มีข้อสงสัย อยากทราบว่าความคิด ผิดศีล หรือยัง?

เคยถามหมวดธรรมะแล้ว ไม่รู้เรื่อง ถามหมวดนี้อีกทีครับ

จู่ๆก็สงสัย ว่าความคิดคนเราผิดศีลหรือยัง? เอาแค่ศีล5นี่แหละครับ..

เช่น
อยากฆ่าสัตว์ แต่ไม่ได้ทำ
อยากดื่มเหล้า แต่ไม่ดื่ม
แอบมอง ญ/ช อื่น คิดโน่นนี่นั่น...แต่ไม่ประพฤติผิด (มีคู่แล้ว)
อยากได้ของคนอื่นมาาาก แต่ก็ไม่เอาไม่ขโมย
อยากหลอกให้มันหัวปั่น ให้มันร้อนใจ แต่ก็ไม่ทำ ไม่แกล้ง

ผิดศีล หรือยัง? ถ้าผิด ผิดได้อย่างไร? ถ้าว่าไม่ผิดนั้น จริงหรือ?

 

ไม่ผิดศีลครับ เพราะทุกข้อเป็นแค่ความคิด แต่เป็นเหตุปัจจัยให้ผิดศีลได้ครับ ถ้าคิดบ่อยๆ เพราะถ้าคิดบ่อยๆ จิตมันจะจำแล้วสุดท้ายจะเชื่อและทำตามนั้น เหมือนกับเราซ้อมผิดศีลบ่อยๆ ถึงเวลาโอกาสเหมาะเราก็จะเผลอสติทำผิดโดยที่ไม่ทันได้รู้ตัวหรอกครับ ถึงตอนนั้นแหละผิดศีลจริงๆ แน่นอน ในที่นี้หมายถึงศีลห้าอย่างเดียวนะครับ ถ้ากรรมบถ 10 จะเป็นเรื่องของความคิดด้วยซึ่งผิดแน่ๆ

 

เรียก ศีลด่างศีลพร้อย เหมือนผ้าที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ
แต่เปรอะเปื้อนสกปรก ไม่สะอาด ...

 

ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จด้วยใจ

ศีลถือที่ใจ ไม่ได้ถือที่ปากอย่างเดียวนะครับ

ในกรณีของคุณนั้นถ้าคนเคยแต่งงานแล้วหรือเคยมีอะไรกับคนอื่นมาแล้วไม่ว่าหญิงหรือชาย ถ้าเขาได้บวชเพื่อหวังนิพพาน ท่านผู้นั้นไปนิพพานไม่ได้เพราะไม่บริสุทธิ์แล้วนี่ พูดถึงกรณีของคุณนะครับ
​

 

ผิดจ้า

 

เรียก ศีลด่างศีลพร้อย เหมือนผ้าที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ แต่เปรอะเปื้อนสกปรก ไม่สะอาด ...

ผมเห็นตรงตามคุณ นิดหนึ่ง ครับ แต่ถ้าเป็น อ.สนอง วรอุไร คนที่สามารถจะบรรลุธรรมได้นั้นต้องมีศีลเช่นนี้ คือ
ศีลที่พระอริยเจ้าพอใจ
เป็นจังใด๋หน้อ อิอิ ท่านน่าจะรวมถึงกรรมบท 10 ด้วยครับ

 

ผิดครับ การกระทำคือเจตนา เจตนามีสามทาง ทางกาย ทางวาจา ทางใจ การที่มีความคิดที่จะกระทำแต่ไม่ทำ ก็คือเจตนาทางใจครับ

 

