ชุมชนชาวศีล ๕

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สิกขิม, 17 เมษายน 2011.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** ศีล ****

    ศีลที่รับไว้ ศีลที่ถือไว้
    เมื่อทำไม่ได้
    ก็กลายเป็นหอกแหลม ย้อนกลับมาทิ่มแทงตนเอง


    สัจจะ คือ ศีลเล็กๆข้อนึง
    ขอให้ท่าน ทำให้ได้จริง สักข้อ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  2. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ที่นำเรื่องดีๆมีสาระแก่นสารมาให้เพื่อนๆสมาชิกได้รับทราบ...สวัสดีครับ
     
  3. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    [​IMG]




    ด้วยความคารวะ และมหาอนุโมทนาสาธุการบุญ ชาวชุมชนศีลห้าค่ะ




    ขอบพระคุณขอกุศลส่งบุญ บทเพลงแห่งความดี : ศีลห้าคิดสร้างสรรค์ โดย พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ ถ่ายทอดอารมณ์แห่งความดี โดยคุณพลพล และคุณอี๊ด วงฟราย

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1742160/[/MUSIC]



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    ผู้รอด จะมุ่งไปสมทบ กลุ่มชาวศีลห้า และผู้น้อมนำศาสตร์แห่งพระราชา



    [​IMG]


    เขาเหล่านั้น คือผู้ปลูกความดี แก่แผ่นดินใหม่ หลังผ่านยุคเข็ญ


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=ILYI1a2BXC0"]เพลงแผ่นดินหัวใจ - YouTube[/ame]

    [​IMG]
     
  5. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    [​IMG]

    [​IMG]

    คนชายฝั่ง - หน้างานของคนทำงานชายฝั่ง - ไอเดียใหม่ ทำสวนผักลอยน้ำจากผักตบชวา

    “แปลงผักลอยน้ำ”

    [SIZE=+0]วิธีการทำแปลงผัก เริ่มจากนำไม้ไผ่มากั้นเป็นบล็อค แล้วรวบรวมผักตบชวา และทำการอัดแน่นเข้าด้วยกัน ในขณะที่ผักตบชวายังลอยอยู่ในน้ำ อัดให้ได้ขนาดกว้าง 2 เมตร ยาว 8 เมตร [/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE]
    [SIZE=+0]เมื่อได้ความหนาประมาณ 20-30 เซนติเมตร ให้คนขึ้นไปใช้เท้าเหยียบ และเดินไปมาเพื่ออัดให้แพผักตบ แน่นและคงทนต่อการใช้ง่าน ทำแบบนี้เป็นชั้นๆ ทุกระยะ 20 เซนติเมตร จนได้ความหนาประมาณ 1 เมตร [/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE]
    [SIZE=+0]เมื่อหนาได้ที่แล้ว จะใช้มีดสับผิวด้านบน ให้ใบผักตบละเอียด และสะดวกต่อการเพาะปลูกพืช ในการทำแปลงผัก 1 แปลง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ใช้ผักตบชวาคิดเป็นน้ำหนักประมาณ 2,000 กิโลกรรม ไม่รวมน้ำหนักของน้ำ[/SIZE]
    [SIZE=+0]
    [SIZE=+0]ข้อดีของแปลงผักลอยน้ำ คือ ไม่ต้องลงทุนสูง ไม่เปลืองแรงคน เพราะไม่ต้องรดน้ำ ไม่ต้องใส่ปุ๋ย เนื่องจาก ปุ๋ยมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ และไม่ต้องฉีดยาฆ่าแมลง [/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE][SIZE=+0]และข้อดียิ่งไปกว่านั้นคือ ผักตบชวาที่ใช้ทำแปลง เมื่อหมดรอบการใช้ปลูกผักแล้ว สามารถนำมาหมักทำปุ๋ยอินทรีย์ต่อไปได้อีก โดยนำมาผสมกับมูลสัตว์ท้องถิ่นที่มีอยู่ เติมหัวเชื้อจุลินทรีย์ และกากน้ำตาล ใช้เวลาหมัก 2 สัปดาห์ ก็สามารถใช้ได้แล้ว[/SIZE]

