แดนมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองสี่แคว

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย องค์ชายสาม, 18 สิงหาคม 2011.

  1. องค์ชายสาม

    องค์ชายสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,681
    ค่าพลัง:
    +11,261
    [​IMG]
    หลวงปู่เปลื้อง วัดลาดยาว

    "หลวงปู่เปลื้อง จัตตสัลโล" วัดลาดยาว จ.นครสวรรค์ อายุ 108 ปี 88 พรรษา ปัจจุบันท่านยังมีสุข ภาพร่างกายแข็งแรง นามเดิม เปลื้อง นามสกุล แย้มสุข เป็นบุตร โยมพ่อท้วม โยมแม่สงวน เกิดที่บ้านท่าฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ท่าน เกิดวันแข็งคือวันอังคาร ปีขาล ตรงกับวันที่ 20 พฤษภาคม 2444 มีพี่น้อง 10 คน หลวงปู่เป็นคนที่ 2 ซึ่งในเขตนั้น หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท โด่งดังมาก

    หลังจากท่านบวชเณรได้ไปกราบหลวงปู่ศุข ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านลง "วิชานะฤๅชา" ที่กลางกระหม่อมให้และลงมือสองข้างด้วยพุทธม้วนโลก เท่ากับเป็นการครอบให้เป็นศิษย์สายตรงถึงตัว สืบต่อมาท่านได้เรียนรู้วิชานี้และลงได้ขลังมาก มีนัยแฝงแบ่งบารมีที่ หลวงปู่ศุขฝากใว้ในตัวท่านให้ลูกศิษย์ลูกหารุ่นหลังสืบต่อไป ท่านจึงเป็นศิษย์ที่สืบถึงตัว และถึงหัวใจหลวงปู่ศุข จากบวชเณรพอได้เวลาบวชพระ ท่านได้อุปสมบทกับ สมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุฯ และสอบเปรียญ 4 ประโยค ได้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 สมเด็จพระวันรัตท่านฝากไปเรียนกับ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ เทียวมาเทียวไปจากวัดมหาธาตุฯ กับวัดสุทัศน์หลายหน หลวงปู่เปลื้อง ท่านเล่าให้ ลูกศิษย์ฟัง ตัวท่านเองจำไม่ได้ว่า ตอนที่ไปเรียน สมเด็จฯท่านเป็นสมเด็จพระวันรัตหรือยัง เพราะเรียกท่านว่า "ใต้เท้าบ้าง ฝ่าพระบาทบ้าง" และ สม เด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ) วัดเทพศิรินทร์ฯ หลวงปู่เล่าว่า สมเด็จฯ ท่านเคร่งครัดเรื่องพระธรรมวินัยมาก หลวงปู่เปลื้องเป็นศิษย์ หลวงปู่ภู (พระครูธรร มานุกูล) วัดอินทรวิหาร กรุงเทพฯ โดยบังเอิญ เพราะตามพระเพื่อนกันไปขอพระจากท่าน ท่านก็ให้พระองค์เล็กๆ ขาวๆ มา (ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นพระอะไร) แล้วท่านยังบอกวิธีเจริญสมาธิ แนะกรรมฐานให้ ติดขัดอะไรท่านก็บอก หลวงปู่ภูมีเมตตามาก ในขณะนั้นสมเด็จพระวันรัต (เฮง) ส่งให้มาคลุมมณฑล สี่แคว (เมืองนครสวรรค์) ได้รับพระ ราชทานสมณศักดิ์พระครูเจ้าคณะอำเภอชั้นเอก จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ตอนอายุเพียง 31 ปีเท่านั้น ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อพวง วัดหนองกระโดง พระเกจิอาจารย์ระบือนามยิ่งใหญ่แห่งนครสวรรค์

    พอหลวงพ่อพวงมรณภาพ หลวงปู่เปลื้องได้รับสมณศักดิ์เดียวกับหลวงพ่อพวง ชาวบ้านเรียกว่า "หลวงพ่อพวง 2" จากนั้นไปต่อวิชากับ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ เมื่อปีพ.ศ.2470 หลวงปู่เปลื้องไปเป็นครูสอนบาลีที่ท่าตะโก ต่อมาท่านย้ายไปอยู่วัดไทยใต้ พ.ศ.2474 ท่านมาดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะอำเภอ ลาดยาว จนปัจจุบันอยู่ที่อำเภอลาดยาว 76 ปี

    หลวงปู่เปลื้อง ถือศีลถือธรรมเข้มข้นว่าคาถาปลุกเสกทั้งดีทั้งแรง คงความขลังลองกันนับไม่ถ้วน ว่ากันว่าปากท่านศักดิ์สิทธิ์นัก ท่านไม่เคยดุด่าว่ากล่าวใคร ท่านบอกว่าดี ต้องดี บอกว่ารวยต้องรวย ทุกวันนี้ท่านได้ฉายาว่า "หลวงปู่ใหญ่" ใครก็เกรงบารมี เป็นที่เคารพรักของสาธุชนรุ่นหลานเหลน ถึงอายุจะมากท่านไม่หลงไม่ลืม ให้พรบอกนำกล่าวถวายทานได้ เป็นอุปัชฌาย์บวชให้ศิษย์นับหมื่นคน
     
  2. องค์ชายสาม

    องค์ชายสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,681
    ค่าพลัง:
    +11,261
    [​IMG]
    หลวงพ่อทองดี วัดไทรเหนือ

    พระครูทองดี สิริปญโญ (หลวงพ่อทองดี) เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๖ ตรงกับวันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๖ ณ ตำบลระรัว อำเภอ โมง จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา เชื้อชาติเขมร สัญชาติไทย นับถือศาสนาพุทธ อาชีพเดิม ทำนา

    -------บิดาชื่อ นายอวน พรหมต่วน มารดาชื่อ นางบุญ พรหมต่วน เมื่ออายุ ๑๘ ปี ได้บรรพชาที่วัดสุริยา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๔ บรรพชาอยู่จนอายุ ๒๐ ปี จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖ ที่วัดสุริยา โดยมีพระครูสิน วัดวิหารหลวง อำเภอเมือง จังหวัดกัมปงชะนัง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการเจือ วัดสุริยา อำเภอโมง จังหวัดพระตะบอง เป็นกรรมวาจาจารย์ พระปลัดอม วัดวิหารหลวง อำเภอเมือง จังหวัดกัมปงชะนัง เป็นอนุสาวนาจารย์ วิทยฐานะ ป.๔

