โดนขังวิญญาณ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ainteerati, 14 สิงหาคม 2010.

  1. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    เตรียมชามเปลใว้ รึอะไรเห็นเป็นรูปไข่สีขาว พอเขามาให้ถอดเครื่องรางเครื่อง
    ประดับทุกอย่างใส่บนนั้น วางใว้ใกล้ๆตัวหน้าพระ แล้วค่อยใหว้ พอใหว้เสร็จจะ
    ทำอะไรก็ทำ พอทำแล้วก็ให้ใส่เหมือนเดิมล่ะ แล้วให้เขาไปหาใบบัวบกมากิน
    เยอะๆจะกินสดๆก็ได้ต้มกินน้ำเขียวๆก็ได้ แค่นั้นล่ะพอครับ
     
  2. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    สาธุๆๆๆๆ ขอบพระคุณคุณจิโป มากๆๆเลยค่ะ พรุ่งนี้จะเตรียมตัวตั้งรักอย่างมีสติค่ะ จะระลึกถึงท่านท้าวเวส และคุณจิโป ไว้ตลอดค่ะ (ปล.อย่าหนวกหูนะคะ เผื่อคะรุทาร้องเรียกเสียงหลงเลย)
     
  3. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    รีบไปหน่อย ตื่นเต้น....ตั้งรับ ค่ะ มิใช่ตั้งรัก..ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์ทุกๆท่านค่ะ
     
  4. chaiyawat

    chaiyawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +148
    ขอถามแบบโง่ๆครับตามประสาไม่เข้าใจจริงๆครับ (รู้สึกยังห่างไกลจากเรื่องความดีจังเลย)

    จากนิมิตเรื่องแผ่นดินที่แห้งแล้งนั้น หมายถึงให้กรวดน้ำหลังทำบุญหรือให้หมั่นทำบุญ บำเพ็ญเพียรครับ ถ้าไม่กรวดน้ำ บุญจะถูกส่งไปเก็บที่ใดที่หนึ่งไหมครับ จะมีวันได้เรียกใช้กลับมาไหมครับ หรือนานไปหลายๆชาติจะกลายสูญเปล่าไหมครับ
     
  5. โอ๊ตศ์

    โอ๊ตศ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    333
    ค่าพลัง:
    +1,107
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>โอ๊ตศ์, แม่หมูอ้วน, จิ-โป, อักสรา </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีตอนดึกขอรับทุกท่าน

    ^^
     
  6. พลภัทร Mechanic

    พลภัทร Mechanic Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +41
    เอาใจช่วยนะคะ ขอพระพุทธคุณรักษาค่ะ
     
  7. i3lack

    i3lack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +102
    นั้นไงต้องกรวดน้ำทุกครั้งหรอกเหรอครับเนี้ย :cool: ลืมตลอดเลยผม
     
  8. i3lack

    i3lack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +102
    โพรงนี้ถ้าจะเจาะออกมาตรงหว่างคิ้วจะเป็นอะไรไหมครับ :cool:
     
  9. noinid0209

    noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    ขอบคุณครับ ผมเองก็เวลาทำบุญใส่บาตร ก้ไม่ได้ กรวดน้ำเหมือนกัน
     
  10. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    ขอบคุณคะ คุณจิ-โป ที่กรุณาเล่าให้ฟัง ศิลามณี 2-3 วันมานี้ กำลังนึกตั้งคำถามนี้ในใจอยู่พอดี ว่าเหตุใดหนอ..เงินในกระเป๋าถึงมาทีละหย่อม ทีละนิด ประดุจเบี้ยหัวแตก ไม่มาเป็นก้อนเสียที....ศิลามณี ไม่เอาลาภลอยจากห่วยเบอร์นะ :p แต่ขอให้ได้เงินได้ทอง จากสัมมาอาชีพ..ในงานที่ถนัด.ดีกว่า... กรวดน้ำทำยังไงนะคะ คุณจิโป




    ขอบคุณนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2011
  11. jets-one

    jets-one เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    460
    ค่าพลัง:
    +737
    ผมถวายสังฆทานทุกทีก็ไม่เคยกรวดน้ำเลย มิน่า รับงานนอกทีไรบางครั้งได้ตังมั้ง ไม่ได้มั้ง โดนโกงก็มี ว่าแต่ว่าพักนี้เวลาที่ผมจะนั่งสมาธิทีไรทำไมมันเหนื่อยแรง จนไม่อยากนั่งหรือนั่งไม่ได้เลย ยิ่งมาเจอปัญหาเรื่องรักๆใคร่ๆ ยิ่งเหนื่อยใจจนไม่อยากจะทำอะไรเลยทั้งเหนื่อยใจเหนื่อยกาย ไม่รุ้ชาติก่อนไปทำอะไรใครเค้าไว้มั้ง ทุ่มเทไปให้กับใครก็มีแต่โดนหลอกลวงหักหลังทุกที :'(
     
  12. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    เวลาเราไปทำบุญ แม้จะตักบาตร ถวายสังฆทาน หรือทุกอย่างที่เป็นการถวายสิ่งของให้พระ เราจะกรวดน้ำหมดเลย ก่อนกรวดก็ต้องอธิษฐานว่าจะอุทิศให้ใคร แล้วก็รินน้ำใต้ต้นไม้นอกบ้าน หรือที่วัด (ปกติเค้าจะมีภาชนะในการกรวดน้ำ) แต่เรามักจะกรวดน้ำแบบนั้น แล้วต้องมีสติในการกรวดน้ำ โดยมองที่น้ำที่เรารินให้จดจ่ออยู่ และมองดูน้ำและพื้นดิน ตั้งนโม 3 จบ อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโยฯ และก็บอกว่า ฝากพระแม่ธรณี พระแม่คงคา ไปให้ผู้ที่ข้าพเจ้าอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล จากการทำ.........อะไรก็ว่าไป ขอให้เค้าจงรับและโมทนาบุญด้วย

    ส่วนเวลาแผ่เมตตาเวลานั่งสมาธิเมื่อจิตสงบลงแล้ว พร้อมที่จะแผ่เมตตา ก็จะกล่าวขออานิสงฆ์จากการนั่งสมาธิ เวลานี้ข้าพเจ้ามีความสบายกาย สบายใจแล้ว ขอให้............จงได้รับอานิสงฆ์เช่นเดียวกับข้าพเจ้าด้วยเทอญ

