เครียดง่าย ชอบคิดมาก ทำอะไรไม่เคยสำเร็จ อยากฝึกสมาธิ ช่วยด้วย!!

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย darkforce, 26 กุมภาพันธ์ 2007.

  1. bbjuatm

    bbjuatm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +636
    อนุโมทนาสาธุครับ
    ผมเองก็เป็นคนคิดมากและไม่มีค่อยสมาธิเท่าไรเหมือนกันครับ
    แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณ darkforce ครับ
     
  2. cookiechang

    cookiechang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +711
    ถ้าสนใจการฝึกสมาธิแบบง่าย ใช้เวลาไม่นาน ลองไปที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรีนะคะวัดหาง่าย ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เก็บของใช้ที่จำเป็นใส่กระเป๋าแล้วไปได้เลยใช้บัตรประชาชนลงทะเบียนไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆบริจาคตามศรัทธา หรือที่เสถียรธรรมสถานมีเปิดเดือนละหลายครั้ง(3-4วัน)ต้องโทรสอบถาม 025106697ถ้าที่ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยที่นี่ต้องลงทะเบียนจองก่อนล่วงหน้ามีอบรมหลายคอร์สลองโทรสอบถาม028050790-3 ถ้าจะให้ดีแนะนำให้อ่านหนังสือวิปัสสนานุบาลของคุณดังตฤณหนังสือเล่มนี้จะแนะนำวิธีการปฎิบัติแบบง่ายๆสำหรับผู้เริ่มต้นเนื้อหาอ่านเข้าใจง่ายด้วย ลองอ่านในwww.dungtrin.com ดูมีหนังสือทุกเล่มของคุณดังตฤณให้อ่านทุกเล่มดีมากๆไม่ได้โฆษณานะ น้องจะได้ศึกษาเรื่องอื่นๆเพิ่มเติมด้วย อ่านแล้วลองปฏิบัติตามอยู่ที่บ้านก่อนจะได้ไม่เป็นการบีบคั้นตัวเองมากเกินไปนัก เพราะการไปปฏิบัติตามวัดหรือสถานปฏิบัติบอกตรงๆว่าโหดสำหรับคนที่ไม่เคยปฏิบัติหรือมีความชอบในด้านนี้มาก่อน คือพี่ถูกบังคับไปตั้งแต่ยังเด็กๆ ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรถูกสั่งให้นั่งหลับตานานๆนั่งจนเหน็บกินแล้วกินอีกหลวงพ่อบอกห้ามเปลี่ยนท่าโอ๊ยทรมานสุดๆเรานั่งท่านก็พูดไปนั่งทีละหลายชั่วโมงติดต่อกันเหน็บก็กินปวดทั้งหลังปวดทั้งขา นั่งเสร็จเดินจงกรมต่อท่านก็ให้เดินช้าๆๆๆๆๆๆไอ้เราก็ยังเด็กอยากเดินเร็วๆๆๆ แต่ก็เป็นเฉพาะช่วงแรกๆพอนานๆไปชิน แต่เดี๋ยวนี้ชอบ ที่เราเล่ามาไม่ได้ขู่นะจ๊ะความรู้สึกของแต่ละคนแตกต่างกัน พี่แค่เล่าประสบการณ์ของตัวเอง อยากให้น้องลองปฏิบัติอยู่ที่บ้านให้เกิดความคุ้นเคยก่อน เวลามาเจอคอร์สเต็มจะได้ไม่เกิดความเบื่อหน่าย รู้สึกฝืนมากเกินไปค่อยๆฝึกไปใจเย็นๆไม่ต้องรีบร้อน หมั่นสวดมนต์ การสวดมนต์ก็เป็นการฝึกสมาธิอีกแบบหนึ่ง พยายามจดจ่ออยู่ที่บทสวดไม่ใช่ปากสวดแต่ใจลอยคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ รักษาศีล 5 ถ้าไม่ได้ทุกข้อก็พยายามรักษาให้ได้มากข้อที่สุดแล้วค่อยๆปรับไปเรื่อยๆจนครบจะดีที่สุด การรักษาศีล สวดมนต์ ปฏิบัติธรรมก็คือว่าเป็นการทำบุญได้ด้วยเป็นการทำบุญแบบไม่ต้องเสียเงิน หลังสวดมนต์ นั่งสมาธิแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลจากการเจริญภาวนาให้แก่เจ้ากรรมนายเวร บิดามารดา ครูอาจารย์ ฯลฯ นั่งสมาธิช่วงแรกๆก็อาจจะเริ่มที่5-10นาทีก่อนก็ได้แล้วค่อยๆเพิ่มเวลาขึ้นเรื่อยๆ เวลาที่ใช้ในการนั่งไม่สำคัญ สำคัญที่ว่านั่งแล้วจิตเป็นสมาธิไหม ต่อให้นั่ง3ชั่วโมงแต่ใจคอยจะคิดเรื่องราวต่างๆวุ่นวายไปหมดนั่งก็เหมือนไม่นั่ง สู้นั่ง5นาทีแต่จิตเป็นสมาธิไม่ฟุ้งดีกว่า ค่อยๆเริ่มไป ช้าแต่ไปได้เรื่อยๆดีกว่าหักโหมพอหมดแรงท้อแล้วก็ถอย สู้ๆนะน้อง ความเพียรอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ประโยคนี้ยังใช้ได้อยู่เสมอ เป็นจริงสุดๆแบบพิสูจน์ได้อีกด้วย
     
