เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=TkdJRCMvf3M]‪Economic Collapse 2011: The Inside Story‬‏ - YouTube[/ame]
     
  2. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=ShLOM5Acgh0&feature=related]‪World Economic Collapse Explained By paladex77 - Are YOU Prepared?‬‏ - YouTube[/ame]
     
  3. CottonFields

    CottonFields เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +149
    post ของ คุณ JohnCM จากเวปไทยโกลด์ เมื่อสองวันที่แล้วครับ วันนี้ทองทำ new hight อีกแล้ว ครั้งแล้วครั้งเล่า และมีแนวโน้มทะยานขึ้นอย่างมาก กรุณาจับตากันให้ดีครับ

    ที่สำคัญ ถ้าการปรับเพดานหนี้ของอเมริกาไม่สามารถทำได้ภายในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ ก็อีกแค่ 8 วันเท่านั้น
    อาจก่อให้เกิดความปั่นป่วนอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจโลก
    ผมไม่ได้อ่านโพสย้อนหลังเลยไม่รู้ว่ามีใครพูดถึงเรื่องเพดานหนี้ของอเมริกาหรือยัง
    ถ้ายังไม่มีผมอาจจะหามาลงต่อภายหลังให้ครับ


    เรื่อง Debt Ceiling (เพดานหนี้) ของสหรัฐ อย่าเพิ่งมั่นใจไป ว่าจะผ่าน
    ผมว่าเผลอๆ มีการปล่อย Default นะครับ

    จากบทความของ Mr. Martin Armstrong แกบอกว่าเสียงของแต่ละพรรคค่อนข้างแตก ควบคุมเสียงกันไม่ค่อยอยู่
    โดยมีกลุ่นหนุ่มที่ผลักดันจะให้เป็นงบประมาณสมดุลกันเลยทีเดียว และกลุ่มนี้มีท่าทีไม่ประนีประนอมเสียด้วย [​IMG] [​IMG]
    ฟังบทสัมภาษณ์บางครั้งเหมือนเขาอยากให้เกิด Default ระยะสั้นๆ เสียด้วยซ้ำ

    โอบามาก็พยายามกดดันโดยใช้มวลชน ป้ายความผิดกันไปมา (ไม่ต่างกับเมืองไทย)

    ล่าสุดการเจรจาก็ล่มอีกรอบ
    Debt Ceiling Talks Collapse as Boehner Walks Out
    http://www.nytimes.c...al.html?_r=2


    เนื้อข่าวส่วนหนึ่งเป็นจดหมายของตัวแทนฝั่งพรรค Republican ไปยังสมาชิกพรรคครับ
    อ้างถึง
    In a letter to his Republican colleagues on Friday night, Mr. Boehner said, “A deal was never reached, and was never really close.” He added: “In the end, we couldn’t connect. Not because of different personalities, but because of different visions for our country.”


    เขาบอกว่าการเจรจายังไม่ใกล้เคียงกับคำว่าตกลงกันได้เลยแม้แต่น้อย
    ทั้งสองฝ่ายจูนกันไม่ติด ไม่ใช่เพราะบุคลิกที่ต่างกัน
    แต่เพราะมุมมองต่ออนาคตของประเทศแตกต่างกันโดยสินเชิง


    ปล. เท่าที่ผมฟัง/อ่านข่าว จะมีแต่โอบามาเท่านั้นครับ ที่พยายามบอกว่าใกล้เสร็จแล้ว ใกล้เจรจาลงตัวแล้ว
    แต่อีกฝ่ายเท่าที่ผมเห็น ไม่เคยออกมาพูดแบนี้เลย





    อาทิตย์หน้า ทุกตลาดคงผันผวนน่าดู โดยเฉพาะที่ราคาโยงกับดอลลาร์ (ทอง เงิน น้ำมัน)

    ไม่รู้ซิครับ ใครที่รอปรับลงก่อนค่อยซื้อ ส่วนตัวผมมองยังไง ต้อง มีทองติดพอร์ตไว้บ้างจะมากจะน้อยก็แล้วแต่ตัดสินใจกันเอง
    เพราะหากตกลงกันไม่ได้จริงเกิด default จริง แล้วระดับเครดิตของพันธบัตรสหรัฐถูกลดระดับลงทันที (ทีละหลายระดับ)
    จะเกิดแรงขายพันธบัตร (หาก Fed คุมไม่อยู่) และตลาดที่เงินจะไหลเข้าหนีไม่พ้นทองคำ
    ทองจะพุ่งชั่วข้ามคืนเป็นพันบาทเลยก็เป็นได้ แล้วจะซื้อไม่ทัน / ไม่กล้าซื้อแล้วซิครับ

    ปล. อีกมุมมองหนึ่งเพื่อพิจารณาครับ
    ให้เวลาตัวเอง พิจารณาเผื่อเหลือเผื่อขาด อย่างจริงจังครับ
    อาทิตย์หน้า(และต้นอาทิตย์ถัดไป) อาจเป็นแค่อีกอาทิตยืหนึ่งเหมือนอาทิตย์อื่นๆ ทั่วไป

    หรืออาจเป็นอาทิตย์ที่หลายๆ ท่านอาจลืมไม่ลงไปชั่วชีวิตเลยก็ได้ อิ อิ
     
  4. CottonFields

    CottonFields เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +149
    ข้อความของคุณเน็กซ์จากเวปไทยโกลด์มาอีกแล้วครับ อ่านเพลิน ๆ หรือเพื่อการเตรียมตัวก็ดีครับ



    โพสต์ <abbr class="published" title="2011-07-27T02:36:52+00:00">วันนี้, 09:36 AM</abbr>
    " ข้อความเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2554 "


    "ในปี 2011 นี้ผมขอคาดการณ์แบบ "ถ่อมตัวและกลัวผิด" ว่า
    อย่างน้อย เราน่าจะได้เห็น ราคาทองคำที่ระดับ 22,000-23,000 ต่อบาท
    แต่หากเข้า Mania Phase แล้ว ระดับราคาที่ว่านี้ถือว่าจิ๊บๆ ครับ"




    *****************************************************************************************


    วันนี้ขอขยับเป้าหมายของราคาไปอีกนิดนะครับ เป็นที่ 23,500-24,000 มีลุ้นครับ :]

    ปล. มีกูรูอีกท่านก็ฟันธงเหมือนกันครับ [​IMG]

    “สุวรรณ วลัยเสถียร” แนะการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง คาดทองแท่งทะลุ 2.4 หมื่น


    “สุวรรณ วลัยเสถียร” แนะการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง ควรให้น้ำหนักต่อการลงทุนในหุ้นร้อยละ 60 ส่วนการลงทุนในทองคำควรให้น้ำหนักประมาณร้อยละ 20
    และที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ และอสังหาริมทรัพย์ โดยควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในต่างประเทศ เข่น ญี่ปุ่น และ สหรัฐ
    ที่ยังมีปัญหาเศรษฐกิจ พร้อมคาดราคาทองแท่งทะลุ 2.4 หมื่นบาท

    นายสุวรรณ วลัยเสถียร ประธานชมรมคนออมเงิน กล่าวว่า ได้ปรับเป้าหมายราคาทองคำในตลาดโลกเพิ่มขึ้น
    จากเป้าหมายที่ 1,650 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ เป็น 1,700 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์
    หลังจากที่ราคาทองคำในตลาดโลกทำนิวไฮใหม่ที่ 1,622 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์
    ทำให้ราคาทองคำแท่งในประเทศมีโอกาสลุ้นทะลุ 24,000 บาทต่อบาททองคำ
    จากเดิมคาดว่าถึง 23,000 บาทต่อบาททองคำ

    ทั้งนี้ สาเหตุที่ราคาทองคำยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น เนื่องจากยังมีความกังวลเรื่องปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ
    ทำให้มีการคาดการณ์ว่าจะมีการออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และอัดฉีดสภาพคล่องรอบที่ 3 หรือ QE 3
    รวมทั้งกังวลปัญหาหนี้ยุโรปลุกลามไปโปรตุเกส สเปน และ อิตาลี บวกกับเหตุกราดยิง และวางระเบิดในนอร์เวย์
    ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการก่อการร้ายกลับมาอีก ดังนั้น ทองคำจึงถือเป็นสินทรัพย์ที่มั่นคงและปลอดภัยสูงสุด

    สำหรับคำแนะนำในการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง นายสุวรรณ กล่าวว่า ควรให้น้ำหนักต่อการลงทุนในหุ้นร้อยละ 60
    เนื่องจากตลาดหุ้นไทยร้อนแรงจากเงินลงทุนต่างชาติที่มีความมั่นใจในสถานการณ์การเมือง จนปรับเป้าหมายหุ้นไทยเป็น 1,200 จุด
    ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นถึง 1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในเวลา 1 เดือน ส่วนการลงทุนในทองคำควรให้น้ำหนักประมาณร้อยละ 20
    และที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้และอสังหาริมทรัพย์ โดยควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และ สหรัฐฯ ที่ยังมีปัญหาเศรษฐกิจ

    [​IMG]
     
  5. asimo_oak

    asimo_oak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +26
    ทองคำพุ่งไม่หยุด ทำนิวไฮทะลุ 1.6 พันดอลล์ วิตกปัญหาหนี้สหรัฐ-ยุโรป คาดคิวอี3 ดันราคาขยับอีก 100 ดอลล์ อีก 2 สัปดาห์ ทองในประเทศมีแววแตะ 2.4 หมื่น โบรกฯชี้หลายประเทศจ้องตุนทองเข้าคลัง ถ้าสหรัฐเบี้ยวหนี้ ค่าบาทหลุด 30 บาท แข็งโป๊กรอบ 4 เดือน


    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
    น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับขึ้นทะลุระดับ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 22,750 บาทต่อบาททอง ทำสถิติสูงสุด (นิวไฮ) อีกครั้งและเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องกว่าสองสัปดาห์ ผลจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรป โดยคาดว่าหากมีมาตรการอัดฉีดเงินเข้าระบบครั้งที่ 3 (คิวอี3) จะทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้อีก 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ แตะระดับ 1,750 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
    

    "ราคาทองคำขึ้นทะลุ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐ เร็วกว่าที่คาด 2 เดือน ซึ่งคาดว่าสหรัฐจะมีความชัดเจนในการแก้ปัญหาก่อนวันที่ 2 สิงหาคมนี้ จึงอาจมีโอกาสได้เห็นราคาทองคำปรับขึ้นแตะระดับ 1,750 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือราคาในประเทศแตะระดับ 24,000 บาทต่อบาททองภายในสองสัปดาห์นี้ด้วย"Ž น.ส.ฐิภากล่าว