    ประมาณนี้

    ผิดถูกประการใด หากพี่จิ-โป เข้ามาเห็น ก็ช่วยแนะนำด้วยค่ะ เพราะทำเท่าที่รู้
     
  13. chaiyawat

    chaiyawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +148

    สาธุ จะทำตามนั้นบ้างครับ
     
  14. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [FONT=&quot]พระเจ้าตากสินจึงบอกว่า[/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]ด้วง[/FONT][FONT=&quot]จะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]แล้วทรงเล่าเรื่องตามความเป็นจริงให้ทราบ[/FONT][FONT=&quot]แล้วบอกว่า[/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]อีกไม่กี่วัน[/FONT][FONT=&quot]เจ้าสัวเขาจะมาทวงเงินเขา[/FONT][FONT=&quot]ด้วงก็รู้อยู่แล้วนี่ว่า[/FONT][FONT=&quot]ฉันเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ยากจนที่สุด[/FONT][FONT=&quot]ฉันไม่มีทรัพย์สินที่ไหนมาเลย[/FONT][FONT=&quot]ต้องกู้เงินเจ้าสัวเขามาจับจ่ายใช้สอย[/FONT][FONT=&quot]เวลานี้ฉันก็เป็นหนี้[/FONT][FONT=&quot]เบี้ยหวัด[/FONT][FONT=&quot]เงินเดือน[/FONT][FONT=&quot]เงินปี[/FONT][FONT=&quot]ของข้าราชการอยู่มาก[/FONT][FONT=&quot]ยังชำระไม่หมด[/FONT][FONT=&quot]การรบทัพจับศึกก็ไม่เสร็จ[/FONT][FONT=&quot]ทำอยู่ตลอดเวลา[/FONT][FONT=&quot]การจับจ่ายใช้สอยมันก็มาก[/FONT][FONT=&quot]ถ้าฉันจะเอาเงินใช้หนี้เขาก็ไม่พอ[/FONT][FONT=&quot]เราก็จะต้องกู้หนี้ยืมสินเขาใหม่อีก[/FONT][FONT=&quot]และเงินเก่าเราก็ไม่มีให้เขาพร้อมทั้งดอกเบี้ย[/FONT][FONT=&quot]ฉันลำบากมาก[/FONT][FONT=&quot]ถ้ากระไรก็ดี[/FONT][FONT=&quot]ด้วงจะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน[/FONT][FONT=&quot]เวลานี้เขมรแข็งเมือง[/FONT][FONT=&quot]ให้ด้วงยกทัพไปตีเขมร[/FONT][FONT=&quot]เอาลูกชาย[/FONT][FONT=&quot]๒[/FONT][FONT=&quot]คน[/FONT][FONT=&quot]ของฉันไปด้วย[/FONT]
    [FONT=&quot]และเมื่อตีเขมรได้แล้ว[/FONT][FONT=&quot]ไม่ต้องเอาลูกชายฉันมา[/FONT][FONT=&quot]ให้ครองอยู่ที่นั่น[/FONT][FONT=&quot]ด้วงกลับมา[/FONT][FONT=&quot]ด้วงก็เป็นกษัตริย์[/FONT][FONT=&quot]สำหรับเงินที่จะต้องใช้ให้แก่ข้าราชการ[/FONT][FONT=&quot]เบี้ยหวัด[/FONT][FONT=&quot]เงินปีต่าง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]ที่คั่งค้างฉันเตรียมไว้แล้ว[/FONT][FONT=&quot]และเงินอีกส่วนหนึ่งสำหรับใช้ภายในประเทศฉันก็เตรียมไว้แล้ว[/FONT][FONT=&quot]และเงินอีกส่วนหนึ่งที่จะใช้เวลาที่ด้วงเป็นกษัตริย์ฉันก็เตรียมไว้แล้ว[/FONT][FONT=&quot]รวมเป็น[/FONT][FONT=&quot]๓[/FONT][FONT=&quot]ส่วนด้วยกัน[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งในระยะไม่ช้า[/FONT][FONT=&quot]เจ้าสัวเขาก็จะมาทวงเงินของเขา[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งตอนนี้แหละ[/FONT][FONT=&quot]ด้วงจะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน[/FONT][FONT=&quot]และฉันจะต้องพ้นจากตำแหน่งพระเจ้าแผ่นดิน[/FONT][FONT=&quot]แต่ด้วงทำงานคราวนี้ต้องทำในรูปปฏิวัติหรือทำในรูปขบถยึดอำนาจจากฉัน[/FONT][FONT=&quot]แต่การยึดอำนาจกันเฉย[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]ใคร[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]เขาจะคิดว่าด้วงเป็นคนอกตัญญู[/FONT][FONT=&quot]เห่อเหิมมาก[/FONT][FONT=&quot]ฉันจะทำทีเหมือนว่าเป็นนักบวช[/FONT][FONT=&quot]และ[/FONT]
    [FONT=&quot]ทำเป็นสติฟั่นเฟือน[/FONT][FONT=&quot]ในที่สุดกลับมาแล้ว[/FONT][FONT=&quot]ด้วงก็จับฉันประหารชีวิต[/FONT][FONT=&quot]แต่การประหารชีวิตฉันนั้น[/FONT][FONT=&quot]จะประหารจริงหรือหลอกก็ให้เป็นวิธีการของด้วง[/FONT][FONT=&quot]ฉันพร้อมที่จะยอมตายเพื่อชาติ[/FONT]
