป็นที่เรียบร้อย ได้มีการประกอบพิธี หลอมชนวนโลหะ แล้วเทเป็นแท่งๆ และได้นำมาให้ครูบาอาจารย์ต่างๆได้ร่วม เจิมและอธิษฐานจิตแท่งชนวนเหล่านั้น เมื่อถึงเวลาที่จะเทเป็นองค์พระแล้ว ได้ประกอบพิธีเททองในวันสำคัญอันเป็นมหามงคล ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2553 โดยท่านครูบากฤษดา พระเกจิอาจารย์ชื่อดังผู้ปฏิบัติดีและมากด้วยมหาบารมีแห่ง จ.ลำพูน โดยคำสั่งนิมนต์จากองค์หลวงปู่พิศดู จากนั้นเมื่อเสร็จเป็นองค์พระโดยสมบูรณ์แล้ว จึงได้นำมาประกอบพิธีบรรจุมวลสาศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และดีที่สุดของแต่ละสำนัก รวมทั้งเกศา อัฐิ อังคารธาตุของพระอริยะเจ้าที่คัดสรรแล้ว จึงนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกรวม 7 พิธี โดยพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณหลายท่าน อาทิ หลวงปู่สนั่น วัดธารเกษม , หลวงปู่ฟัก วัดเขาน้อยสามผาน , หลวงพ่อพูนทรัพย์ วัดอ่างศิลา , หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ , หลวงพ่อพระมหาเข้ม วัดป่าคลองกุ้ง , หลวงพ่ออั้น วัดธรรมโฆษก , ท่านครูบากฤษดา สุเมโธ , หลวงพ่อบุญกู้ วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน ....ฯลฯ ... เม็ดกริ่งทั้งหมด และแหวนปลอกมีดท่านครูบากฤษดา ยังได้เมตตานำไปอธิษฐานจิตให้ที่วัดสันพระเจ้าแดงอีกประมาณเกือบ 2 เดือนและท่านได้นำเข้าพิธีที่วัดฉลอง จ.ภูเก็ต ร่วมกับพระเกจิอาจารย์สายใต้ที่มีคุณานุภาพประสิทธิความขลังให้อีกหลายท่าน และเม็ดกริ่ง+แหวนปลอกมีด และชุดเทดินไทยยังได้เข้าพิธีเปิดสามแดนโลกธาตุ ที่วัดป่าบ้านตาด โดยองค์หลวงตาพระมหาบัว ร่วมกับพระอริยะเกจิอาจารย์สายป่าอีกคับคั่ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นพิธีเปิดโลกธาตุสามแดนครั้งสุดท้ายขององค์หลวงตาพระมหาบัวอีกด้วย และวัตถุมงคลทั้งหมดนี้นั้น ยังได้เข้าพิธีสมโภชน์ในวันตักบาตรส่งพระมหาอุปคุต ในเวลาเที่ยงคืน โดยมีองค์หลวงปู่พิศดูเป็นประธาน และท่านครูบากฤษดาเป็นผู้สวดอัญเชิญและพุทธาภิเษกสมโภชน์ ซึ่งในวันนั้นก็ถือได้ว่าเป็นงานพิธีตักบาตรส่งพระมหาอุปคุตครั้งสุดท้ายขององค์หลวงปู่พิศดูอีกด้วย ตรงกับวันที่ 25 สิงหาคม 2553 หลังจากนั้น 2 วัน องค์หลวงปู่ท่านก็เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล...
    รวมความแล้วว่า วัตถุมงคลชุดธัมมะจารี ได้ประกอบพิธีอย่างเต็มที่เป็นระยะเวลากว่า 6 เดือนเต็ม ซึ่งหลังจากพิธีสำคัญๆแล้ว องค์หลวงปู่ท่านได้กล่าวเป็นอมตะวาจาได้ความว่า

    " ต่อไปจะมีภัย ให้สร้าง(พระกริ่ง)เอาไว้ใช้กัน ไว้ป้องกันภัยยุคนี้โดยเฉพาะ "

    " พระ(กริ่ง)ชุดนี้ทำอย่างดีที่สุด ครั้งสุดท้ายแล้วนะ "

    " งานตักบาตรท่านพ่ออุปคุต ปีนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ ครั้งสุดท้าย ปีหน้าไม่มีแล้ว "