อืม งั้นแสดงว่าถ้าจะถือศีลบริสุทธิ์นี่แม้แต่ความคิดแว๊ปเดียวในความชั่วก็ไม่ปรากฎใช่หรือไม่ครับ งั้นแสดงว่าจิตคงจะบริสุทธิ์สุดๆ เลยจริงไหมครับถ้าเป็นแบบนั้น ศีลในที่นี้ไม่ใช่ศีลของพระอริยะเจ้านะครับ กำลังพูดถึงศีลของปุถุชนคนธรรมดาที่ครองเรือน ถ้าระดับพระอริยะเจ้าก็จะแยกเป็น มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม ซึ่งถึงจะแค่คิดมันก็ต้องผิดแน่นอน หรือว่าคุณไม่เคยคิดไม่ดีแล้วก็รู้สึกตัวว่าสิ่งที่เราคิดมันไม่ดี แต่ก็ไม่ได้กระทำสิ่งที่คิดไม่ดีนั้นออกไป ก็เป็นกันตลอดไม่ใช่เหรอครับ ศีลคือปกติของมนุษย์ที่ประเสริฐ คือรู้แยกแยะผิดชอบชั่วดี อะไรควรไม่ควร แต่ถ้าไม่เคยคิดไม่ดีแล้วจะรู้หรือครับว่ามันไม่ดียังไง ผมถือศีลจริงจังปีกว่าแล้วนะครับ ถึงได้รู้ความจริง ไม่ใช่จะตั้งหน้าตั้งตาจะจับผิดใจตัวเองอย่างเดียว ห้ามๆ แม้แต่คิดสิ่งที่ไม่ดี มันทำไม่ได้หรอกครับ ใครมันจะไปทำได้ถ้าไม่ได้ทรงสมาธิเป็นฌานปกติ จนนิวรณ์ไม่เข้ามากวนใจ ไหนจะยังต้องถูกกระทบใจกับสิ่งต่างๆ ก็พิจารณาตามความเหมาะสมแล้วกันนะครับว่าจริงเท็จประการใด

ส่วนที่ว่าใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน อันนั้นก็จริงครับ แต่อย่าลืมว่าจิตใจคนเรานั้นไม่ได้สรุปตกลงใจในทุกความคิด กล่าวคือในขณะที่เราคิดนั้น เราสามารถจะคิดได้ในหลายๆ รูปแบบเท่าที่เราจะหาเหตุผลต่างๆ มาสนับสนุนในความคิดเหล่านั้น จนเมื่อถึงจุดนึงที่เหตุผลต่างๆ ในความคิดเห็นของเราสรุปรวมตัวแล้ว เจตนาที่จิตที่ใจเราเชื่อมั่นและปักใจลงไปว่าจะต้องทำ สิ่งนี้ต่างหากครับที่เรียกว่าเจตนาที่พระพุทธเจ้าหมายถึง ไม่อย่างนั้นเราหรือใครๆ คงจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์จริงๆ ไม่ได้หรอกครับถ้าจะเอาตามเกณฑ์นั้นจริงๆ สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไม่ใช่สิ่งที่ฝืนความจริงนะครับ ถ้าหากว่าผมเข้าใจผิดก็ขอน้อมรับไว้แต่ผู้เดียว แต่ถ้าสิ่งที่ผมกล่าวไว้ถูกต้องก็ขอให้ความเจริญสวัสดิ์กับท่านด้วยก็แล้วกันครับ

 

มนุษย์เรามันก็รู้ดีรู้ชั่วหมดแหละครับ ให้เด็กท่องมันยังได้เลย
สิ่งที่สำคัญคือการกระทำมากกว่า แค่ศีล 5 ข้อ ให้มันได้ก่อนแหอะ

ฆ่าสัตว์ ฆ่าไก่ ฆ่าหมู ขายแล้วรวยมีถมเถไป กินไก่กินหมูเหมือนกับสงเสริมฆ่าทางอ้อมนั้นแหละ

ขายเหล้าแล้วรวยก็ยังมี
ที่สำคัญ คุณโกหก วันละกี่ครั้งกัน? ทุกวันโกหกเป็นว่าเล่น

 

กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม

 

ไม่ผิดศีล แต่เกิดมโนกรรม ซึ่งต้องส่งผลและได้รับผลกรรมนั้นแน่นอน
ทุกชีวิต มีกรรมเป็นพันธุ มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นทายาท หากกระทำกรรมใดไว้ย่อมต้องได้รับผลกรรมนั้น

ศีลคือข้อกำหนด หรือกรอบหรือระเบียบ ที่จะหล่อหลอมให้ ผู้ที่ถือข้อกำหนดนั้น หรือถือศีลนั้นให้มุ่งสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างเรียบง่ายและสมบูรณ์ ไม่สะเปะสะปะ

เช่น ถ้าไม่อยากอายุสั้น ไม่อยากถูกผู้อื่นฆ่า ก็ไต้องไม่ก่อร่างสร้างกรรมในการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ถ้าจำไม่ได้ว่าในกาลก่อนในชาติก่อนๆ ทำไว้มากน้อยเพียงไร ก็ให้เริ่มตัดกรรมจากการฆ่า การเบียดเบียนชีวิตผู้อื่นได้แล้วตั้งแต่บัดนี้เดี๋ยวนี้