    [FONT=&quot]เห็นไหมลูกหลานที่รัก[/FONT][FONT=&quot]คนดีท่านทำอย่างนี้[/FONT][FONT=&quot]ท่านไม่มานั่งเมามันเพื่อต้องการรัฐธรรมนูญ[/FONT][FONT=&quot]ต้องการรัฐสภา[/FONT][FONT=&quot]เวลาประกาศกับประชาชนก็ว่าต้องการเป็นตัวแทนของประชาชนชาวไทย[/FONT][FONT=&quot]แต่เมื่อเลือกเข้าไปแล้วก็อยากจะเป็นรัฐมนตรีมุ่งความเป็นใหญ่[/FONT]
    [FONT=&quot]แต่นี่พระเจ้าตากสินมหาราช[/FONT][FONT=&quot]ท่านไม่ต้องการอย่างนั้น[/FONT][FONT=&quot]เมื่อสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึกเวลานั้นได้ทราบความจริง[/FONT][FONT=&quot]และสมเด็จพระเจ้าตากสินก็มีพระทัยมั่นคงต้องการให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเป็นพระเจ้าแผ่นดิน[/FONT][FONT=&quot]ไม่อย่างนั้นประเทศไทยเราจะทรงตัวอยู่ไม่ได้[/FONT][FONT=&quot]เพราะว่าท่านกู้เงินของจีน[/FONT][FONT=&quot]ถ้าไม่มีเงินให้เขา[/FONT][FONT=&quot]ก็อย่าลืมว่าประเทศไทยกับประเทศจีนน่ะกำลังต่างกัน[/FONT][FONT=&quot]เราเองก็เพิ่งจะตั้งตัวได้ใหม่[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]เพียงแต่จีนเขาใช้กำลังใกล้[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]กับเรา[/FONT][FONT=&quot]เราก็สู้เขาไม่ได้[/FONT][FONT=&quot]ถ้าเขาหากว่าเราโกงเขา[/FONT][FONT=&quot]นี่เนื้อแท้ความจริงเป็นอย่างนี้[/FONT]
    [FONT=&quot]แต่ทว่าต่อมาภายหลัง[/FONT][FONT=&quot]พระยาสรรค์บุรี[/FONT][FONT=&quot]ทำงานเกินอำนาจที่สั่งไว้[/FONT][FONT=&quot]จับพระเจ้าตากสินเอาเสียจริง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]จับแบบเอาจริง[/FONT][FONT=&quot]แต่ตอนเข้าไปจับนั้น[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2011
  15. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [FONT=&quot]ท่านท้าวผกาพรหมบอกว่า[/FONT][FONT=&quot]ขุนดาบ[/FONT][FONT=&quot]๑๐[/FONT][FONT=&quot]พระยาของพระเจ้าตากสินนี่จะสู้[/FONT][FONT=&quot]เพราะมีกำลังรักษาพระองค์อยู่พอสมควร[/FONT][FONT=&quot]พระยาสรรค์บุรี[/FONT][FONT=&quot]ไปเอากำลังมาจากกรุงศรีอยุธยา[/FONT][FONT=&quot]เนื้อแท้จริง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]ถ้ารบกันพระยาสวรรค์ก็หัวขาด[/FONT][FONT=&quot]แต่ทว่าพระเจ้าตากสินคิดว่า[/FONT][FONT=&quot]ถ้าเกิดสู้กันจริง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]งานที่คิดไว้ก็ไม่เป็นผลเพราะว่า[/FONT][FONT=&quot]ขุนดาบ[/FONT][FONT=&quot]๑๐[/FONT][FONT=&quot]พระยานี่ยังไม่รู้เรื่อง[/FONT][FONT=&quot]ถ้ารบก็ต้องรบกันถึงขั้นแตกหักกันจริง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]พระองค์จึงห้ามปราม[/FONT][FONT=&quot]๑๐[/FONT][FONT=&quot]พระยานั่น[/FONT][FONT=&quot]ปล่อยให้พระยาสวรรค์จับ[/FONT]
    [FONT=&quot]เรื่องการลงโทษ[/FONT][FONT=&quot]พระสงฆ์[/FONT][FONT=&quot]ของพระเจ้าตากสินเรื่องนี้ก็หลอกกัน[/FONT][FONT=&quot]เมื่อพระสงฆ์ทำผิดเรียกมาสอบสวน[/FONT][FONT=&quot]เวลาจะลงโทษ[/FONT][FONT=&quot]ก็เอานักโทษมาโกนหัวเอาผ้าเหลืองนุ่งแล้วก็เฆี่ยน[/FONT][FONT=&quot]เขาก็หาว่าท่านบ้าเฆี่ยนพระ[/FONT][FONT=&quot]แต่ความจริงพระไม่ได้ถูกเฆี่ยน[/FONT][FONT=&quot]พระองค์ทำให้คนอื่นเขาเห็นว่าบ้า[/FONT][FONT=&quot]นี่สติฟั่นเฟือน[/FONT][FONT=&quot]การจับให้ออกจากพระมหากษัตริย์ก็เป็นของธรรมดา[/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก[/FONT][FONT=&quot]ทราบเรื่องพระยาสวรรค์ทำเกินเหตุ[/FONT][FONT=&quot]จึงยกทัพกลับจับพระยาสวรรค์บุรีประหารชีวิตเสีย[/FONT][FONT=&quot]ได้รับสถาปนาเป็นพระเจ้าแผ่นดิน[/FONT][FONT=&quot]เป็นสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก[/FONT][FONT=&quot]มีคำสั่งให้เอาพระเจ้าตากสินมหาราชมาประหารชีวิต[/FONT][FONT=&quot]โดยการใส่กระสอบแล้