    แรกเริ่ม..พระกริ่งชุดนี้ทางวัดได้มีการเปิดให้ผู้ศรัทธาสั่งจองในราคาต้นทุนจริงๆ และไม่ได้คิดค่าชนวนมวลสารเลย.. เพื่อปราถนาให้เอาไว้ใช้กันใหมู่ลูกศิษย์จริงๆ (แต่ถ้าหากคิดมูลค่าของชนวนมวลสารทุกอย่างและค่าใช้จ่ายต่างๆด้วยแล้ว ชุดละ 5,000 คงยังไม่พอเลยครับ)
    พระกริ่งชุดนี้สร้างทั้งหมด 1,000 ชุด และกำหนดอัตราการสั่งจองคนละไม่เกิน 5 ชุดเท่านั้น ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการเลย เพราะยังมีหลายท่านที่จองไม่ทัน เพราะเปิดจองไม่ถึง 1 เดือนพระก็หมดลงอย่างรวดเร็ว และหลังจากพระกริ่งธัมมะจารี ได้ออกแจกจ่ายถึงมือผู้สั่งจองเริ่มตั้งแต่วันลอยกระทงเป็นต้นมา ก็ทำให้ความนิยมในวัตถุมงคลขององค์หลวงปู่ชุดนี้พุ่งสูงขึ้น จนอาจทำให้วัตถุมงคลรายการอื่นขยับสูงขึ้นด้วย อาจกล่าวได้ว่า พระกริ่ง-ชัยวัฒน์ธัมมะจารีเป็นชุดเปิดตัวองค์หลวงปู่ก็ว่าได้ ทั้งนี้มิได้เป็นเพราะการปลุกปั่นราคาแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะความศรัทธาที่ลูกศิษย์และศาสนิกชนมีต่อองค์หลวงปู่ท่านล้วนๆ..





    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2011
  14. ธมฺมสิทโธ

    ธมฺมสิทโธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +714
    กราบหลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี ที่เคารพอย่างสูงยิ่ง
    สวัสดีสมาชิกและลูกศิษย์หลวงปู่ทุกคน


    'ความสุข' แค่ปลายจมูก<O:p</O:p

    <INS>ฟังบรรยายธรรมฉบับย่อจากพระนักคิด ที่ชวนให้เราหันมา "มี" ความสุข ไม่ใช่</INS><INS> "</INS><INS>หา" ความสุข เพราะจากการหานี่เอง ทำเอาคนทุกข์มานักต่อนัก</INS><INS>

