ตามรอย "พระมหาชนก"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 15 กรกฎาคม 2010.

  1. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    พระลุงคนเชียงใหม่พูดถึง
    พอ. สองรูป ที่วัดพระธาตุดอยผาส้มหรือเปล่า?

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=dc1lQ2Dr3NM]วัดพระบรมธาตุดอยผาส้มตอน1 - YouTube[/ame]
     
  2. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=E1dvYJvbX6w]บทเพลงรักแห่งแผ่นดิน Full Version HD บทเพลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว - YouTube[/ame]
     
  3. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=TVIgKfItIk4][MV] "ตามรอยพระราชา" / ธงไชย แมคอินไตย์ - YouTube[/ame]
     
  4. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    [​IMG]
    มหาอนุโมทนากุศลส่งบุญศิลปินผู้ภาพวาดประกอบ


    ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม เหล่าปวงข้าพระพุทธเจ้าฯ

    ขอประกาศราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ถวายพระพรชัยมงคล
    เนื่องในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๘๔ พรรษา
    แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช


    น้อมเศียรศิรวาทบาทบงสุ์ องค์จักรีภูมินทร์ถิ่นสยาม
    ทรงวิริยะอุสาหะพยายาม บำบัดความยากไร้ให้ปวงชน
    หกสิบห้าปีที่พระองค์ทรงครองราชย์ ย่างพระบาทก้าวไปหมายเกิดผล
    ดำริสร้างทางชีวิตประสิทธิ์ดล เสริมมรรคผลทั่วทุกถิ่นแผ่นดินทอง
    ทรงชี้นำการทำกินใช้สินทรัพย์ ไม่ตกอับรู้พอเพียงเลี้ยงปากท้อง
    ใช้ชีวิตคู่หลักธรรมตามครรลอง ชีวิตครองความสุขพ้นทุกข์ภัย
    ทรงเป็นยอดนักปกครองที่เชี่ยวชาญ ธ ประสานการณ์วิกฤตวินิจฉัย
    ธ ทรงเป็นบิตุรงค์ที่เกรียงไกร สอนลูกให้รู้รักสามัคคี
    ทรงเป็นยอดอัครศิลปิน วรรณศิลป์ ปรีชาเลิศ บรรเจิดศรี
    “พระมหาชนก” แขวงหลักธรรมนำชีวี สอนให้มีวิริยะพยายาม
    หกสิบห้าปีที่พระองค์ทรงครองราชย์ ประชาชาติทั้งประเทศทุกเขตขาม
    ภาคภูมิใจในจริยวัตรที่งดงาม จารึกนามเทิดไท้ในราชันย์


    เหล่าข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นเกล้าล้นกระหม่อม
    จึงพร้อมกันถวายพระพรชัยมงคล ถวายเป็นราชสักการะ ในวโรกาสอันเป็นมงคลเฉลิมพระชนมพรรษาในวาระนี้


    ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย องค์พระสยามเทวาธิราช เทวาภินิหารทั้งปวงได้โปรดอภิบาล
    ดลบันดาลให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระเกษมสำราญทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ปราศจากโรคาพยาธิภัยพิบัติ
    ขอจงทรงพระเจริญถึงพร้อม ด้วยจตุรพิธพรชัยทุกประการเทอญ
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ


    [​IMG]
    มหาอนุโมทนากุศลส่งบุญศิลปินผู้ภาพวาดประกอบ



    “ ในหลวงของแผ่นดิน ”

    มอง เห็นพระเจ้าอยู่หัว
    ท่ามกลางคนมืดมัว เหมือนเห็นแสงทองส่อง
    ใจ ตื้นตันเพียงได้มอง
    พนมมือทั้งสอง ก้มลงกราบด้วยหัวใจ
    มอง พระผู้ทรงเมตตา
    เฝ้าดูแลประชา ทั่วอาณาใกล้ไกล
    เมื่อยามอ่อนล้า หมดหวังพระองค์อยู่เป็นหลักนำหัวใจ
    ยึดเหนี่ยวอยู่ภายในว่าวันพรุ่งนี้ยังมีหวัง

    ในหลวงของแผ่นดิน
    หล่อรวมให้เม็ดดินทรายกลายเป็นแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่
    หยดน้ำ หยาดเหงื่อพระองค์หยดลงที่ไหน
    ทุกข์ร้อนจะพลันสลายทุกข์ภัยจะไม่อาจแผ้วพาน

    ในหลวงของแผ่นดิน
    ทรงเป็นที่รักและที่พึ่งพิงให้เราแสนนาน
    ตั้งแต่เล็ก จนโตจำได้ทุกอย่าง
    ใต้ร่มพระบริบาล สุขสราญด้วยความร่มเย็น

    ในหลวงของแผ่นดิน
    ทรงเป็นที่รักและที่พึ่งพิงให้เราแสนนาน
    ตั้งแต่เล็ก จนโตจำได้ทุกอย่าง
    ใต้ร่มพระบริบาล สุขสราญด้วยความร่มเย็น
    แผ่นดินนี้คือบ้าน คือแดนสวรรค์ แสนสุขใจ
    มีทุกอย่างที่ดีเพราะใคร ฉันจะไม่ลืม

    ในหลวงของแผ่นดิน
    หล่อรวมให้เม็ดดินทรายกลายเป็นแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่
    หยดน้ำ หยาดเหงื่อพระองค์หยดลงที่ไหน
    ทุกข์ร้อนจะพลันสลายทุกข์ภัยจะไม่อาจแผ้วพาน

    ในหลวงของแผ่นดิน
    ทรงเป็นที่รักและที่พึ่งพิงให้เราแสนนาน
    ตั้งแต่เล็ก จนโตจำได้ทุกอย่าง
    ใต้ร่มพระบริบาล สุขสราญด้วยความร่มเย็น
    แผ่นดินนี้คือบ้าน คือแดนสวรรค์ แสนสุขใจ
    มีทุกอย่างที่ดีเพราะใคร ฉันจะไม่ลืม


    อนุโมทนาขอกุศลส่งบุญทุก ๆ ท่าน ผู้มีส่วนร่วมผลิตผลงานเพลง<O></O>
    EXECUTIVE PRODUCTION SUPERVISOR : ถกลเกียรติ วีรวรรณ
    เนื้อร้อง : วิเชียร ตันติพิมลพันธ์
    ทำนอง : สราวุธ เลิศปัญญานุช
    เรียบเรียง : สราวุธ เลิศปัญญานุช
    Mixed down : ศิริพร แตรตุลาการ
    Guitar by : ศิริโรจน์ องค์มหัทมงคล
    Producer : นราธิป ปานแร่





    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1787876/[/MUSIC]​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2011
  5. เดินดง

    เดินดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +1,614
    มีใครพอจะทราบไหมคะ ว่าภาพ ฝรั่งสองคน อยุ่ที่ประตูอยู่ที่ไหนคะ
     
  6. CopperOxide

    CopperOxide เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +289
    "เห็นวัดโพธิ์โสภาสถาพร สง่างอนงามพริ้งทุกสิ่งอัน"

    ภาพดังกล่าว เท่าที่ผมพอจะหาข้อมูลได้ตอนนี้ คาดว่า มาจากบานประตู-หน้าต่าง ของวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม มีแห่งเดียวในประเทศไทยปัจจุบันคาดว่าไม่น่าจะมีหลงเหลือแล้ว ยกเว้นภาพถ่ายหนังสือของกรมศิลปากร