    ------เป็นเจ้าอาวาสวัดไทรเหนือแทนสืบต่อมาและได้รับใบแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสจากเจ้าคุณนิทานโพธิวัฒน์เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ วัดพรหมจริยาวาสในขณะนั้น หรือหลวงพ่อพระเทพคุณาภรณ์ (หลวงพ่อพุฒ) อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธาราม เมื่อ พ.ศ ๒๕๐๑

    -----หลวงพ่อทองดี มีวิชาอาคมขลัง มีประชาชนเคารพเลื่อมใสกราบไหว้บูชามากมาย รู้จักกันมากในวงการของแม่ค้าแม่ขาย เป็นคนง่าย ๆ กันเองและจริงใจต่อทุกคน คนใกล้ชิดท่านเล่าให้ฟังว่า สมัยหนึ่งมีอาซิ้มอยุ่ตลาดปากน้ำโพ มาขอน้ำมนต์หลวงพ่อ เพื่อจะเอาไปอาบให้เกิดโชคลาภตามข่าวที่เขาเล่าลือ มาถึงก็พบหลวงพ่ออยู่ที่ลานวัด หลวงพ่อก็ถามว่า มาขอน้ำมนต์ใช่ไหม อาซิ้มตอบว่า ใช่ หลวงพ่อเลยให้สามเณรไปตักน้ำมา แล้วนั่งทำน้ำมนต์อยู่ตรงนั้นเองพอทำเสร็จก็บอกให้อาซิ้มตักน้ำเอามนต์ไปอาบ อาซิ้มไม่พอใจคิดเอาว่า หลวงพ่อทำให้ตนเล่น ๆ ไม่ขลังอะไร เลยคว้ากระป๋องน้ำมนต์เททิ้ง แต่น่าอัศจรรย์ เทเท่าไรน้ำก็ไม่ออก อาซิ้มเห็นเป็นอัศจรรย์ จึงนั่งลงกราบจนนับครั้งไม่ถ้วน แล้วเอาน้ำมนต์ไปกินไปอาบ อยู่เย็นเป็นสุข และอยู่ดีเหมือนนามหลวงพ่อทองดี

    -----แต่แล้วเหตุการณ์ที่พี่น้องชาวบ้านและศิษยานุศิษย์โดยทั่วไปไม่คาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น เมื่อเย็นของวันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ หลวงพ่อทองดีเกิดอาพาธขึ้นโดยกระทันหัน โดยมีอาการเหนื่อยและหอบ ญาติโยมกรรมการวัดศิษยานุศิษย์ก็รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที แพทย์ก็ทำการรักษาโดยเต็มที่ หลวงพ่อจะบ่นว่า เหนื่อย หายใจไม่ออก บางครั้งเบาลง บางครั้งก็มีอาการหนักขึ้น จนกระทั่ง เวลา ๐๖.๐๕ น. ของวันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ หลวงพ่อก็สิ้นใจ ต่อหน้าญาติโยม ศิษยานุศิษย์ โดยที่ทุกคนไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า หลวงพ่อของพวกเราทุกคนจะจากพวกเราไปไวขนาดนี้ สร้างความเศร้าเสียใจให้แก่ญาติโยมศิษยานุศิษย์เป็นอันมาก

    ------หลวงพ่อทองดี สิริปญโญ สิริรวมอายุได้ ๗๙ ปี ๓ เดือน ๑๘ วัน ๖๑ พรรษา ก่อนที่หลวงพ่อจะมรณะภาพลงเคยบอกกับทายกและคณะกรรมการไว้ว่า เมื่อท่านมรณะภาพแล้วให้เก็บศพท่านไว้ที่กุฎิของท่าน หรือถ้าเงินของหลวงพ่อมีอยู่ ก็ให้สร้างวิหารไว้ให้ท่าน พวกเราศิษยานศิษย์ทุกคน ก็ทราบความประสงค์ของท่าน จึงได้สร้างวิหารเก็บศพของหลวงพ่อไว้คู่กับวัดไทรเหนือ เพื่อเป็นที่สักการะบูชาของศิษยานุศิษย์และประชาชนสืบไป
     
  3. องค์ชายสาม

    องค์ชายสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,681
    ค่าพลัง:
    +11,261
    [​IMG]
    หลวงพ่อแบน วัดส้มเสี้ยว

    พระครูนิยุตธรรมวิถี (หลวงพ่อแบน ยุตฺตธมฺโม) วัดส้มเสี้ยว อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์
    .....ท่านเกิดเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2469 ที่บ้านตำบลบางแก้ว อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์
    เป็นบุตรของนายเขียว ปากแก้ว และนางริ้ว ปากแก้ว
    .....ในวัยเด็กได้ศึกษาร่ำเรียนจนจบชั้นประถมปีที่ 4 จากโรงเรียนบางแก้ว ครั้นถึงวัยเกณฑ์ทหารได้ประจำอยู่ 2 ปี เมื่อกลับมาได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2492 ที่วัดบางแก้ว ตำบลบางแก้ว อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์
    ....โดยมี พระครูนิยุตธรรมศาสน์ (แกร) วัดส้มเสี้ยว ตำบลท่างิ้ว เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูนิมิตศาสนคุณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการทวี มนุญโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    อุปสมบทแล้วได้อยู่จำพรรษาที่วัดบางแก้ว จนถึงปี พ.ศ.2497 ได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดประสาทวิถี ตำบลบางแก้ว นานถึง 32 พรรษา ก่อนย้ายมาจำพรรษาที่วัดส้มเสี้ยว ตราบจนมรณภาพ