    </INS><INS>หาก</INS><INS> </INS><INS>พระไพศาล วิสาโล</INS><INS>แห่งวัดป่าสุคะโต</INS><INS> </INS><INS>กลับถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงเนิบนุ่มและเปี่ยมไปด้วยเมตตาว่า</INS><INS> </INS><INS>ความสุขที่แท้อยู่ใกล้กว่านั้น...</INS><INS>
    ...</INS><INS>แค่ปลายจมูก</INS><INS>
    </INS><INS>เส้นผมบังความสุข</INS><INS>
    </INS><INS>อีกกว่าสิบนาที</INS><INS> </INS><INS>ถึงจะได้เวลาบรรยายจริงตามกำหนดการ แต่ในร้านหนังสือไตรปิฎก ย่านอรุณอมรินทร์</INS><INS> </INS><INS>ก็ถูกจับจองที่นั่งจนแทบจะไม่มีที่ยืนแล้ว</INS><INS>
    </INS><INS>เด็ก สตรี คนชรา และ</INS><INS> </INS><INS>สุภาพบุรุษมากหน้าหลายตาเหล่านั้น มานั่งเพื่อรอฟังการบรรยายธรรมเรื่อง "</INS><INS>ความสุขที่ปลายจมูก" </INS><INS>ของพระนักคิด นักเขียน</INS><INS> </INS><INS>และนักเผยแผ่ผู้นี้</INS><INS>
    </INS><INS>เมื่อได้เวลาพอดี นักเทศน์พร้อม ผู้ฟังพร้อม</INS><INS> </INS><INS>หลายคนยกมือขึ้นพนม นั่งนิ่งๆ แล้วหลับตา</INS><INS>
    "</INS><INS>ความสุขอยู่ใกล้ตัวมาก</INS><INS> </INS><INS>จนเรามองไม่เห็น เหมือนปลายจมูก ใกล้ตามากๆ เช่น ขนตา แต่เรามองไม่เห็น</INS><INS> </INS><INS>เรามักจะมองเห็นอะไรไกลๆ จนละเลยสิ่งดีๆ ที่มีอยู่กับตัว</INS><INS> </INS><INS>รวมไปถึงความสุขที่มีอยู่แล้วแต่เราไม่เคยคิดหรือไม่เคยรู้ว่าตัวเองมี"</INS><INS> </INS><INS>ท่านเริ่มบรรยายด้วยการให้ความหมาย</INS><INS>
    </INS><INS>พร้อมเล่านิทานเรื่อง "ขโมยกับเศรษฐี"</INS><INS> </INS><INS>ให้เข้าใจเรื่องปลายจมูกมากขึ้น</INS><INS>
    "</INS><INS>กาลครั้งหนึ่ง มีขโมยกับเศรษฐี</INS><INS> </INS><INS>บังเอิญมีเรื่องให้ต้องมาพักโรงแรมเดียวกัน นอนห้องเดียวกัน เพราะห้องพักไม่พอ</INS><INS> </INS><INS>เศรษฐีไม่รู้ว่าขโมยเป็นขโมย แต่ฝ่ายขโมยรู้ว่าเศรษฐีมีเงิน</INS><INS> </INS><INS>และพยายามคิดอุบายหาทางขโมยเงิน เย็นวันแรก ขโมยแกล้งเข้าห้องน้ำและบอกเศรษฐีว่า</INS><INS> </INS><INS>เขาอยู่ในห้องน้ำ ให้เศรษฐีลงไปกินข้าวก่อน พอเศรษฐีลงไป</INS><INS> </INS><INS>ตัวเองก็รีบออกมาหากระเป๋าเงิน แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ใจก็สงสัย วันรุ่งขึ้น</INS><INS> </INS><INS>ขโมยก็พยายามสังเกตอีกว่าเศรษฐีเก็บเงินไว้ที่ไหน แล้วเย็นวันนั้นก็ใช้อุบายเดิมอีก</INS><INS> </INS><INS>พยายามค้นทุกที่ แต่หาไม่เจอ เป็นอย่างนี้อยู่ </INS><INS>3 </INS><INS>วัน พอวันที่</INS><INS>4 </INS><INS>เศรษฐีจะเดินทางไปที่อื่นแล้ว ด้วยความสงสัยมากๆ</INS><INS> </INS><INS>ขโมยจึงยอมสารภาพทั้งหมดและเปิดเผยตัว พร้อมถามว่า</INS><INS> </INS><INS>เศรษฐีซ่อนเงินไว้ที่ไหน"</INS><INS>