    คุณเดินดง ลองหา

    หนังสือชื่อ คนแปลกหน้านานาชาติของกรุงสยาม ของ อ.ทวีศักดิ์ เผือกสม อ่านเพิ่มเติมดูครับ น่าจะพอได้รับคำตอบบางอย่างที่ต้องการ

    เล่าคร่าวๆนะครับ เพราะผมยังอ่านไม่จบ :)

    เดิมทีตามประวัติศาสตร์ เชื่อว่า วัดโพธิ์ หรือ วัดโพธาราม สร้างไว้ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย น่าจะหลังรัชสมัยพระเพทราชา

    สมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงโปรดให้วัดโพธิ์เป็นพระอารามหลวง

    ต่อมารัชกาล พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงปฎิสังขรณ์ และพระราชทานนามพระอารามว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส

    ครั้นสมัยรัชกาล พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทำให้วัดโพธิ์นี้เป็นเสมือน อุทยานการเรียนรู้เพื่อเตรียมรับมือกับการที่สยามกำลังเปิดประตูการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับต่างชาติ หลากหลายเชื้อชาติ

    และหนึ่งในอุทยานการเรียนรู้นั้นก็คือ ภาพเขียนชาวต่างประเทศ-ชนชาติต่างๆ ตามหน้าต่างและประตูพระวิหาร ในทิศต่างๆ (นอกจากนี้ มีจารึกโคลงดั้นบาทกุญชรบอกลักษณะเพศชาติ จำนวน 32 ชนชาติ)

    และในสมัยรัชกาล พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนชื่อวัดอีกครั้งเป็น วัดพระเชตุพลวิมลมังคลาราม


    .... ภาพหน้าปกหนังสือ เล็กไปหน่อย แต่ก็พอมองดูคร่าวๆว่า เป็นภาพบานประตู แต่ในตัวหนังสือเองก็มีภาพประกอบเยอะทีเดียว ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • books2011.gif
      books2011.gif
      ขนาดไฟล์:
      6.8 KB
      เปิดดู:
      2,122
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2011
  7. klu

    klu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,320
    ถ้ากุมสื่อรวมดรีมทีมเด็กในหลวงบวกกับดึงทหารเข้ามาช่วยจะยังพอมีหวังไหม

    จริง ๆ แล้ววิกฤตน้ำท่วมที่ผ่านมา
    การสวดมนต์ช่วยได้เยอะนะ
    (สวดบูชาพระรัตนตรัยนะ ไม่ใช่ประเภทสวดขอนั่นขอนี่ตอนลำบาก)
    อย่าบอกว่าการสวดมนต์ไม่มีผล
    อย่าบอกว่าการสร้างพระไม่มีผล
    นั่นแปลว่า คุณไม่รู้จริง
    อย่าบีบให้ใครต้องมานับถือพระพุทธศาสนา
    ขอเพียงมีเมตตาต่อกัน และใช้อุเบกขาบารมีให้เป็น
    (ใครไม่ทำก็ช่างเขา เริ่มที่ตัวเราก่อนเป็นสำคัญ)
    ยืนยันที่จะทำความดีโดยไม่หวั่นไหว
    ขอเพียงก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม

    ถ้าใครมั่นใจเรื่องทำนายอนาคตว่าภัยพิบัติจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่อะไร อย่างไร
    เรารอถอดรหัสที่เหลือของพระมหาชนกได้หมด
    จะลองแก้ดู โดยยึด
    พระพุทธศาสนา - ทางจิตใจและสังคม
    (อยากลองวางยาคนอื่นบ้าง หลังจากที่โดนกับตัวเองมา)
    แนวพระราชดำริ - กายภาพ
    ไม่ยืนยันว่าจะได้ผลหรือไม่
    (แต่ซัดไปหลายรอบแล้ว
    ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไม่ยืนยันอยู่ดี
    เพราะยังเก็บเป้าไม่ได้ รักษาระดับไม่ได้)

    ยิ่งถ้าใครเห็นนิมิตรเกี่ยวกับพระองค์ท่าน
    ลองคิดหาวิธีดู ทำเท่าที่ทำได้
    โดยที่ตนเองไม่ลำบาก ทำไปเลย
    สถานการณ์โดยรวมเหมือนจะรอไม่ได้อีก
    เว้นแต่จะให้มันแตกหักกันไปเลย
    ถึงตอนนั้นมันจะลำบากกันไปหมด
    กว่าเราจะได้ลงมือเองก็อาจจะประมาณเกือบครึ่งปี
    (ลงมือต้นปีแต่ต้องรอผลอีกหลายเดือน)
     
  8. CopperOxide

    CopperOxide เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +289
    นอกเรื่องครับ ประวัติศาสตร์ไทยน่าสนใจทีเดียวนะครับ

    เคยดูหนังเรื่อง davinci code มั้ยครับ ในเรื่องมีกลุ่มงานลับ ของ อัศวินเทมพลาร์ และ กลุ่มไพรเออรี ออฟ ไซออน

    ประเทศไทย ไม่สิ.. ประเทศสยามในชื่อเรียกยุคสมัยนั้น มีนักประวัติศาสตร์บางคน เชื่อว่า สุนทรภู่ นี่แหละเป็นหนึ่งในกลุ่มงานลับในการต่อต้านการล่าอาณานิคมของชนชาติตะวันตก หนึ่งในหลักฐานยืนยันบทบาทดังกล่าวคือ วรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี

    ยุคสมัยนั้นทั้งก่อนและหลัง หลังหมดศึกพม่าศึกอานาม สยามประเทศถูกรุกคืบจากอิทธิพลลัทธิล่าเมืองขึ้นจากตะวันตกอย่างหนัก แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ และข้าราชบริพารที่เก่งกาจ ทำให้สยามยังธำรงเป็นไทยอยู่ทุกวันนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2011
  9. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    สาธุ

    แต่สมัยนี้มีแต่คนยินดีปรีดาให้ฝรั่งเข้ามายึดครอง illuminate การครอบงำโดยไม่ให้รู้ตัวได้ผล ไร้แรงต้าน

    สมัยนี้ถ้ามีองกรค์อย่างนั้นก็ดิสิ มีแต่อาสาทำกันตามยะถากรรม
     
  10. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [​IMG]

    ส.ค.ส. พระราชทาน ประจำปี 2555 เป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฉลองพระองค์สากลสีเทาลายริ้วสีอ่อน ปกด้านซ้าย ทรงประดับเข็มเครื่องหมายมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ทรงผูกเนคไทสีแดงมีลวดลายสีทอง ฉลองพระองค์ชั้นในเป็นเชิ้ตขาว ประทับบนพระเก้าอี้ ทรงฉายกับสุนัขทรงเลี้ยง ด้านขวามีข้อความจากพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ความว่า"ถึงจะมองไม่เห็นฝั่ง เราก็ต้องพยายามว่ายอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร โภคะทั้งหลาย มิได้สำเร็จด้วยเพียงคิดเท่านั้น" ด้านซ้ายมีข้อความว่า "ขอจงมีความสุขความเจริญ ๒๕๕๕" และ "Happy New Year 2012"

    อ้างอิง


    พรปีใหม่ "ในหลวง" ของขวัญล้ำค่า "2555"