    ....ในด้านการปกครอง หลวงพ่อแบนได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดประสาทวิถีเมื่อปี พ.ศ.2497 ถึงปีพ.ศ.2525 เป็นรองเจ้าคณะอำเภอบรรพตพิสัย ปีพ.ศ.2528 ได้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดส้มเสี้ยว และได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ และเป็นเจ้าคณะอำเภอบรรพตพิสัยด้วย
    ....กล่าวในด้านสมณศักดิ์ของหลวงพ่อแบน ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระใบฎีกา ฐานานุกรมของพระครูนิยุตธรรมศาสน์ (แกร) เมื่อปีพ.ศ.2500 ถึงปีพ.ศ.2518 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระปลัด ฐานานุกรมของพระครูนิยุตธรรมศาสน์ (แกร) ในปีพ.ศ.2525 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ "พระครูนิยุตธรรมวิถี รองเจ้าคณะอำเภอชั้นโท ถึงปีพ.ศ.2536 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะอำเภอชั้นเอก และปีพ.ศ.2545 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ
    ....ในสมัยที่หลวงพ่อแบนมาเป็นเจ้าอาวาสวัดส้มเสี้ยว ได้พัฒนาทำนุบำรุงวัดจนเจริญรุ่งเรืองมาเป็นลำดับ ทั้งในด้านการสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม สร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อการเกษตรที่บ้านกระทุ่มโทน สร้างศาลาการเปรียญวัดประสาทวิถี สร้างศาลาการเปรียญวัดส้มเสี้ยว สร้างเขื่อนกั้นน้ำริมแม่น้ำปิง
    มีเพียงด้านสาธารณูปการเท่านั้น ในด้านการศึกษาสงเคราะห์หลวงพ่อแบนยังเป็นประธานอุปถัมภ์จัดตั้งเปิดการเรียนการสอนโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา วัดส้มเสี้ยว เป็นกรรมการที่ปรึกษาประจำโรงเรียน วัดประสาทวิถี
    ......กล่าวสำหรับวัดส้มเสี้ยว มีความเป็นมาแต่แรกสร้างเมื่อปีพ.ศ.2425 มีชื่อตามที่ตั้งคือ หมู่บ้านส้มเสี้ยว เริ่มจากพระอาจารย์อินทร์ได้ธุดงค์มาปักกลดอยู่ ชาวบ้านมีจิตศรัทธาได้ร่วมกันสร้างเป็นวัดขึ้นมา โดยเมื่อแรกนางส้มจีนได้บริจาคที่ดินกว้างยาว 60 วา และต่อได้บริจาคเพิ่มขึ้นอีก โดยมีชื่อเมื่อแรกว่า "วัดส้มจีน" ต่อมาเมื่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสเสด็จตรวจเยี่ยมการคณะสงฆ์ โปรดให้เปลี่ยนชื่อตามชื่อของหมู่บ้านเป็นวัดส้มเสี้ยว หลวงพ่อแบน เป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งของเมืองนครสวรรค์ ซึ่งได้ละสังขารไปแล้วเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2547 และได้รับพระราชทานเพลิงศพไปเมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ.2548
    .....สำหรับวัตถุมงคลของหลวงพ่อแบน ที่จะกล่าวถึงเป็นวัตถุมงคลที่ท่านได้สร้างก่อนจะมรณภาพ ซึ่งล้วนเป็นวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกแก่ผู้บริจาคทุนทรัพย์ในการสร้างสาธารณประโยชน์ทั้งสิ้น เช่น พระนางพญาตะเคียนทอง ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อคราวสร้างศาลาการเปรียญวัดประสาทวิถี พระนางพญาอ่างเก็บน้ำและพระสมเด็จ ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อคราวสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อการเกษตรที่บ้านกระทุ่มโทน พระเม็ดมะเคล็ดคู่พระนิ้วมือนาง พระตะกรุดสาลิกา ตะกรุด ซึ่งล้วนแต่นำรายได้จากการบริจาคสร้างสาธารณประโยชน์ทั้งสิ้น.....(ขอขอบคุณข้อมูลและภาพถ่าย จากเว็ปพลังจิต ไว้ ณ ที่นี้ เป็นอย่างสูง ครับ)
     
  4. องค์ชายสาม

    องค์ชายสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,681
    ค่าพลัง:
    +11,261
    [​IMG]
    หลวงพ่อบุญนำ วัดนครสวรรค์


    หลวงพ่อบุญนำ ชิตมาโร เดิมชื่อ บุญนำ ภู่มณี เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ 2472 ( ตรงกับวันศุกร์ที่ 10 ค่ำ เดือน 10 ) ณ บ้านหนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ *** หลวงพ่อบุญนำ ชิตมาโร ท่านเป็นหลานของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ท่านอาศัยอยู่ที่วัดหนองโพ จนกระทั่งเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 และต่อมาเรียนระดับมัธยมศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์ จนกระทั่งปี 2492ท่านได้เข้าพิธีบรรชาอุปสมบทที่วัดหนองโพ โดยมีพระครูนิพัทธศีลคุณ หรือหลวงพ่อทอง วัดหัวเขา เป็นพระอุปัชฌาย์ ในช่วงพรรษาแรกๆ ท่านพยายามศึกษาหลักธรรม และได้ศึกษาคาถาอาคมและการทำเครื่องมงคลจาก หลวงพ่อเดิม พอหลวงพ่อเดิมได้ละสังขารแล้ว หลวงพ่อบุญนำจึงได้เข้ามาอยู่มี่วัดนครสวรรค์ ท่านได้ท่องคาถา ฝึกจิตมุ่งเน้นเหมือนสมัยที่ท่านยังอยู่กับหลวงพ่อเดิม เป็นกิจวัตร ต่อมาท่านก็ได้ศึกษาพระปริยัติธรรม เรียนภาษาบาลีควบคู่กันไปด้วย จนสามารถสอบนักธรรมโท และนักธรรมเอก ในเวลาไร่เรี่ยกัน ในปี พ.ศ 2524 ท่านได้รับมอบหมายจากคณะปกครองสงฆ์ให้ทำหน้าที่เป็น พระอุปัชฌาย์ และในปี พ.ศ 2533 ท่านได้รับตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดนครสวรรค์ จนถึงปัจจุบัน
     