    </INS><INS>ก่อนจะเฉลย พระไพศาลหรือหลวงพี่เตี้ย</INS><INS> </INS><INS>ก็ถามกลับไปยังผู้ฟังว่า ทายได้ไหม</INS><INS>
    </INS><INS>คนฟังมากกว่า </INS><INS>5 </INS><INS>ยกมือขึ้นพร้อมกับตอบว่า</INS><INS> "</INS><INS>อยู่ใต้หมอนของโจร"</INS><INS>
    "</INS><INS>อะไรยิ่งใกล้ เรายิ่งมองข้าม ประสาอะไรกับใจเรา"</INS><INS> </INS><INS>หลวงพี่เปรียบเปรย พร้อมชี้ให้เห็นสภาพของสังคมปัจจุบันว่า "ความสุขอยู่นอกตัว"</INS><INS> </INS><INS>ไม่ว่าจะเป็น บ้านหลังใหม่ รถคันใหม่ เงินก้อนใหม่</INS><INS> </INS><INS>กระทั่งแฟนใหม่</INS><INS>
    </INS><INS>ที่มาบรรยายธรรมวันนี้ หลวงพี่เพียงอยากชี้ว่า จริงๆ</INS><INS> </INS><INS>แล้วความสุขไม่ได้อยู่ไกลขนาดนั้น</INS><INS>
    </INS><INS>ความสุขแบบลูบคลำได้เหล่านี้ พอได้มาจริงๆ</INS><INS> </INS><INS>ก็เหนื่อย เพราะผ่านการดิ้นรน แข่งขัน ฝ่าฟัน เพื่อให้ได้มาซึ่งความสุขชั่วคราว</INS><INS> </INS><INS>แล้วก็อยากได้อยากมีอีก เป็นอย่างนี้ตลอดเวลา</INS><INS> </INS><INS>เพราะคิดว่าความสุขทั้งหลายล้วนอยู่นอกตัว</INS><INS>
    "</INS><INS>จริงๆ ความสุขอยู่กับเรา</INS><INS> </INS><INS>แต่เรามองไม่เห็น ถ้าอยากเห็นเพียงแค่เปลี่ยนมุมมองใหม่ เช่น</INS><INS> </INS><INS>การที่เราไม่เจ็บไม่ป่วย นั่นคือความสุขแล้ว</INS><INS> </INS><INS>เป็นความสุขที่มากกว่าการได้เงินได้ทองเสียอีก"</INS><INS>
    </INS><INS>กับ "คนรัก"</INS><INS> </INS><INS>เรามักไปมองหาคนให้มารักเราจากที่ไกล อยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้</INS><INS> </INS><INS>แต่กับคนใกล้ตัวกลับถูกเราผลักให้ออกห่าง</INS><INS> </INS><INS>แต่จะกลับรู้สึกว่าเขาใกล้ก็ต่อเมื่อเขาจากเราไปแล้ว</INS><INS>
    "</INS><INS>วันที่ได้อยู่ใกล้</INS><INS> </INS><INS>อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เป็นวันที่เรามีโชคอย่างยิ่ง</INS><INS> </INS><INS>อาตมาอยากเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟังว่า นานมาแล้ว ตอนจีบกันใหม่ๆ</INS><INS> </INS><INS>ผู้ชายคนหนึ่งอยากเห็นหน้าฝ่ายหญิงมาก ประมาณว่าได้เห็นแค่ประตูบ้านก็ยังดี</INS><INS> </INS><INS>ผู้หญิงก็ใจดีให้รูปถ่ายไว้ดูต่างหน้า ฝ่ายชายก็ดีใจมาก</INS><INS> </INS><INS>นึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าอยากให้รูปถ่ายกลายเป็นตัวจริง"</INS><INS>
    </INS><INS>แต่พอร่วมหอลงโรงกันได้</INS><INS> 4-5 </INS><INS>ปี</INS><INS> </INS><INS>ความรู้สึกที่เคยมีกลับพลิกตาลปัตร</INS><INS>
    "</INS><INS>อยากให้ตัวจริงกลายเป็นรูปถ่าย(ยิ้ม)</INS><INS> </INS><INS>แต่อาตมาเชื่อว่า ถ้าภรรยาของเขาจากไป เขาจะเปลี่ยนความรู้สึก</INS><INS> </INS><INS>ไม่ต้องถึงกับตายจากไป แค่รูปถ่ายก็ไม่อยากให้เป็น"</INS><INS>
    </INS><INS>ปริมาณ ความรัก</INS><INS> </INS><INS>ความใส่ใจ จึงต้องแปรผันตามความใกล้-ไกล</INS><INS> </INS><INS>ไม่ใช่ผกผันตามระยะทาง</INS>
    <INS>
    </INS><INS>รักคนไกล</INS><INS> </INS><INS>ระอาคนใกล้</INS><INS>
    </INS><INS>หลวงพี่ยังมีเรื่องตลก(ร้าย) เล่าให้ฟังอีก</INS><INS>