    นายอภิชาติ ลักษณะสิริศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลาสสิก โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำขึ้นกับสถานการณ์เศรษฐกิจของยุโรปและสหรัฐ หากเกิดกรณีผิดนัดชำระหนี้จริง อาจได้เห็นราคาทองคำแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในปีนี้ โดยขณะนี้ทุกประเทศต่างเร่งเก็บทองคำเข้าคลัง เช่น จีน อินเดีย ทำให้ยอดขายทองคำพุ่งสูงทุกไตรมาส


    นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำกล่าวว่า ราคาทองคำตลาดโลกในช่วงนี้ค่อนข้างผันผวน เนื่องจากอยู่ในช่วงปรับฐาน ซึ่งตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ราคาทองคำเพิ่มขึ้นกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่ราคาทองคำในประเทศปรับเพิ่มขึ้นไม่มาก เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าช่วยให้ราคาไม่สูงเกินไป โดยราคาทองคำแท่งรับซื้ออยู่ที่บาทละ 22,600 บาท ขายออกบาทละ 22,700 บาท ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 22,270 บาท ขายออกบาทละ 23,100 บาท


    นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทในวันที่ 19 กรกฎาคม เปิดตลาดที่ 29.93-29.98 บาทต่อดอลลาร์ และปิดตลาดที่ 29.85-29.90 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือน นับจากเดือนเมษายนที่ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 29.85 บาทต่อดอลลาร์
    ทั้งนี้ แข็งค่าจากวันก่อนที่ปิดตลาดในระดับ 30.03 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากความกังวลเรื่องหนี้ยุโรป ทั้งนี้ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค เนื่องจากตลาดในประเทศไทยมีการอิงกับราคาทองมากกว่าประเทศอื่น ซึ่งมีนักลงทุนเทขายทองเพื่อเข้าซื้อเงินบาทเป็นจำนวนมาก เพราะราคาทองปรับสูงขึ้นมากกว่า 1,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยค่าเงินบาทในระยะสั้นอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 29.70-30.10 บาทต่อดอลลาร์


    นายเฟฟรีย์ มอลิเตอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนในยุโรป บริษัทจัดการกองทุนแวนการ์ดของสหรัฐกล่าวว่า ราคาทองคำเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 11 ติดต่อกันในวันที่ 18 กรกฎาคม นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันนานที่สุดตั้งแต่ปี 2523 เป็นต้นมา
     
  6. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
    เงินเฟ้อหรือเงินไหลออกป่าวครับ ช่วงนี้สหรัฐกำลังถังแตก ค่าการส่งออกของ จีน เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวการทำไม่ให้เงินเฟ้อต้องลดอัตราการเก็บภาษีอากรลงซัก 2% อย่างประเทศไทยหรือทั่วโลก สหรัฐอเมริกาจัดเก็บภาษี ชั่งโหดมากๆ แล้วนักลงทุนก็หนีไปประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างเช่น ประเทศลาว นั้น มีแหล่ง ถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากการสำรวจแล้ว นักลงทุนจากต่างปรเทศเช่นยุโรปได้ไปลงทุนที่ประเทศ ลาว และ กัมพูชา แล้ว ประเทศไทยก็ยังทะเลาะและแตกแยกกัน เงินเฟ้อในประเทศไทยก็เพิ่มมากขึ้น ข่าวของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น รายได้ต่ำลง ทำให้ผู้ประกอบอาชีพ หรือ ผู้ประกอบการนั้นศูนย์เสียรายได้ในไตรมาสปี 2011 - 2012 เงินเฟ้อเงินฟืดยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น การหมุนเวียนเงินภายในประเทศไทย น้อยลง ส่วนต่างประเทศ เช่น อเมริกา ญี่ปุ่น ธนาคารของ อเมริกาก็ปิดตัวลงหลายองกรณ์ เงินเฟ้อมากขึ้น ประเทศต่างก็ก่อความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เช่น ลิเบีย ไทย มาเลเซีย ซีเรีย เหตุการณ์ที่ผ่านมานี้สงครามไทย-กัมพูชา มีผลประทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนชาวต่างชาติ ถ้าพูดเรื่อง อเมริกาแล้วนั้น สหรัฐได้ทุมงบประมาณเพื่อไปทำสงคราม เมื่อ 10 ปี ที่แล้ว อิรัก กับ สหรัฐ ส่งทหารไปที่ อิรัก นั้น ตกไป ปีละ 200,000 กว่า นาย ทุมมากเพื่อหวังปล้นน้ำมันจากประเทศอิรัก รุมกินโต๊ะ ช่วงนี้อเมริกาก็พยายาม สร้างภาพ ปล่อยข่าวลวงโลก เช่น 2012 โลกจแตกแล้ว เพื่อหวังเรียกคให้เงินเฟ้อ ปรับตัวลดลงแต่ก็ไม่สำเร็จ...
     
  7. Soul Collector

    Soul Collector เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +610
    น้าขวัญมาสรุปให้ฟังหน่อยซีฮะ อยากรู้ว่าเขาจะชักดาบหรือเพิ่มเพดานหนี้กันวันนี้
    ถ้าชักดาบจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
    หรือ
    ถ้าเพิ่มเพดานหนี้จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
    ขอบคุณครับ
     
  8. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=584><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=584><TBODY><TR><TD height=51 vAlign=bottom background=images/goldprice_h.jpg><TABLE border=0 width=547 align=center><TBODY><TR><TD style="FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: #993300; FONT-SIZE: 11px" width=682 colSpan=2>ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำประจำวันพุธที่ 03 สิงหาคม 2554 [​IMG]</TD><!--<td width="98"> </td>--></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD background=images/goldprice_bg.jpg><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=569 align=right><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 width=562><TBODY><TR align=middle><TD class=paddingleft5px bgColor=#ddccb0 width=168>ทองคำ 96.5%</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#ddccb0 width=138>รับซื้อ</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#ddccb0 width=138>ขายออก</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#ddccb0 width=100>ประกาศเวลา</TD></TR><TR align=middle><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>ทองคำแท่ง</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1 height=30>23200 </TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>23300 </TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1 rowSpan=2>09:35:00 </TD></TR><TR align=middle><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>ทองรูปพรรณ</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1 height=30>22861.28 </TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>23700 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><!--ราคาทอง--></TD></TR><TR><TD style="HEIGHT: 10px"></TD></TR><TR><TD>



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. asimo_oak

    asimo_oak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +26
    ราคาทองคำแท่งพุธที่ 3 ส.ค.54 ประกาศครั้งที่ 1 เวลา 09.35 น. (+400) ร้านทองซื้อเข้า บาทละ 23200 ขายออก บาทละ 23300 http://www.goldtraders.or.th/ <<<ป๊าดดดดด ขึ้นไม่ลืมหูลืมตา
     
  10. asimo_oak

    asimo_oak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +26
    ดอลลาร์หมดเสน่ห์เงินหยวนจีนเตรียมผงาด
    แม้ว่าแผนการเพิ่มเพดานหนี้และตัดลดงบประมาณของสหรัฐจะทำให้ประเทศรอดพ้นจากสภาพผิดนัดชำระหนี้
    โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ
    แม้ว่าแผนการเพิ่มเพดานหนี้และตัดลดงบประมาณของสหรัฐจะทำให้ประเทศรอดพ้นจากสภาพผิดนัดชำระหนี้อย่างเฉียดฉิว แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่าแผนดังกล่าวแค่ต่อสายชนวนระเบิดให้ยาวขึ้นอีกนิดก่อนที่จะระเบิดตูมออกมาเท่านั้น
    เพราะจำนวนหนี้ของสหรัฐยังคงอยู่ และมีทีท่าว่าจะงอกเงยขึ้นมาอย่างไม่จบสิ้น โดยมีปัจจัยจากสภาพถดถอยของเศรษฐกิจในปัจจุบันที่จีดีพีแทบจะไม่ขยับ และอัตราคนว่างงานยังคงสูงลิ่ว
    สถานการณ์ความตึงเครียดที่ส่งกลิ่นคุกรุ่นนี้ ทำให้ทั่วโลกเริ่มตระหนักได้ว่าเงินสกุลเหรียญสหรัฐไม่ใช่หลักประกันสำหรับเงินสำรองระหว่างประเทศที่ปลอดภัยอีกต่อไป จนกลายเป็นแรงขับเคลื่อนมหาศาลให้นานาประเทศต้องดิ้นรนหาทางรอดและทางเลือกที่ไม่พึ่งพิงพี่เบิ้มเหมือนที่แล้วมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ประเทศเจ้าหนี้รายใหญ่ของสหรัฐ
    [​IMG]
    ทั้งนี้ จีนเองก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วเช่นกันว่าไม่สามารถคาดหวังกับสหรัฐได้อีกต่อไป เห็นได้จากปฏิกิริยาของ โจวเสี่ยวฉวน ประธานธนาคารกลางจีน ที่ออกมาระบุในแถลงการณ์ภายหลังการตัดสินใจของสหรัฐว่า จีนจำต้องเดินหน้ากระจายเงินสำรองระหว่างประเทศให้มีความหลากหลายมากขึ้น
    เพราะในสถานการณ์ที่เงินเหรียญสหรัฐมีสิทธิอ่อนค่าลง ทำให้ 70% ของเงินสำรองระหว่างประเทศจีนที่สูงถึง 3.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ลดหายไปได้ทุกเมื่อ
    แต่สถานการณ์ของตลาดโลกในปัจจุบัน ทำให้จีนเองอดกุมขมับไม่ได้ เพราะตัวเลือกที่จะให้เลือกนอกเหนือจากสหรัฐนั้นแทบไม่มี เนื่องจากเงินสกุลยูโรที่พอจะสูสีกับสหรัฐก็ดันประสบปัญหาหนี้สาธารณะ ขณะที่เงินเยนของญี่ปุ่นก็เจอพิษสึนามิซัดยังไม่หายมึน
    สำหรับประเทศอื่นๆ ก็คงต้องควานหายาแก้ปวดมากินบรรเทาอาการกันต่อไป แต่เพราะเป็นจีน ยักษ์ใหญ่แห่งเอเชียที่ผงาดขึ้นเป็นเบอร์ 2 ของโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำตอบที่ได้ย่อมแตกต่างออกไป ซึ่งก็คือการเดินหน้าผลักดันเงินหยวนให้เป็นหนึ่งในเงินสกุลหลักของโลก
    [​IMG]
    หากเป็นก่อนหน้านี้ แนวคิดดังกล่าวดูจะเป็นฝันที่ไกลเกินตัวของจีน แต่ทว่าวินาทีนี้จีนกลายเป็นคำตอบที่หลายประเทศต่างเล็งเข้าซบอิงแอบกันทั่วหน้า
    เพราะในสายตาของประเทศเหล่านั้น หรือแม้กระทั่งนักลงทุน เงินหยวน (RMB) กำลังเป็นเงินสกุลใหม่ที่มั่นคง เติบโต และเริ่มได้รับความเชื่อถือมากขึ้นเรื่อยๆ ตามเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มโตวันโตคืน
    ทั้งนี้ จากสถิติของบริษัทหลักทรัพย์ยูบีเอส พบว่าเงินสกุลหยวนเริ่มเป็นที่นิยมสำหรับการชำระหนี้และการคำนวณมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปี 2553 ซึ่งอยู่ที่ 18.4 หมื่นล้านหยวน มาอยู่ที่ 3.6 แสนล้านหยวน ในไตรมาสเดียวกันของปี 2554
    พร้อมกันนี้จีนได้ลงนามในข้อตกลงอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Swap Deals) กับประเทศต่างๆ โดยขยายจากฮ่องกงสู่สิงคโปร์ เกาหลีใต้ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอาร์เจนตินา ซึ่งช่วยให้บริษัทนอกประเทศจีนสามารถกู้ยืมเงินหยวนในปริมาณมหาศาลเพื่อลงทุน หรือทำการค้าได้ภายในระยะเวลาเพียง 23 ปีที่ผ่านมา โดยมีแนวโน้มว่าจะขยายครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จนถึงรัสเซียภายในปีสองปีนี้
    นอกจากนี้ ยังไม่นับรวมถึงพันธบัตรรัฐบาลจีนรสอร่อยที่เปิดขายในฮ่องกง อย่างติ่มซำบอนด์ซึ่งกำลังเนื้อหอมในหมู่บริษัทข้ามชาติ
    การค้าขายเงินหยวนในตลาดที่คึกคักดังกล่าว ล้วนเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่ดีของสกุลเงินที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นเงินสกุลหลักของโลกแทบทั้งสิ้น
    [​IMG]

    ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาบริษัทที่ปรึกษาข้ามชาติจากฝั่งตะวันตก ซึ่งส่วนใหญ่ต่างยอมรับว่าลูกค้าเริ่มให้ความสนใจถือเงินสกุลหยวนเป็นเงินสำรองระหว่างประเทศมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ธนาคารรอยัลแบงก์ในสกอตแลนด์ ที่มีเงินหยวนสูงถึง 7 หมื่นล้านหยวน โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่กลุ่มธุรกิจเครือคอนราดเองก็เริ่มเล็งเงินหยวนเป็นทางเลือกที่สำคัญนอกเหนือจากเงินเหรียญสหรัฐแล้วเช่นกัน
    สถานการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนเอื้ออำนวยให้จีนเดินเครื่องได้แบบเต็มกำลัง
    อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมในตลาดค้าเงินมากขึ้น แต่การที่รัฐบาลจีนควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนผ่านคณะกรรมการนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางอย่างเคร่งครัด ทำให้เงินหยวนยังไม่เป็นที่นิยมในวงกว้าง เพราะอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนไม่เป็นไปตามกลไกตลาดอย่างที่ควรจะเป็น
    ปัญหาดังกล่าวจึงนับเป็นโจทย์ท้าทายรัฐบาลจีนอย่างมาก ว่าจะกล้าเดินหน้าปล่อยให้เงินหยวนเป็นไปตามราคาตลาดเพื่อดันสกุลเงินตนเองให้เทียบชั้นเงินสกุลหลักของโลกอย่างสหรัฐหรือไม่
    หากว่ารัฐบาลจีนไม่สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ ความหวังที่จะเห็นเงินหยวนเป็นเงินสกุลหลักของโลกแทนที่จะเป็นเงินสกุลทางเลือกอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ยังคงอยู่อีกยาวไกล
     
  11. asimo_oak

    asimo_oak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +26
    การจลาจลในกรุงลอนดอนที่เกิดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงยืดเยื้อถึงวันนี้เป็นวันที่ 3 โดยมีรายงานเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นในหลายจุดของกรุงลอนดอน ตำรวจปราบจลาจลปะทะกับกลุ่มวัยรุ่นนับพันคนซึ่งจุดไฟเผาทรัพย์สินและปล้นสะดมร้านค้า

    [​IMG]

    ขณะที่เหตุความรุนแรงลุกลามไปยังเมืองต่างๆแล้ว อาทิ เบอร์มิงแฮม ลิเวอร์พูล แมนเชสเตอร์ และบริสโตล ด้านนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ต้องรีบเดินทางกลับจากการพักผ่อนสุดสัปดาห์ที่เมืองทัสคานี ประเทศอิตาลี เพื่อหารือแก้ไขภาวะวิกฤติ ดังกล่าวร่วมกับคณะกรรมการฉุกเฉินของรัฐบาลหรือ "คอบร้า" ด้านโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้จับตาดูสถานการณ์ดังกล่าว "ชั่วโมงต่อชั่วโมง"

    กลุ่มผู้ก่อจลาจลซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น ได้เปิดฉากปะทะกับตำรวจปราบจลาจลกว่า 200 นายและสุนัขตำรวจ ในย่านแฮคนีย์ ทางตะวันออกของกรุงลอนดอน โดยขว้างปาเจ้าหน้าที่ด้วยท่อนไม้ ขวด และยิงประทัดเข้าใส่หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าขัดขวางการทุบทำลายกระจกอาคารร้านค้าและพยายามเข้าปล้นสะดม

    นอกจากนั้นยังเกิดเหตุเพลิงไหม้หลายจุดในย่านครอยดอน ซึ่งรวมถึงโรงงานเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งลุกลามไปยังอาคารอีกหลายหลังที่อยู่ใกล้เคียง กลุ่มวัยรุ่นยังเข้าปล้นสะดมที่ห้างสรรพสินค้าเดอเบนแฮมส์ และร้านค้าจำนวนมากในย่านลาเวนเดอร์ ฮิลล์ และสแตรทฟอร์ดไฮ

    [​IMG]

    สำนักงานตำรวจสก็อตแลนด์ยาร์ด เปิดเผยว่า มีผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมตัวแล้วอย่างน้อย 225 คน และ 36 คนถูกตั้งข้อกล่าวหา นอกจากนั้น ยังมีการระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมอีกกว่า 1,700 นาย ในช่วงคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่กองกำลังตำรวจ 9 หน่วยจากทั่วประเทศได้เดินทางมาสนับสนุน พร้อมทั้งตำรวจนครบาลลอนดอน และตำรวจขนส่งอังกฤษ

    นางเทเรซา เมย์ รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายใน กล่าวว่า ผู้ก่อจลาจลถูกจับกุมตัวได้ทั้งสิ้น 215 คน ในจำนวนนี้มีการตั้งข้อหาแล้ว 25 คน และจะมีการจับกุมเพิ่มเติมโดยอาศัยหลักฐานจากกล้องวงจรปิด สำหรับตำรวจบาดเจ็บ 35 นาย ในบรรดาวัยรุ่นที่ถูกจับกุมพบว่า มีอายุน้อยสุดเพียง 11 ปี และประมาณ 100 คน มีอายุไม่ถึง 21 ปี

    ความวุ่นวายเริ่มกระจายตัวออกไปนอกกรุงลอนดอนในช่วงค่ำวันจันทร์และช่วงรุ่งสางวันนี้ (9 ส.ค.) โดยตำรวจปราบจราจลได้เคลื่อนกำลังพลเข้าใปยังย่านใจกลางเมืองเบอร์มิงแฮม หลังจากกลุ่มวัยรุ่นบุกเข้าไปยังย่านช็อปปิง ทำลายกระจกและขโมยสิ่งของจากร้านค้า ขณะที่มีรายงานว่าสถานีตำรวจบนถนนโฮลีเฮด ในย่านแฮนส์เวิร์ธถูกจุดไฟเผา โดยมีผู้ถูกจับกุมราว 100 คน

    [​IMG]

    นอกจากนั้นยังมีรายงานว่ามีรถยนต์ได้รับความเสียหายจำนวนมากที่เมืองแมนเชสเตอร์ และกลุ่มเยาวชนที่สวมผ้าคลุมหน้ากว่า 200 คน บุกเข้าไปยังย่านท็อกซ์เทธ ที่เมืองลิเวอร์พูล ด้านตำรวจที่เมืองบริสโทลเปิดเผยว่า พวกเขาต้องรับมือกับสถานการณ์ความวุ่นวายที่มีผู้ก่อเหตุราว 150 คน

    ทางการตำรวจได้ร้องขอให้มีการเลื่อนการแข่งขันฟุตบอลนัดระหว่างทีมชาร์ลตันและเวสต์แฮม ซึ่งตามกำหนดจะมีการแข่งขันในวันนี้ออกไปก่อน

    [​IMG]

    สาเหตุของการจลาจลที่เริ่มตั้งแต่สุดสัปดาห์ มีการอ้างว่าเกิดจากชายคนหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่ทำวิสามัญฆาตกรรม กลายเป็นชนวนให้เกิดการประท้วงและจลาจล แต่บางกระแสกล่าวว่า ต้นเหตุที่แท้จริงคือความไม่พอใจของคนหนุ่มสาวในปัญหาการว่างงานที่นับวันแต่จะรุนแรงขึ้น แต่ตำรวจและนักการเมืองอังกฤษกล่าวว่า เหตุรุนแรงเกิดจากพวกฉวยโอกาสและความคึกคะนอง ไม่ใช่เกิดจากความไม่พอใจสภาพบ้านเมือง ตำรวจกล่าวว่าการป้องกันทำได้ยากเพราะมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์ เช่น ทวิตเตอร์ และโทรศัพท์เคลื่อนที่อัจฉริยะเป็นเครื่องมือกระจายข่าวและระดมพล

     
  12. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    วันนี้ ทองแท่ง ซื้อ 24,950 ขาย 25,050 (09/08/2011)
     