วทุบด้วยท่อนจันทน์จนตาย[/FONT][FONT=&quot]แต่คนที่อยู่ในกระสอบไม่ใช่พระเจ้าตากสินครั้งแรกมีราชองครักษ์ของพระองค์มีความจงรักภักดีมาก[/FONT][FONT=&quot]อาสาตายแทนพระเจ้าตากสิน[/FONT][FONT=&quot]แต่สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาไม่เอา[/FONT][FONT=&quot]ให้เอานักโทษประหารชีวิตมาใส่กระสอบทุบด้วยท่อนจันทน์ตายแทน[/FONT][FONT=&quot]ราชองค์รักษ์นั่นก็ถูกฆ่าด้วยในฐานะที่รู้เรื่องเข้าเดี๋ยวปากจะมากไป[/FONT][FONT=&quot]และแล้วกลางคืนวันหนึ่งก็ลงเรือจากปากท่อไปยังนครศรีธรรมราช[/FONT][FONT=&quot]บวชเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาแถวนั้นเขาเรียกกันว่า[/FONT][FONT=&quot]หลวงตาพรหมา[/FONT][FONT=&quot]ปัจจุบันเรายังพบซากกุฏิร้างอยู่เชิงเขาแถวนั้นเป็นป่าลึก[/FONT][FONT=&quot]สงัดมาก[/FONT][FONT=&quot]ท่านเจริญพระกรรมฐานอยู่ที่นั้นจนสิ้นชีวิต[/FONT]
    [FONT=&quot]หลังจากนั้นไม่นาน[/FONT][FONT=&quot]สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก[/FONT][FONT=&quot]ก็สั่งประหารชีวิตลูกชายพระเจ้าตากสิน[/FONT][FONT=&quot]๒[/FONT][FONT=&quot]คน[/FONT][FONT=&quot]บอกว่า[/FONT][FONT=&quot]ตัดบัวแล้วจงอย่าไว้ใย[/FONT][FONT=&quot]แต่ปรากฏว่าลูกชายคนหนึ่งไปโผล่ที่นครศรีธรรมราช[/FONT]
    [FONT=&quot]เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่[/FONT][FONT=&quot]ทำงานที่นั่น[/FONT][FONT=&quot]อีกคนหนึ่งค้าขายเรือสำเภากับต่างประเทศ[/FONT][FONT=&quot]เป็นอันว่า[/FONT][FONT=&quot]พระเจ้าตากสินมหาราชก็ถูกประหารชีวิตตามรับสั่งของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก[/FONT][FONT=&quot]ตามความเป็นจริงท่านเล่าให้ฟังอย่างนี้[/FONT]
    [FONT=&quot]มิช้ามินานเจ้าสัวเขาก็มาทวเงินคืนพร้อมกับเอาถ้วยโถโอชามมาขายด้วย[/FONT][FONT=&quot]พอเรือสำเภาของเจ้าสัวเลี้ยวเข้ามาในเขตจันทบุรีตราดก็ถูกลมสลาตันคือลมหอกลมดาบพัดกระหน่ำจนเรือจมอยู่ที่นั่น[/FONT]
    [FONT=&quot]เป็นอันว่า[/FONT][FONT=&quot]ทั้งสองพระองค์ต้องยอมเสียชื่อเสียง[/FONT][FONT=&quot]เสียศักดิ์ศรีทั้งสองฝ่าย[/FONT][FONT=&quot]ก็ต้องขอบคุณท่าน[/FONT][FONT=&quot]สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยอมเสียชื่อเสียงให้คนเขาเข้าใจว่าเป็นบ้า[/FONT][FONT=&quot]และถูกออกจากกษัตริย์[/FONT][FONT=&quot]สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก[/FONT][FONT=&quot]ก็ต้องยอมเสียชื่อในฐานะเป็นขบถ[/FONT][FONT=&quot]แต่ความจริงทั้ง[/FONT][FONT=&quot]๒[/FONT][FONT=&quot]ท่านนี้ทำเพื่อไทยทั้งชาติ[/FONT][FONT=&quot]ให้ชาติไทยทรงอยู่[/FONT][FONT=&quot]ลูกหลานที่รัก[/FONT][FONT=&quot]จงจำปฏิปทานี้ไว้[/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]ถ้ามีความจำเป็นเราต้องเสียสละเพื่อชาติ[/FONT][FONT=&quot]ศาสนา[/FONT][FONT=&quot]พระมหากษัตริย์[/FONT][FONT=&quot]และปวงชนชาวไทย[/FONT][FONT=&quot]แม้แต่ชีวิตก็ต้องยอม[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT]
    [FONT=&quot]เท่าที่พ่อนำเอาเรื่องพระเจ้าพรหมมหาราชมาพูดก็ดี[/FONT][FONT=&quot]หรือนำเอาเรื่องของพระราชาองค์เก่า[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]ตั้งแต่พระราชบิดาของพระเจ้าอชุตราชมาพูดก็ดี[/FONT][FONT=&quot]และก็มาพูดถึงการรบก็ดี[/FONT][FONT=&quot]พ่อมีความมุ่งหมายอยู่ว่า[/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]ต้องการให้[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2011
  16. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    น้องเขาไม่มาเลยค่ะ โทรไปหาก็ไม่รับ อุตส่าห์ตั้งสติรออยู่
    นัดไว้ก่อนเที่ยง จนป่านนี้ 14.36 แล้วยังไม่มา โทรไปหาก็ไม่รับสาย
    คะรุทาเลยเฉยๆไว้ก่อนค่ะ
     