    "</INS><INS>แอม</INS><INS> </INS><INS>เสาวลักษณ์ (ลีละบุตร) เคยเล่าเรื่องเพื่อนคนหนึ่งให้ฟัง</INS><INS> </INS><INS>เพื่อนคนนั้นเพิ่งกลับจากไปปลูกป่า พร้อมกับบอกว่ามันดีเหลือเกิน ช่วยทั้งเรื่องฝน</INS><INS> </INS><INS>ดิน สิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพ ฯลฯ แล้วก็ปลื้ม นายดาบวิชัย มากๆ</INS><INS> </INS><INS>ฟังอย่างนี้ แอมเลยถามกลับไปว่า ชอบปลูกป่าอย่างนี้ที่บ้านคงมีต้นไม้เยอะแน่ๆ</INS><INS> </INS><INS>แต่เพื่อนกลับหน้าบึ้ง ตอบกลับว่า ตัดหมดแล้ว ใบไม้มันร่วงเยอะ</INS><INS> </INS><INS>ขี้เกียจกวาด"</INS><INS>
    </INS><INS>กระแทกเข้าไปในหัวใจสีเขียวของใครหลายคน</INS><INS> </INS><INS>ด้วยมัวแต่ชื่นชมและอุ้มชูป่านอกบ้าน หากต้นไม้ในบ้านกลับไม่เห็นค่า</INS><INS> </INS><INS>บอกว่าระอาและเป็นภาระ</INS><INS>
    </INS><INS>ป่ากับต้นไม้ ไม่ต่างอะไรกับความรู้สึก "รักคนไกล</INS><INS> </INS><INS>ระอาคนใกล้"</INS><INS>
    "</INS><INS>บางคนที่เบื่อพ่อแม่ เพราะท่านมีนิสัยบางอย่างที่ไม่น่าพอใจ</INS><INS> </INS><INS>แล้วเราก็ชอบเอาแต่ตรงนี้ไปคิดระอา ทั้งๆ ที่ข้อดีของท่านมีไม่หวาดไม่ไหว"</INS><INS> </INS><INS>หลวงพี่พยายามดึงให้มองด้านดีของคนใกล้ อย่าไปเสียเวลาใส่ใจกับด้านลบ</INS><INS> </INS><INS>แล้วมอบสิ่งดีๆ อย่าง คำขอบคุณ อ้อมกอด หรือความรัก</INS><INS> </INS><INS>เป็นการตอบแทน</INS><INS>
    "</INS><INS>คนมักเห็นค่า เมื่อ </INS><INS>1.</INS><INS>ยังไม่ได้มา </INS><INS>2.</INS><INS>จากไปแล้ว" ท่านย้ำ</INS><INS> </INS><INS>พร้อมเล่าเรื่องเพื่อนที่เป็นหมอคนหนึ่ง ว่า สมัยก่อนเขาอยากได้พีดีเอโฟนมาก</INS><INS> </INS><INS>เลยอยู่เวรดึกหลายคืนเพื่อเก็บเงิน แต่พอใช้ไปได้ </INS><INS>4-5 </INS><INS>เดือน</INS><INS> </INS><INS>บ่นอยากได้รุ่นใหม่ซะแล้ว แล้วจู่ๆ เครื่องเดิมเกิดหาย เสียดายมาก"</INS><INS>
    </INS><INS>นอกจากคน</INS><INS> </INS><INS>สิ่งของ ความสุขระยะใกล้ยังหมายถึง "เวลา"</INS><INS> ...</INS><INS>นาฬิกาชีวิตที่มักถูกลืม</INS><INS>
    </INS><INS>การที่คนๆ หนึ่งตื่นมาทุกเช้า</INS><INS> </INS><INS>พร้อมกับความรู้สึกเบื่อหน่าย เพราะคนๆ นั้นเชื่อว่า เวลายังไม่จบสิ้น</INS><INS> </INS><INS>ไม่เคยเลยสักวันที่ตื่นมาขึ้นมาใน "เช้าอันแสนวิเศษ"</INS><INS>
    "</INS><INS>แต่ถ้าเขาเป็นโรคร้าย</INS><INS> </INS><INS>หรือโลกใบนี้กำลังจะแตก เขาจะรู้สึกถึงว่า การมีเช้าวันใหม่นั้นเป็นของขวัญ</INS><INS> </INS><INS>เพราะไม่รู้ว่าจะมีวันพรุ่งนี้หรือไม่</INS><INS> </INS><INS>และทำให้เขาใช้เแต่ละวันแต่ละนาทีอย่างมีคุณค่า ชีวิตมีความสุขมากขึ้น"</INS><INS>
    </INS><INS>ขอให้มี "ลมวิเศษ"</INS>
    <INS>
    </INS><INS>ทั้งหมดที่พระไพศาลพยายามเล่าพร้อมยกตัวอย่างนั้น เป็นการอธิบายถึง "</INS>
    <INS>ความสุขที่ปลายจมูก" </INS><INS>เชิงอุปมาอุปไมย แต่ความหมายจริงๆ</INS><INS> </INS><INS>ก็มีและลึกซึ้ง</INS><INS>
    "</INS><INS>ที่ปลายจมูกมีลมหายใจเข้าออก ถ้าเรารู้สึกตัว</INS><INS> </INS><INS>ความรุ่มร้อนในใจจะคลายลง"</INS><INS>
    </INS><INS>เพราะเมื่อสติกลับมาที่ลมหายใจ</INS><INS> </INS><INS>จิตกลับมาอยู่ที่ปลายจมูก รับรู้ลมหายใจเข้าออก ความหนักใจจะค่อยๆ</INS><INS> </INS><INS>หายไป</INS><INS>
    "</INS><INS>ความรู้สึกตัวจะช่วยปัดเป่า ให้เราเย็น</INS><INS> </INS><INS>มันจึงเป็นลมวิเศษ"</INS><INS>
    </INS><INS>หลวงพี่บอกต่อว่า "ลมวิเศษ" ที่ว่านี้ ใครๆ ก็มีได้</INS><INS> </INS><INS>แค่เราเอาใจใส่ลมหายใจธรรมดา ไม่หายใจแบบทิ้งๆ ขว้างๆ</INS><INS> </INS><INS>ให้สูดลมหายใจเข้าออกแบบรู้ตัวอยู่เสมอ</INS><INS>