    [SIZE=+0]ประโยชน์ที่ได้รับ จากการดำเนินการดังกล่าว [/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE]
    [SIZE=+0]สามารถช่วยลดปริมาณผักตบชวา ตามแม่น้ำลำคลอง เป็นแปลงเพาะปลูก สำหรับเกษตรกรที่ไม่มีพื้นที่เพาะปลูก หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง เป็นระยะเวลานาน [/SIZE][SIZE=+0]รวมทั้ง เหมาะสมสำหรับเกษตรกร ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลแปลงเพาะปลูก[/SIZE]

    [SIZE=+0]ใครชอบไอเดียนี้ ก็นำไปใช้ในพื้นที่อื่นๆ ได้นะคะ แล้วช่วยบอกกล่าว เล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ[/SIZE] [SIZE=+0][/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE]
    [SIZE=+0]กิจกรรมนี้ เป็นหนึ่งในโครงการตอบสนอง พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ของสถาบันทรัพยากรชายฝั่ง ดำเนินงานโดยศูนย์บริการการมีส่วนร่วมชุมชนท้องถิ่นลุ่มน้ำปากพนัง ซึ่งเป็นสถานีย่อยในพื้นที่ของสถาบันค่ะ[/SIZE]

    [SIZE=+0]ข้อมูลเพิ่มเติม[/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE][SIZE=+0]ผักที่ใช้ปลูกได้ผลค่อนข้างดี ได้แก่ แตงกวา ผักกาด ผักคะน้า และผักบุ้งจีน ระยะเวลาในการเพาะปลูก จนสามารถเก็บเกี่ยว ประมาณ 25-40 วัน ตามชนิดของผัก[/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE][SIZE=+0]ผักบุ้งจีน ใช้เวลาปลูก 25-30 วัน ได้ผลผลิต 40-50 กก.ต่อแปลง จำหน่ายได้ 800-1,000 บาทต่อแปลง[/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE][SIZE=+0]แตงกวา ใช้เวลาปลูก 30 วัน ได้ผลผลิต 50 กก.ต่อแปลง จำหน่ายได้ 1,000 บาทต่อแปลง[/SIZE]

    [SIZE=+0]การปลูก สามารถทำได้ทันที หลังจากทำกองเสร็จ ไม่มีการใช้สารเคมีต่างๆ เลย ทำให้เป็นผักที่ปลอดภัย จากสารพิษอย่างสิ้นเชิง อีกทั้ง ยังไม่พบการระบาดของโรคแมลงต่างๆ ด้วย[/SIZE]

    [SIZE=+0]ต้นทุนในการดำเนินการทำแปลงผัก [/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE]
    [SIZE=+0]ค่าแรงคนงาน 100 บาท ต่อคน ต่อวัน คนงาน 6 คน สามารถทำแปลงได้ 2 แปลง [/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE]
    [SIZE=+0]ค่าพันธุ์ผักที่ใช้ปลูก 30 บาท ต่อแปลง [/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE]
    [SIZE=+0]ค่าปุ๋ย และอุปกรณ์การเพาะชำกล้า แปลงละ 50 บาท [/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE]
    [SIZE=+0]รวมต้นทุนทั้งสิ้น 380 บาท ต่อแปลง [/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE]
    [SIZE=+0]แปลงผัก สามารถใช้ได้ 3-4 รอบ หรือประมาณ 6 เดือน[/SIZE]
    [/SIZE]
     
  6. นักรบธรรม

    นักรบธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    969
    ค่าพลัง:
    +1,174
    สุดยอดดีแท้ เห็นแล้วเกิดแรงบันดาลใจเก่ากลับมา เพราะเคยคิดที่จะทแบบนี้(แต่อยากมีเงินแล้วไปหาซื้อที่ทำ) แล้วก็ไม่ได้ทำสักทีเพราะไม่มีเงิน เห็นคนอื่นทำแล้ว ก็ดีใจที่มีผู้เริ่ม
    และจะมีผู้ตามอีกมากมาย แผ่นดินคงได้คืนมาซึ่งศิลธรรม นำสังคมต่อไป หลังจากการชำระล้างแผ่นดีเสร็จสิ้นตั้งแต่ปีหน้าไป