  17. jets-one

    jets-one เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    460
    ค่าพลัง:
    +737
    สงสัยทางนั้นจะรู้ทันเค้าเลย สั่งห้ามไว้ไม่ให้ คุณ คะรุทา เข้ามายุ่งเกี่ยว
     
  18. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [FONT=&quot]ลูกรักของพ่อทุกคนรู้จักความจริง[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]ความจริงที่เราหนีไม่ได้ที่พระพุทธเจ้าเรียกว่า[/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]สัจธรรม[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]คือธรรมะที่พระอริยเจ้าทรงไว้[/FONT][FONT=&quot]คือ[/FONT][FONT=&quot]ธรรมะที่ทำให้คนเป็นพระอริยเจ้า[/FONT][FONT=&quot]พ่อขอเตือนลูกรักทั้งหลาย[/FONT][FONT=&quot]จงจำไว้เสมอว่า[/FONT][FONT=&quot]ขณะที่ฟังพ่อพูดให้ตั้งใจไว้ในสมาธิ[/FONT][FONT=&quot]ศีล[/FONT][FONT=&quot]สมาธิ[/FONT][FONT=&quot]ปัญญา[/FONT][FONT=&quot]ฟังไปด้วย[/FONT][FONT=&quot]ใช้ศีล[/FONT][FONT=&quot]สมาธิ[/FONT][FONT=&quot]ปัญญา[/FONT][FONT=&quot]รวมตัวกันเข้าไว้ในใจจุดเดียวกันจะทำให้สะอาด[/FONT]
    [FONT=&quot]ศีล ขัดเกลาภาคพื้นใจให้ดี สมาธิ จับอารมณ์ใจให้นิ่ง ปัญญา ชำระล้างความสกปรกของจิต จิตมีอารมณ์ผ่องใส [/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อจิตมีอารมณ์ผ่องใส[/FONT][FONT=&quot]กำลังใจก็เป็นทิพย์[/FONT][FONT=&quot]เมื่อกำลังใจเป็นทิพย์อยากจะรู้อะไรก็รู้ได้ทันทีทันใด[/FONT][FONT=&quot]ที่เราเรียกกันว่า[/FONT][FONT=&quot]ใช้ทิพย์จักขุญาณ[/FONT][FONT=&quot]หรือจุตูปปาตญาณ[/FONT][FONT=&quot]เจโตปริยญาณ[/FONT][FONT=&quot]อตีตังสญญาณ[/FONT][FONT=&quot]อนาคตังสญาน[/FONT][FONT=&quot]ปัจจุบันนังสญาณ[/FONT][FONT=&quot]ปุพเพนิวาสานุสติญาณ[/FONT][FONT=&quot]และยถากรรมมุตาญาณ[/FONT][FONT=&quot]โดยเฉพาะลูกรักของพ่อทุกคนได้อภิญญาเล็ก[/FONT][FONT=&quot]คือ[/FONT][FONT=&quot]มโนมยิทธิ[/FONT][FONT=&quot]หมายถึง[/FONT][FONT=&quot]มีฤทธิ์ทางใจ[/FONT][FONT=&quot]คำว่า[/FONT][FONT=&quot]มีฤทธิ์ทางใจ[/FONT][FONT=&quot]ก็คือ[/FONT][FONT=&quot]ใจมีฤทธิ์[/FONT][FONT=&quot]คำว่าฤทธิ์หมายถึงเก่ง[/FONT][FONT=&quot]คือใจเก่งกว่าใจธรรมดา[/FONT][FONT=&quot]สามารถถอดจิตออกจากร่างไปสู่ภพต่าง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]ได้[/FONT][FONT=&quot]เราจะไปเที่ยวเมืองสวรรค์ก็ได้[/FONT][FONT=&quot]ไปเที่ยวพรหมโลกก็ได้[/FONT][FONT=&quot]ไปเที่ยวเมืองนิพพานก็ได้[/FONT][FONT=&quot]ไปเที่ยวเมืองนรกก็ได้[/FONT][FONT=&quot]สู่แดนเปรตอสุรกายก็ได้[/FONT][FONT=&quot]และในโลกมนุษย์นี่จะไปมุมไหนก็ได้[/FONT][FONT=&quot]ประเทศไหน[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]ก็ไปได้[/FONT][FONT=&quot]บ้านใครสำนักงานไหนเขาหวงเราก็ไปได้[/FONT][FONT=&quot]นี่การมีฤทธิ์ทางใจเป็นของดี[/FONT]
    [FONT=&quot]แต่ทว่ามีบางคน[/FONT][FONT=&quot]ตำหนิพระพุทธเจ้าว่า[/FONT][FONT=&quot]พระพุทธเจ้าไม่น่าจะสอนหลักวิชชาสาม[/FONT][FONT=&quot]อภิญญาหก[/FONT][FONT=&quot]ปฏิสัมภิทาญาณ[/FONT][FONT=&quot]เพียงสอนขั้นสุขวิปัสโกอย่างเดียวก็พอ[/FONT][FONT=&quot]คำว่า[/FONT][FONT=&quot]สุขวิปัสโก[/FONT][FONT=&quot]หมายความว่า[/FONT][FONT=&quot]จิตสะอาดปราศจากกิเลส[/FONT][FONT=&quot]ไม่มีความรักในเพศ[/FONT][FONT=&quot]ไม่มีความโลภ[/FONT][FONT=&quot]ไม่มีความโกรธ[/FONT][FONT=&quot]ไม่มีความหลวง[/FONT][FONT=&quot]จิตมีอารมณ์เป็นสุข[/FONT][FONT=&quot]จิตมีความเยือกเย็น[/FONT][FONT=&quot]ไม่มีทุกข์[/FONT][FONT=&quot]มีอารมณ์สบาย[/FONT][FONT=&quot]นี่ความเป็นพระอรหันต์[/FONT]
    [FONT=&quot]เตวิชโช[/FONT][FONT=&quot]([/FONT][FONT=&quot]วิชชาสาม[/FONT][FONT=&quot]) [/FONT][FONT=&quot]สามารถทำทิพย์จักขุญาณให้ปรากฏ[/FONT][FONT=&quot]และหมดกิเลสสามารถระลึกชาติได้[/FONT][FONT=&quot]มีวิชชาแปดอย่างที่เรียกว่า[/FONT][FONT=&quot]ญาณ[/FONT][FONT=&quot]๘[/FONT]
