ขอถามเกี่ยวกับอาบัติ สังฆาทิเสส หน่อยครับ เครียดมาก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย popkungzaa, 7 พฤศจิกายน 2011.

แท็ก: แก้ไข
  1. popkungzaa

    popkungzaa สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2007
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +0
    คือผมไปอยู่ ปริวาส แล้วได้คุยโทรศัพท์ กับ สีกา แต่ผมไม่ได้พูดเกี้ยว หรือมี ความกำหนัดอะไรเลยนะครับ แต่ องคชาติ ของผมมันก็ขึ้น และคุยไปได้สักพัก ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรเคลื่อน ผมก็ไม่กล้าดู แต่คาดว่าน่าจะเป็นหล่อลื่น โดยที่ผมไม่ได้มีความยินดี หรือมีความสุขตอนที่มันไหลเลยนะครับ อยากรู้ว่าถือว่าเป็นกรรมซ้อนหรือเปล่าครับ

    อีกข้อหนึ่ง คือผมเครียดจนไม่รู้จะถามใคร ผมก็เลยพูดเรื่องราวนี้ใ้ห้สีกา ฟัง ถามว่าน้ำงี้ไหลๆ ใช้อสุจิ ไหม อย่างงี้ถือว่าผมติดกรรมซ้อนหรือเปล่าครับ

    รบกวนผู้รู้ช่วยชี้แนะทีนะครับ มี 2 คำถาม :'(
     
  2. popkungzaa

    popkungzaa สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2007
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +0
    อีกข้อหนึ่งนะครับ ถ้าเราเกิดมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น และหยุดคิดไป สักพัก น้ำหล่อลื่นไหล แต่เราไม่ได้มีความยินดี หรือมีความสุข นี่ถือว่าเป็นอาบัติสังฆาทิเสส ปะครับ
     
  3. popkungzaa

    popkungzaa สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2007
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่มีคนตอบเลยอะครับ
     
  4. อุ่นจัง

    อุ่นจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +183
    ผู้รู้ช่วยตอบหน่อย อยากรู้เหมือนกัน
     
  5. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ถ้าคิดให้ตัดไม่ต้องต่อไฟ...ไอ่ที่เยิ้มออกมาไม่ต้องสนใจ....ที่สำคัญมืออย่าไปสัมผัสแล้วให้น้ำอสุจิไหลออกมาเป็นสำคัญ(หรือจะใช้วิธีอะไรก็ตามที่จะให้มันไหลออกมาโดยตั้งใจ)...ใจคุณไม่มีความยินดีก็ดีแล้วครับ....

    อยู่ปริวาสเป็นไปได้อย่างติดต่อกับโลกภายนอกเลยนะครับ....ไม่ว่าโทรศัพท์อะไรงดใช้ไปเลย....
     
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ความจริงมีอะไรน่าจะถามท่านอาจารย์ใหญ่ที่ควบคุมได้โดยตรง...ของอย่างนี้ไม่ต้องอายครับ...เหมือนกันหมดทุกคนหละ....
     
  7. popkungzaa

    popkungzaa สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2007
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณ คุณ Phanudet มากนะครับ ที่มาไขข้อข้องใจของผมให้สบายใจ

    บางทีผมก็ไม่กล้า และกลัวที่จะปรึกษาพระอาจารย์ ณ ตอนนั้น อะครับ
     
  8. popkungzaa

    popkungzaa สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2007
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +0
    มีผู้ชี้แนะแนวทางอื่นอีกไหมครับ
     
  9. kilarat

    kilarat สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    1. การอยู่ปริวาสกรรมเป็นการแก้อาบัติ สังฆาฑิเสส (สังฆาฑิเสส คืออะไรต้องรู้อยู่แล้ว)
    2. ฟันธงว่า อาบัติซ้อน
    วิธีแก้
     