ถ้าตั้งเป้าหมายอยากได้เกิดเป็นคนอีก ท่านกล่าวไว้ให้ยึดถือเอาศีล 5ในศาสนาพุทธ เป็นแนวทางในการใช้ชีวิต
ถ้าอยากสำเร็จอริยะ ก็ต้องขอข้อกำหนดเส้นทางเดินเบื้องต้น 8 ข้อ

ศาสนาอื่นเขาก็มีข้อกำหนด หรือศีลนี้ เพื่อช่วยเป็นแนวทางและประคับประคองให้ผู้ที่ไม่รู้และสนใจ ในศาสนานั้นๆเดินสู่แก่นแท้ของศาสนาได้โดยสะดวกและง่ายที่สุด ไม่ต้องวกไปวนมา

พระศาสดาเป็นผู้เฉลยหรือบอกแทวทางที่ลัดสั้นให้กับพวกเราแล้ว ก็คงอยู่ที่ตัวเราท่านแล้ว ว่าจะนำมายึดเป็นหลักประจำตัวประจำใจ กี่ข้อ 1 หรือ2 หรือ 3 ....ซึ่งก็ต้องแล้วแต่ท่านว่า จุดหมายปลายทางของท่าน อยากไป ณ แห่งหนใด หรือ คือสิ่งใด

เพราะฉะนั้นศีลจึงเป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับการกระทำพฤติกรรมและการกล่าวคำพูด อันเป็นที่มาของกายกรรม และวจีกรรม ซึ่งก็ไม่หายไปไหนหรอกท่าน มั่นคงแข็งแรงกว่าถาวรวัตถุใดๆในโลกนี้ซะอีกนะ หึหึ... ข้ามภพข้ามชาติ ข้ามกัปข้ามกัลป์เลยทีเดียว

ส่วนความคิดนั้น ทั้งส่วนที่เป็น positive(กุศล) และ negative (อกุศล) ก็เป็นมโนกรรม ก็จะอยู่คู่กับท่านติดแน่นทนนาน ยิ่งกว่าเครื่องสำอางชนิดใดในโลกนี้ที่มีมาซะอีก

ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ระวังนะฝึกคิดอย่างไรบ่อยๆ มันจะก่อเป็นนิสัย และเป็นสันดาน นานเข้ามันจะฝังเข้าไปในทุกส่วนของอณูธาตุของท่าน ซึ่งมันก็จะไปก่อสร้างร่างใหม่ ในสถานที่ที่เหมาะกับธาตุของมันนั่นแหละ

หลายๆครั้งเราพบว่า คำตอบ มันก็อยู่ที่คำถามนั่นแหละ และคนถามก็คือผู้ที่จะต้องตอบเอง นั่นแหละ

ด้วยความปราถนาดี
โชคดีนะคะ

 

เราผู้ตั้งใจถือศีล 5 ข้อ ซึ่งยังด่างพร้อยอยู่ ยังไม่สมบูรณ์ ขอแสดงความนับถือต่อผู้ที่ศีล 5 สมบูรณ์ ผู้ที่ทำได้ก็ต้องย่อมมีระดับสติปัญญาที่สูงกว่าที่จะสามารถรักษาศีลให้สมบูรณ์ และระดับของสติและความตั้งมั่นรวมถึงพลังจิตพลังใจที่เข้มแข้งกว่าด้วย


ดังนี้แหละ ระดับของศีล การจำแนกระดับของบุคคลตามระดับของศีล จึงมิใช่เรื่องของการ แบ่งชนชั้นตามวรรณะสีผิว หรือฐานะฐานันดร

บางท่านแม่เพียงกล่าวปวารณารับศีลมาถือมาปฏิบัติ 10 ข้อ 200..ข้อ 300.. ข้อ ก็ควรที่เราผู้ศีล..0...1..2..3...(แล้วยังด่างพร้อยอีก) จะเคารพนับถือและกราบไหว้อยู่
ใช่ไหมล่ะ

 

อนุโมทนา สาธุ กับกระทู้คำถามและทุกคำตอบ ครับ(smile)

 

ฝึกจิต

ปรับความคิด

อย่ายึดติด(ยอมรับความจริง)

โมทนา กับทุกๆท่านครับ.