    ทุกๆเช้าวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคมในช่วงหลายๆปีที่ผ่านมานี้ ก่อน จะอาบน้ำแต่งตัวออกไปใส่บาตรที่บริเวณสวนสาธารณะใกล้ๆบ้านผม ผมจะรีบไปคว้าหนังสือพิมพ์รายวันฉบับตรงวันที่ที่ผมบอกรับไว้หลายฉบับ มาเปิดอ่านเป็นกิจวัตรแรกในวันแรกของปีใหม่ พ.ศ.ใหม่ เพื่อชมภาพ ส.ค.ส.พระราชทานประจำปีและเพื่ออ่านพระบรมราโชวาท พระราชทานพรปีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะพสกนิกรชาวไทย ผมถือว่าพรพระราชทานเป็นพรสูงสุด และหากพระราชทานข้อคิดอันใดมาด้วย ก็ขอให้เราปฏิบัติตามไปพร้อมๆกัน เราจะประสบความสุขและพบกับสิ่งที่ดีงามไปตลอดทั้งปี

    ในปีใหม่พุทธศักราช 2555 นี้ ทรงขอให้ประชาชนชาวไทยตั้งตนอยู่ในความไม่ ประมาท โดยมี สติ รู้ตัวและ ปัญญา รู้คิด กำกับอยู่ตลอด ผู้ใดมีภาระหน้าที่อันใดก็เร่งกระทำให้สำเร็จลุล่วงไปให้ทันการทันเวลา
    ผลงานทั้งนั้นก็จะส่งเสริมให้แต่ละคนประสบความสุข ความเจริญ และทำให้ชาติบ้านเมืองมั่นคงและก้าวหน้าต่อไปด้วยความผาสุก

    พระองค์ทรงกล่าวถึงความทุกข์ยากจากภาวะน้ำท่วมใหญ่ที่นำความเดือดร้อนและเสียหายร้ายแรงกว่าครั้งใดๆที่ผ่านมา นับเป็นเครื่องเตือนใจให้ตระหนักว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้นจะต้องมีทุกข์ มีภัย มีอุปสรรคผ่านเข้ามาเนืองๆ ไม่มีผู้ใดจะอยู่เป็นปีติสุขอย่างเดียวได้

    ทุกคนจึงต้อง “เตรียมกาย” “เตรียมใจ” และ “เตรียมการ” ไว้ให้พร้อมเสมอ เพื่อเผชิญและป้องกันแก้ไขความไม่ปกติเดือดร้อนต่างๆด้วยความ “ไม่ประมาท” ด้วย “เหตุผล” ด้วย “หลักวิชา” และด้วย “สามัคคีธรรม”

    สำหรับ ส.ค.ส.พระราชทานในปีนี้ นอกเหนือจากคำว่า “สวัสดีปีใหม่” และ “Happy New Year” ยังมีข้อความสำคัญจากบทพระราชนิพนธ์พระมหาชนกพิมพ์ไว้ด้วย

    อันเป็นคำกล่าวที่พระมหาชนกทรงตอบนางมณีเมขลาขณะว่ายน้ำอยู่ในมหาสมุทร ในพระราชนิพนธ์ เรื่อง พระมหาชนก ความว่า

    “ถึงจะมองไม่เห็นฝั่ง เราก็ต้องพยายามว่ายอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร”
    “โภคะทั้งหลายมิได้สำเร็จด้วยเพียงคิดเท่านั้น”


    นับเป็นข้อเตือนใจ เตือนสติ สำหรับพวกเราพสกนิกรอย่างดียิ่ง เพื่อให้ต่อสู้ต่อไป พยายามต่อไป อย่าได้ท้อแท้ แม้จะยังมองไม่เห็นฝั่ง หรือไม่เห็นเป้าหมายผลสำเร็จใดๆรออยู่ข้างหน้าก็ตาม

    รวมทั้งทรงย้ำไว้ด้วยว่า “โภคะ” หรือประโยชน์ทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นได้นั้นย่อมเกิดจากการกระทำ จากความพยายาม มิใช่เกิดจากแค่เพียงคิดขึ้นเท่านั้น

    ผมอ่านพระบรมราโชวาทอย่างละเอียดกลับไปกลับมาอีกหลายครั้ง รวมทั้งพิจารณา ส.ค.ส.พระราชทานอีกหลายครั้ง จากนั้นก็ตัดข่าวและตัดพระบรมราโชวาททั้งหมดใส่แฟ้มไว้ พร้อมกับวางไว้บนหิ้งที่อยู่ใกล้โต๊ะทำงานที่สุด วันใดที่มีปัญหาถาโถมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาส่วนตัว หรือส่วนรวม ทั้งในระดับชุมชนและระดับชาติ ผมจะหยิบแฟ้มนี้มาอ่านทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง

    ส่วนภาพ ส.ค.ส.2555 นั้น ผมได้ตัดและใส่กรอบตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน เพื่อความเป็นสิริมงคลและเพื่อปฏิบัติตามถ้อยคำของพระมหาชนกที่ทรงนิพนธ์ไว้

    กล่าวได้ว่า ทั้ง ส.ค.ส.และพระบรมราโชวาทเนื่องในวโรกาสปีใหม่ปีนี้ เป็น ของขวัญอันทรงคุณค่ายิ่งที่คนไทยทั้งชาติได้รับพระราชทานจากองค์พระประมุข ขอให้เราน้อมนำไว้เหนือเกล้าฯ และปฏิบัติตามแนวทางที่พระราชทานไว้ เราจะไม่มีวันแพ้พ่ายต่อปัญหาและอุปสรรคใดๆเลย

    การเตรียมกาย เตรียมใจ และเตรียมการล่วงหน้าไว้ จะทำให้เราพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคในทุกๆเรื่อง การแก้ไขปัญหาด้วยเหตุผล ด้วยหลักวิชา และด้วยสามัคคีก็จะช่วยให้เราสามารถฝ่าฟันวิกฤติต่างๆได้อย่างดียิ่ง นับเป็นบุญของพวกเราชาวไทยอย่างล้นเหลือที่มีองค์พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นหลักชัย

    กว่า 60 ปี ที่ทรงครองราชย์ เกือบจะไม่มีช่วงเวลาใดเลยที่มิได้ทรงคิดถึงและห่วงใยพสกนิกรของพระองค์ท่าน หาไม่เราก็คงไม่มีโครงการในพระราชดำริ อันมีประโยชน์ยิ่งต่อพสกนิกร มากมายถึงกว่า 3,700 โครงการ ดังที่ทั่วโลกกล่าวสรรเสริญอยู่ในขณะนี้

    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ

    ปวงข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอน้อมนำพรพระราชทานไว้เหนือเกล้าฯ และจะนำไปปฏิบัติตลอดปี 2555 นี้ และจะปฏิบัติตลอดไปเพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศไทย อันเป็นที่รักยิ่งของคนไทยทุกคน.