  10. kilarat

    kilarat สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    วิธีแก้ คือ
    1.ถ้าเป็นช่วงขอปริวาส 3 ราตรีแรก ยังไม่ได้บอกขอมานัต ให้ขอปริวาส 2 ครั้ง คือ เมื่อพระสวดจบ 1 ครั้ง ให้ขอใหม่อีก 1 ครั้ง
    2. ถ้าซ้อนในช่วงปริวาส (ช่วงมานัต 6 ราตรี ) ให้ขอมานัต 2 ครั้ง เป็นการเริ่มต้นใหม่จนกว่าจะอยู่ครบ 6 ราตรี คือ พระปกติออกวันไหน เราก็ยังออกอัปภาณไม่ได้ จนกว่าจะอยู่มานัตครบ 6 ราตรี จึงขอออกอัปภาณได้
    3. ฟันธงว่า ซ้อน เหตุที่ซ้อนมี สีกาเข้ามาเกี่ยวข้อง ในระหว่างสุกะเคลื่อน เพราะ สีกา คือ หนึ่งในมูลเหตุแห่งสังฆาฑิเสส (พระพุทธเจ้าเคยสอนการปฏิบัติต่อสุภาพสตรี ตามพระวินัยว่า
    1. ภิกษุไม่ควรอยู่ใกล้สตรี
    2. หากอยู่ใกล้ ก็ไม่ควรเจรจาด้วย
    3. หากเจรจา ควรเจรจาให้น้อย
    ที่ตอบอย่างนี้ เพราะ พึ่งอยู่ปริวาสมาเหมือนกัน แล้ว อาจารย์เจ้าอาวาส สั่งให้ปิดโทรศัพท์ เพราะกลัวอาบัติซ้อน อันจะเกิดจากการคุยโทร.กับสีกา จึงได้สอบถามถึงมูลเหตุผลของการปิดโทร.และก็ได้การอธิบายขยายความจากอาจารย์
    ถ้าสงสัย ลองสอบถามอาจารย์ของท่านดูก่อนก็ได้ หรือถ้ามีความข้องใจอยากสนทนาต่อ ก็โพ้ส กลับมาได้ ผมบวชมา 4 เดือนแล้วยังไม่เคลื่อนเลย (แมน 100 เปอร์เซ็นต์)
     
  11. kilarat

    kilarat สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอชี้แจงคำตอบนี้ ผู้ลงกระทู้ไม่ได้เป็นพระ แต่ได้สอบถามกับพระลูกชายที่บวชอยู่ เค้าก็ให้คำตอบมาเช่นนี้ ซึ่งในขณะนี้ท่านก็ยังไม่ได้ลาสิกขา แต่เพ่งออกจากปริวาสมาได้ 3 วัน
    กำลังรอจะออกไปธุดงค์
     
  12. kilarat

    kilarat สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    ส่วนอีกข้อที่ถาม การที่คุณคิด และหยุดคิดไปแล้ว แต่มีน้ำไหลออกมา ขอตอบว่า ถ้าคิดมีจิต ประกอบด้วยกำหนัด แล้วออกัสซึม ถือว่าเป็นสังฆาฑิเสส แต่ถ้า ไม่ออกัสซึม คือ สุกกะ ไม่เคลื่อน เป็นเพียงอาบัติถุลลัจจัย คืออาบัติรองจาก สังฆาฑิเสส ปลงแล้วก็หลุด
     
  13. kilarat

    kilarat สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    1. การอยู่ปริวาสกรรมเป็นการแก้อาบัติ สังฆาฑิเสส (สังฆาฑิเสส คืออะไรต้องรู้อยู่แล้ว)
    2. ฟันธงว่า อาบัติซ้อน
    วิธีแก้
     
  14. ลมรำเพย

    ลมรำเพย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +503
    ดูก่อน ภิกษุ เธอคิดอย่างไร

    1.ขอถามเกี่ยวกับอาบัติ สังฆาทิเสส หน่อยครับ เครียดมาก

    คือผมไปอยู่ ปริวาส แล้วได้คุยโทรศัพท์ กับ สีกา แต่ผมไม่ได้พูดเกี้ยว
    หรือมี ความกำหนัดอะไรเลยนะครับ แต่ องคชาติ ของผมมันก็ขึ้น และคุยไปได้สักพัก
    ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรเคลื่อน ผมก็ไม่กล้าดู แต่คาดว่าน่าจะเป็นหล่อลื่น
    โดยที่ผมไม่ได้มีความยินดี หรือมีความสุขตอนที่มันไหลเลยนะครับ
    อยากรู้ว่าถือว่าเป็นกรรมซ้อนหรือเปล่าครับ

    ขอให้คุณ Justine พิจารณาเรื่องต่อไปนี้ และต้องตอบด้วยตัวเอง
    (ยกมาจากพระไตรปิฎกพระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๓)

    เรื่องตรึกถึงกามวิตก
    [๓๔๗] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งกำลังตรึกถึงกามวิตกอยู่
    อสุจิเคลื่อนแล้ว เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว
    กระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัสถามว่า
    ดูก่อนภิกษุ เธอคิดอย่างไร

    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อนเลย พระพุทธ-
    เจ้าข้า

    ภ. ดูก่อนภิกษุ ภิกษุตรึกถึงกามวิตก ไม่ต้องอาบัติ.