  3. จันทร์เจ้า

    จันทร์เจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,948
    กระทู้นี้เป็นบททดสอบด่านแรก ถ้าน้องสามารถอดทนอ่านจนเข้าใจได้ทั้งหมด
    เชื่อว่าคำแนะนำทั้งหลายจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาตัวน้องอย่างแน่นอนครับ
    หากยังไม่เข้าใจดีพอก็ไม่มีปัญหาอะไร เรื่องแบบนี้คนที่นำไปทดลองปฏิบัติจริงได้เปรียบกว่าอยู่แล้ว
    วิธีการมีในตำรำอยู่มากมายเป็นร้อยๆวิธี ซึ่งเหมาะสมกับแต่ละคนแตกต่างกันไป ถ้าไม่ทดลองทำดูแล้วจะรู้ไ้ด้ยังไง
    ว่าวิธีไหนเหมาะสมกับตัวเอง สุดท้ายแล้วก็จะเหลือเพียงแค่ 1 หรือ 2 วิธีเท่านั้นที่น้องจะเลือกออกมาใช้จริงๆ
     
  4. chansit

    chansit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +636
    แนะนำมาเรียนสมาธิที่วัดธรรมมงคลครับ

    เป็นหลักสูตรครูสมาธิ รุ่นที่ 20

    อยู่ที่
    สุขุมวิท ซอย ๑๐๑ (ปุณณวิถี ๒๐) ต.บางจาก อ.พระโขนง กรุงเทพฯ
    โทรศัพท์ ๓๑๑-๓๙๐๓, ๗๔๑-๓๕๕๒ Fax ๓๓๒-๔๑๔๕

    โทรไปถามรายละเอียดได้ครับ

     
  5. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    ....ก็ว่ากันไป ทำไปเรื่อยๆ..
     
  6. wudiman

    wudiman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +1,333
    ทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด

    เลิกคิดได้เลยนะครับ กับการทำความไม่ดีทั้งหลาย มันจะยิ่งทำให้คุณตกต่ำลงไปอีก สิ่งที่คุณตั้งใจทำแล้ว และก็คิดว่าเราทำเต็มกำลัง(จริงๆ ไม่ใช้อุปทาน) ก็จงปล่อยวางเสีย ให้มองตามกฏไดรลักษณ์ อนินจัง ทุกขัง อนันตา สิครับ
    ไม่มีอะไรคงสภาพแน่นอน ไม่มีสุขอย่างเดียว หรือ มีทุกข์อย่างเดียว ทุกอย่างมันต้องถึงทีสุดแห่งสภาวะนั้นๆ ฉะนั้น ถ้าทำดีที่สุดก็ถือว่า คุณเก่งที่สุดแล้วในตัวคุณ โชคดีครับ และ ขอโมทนากับทุกท่านที่มีจิตเมตตาด้วยนะครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 มีนาคม 2007
  7. งูสีฟ้า

    งูสีฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +207
    คล้ายกันเรื่องเครียด คิดมาก ไม่มีสมาธิเอาซะเลย