    อ้างอิง


    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2012
  11. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692


    พรปีใหม่
    ฟังดูแปลก
    ใครยังติดค้างอยากทำอะไรให้ลุล่วง ขอให้รีบทำ
     
  12. รุทรักษะ

    รุทรักษะ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +18
    พระองค์ทรงเมตตาเตือนสติ ประชาชนองท่าน ให้มีสติ เตรียมพร้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ในกาลข้างหน้า เพราะเมื่อถึงเวลา ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้น สิ่งที่จะเกิดมันคือการเปลี่ยนแปลงของโลก มิอาจเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อมีโอกาสได้รับรู้ จึงควรน้อมนำไปปฏิบัติ ตามแนวทางของแต่ละบุคคลที่ได้เลือกแล้ว ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของคนไทยทุกผู้ทุกนาม รักพ่อหลวงเสมอ
     
  13. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    [​IMG]

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน พรแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2555 ทรงขอให้ตั้งตนอยู่ด้วยความไม่ประมาท มีสติ รู้ตัว และปัญญารู้คิด เร่งทำงานให้สำเร็จลุล่วง เพื่อชาติบ้านเมืองมั่นคงและก้าวหน้า
    วันที่ 31 ธันวาคม 2554 เวลา 20.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสพระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2555 ความว่า


    "ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีมาอวยพรแก่ท่านทุก ๆ คน และขอขอบใจท่านเป็นอย่างมากที่ร่วมกันจัดงานฉลองอายุครบ 7 รอบให้อย่างเหมาะสมงดงาม

    ระหว่างปีที่แล้วเหตุการณ์ต่าง ๆ ในบ้านเมืองนับว่าเป็นปรกติดี แต่พอเข้าปลายปี ก็เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ เป็นเหตุให้ประชาชนหลายจังหวัดต้องประสบอันตรายและความเดือดร้อน ลำบาก ความเสียหายครั้งนี้ดูจะร้ายแรงกว่าครั้งไหน ๆ ที่ผ่านมา

    ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าว ไว้หลายครั้งแล้วว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้น จะต้องมีทุกข์ มีภัย มีอุปสรรค ผ่านเข้ามาเนือง ๆ ไม่มีผู้ใดจะอยู่เป็นปรกติสุขอย่างเดียวได้ ทุกคนจึงต้องเตรียมกาย เตรียมใจ และเตรียมการไว้ให้พร้อมเสมอ เพื่อเผชิญและป้องกันแก้ไขความไม่ปรกติเดือดร้อนต่าง ๆ ด้วยความไม่ประมาท ด้วยเหตุผล ด้วยหลักวิชา และด้วยสามัคคีธรรม


    ในปีใหม่นี้จึงขอให้ประชาชนชาวไทยได้ตั้งตนอยู่ด้วยความไม่ ประมาท โดยมีสติ รู้ตัว และปัญญา รู้คิด กำกับอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดที่มีภาระหน้าที่อันใดก็เร่งกระทำให้สำเร็จลุล่วงกันไป ให้ทันการณ์ทันเวลา ผลงานทั้งนั้นจะได้ส่งเสริมให้แต่ละคนประสบแต่ความสุข ความเจริญ และทำให้ชาติบ้านเมืองดำรงมั่นคงและก้าวหน้าต่อไป ด้วยความผาสุกสวัสดี

    ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคนให้มีความสุข ไม่มีทุกข์ ไม่มีภัย ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน"




    http://www.isranews.org/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/item/4810-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3.html




    .
     
  14. ยอด

    ยอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2006
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +367
    หนังสือ ตามรอยพระมหาชนก
    โหลดตาม URL ด้านล่าง

    ตามรอยพระมหาชนก.pdf

    ท่านใดอ่านแล้วมีประโยชน์ ก็สามารถแจกจ่ายได้
     
  15. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    [​IMG]


    เมืองต่างๆในแผนที่...พระมหาชนก


    A. ayodhya อโยธยา อุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย

    B. varanasi พาราณสี อุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย

    C. mithila พิหาร ประเทศอินเดีย

    D. กาลจัมปา เมืองหลวงของแค้วนอังคะ...คือ Bhagalpur, Bihar, India


    [​IMG]


    แคว้นวัชชี ตั้งอยู่ทางเหนือของแคว้นมคธ มีแม่น้ำคงคาเป็นแดนแบ่งเขตแคว้นทั้งสอง เมืองหลวงของแคว้นชื่อ เวสาลี เทียบ กับปัจจุบัน แคว้นวัชชีได้แก่รัฐพิหารตอนเหนือ หรือประมาณคร่าว ๆ ได้แก่เนื้อที่บริเวณจังหวัด มุซัฟฟาร์ปูร์ ดรภังคะ จัมปารัน และไวศาลีรายละเอียดเกี่ยวกับอาณาเขต นอกจากที่บอกว่าทาง ทิศใต้ จดแม่น้ำคงคาดังกล่าวแล้ว ทางทิศอื่นไม่มีหลักฐานบอกให้ทราบแน่ชัด นักประวัติศาสตร์และโบราณคดีลงความเห็นว่า ทางทิศ ตะวันออก เขตของแคว้นวัชชี คงจะจดแม่น้ำโกสี หรือเกาสิกี ในปัจจุบัน ตะวันออกแม่น้ำนี้เป็นเขตที่เรียกในสมัยพุทธกาลว่า อังคุตตราปะ ทางทิศเหนือ จดทิวเขาหิมาลัยซึ่ง เวลานี้อยู่ในเขตประเทศเนปาลและทางตะวันตกจดแม่น้ำคัณฑักใหญ่ อันน่าจะเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างแคว้นวัชชีกับแคว้นมัลละ ในสมัยนั้น แม่น้ำคัณฑักนี้เรียกกันว่า คัณฑกะ หรือคัณฑกีอีกบ้าง ผู้รู้ลงความเห็นว่า ได้แก่แม่น้ำที่ทางอินเดียสมัยโน้นเรียกว่าสทานีรา แต่บางท่านให้ความเห็นว่าได้แก่แม่น้ำมหี ที่ปรากฏชื่อในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาว่า เป็นหนึ่งใน ปัญจมหานที หรือแม่น้ำใหญ่ ๕ สายของอินเดียเหนือในพุทธสมัย

    แคว้นวัชชีในสมัยพุทธกาล เป็นแคว้นที่รุ่งเรืองมากแคว้นหนึ่ง มีการปกครองแบบคณราชย์ หรือสามัคคีธรรม ซึ่งอาจเรียก ได้ว่าเป็นประชาธิปไตยในลักษณะหนึ่ง คือปกครองแบบไม่มี กษัตริย์เป็นประมุขทรงอำนาจสิทธิ์ขาด มีแต่ผู้ได้รับเลือกให้ทำหน้าที่เป็นประมุขแห่งรัฐ แล้วบริหารงานโดยการปรึกษาหารือกับสภาซึ่งประกอบด้วยเจ้าหรือกษัตริย์วงศ์ต่าง ๆ รวมถึง ๘ วงศ์ด้วยกัน และในจำนวนนี้วงศ์สิจฉวีแห่งเวสาลี และวงศ์วิเทหะแห่งมิถิลา เป็นวงศ์ที่มีอิทธิพลมากที่สุด

    เวสาลี ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นวัชชีในสมัยนั้น ปัจจุบันเป็นซากอยู่ที่ตำบลสาร์ท หรือเบสาร์ท แห่งจังหวัดไวศาลี ที่เขตติดต่อของอำเภอ สดาร์ กับ หชิปูร์ซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการจังหวัด ห่างจากหชิปูร์ ๓๕ กิโลเมตร หรือ ๒๒ ไมล์ และห่างจากเมืองมุซัฟฟาร์ปูร์ ๓๗ กิโลเมตร หรือ ๒๓ ไมล์ โดยอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมุซัฟฟาปูร์เดิมเขตของเวสาลีขึ้นกับจังหวัดมุซัฟฟาร์ปูร์ แต่พร้อมกันกับการจัดตั้งจังหวัดนาลันทาและอื่น ๆ ในปี ๒๕๑๕ ดังกล่าวข้างต้น ทางการก็ได้จัดตั้งจังหวัดไวศาลีขึ้นด้วย โดยมีหชิปูร์เป็นที่ตั้งที่ทำการจังหวัด ผลการจัดตั้งจังหวัดขึ้นใหม่ดังกล่าวทำให้เขตที่ตั้งของเวสาลีเดิมมาขึ้นกับจังหวัดใหม่คือไวศาลี