  5. องค์ชายสาม

    องค์ชายสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,681
    ค่าพลัง:
    +11,261
    [​IMG]
    หลวงพ่ออ้วน จรณฺวุโธ เดิมชื่อ วิสุทธิ บุญน้อย เกิดเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ 2487 ณ บ้านหนองกระโดน ต.หนองกระโดน อ. เมือง จ.นครสวรรค์ *** วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ 2508 ท่านมีอายุครบ 21 ปี ได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทที่วัดหนองกระโดน โดยมี พระธรรมคุณาภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อท่านได้บวชแล้ว ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดวังสวัสดี เป็นเวลานานถึง 5 พรรษา ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย พร้อมทั้งปฏิบัติธรรมด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธศาสสา ท่านได้ศึกษาเรื่อง สมถกัมมัฏฐาน และวิปัสสนา จากอาจารย์อูทั่น ซึ่งเป็นชาวพม่า นอกจากนี้ยังได้ ศึกษาพระเวทวิชาคาถาอาคมจาก หลวงพ่อรุ่ง วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ที่สำคัญท่านได้ศึกษาพระเวททางการรักษาโรค ด้วยสมุนไพร จากตำราของหลวงพ่อพวง อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองกระโดน จากการศึกษาหาความรู้ในทางธรรมและทางปฏิบัติเหล่านี้ ท่านได้นำมาใช้ปัดเป่าความทุกข์ยากให้ผู้คนมากมายให้หายได้ และคลายความทุกข์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ท่านใช้ความรู้ในสมัยโบราณมารักษากระดูก เช่นแขนหัก ขาหัก กระดูร่างกายส่วนต่างๆ ให้หายได้ และท่านยังรักษาในเรื่องของผู้ที่ถูกคุณไสย อีกด้วย....หลวงพ่ออ้วน ท่านได้ทำงานรับใช้พระพุทธศาสนาและปรับปรุงบูรณะวัดมาโดยตลอด จนกระทั่งในปี 2514 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็น เจ้าอาวาส วัดหนองกระโดน อ.เมือง จ.นครสวรรค์... *** ปี พ.ศ 2516 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็น เจ้าคณะตำบล *** ปี พ.ศ 2521 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็น พระอุปัชฌาย์ *** ปี พ.ศ 2530 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็น พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นตรี เป็นพระครูนิมิตวิสุทธิคุณ.. ***​
     
  6. องค์ชายสาม

    องค์ชายสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,681
    ค่าพลัง:
    +11,261

    [​IMG]
    หลวงพ่อสะอาด วัดเขาแก้ว
    ท่านเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้วเลยน่ะครับ ซื่งหลวงพ่อกันก็เป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพ ท่านได้เรียนวิชาจากหลวงพ่อกันจนหมด และได้รับความไว้วางใจจากหลวงพ่อกันให้ออกงานกิจนิมนต์ นั่งปรก ปลุกเสก แทนหลวงพ่อกัน และวัตถุมงคลของหลวงพ่อกันน่ะครับ เช่น ตะกรุด 108 ท่านเป็นคนจารให้หลวงพ่อกันทั้งสิ้น รวมถึงวัตถุมงคลอื่นๆ อีกหลายรุ่น ท่านเป็นคนที่มีใจนักเลงมากๆ เป็นคนเสียงดัง พูดตรง กล้าขอกล้าไห้ วัตถุมงคลของท่านน่ะครับ ถ้ายังไม่ดีจริง ยังไช้ไม่ได้ ท่านจะยังไม่นำออกแจก และที่สำคัยน่ะครับมีดของท่านนี่ล่ะ เด็ดมากจนบางคนพูดว่าถ้าอยากมีมีดหลวงพ่อเดิมใช้ ไปเอาของหลวงพ่อสะอาดก็ได้เหมือนกัน เพราะเป็นตำราเดียวกับหลวงพ่อเดิมและหลวงพ่อกัน ซึ่งหลวงพ่อเดิมได้มาจากหลวงปูเทศ วัดสระทะเล วัตถุมงคลของท่านน่ะครับ มีคนนำไปใช้เจอประสบการมากมาย ทั้งแคล้วคลาด กัมบัง เมตตา คงกระพัน ดีทั้งนั้น เพราะเวลาท่านจะทำอะไรท่านจะบอกครูบาอาจารย์ไห้รับรู้และช่วยทามไห้วัตถุมงคลเกิดความขลัง บางคนมีคนเอาไปลองยิงน่ะครับ ยิงไม่ออกรีบมากราบขอขมาท่านแทบไม่ทัน เพราะท่านเคยเล่าว่า ถ้ามีใครเอาของของท่านไปลองท่านจะเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง เถ้าเงินที่ญาติโยมทำบุญน่ะครับท่านจะไม่รับ ท่านจะบอกว่าไห้เอาไปใส่ในตู้ บริจาคเพื่อท่านจะได้นำไปทำนุบำรุงวัด และพระพุทธศาสนาต่อไป ทุกปีท่านจะแจกทุนการศึกษาให้เด็กๆที่เรียนดีแต่ยากจนตลอด
    จึงอยากให้ลองไปกราบท่านซักครั้งเชื่อว่าจะได้อะไรดีๆแน่นอน
    ท่านได้สร้างพระผงอู่ทองตั้งแต่ปี 09 และตอนนี้ยังพอมีอยุ่
    วัตถุมงคลของท่านน่ะครับจะมี มวลสารของหลวงพ่อเดิมผสมอยู่เสมอๆ
    ปัจจุบันท่านยังรับกิจนิมนต์นั่งปรกอยุ่แทบไม่เว้นวัน นี่คงพอที่จะรับประกันความเข้มขลังของจิตและอาคมของท่านได้น่ะครับ ทุกวันนี้ท่านยังแข็งแรงดีจะออกเดินตอนเย็นๆรอบๆวัดน่ะครับ
     
  7. อัสนี

    อัสนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,401
    ค่าพลัง:
    +3,566
    เช่นกันครับยินดีที่ได้รู้จัก คุณ
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->องค์ชายสาม<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5011001", true); </SCRIPT>
    สมาชิก PREMIUM