 

ขอบคุณกับทุกคำตอบครับ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนนัก

หากท่านใดมีโอกาสพบหรือได้ฟังธรรมกับพระสงฆ์ผู้น่าเลื่อมใส
ฝากถามท่านด้วย แล้วไว้มาเล่าสู่กันฟังบ้าง จักขอบพระคุณยิ่งครับ

 

ขอตอบอีกรอบไปเจอมา

ศีลข้อที่ ๑ เว้นจากการฆ่าสัตว์ มีประกอบด้วยองค์ ๕ คือ
๑. สัตว์นั้นมีชีวิต
๒. รู้อยู่ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต
๓. มีจิตคิดจะฆ่าสัตว์นั้น
๔. มีความพยายามฆ่าสัตว์นั้น
๕. สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น

ศีลข้อที่ ๒ เว้นจากการลักทรัพย์ ต้องประกอบด้วยองค์ ๕ คือ

๑. ทรัพย์หรือสิ่งของนั้นมีเจ้าของหวงแหน
๒. รู้อยู่ว่าทรัพย์นั้นมีเจ้าของหวงแหน
๓. มีจิตคิดจะลักทรัพย์นั้น
๔. มีความพยายามลักทรัพย์นั้น
๕. ลักทรัพย์ได้ด้วยความพยายามนั้น

ศีลข้อที่ ๓ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ต้องประกอบด้วยองค์ ๔ ดังนี้ คือ

๑. หญิงหรือชายที่ไม่ควรละเมิด คือ หญิงที่ไม่ใช่ภรรยา หรือชายที่ไม่ใช่สามีของตน หญิงหรือชายที่อยู่ปกครองของบิดา มารดา หรือกรณีที่บุพพการี เสียชีวิต แต่มีผู้ปกครองอื่นดูแลอยู่ เช่น ลุง ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นต้น
๒. มีจิตคิดจะเสพเมถุน
๓. ประกอบกิจในการเสพเมถุน
๔. ยังอวัยวะเพศให้ถึงกัน

ศีลข้อที่ ๔ เว้นจากการพูดเท็จ ต้องประกอบด้วยองค์ ๔ คือ

๑. เรื่องนั้นไม่จริง
๒. มีจิตคิดจะพูดให้ผิดไปจากความจริง
๓. พยายามที่จะพูดให้ผิดไปจากความจริง
๔. คนฟังเข้าใจความหมายตามที่พูดนั้น

ศีลข้อที่ ๕ เว้นจากการดื่มน้ำเมา ต้องประกอบด้วยองค์ ๔ คือ

๑. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเมา
๒. มีจิตคิดจะดื่ม
๓. พยายามดื่ม
๔. น้ำเมานั้นล่วงพ้นลำคอลงไป

ถ้าขาดอย่างใดอย่างนึง ยังไม่ถือว่าศีลขาดครับ

 

ไม่ผิดนะคะคุณ
"ศีลชำระกาย วาจา
ปัญญาชำระจิตใจ"
มีศีลข้อไหนบอกว่าห้ามคิด

ใครบอกว่าผิดถือว่าไม่เข้าใจเรื่องศีลเลย

คนไม่คิดเลยนั่นคนตายแล้วมั้ง
คนตายมันนอนเฉยๆ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดในกาม ไม่พูดปด ไม่ดื่มเหล้า ไม่คิดอะไรเลย นี่มันถือว่ามีศีลมั้ย โหศีลบริสุทธิ์เลยสินะ งั้นวัวควายมันก็มีศีลบริสุทธิ์กันหมดสิ คนนอนโคม่าก็เท่ากับผู้ทรงศีล งั้นสิ บ้าแล้ว

คิดแล้วไม่ทำ ชนะใจตัวเอง แค่นี้ดีแล้ว
อนุโมทนา คุณ จขกท ค่ะ

 

อดคิดไม่ได้ ว่าทำไมสิ่งที่เรารู้มา ไม่ตรงกัน

กรณีเดียวกัน มีทัี้้งผิดและไม่ผิด

เป็นเพราะแค่ความคิดที่ไม่ตรงกัน
หรือเพราะเรายังไม่รู้ ว่าอย่างไหนถูกต้อง

 

โหพี่สุดยอดเลยครับ..อ่านมาเหตุผลพี่ดีสุดๆๆอ่ะ

 

คิดอาฆาตพยาบาท คิดเบียดเบียน คิดจะขโมย เอาเปรียบ
เข้าข่ายศีลด่างข้อ 1 ข้อ 2 ครับ (อาจไม่ผิด แต่ศีลด่าง) พระพุทธศาสนาม.ต้น-ปลายบอกไว้
..ดังนั้นเราต้องรู้จักระงับอารมณ์