  13. uuuu0010

    uuuu0010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +247
    วันนี้ ทองแท่ง ซื้อ 25,300 ขาย 25,400
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=584><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=584><TBODY><TR><TD background=images/goldprice_bg.jpg><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=569 align=right><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 width=562><TBODY><TR align=middle><TD class=paddingleft5px bgColor=#ddccb0 width=168>ทองคำ 96.5%</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#ddccb0 width=138>รับซื้อ</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#ddccb0 width=138>ขายออก</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#ddccb0 width=100>ประกาศเวลา</TD></TR><TR align=middle><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>ทองคำแท่ง</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1 height=30>25300 </TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>25400 </TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1 rowSpan=2>11:36:00 </TD></TR><TR align=middle><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>ทองรูปพรรณ</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1 height=30>24938.20 </TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>25800 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><!--ราคาทอง--></TD></TR><TR><TD style="HEIGHT: 10px"></TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. asimo_oak

    asimo_oak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +26
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=584><TBODY><TR><TD height=51 vAlign=bottom background=images/goldprice_h.jpg><TABLE border=0 width=547 align=center><TBODY><TR><TD style="FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: rgb(153,51,0); FONT-SIZE: 11px" width=682 colSpan=2>ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำประจำวันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2554 [​IMG]</TD><!--<td width="98"> </td>--></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD background=images/goldprice_bg.jpg><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=569 align=right><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 width=562><TBODY><TR align=center><TD class=paddingleft5px bgColor=#ddccb0 width=168>ทองคำ 96.5%</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#ddccb0 width=138>รับซื้อ</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#ddccb0 width=138>ขายออก</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#ddccb0 width=100>ประกาศเวลา</TD></TR><TR align=center><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>ทองคำแท่ง</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1 height=30>26200 </TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>26300 </TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1 rowSpan=2>15:08:00 </TD></TR><TR align=center><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>ทองรูปพรรณ</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1 height=30>25817.48 </TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>26700</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    เวเนฯ ชี้ถอนทองคำสำรองจากสหรัฐ-ยุโรปป้องกันผลกระทบวิกฤต ศก.
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>19 สิงหาคม 2554 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    นายราฟาเอล รามิเรซ รัฐมนตรีพลังงานของเวเนซุเอลา ให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ กล่าวปกป้องการตัดสินใจของประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ ซึ่งประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ให้รัฐเข้าไปยึดอุตสาหกรรมเหมืองทองคำเป็นของรัฐ และมีแผนจะถอนทองคำสำรองมูลค่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรป

    นายรามีเรซ ระบุว่า การถอนทองคำสำรองดังกล่าว เพื่อป้องกันปัญหาจากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และยุโรป แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะนำทองคำเหล่านั้นกลับประเทศเมื่อไหร่
    ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า การถอนทองคำออกจากสหรัฐฯ และยุโรป จะทำให้เวเนซุเอลาตกอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้น ในสายตาของนักลงทุน

     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ประท้วง “วอลล์สตรีท” ลามทั่วโลก “นิวยอร์ก-โรม” มีเหตุปะทะ-จลาจล

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>16 ตุลาคม 2554 20:44 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]





    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นักเคลื่อนไหว “ออคคิวพาย วอลล์สตรีท” ชุมนุมใหญ่บริเวณไทม์สสแควร์ ย่านแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก วันที่ 15 ตุลาคม พร้อมกับการประท้วงที่เกิดขึ้นในเมืองสำคัญทั่วโลก ซึ่งเว็บไซต์ 15october.net อ้างว่า มีการชุมนุมเกิดขึ้นมากถึง 951 เมือง ใน 82 ประเทศ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เอเจนซี / เอเอฟพี - กระแสการประท้วงมุ่งต่อต้านความละโมบตะกละตะกลามของพวกชนชั้นนายทุนและภาคธนาคาร ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการประท้วงวอลล์สตรีทในนิวยอร์ก เริ่มลุกลามบานปลายไปสู่เมืองสำคัญทั่วโลกเมื่อวันเสาร์ (15) ไม่ว่าจะเป็นวอชิงตัน, ไมอามี, โรม, มาดริด, ลิสบอน, อัมสเตอร์ดัม, ปารีส, เบอร์ลิน, ซูริค, เอเธนส์, บรัสเซลส์, โตเกียว, ฮ่องกง หรือซิดนีย์ โดยเฉพาะที่เมืองหลวงของอิตาลีได้เกิดเหตุจลาจลรุนแรงถึงขั้นจุดไฟเผารถยนต์และจู่โจมธนาคาร ขณะที่ในแดนต้นตออย่างนิวยอร์ก ผู้ประท้วงหลายพันคนได้เดินขบวนครั้งใหญ่สู่ย่านจัตุรัสไทม์สแควร์ และเกิดการปะทะกับตำรวจตลอดจนเกิดเหตุโกลาหลจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ

    การประท้วงซึ่งจุดชนวนโดยกลุ่มนักเคลื่อนไหว “ออคคิวพาย วอลล์สตรีท” หรือขบวนการยึดครองวอลล์สตรีท ศูนย์กลางทางการเงินของโลกและเป็นแหล่งผลประโยชน์ของบริษัทและธนาคารยักษใหญ่ในสหรัฐฯนั้น เริ่มแพร่เชื้อลามไปสู่ยุโรป, นิวซีแลนด์และออสเตรเลีย, ตลอดจนบางส่วนของภูมิภาคเอเชีย โดยรายงานข่าวระบุว่า กระแสประท้วงในสหรัฐฯ และ “ความโกรธแค้น” ของชาวสเปนที่มีต่อนโยบายตัดงบรายจ่ายของรัฐบาลกำลังแผ่ลามไปถึง 951 เมืองจาก 82 ประเทศทั่วโลก

    ที่มหานครนิวยอร์ก ที่ซึ่งการประท้วงความเอารัดเอาเปรียบของพวกทุนนิยมเริ่มเปิดฉากขึ้นจากการที่กลุ่มออคคิวพาย วอลล์สตรีทปักหลักกางเต็นท์ในสวนสาธารณะทางใต้ของแมนฮัตตัน ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ปรากฏว่า ในวันนัดหมายร่วมประท้วงแบบพร้อมเพรียงกันทั่วโลกเมื่อวันเสาร์ (15) กลุ่มแกนนำในนิวยอร์ก ระบุว่า มีผู้ประท้วงอย่างน้อย 5,000 คนมาร่วมเดินขบวนไปยังจัตุรัสไทม์สแควร์ ใจกลางเกาะแมนฮัตตัน

    ในระหว่างเคลื่อนขบวน ผู้ประท้วงซึ่งประกอบด้วยนักศึกษา, สหภาพแรงงาน กระทั่งครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ ต่างร้องตะโกนว่า “เราคือพลเมือง 99 เปอร์เซ็นต์”, “เราคือประชาชน” และ “คุณโอบามา เราต้องการความช่วยเหลือ” ขณะที่ตำรวจนิวยอร์กพยายามนำเครื่องกีดขวางมากั้นไว้

    เหตุการณ์เริ่มบานปลายจนนำไปสู่การปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนิวยอร์ก ที่บริเวณหัวถนนหมายเลข 46 และอเวนิวหมายเลข 7 หลังจากตำรวจพยายามขี่ม้าไล่ต้อนผู้ประท้วงให้ถอยออกจากไทม์สแควร์ ส่งผลให้ผู้ประท้วงซึ่งตื่นตกใจวิ่งหนีกันอลหม่าน และเกิดความชุลมุนวุ่นวาย จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย โดยหนึ่งในนั้นเป็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งถูกผลักล้มลงจนบาดเจ็บที่ใบหน้า

    เอเอฟพีระบุว่า จากเหตุความวุ่นวายในนิวยอร์กเมื่อวันเสาร์ ทำให้ผู้ถูกจับกุมทั้งสิ้น 88 คน

    ขณะที่ในกรุงวอชิงตัน ประชาชนราว 2,000-3,000 คนได้ออกมาแสดงพลังมวลชนกันที่สวนสาธารณะเนชันแนลมอลล์ ก่อนที่จะมีการเริ่มต้นพิธีเปิดอนุสรณ์สถานของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ นักต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองชาวผิวดำซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพและสิ้นชีวิตเพราะถูกลอบสังหาร ส่วนที่ไมอามี ชาวเมืองอย่างน้อย 1,000 คน ได้เดินขบวนในย่านดาวน์ทาวน์ เพื่อต่อต้านพวกบริษัท, ธนาคาร และสงครามในตะวันออกกลาง

    ทั้งนี้ อเมริกันชนจำนวนมากต่างโกรธแค้นกรณีที่ธนาคารและสถาบันการเงินในสหรัฐฯ กอบโกยผลกำไรมหาศาลหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าโอบอุ้มพยุงฐานะเพื่อไม่ให้ล้มละลายในปี 2008 ขณะที่พวกเขารู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมที่ต้องตกระกำลำบากจากภาวะเศรษฐกิจอันย่ำแย่โดยที่มีตัวเลขคนตกงานสูงถึงกว่า 9 เปอร์เซ็นต์




    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>จูเลียน แอสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์ ปราศรัยต่อผู้ชุมนุมในกรุงลอนดอน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ส่วนที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ผู้ประท้วงรวมหลายหมื่นคน ซึ่งสนับสนุนโดยสหภาพแรงงานใหญ่ที่สุดและนักศึกษา ได้เดินขบวนไปตามท้องถนนในเมืองหลวง แต่แล้วเหตุการณ์ก็ตึงเครียดและบานปลาย เมื่อผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งได้จุดไฟเผารถยนต์, ทุบทำลายกระจกหน้าต่างของธนาคาร รวมถึงเผาหน่วยงานของกองทัพอิตาลี พร้อมกับขว้างปาก้อนหิน, ขวดน้ำ และพลุไฟใส่ตำรวจ ขณะที่ตำรวจก็ตอบโต้ด้วยการระดมยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำใส่เพื่อสลายกลุ่มผู้ประท้วงอันธพาลเหล่านี้

    เหตุการณ์โกลาหลที่ดินแดนมักกะโรนีนับเป็นการก่อจลาจลรุนแรงที่สุดในบรรดาการประท้วงต่อต้านความโลภของนายทุนและคัดค้านนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาลที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก นอกจากนี้จำนวนคนที่มาร่วมประท้วงในเมืองหลวงของอิตาลีครั้งนี้ ก็ยังนับเป็นการรวมตัวแสดงความไม่พอใจครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่เริ่มมีการประท้วงขึ้นที่จตุรัส ปูเอร์ตา เดล ซอล ในกรุงมาดริด ของสเปน เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมเป็นต้นมา

    ส่วนที่กรุงมาดริด และ กรุงลิสบอน ก็มีรายงานว่า ประชาชนจำนวนหลายหมื่นคนได้ออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาลเมื่อวันเสาร์เช่นเดียวกัน โดยรอยเตอร์ระบุว่า เฉพาะที่เมืองหลวงของโปรตุเกสนั้น มีประชาชนมากกว่า 20,000 คน ออกมาเดินขบวนประท้วง ขณะที่ในเมืองปอร์โต เมืองใหญ่อันดับสองของแดนฝอยทอง ก็มีผู้ประท้วงจำนวนที่มากพอๆ กัน ทั้งนี้การประท้วงที่โปรตุเกสเกิดขึ้นเพียง 2 วันหลังจากที่รัฐบาลเพิ่งประกาศบังคับใช้มาตรการรัดเข็มขัดชุดใหม่