    รู้สึกเราจะเป็นน้องใหม่เหมือนกันในเวปนี้นะค่ะ
    พี่เองก็เป็นคล้ายๆ น้อง คือเป็นคนเครียดง่าย โมโหง่าย
    ปกติดูเหมือนเฉยๆ (ถ้าไม่สนิทกัน) แต่เป็นคนเกิดอารมณ์โกรธได้ง่าย
    และขึ้นสูง และเป็นบ่อยด้วยซิเรื่องเครียด เรื่องโกรธเนี้ย

    เรื่องสมาธิในการอ่านหนังสือเรียน (เมื่อสมัยเรียน) ก็เหมือนกัน อ่าน
    ได้นิดเดียวก็ง่วงแล้ว อ่านจบแต่ไม่เข้าหัวเลย แล้วมันทำให้เกิดความเบื่อ
    ท้อ นั่งฟัง อ. สอนก็ไม่รู้เรื่อง ก็เลยเหม่อ ไม่ได้ฟัง ความจริงเราพยายาม
    แล้วที่จะทำ แต่มันทำไม่ได้ เราพยายามุ่งมั่น แต่ก็ยังเป็นแบบเดิมคือ ง่วง ไร้สมาธิ อันนี้เข้าใจน้องจริงๆ เพราะเป็นเหมือนกัน

    พี่ว่าน้องก็คิดถูกนะ ที่ว่าจะฆ่าตัวตาย แต่ถ้าเกิดชาติต่อไป ก็คงไม่พ้น
    เป็นแบบนี้อีกแน่ พี่ว่าเรามาพยายมเรียนรู้เรื่องการทำสมาธิกันดีกว่า
    มันคงลำบากมากๆๆ แน่ๆ สำหรับคนที่สมาธิไม่มี ฟุ้งซ่าน คิดไรไปเรื่อย
    ในสมอง แต่ถ้าเราไม่เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ ชีวิตนี้ ถ้าหากได้เกิดเป็นคนอีก
    ในชาติต่อไป เราไม่ต้องเป็นแบบนี้ไปอีกหรอ

    เรามาลองพยายามดู ถึงมันจะต้องใช้เวลานานมากๆๆๆๆ ก็เถอะนะ
    เรามาเริ่มสะสมกันตั้งแต่ชาตินี้ ชีวิตนี้กันเถอะนะ

    ปล.สุดยาว
    พี่ยังไม่ได้เริ่มเรื่องการนั่งสมาธิ อ่านๆในเวปก็ยังไม่ค่อยเข้าใจดีนัก
    ลองทำบ้างเล็กๆ ก็ไม่ได้ผล แต่คิดว่าจะไปที่วัดท่าซุง ซึ่งใกล้บ้านที่สุด
    แต่ตอนนี้คงต้องรักษาศิล 5 ให้ดีกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องอารมณ์โกรธ ที่มัก
    ใส่อารมณ์กับคนที่สนิท และใกล้ชิด
    โดยเฉพาะกับพ่อแม่ตัวเอง ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก่อน แล้วถึงจะกล้า
    ไปที่วัดหนะ
     
  8. darkforce

    darkforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +107
    ความจริงผมก็ได้ลองอ่านหนังสือธรรมะและหนังสือแนววิทยาศาสตร์จิตวิญญาน ไปหลายเล่มอยู่เหมือนกัน ผมซื้อมาอ่านอยู่เรื่อยๆ ที่บ้านผมมีอยู่หลายสิบเล่ม มีทั้งของท่านพุทธทาส ลัทธิเซน แนววิทยาศาสตร์ทางจิตก็ ของ ดร.อาจองค์ ปริญญาตันสกุล อะไรพวกนี้ และก็หนังสือประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ก็อ่านด้วย ตอนเด็กๆชอบอ่านหนังสือพวก UFO และเรื่องลี้ลับต่างๆ แต่มาตอนนี้ไม่ค่อยน่าสนใจสำหรับผมแล้ว เลยหันมาหาแนวศาสนาและวิทยาศาสตร์ เพราะปัญหามันอยู่ที่ตัวเราในปัจจุบัน ไม่ใช่โลกภายนอก