    หมายเหตุ***ไม่ได้ทำอะไรเลย คิด(ตรึก)ในเรื่องกามอย่างเดียว***

    เรื่องบีบด้วยกำมือ
    [๓๕๙] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งบีบองค์กำเนิดด้วยกำมือ
    อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมัง
    หนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัสถามว่า ดูก่อน
    ภิกษุ เธอคิดอย่างไร

    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธ-
    เจ้าข้า

    ภ. ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ

    หมายเหตุ***มีการบีบ***


    เรื่องเพ่งองค์กำเนิด
    [๓๖๒] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความกำหนัดเพ่งองค์
    กำเนิดของมาตุคาม อสุจิของภิกษุนั้นเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า
    เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี-
    พระภาคเจ้า ๆ ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุมีความกำหนัด ไม่ควรเพ่งองค์กำเนิดของ
    มาตุคาม รูปใดเพ่ง ต้องอาบัติทุกกฏ.

    หมายเหตุ***ไม่ได้ทำอะไรเลย เพ่งมองอย่างเดียว***


    ถ้า คุณ Justine ตอบ พระดำรัสของพระพุทธเจ้า ได้ว่า

    ดูก่อน ภิกษุ เธอคิดอย่างไร

    คุณ Justine ก็จะรู้ตัวเองว่าจะอาบัติหรือไม่
    ...................................................................................

    2.อีกข้อหนึ่ง คือผมเครียดจนไม่รู้จะถามใคร ผมก็เลยพูดเรื่องราวนี้ให้สีกา
    ฟัง ถามว่าน้ำงี้ไหลๆ ใช้อสุจิ ไหม อย่างงี้ถือว่าผมติดกรรมซ้อนหรือเปล่าครับ


    อาบัติข้อนี้ท่านว่า
    อนึ่ง ภิกษุใด กำหนัดแล้ว มีจิตแปรปรวนแล้ว พูดเคาะมาตุคาม
    ด้วยวาจาชั่วหยาบ เหมือนชายหนุ่มพูดเคาะหญิงสาว ด้วยวาจาพาดพิง
    เมถุน เป็นสังฆาทิเสส.

    อธิบาย

    ที่ชื่อว่า กำหนัดแล้ว คือ มีความยินดี มีความเพ่งเล็ง มีจิตปฏิพัทธ์-

    บทว่า แปรปรวนแล้ว ความว่า จิตแม้อันราคะย้อมแล้ว ก็แปรปรวน
    แม้อันโทสะประทุษร้ายแล้ว ก็แปรปรวน
    แม้อันโมหะให้ลุ่มหลง แล้ว ก็แปรปรวน

    แต่ที่ว่า แปรปรวนแล้ว ในอรรถนี้ ทรงประสงค์ จิตอันราคะย้อมแล้ว.

    ***ข้อนี้คุณพูดด้วยความเครียดไม่ใช่ความกำหนัด จึงไม่อาบัติสังฆาทิเสส
    ....................................................................................



    3.อีกข้อหนึ่งนะครับ ถ้าเราเกิดมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น และหยุดคิดไป
    สักพัก น้ำหล่อลื่นไหล แต่เราไม่ได้มีความยินดี หรือมีความสุข นี่ถือว่าเป็น
    อาบัติสังฆาทิเสส ปะครับ

    พิจารณาเหมือนข้อ1.


    ..................................................................................

    อาบัติซ้อนคือ คือ ภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว
    ในขณะที่อยู่กรรมเพื่อจะออกจากอาบัติสังฆาทิเสส
    ได้ทำอาบัติสังฆาทิเสสข้อใดข้อหนึ่งใน 13 ข้อ ขึ้นอีก

    การออกจาก อาบัติซ้อน ไม่ได้ขอสองครั้ง อย่างที่คุณ kilarat ว่านะครับ
    (ขออภัยด้วยครับที่แย้ง)
    ขอครั้งเดียวแต่มีคำ(บาลี)บอกว่าได้ทำอาบัติซ้อนเพิ่มขึ้นมาอีกในคำขอเท่านั้น

    และพระที่สวดก็ต้องมีคำสวด(บาลี)เฉพาะข้ออาบัติซ้อนไม่ได้สวดอย่างธรรมดาเพราะไม่ได้อาบัติอย่างธรรมดา

    การออกจากอาบัติอาบัติสังฆาทิเสสซ้อนจึงยากลำบาก
    เพราะหาพระที่จะสวดให้ออกจากอาบัติสังฆาทิเสสซ้อน
    ไม่ได้มีทั่วไป มีบางวัดเท่านั้นที่สวดได้ ซึ่งจะต้องสืบเสาะหาให้พบ
    แล้วไปขออยู่กรรมออกจากอาบัติสังฆาทิเสส

    คุณ Justine ถ้าจะเอาแบบชัวร์ป้าด ปิดประตูความกังวลใจ
    ก็ไปออกอาบัติสังฆาทิเสสแบบซ้อนซะก็ได้ ไม่เสียหายอะไร
     