    อนุโมทนาร่วมทุกท่านที่ทำได้แล้ว
     
  7. thepeng

    thepeng Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +48
    อนุโมทนา สาธุ กับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ
    กว่า 15 ปีแล้วครับ เคยมีโอกาสไปศรีษะอโศก เป็นประสบการณ์ที่ประทับใจครับ
    แต่ไปถึงเย็นมากแล้ว อาบน้ำช่วงหัวค่ำ ยุงป่าเยอะมาก อาบนานไม่ได้ครับ การทานอาหารก็ทานสำรวม คือ กะปริมาณให้พอกับกะเพาะ คลุกเคล้าทุกอย่างโดยอย่าไปเลือกว่านั่นนี่อะไรอร่อย การเกษตรได้ผลดีมากครับ ผลิตภัณฑ์ก็ใช้ดีครับ ยาสระผม ยาหม่อง โปรตีนเกษตร หลายอย่างครับ แนวทางสังคมพึ่งพากันโดยปราศจากสารเคมี
    ท่านใดมีโอกาส เชิญแวะหาประสบการณ์กับเครือข่ายชุมชนชาวอโศกดูนะครับ
     
  8. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    สตางค์ อีกทั้งสินทรัพย์ต่างๆ ไม่จำเป็นต้องใช้ ในสังคมชาวอโศก

    หากเป็นการพิสูจน์ตน กินอยู่ได้ ในวิถีมังสวิรัติ เคร่งครัดศีลห้า จิตอาสาช่วยงาน และสานต่อแต่ความดี



    ๖ ปี ราชธานีอโศก

    ชุมชนกู้วิกฤติชาติ ทางรอดสังคมใหม่ ในยุค IMF
    ปรัชญาศูนย์ฝึกอบรม : รักไทยแบบบุญนิยม
    [​IMG]

    ภาพชุด: ชุมชนราชธานีอโศก | นายกรัฐมนตรีเยี่ยมบ้านราช

    ราชธานีอโศก

    ที่ดิน ณ พุทธสถานราชธานีอโศก และ สหกรณ์บุญนิยมราชธานีอโศกในปัจจุบันนั้น คุณหนึ่งฟ้า นาวาบุญนิยม (เดิมชื่อคุณทิพย์วิมล พนากานต์) ซึ่งเป็นชาว อ.พิบูลมังสาหาร ได้ถวายสมณะโพธิรักษ์ไว้เมื่อเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๒ ที่หน้าร้านอาหารมังสวิรัติปฐมอโศก จังหวัดนครปฐม

    โดย บริจาคเข้า “กองทัพธรรมมูลนิธิ” เนื่องจาก สถานที่แห่งนี้ เป็นเสมือน “บ้านเกิด” ของ สมณะโพธิรักษ์ เพราะรกราก และ บรรพบุรุษ ของท่าน อยู่ที่ อ.พิบูลมังสาหาร (ท่านเกิดที่ จ.ศีรษะเกษ แต่มาเติบโตที่ อ.พิบูลฯ)

    ท่าน จึงเกรงว่าการเกิด “ราชธานีอโศก” จะเป็นการกลับไปสร้างความยิ่งใหญ่ให้ตนเอง ซึ่งไม่ใช่เจตนา ของ ท่านที่จะมาทำงานศาสนา สอนผู้คนให้ลด ละ เลิกอบายมุข โลกธรรม กามคุณ

    ท่าน จึงไม่ใส่ใจในการที่จะสร้างชุมชนขึ้น ณ ที่แห่งนี้ แต่ด้วยความเห็นดีเห็นงาม ของ หมู่สงฆ์ และ มวลญาติธรรม ในอันที่จะขยายสถานที่ปฏิบัติธรรม จึงต่างช่วยกันสร้าง ช่วยกันพัฒนา จนเกิดเป็น ชุมชนบุญนิยม มีการรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว

    ญาติธรรมไปปลูกบ้านอยู่ด้วยกันหลายหลัง สถานที่แห่งนี้ จึงต้อง เกิดขึ้น โดย ธรรม
    โดย ในปลายปี พ.ศ.๒๕๓๖ ได้มีกลุ่มนักปฏิบัติธรรมชาวอโศก ประมาณ ๗ หรือ ๘ คน มาจากศีรษะอโศก มาตั้งถิ่นฐาน และ ได้เริ่มทำงานด้านกสิกรรมธรรมชาติ เป็นอันดับแรก

    ในวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ ก็ได้มีการจัดตั้งเป็น ‘สหกรณ์’ ขึ้น ที่ชุมชนราชธานีอโศก โดย ใช้ชื่อว่า สหรณ์บุญนิยมราชธานีอโศก จำกัด

    ในวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๙ ได้รับการแต่งตั้งเป็นทางการตามกฎหมายกระทรวงมหาดไทย ให้เป็นหมู่บ้าน

    หมู่บ้านนี้แยกตัวมาจากหมู่บ้านคำกลาง (หมู่ ๖) เป็น หมู่บ้านที่ ๑๐ ของ ตำบลบุ่งไหม อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี มีผู้ใหญ่บ้านมาแล้ว ๒ คน คือ

    1.นางดาวเย็น ชาวหินฟ้า ผู้ช่วยฯ คือ นางดาวเพ็ญ นาวาบุญนิยม และ น.ส.ดาวพร นาวาบุญนิยม

    2.น.ส.หนึ่งฟ้า นาวาบุญนิยม (ผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบัน)

    ผู้ช่วยฯ คือ นางดาวเพ็ญ นาวาบุญนิยม และ น.ส.ดาวพร นาวาบุญนิยม

    สมาชิกสภาตำบลคนที่ ๑ นางดาวธรรม สิทธิสงค์

    สมาชิกสภาตำบลคนที่ ๒ นายแรงเพชร วงศ์แสนสาน

    [​IMG][​IMG]

    กำเนิดราชธานีอโศก

    ดังนั้น ในวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๓๖ สมณะโพธิรักษ์ จึงได้ประกาศให้ “ราชธานีอโศก” เป็นโครงการที่ ๒ ต่อจากโครงการปฐมอโศก อนุญาตให้สมณะไปจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้

    ต่อมาหมู่สงฆ์ ได้ลงความเห็น ให้เป็น ‘สังฆสถาน’ และ ต่อมา เมื่อถึงเวลาวาระ ที่ลงตัวขึ้นอีก หมู่สงฆ์ก็ยกขึ้นเป็น ‘พุทธสถาน’ ซึ่งปัจจุบันคือ พุทธสถานราชธานีอโศก

    “พุทธสถานราชธานีอโศก” จึงเป็นแหล่งที่แปลกกว่าพุทธสถานที่อื่นๆ ของ ชาวอโศก คือ เกิดชุมชนก่อน พุทธสถาน

    โดยที่ พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ได้วางนโยบายไว้ว่า ให้ฆราวาสเป็นผู้บริหาร ส่วนสมณะเป็นที่ปรึกษา โดย เน้นเรื่องกสิกรรมธรรมชาติเป็นหลัก

    ทั้งได้วางหลักการให้เป็นแนวปฏิบัติไว้ ๔ ข้อ ด้วย ดังนี้

    ซื่อสัตย์

    ขยัน

    สามัคคี

    มีวินัย

    [​IMG]

    วัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง

    1. เป็น สังคมร่วม ประกอบด้วยสมณะ และ ฆราวาสผู้สนใจจะปฏิบัติธรรมตามคำสอน ของ สมเด็จพระสัมมา- สัมพุทธเจ้า

    2. มีการดำเนินชีวิต และ ความเป็นอยู่เรียบง่าย ไม่มีอบายมุข สิ่งเสพติด ไม่มีเดรัจฉานวิขา หรือ ไสยศาสตร์

    มีชีวิตที่ประหยัด ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ลดการกินการใช้จ่ายที่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย หรือ ที่ไม่จำเป็นตามกรอบ ของ ศีล ๕, ศีล ๘, ศีล ๑๐, จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล และ มรรคมีองค์ ๘ ตามคำสอน ของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    3. พัฒนาจิตสำนึกให้มีความขยัน สร้างสรรค์ เสียสละ ในการประกอบสัมมาอาชีพเป็นบุญกุศล รู้รักสามัคคี มีเมตตา และ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ สังคม

    4. อนุรักษ์ฟื้นฟูระบบนิเวศ และ สิ่งแวดล้อม ในการรักษานิเวศป่า นิเวศน้ำ และ แบ่งพื้นที่ทำกสิกรรมธรรมชาติไร้สารเคมีทุกชนิด เพื่อ การกินอยู่ภายในชุมชน

    5. มีกิจกรรมร่วมแรงกันสร้างสรรผลผลิตด้านปัจจัย ๔ (อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค) เพื่อ สร้างสังคมที่พึ่งตนเองอย่าง “ครบวงจร” ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

