ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 8 พฤษภาคม 2010.

  1. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    .........เอ้าตอบ..รวมเลย...............................................
    ................น้องพล.............
    .............................ขอบคุณครับ..ที่เป็นห่วง..ระวังสุขภาพ..ด้วยเช่นกัน.........
    ........ผมนะ..แข็งแรงเหมือนควาย..(น้ำหนักและหุ่น..ก็..น้องๆควาย..๙๕ กิโล..)......
    ...
    ................น้อง Santa.................
    ..........คุณ..รู้มั้ยว่า...พวกที่ไปเสาะหา..เช่า..ตะกรุดดังๆ..รุ่นเก่าๆ..........ได้มาแล้ว..
    ภูมิใจมาก..เอามาห้อยอย่างดี(ไม่นับ..พวกเอามา..ปล่อยต่อนะ...)...โอกาศได้..ตะกรุดเสื่อม
    ..คือ..ไม่มีพลังแล้ว..หรือ..เหลืออยู่บ้าง..โดยเฉพาะ..ตะกรุดโทน..ตะกรุดมหารูด..ตะกรุดชุด...เยอะมาก...
    ยิ่่งสภาพใช้มา..โชกโชน....ละก็......................................
    ...
    ...................น้องธงชัย.........................
    ...ขอบคุณครับ..ที่ยังติดตามอยู่..................
    .........................................................................................
    ...............น้องTeerachang.....................................
    ........พี่..ก็..คิดถึงเช่นกัน..ขอบคุณมาก..อุตส่าห์..ตามล่า..พี่มาถึงนี่....
    ...............อันนี้..ต้องยกความดี..ให้..น้องพลเค้า..ที่เป็นตัวประสาน...
    ....................ยังถึง..ไม่ลืมหรอกครับ..น้องๆ..หลานๆ..และ..ลูกศิษย์...
    ..รวมถึง..แฟนธุ์แท้ของ..ผม..ทุกๆคน..........................................


    ......ส่วนอีกอย่างหนึ่ง..อยากสวมมาก..แต่สวมแล้วพัง..ก็คือ..แหวนพิรอด..พ่อผมมี..แหวนพิรอด
    รุ่นของปู่..ของทวด..หลายวง..ล้วนแต่ลงหุ้ม..ด้วย..รักจีน..สีออกชมพูปนแดง..ทั้งนั้น..อายุตอนนั้น..
    จากรัก..ก็รู้ว่า..เกือบร้อยปี..ทั้งนั้น..มีทังแบบธรรม..และ..เก้ายอด..แต่ไม่ทราบว่า..หลวงพ่ออะไร..
    (..ไม่ใช่แบบเดี๋ยว..นี้..เอะอะ..อะไร..ก็..อุปัชฌาย์ม่วง วัดบ้านทวน..กาญจนบุรี..เอาไว้ก่อน..ถึง
    จะได้..ราคา..ไอ้ที่โฆษณา..ขายกันนะ..ผมว่าเป็นของท่านแท้ๆ...ไม่ถึง๒๐ เปอร์เซนต์..นอกนั้นเป็น
    ของอาจารย์องค์อื่น..กับ..ของเก๊..แหวนพิรอด..นั้นคู่กับ..นักรบไทยมานาน..ไม่ว่า..ภาคไหน...
    อาจารย์รุ่นเก่าๆ..ก็สืบทอดวิชา..มีทำกัน..ไม่น้อย...น่าเสียดายแทน..ของหลวงพ่อรุ่นเก่า..หลายองค์
    ที่ต้องโดนอุปโลก..เป็นของ..หลวงพ่อม่วง)...พอผมลองใส่ไปพักนึง..ไอ้กริยา..แบบถอดแหวนล้างมือ
    มันไม่ใช่สไตล์ผม..เพราะชอบลืม..ไม่นาน..รักก็เริ่มหลุด..กระดาษสาข้างใน..เปื่อยออกมาเลย.....
    ...ผมก็เลย..ต้องเลิกอีก........
    ...............สว่นลูกอม..นี่ง่ายหน่อย..ก็เอามา..เลี่ยมพลาสติก..แล้วห้อย..ก็อย่างหลวงพ่อปาน วัดคลอง
    ด่าน..หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา..หลวงพ่อสุข วัดโตนดหลวง(แบบไม่พอก..ชันนางโรง)...แต่มี..ลูกอมที่
    ใหญ่มาก..อยู่หลวงพ่อนึง..เคยเล่าไปแล้วเหมือนกัน..คือ..ของเจ้าคุณวัดยาง..ที่ท่านไปเก็บ..ลูกกระสุน
    ดิน(ใช้กับ..คันกระสุน)..ที่เขาปั้น..มาล่าพวกสัตว์เล็ก..ท่านเลือกเอาเฉพาะ..ที่หล่นอยู่บนหลุมศพผีตาย
    โหง...แล้วมาลงอักขระด้วยดินสอ..ล้อมลูกกระสุน....ใหญ่มากครับ..เล้นผ่าศูนย์กลาง..ประมาณ ๑ นิ้ว
    พอเลี่ยม..พลาสติกเข้าไป..ที่นี้โป่งเลย..เวลาอยู่ในเสื้อ..ใส่ได้ไม่นาน..ดูกระจกแล้ว..ไม่ไหว..เลยต้องถอด
    (วัดยาง..นี่..อยู่ในตัวเมืองเพชรบุรี..นะครับ).......
    ..................สว่น..ปลัดขิก..นี่ไม่เอาเลย..พ่อก็ไม่มี..ผมก็ไม่อยากมีเหมือนกัน..กลัวแม่เห็น..โดนด่าแน่..
    (แต่ตอนหลัง..ก็มี..เพราะ..พี่หยอยที่เคารพ..ของผม..ให้มา..เป็นของ..หลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน..
    ..เล็กน่ารัก..ดี..แต่ก็ไม่ได้..ห้อยอยู่ดี).................
    ..............พวกผ้ายันต์..ผมจะเลือก..เอาผืนเล็กๆ..แล้วมาพับใส่..ซองพลาสติก..ใส่นามบัตร...ทั้ง
    ของ..หลวงอาดี(พระครูสมุห์ทองดี)..หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค..แต่หลังสุดนี่ก็เป็นของ..หลวงพ่อ
    วัดดอนตัน จ.น่าน...ใส่ในกระเป๋าเงิน..จนทุกวันนี้................
    ........................นอกจากนี้..ยังมี..เครื่องรางแปลกๆ..อีกหลายอย่าง..แต่ผมเน้น..ต้องเก่า..และ
    แปลก..และอีกอย่าง..ต้องเป็นของ..บรรพบุรุษ..ไม่เช่า..เพราะจะได้แน่ใจมากกว่า..ว่า..โอกาศเสื่อม
    มีน้อย............................
    ............................แต่ไม่ว่า..พระหรือ..เหรียญ..ที่ผมยึดถือมา..ตั้งแต่เด็ก..เพราะมีความเชื่อส่วนตัว
    ....คือ..ถ้าเป็นรูปหลวงพ่อที่ตายไปแล้ว..แล้วลูกศิษย์มาสร้าง..ผมจะไม่ห้อย...เป็นมาถึงปัจจุบันครับ
    เว้นอยู่..๓ องค์..นี่ก็ไม่ใช่..ลูกศิษย์โดยตรง...
    ...........................................ต่อตอนหน้า............................................

    ........ตอบรวม..เช่นเคย
    .....................................................................
    .....น้องพล.......................................
    .................เรื่อง..หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง..กับ..หลวงพ่อจันทร์ วัดมฤคทายวัน....
    ..........นี่ผม..ก็..อนุญาต..แล้วแต่..น้องJoni..เค้า...
    .....................พระครูสุห์ทองดี วัดบางด้วนนอก...น้องJoni..เขาเอามาลงไป..ก่อนหน้านี้แล้ว..
    .........ผมไปเจอ..เข้า..ตอนsearch...ก็เลย...ถึงเข้ามาที่..web..นั่นแหละ..................
    ..............................................................................
    .....น้องJoni..........
    ..............เอามา..return..แบบปรับปรุงใหม่..เรอะ..เอ้อก็ดี..ไม่มีปัญหา...
    ...................คนจะได้เห็นภาพ...........................
    ...............................................................................
    .......น้องธงชัย.................
    .........ก็อย่าไปคิดอะไรมาก...แต่เวลาคิดจะปล่อย..จะได้ไม่เสียดายมากไง....
    ....ผมมี..เบี้ยอยู่ตัวนึง...ไปเช่ามา..เพราะผม..ดูจาก..รัก..และ..การถักเชือก..
    .......ก็รู้ว่า..ของเก่า...แต่เรื่องสร้างที่ไหน..ไม่แน่ใจ..ไม่รู้สายอ่างทองรึเปล่า..
    .....เป็นแบบถักหุ้ม..เปิดหลัง..เบี้ยพลู..ด้านล่างถักหุ้มตะกรุดตะกั่ว..ที่เอาไว้ร้อย
    เชือก....ต้วไม่ใหญ่ครับ..ข้างในปรอท...ผมก็ไม่เข้าข้างตัวเองอยู่แล้วตามconcept
    ...ก็เอาไว้ดู..เป็นของเก่า..อย่างเดียว..........................
    ......เรื่อง..เบี้ยแก้นี่..ผมไม่ถนัดจริง..คือ..ถ้าผมอยากรู้จริง..ต้องเหนื่อยกว่า..พระอีก
    ...........คุณ..ติดดูว่า..พระระดับ..หลวงปู่รอด..หลวงปู่บุญ..ท่านจะมีลูกศิษย์สืบ
    ทอดกี่องค์..ไอ้ที่สืบมา..ว่าแตกสายไปโน่น..ไปนี่..ก็อาจมีไม่ถึง..ครึ่งด้วยซ้ำ....
    ......ก็คิดดู..พระอย่างหลวงปู่โต๊ะ..ท่านยังไปสืบวิชา..ทำเบี้ยมาเลย...
    ...........เรื่องเชือกถักนี่..ขนม..เคยเล่าไปแล้ว..ใน..ผม..พระ...
    ...ก็ไปเอา..เชือพวกนี้มาถัก..ตะกรุด..ถักเบี้ย...ไอ้พวกเชื่อมั่นตัวเอง..ถนัดดูเชือก
    เก่า..หงายหลังมา..นักต่อนักแล้ว...
    .........ที่จะแนะนำ..ผมก็ไม่ค่อยรู้..แต่..สายย่อย..สายนึงที่ผม..ว่าเข้าท่า...ลองไปดู
    .................ไม่ค่อยฮิตมาก..แต่แน่นอน..ของจริง..คือ..สายวัดคฤหบดี............
    ................................................................................................
    ..........น้องMoMo................
    ..................ขอบคุณที่ติดตาม........และ..ขอบคุณที่อวยพรปีใหม่มา..
    ...ก็ขอให้..มีความสุข..สุขภาพดีต้านโรค..โชคลาภหลั่งไหล..โภยภัยอย่าแพ้วพาน..ตลอดปี
    ........เช่นกัน..ครับ...ตกลง..เป็น..คุณดินสอ..หรือ..MOMo..แน่
    ..................................................................................................
    ..........น้องSanta.....................
    ...........เรื่องวัฒนธรรมการ..ห้อยพระ..เครื่องรางคนสมัยก่อน..นี่..ไปอ่านใน..ผม..พระ..ได้
    ......................สมัยก่อน..พระเค้าไม่ได้ห้อยกันครับ..เขา..พก..และ..เหน็บ....
    ..........ไม่จำเป็นต้องเป็น..ขุนนาง..ครับ..พ่อค้า..ชาวบ้าน..ที่ค่อนข้าง..มีความเป็นอยู่ดี..
    ...............ก็..พกพระ..ทั้งหญิง..และ..ชาย.....ไปอ่านดูจะเข้าใจ..ผมเล่าไปแล้ว......
    ......................และ..ขอบคุณสำหรับ..ข้อมูล..หลวงปู่เมฆ..ท่านดังครับ..สมัยก่อน..
    ..............ตัวปลัด..ไม่เหมือนใคร..เพราะทำจาก..ไม้เขยตาย............


    .....ซึ่งก็คือ..๑...หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน....อัลปาก้า คอแอล(ที่เล่าไปแล้ว)..และ..พิธีเดียวกัน..
    เหรียญหลวงพ่อเงิน-กรมหลวงชุมพรฯ ปี ๒๕๑๕ (องค์นี้..สำคัญเพราะ..อยู่กับตัว..ตอนที่กำลังพิมพ์อยู่นี่)
    ........๒.สายเขาอ้อ...อาจารย์ทองเฒ่า..วัดเขาอ้อ..๒๕๑๑...รวม..อภิมหาอาจารย์..สายเขาอ้อ..ทั้งหมด
    ........๓. สายเขาอ้อ..หลวงพ่อ แดง พุทโธ วัดถ้าเขาเงิน..ชุมพร..ผู้ปลุกเสกชุดเดียว..กับ..เบอร์ ๒ โยนทะเล
    แล้วเรียกกลับ...องค์ที่ห้อยนี่..ของพ่อ..ที่หลวงพ่อคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน..(หรือ อาจารย์นำ..จำไม่ได้แล้ว)....
    ..เอามามอบให้ที่เมืองกาญจน์..เป็นองค์พิเศษ..เพราะปิดทองด้านหน้าอย่างสวยงาม..มาแต่เดิม..(คนอื่น
    ที่ได้รับ..เป็นแบบ..ธรรมดาไม่ได้ปิดทอง..................
    ..อย่างอื่น..อย่างหลวงปู่ทวด..และ..หลวงปู่สีมั่น เทพอินโท วัดห้วยหลาด..นี่เป็นวิญญาณ..และ..เข้าประทับ
    ทรง..คนละกรณีกัน.....................................
    .....................เวลาผ่านไปอีกหลายปี..จำวนพระที่อยู่..ในคอ..ก็เพิ่มขึ้นอีก..รวมถึงจำนวนสร้อย..
    ไปกัน..จนถึง..๗ พวง...จำนวนพระสูงสุดในสร้อยบางเส้น..ก็ถึง..๙ องค์..ไม่รวมตะกรุด...และ
    เครื่องรางอื่น...พระที่เป็นการปลุกเสกหมู่..หรือ..พุทธาภิเษก..ก็เพิ่มขึ้นบ้าง..แต่..ไม่กี่องค์..เพราะ
    ผมต้องคัดกรอง..ให้แน่ใจ..ซะก่อน...บางองค์..เอามาใส่แค่...ไม่นาน..แล้วก็ถอดเปลี่ยนออก....
    ..แต่ที่ใส่..นานก็มี...
    ...............๑.เหรียญเสมาพระนเรศวร...ประกาศอิสรภาพ..ปี ๒๕๐๗ พิษณุโลก...รุ่นนี้..เหรียญถูก
    นะครับ..ราคาต่างจาก ปี ๒๕๑๕ อื้อเลย..แต่..พระกริ่งนเรศวร ๒๕๐๗..กลับกัน..ราคาแพงกว่า..
    กริ่งนเรศวรปี ๒๕๑๕ ...อื้อเลยเหมือนกัน.........(เหรียญเนื้อ อัลปาก้ายุคแรกๆ)
    ..............๒....เหรียญพระเจ้าตากกู้อิสรภาพ...ค่ายอดิสร..สระบุรี..ปี ๒๕๑๔...เนื้อเงิน..อันนี้ดีหน่อย
    ..ผมไม่ต้องเลี่ยม..สมัยเมื่อ..สิบกว่าปีก่อน..ยังถูกอยู่เลย..ราคาเพิ่งจะขึ้นไม่นาน..เท่าไหร่...ในบรรดา
    เหรียญปลุกเสกหมู่...เหรียญนี้อยู่ติดตัวผม..นานที่สุด..เกิน..๒๐ ปีแล้ว..จนถึง..ปัจจุบันนี้...
    .............๓...นี่ก็อยู่..หลายปีเหมือนกัน..จันทร์ลอย วัดประสาท ๒๕๐๕..องค์เล็กดีผมชอบ..และเนื้อ
    สวยมาก..ด้านหลังเห็นเศษชิ้นพระสมเด็จ..ใหญ่ขนาดก้านไม้ขีด..จมอยู่กับเนื้อ...ผมใส่ก่อนที่เขาจะ
    มาฮิตกัน..ตั้งนาน...องค์นี้ตอนหลัง..ตัดใจ..ให้พี่ที่ผมเคารพ..คนนึงไป..เพราะผมสงสาร..แก..อยากมี
    พระสมเด็จห้อย..เที่ยวไปเช่า..มาอยู่เรื่อย..บางที..มันก็มาหาถึงที่ทำงานเลย...เก๊ตลอด...หมดเงินเป็น
    แสน..ผมไม่ได้อยู่กับแกตลอด..นานเจอที..ก็เอามาอวดผม..แล้วก็เก๊ทั้งนั้น..บางองค์เอาขึ้นคอก็เก๊อีก...
    ความที่..แกไปเชื่อไอ้เด็กคนนึง..ที่มันชอบจับพลัง..ผมก็เตือนทุกที..ขอร้องแกว่า..พี่อย่าไปงมงายเลย
    ..แกบอกว่า..ไม่รู้พี่มันดวงไม่สมพงษ์..กับพระสมเด็จ..รึไงนี่...ผมสงสารแก..ก็เลยบอกแก..ว่าพี่อยาก
    ห้อย..พระสมเด็จจริงๆรึพี่..แกบอกว่า..เออ..ผมก็เลยถอด..จันทร์ลอย..ออกมาให้แก..บอกแกว่า....
    ..พระองค์นี้..เนื้อครึ่งๆค่อนๆ..มาจากพระสมเด็จ(..เป็นที่ยอมรับ..ในวงการว่า..ไม่มีพระยุคหลัง..องค์
    ไหน..ที่จะมีสัดส่วนผสมพระสมเด็จ..มากกว่า..จันทร์ลอย วัดประสาท ๒๕๐๕ อีกแล้ว..มากกว่าพิมพ์..
    หลวงพ่อทวด..เนื้อขาว...มากกว่าของพระครูมูล วัดสุทัศน์..มากกว่า..ของหลวงตาพัน..วัดบางขุนพรหม
    ...ฯลฯ..ที่ว่านี่คือ..สัดส่วน..ในการผสมนะครับ..เดี๋ยวจะเข้าใจผิด...ซึ่งเป็นเจตนา..ของผู้สร้างโดยเฉพาะ
    ..เพราะ..เนื่องจากองค์ก็เล็ก..เลยให้มากหน่อย)...แล้วผมเอาหัวรับรองว่า..แท้แน่นอน..(นี่เป็นเหตุการณ์
    เมื่อเกือบ..ยี่สิบปีมาแล้ว...)..คือ..ผมขอพี่อย่างเดียวว่า..พี่อย่าเอา..สมเด็จที่พี่เช่ามาขึ้นคอ..เอาองค์ของ
    ผมนี่แหละไปเลี่ยมทอง..แล้วขึ้นคอ..พุทธคุณ..แทบไม่ต่างจากพระสมเด็จ..ตัวแกเอง..ก็อ่านหนังสือพระ
    แก..ก็รู้จักอยู่แล้ว..แกเลยดีใจใหญ่..ผมยังบอกแกต่อว่า..พี่อยากเช่าก็ไม่เป็นไร..เพราะพี่ชอบถูกหลอก
    ห้ามไม่ได้..แต่เช่ามา..ก็เก็บไว้ในกล่อง..แล้วกันนะพี่..ไม่ต้องเอามาขึ้นคอ....
    ............................................ต่อตอนหน้า...........................................