    ถึงผมจะอ่านหนังสือกี่เล่มๆมันก็ไม่ได้ช่วยทำให้ผมเก่งขึ้น หรือฉลาดขึ้น และแก้ปัญหาต่างๆในชีวิตได้อย่างที่ผมเล่าไว้ในหัวข้อกระทู้ ผมเข้าใจว่าหลักการสำคัญมันอยู่ที่เพียงการปล่อยวางและมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะเท่านั้น ซึ่งเป็นอะไรที่พูดง่าย เข้าใจได้ไม่ยาก แต่การปฏิบัตินั้นมันยากมากสำหรับคนอย่างผม ผมอ่านๆดูในเว็บ พวกท่านปฏิบัติสมาธิได้ญาณโน้นญาณนี้กัน ผมไม่เคยสัมผัสเลยแม้แต่ Level แรก
     
  9. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,739
    ขออนุโมทนสาธุกับทุกท่านด้วยนะครับที่มีเมตตาพยายามแนะนำน้อง darkforce เมื่อน้อง darkforce ได้ทำสมาธิ และปฏิบัติสม่ำเสมอ หลาย ๆ อย่างก็จะดีขึ้นเพราะสภาวะจิตใจดีขึ้น สงบขึ้น มีสติดีขึ้น ปัญญาจะดีขึ้น สมาธิจะไม่สั้น จะมีควมอดทนมากขึ้น อิ่มเอิบ ความสุขก็จะบังเกิดขึ้น ฯลฯ
     
  10. ดอยกองมู

    ดอยกองมู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +99

    มีที่มาที่ไปยังไง ถึงใช้ชื่องูสีฟ้า ( เล่านอกรอบกระทู้ใหม่ก็ได้นะจ๊ะ )
     
  11. ดอยกองมู

    ดอยกองมู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +99
    เมื่อก่อนนี้................เมื่อข้าพเจ้าอ่อนแรง


    คนที่จะเข้าใจและให้กำลังใจ มีเพียงตนที่จะเข้าใจตน และคิดกุศโลบายขึ้นมาเพื่อประคองตน บนเส้นทางชีวิต


    ข้าพเจ้า สั่งสม ปีติ สุข เล็กๆน้อยๆในชีวิต ด้วยการเห็นคุณค่าของการทำดีเล็กๆน้อยๆ ก่อน เช่น ให้อาหารสัตว์จรจัด , ตักบาตรตามกาล

    ช่วยคนแก่ข้ามถนน , จูงคนตาบอด , เลี้ยงขนมเด็กๆยากจนที่รอพ่อ แม่,

    รับคนที่เดินข้างทางระหว่างทางที่ไม่มีรถ ท่ามกลางแดดร้อนๆ , เก็บศพหมาแมวที่ถูกรถชน เข้าข้างทาง , ช่วยล้างจานในงานวัด งานศพ , กวาดลานวัด, หลบรถให้คนอื่น บนทางแคบๆ ฯลฯ

    ทำครั้งหนึ่ง ก็ชนะใจตนครั้งหนึ่ง ไม่ต้องให้ใครมาสรรเสริญ เยินยอ รับรองการทำดีนั้นเลย

    อภัยให้คนรอบข้าง ไม่เก็บมาเป็นสาระให้ใจหม่นหมอง เห็นความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติของทุกชีวิต

    พูด แต่สิ่งดีๆ ให้ทุกชีวิตสบายใจ บางอย่างแม้เป็นความจริง แต่พูดแล้วทุกฝ่ายเป็นทุกข์ เราไม่พูดดีกว่า

    ให้ ให้เสมอแม้สิ่งที่ใครไม่ทราบ ไม่รู้ ไม่เห็น เพราะ ถ้าทำแล้วใจเราเป็นสุข ผู้รับเป็นสุข


    ความสุขเล็กๆน้อยๆที่เรามองข้ามเหล่านี้ สั่งสมมากเข้าในใจก็ส่งผลให้

    จิตไม่ร้อนรน ....ทุกวันนี้ รู้สึกมีโอเอซิสท่ามกลางทะเลทรายแห่งชีวิต

    พระท่านว่า ผู้เจริญเมตตา นับว่าเป็นผู้ไม่ห่างจากฌาณ


    .........ไม่ประมาทความดี แม้เพียงน้อย.....( กลับกัน ก็ไม่ประมาทความชั่วแม้เพียงน้อย )