    </INS><INS>ลมวิเศษ</INS><INS> </INS><INS>จะเอาความสงบเย็นไปหล่อเลี้ยงจิตใจ ขจัดปัดเป่าความหนักใจให้กลายเป็นความโปร่งเบา</INS><INS>
    "</INS><INS>ลมวิเศษ จะทำให้พบอีกหลายอย่าง เช่น ทำให้เกิดปัญญา</INS><INS> </INS><INS>เห็นความจริงของกายและใจ ไม่ต่างอะไรจากวิปัสสนาที่ก่อให้เกิดสติสัมปชัญญะ</INS><INS> </INS><INS>รู้ทันข้างใน ที่สำคัญที่สุดคือ ก่อให้เกิดอิสระ และเห็นความเป็นจริง</INS><INS> </INS><INS>ไม่เป็นตัวกูของกู ไม่มีการปรุงแต่ง เป็นอิสระจากความทุกข์ที่เกิดจากการยึดมั่น</INS><INS> </INS><INS>ถือมั่น และเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง"</INS>
    <INS>
    </INS><INS>เมื่อ "</INS><INS>ความสุขที่ปลายจมูก" </INS><INS>เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย</INS><INS> </INS><INS>พุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง ยกมือขึ้นถามว่า เช่นนั้นแล้ว ความสุขภายนอกยังจำเป็นอยู่ไหม</INS><INS> </INS><INS>และถ้ายังจำเป็น ควร "จำกัด" มันไว้แค่ไหน ไม่ให้เสพติดมัน</INS><INS>
    </INS><INS>เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต ตอบว่า "ยังจำเป็นอยู่" ยกตัวอย่างเช่น ปัจจัยสี่</INS><INS> </INS><INS>ที่ยังจำเป็นในชีวิตประจำวัน</INS>
    <INS>
    "</INS><INS>แต่จำเป็นเพราะความอยู่รอด โดยปกติ</INS><INS> </INS><INS>จิตใจจะโหยหาความสุข ถ้าไม่ได้ความสุข มันจะป่วน</INS><INS> </INS><INS>คนที่ทำตัวเกกมะเหรกเกเรเพราะเขาขาดความสุข</INS><INS>
    </INS><INS>ความสุขมีสองประเภท</INS><INS> </INS><INS>คือความสุขทางวัตถุกับความสุขทางจิตใจ ถ้าเรายังไม่มีนิรันดร์สุข</INS><INS> </INS><INS>เราก็ต้องอิงแอบอยู่กับความสุขที่เรามี</INS><INS> </INS><INS>แต่เมื่อใดก็ตามที่เรามีความสุขหล่อเลี้ยงใจมากขึ้น</INS><INS> </INS><INS>เราก็จะต้องการความสุขทางวัตถุน้อยลง แต่ถ้าเราไม่มีความสุขภายในเลย</INS><INS> </INS><INS>เราก็ต้องการความสุขทางวัตถุมากจนกลายเป็นทาสของมัน เช่น คนติดยา ติดเหล้า</INS><INS> </INS><INS>เพราะนั่นคือ ความสุขอย่างเดียวของเค้า</INS><INS>
    </INS><INS>เช่นนั้นแล้ว</INS><INS> </INS><INS>ถ้าเราต้องการเป็นอิสระจากสุขภายนอก เราก็ต้องหาสุขอย่างอื่นมาทดแทน เช่น ตอนเด็กๆ</INS><INS> </INS><INS>เราชอบกินกล้วยแขก เพราะมันอร่อยมาก แต่พอโตขึ้นมาเจอชอกโกแลต พบว่ามันอร่อยมาก</INS><INS> </INS><INS>เราก็เบื่อกล้วยแขกไปเลย เพราะเจอของอร่อยกว่า</INS><INS> </INS><INS>แต่ต่อไปเราก็จะหน่ายชอกโกแลตอีกเพราะเราเจอสิ่งที่ดีกว่า"</INS><INS> </INS><INS>หลวงพี่ตอบเป็นแนวทางกว้างๆ</INS><INS>
    </INS><INS>กับคำถามต่อมา ปุจฉาโดยพนักงานออฟฟิศคนหนึ่ง</INS><INS> </INS><INS>ที่กำลังมีปัญหาในที่ทำงาน</INS>
    <INS>
    "</INS><INS>เราควรวางตัวอย่างไรให้มีความสุขในที่ทำงาน</INS><INS> </INS><INS>เพราะต้องทำตัวให้แข็งแกร่ง มีความรู้ เพื่อให้ผู้ร่วมงานให้เกียรติ</INS><INS> </INS><INS>และเราเองก็หวังความสุขจากตรงนั้น แต่บางทีใจเรารู้ว่ามันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง</INS><INS> </INS><INS>แต่ถ้าเราไม่ทำ ก็จะเกิดความกลัวว่า</INS><INS> </INS><INS>เพื่อนร่วมงานจะนำปัญหามาให้"</INS><INS>