    ที่มาครับ
    เข้าใจ..ผิด...เข้าใจ..ซะ..ใหม่
     
  2. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ...เรื่อง..สมเด็จวัดเกาะจันทร์นี่..ทราบมาแค่คร่าวๆ..รู้สึกว่า..ลูกศิษย์หลวงพ่อ..
    ไปอยู่ท่ี่..นั่่น..แล้วจะสร้างพระ..ก็เลยมาขอความเมตตาจากท่านให้ช่วย..
    ก็..คงจะเป็นผงสำเร็จ..ของท่านที่ทำพระผงของขวัญ..ถ้าเป็นตามนี้..ก็ไม่ได้
    มีโดยตรง..แต่เนื่องจาก..ผงที่ทำพระของขวัญ..นั้น..จะมีผงของ..หลวงปู่โต็ะ
    กับ..หลวงพ่อผึ่ง..ผสมอยู่แต่แรก..อยู่แล้ว...ขออภัยที่ไม่ค่อยคุ้น..กับพระชุดนี้

    ..............สุดยอด..น้องJoni...............................
    .....รวมยอดอาจารย์..แห่งเมืองพิจิตร..ไว้ครบถ้วน...
    .............นี่เป็นตัวอย่าง..ของการเก็บ..รักษาที่ดี.......ของที่เราไม่คิด
    จะปล่อย..เก็บไว้เป็นมรดก..สืบทอด..เป็นประวัติศาสตร์ของ..ตระกูลที่ไม่ควรลืม..
    ...เราก็ไม่ต้องไปใส่ใจ..ในการคงรูปลักษณะ..ที่จะเป็น..บ่อเกิดแห่งผุกร่อน..และ
    ปรับปรุง..ให้อยู่ในสภาพ..ที่เอาไปใช้งานได้.........ดีกว่า..วางอยู่ในกล่อง..รอให้
    ผุพังไป..อยากจะเอามาติดตัว..ก็กลัวพัง.................
    ..............พอแก่ๆ..เลิกใช้..หรือ..เริ่่มจะหลงลืม..อย่าลืมแยกใส่กล่อง....
    ..ติดป้ายบอกไว้.......เดี๋ยวจะจำไม่ได้...ลูกหลานจะได้ทราบ...........


    ...๔. สายเขาอ้อ..นี่หลายองค์เลย..รูปเหมือนปั๊ม อาจารย์ทองเฒ่า..
    ...............................ผงรูปเหมือน หลวงพ่อแดง พุทโธ...วัดถ้ำเขาเงิน
    ..............................ปิดตานอโม วัดบ้านสวน..(ด้านหลัง..เขียนตัวขอม..ว่า..นอโม..เป็นของสมภารองเก่าแก่
    ...ที่มีปาฏิหารย์มาก....
    ...........................มหาอุตม์..เนื้อโลหะผสม..อาจารย์ตุด วัดคูหาสวรรค์ พัทลุง..ครั้งแรกไม่ทราบประวัติ..และ
    ไปถามใคร..ก็..ไม่ทราบ..แต่ชอบเนื้อ..เพราะสีออกขาววาวๆ..ถามพ่อ..พ่อก็บอกว่าได้มาจากใต้..สมัยสงคราม
    ..ตอนหลังเมื่อไม่นานมานี้..ทราบประวัติ..เพิ่งรู้ว่า..เป็นการปลุกเสกหมู่..โดยคณาจารย์..สายเขาอ้อ...
    ...๕...หูยานปืนแตก วัดราชบพิธ..ปี ๒๕๑๑...พิธีดี..อาจารย์เยี่ยม..ประสพการณ์เหลือเฟือ..ผมเคยเขียนใน
    บทความเก่า..ของผม..เรื่องความแปลกที่..เรามักไม่ค่อยได้เห็น..พระที่มาจากพิธีพุทธาภิเษก..แล้วมีประสพ
    การณ์..ด้านมหาอุตม์..ผมก็เข้าใจเอาเองว่า..เนื่องจาก..อาจารย์ที่มาปลุกเสก..เห็นว่า..มีพิมพ์หูยานด้วย..
    ..ซึ่งชื่อเสียง..ก็ด้านนี้อยู่แล้ว..ท่านก็เลยจัดหนัก..ให้พิมพ์นี้โดยเฉพาะ...แล้วแปลก..พระที่ปลุกเสกในพิธีนี้
    มีหลายพิมพ์..แต่.พิมพ์นี้..กลับมีประสพการณ์..มากกว่าเพื่อน..และ..ปัจจุบัน..ก็แพงกว่า..ทุกพิมพ์..ในพิธี
    เดียวกัน........องค์ตั้งแต่เอา..มาคล้องคอไม่เคย..ถอดอีกเลย..จนทุกวันนี้..(มีปลอมนะครับ..ระวัง)...
    ๖. เหรียญพระยาพิชัย..(เขียนไปแล้ว)
    ๗...เหรียญนเรศวรเมืองงาย เนื่องใน การสมทบทุน..สร้างสถูปบรรจุ..อิฐเก่าของพระเจดีย์ที่สร้างครอบจุดที่
    พระนเรศวร..สิ้นพระชนม์..ซึ่งอยู่ในเขตพม่า..แล้วทหารพม่า..รื้อทิ้ง..เนื่องจากเป็น..สถานที่ศักสิทธิ์เป็นที่
    เคารพ..ของไทยใหญ่..มีปาฏิหารย์มากมาย..เป็นศูนย์รวมน้ำใจของไทยใหญ่...พันเอกเจ้ายอดศึก..ส่งหน่วย
    คอมมานโด(ขอใช้ภาษาฝรั่ง..จะได้ดูดีหน่อย)..ฝ่าดงทหารพม่า..ไปกู้เศษอิฐเกือบทั้งหมด..กลับมา..แล้วมา
    ส่งมอบ..ให้..พันตำรวจเอก นิรันดร ชัยนาม ผู้ว่าราชการเชียงใหม่ ขณะนั้น(..เป็นสามี..ของญาติสนิทผม)
    ..แล้ว..ท่านเลย..ดำริว่า..จะสร้างสถูปบรรจุ..ไว้ที่ เมืองงาย อำเภอเชียงดาว....ในปี ๒๕๑๒ พิธีปลุกเสกทำ
    ที่ วัดพระสิงห์ เชียงใหม่...องค์นี้ที่มา..ปาฏิหารย์มาก..ผมเคยเล่าไปแล้วในบทความเก่าผม..เป็นโชคชะตาที่
    ผมจะได้..ผมก็เลยต้องห้อยด้วยความเต็มใจ..และ..เพื่อความสะใจ..ผมก็ไม่เลี่ยมพลาสติก..แต่ผมเอา..ที่รัด
    สายไฟกับผนังแบบเก่า..ที่ทำจากอลูมิเนียม(เข็มขัดรัดสายไฟ)..มาจับขอบ..แล้วห้อย..ก็ไม่รู้ทำไม..ทั้งๆที่ผม
    แพ้ทองแดง..ใส่ไม่ได้เลย..เหงื่อออก..จะคันมาก..ผมก็ยังดื้อที่จะทำอย่างนั้น..แต่ปรากฎว่า..ไม่มีอาการแต่
    อย่างใด...จนเดี๋ยวนี้..พระพักตร์ของพระนเรศวร..โดนเหงื่อ..ผมกัด..จนเลือนเกือบหมด.........
    ............จนถึงเวลานี้..ก็ยังอยู่ในคอผม..ไม่เคยถอดท่านอีกเลย.................
    ๗...ชัยวัฒน์สี่มุมเมือง ๓ ตัวตอก นครศรีธรรมราช..๒๕๑๑ นี่..ก็..บรรดาพระอาจารย์ส่วนใหญ่..จะเป็นสาย
    เขาอ้อ..แต่ยอด..อาจารย์ในปักษ์ใต้ในยุคนั้นทั้งหมด..ก็มาในพิธีนี้..ความเข้มข้น..จึงสูงมาก....
    .....ก็อยู่ในคอเวลานี้...เช่นกัน....(เนื้อทองผสม)
    ........อันนี้มีเกร็ดอยู่หน่อย..คือ..สมัยก่อน..ผมห้อย..เนื้อเงิน ๑ ตอก..แต่ผมมา..พิจารณาแล้ว..ตามหลัก
    การ..พระพุทธาภิเษก..ก่อนที่จะทำ..เขาจะให้พระอาจารย์ทั้งหลาย..ลงอักขระปลุกเสกแผ่นทองแดง...
    แล้วส่งมา..ผสมกับ..โลหะที่เตรียมไว้..แล้วหลอมรวมกัน....ซึ่งตัวนี้สำคัญมาก..เพราะแผ่นทองแดงจารนี้
    อาจารย์แต่ละองค์..ปลุกเสกของตัวเอง..ที่วัด..ที่กุฏิ..ซึ่งจะทำการอัดพลังกัน..เต็มที่..โลหะที่มาทำพระจึง
    เป็นโลหะศักดิ์สิทธิ์..มีอานุภาพในตัว...ส่วนพระที่ทำจาก..เนื้อเงิน..เนื้อทอง..จะแยกออกไป..ซึ่งก็จะไม่ได้
    รับ..พลังในส่วนนี้..ดังนั้น..หลังจากพุทธาภิเษกแล้ว..พระเนื้อโลหะผสม..ก็จะมีทั้งพลังจากแผ่นจาร..และ
    พลังจาก..การปลุกเสกรวมกัน..แต่..เนื้อเงิน..เนื้อทอง..ก็จะมีแต่พลังจากการปลุกเสกเท่านั้น...
    .....หลังจากผมคิดได้..ผมก็เลยเปลี่ยน...มาห้อย..เนื้อโลหะผสมแทน.......................
    .........................................ต่อตอนหน้าครับ..........................................................

    ..........ถ้าน้องJoni..จำได้..พี่..เคยเขียนไว้ในเรื่อง..ของหลวงอาดี..และ..ผม..พระ
    ..คือ..ยันต์เกราะเพชร..การจะ..เป่าได้..คือ..ต้องผ่าน..การทดสอบ..พี่ว่า..ทำนองนึง
    ก็คือ..มีพลัง..หรือ..ฌาณถึง..ที่จะเรียน..และครอบวิชานี้..คือต้องได้รับการถ่าย..ปราณ
    ..เพื่อที่จะได้สำเร็จวิชา..ไม่ใช่..อ่านตำรารู้ขั้นตอน..แล้วจะมาเป่าได้.......
    ..อย่าง..หลวงพ่อมี..หลวงพ่อเมี้ยน..หลวงพ่อเชิญ..ท่านก็เป็น..ลูกศิษย์..หลวงพ่อปาน
    ....พระระดับนี้..ไม่มีทางหลอกตัวเอง..แน่นอน..แล้วถ้าไม่จบ..วิชายันต์เกราะเพชร..แล้ว
    มาทำ..นั่นคือลบหลู่อาจารย์ตัวเอง...แต่พี่ก็เชื่อว่า..การที่จะครอบวิชานี้..ต่อไปให้รุ่นหลัง
    คงไม่ง่าย..ตัวหลวงพ่อก็จะรู้ตัวเอง..ว่ามีความแก่กล้า(ในพลัง..และ วิชา)พอมั้ย..ที่จะครอบ
    ..เพราะเป็นวิชา..ขั้นสูง..ต้องติดต่อ..กับเทวดาได้..และ..เมื่อ..ครอบไปแล้ว..ลุูกศิษย์ต้อง
    ทำให้เกิดผลได้.......................................
    ......................ปัญหาคือ..พี่ไม่ทราบว่า..ท่านเหล่านี้..ครอบวิชา..นี้..ให้ใครรึเปล่า...
    ..แม้กระทั่ง..หลวงพ่อฤาษีลิงดำ..ท่านครอบให้ใครต่อมั้ย........................
    ........บางที..หลวงพ่อบางองค์อ้างว่า..เป็นลูกศิษย์..ของ..ลูกศิษย์..หลวงพ่อปานอีกที
    ..ก็ใช่ว่า..จะได้รับการครอบ..ไม่มีหลักฐานยืนยันได้...รู้แน่ๆว่า..หลวงอาดี..ท่านไม่ได้
    ครอบให้ใครแน่..ท่านบอกว่าเป็นวิชาชั้นสูง..ท่านไม่ถึงขั้นอาจารย์ท่าน..ท่านก็ไม่กล้าที่จะ
    สอนวิชารวมทั้งครอบให้ใคร............เรื่องสืบสาย..พระร่วงนี้..พี่ว่า..ไม่น่าใช่มั้ง.....
    ...หลวงอาดีท่าน..โคตรเหง้าท่าน..เป็นคนปากน้ำ..ท่านยังได้รับการ..ครอบจาก..หลวง
    พ่อปานเลยนี่..
    ........อีกอย่างนึง..ที่พี่เคยเขียนไว้..ว่า..ไม่ใช่พระทุกองค์..ที่มาหา..หลวงพ่อปาน..แล้ว
    จะได้..เรียนยันต์เกราะเพชร..ทุกองค์..ท่านจะกำหนดเอง..ว่าใคร..ควรจะเรียน..อะไร
    ขึ้นอยู่..กับตัวบุคคลด้วย

    ..............ขอขอบคุณ..น้องพล..ที่ช่วยนำ..คำอวยพรของ..หลวงพ่อคูณ..มาให้
    ...................................................................................................
    ........และใน..วาระดิถี..ขึ้นปีใหม่....ผมขอโปรด..น้อมนำ...พลัง..แห่ง..
    .................พระรัตนตรัย.......................
    ..............หลวงพ่อวัดเขาตะเครา................
    ...............หลวงปู่ทวด........................
    ................หลวงพ่อทองศุข...................
    ................หลวงพ่อจันทร์...................
    .................หลวงอาดี.....................
    .................หลวงพ่อฤาษีลิงดำ.................
    ..................หลวงพ่อทวี....................
    .................หลวงปู่คำพันธ์................
    ....ที่เป็น..ที่เคารพนับถือสูงสุด..และ..มีบุญคุณ..ต่อ..ผม
    ...............ช่วยดลบันดาลให้..ผู้ที่อ่านบทความของผมทุกท่าน....
    ...........เอาชนะ..ความทุกข์..ความโศก..ความผิดหวัง..ภยันอันตราย....
    .................และโรคร้ายทั้งมวล..........................
    ...............ประสพสุข..สมหวัง..โชคลาภ.......
    ..............ตลอดปี..๒๕๕๕..ด้วยเทอญ.....................