    [FONT=&quot]ฉฬภิญโญ[/FONT][FONT=&quot]หมายถึงอภิญญาหก[/FONT][FONT=&quot]สามารถเนรมิตอะไรก็ได้[/FONT][FONT=&quot]มีหูเป็นทิพย์[/FONT][FONT=&quot]มีทิพย์จักขุญาณ[/FONT][FONT=&quot]มีญาณ[/FONT][FONT=&quot]๘[/FONT][FONT=&quot]อย่างครบเช่นเดียวกับ[/FONT][FONT=&quot]เตวิชโช[/FONT][FONT=&quot]และมีอิทธฤทธิ์มีฤทธิ์ทางใจ[/FONT][FONT=&quot]เป็นต้น[/FONT][FONT=&quot]และจิตหมดกิเลส[/FONT]
    [FONT=&quot]ปฏิสัมภิทาญาณ[/FONT][FONT=&quot]หมายถึงความรู้พิเศษ[/FONT][FONT=&quot]สามารถรู้ธรรมะทุกอย่างทรงพระไตรปิฏก[/FONT][FONT=&quot]คำว่า[/FONT][FONT=&quot]ไม่รู้[/FONT][FONT=&quot]ไม่มี[/FONT][FONT=&quot]และสามารถรู้ภาษาสัตว์[/FONT][FONT=&quot]และภาษาคนทุกภาษา[/FONT][FONT=&quot]ได้โดยไม่ต้องศึกษา[/FONT][FONT=&quot]แต่ทว่าเนื้อแท้จริง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]ก็คือ[/FONT][FONT=&quot]ความเป็นพระอรหันต์[/FONT][FONT=&quot]มีความรู้ทั้ง[/FONT][FONT=&quot]เตวิชโช[/FONT][FONT=&quot]และฉฬภิญโญด้วย[/FONT]
    [FONT=&quot]เป็นอันว่าบางท่านบอกว่า[/FONT][FONT=&quot]พระพุทธเจ้าไม่น่าจะสอนแบบนี้[/FONT][FONT=&quot]เสี่ยงภัยเกินไป[/FONT][FONT=&quot]แต่พ่อก็ขอเตือนลูก[/FONT][FONT=&quot]ถ้ามีใครเขาถามว่า[/FONT][FONT=&quot]ทำไมจะต้องเรียน[/FONT][FONT=&quot]อภิญญาสมาบัติ[/FONT][FONT=&quot]ทำไมจะต้องมีทิพย์จักขุญาณ[/FONT][FONT=&quot]เห็นผี[/FONT][FONT=&quot]เห็นเทวดา[/FONT][FONT=&quot]เห็นสวรรค์[/FONT][FONT=&quot]เห็นนรกก็ได้[/FONT][FONT=&quot]ทำไมจะต้องมีการยกจิตไปท่องเที่ยวตามภพต่าง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]ได้[/FONT][FONT=&quot]การรู้ว่าคนและสัตว์นี่[/FONT][FONT=&quot]ก่อนเกิดมาจากไหน[/FONT][FONT=&quot]ตายแล้วไปไหน[/FONT][FONT=&quot]เจโตปริยญาณ[/FONT][FONT=&quot]รู้วาระน้ำจิตของคนและสัตว์ว่า[/FONT][FONT=&quot]มันชอบอะไร[/FONT][FONT=&quot]คิดอะไร[/FONT][FONT=&quot]คิดดี[/FONT][FONT=&quot]คิดชั่ว[/FONT][FONT=&quot]มีกิเลสตัวไหนอยู่บ้าง[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2011
  19. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [FONT=&quot]ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ[/FONT][FONT=&quot]สามารถระลึกชาติต่าง[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]ได้[/FONT][FONT=&quot]ถอยหลังไปดูว่าเราเกิดมาแล้วกี่ชาติ[/FONT][FONT=&quot]เคยเกิดเป็นอะไรมาบ้าง[/FONT][FONT=&quot]อตีตังสญาณ[/FONT][FONT=&quot]รู้เหตุการณ์ในอดีต[/FONT][FONT=&quot]อนาคตตังสญาณ[/FONT][FONT=&quot]รู้เหตุการณ์ในอนาคต[/FONT][FONT=&quot]ปัจจุบันนังสญาณ[/FONT][FONT=&quot]รู้ว่าเวลานี้ใครอยู่ที่ไหนใครกำลังทำอะไรอยู่[/FONT][FONT=&quot]ยถากรรมมุตาญาณ[/FONT][FONT=&quot]รู้ว่าเขามีความสุข[/FONT][FONT=&quot]มีทุกข์เพราะผลจากอะไรเป็นสำคัญ[/FONT][FONT=&quot]ความจริงความรู้แบบนี้[/FONT][FONT=&quot]ถึงแม้ว่าเราไม่เป็นพระอรหันต์[/FONT][FONT=&quot]เราก็รู้ได้ถ้าใครเขาถามว่า[/FONT][FONT=&quot]ศึกษาทำไม[/FONT][FONT=&quot]ก็ควรจะตอบว่า[/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]ศึกษาเพื่อกันความสงสัย[/FONT][FONT=&quot]จะได้ไม่สงสัยคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า[/FONT][FONT=&quot]จะได้ไม่ประมาทในชีวิต[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT]
    [FONT=&quot]ถ้าใครเขาจะแย้งว่า[/FONT]