    เหมือนฝนทีละหยด รวมตัวกันเป็นความช่ำเย็น ให้กับโลก


    ขอกำลังใจจงมีแก่ทุกชีวิต
     
  12. nakoruru

    nakoruru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2005
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,120
    ขอยก บทความหนึ่งจากหนังสือ "เราเกิดมาทำไม" ของพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก มานะครับ
    เมื่อหลายปีก่อน อาจารย์ได้อ่านเรื่องราวของชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งผ่านงานเขียนของเขาซึ่งติดอันดับขายดีในญี่ปุ่น ใช้ชื่ออังกฤษว่า No One's Perfect เมื่อแปลเป็นภาษาไทยก็ใช้ชื่อตามต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นว่า "ไม่ครบห้า"
    "ไม่ครบห้า"เป็นชีวิตจริงของ ฮิโรทาดะ โอโตตาเกะ เขาไม่มีแขนขาเลยตั้งแต่เกิด แต่น่าแปลกตรงที่เขากลับมองความพิการของตัวเองว่านั่นคือลักษณะพิเศษทางกาย ไม่ต่างไปจาก คนอ้วน คนผอม คนสูง คนเตี้ย คนดำ คนขาว ความพิการของเขานั้นเป็นเพียงความไม่สะดวก แต่ไม่ใช่ความไม่สบาย
    โอโตตาเกะเล่าว่า วันแรกที่หมดอนุญาติให้แม่ของเขาได้พบกับเขาเป็นครั้งแรกหลังจากที่เขาได้คลอดมา 3 สัปดาห์นั้น ทา.โรงพยาบาลได้เตรียมเตียงไว้เตียงหนึ่งเผื่อกรณี ที่แม่เขาเห็นแล้วเกิดความตกใจ ทุกผ่ายต่างเคร่งเครียดทั้งโรงพยาบาลและ พ่อแม่ของเขา แต่ปรากฎว่าประโยคแรกที่แม่เขาอุทานคือ เธอช่างเป็นเด็กที่น่ารักเหลือเกิน อารมณ์ครั้งแรกที่คุณแม่มีต่อโอโตตาเกะไม่ได้เป็นอารมณ์ของการตกใจหรือเศร้าโศก แต่เป็อารมณ์ของความปีติยินดีที่มีต่อตัวลูก ความรักที่แม่ถ่ายทอดมาสู่เขาเป็นพลังพลักดันให้เขาสามารถพิสูจน์ว่าเขามิได้แตกต่างจากคนอื่น
    พ่อแม่เลี้ยงดูโอโตตาเกะให้เป็นเด็กที่เข้มแข็งมาตั้งแต่เล็กๆ ไม่ให้หนีจากสิ่งต่างๆโดยเอาความพิการเป็นข้ออ้าง ไม่ให้คิดว่าความพิการเป็นปมด้อย ด้วยเหตุนี้ โอโตตาเกะจึงเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ยอมแพ้ต่ออะไรง่ายๆพยายามที่จะทำสิ่งต่างๆให้ได้ด้วยตนเอง เขียนหนังสือได้ ใช้คอมพิวเตอร์เป็น เล่นกีฬาได้หลายอย่างเขานั่งรถเข็นขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องพึ่งพาใครเขาสามารถร่วมกับคนอื่นได้โดยไม่ได้รู้สึกว่าแตกต่างจากคนอื่น เรียนหนังสือจนจบมหาวัทยาลัยชั้นนำโดยไม่ต้องใช้อภิสิทธิ์ใดใดเลย
    โอโตตาเกะ ไม่ได้มองว่าการไม่มีแขนขาเป็นปมด้อย แต่เขากลับมองในแง่บวกว่าสื่งนี้ต่างหากเป็นจุดแข็งของเขาที่ไม่มีใครเหมือนเขาไม่ได้โทษชะตาฟ้าลิขิตที่สร้างเขามาให้มีรูปร่างไม่สมประกอบ ไม่เคยคิดฆ่าตัวตายแต่กลับภูมิใจในสิ่งที่ตนเป็น เขามีความคิดว่าโลกใบนี้ไม่ควรมีพรมแดนและสิ่งกีดขวาง
    ระหว่างมนุษย์ด้วยกันเพียงเพราะใครคนใดคนหนึ่งเกิดมาพิการ เท่านั้น เขาได้เรียกร้องให้ทุกหัวใจในสังคมเปิดใจให้กว้าง ให้ทุกหัวใจในสังคมเป็นหัวใจที่ไร้สิ่งกีดขวาง เขาได้ใช้ชีวิตอย่างสง่างามน่าชมเชย
    ทุกวันนี้โอโตตาเกะ กำลังใช้ร่างกายเล็กๆของเขาขับเคลื่อนสังคมอยู่ เขาช่วยเหลือให้กำลังใจแก่คนพิการ เขาต้องการสร้างโลกแบบหัวใจไร้สิ่งกีดขวางให้ได้ ด้วยการเขียนหนังสือและเดินทางไปแนวคิดดังกล่าวทั่วญี่ปุ่น
    เรื่องของ ฮิโรทาดะ โอโตตาเกะน่าจเป็นตัวอย่างให้คนอีกหลายๆคนที่คิดท้อแท้หันกลับมามองตัวเองแล้วมีกำลังใจที่จะต่อสู้ชีวิตต่อไป้ด้วยใจที่เข้มแข็ง
     