    [​IMG]
    ข้อมูลเพียบเลย ดีมากๆเลยครับเผื่อเพื่อนๆได้ไปที่นครสวรรค์จะได้แวะไปกราบไหว้เกจิอาจารย์ ทางนั้น ขนาดกระผมก็อยู่ที่นั่นยังทราบไม่หมดเลย ขอมาเพิ่มเติมข้อมูล คุณบ้างล่ะกัน
    [​IMG]
    หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    ศรัทธราผู้คนแม้นหลวงพ่อที่จะล่วงลับไปนานแล้วแต่ที่วัดไม่เคยขาดผู้คนที่ไปกราบหลวงพ่อ
    [​IMG]
    [​IMG]
    สรีระหลวงพ่อยังคงสงบนิ่งเสมือนท่านมีชีวิต
    [​IMG]
    [​IMG]

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3_1111723011.jpg
      3_1111723011.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.6 KB
      เปิดดู:
      2,271
    • DSC02102.JPG
      DSC02102.JPG
      ขนาดไฟล์:
      72 KB
      เปิดดู:
      2,083
    • DSC02086.JPG
      DSC02086.JPG
      ขนาดไฟล์:
      90.3 KB
      เปิดดู:
      2,139
    • DSC02096.JPG
      DSC02096.JPG
      ขนาดไฟล์:
      93.3 KB
      เปิดดู:
      2,199
    • DSC02088.JPG
      DSC02088.JPG
      ขนาดไฟล์:
      83.4 KB
      เปิดดู:
      2,109
    • DSC02089.JPG
      DSC02089.JPG
      ขนาดไฟล์:
      101.6 KB
      เปิดดู:
      2,077
    • DSC02097.JPG
      DSC02097.JPG
      ขนาดไฟล์:
      193.5 KB
      เปิดดู:
      2,019
    • DSC02093.JPG
      DSC02093.JPG
      ขนาดไฟล์:
      120 KB
      เปิดดู:
      1,961
  8. องค์ชายสาม

    องค์ชายสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,681
    ค่าพลัง:
    +11,261
    [​IMG]

    "หลวงพ่อโต วัดไทรใต้" เป็นพระพุทธรูปประธาน ประดิษฐาน ณ อุโบสถวัดไทรใต้ เลขที่ 4 ถนนโกสีย์เหนือ ต.ปากน้ำโพ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยสุโขทัยตอนปลาย ทำด้วยทองสำริด

    หลวงพ่อโต วัดไทรใต้ เป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านทั่วไป

    ประวัติหลวงพ่อโต วัดไทรใต้
    หลวงพ่อโต
    มีประวัติความเป็นมาที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ย้อนหลังไปเมื่อ 100 ปีที่แล้วมา มีโยมชาวบ้าน ชื่อ เข็ม เลิศล้ำ เป็นญาติกับหลวงพ่อหล่อ หรือพระสมุห์ทองหล่อ อดีตเจ้าอาวาสวัดไทรใต้

    นายเข็ม มีบ้านอยู่ที่บ้านหาดทรายงาม อยู่ห่างวัดไทรใต้ไปทางเหนือประมาณ 4 กิโลเมตร คืนหนึ่งนายเข็มนอนหลับฝันไปว่า หลวงพ่อโต มาเข้าฝันบอกว่า "กูนอนอยู่ในป่าไผ่วัดดอนคา (อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์) มานานแล้ว กูอยากมาอยู่กับมึง"

    ครั้นนายเข็มตื่นขึ้นจำความได้ดี จนรุ่งเช้าจึงนำความฝันมาเล่าให้ลูกหลานฟัง หลังจากนั้นจึงได้ช่วยกันหาเกวียนได้ 3 เล่ม รวมผู้คนกว่า 20 คน เตรียมเสบียงอาหาร เดินทางไปวัดดอนคา เพื่อไปแห่รับพระกลับมาบ้านหาดทรายงาม ทั้งหมดพากันเดินล่องใต้ไปข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงสะพานเดชาติวงศ์ ซึ่งเป็นช่วงเดือน 5 หน้าแล้งมีน้ำน้อย เป็นบริเวณเส้นทางที่จะเดินทางผ่านไปยัง อ.ท่าตะโก และคิดกันว่าถ้าไปแล้วไม่ได้พระตามที่ฝันก็จะพาหันหาหน่อไม้กลับมาไว้กินไว้ขายกัน

    เมื่อเดินทางมาถึงวัดดอนคา นายเข็มก็เดินเข้าไปในป่าไผ่ตามที่ปรากฏในฝัน เป็นที่น่าประหลาดใจที่ได้พบพระพุทธรูป 2 องค์ เป็นพระสมัยสุโขทัยตอนปลาย ทำด้วยทองสำริดสวยงามทั้งสององค์ ไม่มีรอยชำรุด นายเข็มเลือกพระองค์ที่เห็นตามในฝันเพียงองค์เดียว ส่วนอีกองค์ปล่อยไว้ตามเดิม ไม่ได้นำกลับมาด้วย

    เล่าขานกันว่า พระพุทธรูปอีกองค์ที่เหลืออยู่มีชาวบ้านเข้าไปหาปลาเอาแหลนไปแทงปลาในสระน้ำ ข้างวัดดอนคา พบพระพุทธรูปจึงนำขึ้นมาประดิษฐานไว้ที่วัดดอนคา อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ชื่อว่าหลวงพ่อแหลน ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวท่าตะโก

    นับว่าพระพุทธรูปสององค์ คือ หลวงพ่อโตและหลวงพ่อแหลน ถือว่าเป็นพระพี่น้องกัน หลวงพ่อโตจะมีองค์โตกว่าหลวงพ่อแหลนเล็กน้อย

    ในช่วงขากลับ คณะของนายเข็มได้อัญเชิญหลวงพ่อโตขึ้นเกวียนแห่มาตามทางและมาข้ามแม่น้ำเจ้า พระยา ปกติบริเวณนี้จะมีปลากระเบนชุกชุม พวกหาปลาจะไม่กล้าเข้าใกล้ ถ้าใครเข้าไปจะถูกปลากระเบนแทงขา

    แต่เมื่อขบวนหลวงพ่อโตแห่มาลงตรงท่าน้ำ เป็นที่น่าอัศจรรย์ที่ไม่มีใครถูกปลากระเบนแทงเลย