    โดย ยึดหลัก “บุญนิยม” คือการทำงานที่เป็นประโยชน์แก่ ส่วนรวม เป็นบุญกุศล ของ ตนเอง

    6. มีการอบรม และ เผยแพร่พระธรรมคำสอนแก่ สมาชิกในชุมชน และ ผู้สนใจ

    [​IMG]

    สภาพทางภูมิศาสตร์ และ สิ่งแวดล้อม

    อาณาเขต ทิศเหนือ มีแม่น้ำมูลกั้นระหว่างหมู่บ้านดงเจริญ ต.ปทุม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

    ทิศตะวันออก จดหมู่บ้านคำกลาง หมู่ที่ ๗ และ ๖

    ทิศใต้ จดหมู่บ้านกุดระงุม

    ทิศตะวันตก จดหมู่บ้านท่ากกเสียว

    [​IMG]

    มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ ๓๕๐ ไร่

    ชุมชนแห่งนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่ม เปรียบเหมือนอยู่ก้นกระทะ มีสภาพเป็นดินทาม คือ ฤดูฝนจะมีน้ำมาก บางปีน้ำท่วม ส่วนฤดูหนาว น้ำจะขัง สามารถใช้ดิน ทำการเพาะปลูก พืชผัก และ ไม้ล้มลุกได้

    สภาพพื้นที่ระหว่างหมู่บ้าน จนจรดแม่น้ำมูล มีลักษณะคล้ายคลื่น มีพื้นที่สูงๆ ต่ำๆ ขนานกับแม่น้ำมูล ส่วนที่เป็นคลื่นก็เป็นบุ่ง หรือ เป็นคลองน้ำธรรมชาติ บางบุ่ง (บึง) มีน้ำขังตลอดปี บางบุ่งไม่มีน้ำขัง

    ทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ แม่น้ำมูล บุ่งไหมน้อย และ ป่าละเมาะริมบุ่ง ริมแม่น้ำ

    [​IMG][​IMG]

    งานตลาดอาริยะ ปีใหม่

    “งานปีใหม่อโศก” เคยจัดมาแล้วถึง ๑๘ ครั้ง แต่ไม่ลงตัวเรื่องสถานที่เนื่องจากคับแคบเกินไป เมื่อเกิดมี ชุมชนราชธานีอโศกขึ้น ซึ่งมีความเหมาะสม หลายประการ ในการจัดงานที่มีผู้คน ไปร่วมงานจำนวนมาก จึงได้ย้ายมาจัดที่ชุมชน แห่งใหม่นี้แทน และ เริ่มจัดครั้งแรกเมื่อ ปีใหม่ ๒๕๔๑

    ปี๒๕๔๓เรียกชื่องานนี้ใหม่ว่า "งานตลาดอาริยะ ปีใหม่" จนปัจจุบัน

    หัวใจสำคัญ ของ งานนี้คือ “ตลาดอาริยะ” ซึ่งเป็นงานที่ชาวอโศกจะได้ไปร่วม สร้างสรร เสียสละ สามัคคี แสดงน้ำใจ

    โดย การขาย ของ ในราคา “ต่ำกว่าทุน” เพื่อ เป็นกำไรอาริยะแก่ ตน อันเป็นหลักสำคัญในการดำเนินชีวิตตาม ระบบบุญนิยม

    การฝึกอบรม โครงการชุมชนกู้วิกฤติชาติ

    กองทุน SIF (Social Invest Fund) ร่วมกับชุมชนราชธานีอโศก ได้จัดโครงการฝึกอบรม ชุมชนกู้วิกฤตชาติ จำนวน ๗๒ รุ่น เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๔๓ – มีนาคม ๒๕๔๕ โดย จัดอบรมปีละ ๒๔ รุ่น (เดือนละ ๒ รุ่น) มีมูลค่าโครงการ ๑๖,๖๖๓,๙๔๓.๐๐ บาท

    การอบรมนี้จัด ณ ศูนย์ฝึกอบรมชุมชนราชธานีอโศก ซึ่งสมณะโพธิรักษ์ ดำริให้สร้างขึ้นมา เพื่อ เป็นสถานที่ให้การศึกษา และ พัฒนา “คน”

     

แชร์หน้านี้

Loading...