    เวสาลี นครหลวงของวัชชี เป็นจุดศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา ที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งในสมัยของพระพุทธองค์ พระพุทธองค์เสด็จเยี่ยมเวสาลีครั้งแรก ในปีที่๕ แต่ตรัสรู้ ตามการกราบทูลเชิญของคณะผู้ครองแคว้น เมื่อเวสาลีประสพทุพภิกขภัยและฉาตกภัยร้ายแรง ผู้คนล้มตายนับจำนวนไม่ได้ เมื่อพระพุทธองค์เสด็จถึงด้วยอำนาจพุทธานุภาพทำให้ภัยทั้งหลายสงบลง และหมดสิ้นไปในระยะเวลาอันรวดเร็วและที่ป่ามหาวันนี้ พระนางมหาปชาบดีโคตมีกับเหล่านางสากิยานี ๕๐๐ ได้พร้อมกันปลงผมและครองเพศนักบวช เดินทางจากกบิลพัสดุ์มาเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อกราบทูลขอบวชในพระศาสนา อันมีผลทำให้พระพุทธองค์ทรงมีพระพุทธานุญาตให้มีภิกษุสงฆ์ หรือให้สตรีบวชเป็นภิกษุณีในพระศาสนาได้

    พระพุทธองค์ทรงแสดงพระสูตรสำคัญ ๆ หลายสูตรที่เวสาลี อาทิเช่น รตนสูตร มหาลิสูตร มหาสีหนาทสูตร จูลสัจจกะ และมหาสัจจกะสูตร เตวิชชสูตรสุนักขัตตสูตร และสารันททสูตร ซึ่งทรงแสดงอปริหานิยธรรม ๗ ประการ แก่เจ้าลิจฉวีจำนวนมาก ซึ่งได้พากันมาเฝ้าพระพุทธองค์ ณ สารันททเจดีย์ อันเป็นที่ทรงแสดงพระสูตรดังกล่าว

    ในการเสด็จเวสาลีครั้งสุดท้ายก่อนปรินิพพาน พระพุทธองค์ทรงรับสวนมะม่วงของนางอัมพปาลีคณิกา หญิงงามเมืองแห่งเวสาลี ซึ่งนางได้อุทิศถวายให้เป็นสังฆารามในพระศาสนาพระพุทธองค์ทรงจำพรรษาสุดท้ายที่เวฬุวคาม ทรงปลงอายุสังขารที่ปาวาลเจดีย์และเมื่อพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานแล้วได้ ๑๐๐ ปี ได้มีการทำสังคายนา ครั้งที่สอง ณ วาลุการาม ซึ่งสถานที่ทั้งหมดเหล่านี้อยู่ในเวสาลีแห่งแคว้นวัชชี.

    พระโบราณจารย์ทั้งหลาย พรรณนาไว้นับแต่เรื่องกรุงเวสาลีดังได้สดับมา พระอัครมเหสีของพระเจ้ากรุงพาราณสีทรงพระครรภ์. พระนางทรงทราบแล้วก็ได้กราบทูลพระราชาให้ทรงทราบ. พระราชาก็พระราชทานเครื่องบริหารพระครรภ์. พระนางได้รับบริหารพระครรภ์มาเป็นอย่างดี ก็เสด็จเข้าสู่เรือนประสูติ ในเวลาพระครรภ์แก่. เหล่าท่านผู้มีบุญย่อมออกจากครรภ์ในเวลาใกล้รุ่ง. ก็ในบรรดาท่านผู้มีบุญเหล่านั้น พระอัครมเหสีพระองค์นั้น ก็เป็นผู้มีบุญพระองค์หนึ่ง ด้วยเหตุนั้น เวลาใกล้รุ่ง พระนางก็ประสูติชิ้นเนื้อ เสมือนดอกชะบามีพื้นกลีบสีแดงดังครั่ง ต่อจากนั้น พระเทวีพระองค์อื่นๆ ก็ประสูติพระโอรสเสมือนรูปทอง, พระอัครมเหสีประสูติชิ้นเนื้อ

    ดังนั้นพระนางทรงดำริว่า “เสียงติเตียนจะพึงเกิดแก่เรา ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระราชา” เพราะทรงกลัวการติเตียนนั้น จึงทรงสั่งให้ใส่ชิ้นเนื้อนั้นลงในภาชนะใบหนึ่ง เอาภาชนะอีกใบหนึ่งครอบปิดไว้ ประทับตราพระราชลัญจกรแล้ว ให้ลอยไปตามกระแสแม่จ้ำคงคา พอเจ้าหน้าที่ทั้งหลายทิ้งไป เทวดาทั้งหลายก็จัดการอารักขา ทั้งเอายางมหาหิงคุ์จารึกแผ่นทองผูกติดไว้ที่ภาชนะนั้นว่า พระราชโอรสธิดาของพระอัครมเหสีแห่งพระเจ้ากรุงพาราณสี. ต่อนั้นภาชนะนั้น มิได้ถูกภัยคือคลื่นรบกวน ก็ลอยไปตามกระแสแม่น้ำคงคา.

    สมัยนั้น ดาบสรูปหนึ่งอาศัยครอบครัวของคนเลี้ยงโค อยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำคงคา. เช้าตรู่ ดาบสรูปนั้นก็ลงสู่แม่น้ำคงคา แลเห็นภาชนะนั้นลอยมา ก็ถือเอาด้วยบังสุกุลสัญญา ด้วยเข้าในว่าเป้นของที่เขาทิ้งแล้ว. ต่อนั้น ก็แลเห็นแผ่นจารึกอักษรและตราพระราชลัญจกร ก็แก้ออกเห็นชิ้นเนื้อนั้น ครั้นเห็นแล้ว ดาบสรูปนั้นก็คิดว่า เห็นทีจะเป็นสัตว์เกิดในครรภ์ ดังนั้น จึงไม่เน่าเหม็น ก็นำชิ้นเนื้อนั้นไปยังอาศรม ว่าไว้ในที่สะอาด. ล่วงไปครึ่งเดือนชิ้นเนื้อก็แยกเป็น ๒ ชิ้น ดาบสเห็นแล้ว ก็วางไว้อย่างดี. ต่อจากนั้น ล่วงไปอีกครึ่งเดือน ชิ้นเนื้อแต่ละชิ้นก็เกิดปมชิ้นละ ๕ สาขา เพื่อเป็นมือ เท้าและศีรษะ ดาบสก็บรรจงวางไว้เป้นอย่างดีอีก. ต่อนั้น อีกครึ่งเดือน ชิ้นเนื้อ ชิ้นหนึ่งก็เป็นทารก เสมือนรูปทอง อีกชิ้นหนึ่งก็เป็นทาริกา ดาบส เกิดความรักดังบุตรในทารกทั้งสองนั้น. น้ำนมก็บังเกิดจากหัวนิ้ว แม่มือของดาบสนั้นตั้งแต่นั้นมา ดาบสได้น้ำนมและอาหารมา ก็บริโภคอาหาร หยอกน้ำนมในปากของทารกทั้งสอง. สิ่งใดๆ เข้าไปในท้องของทารกนั้น สิ่งนั้นๆทั้งหมดก็จะแลเห็นเหมือนเขาไปในภาชนะทำด้วยแก้วมณี. ทารกทั้งสอง ไม่มีผิวอย่างนี้. แต่อาจารย์พวกอื่นๆกล่าวว่า ผิวของทารกทั้งสองนั้น ใสถึงกันและกันเหมือนถูกร้อยด้ายว่างไว้. ทารกเหล่านั้น จึงปรากฏชื่อว่า ลิจฉวี เพราะไม่มีผิว หรือเพราะมีผิวใส ด้วยประการฉะนี้.