    เมื่อข้ามฝั่งมาแล้วก็แห่หลวงพ่อโตย้อนแม่น้ำเจ้าพระยาไปตามริมฝั่งผ่านวัด หัวเมือง(วัดนครสวรรค์) ผ่านตลาดปากน้ำโพ ผ่านวัดโพธาราม จนมาถึงวัดไทรทอง (ชื่อเดิมของวัดไทรใต้) ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง เป็นเวลาช่วงเย็นพอดี คณะของโยมเข็มจึงหยุดพักขบวนแห่ที่มีเป้าหมายว่าจะไปวัดหาดทรายงาม พอจะแห่ขบวนไปต่อปรากฏว่าวัวทั้งสองตัวที่เทียมเกวียนแห่อัญเชิญหลวงพ่อโต เกิดตื่นวิ่งหนีเข้าป่าหายไปไม่ยอมมาเทียมเกวียน นายเข็มและคณะจึงปรึกษากัน สรุปความว่า หลวงพ่อโตคงต้องการอยู่ที่วัดไทรทอง จึงอัญเชิญหลวงพ่อโตเข้าไปในอุโบสถวัดไทรทอง ยกขึ้นเป็นพระประธานมาจนถึงทุกวันนี้

    วันที่อัญเชิญหลวงพ่อโตเข้าไปในอุโบสถวัดไทรทอง ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 จึงเป็นวันที่ชาวบ้านวัดไทรทองหรือวัดไทรใต้ในปัจจุบัน จัดงานประเพณี มีการจัดขบวนแห่นำองค์หลวงพ่อโตออกแห่ พร้อมทั้งจัดงานสมโภชฉลองหลวงพ่อโตเป็นประเพณีประจำทุกปี

    โดยออกแห่ทางเหนือไปถึงวัดหาดทรายงาม บ้านของโยมเข็ม แล้วแห่ลงมาทางใต้ถึงวัดหัวเมือง (วัดนครสวรรค์) และแห่รอบตลาดปากน้ำโพให้ประชาชนได้สรงน้ำ สักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล

    สำหรับวัตถุมงคลหลวงพ่อโต วัดไทรใต้มีสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2506 เป็นเหรียญเนื้อโลหะทรงกลม มีรูปหลวงพ่อโตอยู่ด้านหน้า

    ล่าสุด พ.ศ.2542 วัดไทรใต้ได้จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อโต หลวงปู่ทวด ขึ้นอีกรุ่นหนึ่ง มีทั้งรูปหล่อขนาดบูชา รูปหล่อขนาดเล็ก เหรียญทรงกลม พระผงพิมพ์สี่เหลี่ยม รูปไข่ รวมทั้งล็อกเกตหลวงพ่อโต จัดวางใส่ตู้ไว้ในอุโบสถ เพื่อให้ประชาชนได้เช่าบูชา

    วัดไทรใต้ เป็นวัดเก่าแก่ มีอายุกว่า 200 ปี ตั้งขึ้นเมื่อราว พ.ศ.2350 อยู่บนที่ราบสูงเชิงเขา ติดริมแม่น้ำปิง เดิมชื่อวัดไทรทอง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา พ.ศ.2355 ต่อมา มีวัดไทรเหนือ วัดไทรทองจึงเปลี่ยนชื่อเป็นวัดไทรใต้

    วัดไทรใต้ เคยเป็นสำนักวิปัสสนาและเคยเป็นที่ตั้งชั่วคราวของศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ปัจจุบันมีพระครูนิโครธธรรมวุฒิ เป็นเจ้าอาวาส
     
  9. nuonmxzz

    nuonmxzz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2010
    โพสต์:
    576
    ค่าพลัง:
    +662
    รู้สึกจะมีหลวงพ่อฮวด วัดหัวถนนใต้ด้วยนะครับ อยากอ่านอ่ะครับ
     
  10. องค์ชายสาม

    องค์ชายสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,681
    ค่าพลัง:
    +11,261
    [​IMG]
    หลวงพ่อฮวด วัดหัวถนนใต้
    หลวงพ่อฮวด ท่านเกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2447 ตรงกับแรม 7 ค่ำ เดือน 7 ปี มะโรง ที่บ้านดอนหวาย อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี โยมบิดาตั้งชื่อว่า "ฮวด" นามสกุลเดิม "พงษ์ทอง" โยมบิดาชื่อ "สา" โยมมารดาชื่อ "มี" หลวงพ่อเป็น บุตรคนโต จากจำนวนพี่น้องสี่คน ทั้งนี้โยมบิดามารดาได้ย้ายมาประกอบอาชีพที่ บ้านหัวถนนใต้


    อุปสมบท
    เมื่ออายุครบ 20 ปี พ.ศ.2466 ได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดพนมรอก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ โดยมีหลวงพ่อคล้าย เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบวชแล้วได้ ฉายาว่า "กัณฑโว" เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่กับหลวงพ่อคล้าย เพื่อปรนนิบัติ รับใช้พร้อมทั้งได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย พระปริยัติธรรม หลังจากนั้นจึงได้ ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดหัวถนนใต้ตลอดมา