    ข้ามไปที่กรุงเอเธนส์ ชาวกรีกราว 4,000 คน รวมตัวกันเดินขบวนไปยังจัตุรัสซินตักมา เพื่อต่อต้านนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาล พร้อมกับถือแผ่นป้ายข้อความว่า “กรีซไม่ได้มีไว้ขาย”

    นอกจากนี้ ที่กรุงลอนดอนก็เกิดเหตุวุ่นวายไม่แพ้กัน เมื่อผู้ประท้วงราว 800 คน มาปักหลักชุมนุมที่ย่านการค้าใกล้กับโบสถ์เซนต์ปอล พร้อมกับชูป้าย “สู้มัน!”, “ไม่ตัดงบ” และ “โกลด์แมน แซกส์ เป็นกิจการของซาตาน” ขณะที่มีรายงานด้วยว่า จูเลียน แอสซานจ์ ผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์ เว็บไซต์จอมแฉ ก็ออกมาร่วมชุมนุมในเมืองหลวงของอังกฤษครั้งนี้ด้วย

    ด้านกองบัญชาการตำรวจนครบาลลอนดอน หรือ สกอตแลนด์ยาร์ด ระบุว่า มีผู้ถูกจับกุมฐานทำร้ายเจ้าพนักงาน 3 ราย และอีก 2 รายถูกจับฐานก่อกวนความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

    ที่กรุงปารีส ซึ่งกำลังเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม จี-20 ระดับรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าdkiแบงก์ชาติ เพื่อหารือแนวทางแก้ไขวิกฤตหนี้และการขาดดุลงบประมาณบานเบอะในหลายประเทศ ก็ปรากฏว่าผู้ประท้วงราว 1,000 คน เดินขบวนกันที่ด้านหน้าศาลาเทศบาล

    ที่เยอรมนี มีผู้ประท้วงหลายพันคนรวมตัวกันที่เบอร์ลิน, ฮัมบูร์ก และบริเวณด้านนอกที่ทำการของธนาคารกลางแห่งยุโรปในนครแฟรงก์เฟิร์ต

    ข้ามฟากไปที่ฮ่องกง ที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียของวาณิชธนกิจระดับบิ๊กๆ หลายราย อาทิ โกลด์แมน แซคส์ ก็ไม่รอดพ้นตกเป็นเป้าหมายของผู้ประท้วงเช่นกัน โดยประชาชนรวมกว่า 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและผู้เกษียณอายุ ได้ชุมนุมกันที่เอ็กซ์เชนจ์ สแควร์ พร้อมกับถือป้ายตราหน้าพวกแบงก์ว่าเป็น “เซลล์มะเร็งร้าย”

    ขณะที่ในกรุงโตเกียว ชาวญี่ปุ่นราว 100 คน ได้เดินขบวนแสดงความไม่พอใจรัฐบาลจากกรณีอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่จังหวัดฟูกูชิมะ

    ในกรุงไทเป มีชาวไต้หวันกว่า 100 คน นัดชุมนุมกันที่บริเวณด้านนอกของที่ทำการตลาดหลักทรัพย์ไทเป โดยที่พวกเขาเรียกตนเองว่าเป็น “คน 99 เปอร์เซ็นต์ของไต้หวัน” พร้อมกับแสดงความไม่พอใจว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจนำมาซึ่งผลประโยชน์ของคนส่วนน้อยเฉพาะแค่บรรดาบริษัทเท่านั้น ขณะที่เงินเดือนของชนชั้นกลางก็น้อยนิดเพียงแค่พอเลี้ยงชีพเท่านั้น

    ที่นครซิดนีย์ ชาวออสซีราว 2,000 คน ซึ่งรวมผู้แทนจากชนกลุ่มน้อยชาวอะบอริจิน, พวกคอมมิวนิสต์ ตลอดจนสหภาพแรงงาน ได้รวมตัวกันประท้วงรัฐบาลที่ด้านนอกธนาคารกลางของออสเตรเลีย

    นอกเหนือจากเมืองต่างๆ ที่กล่าวมา ในทวีปอเมริกา ทั้งเม็กซิโก, เปรู และชิลี ก็มีประชาชนรวมหลายพันคน ออกมาแสดงความไม่พอใจรัฐบาลต่อกรณีระบบการเงินอันไม่เป็นธรรมและปัญหาว่างงาน




    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>




    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>




    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>




    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>




    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>




    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>




    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    คลิปวิดีโอรณรงค์การชุมนุมประท้วง 15 ตุลาคม



    <IFRAME src="http://www.youtube.com/embed/4y3X2VFruLM" frameBorder=0 width=640 height=360 allowfullscreen></IFRAME>









    </TD></TR></TBODY></TABLE>ความคิดเห็นที่ 5

    คำทำนาย ยกมา

    "...ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง
    สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ
    ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม
    หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้
    จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป
    เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา
    คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น
    แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
    ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา
    ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ"

    จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป
    ใกล้แล้ว (มั้ง[​IMG] )

    http://manager.co.th/Around/ViewNews...=9540000131993<!-- google_ad_section_end -->
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    $$... Occupy Global 951 เมือง ใน 82 ประเทศทั่วโลก เกิดจากอะไร? ...$$

    สวัสดีคร้าบบบบ ก่อนผมจะพาแม่บินไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น เอาอะไรหนักๆสมองมาให้อ่านกันหน่อย ^^

    ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศเริ่มรายงานถึงการประท้วงของภาคประชาชนถึงภาคธุรกิจการเงินถี่ขึ้น ทั้งในอเมริกา และในยุโรป หลังเกิดความรุนแรงมากขึ้นในอิตาลี และการขยายตัวการชุมนุมกลายเป็นจราจลในหลายๆประเทศ

    จริงๆแล้ว การชุมนุมประท้วงในทั้งหมด 951 เมือง จาก 82 ประเทศ เริ่มต้นมาจากจุดเดียวกัน นั้นก็คือความเลื่อมล้ำของความมั่งคั่งของคนที่อยู่ในภาคการเงิน และอยู่ข้างนอก และทั้งหมดทั้งมวลนี้ ก็ได้ต้นแบบมาจากที่เดียวกันครับ ใช่แล้ว มันมาจาก Wall Street และเริ่มที่ชื่อ “Occupy Wall Street” ตอนนี้ คำนี้ มีใน wikipedia แล้วนะ ใครอยากรู้รายละเอียดมากกว่าที่ผมเล่า ตามเข้าไปอ่านได้ที่นั้น



    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#204080 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#204080 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>ค่อยๆดูกันทีละภาพนะครับ ภาพแรก เป็นภาพที่แสดงให้เห็นว่า คนที่รวยที่สุดในอเมริกา 1% แรก มีรายได้ต่อปี ในช่วงนี้ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และคิดเป็น 23.5% ของรายได้ทั้งหมดของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งตัวเลขนี้ ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวไปร่วมๆ 2 เท่าทีเดียว

    ... คำถามคือ แล้วยังไงล่ะ? บริษัทโต ขยายกิจการ กำไรก็ต้องโตตามไปด้วย จะจ่ายผลตอบแทนสูง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร


    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>ถูกต้องแล้วครับ Corporate Profit หลังหักภาษี ของบริษัทในอเมริกา ตอนนี้ ทำจุดสูงสุด เป็น All Time High ทั้งๆที่เพิ่งผ่านวิกฤต Subprime มาเมื่อปี 2008 นี้เอง ดูแค่นี้ ใครๆก็อาจจะมองว่า อเมริกาพ้นจากความเสี่ยงที่จะเกิด Recession แล้วใช่มั้ย? แต่ ชีวิตมันมักจะไม่ง่ายอย่างนั้นนะสิ

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>จากภาพในความเห็นแรก รายได้ต่อปี ของคนรวย 1% แรกของอเมริกา อาจมีคนเถียงผมว่า มันเป็นแค่ 1% นั้นหรือเปล่า Warren Buffet เอย Bill Gates เอย อีตา Mark Zuckerburg อีกคน เขาเก่ง ก็ต้องให้เขาไปสิ

    งั้นไปดูกราฟนี้อีกอัน จะเห็นว่า ตั้งแต่ปี 1990 มา ค่าตอบแทนของ CEO ในบริษัทที่อยู่ใน S&P500 สูงขึ้นถึง 300% (ปรับฐานตามเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเรียบร้อยแล้ว) อัตราเร่งมันสูงกว่า กำไรของบริษัทด้วยซ้ำ และถ้าเปรียบเทียบกับลูกจ้างธรรมดาๆ ตั้งแต่ปี 1990 ลูกจ้างได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 4.3% เท่านั้นเอง


    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>ค่าจ้างราย ชม. ของแรงงานในอเมริกา ดูเผินๆ ก็เหมือนจะปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1964 เป็นต้นมา แต่หากลองปรับตามเงินเฟ้อแล้ว ตอนระยะเวลา 30 ปีที่ผ่าน (ตั้งแต่ปี 1980) ค่าจ้างของแรงงานไม่ได้ปรับขึ้นตามมา

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>สรุปจากกราฟ 4 กราฟแรก ก็จะเห็นว่า คนรวย ก็มีแต่รวยขึ้น คนจน เหลือทางไปแค่ 2 ทาง คือ ไม่จนเท่าเดิม ก็จนลง จริงไหม? ลองไปดูสัดส่วนค่าจ้างแรงงานต่อ GDP ของอเมริกากันจากกราฟด้านล่าง จะเห็นว่า ค่าจ้างแรงงานเทียบเป็นสัดส่วนต่อ GDP ในปี 2010-2011 นี้ ต่ำเป็นประวัติศาสตร์เลยทีเดียว

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>อย่างที่เราทราบกันว่า ตอนนี้ Unemployment Rate ของอเมริกา อยู่ที่ 9% นิดๆ ซึ่งถือว่าเกือบจะสูงสุดตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 80 เช่นกัน ดูแค่ตัวเลข 9% อาจดูว่าเยอะ แต่คงไม่มากมายอะไร ลองคิดเป็นจำนวนคนสิครับ …. ตอนนี้มีคนที่เป็นแรงงานของระบบเศรษฐกิจแต่ไม่มีงานทำ สูงถึง 14 ล้านคนด้วยกัน!!