    ดาบสเลี้ยงทารก พอตะวันขึ้นก็เข้าบ้านแสวงหาอาหาร ตอนสายๆก็กลับ. คนเลี้ยงโคทั้งหลาย รู้ถึงการขวนขวายนั้นของดาบสนั้น ก็กล่าวว่าท่านเจ้าข้า การเลี้ยงทารกเป็นกังวลห่วงใยของเหล่านักบวช ขอท่านโปรดให้ทารกแก่พวกเราเถิด พวกเราจะช่วยกันเลี้ยง ขอท่านโปรดทำกิจกรรมของท่านเถิด. ดาบสก็ยอมรับ. วันรุ่งขึ้น พวกคนเลี้ยงโค ก็ช่วยกันทำหนทาง ให้เรียบแล้วโรยทราย ยกธง มีดนตรีบรรเลงพากันมายังอาศรม. ดาบสกล่าวว่าทารกทั้งสองมีบุญมาก พวกท่านจงช่วยกันเลี้ยงให้เจริญวัย ด้วยความไม่ประมาท ครั้นให้เจริญวัยแล้ว จงจัดการอาวาหวิวาหกันและกัน ให้พระราชาทรงยินดีด้วยปัญจโครส จงเลือกหาภูมิประเทศช่วยกันสร้างพระนครขึ้น จงอภิเษกพระกุมารเสีย ณ ที่นั้น แล้วมอบทารกให้. พวกคนเลี้ยงโครับคำแล้วก็นำทารกไปเลี้ยงดู.ทารกทั้งสอง เจริญเติบโตก็เล่นการเล่น ใช้มือบ้าง เท้าบ้าง ทุบถีบพวกเด็กลูกของคนเลี้ยงโคอื่นๆ ในที่ทะเลาะกัน เด็กลูกคนเลี้ยงโคเหล่านั้นก็ร้องไห้ ถูกมารดาบิดาถามว่าร้องไห้ทำไม ก็บอกว่า เจ้าเด็กไม่มีพ่อแม่ที่ดาบสเลี้ยงเหล่านี้ ข่มเหงเรา. แต่นั้น มารดาบิดาของเด็กเหล่านั้นก็กล่าวว่าทารกสองคนนี้ชอบข่มเหงให้เด็กอื่นๆ เดือดร้อน จะไม่สงเคราะห์มัน ละเว้นมันเสีย. เขาว่าตั้งแต่นั้นมา ประเทศที่นั้น จึงถูกเรียกว่า วัชชี ขนาด ๓๐๐โยชน์. ครั้งนั้น พวกคนเลี้ยงโคทำพระราชาให้ยินดีแล้ว เลือกเอาประเทศที่นั้นสร้างพระนครลงในประเทศนั้น แล้วอภิเษกพระกุมาร ซึ่งพระชนม์ได้ ๑๖ พรรษา ตั้งเป็นพระราชา ได้ทำการวิวาหมงคลกับทาริกาของพระองค์ ได้วางกติกากฎเกณฑ์ ไว้ว่า จะไม่นำทาริกามาจากภายนอก และไม่ให้ทาริกาจากที่นี้แก่ใคร ๆ . โดยการอยู่ร่วมกันครั้งแรกของพระกุมารกุมารีนั้น ก็เกิดทารกคู่ หนึ่ง เป็นธิดา ๑ โอรส ๑ โดยอาการอย่างนี้ ก็เกิดเป็นคู่ ๆ ถึง ๑๖ ครั้ง.แต่นั้น เมื่อทารกเหล่านั้นเจริญวัยโดยลำดับ นครนั้นก็ไม่พอที่จะบรรจุอารามอุทยาน สถานที่อยู่ บริวารและสมบัติ จึงล้อมรอบด้วยประการ ๓ ชั้น ระหว่างคาวุต หนึ่ง ๆ เพราะนครนั้นถูกขยายกว้างออกบ่อย ๆ จึงเกิดนามว่าเวสาลีนี้แล. นี้เรื่องกรุงเวสาลี

    แคว้นอังคะ อยู่ตะวันออกสุดในเขตมัชฌิมประเทศ เมืองหลวงชื่อ จัมปาสมัยพุทธกาล แคว้นอังคะตกอยู่ใต้อำนาจของแคว้นมคธ พระเจ้าพิมพิสารแห่งแคว้นมคธ เป็นพระเจ้าแผ่นดินของอังคะด้วยเขตของแคว้นอังคะ เทียบกับปัจจุบันได้แก่รัฐพิหาร ตอนตะวันออกคือบริเวณจังหวัด ภาคัลปูร์, มงฆีร,์ และสันถาลปารคณะ

    พรมแดนของแคว้นอังคะ มีกล่าวไว้ว่า ทิศตะวันตก ติดกับแคว้นมคธ โดยมีแม่น้ำจัมปา ซึ่งปัจจุบันเรียกว่าจานดัน หรือจันทนา เป็นแดนแบ่งเขตแคว้นทั้งสอง ทางทิศเหนือ ฝ่ายโบราณคดีสันนิษฐานว่า น่าจะจดเส้นแบ่งเขตธรรมชาติคือแม่น้ำคงคาสำหรับทางทิศใต้และทิศตะวันออก ไม่พบหลักฐานว่ามีขอบเขตไปถึงไหน
    จัมปา เมืองหลวงของแคว้นอังคะ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำจัมปา ปัจจุบันลงความเห็นกันได้แก่หมู่บ้าน จัมปานคร และ จัมปาบุรี ในเขตจังหวัดภาคัลปูร์ ห่างจากตัวเมืองภาคัลปูร์ไปทางตะวันตก ประมาณ ๔ ไมล์ (๖ กิโลเมตรเศษ) ในสมัยพุทธกาล จัมปาเป็นนครใหญ่และรุ่งเรือง เป็นหนึ่งในจำนวนนครใหญ่๖ นครที่พระอานนท์กราบทูลพระพุทธองค์ว่า ควรจะเลือกเป็นที่เสด็จปรินิพพานแทนกุสินารา นครใหญ่ที่พระอานนท์ระบุถึง คือ จัมปา, ราชคฤห์, สาวัตถี, สาเกต,โกสัมพี, และพาราณสี นอกจากจัมปาแล้ว เมืองสำคัญอื่น ๆ ในแคว้นอังคะ ซึ่งปรากฏชื่อบ่อย ๆ ในพระคัมภีร์ ทางพระพุทธศาสนาก็มีอีกหลายเมือง เช่น เมืองภัททิยะ เมืองอัสสปุระและเมืองอาปาณะ ในเขตซึ่งเรียกว่า อังคุตตราปะ เป็นต้น