    พระอาจารย์ของหลวงพ่อ
    หลวงพ่อฮวด ได้เริ่มศึกษาเล่าเรียนวิทยาคมครั้งแรก จากหลวงพ่อคล้าย ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อ (หลวงพ่อคล้ายเป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่อเดิมไ ด้สร้างเหรียญทวิภาคีร่วมกัน เมื่อคราวหลวงพ่อเดิม-หลวงพ่อคล้าย ช่วยสร้างอุโบสถ วัดพนมรอก เมื่อปี พ.ศ. 2483 ) หลวงพ่อฮวดได้ศึกษาวิทยาคมเพิ่มเติมกับหลวงพ่อเดิม ซึ่งหลวงพ่อมีความใกล้ชิดกับหลวงพ่อเดิม เนื่องจากหลวงพ่อเดิมได้มาช่วยพัฒนาวัดในเขตท่าตะโก หลายวัด เช่น การพัฒนา วัดทำนบ,วัดหนองไผ่,วัดเขาล้อ,วัดดอนคา,วัดโคกมะขวิด,วัดพนมรอก,วัดหนองหลวง,วัดหัวถนนเหนือ (เหตุที่หลวงพ่อเดิมได้มาช่วยพัฒนาวัดในเขตอำเภอท่าตะโกมาก เนื่องจาก บ้านหนองโพ-หัวหวายเป็นเขตติดต่อกับบ้านหนองหลวง-หัวถนน) หลายๆครั้ง หลวงพ่อเดิมได้รับกิจนิมนต์ไปยังที่ใด มักจะชวนหลวงพ่อฮวดร่วมเดินทางไปด้วยเสมอ หลวงพ่อฮวดนับว่าเป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ผู้สืบทอดสายพุทธาคมมาจากหลวงพ่อเดิม เทพเจ้าแห่งเมืองสี่แคว หรือเมืองมังกร ในปัจจุบัน หลังจากนั้นหลวงพ่อฮวดได้เล่าเรียนวิทยาคมกับอีกหลายพระอาจารย์ตามความชำนาญของแต่ละท่าน เช่นการเรียนวิชาทำตะกรุด กับ หลวงพ่อพุฒอำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง, การเรียนทำน้ำมนต์ กับ หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรืออยุธยา , การเรียนทำผงเมตตามหานิยมโชคลาภจากหลวงพ่อศักดิ์ วัดวังกระโดนใหญ่อำเภอไพศาลี นครสวรรค์

    [​IMG]
    ศิษยานุศิษย์แสดงความกตัญญูสร้างจตุรมุขวิหาร
    ศิษยานุศิษย์มีมติให้จัดสร้างจตุรมุขวิหาร ถวายท่านเพื่อเป็นที่ตั้งศพ เป็นที่สิงสถิตย์ดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ และเพื่อให้สาธุชนทั่วไปได้มาสักการะกราบไว้บูชา โดยคณะศิษยานุศิษย์ได้จัดสร้าง พระเครื่องรุ่นกตัญญูคราวทำบุญครบ 100 วัน ทำพิธีพุทธาภิเศก เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2535 โดยนิมนต์เกจิอาจารย์ 16 องค์ เช่น หลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทอง ,หลวงพ่อดี วัดพระรูป ,หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก,หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ฯลฯ ศิษยานุศิษย์ได้กำหนดจัดงานบรรจุศพหลวงพ่อไว้บนจตุรมุขวิหารระหว่างวันที่ 11-13 เมษายน พ.ศ. 2539 โดยได้ประกอบพิธีบรรจุศพเมื่อ เวลา 21.09 น. วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2539


    จัดสวดพระอภิธรรมถวายทุกวัน
    เวลาประมาณ 18.00 น. ของทุกวัน จะมีพระสงฆ์สี่รูป สวดอภิธรรมถวายให้กับหลวงพ่อฮวด ณ จตุรมุขวิหาร โดยมีศิษย์ท่านหนึ่งรับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่ายนับเป็นเวลาไม่ต่ำกว่าสิบปีแล้ว

    พระของชาวบ้าน
    ด้วยศีลจารวัตรที่ดี เคร่งครัดพระธรรมวินัย เป็นพระนักพัฒนา เก่งในทางเวทวิทยาคม มีเมตตาบารมี เป็นที่ยอมรับกันไปทั่ว จนกระทั่งชาวบ้านตั้งสมญานามให้กับท่านว่า "พระของชาวบ้าน"



    <TABLE border=0 cellSpacing=10 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD width="65%">มรณภาพแล้วศพไม่เน่าเปื่อย
    หลวงพ่อฮวดได้มรณภาพลงเมื่อ วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2535 เวลา 08.47 น. ที่วัดหัวถนนใต้ สิริอายุ 88 ปี พรรษาที่ 68 คณะกรรมการวัดได้บรรจุร่างของท่านไว้ในโลงแก้ว เป็นที่น่าอัศจรรย์เพราะว่าศพไม่เน่าเปื่อย ทั้งที่เป็นโลงแก้วธรรมดาไม่ได้เป็นสูญญากาศ ทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีการเปิดโลง เพื่อทำการเปลี่ยนผ้าสบง-จีวร ปัจจุบันศพตั้งไว้บนจตุรมุขวิหาร

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. Ong

    Ong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +12,861
    สุดยอดมากครับ เป็นเมืองแห่งพระดี เข้ามาติดตามครับ
     
  12. กิตติ_เจน

    กิตติ_เจน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,657
    ค่าพลัง:
    +1,281
    มาร่วมติดตามด้วยคนครับ
     
  13. nuonmxzz

    nuonmxzz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2010
    โพสต์:
    576
    ค่าพลัง:
    +662
    พระหลวงพ่อฮวดยังไม่แพงยังหาเก็บได้ ของดีมีคุณภาพ แต่หาที่ไหนเอ่ยไม่ค่อยมาให้เห็น
     
  14. Yasamsen

    Yasamsen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2010
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +165
    ขอบพระคุณ พี่มาก ครับ ขอรายละเอียดเหรียญนี้ด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_9148.jpg
      IMG_9148.jpg
      ขนาดไฟล์:
      201 KB
      เปิดดู:
      483
    • IMG_9149.jpg
      IMG_9149.jpg
      ขนาดไฟล์:
      167.9 KB
      เปิดดู:
      145
  15. นกขุนแผน

    นกขุนแผน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +65
    [​IMG]

    ขออนุโมทนาในบุญนี้ด้วยนะครับ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  16. zoogutครับ

    zoogutครับ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +55
    ขอกราบหลวงปู่หลวงพ่อทุกองค์ครับ
     
  17. องค์ชายสาม

    องค์ชายสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,681
    ค่าพลัง:
    +11,261
    หลวงตาแผน สิริธมฺโม วัดเขากองทอง
    อ.บรรพรตพิสัย จ.นครสวรรค์ มรณะภาพแล้ว