    ๘...หมวด..พระพุทธรูป..กับ..หลวงพ่อศักดิ์สิทธ์..เพราะอาศัย..พลังจาก..รูปเคารพ..หรือ..วิญญาณ....
    ศักดิ์สิทธิ์....เรื่องพระพุทธรูป..ผมไม่ได้กล่าวถึง..เพราะเป็นธรรมดา..ก็ต้องใช้การปลุกเสกหมู่..ทั้งนั้น..
    ..ซึ่งก่อนหน้านี้..ผมก็ห้อยทั้ง..หลวงพ่อโสธร(..๒๔๙๗ วงแหวน...กริ่ง๒๕๐๐)..หลวงพ่อวัดเขาตะเครา..
    อันนี้..หลายรุ่นมาก..เพราะ..เคยไปอยู่เมืองเพชร..หลวงพ่อเขาตะเครา..เนื้อผง..ก็ห้อยอยู่องค์เดียวคือ
    ..สะดุ้งกลับ..เอวหนา..นี่..เจ้าคุณสุข(อดีตเจ้าอาวาส..เพิ่งเสีย)..มอบให้กับมือ..พ่อเลย..เป็น..สิบองค์
    .......................ปัจจุบัน..เหลือ..พระพุทธศักดิ์สิทธิ์..ห้อยอยู่...องค์เดียวคือ.......................
    ..............................หลวงพ่อ วัดน้ำรอบ จังหวัดพังงา..รุ่นแรก ปี ๒๕๑๐ รูปไข่(ของผู้ชาย..ถ้าผู้หญิง
    จะกลม)..คนไม่คุ้น..พระปักษ์ใต้..อาจจะไม่รู้จัก..แต่ถ้า..คนเล่นพระปักษ์ใต้..จะรู้จัก..ทั้งนั้น....ของแม่
    ครับ..ส่วนนึง..เพื่อระลึกถึงแม่ผม..ที่เสียไปแล้วด้วย......................
    .......ถ้าหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์...ก็แน่นอนครับ....หลวงพ่อทวด วัดเมือง ยะลา ๒๕๐๕..องค์หลักของผม
    ..สภาพก่อนเลี่ยมนี่..ประมาณ ๙๕ เปอร์เซนต์เลย..สวยมาก..แล้วท่านก็..อมยิ้มเล็ก..ดูแล้วชื่นใจ..
    ..องค์นี้..ก็..ของพ่อผม....ความจริง..เมื่อประมาณ ๒๐ ปีมาแล้ว..ผมจะเอา..วัดช้างไห้ ๒๕๐๕..
    หลังตัวหนังสือ มาห้อย..แต่คิดไป..คิดมาต้อง..เปลี่ยนใจ..เพราะผมเคย..ห้อยพระคันธารราษฎร์
    สังฆราชแพ วัดสุทัศน์ พิมพ์ใหญ่ ทองเหลืองทั้งดุ้น..องค์เบ้อเริ่ม..ห้อยได้ไม่ถึงอาทิตย์..ต้องบอก
    ศาลา..ตีหน้าอกเกือบพัง...พอมาดูหลวงพ่อทวดแล้ว..ก็..เล็กกว่า..เบากว่า..ไม่เท่าไหร่..ทองเหลือง
    เหมือนกันด้วย..เลยเปลี่ยนใจ..เอาวัดเมือง..มาห้อยแทน..และตั้งแต่นั้น..ก็ไม่เคยเปลี่ยนอีกเลย...
    ....๙. อันนี้..เดิมผมก็ไม่เคยสน..พอกระแสมา..เมียผมเกิดฮิต..กับเขาด้วย..เที่ยวไปเช่ามา..ผมดู
    แล้ว..ก็..เปรอะไปหมด..ผมก็เลยบอกเมีย..เอางี้ดีกว่า..เดี๋ยวจะหามาให้..เอาชัวร์ๆ..และ..พิธีน่า
    เชื่อถือ..ไม่ได้เช่าหรอกครับ..ผมไปหาพี่ชายที่โคตรจะกว้างขวาง..ของผม..เป็นทหารใหญ่..มีคน
    นับหน้าถือตาเยอะ...เพราะแกสร้างบารมีกับ..คนไว้เยอะแยะ..ก็เลยบอกแกว่า..พี่..หาจตุคามฯ
    ให้ผมองค์ซิ..เอาเจ๋งๆนะ..แฟนผมเขานับถือ..ต้องแท้นะพี่..เพราะผมดูไม่ค่อยเป็นไม่คุ้นด้วย..
    ไม่เคยเห็น..ของจริง..ที่รุ่นดีๆนะ...พวกรุ่นธรรมดาๆ..แฟนผมเขาไปเช่ามา..หลายองค์แล้ว...
    ...ซักพัก..พี่ก็โทรให้ไปรับพระ..ผมก็พาเมียไป..ปรากฎว่า..เป็นรุ่น..เจดีย์ราย ปี ๔๕ เคลือบเหลือง
    ..ผมก็อ่านมา..บ้างก็รู้ว่ารุ่นนี้..พิธีดี..ขุนพันธ์ร่วมด้วย..ก็..แฮปปี้ไป..สำหรับ..เมียผม..พี่ชายผม
    เค้าก็ถามว่า..ไม่เอามั่งเหรอ(ช่วงนั้น..จตุคามฟีเวอร์กำลังแรง)..ผมก็บอกว่า..ไม่ละพี่..ผมห้อยพระ
    ของผมดีแล้ว..อีกอย่าง..จตุคามนี่ไม่มีรูปพระ..มีแต่ราหู..กับ..องค์จตุคาม....จนผ่านไปหลายเดือน
    ..พี่ชาย..ก็เอามาให้เลี่ยมทองมาเลย....บอกกำชับด้วยว่า..ให้แล้วต้องห้อยนะโว้ย....
    ...................................ต่อตอนหน้าครับ......................................................


    ...ปรากฏว่า..พี่ผมจำได้ว่า..ผมพูดอะไรไว้...แล้วเขารู้ว่า..ผมเป็นคนที่..เวลาบอกอะไร..ว่าไม่..ก็คือ..ไม่
    ....พระที่..พี่ชายผมให้มา..ก็เป็นสายตระกูล..จตุคามอยู่ดี..ก็คือ...
    .....พระพุทธสิหิงค์..หลัง..ราหู..เนื้อช็อคโกแลต..หลักเมืองปี..๒๕๓๐..............
    ............ผมเอง..ก็ดีใจ..แต่ไม่ใช่เรื่องที่..จะได้ห้อย..รุ่นหลักเมืองปี..๒๕๓๐..แต่เป็น..พระพุทธสิหิงค์
    นครศรีธรรมราช..เพราะเป็น..ของดั้งเดิม..ผมเห็นกริ่งพระพุทธสิหิงค์..ชลบุรี..รุ่นแรก..ของพ่อ..แต่ผม
    ไม่ได้ขอมาห้อย..ไม่เกี่ยวเรื่อง..พุทธคุณ..เพราะรุ่นนี้..พุทธคุณสุดยอด..รวมยอดอาจารย์เมืองชล..
    รุ่นก่อนไว้หมด..(ความจริง..มีรุ่น๒ เนื้อสัมฤทธิ์..ด้วย)..เรื่องความหนัก..และ..ความใหญ่มากกว่า..
    แต่อีกเรื่อง..ที่เป็นเรื่องไม่ใหญ่..แต่รบกวน..ทำให้ไม่ได้ห้อยคือ..พระพุทธสิหิงค์ชลบุรี..ไม่ใช่ของ
    ดั้งเดิม....มาได้.ของ..นครฯดีกว่า....ผมนะเกรงใจ..พี่ชาย..เวลาเขาให้ของอะไร..เขาคอยจะถาม
    เรื่อย..ว่ายังใช้อยู่รึเปล่า..ผมก็เลยต้องห้อย..ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา..ถึงปัจจุบันนี้..ทั้งๆ..ที่พระเลี่ยม
    ทอง..ผมไม่เคยห้อยเลย..และไม่เคยเอาพระไปเลี่ยมทองด้วย..มีแต่เขาให้มา..ทั้งกรอบ..แล้วก็
    เก็บ..ยกเว้น..องค์นี้........(จริงๆแล้ว..องค์นี้..ผมได้มา..หลังสุด..ในช่วงวัยที่เกิน..๕๐ แล้ว..แต่
    เอามารวมเล่า..ในช่วงนี้ไปเลย)
    ๑๐. แน่นอน..ก็..ต้อง..สมเด็จสิบทิศ..ของวัดปากน้ำภาษีเจริญ..ที่ผมเล่า..รายละเอียดไปแล้ว..
    ....เรื่องจริงๆ..ยังมีพระปลุกเสกหมู่..อีก..หลายๆองค์ที่..ผมห้อย..แค่..แว็บๆ..แต่ผมจำไม่ได้แล้ว
    ๑๑. อันนี้..ความจริงมาก่อนใคร...ตั้งแต่ยังเรียน..ไม่จบ..ก็คือ
    ................................พระวัดบางด้วนนอก.......................................
    ...ที่ประธานการปลุกเสก..หมู่..ครั้งนี้..คือ..หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว..พร้อมด้วย..ยอดอาจารย์..ของ
    ปากน้ำยุคนั้น..ไม่ถึงสิบท่าน(รายละเอียด..อ่านใน..พระสมุห์ทองดี วัดบางด้วนนอก..ได้)..ความผูก
    พันที่..หลวงอาดีเป็นญาติ..และเป็นที่เคารพมากของพ่อ..พ่อก็จะเลี่ยมให้..ลูกชายใส่กัน..ผมห้อยมา
    ตั้งแต่ก่อน..จะมาบวชกับ..หลวงอาดี..ที่วัดนี้..และห้อยมามากกว่า..สิบปี..หลายองค์..หลายพิมพ์..
    ....................................กลาลเวลาหมุนไป..จนถึง..วัยประมาณ ๕๐ เริ่มกลาย..เป็น..ผู้อวุโส..
    หรือ..สูงวัย..ไปแล้ว..พฤติกรรมทางพระ..ก็เปลี่ยน..อย่างนึงคือ..เลิกเล่น..พระแล้ว..ไม่ได้เข้า
    สนามอีก..การเวียนสร้อย..สลับ..กันมาห้อย..ก็เลิก..แต่..ห้อยพระ..๒ พวง..เป็นหลัก..ทั้งๆที่
    ๒ พวงนี้..พระก็ไม่ได้เด่น..อย่างพวงอื่น..แต่เหมือนเครื่องมันหลวม..ใช้งานมานาน..วิ่งไปเรื่อย
    ไม่รีบร้อน..ไม่มีอะไร..ที่ทำให้ตื่นเต้น..อีก..แต่ที่..มีเพิ่มมาอย่างนึง..คือ..เวลาที่ผมไปทำงานที่
    ..สุดท้าย..ของผม..ผมไม่ได้ใช้เข็มขัด..แต่ผม..ใช้เชือกคาดเอว..แทน....ก็เป็น..ของที่ผมได้มา
    นานแล้ว..จากการขอร้องแกมบังคับ..สมัยทำอยู่กรมชลประทาน..ผมออกแบบ..อ่างเก็บน้ำ
    ..และ..ระบบส่งน้ำ..ของโครงการพระราชดำริ..ห้วยหินขาว..ที่..สระบุรี..ซึ่งส่งน้ำมาให้...
    โครงการของในหลวง..ที่เป็นจุดเริ่มของ..มูลนิธิชัยพัฒนา..อยู่บริเวณ..วัดมงคล..(เป็นที่มา
    ของชื่อ..ดั้งเดิมคือ..มงคลชัยพัฒนา)...หัวหน้าโครงการ..ก็ต้องมาติดต่อ..กับผม..ประจำ..
    เพราะ..ผมออกแบบ..และ.ผลิตแบบเอง....คนเดียว..เนื่องจากเป็น..โครงการเร่งด่วน..
    และมีความสำคัญ..พระองค์ทรงให้ความสำคัญ..จะมีรับสั่งเจ้าหน้ากรมชลฝ่ายกิจการ
    พิเศษ..ที่รับผิดชอบโครงการหลวง..อยู่เสมอๆ..ตัวพี่หัวหน้าโครงการแกก็เป็น..คนอัธยาศัยดี..
    แต่ต้อง..มาผูกพัน..กับ..คนอัธยาศัยไม่ดี..อย่างผม..แต่แกก็ทน..เพราะถ้าไม่ทน..ผลร้าย
    จะตกอยู่ที่แก.............ผมก็เลวได้ที่..รู้ว่า..หลวงพ่อเฮ็น วันดอนทอง..สระบุรี..ซึ่งขณะนั้น
    โด่งดังมาก..ยิ่งเมื่อหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง..เสียแล้ว..ก็ไม่มีใคร..จะมาทาบได้...
    .........ผมก็รู้ว่า..แกต้องหามาให้(เพราะ..แกเกรงใจผม..และต้องพึ่งผม)..และ..หามาได้แน่
    ...วันนึง..ตอนที่แกมาหาผม..ที่ปากเกร็ด(ตอนนั้น..มาย้ายจาก..กรมชลที่สามเสน..มาอยู่ที่
    กรมชลปากเกร็ด)....ผมก็เลยเอ่ยกับแก..ว่า
    ...................................ต่อตอนหน้าครับ.................................