  13. Jenn

    Jenn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +80
    อย่าสูญเสียกำลังใจ เพราะเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ในโลก ขอให้คุณเชื่อมั่นในตนเอง ไม่ต้องcare สายตาใครหรืออดีตที่ไม่ดี จงลุกขื้นมาทำในสิ่งที่คุณคิดว่าดีที่สุด ก็สุขใจเราแล้ว (เป็นกำลังใจครับ)
     
  14. darkforce

    darkforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +107
  15. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,513
    ค่าพลัง:
    +27,181
    รู้ลมหายใจตลอดเวลา
    จะคิดอะไรจะทำอะไรก็ทำไป
    แต่ให้รู้ตลอดเวลาว่าหายใจเข้าหรือหายใจออกอยู่
     
  16. naf06

    naf06 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    577
    ค่าพลัง:
    +2,227
    ให้ความรู้ดีครับ(verygood)
     
  17. เพชรตาแมว

    เพชรตาแมว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +179
    พูดได้โดนใจจัง นายต้องสู้ต่อไป ลองบวชดูสิ อาจจะพบอะไรบ้างอย่างที่เรามีพรสวรรค์ก็ได้สิ่งที่นายคิดว่านี้และที่ฉันต้องการต้องทำมัน นายอาจจะไม่เก่งทางโลก แต่นายอาจจะดีทางธรรมก็ได้น่ะ(verygood)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มีนาคม 2007
  18. Nemo

    Nemo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2005
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +97
  19. แคท

    แคท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +1,666
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">ขออนุโมทนา แค่คิดดีๆๆ ก็ได้กุศลแล้วค่ะ
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. artant999

    artant999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2006
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +934
    ลองใช้วิธีนี้ดูนะครับ เผื่อจะมีประโยชน์

    คำขอขมาและอธิษฐานจิต

    อธิษฐานหน้าพระพุทธรูป หรือสวดก่อนนอนก็ได้

    ( นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ )

    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต


    "หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกิน บิดา-มารดา
    ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า
    ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงผู้มีพระคุณ
    และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วย กาย วาจา ใจ ก็ดี
    ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย ขอถอนคำอธิษฐาน
    คำสาบานที่จะติดตามในอดีต
    ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน
    ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร
    ขอบุญบารมี ในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
    จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัว
    ตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้อง จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ
    ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ สติ ปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใดๆ
    โรคภัยใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลก
    ทางธรรมตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่พระนิพพานเทอญ
    หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า
    ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้
    ขอถอนความพยาบาท ความอาฆาต และคำสาปแช่งในทุกชาติทุกภพ
    ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชนของเจ้ากรรมนายเวร"

    คนเราเกิดมาหลายภพหลายชาติ
    แต่ละคนมีเจ้ากรรมนายเวรที่แตกต่างกัน
    การสวดขอขมาเพื่อลดและปลดหนี้กรรมให้น้อยลง

    ( คาถา บทนี้ เป็นคาถาที่ใช้สำหรับขอขมาพระรัตนตรัย
    และใช้เพื่อถอนคำสาปแช่ง ในอดีตชาติ ที่ติดตามมา
    เพราะเราไม่รู้ว่าเคยได้ล่วงเกินปรามาสใครไปบ้างก็ไม่รู้ ไม่เว้นแม้กระทั้ง
    พระพุทธองค์ พระอรหันต์ พ่อ แม่ เป็นต้น
    เพราะบางคนทำการใดๆ มักมีอุปสรรค หรือมักมีคนไม่ชอบหน้า)
     

แชร์หน้านี้

Loading...