    [FONT=&quot]ดูตัวอย่างพระเทวทัตเพราะอาศัยได้อภิญญาสมาบัติจึงลงอเวจีมหานรก[/FONT][FONT=&quot]อย่างนี้ก็ต้องย้อนถามเขาลงไปว่า[/FONT][FONT=&quot]ท่านที่ได้อภิญญาสมาบัติในสมัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่หรือว่าปรินิพานไปแล้วก็ตาม[/FONT][FONT=&quot]คนที่ได้อภิญญาสมาบัติลงนรกกี่คน[/FONT][FONT=&quot]และคนที่ได้อภิญญาสมาบัติไปนิพพานเท่าไร[/FONT][FONT=&quot]โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเทวทัตถ้าไม่ได้อภิญญาสมาบัติความยับยั้งก็ไม่มี[/FONT][FONT=&quot]ต้องลงอเวจีตามกฎของกรรมคือ[/FONT][FONT=&quot]๑[/FONT][FONT=&quot]กัป[/FONT][FONT=&quot]แต่นี่พระเทวทัตลงอเวจีเพียงแค่ไม่ถึง[/FONT][FONT=&quot]๑[/FONT][FONT=&quot]วันของอเวจี[/FONT][FONT=&quot]เพราะผลความดีที่มีความรู้ด้านอภิญญามีการยับยั้ง[/FONT][FONT=&quot]เหมือนกับคนตาดีเดินไปในกลุ่มหนามหรือเดินไปบนลานแก้วแตก[/FONT][FONT=&quot]จะวางเท้าลงไปก็ค่อย[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]วาง[/FONT][FONT=&quot]เพราะมองเห็นหนามและแก้วแตก[/FONT][FONT=&quot]เกรงว่าจะบาดเท้า[/FONT][FONT=&quot]ตำเท้า[/FONT][FONT=&quot]จะเจ็บบ้าง[/FONT][FONT=&quot]ก็เล็กน้อย[/FONT][FONT=&quot]ไม่เหมือนกับคนตาไม่ดี[/FONT][FONT=&quot]ไม่เห็นว่าที่นั้นมีอันตราย[/FONT][FONT=&quot]เดินสวบ[/FONT][FONT=&quot]ๆ[/FONT][FONT=&quot]เข้าไป[/FONT][FONT=&quot]ผลที่สุดก็โดนทั้งแก้วแตกทั้งหนามตำเต็มกำลัง[/FONT]
    [FONT=&quot]ข้อนี้ฉันใด[/FONT]
    [FONT=&quot]แม้คนที่ได้อภิญญาสมาบัติ[/FONT][FONT=&quot]และวิชชาสามก็เช่นเดียวกัน[/FONT][FONT=&quot]ถึงแม้ว่ากฎของกรรมบางอย่างจะบีบบังคับ[/FONT][FONT=&quot]ก็มีการยับยั้ง[/FONT][FONT=&quot]รู้ผิดรู้ชอบเหมือนคนที่รู้กฎหมายกับคนที่ไม่รู้กฎหมาย[/FONT][FONT=&quot]คนที่เขารู้กฎหมายเขาทำผิดก็จริงแหล่[/FONT][FONT=&quot]แต่ทว่าเขารู้ทางออกจะรับโทษก็รับไม่มาก[/FONT][FONT=&quot]ไม่เหมือนคนที่ไม่รู้กฎหมาย[/FONT][FONT=&quot]อยากจะทำอะไรก็ทำตามชอบใจ[/FONT][FONT=&quot]ดีไม่ดีติดคุกติดตะราง[/FONT][FONT=&quot]คิดว่าของมันเล็กน้อย[/FONT][FONT=&quot]แต่ที่ไหนได้ของมันใหญ่[/FONT][FONT=&quot]เช่น[/FONT][FONT=&quot]คิดจะฆ่าควายตัวมันใหญ่โทษจะมาก[/FONT][FONT=&quot]ฆ่าคนดีกว่าตัวเล็กกว่า[/FONT][FONT=&quot]แต่ที่ไหนได้ฆ่าคนมี[/FONT][FONT=&quot]โทษมากกว่า ฆ่าควายมีโทษน้อย [/FONT][FONT=&quot]([/FONT][FONT=&quot]นี่ในแง่ของกฎหมายน่ะ[/FONT][FONT=&quot]) [/FONT][FONT=&quot]เช่น ฆ่าไม่เอาหนักไป ด่าดีกว่า แอบไปด่าพระมหากษัตริย์เข้า เจ๊งไปเลย ถูกลงโทษหนักฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือด่าศาลว่าศาลคด ศาลโกง ศาลไม่ยุติธรรม นี่ถือว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมีโทษหนัก [/FONT]
    [FONT=&quot]เป็นอันว่า คนมีความรู้ แม้จะมีโทษหนัก ก็มีการยับยั้งในการทำความผิด ซึ่งผิดกับคนที่ไม่รู้อะไรเลย ทำก็ทำลงไปเต็มอัตราศึก ไม่รู้บาปบุญ คุณโทษ ประโยชน์ มิใช่ประโยชน์ เป็นอันว่า ที่พ่อให้ลูกศึกษาวิชาความรู้อันนี้ ต้องระมัดระวังรักษาไว้ด้วยดี อย่าไปอวดเขา [/FONT]
    [FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]รักษาไว้เพื่อชำระจิตใจของเราให้เป็นสุข[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT]
    [FONT=&quot]เวลานี้ลูกรักของพ่อกำลังรบกับสงครามสำคัญคือกิเลส สงครามภายนอกน่ะมันเรื่องเล็ก สงครามกิเลสมีความสำคัญมาก เจตนาของพ่อก็มีอยู่ว่า ความเกิดมันเป็นทุกข์ ลูกทุกคนเวลานี้ต่างคนต่างก็มีความทุกข์กันหมด แต่ว่าให้ทุกข์มันมีเฉพาะขันธ์ ๕ จิตเราจงอย่าเป็นทุกข์ บรรดาลูกรักของพ่อทุกคนต่างคนต่างมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา พ่อดีใจเวลาฟังพ่อพูดพยายามใช้สมาธิให้คล่องตัว สำหรับอภิญญาสมาบัติ อิทธิฤทธิ์ ยกจิตไปตามที่ต่าง ๆ ทำให้คล่อง ทิพย์จักขุญาณทำให้แจ่มใส ศีล สมาธิ ปัญญา ดีแล้วจะเห็นชัดเจน จุตูปปาตญาณ มองหน้าคน มองหน้าสัตว์ อยากรู้ว่าก่อนเกิดมาจากไหนจะรู้ได้ทันที ตายแล้วไปไหนก็รู้ได้ทันที [/FONT]