    ....พี่..หา..ตะกรุดโทน..หลวงพ่อเฮ็น วัดดอนทอง..มาให้ผม..ดอกนึง..ซิ..ผมอยากได้...
    ..เอาของชัวร์ๆนะ...............
    .....ความจริง..แกก็ไม่ได้..เป็นนักเลงพระ..แต่ความที่อยู่..สระบุรี..หลายปี..แกก็..รู้จัก
    ..แกก็..ยิ้มแห้งๆ..คงนึกในใจ..ไอ้พงศ์มันเอากูแล้ว..แล้วแกก็บอก..กับผมว่า..คงต้อง
    ใช้เวลาหน่อย..ท่านแขกเยอะมาก....(ตัวแกไม่รู้มีเวลา..รึเปล่า..แต่แกสามารถใช้ลูก
    น้องที่เป็น..คนท้องถิ่น..หาได้)...ผมก็บอกแกว่า..นานก็ไม่เป็นไรพี่..แต่พี่ต้องหามาให้
    ผมให้ได้นะ..ผมจะคอยทวงพี่เรื่อยๆ..แกก็ยิ้ม..หัวเราะแหะๆ..พร้อมกับ..ยกมือเกาหัว..
    ..........หลังจากนั้น..เวลาที่..แกมาหาผม(..แกต้องมา..เอาแบบ..เพื่อไปคิดราคางาน)
    ..เรียกว่า..ครั้งเว้นครั้ง..ผมก็จะทวงแกทีนึง..(จะว่าผมโหด..ก็ได้..แต่ผมสนิท..กับแก..
    ..และแกเป็น..คนนิสัยดี..ผมก็เคารพแกนะ..แต่แก(จำเป็น)ต้องยอมผม..เพราะผม..เลว
    ..ชอบข่มขู่..ขี้หงุดหงิด......จนงานเสร็จแล้ว..แกก็หายไป(ต้องไปรีบ..ก่อสร้าง)..ผมก็ไม่ว่า
    แก..แต่รู้ว่ายังไง..แกต้องไม่ลืม..จนถึงผมกำลังจะลาออก..แล้ววันนั้น..ผมเข้ากรุงเทพเพื่อ
    ..ติดต่อ..เกี่ยวกับเรื่อง..ลาออกนี่แหละ..พออีกวัน..กลับเข้าปากเกร็ด..ลูกพี่ผมบอก..เมื่อวานแกมา
    ..เอ็งไม่อยู่..แกเลย..ฝากมาให้ไว้..กับผม..แล้วลูกพี่ผม..ก็ยื่นซองกระดาษสีน้ำตาลโป่งๆยุบๆ..อย่าง
    ขนาด A4..เลย..ผมก็..งง..อะไรกัน..วะ..พอแกะ..ออกดู...กลายเป็น..เชือกคาดเอวร้อยตะกรุด.....
    ....................เชือกคาดเอวภุชงค์เบญจฤทธิ์.................................................................
    ..........ของผม..เป็นรุ่นที่ท่านสร้าง..ในยุคหลัง..ที่..จะมีตะกรุด..แค่ ๔ ดอก..สมัยแรกๆที่ท่านทำ
    ..จะเป็น..ตะกรุด ๕ ดอก..พอท่านแก่ท่าน..ก็..คงเหนื่อย..เพราะทำเองทุกขั้นตอน..แต่ละเส้น..
    ใช้เวลานาน..ผมก็แฮปปี้..เพราะเป็นเครื่องรางที่..สร้างชื่อให้ท่าน...ประสพการณ์..มากมาย..
    ...........ผมก็เก็บไว้..ตั้งนาน..จนเมื่อ..๓-๔ ปีหลัง..มานี่เอง..ผมก็..ค้นพระเอา..มาส่องเล่น..
    แล้วก็เจอ..ก็เลยคิดว่า..เรามีของดี..จะเก็บไว้ทำไม..ไอ้จะเอามาคาด..แล้วเอาเสื้อหุ้มไว้...
    เดี๋ยวก็..คันอีก..ก็เลยคิดขึ้น..มาได้..เออ..ก็เอามาใช้..แทนเข็มขัด..ซะเลยซิวะ....นั่นก็เลย..
    เป็นที่มา...ที่ผมเกริ่นไปข้างต้น..แต่คาดเฉพาะไปทำงาน..ในกรุงเทพ..นะครับ..เวลาออก..ต่าง
    จังหวัด..ผมไม่ได้..คาดไปด้วย....................
    ..........เมื่อ..ผมเริ่มแก่..นี่ความคิดความอ่าน..ก็ยิ่งกว้างขึ้น..ว่างๆ..ผมเอาพระ..เครื่องราง..มา
    ส่องดู..แล้วผม..ก็คิดได้..ในสิ่งที่..ตนเอง..เคยคิด..อคติกับ..บางอย่าง..มองแต่..ข้อเสีย...เพราะ
    ไม่ว่า..อะไร..ก็ต้องมีข้อดี..อยู่ในข้อเสีย..ความอคติ..เราก็..มองข้ามข้อดีไป..ยกแต่..ข้อเสีย..
    มาคำนึง................................................
    ................ก็เรื่อง..การปลุกเสกพระ..แบบอธิษฐานจิต..ใช้พลังฌาน..บารมี..ของ..ผู้ปลุกเสก
    เพื่อ..ชักนำ..พลังบริสุทธิ์..แห่ง..พระพุทธองค์..มาประจุ..ลงใน..พระเครื่อง..หรือ..วัตถุ......
    ....พลังแบบนี้..ไม่ได้..หวือหวา..แบบ..เวทมนต์..คาถา(..ที่ไม่ได้..มาจาก..พระสูตร..ยกตัวอย่าง
    เช่น อุด ธัง อัด โธ โธ อุด ธัง อัด ฯลฯ เป็นต้น) ..ยันต์..ที่มี..พลัง..อำนาจเฉพาะแนวทาง
    ที่ได้..กำหนดไว้..โดยบูรพาจารย์....ยิ่งหลัง..มาอ่าน..ตำรา..คาถา..ยันต์..อุปเท่ห์..ต่างๆ...
    ...จะเห็นว่า..จริงๆ..รูปแบบนี้..จะมีข้อห้าม....ข้อที่ต้องหลีกเลี่ยง.....
    ...เนื่องจาก..พลังที่ประจุอยู่..มาจาก..หลักเกณฑ์..และ..รูปแบบ..ผสานกับ..พลังฌาณ..ของ
    ผู้ที่ปลุกเสก..เพื่อให้..เกิดพลังเป็นแบบ..นั้นๆ.................................
    .............................................ต่อตอนหน้าครับ.......................................


    ............มาแล้วครับ..เพิ่งหาเจอ...........ฝากน้องJoni..เอาไปเพิ่มในเรื่อง....
    ..........พระครูสมุห์ทองดี วัดบางด้วนนอก..........ด้วย
    ............นี่คือรูปถ่าย..เพียงรูปเดียวที่ผมมี..อยู่..โดยท่าน..ลง..แล้วมอบให้..ผม
    โดยขอท่าน..จากเดิมอยูที่เสาหน้า..ที่จำวัดของหลวงอา...ภาพนี้..เป็นภาพสมัยยัง
    ไม่แก่..และหลังจากการไปร่ำเรียนวิชากับ..หลวงพ่อปานมาแล้ว...ที่เห็นฉากหลังคือ
    โบสถ์..หลังเก่า..ภาพความชื้นเข้าไปทำลาย..ภาพจริงๆ..เห็นท่านยืนเต็มตัว....
    ...........................................................................................
    [​IMG]
    ....................................................................................
    .....พระครูสมุห์ทองดี วัดบางด้วนนอก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ....


    ............บอกแล้วครับว่า..อายุมากขึ้น..เห็นโลก..มากขึ้น..สิ่งข้อห้ามของเครื่องราง..ของขลัง
    ..ที่มีเหมือนกัน..หมดคือ..ระดู..หรือ..ประจำเดือนผู้หญิง...ผมก็มาคิดเอาว่า..ทำไม..ทำไม..
    ..และก็..ทำไม...เมื่อ..ระดู..คือ..ผนังมดลูก..ที่ไม่ได้..ทำหน้าที่..แล้วหมดอายุ..ร่างกาย...
    ขับถ่าย..ออกมา..เปรียบได้กับ..ของเสียชนิด..หนึ่ง..แล้ว..ไอ้ขี้นี่..ไม่ยิ่งกว่าละ..เหม็นกว่าแน่ๆ
    ด้วยซ้ำ..ระดู..มันก็มีกลิ่นคาว..แต่ก็ไม่เหม็นเท่า..เครื่องราง..โดนขี้..ไม่เป็นไร..ไม่ได้ห้าม..ผม
    ก็แปลกใจ..แสดงว่า..ไอ้เรื่องนี้..ตกไป...ก็มาคิดถึง..หรือ..เพราะเป็นเลือด..ที่เสีย..แล้วมันเป็น
    อะไร..ก็ของเสียที่กลายเป็นขี้..สารพัดอย่างที่กินเข้าไป..อย่างพวกที่เป็นโรคกระเพาะ..เลือดก็
    ออกข้างใน..แล้วก็มาปนกับขี้..ไม่ยิ่งกว่า..เรอะ...ผมก็มาคิดได้อีกแนวว่า...................
    ..........มันเป็นข้ออ้างเท่านั้น..เพราะสังคมคนโบราณ..ผู้ชายคือ..ผู้กำหนด..กฏเกณฑ์..ทุกอย่าง
    ..ผู้หญิง..เป็นองค์ประกอบ..ที่ต่ำลงมาในสังคม..วิชาการ..ความรู้..ความคิดอ่าน..ได้มาจากผู้ชาย
    ..ตลอดจน..ไสยเวท..มนต์..คาถาอาคม..ก็..กำเนิด..จากผู้ชาย..อะไรที่มาจากผู้ชาย..จึงไม่มีการ
    ห้าม..แต่..เมื่อเป็นผู้หญิง..ที่มีฐานะต่ำในสังคม..แล้วผู้หญิง..มีของเสีย..ที่ผู้ชายไม่มี..คือ..ระดู..
    ก็คือ..เลือดเสีย..เมื่อเปรียบทางกริยา..คือ..การที่เลือดมันตก..ชื่อมันมีความหมาย..เพราะในทาง
    ไสยเวทแล้ว..การใช้ชื่อ..เป็นเคล็ด..เป็นเรื่องสำคัญ..อย่างไม้มงคล..เป็นต้น..เมื่อกริยา..ที่ทำให้
    ชื่อ..เป็น..อัปมงคล..ก็ถือว่า..มันไม่ดี..โดยเฉพาะ..ทางด้าน..คงกระพัน..หรือ..มหาอุตม์....เพราะ
    ทั้งสองชื่อนี่คือ..การป้องกันไม่ให้..ร่างกายต้อง..เลือดตก..ยางออก...เมื่อบูรพาจารย์ผู้ให้กำเนิด
    คาถา..ยันต์..และ..กลายมาเป็น..พวก..ตะกรุดโทน..พิสมร..ฯลฯ..ซึ่งโบราณบูรพาจารย์..จึงกำหนด
    ให้..ใช้ได้..เฉพาะผู้ชาย..เนื่องจาก..ใช้กับ..ผู้ที่..รบทัพจับศึก..ผู้หญิงไม่เกี่ยว..และ..กำหนดให้หลีก
    เลี่ยงจาก..เคล็ดที่เป็นอัปมงคลนี้..ทุกอย่าง..ความเชื่อ..มันถูกถ่ายทอดลง..วัตถุมงคลนั้นๆ..เป็นพลัง
    ที่ฝังอยู่ด้วยอำนาจจิต..ผู้ที่รับถ่ายทอด..การที่จะทำให้ทุกอย่างเกิดความศักสิทธิ์ขึนมาได้..ต้องครอบ
    (ไม่ใช่แบบ..สมัยนี้..อาจารย์นี้..ออกของขลังโน้น..อาจารย์นั้น..ออกของขลังนี่..ทั้งๆที่ไม่ได้ครอบ...
    อ่านตำรา..แล้วทำตาม...ของเลยไม่ขลัง..อย่างที่คิด)..คือ..การถ่ายปราณ..หรือ..พลังในแนวทางนั้นๆ
    แล้วลูกศิษย์..ก็..ต้องยึดหลัก..และ..ความเชื่อ..ทุกอย่างมาจากอาจารย์..ไม่รู้กี่ร้อยทอด..ลงมาถึงยุคนี้
    ..ฉะนั้น..ความเชื่อ..หลักการ..เกณฑ์ต่างๆและ..ฌานถึงขั้น..สร้างให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์..ให้กับวัตถุมง
    คลนั้นๆ..เมื่อ..ของขลังไปโดน..สิ่งอัปมงคล(ตามความเชื่อ..ของปฐมอาจารย์..ผู้ให้กำเนิด..และ..กำหนด
    ห้ามไว้)..เช่น..ระดู..ของขลัง..จึงมีความเสื่อมลง..ตามพลังแห่งจิตที่ประจุไว้................เพราะผู้สร้างกำ
    หนดจิตไว้อยู่แล้ว..ว่า..จะโดนพวกนี้ไม่ได้จะเสื่อม..พลังจะหมดไป...
    ..................ก็ดูอย่าง..พวกอิสลาม..ที่เผลอไปกิน..หมู..แล้วก็อร่อยดี..พอมี..คนบอกว่า..ที่กินนะ..หมู
    ไม่ใช่เนื้อ...ลมพิษขึ้น..ทันที..(ทั้งๆที่ผ่านไป..ครึ่งวันแล้ว)..มันก็อยู่ที่..จิตบังคับ................
    ........เราไม่เคยเห็น..พราหมณ์ที่เป็น..ผู้หญิง..เราไม่เคยทราบว่ามี..ฤาษีที่เป็น..ผู้หญิง...นี่ก็เพราะ..
    สังคมกำหนดบทบาท..และ..ความเชื่อ..เช่นนั้น............
    ...........แต่..ใน..ประวัติศาสตร์..ของ..พุทธศาสนา..มีแน่ๆ..คือ..ภิกษุณี..หรือ..ภิกษุที่เป็นเพศหญิง
    .............................................ต่อตอนหน้าครับ.....................................................................

    ที่มาครับ
    เข้าใจ..ผิด...เข้าใจ..ซะ..ใหม่
     
  3. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ......พระพุทธองค์..เนื่องจากเป็นศาสดาองค์เดียว..ที่รู้แจ้งในโลก....โลกย์..และสรรพสิ่งทั้งหลาย
    ..พระองค์ท่าน..จึงเห็นแจ้ง..และ..ไม่ปฏิเสท..สตรี..ที่จะมาเป็น..นักบวช..ในศาสนาท่าน..ขณะที่
    ศาสนาอื่น..เป็นไปไม่ได้..แม้ศาสนาคริสต์..ที่เกิดชี..ก็มามีทีหลัง..เกิดศาสนาร่วมพันปี..และอยู่คน
    ละระดับ..ซึ่ง..ศาสนาพุทธก็มาเปลี่ยนแปลง..หลัง..ยุคพระพุทธองค์..ยุบเลิกภิกษุณี..แล้ว..กลาย
    เป็น..ชีแทน..ซึ่งมีสถานะต่ำกว่า..พระภิกษุ...ถือศีล..แค่ ๑๐ ข้อ เหมือน..เณร..ทั้งๆที่ยุคพุทธกาล
    ภิกษุณี..ถือ..ศีลเท่า..ภิกษุ......ผมก็เข้าใจต่อว่า..โดยเฉพาะแถบภูมิภาคเอเซีย..ความต่ำชั้นของ
    สตรีในสังคม..ต่ำกว่า..พวกยุโรป..มันก็เลยต้านกระแสไม่ได้..จากภิกษุณี..เลย..เหลือ..ได้แค่ชี..
    ...ซึ่งผมคิดว่า..โดยเนื้อแท้..ศาสนาพุทธจริงๆ..พระพุทธเจ้า..ท่านถือ..ว่า..เท่าเทียม..กัน....
    ไม่ว่าเพศใด..สามารถ..บรรลุธรรม..ได้เช่นกัน..สามารถ..บรรลุ..ฌาน..ระดับต่างๆได้เช่นกัน..
    ..สามารถ..เข้าสู่..อภิญญา..และ..จนถึง..บรรลุ..อรหันต์..ได้..เช่นเดียวกันด้วย......
    ..........ดังนั้น..ผมจึงคิดว่า..ถ้าเป็นพลังบริสุทธิ์..ที่ไม่มี..คาถา..อาคม..ไสยเวท..ใดๆ..ใช้..อำนาจ
    พลังแห่ง..ฌาณ..อันมีพุทธองค์..เป็นที่ตั้ง..ประจุลงใน..วัตถุใด.....วัตถุนั้น..จะไม่มีวัน..เสื่อม..ซึ่ง
    ผู้ที่ใช้ต้องมีความเชื่อมั่นด้วย..................................
    ......................ทองคำ..........ไม่ว่ามันหล่น..หรือ..ไปอยู่..ในที่ใด...มันต้องเป็น..ทองคำอยู่ดี.....
    ..........จิต..คือ..สิ่งนำ..และ..บันดาลให้ทุกอย่างในโลก..เปลี่ยนไปได้...................ความศรัธทา
    ..ความเชื่อมั่น..ย่อมทำให้เกิดพลัง..........
    .................ผมเอง..จึงไม่สงสัย..ว่า..ทำไม..เทพเจ้า..ของ..บางประเทศ..ถึงได้หายไป..ตราบใด
    ที่ยังมี..ผู้สักการะ..เชื่อมั่น..และ..ศรัธทา..พลังนั้นก็ส่งไป..ให้เทพนั้น..ถ้าเทพ..นั้น..มีพลังที่จะดล
    บันดาล..อะไรได้..แต่ขี้เกียจที่จะคืนกลับให้..ผู้สักการะ..ศรัทธา..ก็..เสื่อมลง..ความเชื่อมั่น..การ
    บูชา..ลดลง..พลังที่หล่อเลี้ยงเทพจาก..ผู้สักการะก็น้อยลงด้วย..เทพ..ก็..เริ่มจะทำอะไรไม่ได้..พอ
    มีศาสนาอื่น..เกิดมา..พวกที่เคยสักการะเทพ..ก็..หันไปนับถือ..ของใหม่..เทพ..ทั้งหลาย..ก็..จบลง
    ..เพราะ..ไม่มีพลัง..จากผู้สักการะ..อีกแล้ว....เทพโอลิมปัส..ของ..กรีก....เทพของพวกไวกิ้ง.....
    ...จึงปลาสนาการ..ไป..ตลอดกาล..ที่เหลืออยู่..เป็นแค่..ค่านิยม....วรรณกรรม..และ..รูปเคารพ
    ................ดังนั้น..ผมจึงเชื่อมั่นว่า..พลังบริสุทธิ์..ที่ประจุในวัตถุมงคล..อันเนื่องมาจากพระพุทธองค์
    จึงไม่น่าจะเสื่อมได้....นอกจากนี้..พลังอันมีที่มาจาก..วิญญาณที่ทรงพลังจากภิกษุผู้ทรงศีล...
    ..อย่างหลวงปู่ทวด..ที่ถูกชักนำลงมาประจุ..ในวัตถุมงคล..ก็..น่าจะไม่มีทางเสื่อม..เพราะอย่าง
    คนที่นับถือ..แค่นึกถึง..ก็สามารถได้รับพลัง..มาช่วยได้..เป็นพลังอมตะ..........
    ................................ต่อตอนหน้าครับ.......................................................