    กราฟด้านล่าง แสดงให้เห็น สัดส่วนคนที่ไม่มีงานทำมา 6 เดือน คิดเป็น % แล้ว เกือบๆ 50% ของ Unemployment ทั้งระบบ


    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>ยังครับ ยังแย่ไม่พอ พาไปดูตัวเลขที่น่ากลัวกว่านี้อีก... หึหึหึ

    9% เนี่ย เป็น Unemployment นะ แต่ถ้ารวมแรงงานที่เคยทำงานประจำและหันไปทำ Part-Time ซึ่งแน่นอนครับ คนเหล่านี้อยากได้งานประจำกลับมาทำอย่างเดิม จะพบว่า ตัวเลขรวมกันของคนสองกลุ่มนี้ สูงถึง 17% ทีเดียว หรือคิดเป็นจำนวนคนก็ราวๆ 26 ล้านคน โอ้ววววววว เยอะเกิ๊นนน


    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>เห็นความต่างระหว่างคนรวยกับคนจนมากขนาดนี้ ใครเข้าข้างคนรวย เพราะมองว่าเขาขยันทำงาน เขาเก่ง ก็ต้องได้มากกว่า ผมก็ยอมรับครับว่าจริงส่วนหนึ่ง แต่พอเอาตัวเลข Wealth ของคนอเมริกามากางดูเป็น Pie Chart แล้ว จะพบความเบี้ยวของระบบทุนนิยมที่ร้ายกาจ นั้นคือ 80% ของคนอเมริกัน เป็นเจ้าของสินทรัพย์การการเงินในระบบเพียงแค่ 7% เมื่อเทียบกับ คนรวยที่สุด 5% แรกของประเทศ เป็นเจ้าของสินทรัพย์และตราสารทางการเงินสูงถึง 72% ทีเดียวเชียว

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>ขอพยายามเถียงต่ออีกได้ม่ะ ... อัตราภาษีในอเมริกา ยิ่งรวยยิ่งโหดนี่นา แน่นอนว่าคนรวยที่สุดในประเทศ 5% เขาได้รายได้มาก แต่เขาก็ต้องเสียภาษีมาก เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ไม่ใช่หรอ

    จากตัวเลขสัดส่วนภาษีในปี 2010 ของคนรวยที่สุด 1% แรกของประเทศ เทียบกับคนคนรวยรองลงมา 19% ของแรงงานทั้งหมด จะเห็นว่า อัตราภาษีของคนรวยเหล่านั้น น้อยกว่าด้วยซ้ำ


    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>แต่ก็เถียงไม่ได้ครับ เพราะหากดูเป็นภาษีในรูปตัวเลขแล้ว ภาษีที่คนรวย 20% แรกของประเทศ จ่ายให้แก่รัฐ ก็มีสัดส่วนมากกว่าแรงงานกลุ่มอื่น ปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 64.3% (กราฟอันล่าง) ส่วนอันบนก็เทียบให้ดูว่า รายได้ของคนรวย 20% แรก คิดเป็น 59.1% ของรายได้ทั้งหมดที่ได้จากแรงงานทุกระดับ

    แปลว่า คนรวย 20% จ่ายภาษี เมื่อเทียบกับรายได้ที่พวกเขาได้รับ มากกว่า 80% ของแรงงานที่เหลือ

    แต่นั้นก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้กลุ่มคนที่เหลือพอใจครับ เพราะประเทศประชาธิปไตย หนึ่งเสียงของคนจน ต้องมีค่าเท่ากับหนึ่งเสียงของคนรวย และตอนนี้ คนจน กำลังเยอะขึ้นเรื่อยๆ (แต่คนจนมักโดนคนรวยซื้อเสียงปิดปากกันหมด)


    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>เอาล่ะๆ เข้าใจแล้วว่าคนรวยเขาหาเงินมาแล้วเหยียบย้ำหัวใจน้อยๆของคนฐานะต่ำต้อยอย่างเราๆ

    แต่ทำไม Wall Street ต้องกลายเป็นแพะรับบาปจากความไม่พอใจนี้ไป ในเมื่อมีมหาเศรษฐีจากธุรกิจอื่นๆอีกตั้งเยอะตั้งแยะ น่าสงสาร Wall Street จะตาย

    หากย้อนกลับไปตอน Subprime Crisis คงจำกันได้นะครับ ว่าภาครัฐฯ เข้าไปอุ้มสถาบันการเงินโดยใช้ภาษีของประชาชน และอัดฉีดเงินใหม่ผ่านกรรมวิธีที่เราคุ้นชื่อว่า QE โดยให้เหตุผลกับเราว่า เมื่อได้เงินช่วยเหลือจากรัฐฯแล้ว ภาคสถาบันการเงินจะมีสภาพคล่อง และนำเงินที่ได้ไปกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ผ่านการปล่อยสินเชื่อ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจแบบอื่นๆ แต่แล้วสิ่งที่เรากังวลก็เป็นจริงครับ ธนาคารได้เงินช่วยเหลือจาก Fed หรือธนาคารกลางไป เราก็เห็นตัวเลขสินเชื่อขยับตัวขึ้นบ้าง แต่หลังจากนั้น ปี 2009-2010 ตัวเลขการปล่อยสินเชื่อกลับตกลงอย่างรวดเร็ว (ตามภาพ) ก่อนดีดกลับช่วงสั้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2010 แต่ก็ไม่ได้ขยับขึ้นต่อ


    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>จำ Corporate Profit หลังหักภาษี ของบริษัทในอเมริกา ที่ผมบอกไปเมื่อตอนต้นๆได้ไหมครับว่า กำไรสูงสุดในประวัติศาสตร์

    แต่ จากตัวเลขปล่อยสินเชื่อที่ไม่ได้โตตาม ทั้งๆที่ธนาคารได้เงินช่วยเหลือไปแล้ว แล้วเขาเอาเงินไปทำอะไร? – คำตอบคือ เอาเงินไปซื้อ US Treasury และหลักทรัพย์ที่มีการค้ำประกันโดยรัฐบาล หากดูจากกราฟด้านล้าง จะเห็นว่า สถาบันการเงินไล่ซื้อมาตั้งแต่ปี 2008 จนถึงปัจจุบัน

    แล้วเขาเอาไปทำอะไร ทำไมไม่เอาไปปล่อยกู้?


    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>สาเหตุที่ธนาคารไม่กล้าปล่อยกู้ ก็เพราะตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศยังมีความเสี่ยง และไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาหนี้ในยุโรป ที่เป็นเหมือนระเบิดเวลา เพราะธนาคารในอเมริกา ก็เป็นเจ้าหนี้ของกลุ่ม PIIGS เช่นเดียวกัน ตามภาพด้านล่าง เพราะฉะนั้น ถ้าเกิด Default ในประเทศใดประเทศหนึ่งทางฝั่งโน้น ย่อมหนาวถึง Balance Sheet ของธนาคารทางนี้ งั้น ทางที่ดีที่สุดก็คือ ถือ US Treasury ซะ ก็สิ้นเรื่องเหอะๆ

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>เรื่องยุโรปนี้ พอเข้าใจได้ แต่การแสวงหากำไรของสถาบันการเงินในอเมริกานี้สิครับ ถือเป็นปัญหาหลักเลย ที่ใครๆเห็นแล้ว ก็รู้สึกว่ามันไม่แฟร์

    นั้นก็คือ การที่เหล่าสถาบันการเงินได้เงินช่วยเหลือจาก Fed ไปแบบฟรีๆ แล้วกลับมาซื้อ US Treasury และหลักทรัพย์ที่มีการค้ำประกันโดยรัฐบาล มันคือการทำกำไรโดยแทบไม่มีความเสี่ยงอะไรเลย เอาเงินกินเปล่ามาซื้อพันธบัตร แล้วได้ดอกเบี้ยกับผลตอบแทนจากพันธบัตรอีกต่อหนึ่ง เฮ้ยยยย มันเกิดอะไรขึ้น?!!??

    แถม Fed ยังลดดอกเบี้ยลงเหลือ 0%-0.25% และออกพันธบัตรชุดใหม่ๆ อีกเพื่อหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการกดดอกเบี้ยให้ต่ำเข้าไว้ แถมอัดฉีดเงินผ่าน QE2 (เด๋วคงมี QE3 ตามมา) ก็เท่ากับการ สถาบันการเงินเหล่านี้ สามารถกู้เงินจากธนาคารในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำติดดิน แถมความเสี่ยงไม่มี แล้วเอาไปลงทุนพันธบัตร หรือไปลงทุนอะไรก็ได้ที่น่าจะได้ผลตอบแทน แต่ขอโทษครับ ไม่ใช่การปล่อยสินเชื่อให้ภาคเอกชน :D

    Institutional Risk Analytics ได้ลองคิดแค่ว่า การได้เงินมาของสถาบันการเงิน แล้วเอาไปลงทุนใน Risk-free Asset อย่าง US Treasury แล้วได้ส่วนต่างดอกเบี้ยอยู่ที่ 2-3% พบว่า สถาบันการเงินในอเมริกาได้กำไรจากเฉพาะส่วนต่างดอกเบี้ยเป็นเงินถึง $211Billion ในครึ่งปีแรกของปีนี้ ด้วยกัน

    เฮ้ นี่มัน 1 ใน 3 ของ QE2 เลยนะเพื่อน!!!!!!

    พอเอารายได้ส่วนนี้ ไปคำนวนรวมกับรายได้อื่นๆแล้วหักค่าใช้จ่าย เงินเดือน โบนัส ผลปรากฏออกมาว่า ธุรกิจธนาคารของอเมริกา ครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิได้ $58Billion ทำให้ภาคธนาคารกลับมามีกำไรเทียบเท่ากับช่วงก่อนวิกฤตปี 2008 แล้ว

    แต่ดูจริงๆแล้ว ไม่ใช่ภาคธุรกิจธนาคารนะครับ ที่กำไรเป็นกอบเป็นกำหลังจาก Subprime Crisis ถ้าตัด Financial Sector ออกไป ธุรกิจอื่นก็กำไรดีกันแทบทั้งนั้น (จากภาพด้านล่าง)


    ...