    [FONT=&quot]เจโตปริยญาณ ถ้าเราอยากจะรู้วาระน้ำจิตของคนอื่น ให้รู้กระแสจิตของตนเองไว้เสมอก่อน เรารู้ได้ไม่ยาก คนที่มีกิเลสหนามีความชั่ว ใจจะมีสีดำบ้าง แดงบ้าง ขาวบ้าง แต่เป็นเนื้อ ถ้าใจดีปานกลาง ใจจะเป็นแก้ว แต่คนที่ดีจริง ๆ จะเป็นแก้วประกายทั้งดวงเหมือนดาว นี่ไม่ยากแต่รู้แล้วก็นิ่งเสีย ปุพเพนิวาสานุสติญาณฝึกให้คล้อง นึกถอยหลังเราเกิดมาแล้วกี่ชาติ แต่อย่าไปไล่ทีละชาติเลย เห็นอะไรก็นึกว่าเราเคยเกิดไหม เช่น เห็นสัตว์เราก็นึกว่า เราเคยเกิดเป็นสัตว์ชนิดนี้ไหมกี่ชาติ ภาพจะปรากฏชัด เป็นอันว่า ธรรมะ ส่วนนี้มีความสำคัญ พ่อให้ลูกไว้เพื่อชำระจิตของลูกให้บริสุทธิ์ ถอยหลังไปดูการเกิดแต่ละคราวเต็มไปด้วยความ[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2011
  20. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [FONT=&quot]ทุกข์ ดูบรรดาบรรพบุรุษกษัตริย์ทั้งหลาย ที่พ่อพูดมา และคนทั้งหลายที่กล่าวถึง ต่างคนต่างไปหมดแล้ว [/FONT]
    [FONT=&quot]ผืนแผ่นดินไทยที่เราเดินอยู่นี่ ถ้าเราใช้อตีตังสญาณ ก็จะรู้ว่าเราเดินอยู่บนร่างกายและเลือดเนื้อของบรรดาบรรพบุรุษของเรา ฉะนั้น ถ้าใครเขาจะมาเชือดเฉือนเอาร่างกายเลือดเนื้อบรรพบุรุษของเราไป เราก็ไม่ควรยอม นี่พูดกันอย่างทางโลก คือ โลกไม่ช้ำธรรมไม่เสีย [/FONT]
    [FONT=&quot]สำหรับกิเลสที่เราจะชนะได้ ต้องทำกำลังใจตามนี้ ถ้าเรื่องความรักชาติ เรื่องของความสามัคคี จะเกิดขึ้นมาได้ก็ต้องมีสังคหวัตถุ ๔ ได้แก่ ๑[/FONT][FONT=&quot]. [/FONT][FONT=&quot]ทาน การให้เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ๒[/FONT][FONT=&quot]. [/FONT][FONT=&quot]ปิยวาจา พูดวาจาไพเราะ ๓[/FONT][FONT=&quot]. [/FONT][FONT=&quot]อัตถจริยา ทำตนให้เป็นประโยชน์แก่บุคคลอื่น ช่วยกิจการงาน ๔[/FONT][FONT=&quot]. [/FONT][FONT=&quot]สมานัตตา ไม่ถือตัว ไม่ถือตน นี่แค่ ๔ ประการ ถ้าเราทำกันไม่ได้ เราก็มีความสุขไม่ได้ ฉะนั้น ชาติเราจะมีความสุข จะมีความสามัคคีก็ต้องทำ ๔ ประการนี้ได้ นี่เป็นกิเลสหยาบที่เราต้องละให้ได้จะมีความสุข คำว่า สุข นี่อย่าเอาสุขกายนะ เอาสุขใจก็แล้วกัน [/FONT]
    [FONT=&quot]เรื่องของร่างกายเราต้องคิดว่า ชาติปิทุกขา ความเกิดเป็นทุกข์ ชราปิทุกขา ความแก่เป็นทุกข์ มรณัมปิทุกขัง ความตายเป็นทุกข์ เป็นอันว่าขันธ์ ๕ มันเป็นทุกข์ แต่ใจของเราจงอย่าทุกข์ ใจเราจงอย่าทุกข์ทำยังไง รักษาอารมณ์ใจไว้ [/FONT][FONT=&quot]10 [/FONT][FONT=&quot]ประการ [/FONT]
    [FONT=&quot]๑[/FONT][FONT=&quot]. [/FONT][FONT=&quot]ทาน การให้ คิดไว้เสมอว่า [/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]เราจะมีจิตเมตตาสงเคราะห์ผู้อื่นให้มีความสุข โดยการให้ ให้ของ ให้ความคิด ให้กำลังกายช่วยกิจการงาน เป็นเสน่ห์ใหญ่ทำให้มีความสุข ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของผู้รับ [/FONT]
    [FONT=&quot]๒[/FONT][FONT=&quot]. [/FONT][FONT=&quot]ศีล แปลว่า ปกติ อารมณ์ของเราจะทรงความดี ๕ ประการไว้เสมอ คือไม่ละเมิดศีล ๕ ประการ [/FONT]
    [FONT=&quot]๓[/FONT][FONT=&quot]. [/FONT][FONT=&quot]เนกขัมมะ แปลว่า การถือบวช คือบวชใจ คำว่า บวช นี่ไม่จำเป็นต้องโกนหัว ถ้าโกนหัวแล้วจิตใจไม่ดี ก็ไม่ถือว่าเป็นนักบวช เราบวชใจ คือ ๑[/FONT][FONT=&quot]. [/FONT][FONT=&quot]ไม่มัวเมาอยู่ในกามคุณ ๕ ให้คิดไว้เสมอว่า ไอ้รูปสวยน่ะประเดี๋ยวทันก็พัง เสียงไพเราะผ่านหูแล้วก็หายไป กลิ่นหอมผ่านจมูกแล้วก็หายไป รสอร่อยกระทบลิ้นแล้วก็หายไป สัมผัสระหว่างเพศจับแล้วพอพ้นแล้วก็หายไป และเป็นปัจจัยนำมาซึ่งความทุกข์ รักมากทุกข์มาก รักน้อยทุกข์น้อย ไม่รักเลยไม่ทุกข์ ๒[/FONT][FONT=&quot]. [/FONT][FONT=&quot]ไม่ยึดถือความโกรธความพยาบาทมาเป็นบรรทัดฐานตัดกำลังใจให้อภัยอยู่เสมอ ขึ้นชื่อคนเกิดมาในโลกนี้ ไม่ทำความผิดเลยไม่มี ก็น่าเห็นใจ เพราะความพลาดพลั้งของงาน เขาจะด่าจะว่าก็ช่างเขา ไม่ช้าต่างคนก็ต่างตาย ๓[/FONT][FONT=&quot]. [/FONT][FONT=&quot]ป้องกันการง่วงเหงาหาวนอน ขณะที่จิตใจจะทำความดี ๔[/FONT][FONT=&quot]. [/FONT][FONT=&quot]ระงับอารมณ์ฟุ้งซ่าน ก็พยายามตั้งใจไว้ในยามปกติ นึกถึงความดีจุดใดจุดหนึ่ง เราจะไม่ยอมให้อารมณ์อื่นเข้ามาแทรก ๕[/FONT][FONT=&quot]. [/FONT][FONT=&quot]เราจะไม่สงสัยธรรมะปฏิบัติที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอน [/FONT]
    [FONT=&quot]คนที่บวชห่มผ้าเหลืองน่ะ ถ้าระงับเหตุ ๕ ประการที่ว่ามานี่ไม่ได้ เขาเรียกว่า [/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]เถนะ[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]เถน แปลว่า หัวขโมย ขโมยเอาเพศของสมณมานุ่ง นี่นักบวชจริง ๆ อันดับแรกจะต้องระงับนิวรณ์ ๕ ประการได้ ขอลูกจงระงับใจตามนี้ให้เป็นธรรมดา พิจารณาหาความจริงว่า นี่มันเป็นปัจจัยของความสุขหรือความทุกข์ ทำงานตามหน้าที่ ถือว่าชาตินี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะต้องทำงาน ชาติใหม่ไม่มีสำหรับเรา เราไปนิพพาน ถ้าสงสัยนิพพาน ก็ใช้วิปัสสนาญาณให้เข้มข้น ใช้มโนมยิทธิแป๊บเดียวก็ถึงนิพพาน จับอารมณ์นิพพานได้ว่า มีความสุขขนาดไหน [/FONT]
    [FONT=&quot]๔[/FONT][FONT=&quot]. [/FONT][FONT=&quot]ปัญญา มีความรอบรู้ หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะเป็นโทษ ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แล้วใช้ปัญญาหาความจริงว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย จริงไหม ถ้าเรายังเกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่อย่างนี้จะไม่หมดทุกข์ เราจะมีความสุขก็คือ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายอีกต่อไป ได้แก่รักษาธรรมะ ๑๐ ประการนี้ให้ครบถ้วน [/FONT]
    [FONT=&quot]๕[/FONT][FONT=&quot]. [/FONT][FONT=&quot]วิริยะ มีความเพียร ทำกิจการงานฝ่ายโลกและฝ่ายธรรม ต้องอดทนทุกอย่างเพื่อรักษาความดีให้คงอยู่ เรียกว่า เพียร พังให้มันทะลุไปเลย [/FONT]
    [FONT=&quot]๖[/FONT][FONT=&quot]. [/FONT][FONT=&quot]ขันติ ความอดใจ อดทนต่อความเหนื่อย อดทนต่อความร้อน อดทนต่อความหนาว อดทนต่อความขัดข้องใจ [/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...