    .........ซึ่งผมมาคิดเอาเอง..ภายหลังว่า..ทำไม..พระหลวงปู่ทวดจึงศักดิ์สิทธิ์..จะมากน้อย..ต่างกันแต่ก็
    ยังศักดิ์ทธิ์..อยู่ดี..ไม่ว่า..ใครทำ..ขนาดเป็นรูป..ไม่ได้ปลุกเสก..หรือ..หลวงปู่ทวกเก๊..ยังศักดิ์สิทธิ์เลย..
    ...ขออย่างเดียว..ให้เชื่อมั่น..และ..ศรัทธาในองค์ท่าน.......พลังงานนั้น..จะมาสู่ผู้ที่เคารพ......
    ...........ผมจึงคิดว่า..รูปแทนตัวท่าน..นั้นเหมือน..ประตู..ที่จะเป็นทางเชื่อมต่อ..แห่ง..พลังงานของท่าน...
    ที่จะมาช่วย..คุ้มครอง..ผู้ที่เลื่อมใส.........แต่ถึงแม้..ไม่ใช้ประตู..เพียงแต่ศรัทธา..เชื่อมันมากๆ..ในใจคิด
    ถึงชื่อ..หรือ..คิดถึงท่าน..ก็สามารถ..จะเปิด..หน้าต่าง..ด้วยพลังจิตของผู้นั้น..เพื่อทำให้..พลังงาน.
    .ของท่านมาสู่ตัวได้..แต่จะเปิด..ได้..แค่แง้มๆ..หรือ..เปิดได้มากกว่า..แง้ม..ก็..ก็อยู่ที่..พลังแห่งจิต..ศรัทธา
    .........การที่มีรูปท่านอยู่..แล้ว..เราศรัทธา..มันก็ทำได้ง่ายกว่า..เพราะนึกถึง..รูปท่าน..ที่เรามี..บานประตู
    ก็จะแง้ม..ออกมาได้บ้างบางส่วน..พลังงาน..ของท่านที่..จะผ่านรอยแง้ม..ประตู..ออกมาที่เรา..ก็จะได้ไม่
    มากนัก..แต่ถ้า..รูป(หรือ..รูปเหมือน)นั้น..ได้รับการปลุกเสกแบบ..ธรรมดา..แต่ไม่รู้วิธีการสื่อ..กับท่าน...
    ...ผู้ที่เอาไปใช้..ก็จะได้รับพลังงานจากการปลุกเสก..แบบทั่วๆไป...และพลังจาก..ส่วนผสม..ที่มีอยู่..ไม่
    ต่างจาก..ห้อยพระธรรมดา..แต่เป็นรูปหลวงปู่ทวด..แต่ผู้นั้นยังสามารถ..รับพลังของท่านได้..ก็ด้วย...
    พลังจิต..ที่..ศรัทธา..และเชื่อมั่น..ก็เปรียบได้ว่า..ผู้นั้น..จะต้อง..ออกแรง..ดันประตูเอง..ให้แง้ม..ออกไป
    ..เพื่อให้..พลังผ่านช่องที่..แง้ม..มาถึงตัว..............................
    ...............แต่..รูปเหมือนท่านที่ได้..รับการบวงสรวง..อัญเชิญ..อย่างถูกพิธี..ผู้นั้น..นอกจากจะได้พลัง
    จากการปลุกเสกอย่างทั่วไปแล้ว..ยังมีการมาช่วยเปิด..แง้มบาน..ประตูให้..ทำให้พลังออกมาได้ง่ายขึ้น
    ...........สำหรับ..การมาช่วยแง้ม..หรือ..เปิดบานประตู..ขึ้นอยู่กับ..ผู้ที่สื่อสารชักนำ..ถ้า..แปลรหัส..ได้ไม่
    หมด..ก็อาจจะแค่แง้ม..ธรรมดา..ใครที่แปลรหัสได้เก่งกว่า..ก็จะเปิดบานประตูได้กว้างกว่า........
    ...........แต่ก็คงไม่มีใครอีกแล้ว..ที่รู้รหัสทั้งหมด..และแปลได้ถูกต้อง..จนบานประตูเปิดออกได้สุดเหมือน
    ..อาจารย์ทิม..อีกแล้ว..รองลงมา..ผมก็คิดว่า..เป็นอาจารย์นอง..เพราะเป็นสหายกัน..และ..ทำด้วยกัน
    มาเกือบตลอด.........อย่าคิดมากนะครับ..นี่ผมคิดของผมเอาเอง..เป็นการเปรียบเปรย..ตามสมมุติฐาน
    ของผม.............................
    ....................ผมจึงเชื่อว่า..พลังแห่งพระพุทธ..นี่บริสุทธิ์...ไม่ว่า..คาถาบทไหน..ที่อ้างอิง..ในพุทธคุณ
    (อันเนื่องมาจาก..พระพุทธเจ้า..นะครับ...ไม่ใช่..พุทธคุณ..ที่เราใช้กันทั่วๆไป..เพราะบางทีมันหมาย
    ความว่า...สงฆ์คุณ..หรือ..สังฆคุณ..มากกว่า)...ย่อมไม่น่ามีความเสื่อม..เช่น..คาถา..หลายอย่าง..
    ที่..มาจาก..บทสวดห้อง..พุทธคุณ..ก็คือ..อิติปิโส....จนถึง..ภควาติ..........รวมทั้งถึง..บทพาหุงฯ
    ..และ..พาหุงฯมหากาฯ(..พาหุง..ต่อด้วย..มหาการุณิโก..จนถึง..ชยันโตฯ)...เพราะเป็นการสรรเสริญ
    พระพุทธเจ้า..ที่..ชนะทั้งแปดอย่าง..และขอพลังของ..พระพุทธองค์มาสู่..ตัว.......
    ...ความจริงก็คือ..บทอะไร..ก็ได้ที่เกี่ยวกับ..พุทธองค์...หรือ..การอัญเชิญ..พระพุทธเจ้าทั้งหมด..ลง
    มาสู่ตัว..เช่น..บทชินบัญชร.............เพราะพลังแห่ง..พระพุทธองค์..ไม่มีการเสื่อม..เป็นของแท้..
    แน่นอน..ตราบที่เรายัง..เคารพ..บูชา..ศรัทธา..และ..เชื่อมั่น..ใน..พระพุทธองค์..........
    ....................ต่อตอนหน้าครับ..............................


    ........ผมมานึกถึง..ตอนที่พี่สาวผม..ไปกอดที่ขา..หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง..
    (รายละเอียด..อยู่ใน..หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง กับ หลวงพ่อจันทร์ วัดมฤคทายวัน)
    ..หลังจากที่..พ่อไปลากตัวพี่สาว..กลับออกมาแล้ว..และได้ทำการขอขมาหลวงพ่อ...
    ....(พี่สาวอายุ..ประมาณ ๒ ขวบ)...พ่อได้ถามท่าน(ทำนองนี้)ว่า..ตัวหลวงพ่อจะอาบัติมั้ย
    ...หลวงพ่อท่านก็ตอบ(ทำนองนี้)ว่า..ไม่หรอก....(แล้ว..พ่อผม..ก็ถามต่ออีกว่า..แล้วบาป
    จะตกอยู่กับ..พี่สาว..หรือไม่..ท่านก็ตอบ..ว่า..ไม่..เพราะ..เด็กด้วยวัย..ขนาดนี้..เหมือน
    ผ้าขาว..ไม่รู้เรื่องอะไร(..เหตุการณ์ที่ว่านี้..คือ..เมื่อ..๖๐ ปีก่อน..เด็กวัยนั้น..จะไม่รู้เรื่อง
    อะไร..แน่นอนครับ..ไม่มี..ทีวี..ไม่มีเกมส์..ไม่มีมิวสิควิดีโอ...ไม่ใช่แบบยุคนี้..ที่พ่อแม่มัน
    สอนให้แรด..แล้ว..ออกมาเต้นส่ายไปมา..แบบผู้ใหญ่)..จิตใจบริสุทธิ์..ย่อมไม่เป็นบาป)
    .....................................................................การอาบัติ..หมายถึง..การผิดต่อศีล..ข้อใด
    ข้อหนึ่ง..ใน ๒๒๗ ข้อ..ซึ่งแต่ละข้อ..โทษแห่งอาบัติ..ไม่เท่ากัน......เมื่อพระสงฆ์ระดับท่าน
    ตอบ..เช่นนี้..นั่นแสดงถึงว่า..ท่านได้หลุดพ้นต่อ..โลกย์..ต่อ..โลภะ..โทสะ..โมหะ..รวมถึง
    ..ราคะ..ใดๆ..โดยสิ้นเชิง..จิตท่านเป็นจิตที่บริสุทธิ์..จนท่านเชื่อมั่น..ได้..และทราบด้วย..ตน
    เอง..ว่า..ท่านไม่อาบัติ.......อาบัติ..คือ..หนทางแห่งความเสื่อม..ของพระ..ถ้าพระสงฆ์..องค์
    นั้น..มีจิตที่บริสุทธิ์แล้ว..พระองค์นั้น..ก็ย่อมไม่เสื่อมไปด้วย.................................
    .....................แต่สำหรับ..ผม..นอกจากเครื่องราง..ของขลัง..ที่อยู่กับตัวแล้ว....ก็ยังมีพลัง
    อย่างอื่นที่ฝังอยู่..กับ..ร่างกายด้วย..แต่ผมเอง..ก็ไม่รู้ว่า..เสื่อมหรือไม่.....
    .........๑. ไม่ถึง..ขั้นได้รับการเป่ายันต์เกราะเพชร..ลงกระหม่อม..หรอกครับ...แต่ได้รับการ
    เป่า..กระหม่อมจาก..หลวงพ่อฤาษีลิงดำ..ที่บ้านซอยสายลม..เมื่อ..ร่วม ๔๐ ปี มาแล้ว
    (รายละเอียด..อยู่ใน..ผม..พระ..และ..สาระยุคก่อน)................................
    ....ซึ่งผมเท่าที่จำความได้..ก็..ไม่เคยให้หลวงพ่อ..ไหน..มาเป่ากระหม่อม...
    (....ยกเว้น..ตามในข้อ ๒...เพราะเป็นขั้นตอนของการลงกระหม่อม)....
    ...๒..การลงกระหม่อมด้วย..ดินสอ..เขียนเป็น..ยันต์ครู..ของหลวงพ่อจันทร์ วัดมฤคทายวัน
    (สูตร..ขั้นตอน..และรายละเอียด..เช่นเดียวกับต้นฉบับ..คือ..หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง
    อันนี้..ผู้ยืนยัน..คือ..พ่อผมเอง..ที่อยู่ในเหตุการณ์..ทั้งที่ตอน..หลวงพ่อทองศุข..ลงกระหม่อม
    ด้วยดินสอ..ให้พี่ชายผม..ตอนแกเล็กๆ..และอยู่..ตอนที่..หลวงพ่อจันทร์..มาลงกระหม่อมให้
    ผม...พ่อมาเล่าให้ผมฟังเอง..ตอนช่วงกลับ..กรุงเทพ..).....
    ..........เมื่อประมาณ..ร่วม..๔๐ ปีก่อนเช่นกัน.................................................
    ..........ผมนะ..สู้พี่ชายคนโตผม..ไม่ได้..เพราะ..แก..หลวงพ่อทองศุข..ลงกระหม่อม..ให้ด้วย
    ตนเอง(...รายละเอียด..อยู่ใน..หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง กับ หลวงพ่อจันทร์ วัดมฤคทายวัน)
    ...........................................ต่อตอนหน้าครับ...........................................................


    ๓. สักยันต์ ๑ ครั้ง..จาก..หลวงพ่อทวี..ที่..น้ำอ่าง(ติดกับ..บ้านแก่ง)..อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์..
    เมื่อปี ๒๕๒๐ (รายละเอียด อยู่ใน..ผม..พระ..และ..สาระยุคก่อน)..เป็นการสักที่ท้องแขน..ยังไงผมก็
    เชื่อมั่นในตัวท่าน..ถึงแม้..ท่านจะไม่มีใครรู้จัก..ก็ตาม...ทำให้ผม..ไม่เคยท้อถอย..แม้ในเรื่องใด...
    ....ไม่มีใครเป็น..นักสู้เช่นท่าน..อีกแล้ว..ในสายตา..ผม......
    ๔. น้ำมนต์ยันต์ ทอ ของหลวงอาดี(สูตร หลวงปานวัดบางนมโค)..เป็นน้ำมนต์ที่ไม่เหมือน..น้ำมนต์
    ทั่วไป..เพราะ..เมื่อโดนน้ำมนต์ท่าน..จะต้องเปื้อน..แน่นอน..เพราะ..เป็น..น้ำผสมกับ..ดินสอพอง..ที่ลง
    ยันต์ทอ(..ยันต์นี้..เป็น..ยันต์ประจำตัว..หลวงพ่อปาน..ถ้าใครเคยเห็น..ผ้ายันต์..หรือ..กระดาษยันต์ท่าน
    ..ยันต์นี่..จะอยู่เหนือ..ศรีษะท่าน..รายละเอียด..อยู่ใน..พระครูสมุห์ทองดี วัดบางด้วนนอก)..........
    ...........ผมได้รับ..น้ำมนต์นี้..ไม่น่าจะต่ำกว่า..๒๐ ครั้ง...ยังไงๆ..ก็น่าจะซึมเข้ามาในตัวบ้าง.....
    .....................ช่วงอายุเลย..๕๐..แล้ว..ผมก็มาใส่..เครื่องเงิน..ที่ข้อมือ..มากขึ้น..ซึ่ง มากกว่า ๙๐ %..
    ผมจะทำเอง..ไม่ว่า...จะเป็น..สร้อย..กำไล..ส่วนที่เหลือ..ก็เป็นของที่..ซื้อมา..แล้วเอามา..ดัดแปลง..
    (..แหวน..ก็..เช่นกัน..ครับ..ทำเอง..มีที่ซื้อมา..ก็มาเปลี่ยน..หัวเอง..แล้วแกะลาย..ที่ออกแบบเอง..ซึ่งมีอยู่
    วงเดียว..อีกวงก็แหวนพระทองเหลืองโบราณ..ก็มาดัดแปลง..ให้ใส่ได้..ไม่คัน..ไม่เขียว..ที่เหลืออีก..๙ วง
    ทำเอง..ทั้งหมด..).............................
    ...........แล้วผมก็เริ่ม..ปรับปรุง..พวกสร้อยข้อมือ..และ..กำไล..โดยเอา..ตะกรุดเงิน..ทั้งหลายของผม..ร้อย
    เข้าไป...ตอนหลังตะกรุด..ไม่เงิน(ทองแดง..ฝาบาตร..ตะกั่ว)...ผมก็เอา..ร้อยเข้าไปด้วย..ทั้งนี้..ต้องมีการ
    ถักหุ้ม..แล้วก็..พอกด้วย..กาวช้างเลย(เพื่อความคงทน).........แถมยังมี..สิงห์งาแกะ(ของเดิม)..กับ..งา
    ขนาย..พลายกระเด็น..ไล่ผี..ของ..หลวงพ่อทวี..ร้อยเข้าไปด้วย...ก็อีรุงตุงนังหมด..ละครับ....
    ....สรุป..คือ..มี..สร้อย..และ..กำไล..ข้างละ..ไม่ต่ำกว่า ๑๓ เส้น..ทั้งนี้..ไม่มีการถอด..ด้วยประการทั้งปวง
    ไม่ว่า..กรณีใด........(แฟนผม..ชวนไปเที่ยวต่างจังหวัด..ที่ต้องขึ้นเครื่องบินไป..ผมก็บอกว่า..ไม่ไป....
    เพราะ..ไม่ต้องการจะ..ถอดสร้อยข้อมือ..ออก)........................................
    .................สี่ห้าปี..หลังมานี่..ผมเกือบไม่เปลี่ยนแปลง..พระที่ผมห้อยเลย...สร้อยพระ..อีก ๖-๗ เส้น...
    อยู่ยังไง..ก็อยู่ยังงั้น...ไม่เคยเอามาห้อยอีก..อย่างที่ผมเคยบอกไป..ต้นๆว่า..ผมเลิกเล่นพระ..และเลิก
    สะสมพระแล้ว..แต่เวลาเดินผ่านร้านหนังสือพระ..นานๆที..ก็หยิบมาเปิดอ่านบ้าง..เพื่อ..ดูความเปลี่ยน
    แปลง...ฉะนั้นเวลาบางที..มีมาถามพระใหม่ๆ(..อายุการสร้าง..ไม่ถึง ๒๐ปี..ผมจึงแทบจะไม่รู้จักเลย)
    ...คือความคิด..ของผม..ว่า..ผมพอแล้ว..อิ่มตัวแล้ว..ไม่เช่า..ไม่แลกพระ..กับใคร..อีกแล้ว....แค่ยังสนใจ
    อยู่บ้างเท่านัน้.............................................................................................
    ................................ตอนนี้..เมื่อผม..อารัมภบท..ยาวแบบ..มหากาพย์สงครามทุ่งคุรุเกษตร..ไปแล้ว
    ..หลายท่าน..คงโคตรเบื่อ..คิดในใจว่า..เมื่อไหร่..มันจะเข้าเรื่อง..ซะทีวะ......
    ............ยังครับ..เบื่อต่อไป..ผมต้องเล่าที่มา..ของ..เรื่อง..อ้อมไปเรื่อยๆต่อ..แต่ก็ใกล้แล้ว........
    ..................เพราะผม..จะเริ่ม..เข้ามาในอาณาเขตบริเวณ..บ้านของผม..อันเป็นที่เกิดเหตุ....
    ..แต่บางที..ก็อาจเลี้ยวไปโน่น..ไปนี่..อีก..ตามสไตล์........
    ..................................................ต่อตอนหน้าครับ................................................