    ที่นครจัมปา มีสระใหญ่อยู่สระหนึ่งชื่อ คัคคราโบกขรณี ได้นามตามพระนางคัคคราแห่งจัมปา ผู้ทรงมีรับสั่งให้ขุดสร้างขึ้น ปรากฏตามพระคัมภีร์ว่า พระพุทธองค์เคยได้เสด็จประทับ ณ ป่าไม้จัมปกะ หรือจัมปาที่ริมสระนี้รวมหลายโอกาส และได้ทรงแสดงพระธรรมเทศนา ดังมีปรากฏในพระสูตรหลาย สูตร เช่น โสณทัณฑสูตร ทสุตตรสูตร กันทรกสูตร และการัณฑวสูตร เป็นต้น

    ภัททิยนคร เป็นเมืองที่อยู่ของเมณฑกะเศรษฐี และธนัญชยะเศรษฐี ผู้เป็นปู่และพ่อของนางวิสาขามหาอุบาสิกา นางวิสาขาเองก็เกิดที่ภัททิยนครนี้ เมื่อมีอายุได้ ๗ ปี ได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ซึ่งเสด็จเยี่ยมภัททิยนคร ได้สดับพระธรรมเทศนาแล้วได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน ต่อมาจึงได้อพยพติดตามบิดามารดาไปอยู่ ณ เมืองสาเกตในแคว้นโกศล และเมื่อได้แต่งงานกับปุณณวัฒนกุมาร ผู้เป็นบุตรของมิคาระเศรษฐีแห่งสาวัตถีแล้ว จึงได้ไปอยู่กับตระกูลสามี ณ กรุงสาวัตถีที่อัสสปุระ พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงมหาอัสสปุรสูตร และจูลอัสสปุรสูตรว่าด้วยการประพฤติสำรวมด้วยกายวาจาใจ และการปฏิบัติตนให้สมกับสมณภาวะของพระภิกษุที่อาปณะ ซึ่งอยู่ในอาณาบริเวณที่เรียกว่าอังคุตตราปะ พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงพระสูตรหลายพระสูตร อาทิ เช่นโปฏลิยสูตร ลฏุกิโกปมสูตร สัทธาสูตรและเสลสูตร โดยเฉพาะเสลสูตร ซึ่งทรงแสดงแก่เสลพราหมณ์ กับบริวารอีก๓๐๐ คน มีผลให้คนทั้งหมดเลื่อมใส ปฏิญาณตนถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ และได้รับอุปสมบทเป็นพระภิกษุจากพระพุทธองค์ พระโสณะโกฬิวิสะ ผู้เป็นเอตทัคคะ หรือยอดแห่งภิกษุผู้มีความเพียรในพระศาสนาและเป็นรูปหนึ่ง ในจำนวนพระสาวกผู้ใหญ่ ๘๐ รูป เป็นบุตรเศรษฐีแห่งนครจัมปาของแคว้นอังคะนี้

    ทางตะวันออกของแคว้นอังคะ มีนิคมอยู่แห่งหนึ่งชื่อ กชังคละ เป็นที่สุดเขตมัชฌิม ประเทศทางทิศตะวันออก ซึ่งเลยจากนั้นไปเป็นหมู่บ้านชื่อมหาสาละ ในคัมภีร์มิบินทปัญหากล่าวว่า กชังคละเป็นหมู่บ้านพราหมณ์ และว่าเป็นที่เกิดของพระนาคเสน แต่ยังไม่มีหลักฐานสอบให้แน่ชัดว่า กชังคละอยู่ในเขตอังคะ หรืออยู่นอกออกไป

    http://www.vichadham.com/buddha/city16.html



    แผนที่ปัจจุบัน


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • MAP01.jpg
      MAP01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      262.3 KB
      เปิดดู:
      1,590
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2012
  16. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    พระเทวีออกเดินทางจากเมืองมิถิลา...ไปยังเมืองกาลจัมปา...ในแผนที่พระมหาชนก...เกวียนของพระอินทร์มุ่งหน้าจาก...ทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก (ตรงตามแผนที่ปัจจุบัน และแผนที่ในเรื่อง)

    แต่บทพระราชนิพนธ์...
    [COLOR=#00000]เมืองกาลจัมปาอยู่ทางทิศเหนือกับมิถิลา [/COLOR](อันนี้ไม่ทราบว่า...มีนัยะ...อย่างไร)


    <table border="1" width="850"> <tbody> <tr> <td> [COLOR=#00000]
    พระเทวีได้ทราบข่าวว่าพระสวามีสิ้นพระชนม์ และประชาชนพลเมืองแตกตื่นอุ้มลูกจูงหลานหนีข้าศึก พระนางก็เก็บของมีค่าใส่ลงใน กระเช้า เอาผ้าเก่า ๆ ปิดแล้วแอาข้าวสารใส่ข้างบน แล้วแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่า ๆ ร้องไห้ฟูมฟายหลบหนีปะปนไปกับประชาชนพลเมือง โดยไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
    “จะหนีไปทางใดจึงจะรอดพ้นจากข้าศึก” พระนางคิดอยู่แต่ในใจ แล้วระลึกขึ้นได้ว่า
    เมืองกาลจัมปาอยู่ทางทิศเหนือกับมิถิลา ถ้าหากหลบหนีไปเมืองนี้ได้ก็ปลอดภัย” จึงพยายามดั้นด้นไปจนออกประตูด้านเหนือของเมืองได้ [/COLOR]
    </td></tr></tbody></table>



    <table border="1" width="850"> <tbody> <tr> <td> [​IMG] [COLOR=#00000]
    “ตาจ๋า หลานอยากจะรู้ว่าเมืองกาลจัมปาอยู่ทางไหน”
    “แม่หนูจะไปไหนล่ะ”
    “ฉันจะไปเมืองกาลจัมปา”
    “ญาติฉันมีอยู่ทางเมืองนั้น สามีออกไปรบข้าศึกก็ตายเสีย ฉันก็เลยจะพึ่งพาอาศัยญาติอยู่”
    “ถ้าอย่างนั้นดีทีเดียว ตาก็จะไปเมืองกาลจัมปาเหมือนกันแม่หนูมาขึ้นเกวียนเถิด” เหมือนเทวดามาโปรด และแท้ที่จริงก็เทวดามาโปรดจริง ๆ [/COLOR]
    </td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2012
  17. GreenTea32

    GreenTea32 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +12
    หนังสือพระมหาชนกฉบับพิมพ์ปกอ่อน
    มีเหลืออยู่ 4 เล่ม ที่ร้านนายอินทร์
    ชั้นใต้ดิน ฟิวเจอร์พาร์ครังสิตครับ
    ราคา 300 บาท ตามราคาปก
     
  18. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [​IMG]

    อยากให้เอาหน้านี้มาวิเคราะห์กันแบบละเอียดจัง

    เท่าที่พอแปลได้คือ

    9 May วันอุโบสถ = 9 พฤษภาคม ปี 2013 (2556) ปีนี้ 9 พฤษภาก็ตรงกับวันพระ และก็ตรงกับ solar maximum ที่ทางนาซ่าคำนวนไว้ ในรูปเกิดพายุหนัก พระมหาชนกว่ายกลางมหาสมุทร อย่างที่ส.ค.ส.ปี 2555 ที่ว่า

    "ถึงจะมองไม่เห็นฝั่ง เราก็จะพยายามว่าย อยู่ท่ามกลางมหาสมุทร"