    หลวงตาแผน หรือพระครูนิเทศสิริธรรม เจ้าคณะตำบลท่างิ้ว เจ้าอาวาสวัดเขากองทอง ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบงามด้วยจริยะวัตรเป็นที่พึ่งให้กับชาวบ้านมานาน ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักกันในนครสวรรค์ ท่านไม่ชอบให้ใครเรียกว่าหลวงพ่อท่านชอบให้คนเรีอกท่านว่าหลวงตาแทน ท่านเป็นผู้ฟื้นฟูวัดเขากองทองให้กลายเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมอันร่มรื่นในแต่ละวันจะมีผู้คนมากมายเดินทางมาบวชพราหมถือศีลและปฏิบัติธรรม ท่านยังช่วยเหลือโรงเรียนบริเวรใกล้เคียงอีกหลายอย่าง และคุณงามความดีอีกมากมายที่ท่านได้สร้างไว้ให้กับศิษยานุศิษย์ ท่านมรณะภาพเมื่อวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2554 สิริรวมอายุได้ 66 ปี 45 พรรษา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF6433.JPG
      DSCF6433.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      167
    • DSCF6439.JPG
      DSCF6439.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.6 MB
      เปิดดู:
      434
    • DSCF6437.JPG
      DSCF6437.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.3 MB
      เปิดดู:
      620
  18. องค์ชายสาม

    องค์ชายสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,681
    ค่าพลัง:
    +11,261
    ประวัติโดยย่อวัดเขากองทอง
    วัดเขากองทอง เดิม ชื่อว่าวัดเขากวางทอง เหตุที่เรียกว่าวัดเขากวางทอง เป็นตำนานเล่ากันมาว่าบริเวณวัดเป็นเมืองลับแลมักจะมีกวางตัวผู้ลักษณะมีผิวเหมือนสีทองอร่ามวิ่งอยู่รอบๆบริเวณเขาไม่มีใครสามารถจับกวางตัวนั้นได้ จึงเรียกว่าวัดเขากวางทอง ต่อมาจึงเรียกเพี้ยนเป็น วัดเขากองทอง และอีกตำนานหนึ่งที่เล่ากันสืบทอดกันมา เมื่อครั้งที่หลวงพ่อจันทร์ ท่านมาปรกครองดูแลวัดมรรครังสฤทธิ์หรือวัดตะคร้อ ท่านก้ได้เทียวมาปฏิบัติและจำพรรษาอยู่ที่วัดเขากองทองเป็นประจำ หลวงพ่อจันทร์ท่านเป็นพระที่เชี่ยวชาญเรื่องวิทยาคมในสมัยนั้นและมีชื่อเสียงอย่างมาก ครึ่งหนึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ได้เดินธุรดงค์ผ่านมาปักกลดที่เชิงเขาวัดเขากองทอง หลวงพ่อจันทร์เมื่อทราบว่าพระรูปนี้คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พฺรหฺมรํสี หลวงพ่อจันทร์ท่านจึงนิมนต์ให้ขึ้นไปปักกลดบนเขาและจัดการอำนวยความสะดวกให้ หลวงพ่อจันทร์และสมเด็จพระพุฒาจารย์โต จึงมีโอกาศได้สนทนาแลกเปลี่ยนธรรมะกัน ก่อนสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ท่านจะเดินธุดงค์ขึ้นเหนือไปท่านได้มอบพระสมเด็จให้กับหลวงพ่อจันทร์ไว้จำนวนหนึงซึ่งไม่มีใครทราบมาก่อนว่ามีจำนวนเท่าไร อยู่มาไม่นานหลวงพ่อจันทร์ท่านก้นำพระสมเด็จที่ได้รับจาก สมเด็จพระพุฒาจารย์โต นำบรรจุงใส่ลงในไหแล้วเอาไปฝังดินไว้บริเวณเขาวัดเขากองทองซึ่งในตอนที่ฝังไหนั้นมีชาวบ้าน 1 คนรับรู้ว่าไหถูกฝังอยู่บริเวณไหน แต่แอบมาขุดเท่าไรก็ขุดไม่เจอ บรรจุบันชาวบ้านคนนี้ได้เสียชีวิตไปแล้วได้แต่พูดว่า ท่านฝังไหไว้ที่หว่างต้นจันทร์ขนาดใหญ่สองต้นและในตอนนี้ก้ไม่มีใครเห็นต้นจันทร์คู่นี้อีกเลย ชาวบ้านหลายคนพยายามขึ้นมาขุดบางคนพอพบไหแล้วรุ่งเช้าจะขึ้นมาเอาก้เสียชีวิตไปอีก ก่อนหลวงพ่อจันทร์ท่านมรณะภาพท่านได้สร้างกรุพระไว้ที่วัดเขากองอีกจำนวนมากแต่ก้ไม่มีใครกล้ายุ่งเพราะทุกคนกลัวอาถรรพ์ มีแต่หลวงตาแผนรูปเดียวเท่านั้นที่ท่านสามารถรู้ได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนท่านเพียงแต่พุดว่ามันไม่ใช่ของเราอย่าไปยุ่งเลย หรือเวลาท่านเห็นชาวบ้านขึ้นมาขุดหาไหท่านก็พุดว่ากลับไปทำมาหากินเถอะเสียเวลาเปล่าๆนะโยม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF6440.JPG
      DSCF6440.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.7 MB
      เปิดดู:
      175
    • DSCF6441.JPG
      DSCF6441.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.7 MB
      เปิดดู:
      201
    • DSCF6442.JPG
      DSCF6442.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.6 MB
      เปิดดู:
      138
    • DSCF6443.JPG
      DSCF6443.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.3 MB
      เปิดดู:
      382
  19. คนชอบพระ

    คนชอบพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,017
    ค่าพลัง:
    +924
    มีประวัติหลวงพ่อสวาสดิ์ วัดห้วยร่วม หลวงพ่อทองอยู่ วัดเกยไชยเหนือ หลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วนไหมครับ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2011
  20. จิรัฏฐ์

    จิรัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +641
    รูปภาพหลวงพ่อโอน ที่คุณองค์ชายสามลงน่าจะเป็นรูปหลวงพ่อฮวดสมัยท่านยังหนุ่มครับ
    ไม่ทราบคุณองค์ชายสามพอมีประวัติหลวงพ่อผ่อง วัดวังมหากร ด้วยหรือเปล่าครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...