    .........สวัสดี..และ..ยินดีต้อนรับครับ..น้องเจ...
    ...ความจริงแล้ว..วัดอรุณ..ก็มีทำพระอยู่..เรื่อยๆ..แต่คนไป
    สนใจ..วัดที่อยู่ติดกัน..มากกว่า..คือ..วัดระฆัง....
    ....ผมว่า..พิธีปี..๒๕๐๖..ที่ทำพระผงรูปพ่อท่านคล้ายนี่..พิธีดีเยี่ยมแน่..
    ....แต่พิมพ์นี้..สมัยก่อน..ผมก็ไม่เคยเห็น..อันนี้ต้องขออภัย..ที่
    ไม่ทราบใน..รายละเอียด..แต่ถ้า..เป็น..ตระกูลหลังโล่ห์..
    ...ถ้าเลี่ยงได้..ก็..เลี่ยงซะดีกว่า..ครับ..
    ..ถ้าไม่งั้น..ก็เอาเป็น..รูปพ่อท่านคล้าย..ซะเลย....


    ..........ขอบคุณ..น้องเจ..ที่มาทักทาย..เพิ่งรู้ว่าเป็นแฟนเก่าผม....
    ....ขอบคุณอีกที..ในคำชื่นชม..ในตัวผม.........
    .........ครับ..คงไม่ได้ย้ายไปไหนอีก...เขียนไปเรื่อยๆ..
    ..จนกว่า..จะหมด..แรง..ไปเอง...........

    ......บ้านที่ผมอยู่ปัจจุบันนี้..ผมอยู่มาตั้งแต่เด็ก..แต่ก็ไม่ตลอด..พอโตหน่อย..ผมก็ต้องไปกับครอบครัว..
    ไปอยู่แถวๆ..สามเสน..แล้วก็กลับ..มาอยู่อีกที..หลังจาก..บวชแล้ว..และกลับจาก..ญี่ปุ่น..ประมาณปี..
    ๒๕๒๗-๒๘ แล้วก็อยู่มาจนทุกวันนี้..บ้านนี้..สร้างประมาณ ปี ๒๕๐๗-๒๕๐๘..อยู่แถวๆ..ไม่ห่างจาก
    ปากทางลาดพร้าว..เท่าไหร่..ตอนวันที่ทำพิธีตั้งเสาเอก..ซึ่งเมื่อคืนยังดีอยู่..ปรากฎว่าในหลุมเสาเอก
    (..สมัยก่อน..การสร้างบ้านในกรุงเทพ..เขาใช้เข็มไม้..นะครับ..ยาวสุดไม่เกิน ๖.๐๐ เมตร..ถ้า ๖เมตร
    เส้นผ่าศูนย์กลางเสา..ก็ ๖ นิ้ว..เสา ๑ ต้น..จะต่อกับ..ตอม่อ..ทีเทคอนครีตทับ..กลุ่มเสาเข็ม ๔ ต้น..
    ..๕ ต้น..แล้วแต่การรับน้ำหนัก(..ไม่ใช่แบบสมัยนี้..เข็ม ๒๑ เมตร..เสาวางคล่อมเข็ม..ต้นเดียว)...
    หลุมเสาจึงใหญ่..ไม่เหมือนยุคนี้..ที่เล็กนิดเดียว)..เมื่อเริ่มจะทำพิธีในตอนเช้าตรู่..มีงูเหลือม..ตัวขนาด
    เกือบเท่า..ต้นขา..นอนขดอยู่(ซึ่งเมื่อผมโตขึ้น..ก็..ไม่แปลกใจ..เมื่อรู้พฤติกรรมงู..และ..บริเวณดังกล่าว
    ..ก็เป็นที่ต่ำ..เป็น..นาเก่า(..สมัยที่สร้าง..ทั้ง..ซอย..มีบ้าน ๕ หลัง)..มีน้ำขัง..ช่วงหน้าฝน..ซึ่งเป็นที่ทำมา
    หากิน..ของพวก..งู..อยู่แล้ว)...คนที่ทำพิธี..เขาบอกว่า..นี่คือเจ้าที่(..ก็อยู่แถวๆนี้มาก่อน..ก็ต้องเป็น..
    แหงๆ..อยู่แล้ว)..เขาทำการสวดอะไรไม่ทราบ..สักพักงูมันก็เลื้อยจากหลุมไป(..ทั้งหมดนี่..แม่เล่าให้ฟัง
    ...ผมไปเรียนหนังสือ..แม่อยู่ในพิธีด้วย)...ผมว่างูมันก็คง..รำคาญ..ที่มีคนมาล้อมหลุมที่มันนอนอยู่....
    ...ตอนผมกลับ..มาอยู่..ใหม่ๆ(อยู่..คนเดียวครับ..โสดสนิท)..ผมก็ไม่ได้คิดอะไร..แต่แม่เขาเล่า..ว่า...
    เวลาไป..ดูหมอ..ทีไร..พวกหมอที่มีsenseทางใน..ก็จะบอกเหมือนกันหมด..ว่า..เจ้าที่ๆบ้านนี้..แรง..
    ..บ้านผม..ไม่ได้ตั้ง..ศาลพระภูมิ..นะครับ...ขนาดแม้ช่วงหลัง...เวลาแฟนผม..เขาไปหาหมอดู..ก็บอก
    ตรงกัน..หลายรายอีก..ว่าเจ้าที่แรง...แต่มีอยู่ราย..แม่นมาก..บอกว่า..เจ้าที่อยู่ที่..ต้นมะม่วงอกร่องยักษ์
    (ต้องเน้นว่า..ยักษ์..ไม่ใช่ใหญ่..บ้านเสร็จใหม่ๆ..แม่ก็..เอาต้นมะม่วง..แบบเพาะเม็ด..มาปลูก..หลายต้น
    ..แบ่งแยก..ระหว่าง..ของแม่..กับ..ของพ่อ..เพราะ..รสนิยมไม่เหมือนกัน...พ่อ..จะมี..มะม่วงน้ำดอกไม้
    ๒ ต้น..เพราะพ่อเป็นคนบ้านสวน..อยู่ปากน้ำ..น้ำดอกไม้ที่นี่ อันดับ ๑..พ่อกินมาตั้งแต่..เด็ก.....แม่
    ก็..จะเป็น..สามฤดู ๑ ต้น..และ..อกร่อง ๑ ต้น....ปัจจุบันต้นอื่น..ตายหมดแล้ว..เพราะมันแก่..และ
    อาจมี..ปลวกมา..กินราก..รวมถึง..พวกกาฝากด้วย..แต่..มะม่วงอกร่องของแม่..ยืนหยัดอย่างไม่สะ
    ทกสะท้าน..ลำต้น..ที่โคน..ใหญ่กว่า ๑ โอบผู้ชาย..อายุถึงปัจจุบัน..ก็..หย่อน ๕๐ ปีไป..ไม่เท่าไหร่..)
    ....ผมเพิ่ง..มาแน่ใจ..เอาไม่นานนี้..หลังจากอยู่ด้วยกันมา..เกือบ ๓๐ ปีเฉพาะช่วงหลังที่ผมกลับมา
    อยู่...หลายเหตุการณ์ที่เกิด..มาจากต้นเหตุ..ซ้ำๆหลายครั้ง..เริ่มจาก ๑ ครั้ง...เราจะเรียกว่า..”บังเอิญ”
    ๒ ครั้ง..”คงไม่หรอก”..๓ ครั้ง.”..ผิดปกติ..”.๔ ครั้ง..”คงยังงั้นแหละ”..๕ ครั้งขึ้นไป..”ไม่ต้องคิดอะไร
    มาก..อยากเกิด..ให้เกิด”.............................
    .......................................................ต่อตอนหน้าครับ...............................

    ที่มาครับ
    เข้าใจ..ผิด...เข้าใจ..ซะ..ใหม่
     
  4. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ฉ่ำใจกันเลยนะครับ ลงแบบยาวยาวเพราะตอนปีใหม่ไม่ว่างมาอัำพครับ ขอโทษหลายหลายเด้อพี่น้องที่ติดตามครับ ว่างว่างก็ไปให้กำลังพี่ท่านกันนะครับผม ซำบายดีวันทำงานครับ:cool:


    ที่นี่เลยครับ เข้าใจ..ผิด...เข้าใจ..ซะ..ใหม่
     
  5. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ..น้อมกราบอริยสงฆ์...
    อรุณสวัสดิ์เช้าวันพุธครับพี่น้อง
    ชัยภูมิอากาศเย็นลงอีกแล้วครับ ตอนนี้ไม่ถึงยี่สิบองศา รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ
    ห่วงนะถึงได้บอก ซำบายดีวันทำงานกันนะครับ
    ^^__^^
     
  6. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ..น้อมกราบอริยสงฆ์...
    อรุณสวัสดิ์เช้าวันพฤหัสบดีครับพี่น้อง
    ชัยภูมิอากาศเย็นลงอีกแล้วครับ ตอนนี้ไม่ถึงยี่สิบองศา เมื่อคืนฝนตกอีกด้วย รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ
    ห่วงนะถึงได้บอก ซำบายดีวันทำงานกันนะครับ
    ^^__^^
     
  7. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    วันนี้ว่างนิดหน่อยเด้อ.....



    ..............ก็เริ่ม..ตั้งแต่..ผมต้องตัดกิ่ง..เพราะแม่..ปลูก..ที่หน้าบ้าน..และ..ชิดรั้ว..แม่เองเค้าคงไม่คิดอะไร
    หรอกครับ..ก็ให้ร่มดี..สมัยที่แม่อยู่..มันก็ไม่ใหญ่มากนัก..พอผมเริ่มกลับมาอยู่..ก็ต้นใหญ่ขึ้นมาก..สูงเป็น
    ๑๐..เมตรแล้ว..(อายุประมาณ ๒๐ ปี)...ผมก็ต้องเริ่ม..ตัดกิ่งบ้าง..เพราะมันยื่นเข้าไปใน..ถนนในซอยมาก
    ..แถมยัง..ระ..สายไฟเข้าบ้าน..สายโทรศัพท์..ยิ่งตัด..ก็ยิ่งแตก..ใครๆก็ทราบ..ผมเริ่มรำคาญ..ก็..ต้องตัด
    ..ชุดใหญ่..ก็ทุกครั้ง..ที่มีตัดใหญ่..ผมจะต้องเจ็บตัว..โดนเลื่อยบาด(ทั้งๆที่..ระวังแล้ว)..ลงมา..ขาแพลง..
    ....ทั้งๆที่..ผมตัด..ต้นอื่น..ที่ขนาดใกล้เคียงกัน..ก็..ไม่เป็นไร...อีกที..ตัดเยอะ..ไม่ถึง ๒ วัน..ขโมยขึ้นบ้าน..
    .....มันจะเป็น..อะไรที่..ซ้ำซากอยู่อย่างนี้..ตลอดเวลา..ประมาณ ๒๗ ปีมานี่..ทั้งที่..ผมก็ขอขมาทุกครั้ง
    (หลังจากที่..แน่ใจแล้วว่า..โดน..ก็ร่วม ๑๐ ปี..มานี่)...ถ้าตัดเล็กๆ..ไม่เป็นไร..............
    ..................ผมนะ..ตั้งแต่ไหน..แต่ไร..ไม่นิยม..บูชา..แบบที่ต้องมี..ของเซ่นไหว้..เพราะผมคิดว่า..ถ้าทำ
    ก็ต้องทำกันตลอด....ผมก็เลยไม่ทำ...ผมไหว้..อย่างเดียวพอ...ไม่พอใจ..ผมก็ไม่สน..ทำใจได้........
    .....................ผมพอเริ่ม..เลข ๕ นำหน้า อายุมา..และแนวคิด..อย่างที่ผมกล่าวไป..ตอนก่อนๆ..ผมก็
    เริ่ม..ไม่ถือ..อะไรอีก..เรื่อง..ห้ามโน่น..ห้ามนี่..ก็ไม่อยู่ในสมองผม..แล้ว..ถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน....
    หรือ..ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว..แต่เวลาไปนอกบ้าน..ผมก็ยังต้องแคร์สังคมบ้าง..เพราะบางอย่าง..มัน
    เป็น..วัฒนธรรม..แต่ในใจ..ไม่ถือ..ก็ทำให้หัวใจแข็งแกร่งขึ้น..ไม่ใช่แบบ..ตอนหนุ่มๆที่..ต้องเลี่ยง
    โน่น..เลี่ยงนี่..ขนาดจะเดิน..ลอดใต้สะพานลอย..ยังไม่เอา..ยอมเดินอ้อมเอา.....แต่ไอ้ที่ติดมา..
    ..และห้ามไม่ได้..ตั้งแต่..หนุ่มแล้ว..ก็คือ..เรื่อง..สบถ..ผมเป็นเยอะ..ตอนที่อยู่..อำนวยศิลป์....
    ความที่..อยู่หลังห้อง..หนังสือก็..แทบไม่ได้เรียน..คุยกัน..โขกหมากรุก..กันหลังห้อง..ขณะ..
    อาจารย์สอน..กรอกกัญชาใส่มวนบุหรี่..แล้วเอาไปดูดที่ห้องน้ำ..ทั้งๆที่อาจารย์สอน..อยู่หน้า
    ห้อง...กลุ่มผม..มัน..พูดคำ..ด่าคำ..กันตลอด..กลางวันกินอาหารแล้ว...ก็ปักหลัก..กันที่..ส้วม
    ดูดบุหรี่มั่ง..กัญชามั่ง..อย่างมีความสุข(แต่..ผมไม่ติดนะครับ..กัญชา..ติดแต่บุหรี่..อย่างเดียว)
    ...........จะไปโทษเพื่อนอย่างเดียว..ก็ไม่ได้..ไอ้เรามันเลว..เองด้วย...เรื่อง..คำด่าบุพพการี..ก็
    เลยติด..อย่างแก้ไม่ได้..ก็..ทั้ง..---พ่อ.....---แม่...เป็นเรื่องปกติ...ทั้งๆที่..เราก็มีเครื่องราง..ของ
    ขลัง..หลายอย่าง...รู้ทั้งรู้..ว่าเขาห้าม..มันก็เผลออยู่ดี...ก็..ขนาดอยู่..คนเดียว..เวลาโกรธ..ก็
    เผลอ..สบถ..ออกมา...เรื่องอื่นเลี่ยงได้หมด..ยกเว้นเรื่องนี้..เรื่องเดียว................
    ..........อย่างบอกไปแล้ว..พอเริ่มมี..อายุ..และมีแฟน..ผมก็ไม่สน..ฝนจะตก..แฟนผม..ตาก..
    กางเกงในไว้..ผมก็หยิบมาให้...เรื่องราวตากผ้า..เดี๋ยว..ก็ต้องผูกใหม่..ซ่อมบ้าง..ก็รอดราวไป
    ..รอดราวมา..ไม่คิดอะไร...สะพานลอยคนเดินข้าม..ก็เดินลอดได้..สบายมาก....
    .......ก็ดีไปอย่าง(ตาม..ความคิดส่วนตัวของผม)..ไม่ต้องไปคอย..ระวังอะไร...เรื่องพระบางองค์
    ..หรือ..ตะกรุดเครื่องราง..ที่ติดตัวอยู่..มีการเสื่อมหรือเปล่า..ผมก็ไม่ทราบ..แต่ผมก็ไหว้..บูชา
    ของผม..ทุกคืน...................
    ...............ที่ผม..มาเล่านี่..ไม่ได้ชักชวนใคร..ให้คิดแบบผม..และไม่ได้เสนอแนะ..อะไรเพียง
    แต่..เล่าความเป็น..ตัวตนของผม..อย่างไม่ปิดบังอะไร..และผมเองก็ไม่ได้..แคร์สังคมเท่าไหร่
    ..ผมมันแค่..คนที่มีอายุ..และ..มีความคิดอ่านเป็นของตนเอง..ไม่ได้ไปเลียนแบบใคร...
    ...และไม่เสแสร้ง..ว่าเป็นคนดี..แต่ยังมีมารยาทสังคม..บ้างเล็กน้อย..เท่านั้น....
    ...........................................ต่อตอนหน้าครับ......................................