    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>มาดูตัวเลขอีกตัวที่น่าสนใจ

    เปรียบเทียบเงินเดือนพนักงานธุรกิจการเงินเปรียบเทียบกับแรงงานอื่นๆใน New York ตอนนี้พวกเขามีรายได้เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ $360,000 หรือราวๆ 11 ล้านบาทต่อปี (ตกเดือนละ 9แสน) ในขณะที่ Sector อื่น รายได้เฉลี่ยไม่ถึง $60,000 ด้วยซ้ำ



    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER></CENTER>
    ตัวเลข และกราฟ ออกมาค่อนข้างชัดว่า Wall Street ไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากการที่เศรษฐกิจอเมริกาทรุดลงหลังเกิดวิกฤต เมื่อคนส่วนใหญ่เดือดร้อน แล้วพอกำไรสถาบันการเงินยังดี นายธนาคารยังได้เงินเดือนเป็นกอบเป็นกำ ก็ต้องตกเป็นเป้าในการโจมตีของมวลชนนะครับ นี้คือสาเหตุที่เกิด “Occupy Wall Street” และลุกลามจนกลายเป็น “Global Occupy

    กลุ่ม Adbusters Media Foundation ผู้สนับสนุนการประท้วงครั้งนี้ พยายามพุ่งเป้าไปที่ Wall Street เพราะมีความเชื่อ ต้นตอของปัญหาทั้งหมด มันมาจากที่นี้

    แต่ข้อเท็จจริง เบื้องหลังความจริงทางตัวเลขที่ได้เอามาเล่าให้เห็นในวันนี้ ยากนักครับที่จะบอกได้ว่า มันเกิดจาก Wall Street แต่เพียงผู้เดียว

    ทำไมผมถึงคิดอย่างนั้น?

    - ตอนอดีตประธานาธิดีบุช อยู่ในตำแหน่ง ใช้ Air Force One บินไปตากอากาศที่ Taxas เฉพาะค่าเครื่องบินไปกลับ ก็ปาเข้าไป $250,000 แล้ว ยังไม่รวมลีมูซีน เฮลิคอปเตอร์ และเงินเดือนพนักงานผู้ติดตามอีกไม่รู้เท่าไหร่ แล้วตลอดเวลาที่อยู่ในตำแหน่ง แกอยู่ทำเนียบขาวที่เดียวซะที่ไหนละ และไม่ใช่แค่บุช โอบาม่าเองก็มีข่าวในทำนองนี้เช่นเดียวกัน เช่น ตอนไปเยือนอินเดีย มีผู้ติดตามไปด้วยเป็นพัน ใช้เครื่องบินบินไปไม่ต่ำกว่า 20 ลำ ไปพักในโรงแรมระดับ 6 ดาว อย่างทัชมาฮาล ลือๆกันว่า ค่าใช้จ่ายของทริปนั้น ไม่ต่ำกว่าวันละร้อยล้านดอลล่าร์ทีเดียวเชียว

    - และจริงๆแล้ว ไม่ใช่แค่ท่านผู้นำครับ ระดับเจ้าหน้าที่รัฐก็มีตัวอย่างเหมือนกัน ตัวเลขของสำนักงานสถิติแห่งชาติของสหรัฐ ระบุ เจ้าหน้าที่รัฐ ได้รับเงินเดือนสูงกว่าเอกชนถึง 20% ถ้ารวมสวัสดิการด้วย จะสูงมากกว่า 40% ของเอกชนทีเดียว

    นอกจากนี้ เรายังเห็นการอนุมัติงบประมาณแบบ ไม่เข้าท่าอีกหลายอย่าง ตัวอย่างหนึ่งที่ Classic ก็คือ มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐ ใช้งบประมาณ $500,000 (อาจดูไม่เยอะเท่าไหร่เนอะ) เพื่อวิจัยว่า กุ้งที่ป่วย สามารถฟื้นฟูร่างกายได้ด้วยการวิ่งบนสานพานไหม? โอ้วววว แม่เจ้า!!!

    แล้วเงินเหล่านี้ มันเงินของใครครับ ถ้าไม่ใช่จากภาษีของประชาชน...

    รัฐบาลไทย คุณทำอะไรอยู่ ดูพี่ใหญ่เป็นตัวอย่างนะครับ
    ส่วนนักลงทุนไทย อย่าคิดว่าตลาดหุ้นจะกลับไปกระทิงดุๆเหมือนปี 2009-2010 นะ อาจจะไม่ใช่หมี แต่ก็ไม่ง่ายแน่ๆ ที่จะฝันไว้สวยหรู ยิ่งถ้าอเมริกาเป็นแบบนี้

    ขอบคุณข้อมูลจาก

    http://www.businessinsider.comhttp://www.data360.org
    http://www.commonblog.com
    http://www.dailymarkets.com
    http://www.dol.gov

    ------------------------
    โชคดีในการลงทุนครับ


    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><TABLE cellSpacing=1 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top noWrap width=75>จากคุณ</TD><TD>: Mr.Messenger [​IMG][​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    PANTIP.COM : I11206997 $$... Occupy Global 951 <!-- google_ad_section_end -->
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ชุมนุมต่อต้านนายทุนยืดเยื้อเข้าสู่วันที่3
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>18 ตุลาคม 2554 00:26 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ผู้ประท้วงราว 200 คนบุกยึดจตุรัสบริเวณด้านหน้ามหาวิหารเซนต์ปอล บริเวณใจกลางย่านการเงินของลอนดอนเมื่อวันจันทร์(17) ในวันที่ 3 ของการชุมนุมต่อต้านความละโมบของนายทุน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพี - ผู้ประท้วงราว 200 คนบุกยึดจตุรัสบริเวณด้านหน้ามหาวิหารเซนต์ปอล บริเวณใจกลางย่านการเงินของลอนดอนเมื่อวันจันทร์(17) ในวันที่ 3 ของการชุมนุมต่อต้านความละโมบของนายทุนและมาตรการรัดเข็มขัดของภาครัฐ

    ความเคลื่อนไหวที่ได้แรงบันดาลใจจากขบวนการยึดวอลล์สตรีทและแคมเปญ 'อินดิกแนนต์ส’ ของสเปน ผู้ประท้วงเหล่านี้ปักหลักชุมนุมมาตั้งแต่วันเสาร์(15) โดยวันดังกล่าวผู้ประท้วงที่มีราว 1,000 คน เกิดปะทะกับตำรวจจนลุกลามบานปลาย

    แต่การประท้วงในวันจันทร์(17) เป็นไปอย่างเงียบสงบ ขณะที่เหล่าทนายความ นักธุรกิจและนายธนาคารหลั่งไหลเข้าไปยังพื้นที่สำหรับวันทำงานวันแรกของสัปดาห์

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ผู้ชุมนุมกางเตนท์ตั้งแคมป์อยู่ด้านหน้าและมีบางส่วนอยู่ตามบันไดของมหาวิหาร ใกล้กับป้ายประท้วงขนาดใหญ่ 20 เมตรที่มีข้อความว่า "ทุนนิยมคือวิกฤต" โดย ดาเนียลเล อัลเลน ผู้ประท้วงที่มีอาชีพครูบอกว่าพวกเขาจะปักหลักชุมนุมยืดเยื้อเพื่อส่งสารไปให้กว้างที่สุด

    "เรากำลังพยายามให้การศึกษาแก่ผู้คนและอธิบายให้พวกเขารู้ว่าระบบธนาคารคอรัปชันเป็นอย่างไร" ผู้ชุมนุมอีกรายวัย 25 ปีบอกกับเอเอฟพี "แม้ว่าเราจะอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ทว่าเสียงความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่กลับไม่ถูกรับฟัง" ขณะที่ผู้ชุมนุมอีกคน กล่าวเสริมว่าเธอเรียกร้องขอระบบภาษีที่ยุติธรรมแก่ทุกคน "เราต้องการให้นายทุนรับผิดชอบ"

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สารจากเหล่าผู้ชุมนุมยังไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนัก บางส่วนเรียกร้องเสรีภาพแก่ปาเลสไตน์และป้ายประท้วงบางอันประณามโลกาภิวัฒน์ ขณะเดียวกันก็มีการอ้างถึงการปฏิวัติประชาธิปไตยในอาหรับ นอกจากนี้ป้ายข้อความบางส่วนยังประณาม เหล่าธนาคารและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ว่าไม่เป็นประชาธิปไตย

    การชุมนุมในลอนดอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของ กระแสการประท้วงมุ่งต่อต้านความละโมบตะกละตะกลามของพวกชนชั้นนายทุนและภาคธนาคารที่ลุกลามบานปลายไปสู่เมืองสำคัญทั่วโลกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นวอชิงตัน, ไมอามี, โรม, มาดริด, ลิสบอน, อัมสเตอร์ดัม, ปารีส, เบอร์ลิน, ซูริค, เอเธนส์, บรัสเซลส์, โตเกียว, ฮ่องกง หรือซิดนีย์ โดยเฉพาะที่เมืองหลวงของอิตาลีได้เกิดเหตุจลาจลรุนแรงถึงขั้นจุดไฟเผารถยนต์และจู่โจมธนาคาร

    ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่าในหลายเมืองเหล่านั้น การชุมนุมประท้วงก็ได้ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 3 เมื่อวันจันทร์(17) ด้วยเช่นกัน ทั้งที่แฟรงค์เฟิร์ต, อัมส์เตอร์ดัม และมาดริด
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    Around the World - Manager Online - <!-- google_ad_section_end -->
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ครูฝรั่ง “เมืองปากน้ำโพ” เล่าวิกฤตอุทกภัย-ขวัญกำลังใจคนไทย ผ่าน BBC
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>16 ตุลาคม 2554 17:37 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สภาพน้ำท่วมเขตตัวเมืองนครสวรรค์ หนึ่งในจังหวัดที่ได้รับผลระทบหนักที่สุด จากวิกฤตอุทกภัย 2554</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    บีบีซี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ทหารและอาสาสมัครชาวไทยกำลังพยายามสุดกำลัง เพื่อยับยั้งวิกฤตอุทกภัยครั้งเลวร้ายที่สุดของประเทศในรอบหลายสิบปี และป้องกันไม่ให้มวลน้ำก้อนใหญ่ทะลักเข้ากรุงเทพฯ นครหลวงแห่งสยามเมืองยิ้ม

    เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำในลำคลองสายต่างๆ เพื่อรองรับน้ำปริมาณมหาศาล โดยทั่วทั้งกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยกระสอบทรายที่วางซ้อนกันเป็นพนังกั้นน้ำ

    ทั้งนี้ นิโคลา กูร์นีย์ ครูสอนภาษาอังกฤษ ที่จังหวัดนครสวรรค์ บรรยายสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในเมืองปากน้ำโพผ่านทางบีบีซี โดยเล่าถึงวิกฤตน้ำท่วมในตัวเมือง และขวัญกำลังใจของชาวนครสวรรค์ที่ชาวต่างชาติคนนี้ได้สัมผัส

    “สถานการณ์ที่นครสวรรค์แย่มาก ... เมืองจมอยู่ใต้น้ำลึกหลายเมตร คนก็พูดกันว่าอีกเป็นเดือน กว่าน้ำจะลดลง”