    "โภคะทั้งหลาย มิได้สำเร็จได้ด้วยความคิดเท่านั้น"
    [​IMG]

    ในรูปจะเห็นพระมหาชนกว่ายไปทางเกาะลังกา?
    พึ่งสังเกตเห็นว่า ลังกา กับ ภูเก็ต อยู่ในเส้นแลตติจูดเดียวกัน
    ข้างใต้พระมหาชนกมีปูตัวใหญ่ยืนอยู่ (กับปูตัวเล็กๆ)
    และมีลมพายุหลายๆ ลูก และมีตรงอ่าวไทยด้วย (ตรงอ่าวไทยเหมือนปลายลม ลูกศรชี้ออก ปลายหัวลูกศร) --->
    ส่วนตรงพม่า มีกลุ่มลมหัวลูกศร >---
    (และกลางลมมีคำว่า A อยู่)

    ถ้าให้ทายเหมือนลมก่อมาจากทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย พัดมาทางอ่าวไทย และทางเหนือของพม่าก็มีพายุอีกลูกก่อตัวมา

    เลขสำคัญในแผนที่นี้คือ 100 (เส้นลองติจูดที่ 100 ตะวันออก)

    จบแระ
     
  19. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    สงสัยต้องมาศึกษาไอ้แผนที่แบบนี้
    [​IMG]
     
  20. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    New Solar Cycle Prediction

    May 29, 2009: An international panel of experts led by NOAA and sponsored by NASA has released a new prediction for the next solar cycle. Solar Cycle 24 will peak, they say, in May 2013 with a below-average number of sunspots.
    [​IMG]"If our prediction is correct, Solar Cycle 24 will have a peak sunspot number of 90, the lowest of any cycle since 1928 when Solar Cycle 16 peaked at 78," says panel chairman Doug Biesecker of the NOAA Space Weather Prediction Center.
    Right: A solar flare observed in Dec. 2006 by NOAA's GOES-13 satellite.
    It is tempting to describe such a cycle as "weak" or "mild," but that could give the wrong impression.
    "Even a below-average cycle is capable of producing severe space weather," points out Biesecker. "The great geomagnetic storm of 1859, for instance, occurred during a solar cycle of about the same size we’re predicting for 2013."
    The 1859 storm--known as the "Carrington Event" after astronomer Richard Carrington who witnessed the instigating solar flare--electrified transmission cables, set fires in telegraph offices, and produced Northern Lights so bright that people could read newspapers by their red and green glow. A recent report by the National Academy of Sciences found that if a similar storm occurred today, it could cause $1 to 2 trillion in damages to society's high-tech infrastructure and require four to ten years for complete recovery. For comparison, Hurricane Katrina caused "only" $80 to 125 billion in damage.
    [​IMG]
    Above: This plot of sunspot numbers shows the measured peak of the last solar cycle in blue and the predicted peak of the next solar cycle in red. Credit: NOAA/Space Weather Prediction Center. [more]
    The latest forecast revises an earlier prediction issued in 2007. At that time, a sharply divided panel believed solar minimum would come in March 2008 followed by either a strong solar maximum in 2011 or a weak solar maximum in 2012. Competing models gave different answers, and researchers were eager for the sun to reveal which was correct.
    "It turns out that none of our models were totally correct," says Dean Pesnell of the Goddard Space Flight Center, NASA's lead representative on the panel. "The sun is behaving in an unexpected and very interesting way."​
    Researchers have known about the solar cycle since the mid-1800s. Graphs of sunspot numbers resemble a roller coaster, going up and down with an approximately 11-year period. At first glance, it looks like a regular pattern, but predicting the peaks and valleys has proven troublesome. Cycles vary in length from about 9 to 14 years. Some peaks are high, others low. The valleys are usually brief, lasting only a couple of years, but sometimes they stretch out much longer. In the 17th century the sun plunged into a 70-year period of spotlessness known as the Maunder Minimum that still baffles scientists.
    [​IMG]
    Above: Yearly-averaged sunspot numbers from 1610 to 2008. Researchers believe upcoming Solar Cycle 24 will be similar to the cycle that peaked in 1928, marked by a red arrow. Credit: NASA/MSFC
    Right now, the solar cycle is in a valley--the deepest of the past century. In 2008 and 2009, the sun set Space Age records for low sunspot counts, weak solar wind, and low solar irradiance. The sun has gone more than two years without a significant solar flare.
    "In our professional careers, we've never seen anything quite like it," says Pesnell. "Solar minimum has lasted far beyond the date we predicted in 2007."​
    In recent months, however, the sun has begun to show timorous signs of life. Small sunspots and "proto-sunspots" are popping up with increasing frequency. Enormous currents of plasma on the sun’s surface ("zonal flows") are gaining strength and slowly drifting toward the sun’s equator. Radio astronomers have detected a tiny but significant uptick in solar radio emissions. All these things are precursors of an awakening Solar Cycle 24 and form the basis for the panel's new, almost unanimous forecast.
    <table style="vertical-align: baseline; font-weight: inherit; font-style: inherit; font-size: 13px; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; border-image: initial; " border="0" cellpadding="3" cellspacing="0" width="130" align="right"><tbody style="vertical-align: baseline; font-weight: inherit; font-style: inherit; font-size: 13px; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; border-image: initial; "><tr style="vertical-align: baseline; font-weight: inherit; font-style: inherit; font-size: 13px; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; border-image: initial; "><td style="vertical-align: top; font-weight: inherit; font-style: inherit; font-size: 13px; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; padding-top: 5px; padding-right: 5px; padding-bottom: 5px; padding-left: 5px; margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; border-image: initial; text-align: left; " width="100%"><table style="vertical-align: baseline; font-weight: inherit; font-style: inherit; font-size: 13px; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; border-image: initial; " border="1" cellpadding="5" cellspacing="0" width="115" align="center"><tbody style="vertical-align: baseline; font-weight: inherit; font-style: inherit; font-size: 13px; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; border-image: initial; "><tr style="vertical-align: baseline; font-weight: inherit; font-style: inherit; font-size: 13px; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; padding-top: 0px; padding-right: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; border-image: initial; "><td style="vertical-align: top; font-weight: inherit; font-style: inherit; font-size: 13px; outline-width: 0px; outline-style: initial; outline-color: initial; padding-top: 5px; padding-right: 5px; padding-bottom: 5px; padding-left: 5px; margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px; margin-left: 0px; border-top-width: 0px; border-right-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-style: initial; border-color: initial; border-image: initial; text-align: left; "></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>According to the forecast, the sun should remain generally calm for at least another year. From a research point of view, that's good news because solar minimum has proven to be more interesting than anyone imagined. Low solar activity has a profound effect on Earth’s atmosphere, allowing it to cool and contract. Space junk accumulates in Earth orbit because there is less aerodynamic drag. The becalmed solar wind whips up fewer magnetic storms around Earth's poles. Cosmic rays that are normally pushed back by solar wind instead intrude on the near-Earth environment. There are other side-effects, too, that can be studied only so long as the sun remains quiet.
    Meanwhile, the sun pays little heed to human committees. There could be more surprises, panelists acknowledge, and more revisions to the forecast.
    "Go ahead and mark your calendar for May 2013," says Pesnell. "But use a pencil."​
    Author: Dr. Tony Phillips | Credit: Science@NASA

     

แชร์หน้านี้

Loading...