    <table cellpadding="5" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td height="100%" valign="top" width="85%">........ขอบคุณ..น้องSanta..คือ..มันทำให้พี่..ชอบที่จะทำอะไรเอง..
    ..และทำคนเดียว...ไม่เหมาะสำหรับ..คนที่ยังอยู่ในองค์กร..และสังคม
    คนหมู่มาก...ที่จำเป็นจะต้องมีการ..ประสานงานกัน..หลายๆคน...
    คนแบบพี่..จะรำคาญ..และหลีกลี้..ไปเอง..........

    </td> </tr> <tr> <td class="smalltext" valign="bottom" width="85%"> <table style="table-layout: fixed;" border="0" width="100%"><tbody><tr> </tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

    ......................ผมเอง..เป็นคนที่ใส่พระ..และเครื่องรางต่างๆ..ตลอดเวลา..๒๔ ชั่วโมง..
    ..จะอาบน้ำ..จะนอน..ก็ไม่เคยถอด..แฟนผม..ยังรำคาญ..เพราะเวลาผม..พลิกตัว..พระ
    จะกระทบกัน..กรุ๊ก..กริ๊กๆ..และก็แปลกใจ..มากเพราะไม่เคยเห็นใคร..ที่ห้อยพระเยอะๆ
    ..แล้วหลับได้..ไม่รำคาญ.................................................
    ..............พระ..ที่ผมห้อย..เป็น..พระกรุ..๓ องค์.....
    .........................เป็น..พระ..หลวงพ่อ..ปลุกเสกเดี่ยว(บางองค์..ปลุกเสกกัน..๒ องค์ก็มี
    ๓ องค์..ก็มี..ก็เหมาเป็นเดี่ยวไปเลย)....๖..องค์..
    ........................เป็น..พระ..ปลุกเสกหมู่(รวม..พวกพุทธาภิเษกด้วย)...๙ ..องค์..
    ....เป็นเครื่องราง..ที่ติดกับสร้อยคอ....๒..ชิ้น.....
    ..............................ส่วนที่ข้อมือ..เป็น..ตะกรุด..ก็..มากกว่า ๑๐ ดอก(ขี้เกียจนับ)....
    ...........เครื่องรางที่..ไม่ใช่..ตะกรุด..อีก..๒..ชิ้น..........................
    ......................ถามผม..ว่า..มั่นใจองค์ไหน..มากที่สุด..ตอบไม่ได้ครับ..และไม่เคยอยู่
    ในหัวสมองเลย...ผมใส่..เพราะอยากใส่..แต่เวลานอน..ผมก็ไหว้บูชาก่อนนอน..ทุกคืน
    (เว้นที่..เผลอ..เพราะเพลียหรือ..ง่วง..หัวถึงหมอน..หลับไปเลย)..แต่ผม..จะมีเคล็ดส่วน
    ตัว..ในการเลือกพระ..ที่จะใส่ตลอด..ก็คือ..องค์ไหน..ใส่แล้วไม่รำคาญ..ก็จะใส่ยาว..
    บางองค์..พระราคาเป็นหมื่น..พยายามใส่..เป็นเงินด้วย..ใส่แล้วไม่รู้เป็นยังไง...มันไม่ใช่
    ..ทั้งๆที่ผมก็..นับถือท่าน..ก็มีอันจะต้องปลด..ออกจากสร้อย..เรียกว่า..ชะตาไม่ต้องกัน..
    ...และมีอยู่ ๑ ที่ผมเสียดาย..จนทุกวันนี้..เพราะผมปลดออกมาวางได้ ๒-๓ วัน..ขโมย
    ขึ้นบ้าน..แล้วมันเอาไปเลย..องค์นี้..ผมขอพ่อมาด้วย................
    ..............เหรียญหลวงพ่อเกษม กองพันลำปาง ๒๕๑๗ เนื้อเงิน..สภาพ ๙๐ เปอร์เซนต์กว่าๆ
    (ความจริงเดิม..นะ ๙๙..แต่ผม..เอามาห้อย..แล้วผมมันเป็นคนเหงื่อมาก..ไม่ได้เลี่ยม..แป๊บ
    เดียว..ก็เริ่มสึกไปนิดนึง)..เหรียญที่ถ้าจำไม่ผิด..พ่อได้มาจาก..ตัว..ผบ.พันลำปาง..เอง..ขณะ
    ตอนที่ไป..ตรวจเยี่ยมหน่วย..เมื่อปี..๒๕๑๘.....เหรียญก็สวยมาก..แกะเหมือน..ทั้งๆที่ผมเคย
    ห้อย..เหรียญระฆัง๑๖..มาก่อนหน้านี้..ตั้งหลายปี...ผมเพิ่งจะขอพ่อ..เอามาห้อยเมื่อ..ซักสิบปี
    มานี่เอง.................................เจ็บใจมากๆ..ไม่รู้จะทำยังไง...ต้องโทษตัวเองที่เก็บไม่ดีด้วย...
    ..............บางองค์นึก..ไม่ถึงว่า..จะห้อยได้..อย่างเหรียญนเรศวรเมืองงาย...ที่เป็นทองแดง..
    เอาอลูมิเนียมจับแค่ขอบ..เนื้อพระ..สัมผัสผิวตรงๆ..กลับไม่เป็นอะไรเลย..ไม่รำคาญด้วย....
    ขนาดทำงาน..เหงื่อท่วมตัว..หน้าอก..ยังไม่เขียวด้วยซ้ำ..แต่เหรียญนี่สึก..ไปอื้อซ่า..ทั้งๆที่
    ได้มาอย่างเอี่ยม................................
    ...........................................ต่อตอนหน้าครับ..............................................


    ..........ผมมันแปลกอย่างนึง..ไม่ชอบเอาพระไปเลี่ยม..เพื่อ..ห้อย..มันไม่ได้ความรู้สึก..ยังไง
    ไม่ทราบ..สมัยก่อน..ผมซื้อเงิน..ที่เป็น..แบบเส้นมา..ดัด..และ..ขด..สอด..พัน..เพื่อให้เป็น..แหวน
    ..ผมก็ได้..ประโยชน์ด้วย..คือ..เอามาถัก..หุ้มพระ..แบบโปร่งๆ..รูปแบบเดียว..กับที่ชาวบ้าน..เขา
    ใช้..ลวดทองแดง..ถัก..อย่างพวก..พระเมืองสุพรรณ..ทั้งหลาย..ผมก็ไม่ได้..สนใจ..ว่าพระจะสึก..
    เพราะ..ไม่ได้เอาไป..แลกกับใคร..ห้อยทั้งอย่างงั้นไปเลย....มีหลายองค์..แต่ปัจจุบัน..เหลืออยู่..
    องค์เดียว..ผมใส่ตั้งแต่..สภาพถือว่า..เยี่ยม..จนปัจจุบัน..แทบจะมองไม่เห็นองค์พระ..พวกน้องๆ
    คนสุพรรณ..บ่น..เสียดายพระ...นั่นคือ..พลายคู่ตัดเดี่ยว..หน้ามงคล..พิมพ์ที่เล็กที่สุด..ของ
    พลายคู่ วัดบ้านกร่าง..สุพรรณบุรี...โดนทั้ง..เหงื่อ..สบู่..และ..กรอบพระอื่น..ช่วยกัน..ขัดถู
    ..นี่ขนาด..เนื้อเป็นดินเผา..อย่างแกร่ง..ยังสึก..แต่ผมชอบ..แฮะ..ดูขลังดี...
    ..............ตอนหลัง..ผมไม่ได้..ทำเงินแล้ว..แต่ยังชอบ..ที่จะห้อยพระ..แบบเปลือยๆอยู่..ก็
    เลยไปใช้..บริการ..ของลวด(ที่หุ้มฉนวน)ข้างใน..สายโทรศัพท์..เพราะมันเล็กดี..และดัดง่าย
    ...คราวนี้..ก็..หันมาทาง..พระกริ่งบ้าง..อีกอย่างนึงเพราะ..พระกริ่ง..ถ้าเอาไปเลี่ยม..แล้ว
    องค์ใหญ่ไป..ผมเคยห้อย....กริ่งฟ้าผ่า วัดดอน ๒๔๘๐ ..ที่เลี่ยมพลาสติก..โอ้โห..ใสแล้ว..
    รำคาญ..เหมือนกัน..ตีหน้าอก..น่าดู...ก็องค์นี้แหละ..ลอยไปกับผมกลางอากาศ..ร่วม..
    สิบเมตร..กลางถนนลาดพร้าว...จาหเหตุการณ์ที่ผม..ซ้อนท้ายพี่ที่ทำงาน..กำลังวิ่งอยู่ดีๆ
    ดันเสือกมี..รถยนต์เด็กวัยรุ่นเป็นแฟนกัน..ทะเลาะแล้วยื้อพวงมาลัย..รถแถมาซ้าย..อย่าง
    ไม่รู้เนื้อรู้ตัว..ชนเป้งเข้าที่มอเตอร์ไซค์พี่เค้า...แกเองกับรถ..เข้าไปปัก..กับฟุตบาท..สาหัส..
    ผมลอยออกจาก..ท้ายมอเตอร์ไซค์พุ่ง..ข้ามไอ้รถคันนั้น..ด้วยแรงส่งของรถ..ลอยไปร่วมสิบ
    เมตร..แล้วไปตกลงที่..กลางถนนลาดพร้าว..กริ่งวัดดอน..กระแทกกับพื้นถนน(ผ่านเสื้อที่ใส่)
    กรอบแตก..แล้วท่านก็กดกับ..หน้าอกผม..ตรงตำแห่นง..กระดูกใกล้ลิ้นปี่..จนเป็นแผลเล็กๆ
    .....ครั้งนี้..ผมก็เจ็บบ้าง..คือ..ยอกที่หัวเข่า..กับ..ที่พระกระแทก..เพราะเป็น..จุดกระแทกกับ
    ถนน..แต่ก็ไม่เป็นไร..อันนี้..คนไม่ใส่พระเลย..อาจจะเจ็บน้อยกว่าผมก็ได้..เพราะไม่ชัดเจน..
    ไม่เหมือน..กับที่..ผมจะเล่าตามหัวข้อนี้..เกิดมาร่วม..๓๐ ปีแล้วครับ..เหตุการณ์นี้....
    ..............กลับมาเรื่อง..ถักพระต่อ..ผมก็เลย..เอามาถักหุ้ม..กริ่งนเรศวรวังจันทน์๒๕๑๕..
    เพราะท่าน..สวยดี..อยากห้อย...ใส่ไปได้ซักพัก..ไม่ไหว..ท่านเริ่มสึก..ก็เลยต้อง..นิมนต์..
    ....เอาใหม่อีก...คราวนี้..ถักหุ้ม..กริ่งหลังปิ..๒๕๐๖ วัดสุทัศน์..ของท่านสมเด็จพุฒาจารย์
    เสงี่ยม..............ผมนะ..ห้อยก่อนใครเลย..ตั้งแต่เค้ายังไม่นิยมกัน..ราคาตลาด..ยังไม่ถึง..
    ๑๐๐๐ บาท..ด้วยซ้ำ..เพราะผมทราบ..และ..ศึกษาข้อมูลมา..ว่ากริ่งนี้..ก็ไม่แพ้..กริ่ง
    เจ้าคุณศรี..เท่าไหร่...ช่วง..ประมาณปี..๒๕๓๐-ประมาณ๒๕๔๐ พระกริ่งวัดสุทัศน์..เฟื่อง
    มาก..ยังกะจตุคามเลย..หลายท่านน่าจะจำ..กันได้..ปีนึง..พระกริ่งที่ไปปลุกเสก..ที่วัดสุทัศน์
    ..มีไม่รู้ตั้ง..กี่รุ่น..เรียกว่า..ปีนึง..ร่วมสิบรายการ...
    .......................................ต่อตอนหน้าครับ.......................................

    ที่มาครับ เข้าใจ..ผิด...เข้าใจ..ซะ..ใหม่
     
  8. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    .........อยากได้เรื่อง..ผ้ายันต์..เรอะ..
    ..เอา..ไว้..จบ..ตอนนี้ก่อน..ความจริง..พี่จะเขึยน..
    เรื่องนี้..ตั้งแต่..ผม..พระ..และสาระยุคก่อน..แล้ว
    ..แต่ขึ้เกียจ..เพราะมันจะมากเกิน..สำหรับ..ของขลัง...
    ...มันอยู่ใน..สไตล์เดียวกับ..ตะกรุดปลอม..นั่นแหละ..
    ...เรื่องมัน..ไม่สั้น..ต้องเขียนเป็น..ตอนยาวเลย...
    ...แล้วก็..อ้อมไป..อ้อมมา..(อู้ + ยืด)..แบบเดิม....
    ......ปลอมแบบ..สมัยใหม่..พี่ไม่เป็น..นะ..บอกซะก่อน..
    ..ได้แต่....ปลอมแบบ..สมัยเก่า..................