    </INS><INS>หลวงพี่วิสัชนาว่า</INS><INS>

    "</INS><INS>ปัญหาอยู่ที่ความสัมพันธ์ เราเองต้องทำใจส่วนหนึ่ง</INS><INS> </INS><INS>อย่าไปอิงกับความคาดหวัง สายตา หรือความรู้สึกของคนรอบข้างมากนัก</INS><INS> </INS><INS>ถ้าเราพึ่งพิงหรือแคร์ เราจะไม่มีทางมีความสุขได้เลย</INS><INS> </INS><INS>เพราะสายตาคนรอบข้างไม่มีความแน่นอนอยู่แล้ว แคร์มากเราก็จะทุกข์</INS><INS> </INS><INS>การที่เขาจะมองว่าเราไม่แข็งแกร่ง ไม่มีความรู้ ก็เป็นเรื่องของเขา</INS><INS> </INS><INS>อย่างน้อยให้เรามีความมั่นใจในตัวเอง ไม่หวั่นไหวต่อสายตาคนอื่น</INS><INS> </INS><INS>นี่เป็นสิ่งสำคัญกว่า</INS>
    <INS>
    </INS><INS>ส่วนที่สอง คือ ปฏิสัมพันธ์กับเขา</INS><INS> </INS><INS>ถ้าเราปฏิสัมพันธ์กับเขาอย่างเพื่อน ด้วยความจริงใจแล้ว ด้วยความเมตตา</INS><INS> </INS><INS>ถ้ามีอะไรก็กล้าพูดกับเขา จะช่วยได้</INS><INS> </INS><INS>การสื่อสารระหว่างกันเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง</INS><INS> </INS><INS>ในการช่วยลดปัญหา"</INS><INS>
    ..............................................
    </INS><I><INS>คนเรามักมีความสุขจากการได้</INS></I><I><INS> </INS></I><I><INS>มากกว่าการมี มีเท่าไหร่ก็ยังจะอยากได้มาใหม่เพราะเรามักคิดว่า</INS></I><I><INS> </INS></I><I><INS>ของใหม่จะให้ความสุขแก่เราได้มากกว่าสิ่งที่มีอยู่เดิม</INS></I><I><INS> </INS></I><I><INS>บ่อยครั้งของที่ได้มาใหม่นั้นก็เหมือนกับของเดิมไม่ผิดเพี้ยน</INS></I><I><INS> </INS></I><I><INS>แต่เพียงเพราะมันเป็นของใหม่ ก็ทำให้เราดีใจแล้วที่ได้มา</INS></I><I><INS> </INS></I><INS>