  15. popkungzaa

    popkungzaa สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2007
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +0
    และถ้าผมไม่ได้ต้องการให้มีการเคลื่อนของน้ำใสๆ นั่นอะครับ ถือว่าผมอาบัติสังฆาทิเสส ด้วยหรอ
     
  16. popkungzaa

    popkungzaa สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2007
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +0
    กล่าวถึงเรื่องอนาบัติ (การไม่ต้องอาบัติ) ๖ ประการ คือ ๑. เพราะฝัน ๒. ภิกษุไม่มีเจตนาจะทำให้เคลื่อน ๓. ภิกษุเป็นบ้า ๔. ภิกษุมีจิตฟุ้งซ่าน (เป็นบ้าไปชั่วคราวด้วยเหตุใด ๆ) ๕. ภิกษุมีเวทนากล้า และ ๖. ภิกษุผู้เป็นต้นบัญญัติ

    อย่างผมไม่มีเจตนา จะทำให้เคลื่อน นะครับ
     
  17. popkungzaa

    popkungzaa สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2007
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +0
    คุณ ลมรำเพย ช่วยบอกทีครับ ว่าผมอาบัติซ้อนหรือเปล่าอะครับ
     
  18. ลมรำเพย

    ลมรำเพย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +503
    ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณไม่มีเจตนา ก็ย่อมไม่อาบัติ

    พิจารณาตามที่ผมยกมา

    [๓๔๗]ภิกษุตรึก(ครุ่นคิด)อยู่ในกาม จนอสุจิเคลื่อน พระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่อาบัติ เพราะไม่มีเจตนาจะให้เคลื่อน

    เมื่อเทียบกับคุณ คุณไม่ได้ตรึกในกาม และ ไม่มีเจตนาจะให้เคลื่อน ก็ย่อมไม่อาบัติ

    [๓๕๙]ภิกษุเอามือบีบ อสุจิเกิดเคลื่อน พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าไม่อาบัติ เพราะไม่มีเจตนาจะให้เคลื่อน

    เมื่อเทียบกับคุณ คุณไม่ได้เอามือบีบ (คือไม่มีความพยายามทางกาย)และ ไม่มีเจตนาจะให้เคลื่อน ก็ย่อมไม่อาบัติ


    กล่าวถึงเรื่องอนาบัติ (การไม่ต้องอาบัติ) ๖ ประการ
    ๑. เพราะฝัน
    ๒. ภิกษุไม่มีเจตนาจะทำให้เคลื่อน
    ๓. ภิกษุเป็นบ้า
    ๔. ภิกษุมีจิตฟุ้งซ่าน (เป็นบ้าไปชั่วคราวด้วยเหตุใด ๆ)
    ๕. ภิกษุมีเวทนากล้า
    ๖. ภิกษุผู้เป็นต้นบัญญัติ

    คุณไม่อาบัติตามข้อ ๒
     
  19. kilarat

    kilarat สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    กรณนี้ มีสีกาเข้ามาเกี่ยวข้องนะ คุณว่าไม่ได้เจตนาให้น้าอสุจิเคลื่อน แต่ คุณคุยโทร.กับสีกา คุยอะไรกัน องคชาติถึงได้แข็ง และเมื่อแข็งแล้วทำไมไม่หยุดคุย คุยต่อจนเคลื่อน พุทธบัญญัญก็มีบอกไว้แล้ว ว่าไม่ให้เจรจากับสตรีอย่างไร อันนี้ก็แล้วแต่คุณก็แล้วกันนะ
    คุณอยากบริสุทธิอย่างแท้จริงหรือไม่ เราบอกคุณด้วยเจตนาดี
     
  20. kilarat

    kilarat สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    สำหรับ คุณลมรำเพย คุณอาจจะดูเพียงแค่ คำว่า " ไม่มีเจตนา " แต่คุณอาจจะไม่ได้พิจารณาถึง สาเหตุที่ทำให้องคชาติ แข็งตัวจนกระทั่ง น้ำอสุจิเคลื่อน ถ้าความเห็นของเราไม่ต้องตรงตามใจที่คุณคิด ก็ขออภัย ของแบบนี้ อยู่ที่ใจ ใครทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น ดังนั้น เราก็จะไม่ออกความเห็น
    การอยู่ปริวาสกรรม ก็ไม่ความใช้โทรศัพท์อยู่แล้ว และนี่เค้าก็โทรศัพท์คุยกับสีกาจนองคชาติแข็งตัว ขอถามคุณว่า คุณทราบไหมว่า เค้าคุยเรื่องอะไรกัน คุยกันจนทำให้องคชาติแข็ง ผู้ชายก็รู้อยู่แล้วว่า อะไรที่จะทำให้แข็งได้ ยกเว้น การแข็งตัวตอนเช้าตามธรรมชาติ
     

แชร์หน้านี้

Loading...