    “โรงเรียน วิทยาลัย สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า วัด หรือโรงยิม ทุกแห่งที่น้ำท่วมไม่ถึงล้วนกลายเป็นศูนย์อพยพผู้ประสบภัย ขณะที่เรากำลังตั้งตารอให้ระดับน้ำลดลง”

    “ตอนแรก ดูเหมือนเราจะรอดพ้นสภาพน้ำท่วมเลวร้ายไปได้ เพราะทางจังหวัดสร้างแนวป้องกันน้ำท่วม แต่ดันมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เรือรับจ้างแล่นชนพนังกั้นน้ำ ทำให้น้ำทะลักเข้าตัวเมือง ล่าสุด ระดับน้ำสูงเกินกว่า 2 เมตรแล้ว”

    “ฉันพักอยู่ในวัดที่ฉันสอนภาษาอังกฤษให้เณร ที่นี่มีผู้อพยประมาณ 1,300 คน หลายคนต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง”

    “โชคยังดี สองสามวันที่ผ่านมา เรามีน้ำประปาใส่ถังไว้ให้ทุกๆ คนได้ล้างเนื้อล้างตัว ชาวบ้านจะมาตักน้ำจากบ่อที่วัดนี้”

    ส่วนสถานการณ์ด้านอารมณ์ของผู้ประสบภัย นิโคลา กูร์นีย์ ระบุว่า ผู้อพยพส่วนมากปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ดี และมีจิตอาสาออกไปช่วยคนอื่น ทั้งที่ตัวเองแทบสิ้นเนื้อประดาตัวจากอุทกภัยครั้งนี้

    “ฉันเคยได้ยินมาเหมือนกันว่ามีคนถูกไฟช็อตเสียชีวิต 2 คน บ้านของพวกเขาถูกน้ำท่วม แต่กลับไม่มีการตัดกระแสไฟ”

    “บรรยากาศที่นี่แปลกมาก ทุกคนรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ดี ฉันเคยคิดว่าคงมีคนนั่งร้องไห้อยู่ริมถนน แต่ดูเหมือนทุกคนสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ดีเยี่ยม”

    “คนที่สินเนื้อประดาตัวก็ยังอาสาออกไปช่วยคนอื่นๆ แจกอาหาร เติมกระสอบทราย แจกยา”

    “แต่สถานการณ์มันลำบากเหลือเกิน ฉันไม่เคยตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังอย่างนี้มาก่อน … เราทำได้แค่เพียงคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น”

    นิโคลา กูร์นีย์ กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “เรายังมีอินเทอร์เน็ตและมือถือใช้ ทำให้เราสามารถติดต่อกับครอบครัวที่บ้านได้ ซึ่งมันช่างแตกต่างราวกับอยู่กันคนละโลกเลยทีเดียว”

    Around the World - Manager Online -
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    7 เดือนผ่าน! “เหยื่อฟูกูชิมะ” ยังไร้บ้าน-สิ้นหวัง-โกรธแค้น กับค่าชดเชยไม่เป็นธรรม
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>18 ตุลาคม 2554 14:53 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ผู้ประสบภัยรายนี้ปาดน้ำตา ขณะสงบนิ่งไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิตในเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ วันที่ 11 มีนาคม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เอเจนซี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - แม้ว่าผู้ประสบภัยวิกฤตนิวเคลียร์ฟูกูชิมะกำลังจะได้รับค่าเสียหายจากเท็ปโกในที่สุด แต่พวกเขายังคงโกรธไม่หายกับการกระทำของผู้ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รายนี้

    เหยื่ออุบัติภัยฟูกูชิมะไม่พอใจอย่างยิ่งกับข้อบังคับเข้มงวด ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคในการรับความช่วยเหลือเบื้องต้น ท่ามกลางความสิ้นหวัง กลุ่มผู้เคราะห์ร้ายยังไม่สามารถตั้งหลักชีวิตใหม่ หลังผ่านภัยพิบัติครั้งใหญ่มานานกว่า 7 เดือน

    เสียงตะโกนแสดงความไม่พอใจดังลั่นศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะเจ้าหน้าที่ 7 คน คุกเข่าลงต่อหน้าผู้อพยพ 70 คน ซึ่งจำใจต้องทิ้งบ้านในจังหวัดฟูกูชิมะ หลังจากแกนกลางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลอมละลายจากการโจมตีของคลื่นยักษ์สึนามิ

    “เราไม่รู้ว่าควรเชื่อใคร!” ชายคนหนึ่งตะโกนสวนขึ้นมา ท่ามกลางบรรยากาศภายในศูนย์ที่ตึงเครียด ระหว่างเจ้าหน้าที่พยายามอธิบายขั้นตอนการเรียกร้องค่าชดเชยที่แสนซับซ้อน ทั้งนี้ ชาวจังหวัดฟูกูชิมะประมาณ 80,000 คน ถูกสั่งให้อพยพออกจากรัศมี 20 กิโลเมตร จากโรงไฟฟ้า และกระจายตัวไปอยู่ตามศูนย์อพยพในเมืองต่างๆ

    ทว่า กระบวนการเรียกร้องค่าชดเชยที่ซับซ้อนและยุ่งยากยิ่งทำให้สถานการณ์ต่างๆ แย่ลง

    ผู้เสียหายต้องอ่านหนังสือคำแนะนำ 160 หน้า แล้วจึงกรอกเอกสารอีก 60 หน้า พร้อมทั้งแนบใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล, ค่าเดินทาง หรือที่พักชั่วคราว

    “มันยากเกินไป ผมจะรอดูว่ามันจะไปอย่างไรต่อ ผมไม่อยากเป็นตัวป่วนสถานการณ์หรอกครับ” โทชิยูกิ โอวาดะ ผู้อพยพวัย 65 ปี กล่าว เขาเป็นหนึ่งในผู้เสียหายจำนวนมากที่ยังไม่ยื่นคำร้องค่าชดเชย ทั้งๆ ที่ต่างก็ตกงานและกำลังสิ้นเนื้อประดาตัว

    ซับซ้อนและไม่เป็นธรรม

    ขั้นตอนที่ยุ่งยากเป็นอุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่ง ส่วนการรับรู้ว่า “เท็ปโก” ผู้ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ จ่ายเงินชดเชยที่ไม่เป็นธรรมก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ตะขิดตะขวงใจผู้อพยพ

    ตั้งแต่เกิดเหตุช่วงแรกๆ ประชาชนต่างเสื่อมศรัทธาในรัฐบาล กรณีการรับมือสถานการณ์ที่ “ไร้ประสิทธิภาพ” หลังเกิดแผ่นดินไหววันที่ 11 มีนาคม ประกอบกับข้อครหาเรื่องการปิดบังข้อเท็จจริง ส่วน บริษัทโตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ โค (เท็ปโก) ก็ถูกกล่าวหาว่า ไร้มาตรการป้องกันภัยที่เพียงพอ แม้รู้อยู่แก่ใจว่า โรงไฟฟ้าตั้งอยู่ในจุดเสี่ยง และยังเพิกเฉยต่อพัฒนาการของอุบัติภัยที่เกิดขึ้น

    นอกจากนี้ เงื่อนไขหนึ่งในหนังสือคำแนะนำหนา 160 หน้า ระบุว่า ผู้ประสบภัยต้องสละสิทธิ์การเรียกร้องจำนวนค่าชดเชย หากต้องการรับค่าเสียหาย เงื่อนไขนี้สร้างความไม่พอใจแก่ประชาชนอย่างยิ่ง จนรัฐบาลต้องออกมาเตือน เท็ปโกจึงยอมตัดเงื่อนไขดังกล่าวทิ้ง ก่อนออกหนังสือคำแนะนำฉบับใหม่ที่มีเพียง 4 หน้า พร้อมทั้งมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ 1,000 คน ช่วยผู้อพยพดำเนินการ

    คณะกรรมาธิการดูแลเรื่องค่าเสียหายของรัฐบาลประเมินว่า ค่าชดเชยของผู้อพยพอาจสูงถึง 3.6 ล้านล้านเยน (ประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท) อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ มีบุคคลยื่นร้องขอค่าชดเชยเพียง 7,100 ราย เท่านั้นจากทั้งหมด 80,000 ราย ส่วนภาคธุรกิจราว 10,000 แห่ง ก็มีเพียง 300 แห่ง เท่านั้นที่เดินเรื่องค่าเสียหาย

    ผู้ประสบภัยทุกคนมีสิทธิ์ฟ้องร้องบริษัทเท็ปโกเท่าเทียมกัน แต่ปัจจุบัน เท็ปโกเพิ่งถูกฟ้องดำเนินคดีไปเพียง 10 คดี

    ยูอิชิ คาอิดะ เลขาธิการสมาคมทนายความแห่งญี่ปุ่น แสดงความเห็นไว้ว่า การฟ้องร้องดำเนินคดีมักเป็นทางออกสุดท้ายของชาวชนบททางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ แต่ในที่สุดจะมีการฟ้องคดีจำนวนมากตามมาแน่นอน

    หนทางกลับบ้านยังเลือนลาง

    ทั้งนี้ ค่าเสียหายขึ้นอยู่กับว่า ผู้ประสบภัยจะได้กลับบ้านหรือไม่และเมื่อไร ขณะที่คนจำนวนมากเริ่มหมดหวังกับการกลับเข้าพื้นที่เดิม พื้นที่ซึ่งทั้งเมืองร้างผู้คน และเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพระยะยาวจากกัมมันตภาพรังสี

    ช่วงเดือนนี้เอง โพลของหนังสือพิมพ์อาซาฮีเปิดเผยว่า มีผู้ประสบภัยเพียง 43 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นที่ต้องการกลับบ้าน ลดลงมาจากช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งมี 62 เปอร์เซ็นต์

    ด้านเท็ปโกแถลงว่า จะจ่ายค่าเสียหายประมาณ 100,000 เยน (ราว 39,700 บาท) ต่อเดือน ไปจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2012 เป็นค่าความทุกข์ทรมานด้านจิตใจ หลังจากนั้น เงินค่าชดเชยรายเดือนก้อนนี้จะลดลงครึ่งหนึ่ง

    ซูมิโกะ โทโยกูชิ ผู้อพยพวัย 75 ปี เจ้าของร้านอาหารในเมืองนามิเอะ กล่าวว่า “หลังจากชีวิตเราถูกทำลาย พวกเขาบอกว่า เราจะได้ค่าทำขวัญ 100,000 เยน แค่นั้นหรือ ... ต้นตอความโกรธแค้นของเราคือเราไม่รู้เลยว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร”

    Around the World - Manager Online - 7
     

แชร์หน้านี้

Loading...