    </INS><I><INS>ถ้าหากว่าของใหม่ให้ความสุขได้มากกว่าของเก่าจริงๆ</INS></I><I><INS> </INS></I><I><INS>เรื่องก็น่าจะจบลงด้วยดี แต่ปัญหาก็คือ ของใหม่นั้นไม่นานก็กลายเป็นของเก่า</INS></I><I><INS> </INS></I><I><INS>และความสุขที่ได้มานั้นในที่สุดก็จางหายไป ผลก็คือกลับมารู้สึก "เฉยๆ" เหมือนเดิม</INS></I><I><INS> </INS></I><I><INS>และดังนั้นจึงต้องไล่ล่าหาของใหม่มาอีก เพื่อหวังจะให้มีความสุขมากกว่าเดิม</INS></I><I><INS> </INS></I><I><INS>แต่แล้วก็วกกลับมาสู่จุดเดิม เป็นเช่นนี้ไม่รู้จบ</INS></I><I><INS> </INS></I><I><INS>น่าคิดว่าชีวิตเช่นนี้จะมีความสุขจริงหรือ</INS></I><I><INS>?</INS></I><INS> (</INS><INS>ตอนหนึ่งจากหนังสือ</INS><INS>ความสุขที่ปลายจมูก)
    </INS>
    <INS>เนื้อธรรมทั้งหมดที่พระไพศาลบรรยายมาทั้งหมด</INS><INS> </INS><INS>เชื่อว่าเป็นสิ่งที่หลายคนรู้อยู่แล้ว นี่อาจจะเพียงการช่วยตรวจทานอีกรอบว่า</INS><INS> </INS><INS>ความสุขมีกันอยู่แล้ว หยิบมันออกมาใช้บ้าง อย่าเอาใจออกห่าง</INS><INS>
    ...</INS><INS>อยู่ใกล้แค่นี้เอง</INS><INS>

    '<O:p</O:p</INS>



    <INS><HR style="COLOR: white" align=center SIZE=1 width="100%" noShade></INS>

    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2011
  15. เฉียวฟง

    เฉียวฟง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +4,913
    กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีคุณทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่านครับ.....ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลพระกริ่ง-ชัยวัฒน์ธัมมะจารี:cool:
     
  16. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,566
    ค่าพลัง:
    +30,871
    กราบหลวงปู่พิศดู DSC00342.JPG
    หวัดดีคุณทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่านครับ
     
  17. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    ขอขอบคุณท่าน ธมฺมสิทโธ มากครับที่นำข้อความดีๆมานำเสนอครับ สาธุ
     
  18. putsudsoi

    putsudsoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,005
    ค่าพลัง:
    +8,396
    กราบ กราบ กราบหลวงปู่พิศดูด้วยจิตเคารพยิ่ง

    สวัสดีพี่น้องลูกหลานหลวงปู่ทุกท่านครับ

    ขอบารมีหลวงปู่พิศดูช่วยปัดเป่าอุปสรรคต่างๆในชีวิตลูกให้ผ่านพ้นไปด้วยดีด้วยเถิด
     
  19. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,566
    ค่าพลัง:
    +30,871
    หวัดดียามเช้าครับทุกๆท่าน:cool: ท่านเจ้าของกระทู้ครับ อยากทราบว่าหลวงปู่ให้สร้างเบี้ยแก้แล้ว มีเครื่องลางอย่าอื่นอีกมั้ยครับ กบสาน-พระโค-วัวธนู-หุ่นพยนต์ อยากฟังเรื่องตะกรุดบ้างครับ คนที่หลวงปู่ให้ถือว่าโชคดีมากๆเลยครับ :cool:
     
  20. ดินระเบิด

    ดินระเบิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,087
    ค่าพลัง:
    +8,702
    กราบหลวงปู่พิศดู ธัมมะจารี
    สวัสดีสมาชิกทุกท่านครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...