    ..........สมเด็จฯเสงี่ยม..ท่านก็เป็น..ลูกศิษย์ของ..สังฆราชแพ..เช่นกัน..ศึกษาการทำพระกริ่ง
    มา...เมื่อถึงวาระ..เหมือนกับจะ..ทำเพื่อได้ใช้วิชา..ที่ร่ำเรียนมา..เพื่อจะทำ..พระกริ่ง..ของท่าน
    เอง..และเป็นวาระที่ท่านครอง วัดสุทัศน์..เรียกว่าจะเป็น..ธรรมเนียม..ก็ว่าได้..เพื่อที่..กริ่งรุ่นนี้
    จะเป็น..ตัวแทนของท่าน..ท่านจึงทำอย่างเต็มที่..เรียกว่า..ทุกขั้นตอน..รายละเอียดทุกอย่าง..
    ยันต์ต่างๆ..การปลุกเสกในแต่ละครั้ง..จำนวนครั้ง..เป็นไปตามสูตรครบถ้วนเช่น..ยุคของสังฆราช
    แพ..โดยเฉพาะเนื้อหา..ที่..กริ่งยุคหลังของสังฆราชแพ..ที่เจ้าคุณศรีสนธิ์..หรือ..ของเจ้าคุณศรีเอง
    ยังทำได้ไม่เท่าคือ....เนื้อ..ที่สมเด็จฯเสงี่ยม..ท่านคงสูตรไว้ครบถ้วน..เพราะ..กริ่งหลังปิ..นี้..เป็น
    เนื้อนวโลหะแท้ฯ(..๙ อย่าง..ไม่ใช่ ๗..หรือ..๕)..อย่างของสังฆราชแพ..ยุคต้น..และ..ยุคกลาง..
    ..เนื้อจะกลับดำ..ไม่สนิท..แต่..ดำอมน้ำตาลเข้ม..สวยมาก..และ..การกลับดำ..แบบสูตรเก่านี้..
    จะกลับดำ...เร็วมาก..เมื่อถูเนื้อ..จนแดง..ไม่เกิน ๔๘ ชั่วโมง..เนื้อจะกลับมา..สีเหมือนเดิม....
    (ความจริง..ผมทดลองถูดู..จับเวลา..๒๔ ชั่วโมง..ก็กลับมาเกือบเท่าเดิม..แล้ว)............
    ........แต่ส่วนใหญ่ที่..ทำให้ไม่มีคนค่อย..รู้จัก..เพราะทำน้อย..และ..ส่วนใหญ่จะไม่ได้แต่ง..
    .........แต่ที่น่าใช้มากก็คือ..องค์เล็กกว่า..กริ่งของวัดสุทัศน์..ทั่วไป(กริ่งหลังปิ..ทุกองค์..จะมีการ
    จาร..ที่ใต้ฐาน)...ผมเองตอนอบรม..พระนวกะ(พระใหม่)..ท่านสมเด็จพุฒาจารย์เสงี่ยม..ท่านก็
    เป็นประธาน..และ..ร่วมอบรมด้วย..ตัวท่านเล็ก..แต่เสียงดัง..สดใส..ชัดเจน..บุคคลิกน่าเกรงขาม
    ..ดูก็รู้ว่า..เป็นนักเลง..เต็มตัว.....ที่ผมเอามาเล่านี่..ก็อยากแนะนำ..พระกริ่ง..ที่..ทำตามตำรากริ่งจริงๆ
    แต่ไม่แพง(..ถ้าเทียบ..กับ..กริ่งดังๆที่..ไม่ได้..สร้างตามตำรา..พระกริ่งจริงๆ)..และน่าใช้..แถมยัง
    เป็น..ของวัดสุทัศน์.................
    ...............ความจริง..เรื่องกลับดำเร็ว..ตามสูตรนี้..ก็มีของอาจารย์อีกองค์..ที่ท่านเก่งมาก..และ
    สร้างพระชัยวัฒน์..ตามตำราดั้งเดิม(ที่มา..มาจากที่เดียวกัน)..ก็คือ..วัดสามปลื้ม หรือ วัดจักรวรรดิ
    .....คนศึกษาพระกริ่ง..จะทราบว่า..นอกจากวัดบวรฯ..วัดสุทัศน์..ก็ยังมีอีกแห่ง..คือ..วัดสามปลื้ม..
    ท่านเจ้ามา..ท่านก็จัดเจนตำรานี้..เช่นกัน..แต่ท่านทำ..เป็นพระชัยวัฒน์..แทน..ทั้งฐานเตี้ย..
    ฐานสูง..ล้วนแต่มีชื่อเสียง..ของจริงมีไม่มาก..แพงมาก..แต่ของเก๊..ที่มาสวมรอย..มีเยอะ..กว่าเยอะ
    .........จริงๆแล้ว..ความอยากรู้อยากเห็น..ของผม..ทำให้ทราบเรื่องบางอย่าง..ก็เพราะสมัยผมทำงาน
    อยู่กรมชลฯ..ผมมีพี่..ที่ผม..สนิทมาก..และเคารพมาก..อยู่..๑ คน...ความที่แก..ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง
    ในเรื่องที่ผมจะเล่านี้..ก็เพราะ..แกเป็น..เหลน..เจ้ากรมเป๋อ..(ผู้ก่อตั้ง..ร้านขายสมุนไพรและ..ยาแผน
    โบราณ..มาตรฐานแห่งแรก..ของไทย)..ซึ่งร้านเจ้ากรมเป๋อ..ก็อยู่หน้าวัด..เจ้ากรมเป๋อท่านเป็น..ไวยา
    วัจจกร..ของวัดสามปลื้ม..ในยุคของ..ท่านเจ้ามา..ครองวัด..เรียกว่า..ทุกเรื่องของ..วัดสามปลื้ม....
    เจ้ากรมเป๋อ..จะรู้หมด..และแน่ๆ..เมื่อท่านเจ้ามาสร้างพระ..ครั้งใด..ก็เป็นเจ้ากรมเป๋อ..นี่แหละ..ที่
    เป็นผู้ดำเนินการเอง..หรือร่วมดำเนินการ.....ย่อมเป็นธรรมดา..ที่เจ้ากรมเป๋อ..ย่อมจะมีพระของ..
    ท่านเจ้ามา..ทุกรุ่น...บางท่านไม่ทราบว่า..ท่านเจ้ามานี่..ไม่ใช่แค่เป็นที่โปรดปรานของ..รัชกาลที่๕
    อย่างเดียว..แต่พระบรมวงศานุวงศ์ระดับชั้นสูง..ก็เคารพนับถือ..ท่านเป็นพิเศษด้วย...คือเป็นมาก่อน
    พระสังฆราชแพ..หลายๆปี..จึงทำให้มีการสร้างพระ..ที่เป็น..ของแต่ละเจ้านายกัน..หลายรุ่น..ซึ่งจะมี
    จำนวนเป็น..หลักสิบ..ในแต่ละรุ่น..และ..ไม่ได้มีการบันทึกไว้..ก็มีไม่น้อย...........ซึ่งนักเลงพระรุ่นเก่า
    ก็พยายามค้นหากัน..............
    ..............ความที่ผม..ศึกษาข้อมูลมาก่อน..พอรู้ว่าพี่แก..เป็นหลาน..เป็นเหลน..เจ้ากรมเป๋อ..ก็เลย
    เข้าทาง..แกนี่เป็นคนที่..ไม่ใช่..สมุสมะ..จะไปคุยเล่น..กับแกได้..เดี๋ยวอารมณ์..เดี๋ยวอารมณ์ร้าย..
    คนที่สนิทๆ..กับแก..ได้..มีไม่มาก..ผมก็รอเวลา..อยู่หลายปี..จนสนิทเต็มที่..วันนั้น..แกกำลัง..
    อารมณ์ดี..ผมก็เลย..ถามแก..ในสิ่งที่รบกวนสมอง..ผมมาหลายๆปีมาก..ตั้งแต่มาศึกษาเรื่อง
    พระกริ่ง.....................
    ..........................................ต่อตอนหน้าครับ..........................................

    ...........(คำพูดในการสนทนา..อาจเพี้ยนไปจากเดิมบ้าง..เพราะนานมากแล้ว)...ผมก็เลยถาม
    แกว่า..พี่เคยเห็นพระกริ่งที่..ท่านเจ้ามา..สร้างมั้ย..เพราะผมว่า..ไม่มีใครจะมีพระท่านเจ้ามา
    มากเท่ากับ..บ้านพี่แล้ว....ขอแทรกหน่อย..ว่า..ตัวแกตั้งแต่เด็ก..ก็วิ่งเล่น..เวลาเสาร์-อาทิตย์
    หรือ..ปิดเทอม..ที่แถววัดสามปลื้มอยู่แล้ว..เพราะพ่อแก..ต้องดูแล..กิจการร้าน(เจ้ากรมเป๋อ)..
    ที่อยู่หน้าวัด..แกเป็นคนที่ไม่สนใจพระ..เป็นคนหัวสมัยใหม่..ทั้งๆที่บ้านแกพระเพียบ.....
    (บ้านแก..อยู่แถว..สุขุมวิท..ก่อนถึง..ถนนอโศก...ซึ่งถ้าคนรุ่นก่อน..จะรู้ว่านี่คือถิ่น..เศรษฐี..
    หรือ..ผู้ดีเก่า)..แต่ต่อให้ไม่สนยังไง..แกก็รู้จักท่านเจ้ามา..เพราะร้านนี้..ผูกพันกับท่าน...
    ................และที่ผมถามยังงั้น..เพราะ..ไม่เคยมี..ใครมี..กริ่งของท่านเจ้ามา..แต่นักเลงพระ
    รุ่นก่อน..สันนิษฐานว่า..ต้องมีแน่..เพราะท่านเรียนวิชา..ทำพระกริ่ง..พระชัยวัฒน์..ท่านก็
    น่าจะ..เคยทำ..เพราะจริงๆแล้ว..กริ่ง..และ..ชัยวัฒน์..เป็นของคู่กัน..อย่างที่หลายๆท่าน
    ทราบ..เนื้อโลหะ..และ..พิธีกรรม..ก็เป็นเช่นเดียวกัน..กริ่ง..เอาไว้ทำน้ำมนต์..และ..บูชา
    ..ชัยวัฒน์..เอาไว้ติดตัว..เพื่อไว้..คุ้มครอง..มีชัยชนะ..เพียงแต่ท่านเจ้ามา..ไม่นิยมสร้าง
    กริ่ง..และ..หรือ..ท่านทำน้อย..ซะจนไม่มีใครทราบ..และ..กริ่งเหล่านั้น..ไม่ได้ไปอยู่กับ..
    ชาวบ้าน..หรือ..บุคคลทั่วไป(ดังที่..ผมเล่าไปตอนที่แล้ว)...................
    ..............แกบอกกับผมว่า..แกเคยเห็น.........เท่านี้ผมก็..ตื่นเต้นแล้ว..เพราะถือว่าเป็น
    เรื่องใหม่เลย..แกบอกต่อว่า..เอ็งต้องรู้อยู่ว่า..ผมไม่ได้สนใจ..พระ..แต่เป็นพวกช่างสัง
    เกต......แล้วแกก็เล่าต่อ..ในทำนองว่า..พ่อแกนะไม่ได้แขวนพระ..แต่ใช้วิธีแบบคนโบราณ..
    (ไปอ่าน..ได้..ใน..ผม..พระ..และ..สาระยุคก่อน..เรื่อง..การพกพา..พระเครื่อง..)..คือ..กลัด
    ไว้ในกระป๋าเสื้อ..(พระเลี่ยมทองไว้)..ตั้งแต่หนุ่ม..จนแก่..แกก็..ใช้อยู่..องค์เดียว...แกเคย
    ขอพ่อแก..เอามาดู..แกก็บอกว่า..เป็นพระกริ่ง..เพราะมีเสียงข้างใน..ลองเขย่าด้วย..ก็ดัง
    ...แล้วแกบอกว่า..พระสวยมาก..แกก็เลยถามพ่อว่า..พระอะไร..ที่ไหน..ถามเพราะต้อง
    การรู้เท่านั้น..เพราะเห็น..พ่อแกศรัทธา..และไม่เคยใช้พระองค์อื่นเลย..............
    ..............พ่อแก..ก็..เลยบอกว่า..เป็น..พระกริ่งของท่านเจ้ามา...(อย่าลืมนะครับ..ว่า
    แกคือ..หลานของ..เจ้ากรมเป๋อ..ที่เป็นไวยาวัจจกร..(รวมทั้งเป็น..เลขาด้วย)..ของท่าน
    เจ้ามา..ฉะนั้น..คงไม่มีการผิดพลาดเป็นแน่..)..แล้วแกก็บอกอีกว่า..พ่อแกก็ไม่ได้เป็น
    คนเล่นพระ..หรือ..สะสมพระ..พระนี่ก็เป็น..มรดกของ..ตระกูลตกทอดมา......
    .........ด้วยความตื่นเต้น..แต่..แฝงไว้ด้วยความเศร้า..ของผม..เพราะรู้ว่า..กริ่งท่านเจ้ามา
    องค์นี้..ต้องไม่อยู่ที่แกแน่..เพราะแกไม่สนใจ..แต่ผม..ก็ยัง..เสือ-ถามแก..ต่อว่า..แล้วตอน
    นี้พระอยู่ไหนละพี่....แกก็บอกเหมือน..กับที่ผมคิดคำตอบของแกไว้ในใจว่า...........
    ......................................ไม่รู้วะ................................................จบ...
    ..แม่ช้อยก็เลย..ออกมาเก็บฉาก..ปล่อยให้ผม..จินตนาการต่อไป.............
    ................................ต่อตอนหน้าครับ.................................................


    ..............กว่าจะวก..กลับเข้ามา..ผมพาอ้อม..ซะไกลเลย...ตำราสร้าง..พระกริ่งของวัด
    สามปลื้ม..ในตอนหลัง..ก็ตกมาถึง..ท่านอาจารย์ผ่อง จินดา..นักเลงพระรุ่นเก่า..จะรู้จัก
    ท่านดี..เพราะท่านเก่งมาก..สามในสี่..พิธีปลุกเสกหมู่..หรือ..พุทธาภิเษกใหญ่ๆ..จะต้องมี
    ท่าน..เข้าร่วมพิธี..เสมอๆ..เมื่อเกือบ ๔๐ ปีก่อน..ท่านได้ทำ..พระของท่านเจ้ามา..ย้อนยุค
    ..โดย..เลียนแบบพิมพ์..ต่างๆ..ทั้ง..เศียรทุย..หน้ากระบี่..ฐานเตี้ย..ฐานสูง...ครบเลย...
    แต่ที่ต่างจาก..ของท่านเจ้ามาคือ..เนื้อครับ..ท่านเจ้ามา..ท่านไม่เน้นเนื้อ..ตามสูตรเท่าไหร่
    ...แต่..อาจารย์ผ่อง..นอกจากท่านจะทำตาม..พิธีกรรม..อย่างครบถ้วนแล้ว..ท่านก็ยัง..ทำ
    เนื้อพระ..เน้นตามตำรา..คือ..นวโลหะแท้ๆด้วย...ซึ่งทำให้..เนื้อพระออกมา..สวยมาก...
    เป็น..สีน้ำตาลเข้มมากเกือบดำ..และ..แน่นอน.....กลับดำ..ตามตำรา..คือ..กลับเร็ว...
    (พระสมัยใหม่..ส่วนใหญ่..นวโลหะแบบที่ว่า..ดำๆสวยๆ(พวก..สีน้ำตาล..ไม่นับ)..นั้น..
    ผมเคย..ลองถูมาแล้ว..โน่นกว่าจะกลับ..ไปคล้ายเก่า(ไม่เหมือนเก่า)..ร่วม..๒ อาทิตย์
    บางองค์ร่วมเดือน..ยังไม่เหมือนเก่าเลย...)..ของอาจารย์ผ่องนี่..เหมือนกริ่ง..หลังปิ..คือ
    กลับดำเร็ว..ซึ่งถ้าพูดตามจริง..ของอาจารย์ผ่องนี่..เนื้อเนียน..กลมกลืน..และ..สวยกว่า
    กริ่งหลังปิ..ของ..สมเด็จฯเสงี่ยมอีก....................................
    ..................กลับมาเข้าเรื่องกัน..ต่อ..หลังจากที่อ้อมไปไกล...ก่อนหน้า..ที่น้ำจะท่วม..
    กรุงเทพ..ไม่เท่าไหร่..มีคนเร่เอา..กระไดไม้ไผ่..มาขาย..ก็..กระไดแบบที่ช่างไฟฟ้า.....
    หรือ..ช่างโทรศัพท์ที่คุณเห็นเค้า..พาดเสาไฟฟ้า..ปีนขึ้นไปซ่อม..นั่นแหละ..มีทั้งแบบ
    สั้นและ..ยาว..ผมก็เคยมีอันนึง..ก็เอาไว้ตัดกิ่งมะม่วงนั่นแหละ..แต่พังไปนานแล้ว....
    ทั้งๆที่ไม่ค่อยได้ใช้..เพราะก่อนจะถึง..วัย๔๐..นี่..ผมยังปีนต้นไม้..เป็นว่าเล่นอยู่....
    ..พอมาถึงเมื่อ..เลยวัย..๕๐..น้ำหนักตัวผม..เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ..จาก ๖๓ กิโล..มา..ถึง
    ๙๐..กว่า..(ผมสูง..๑๗๘ ซม.)..ความจริงเรี่ยวแรงยังมี..แต่มันเสี่ยง..เพราะน้ำหนักตัว
    นี่แหละ..คือ..ถ้าพลาดนิดเดียว..แรงโน้มถ่วงโลกเมื่อรวมกับ..น้ำหนักตัว..เกือบร้อยโล
    ..ย่อมสร้าง..แรงกระแทก..อย่างมหาศาลได้..ผมก็ได้แต่ใช้..เลื่อยต่อด้าม..หรือไม่ก็ตัว
    ชักต่อด้าม..เอาไว้ตัดกิ่งไม้..ซึ่งต่อด้ามจนโคตรยาว..ก็..ตัดได้ไม่สูง..เพียงพอ...
    .............เพราะมะม่วงต้นนี้..หลังจากจ้างเขามา..ตัดครั้งใหญ่ไปแล้ว..มันก็งอกมาใหม่
    ..สูงเกือบเท่าเดิม..คือ..มากกว่า ๑๒ เมตร..ไอ้สูง..ผมไม่ว่า..แต่ไอ้ที่แผ่มาด้านข้างคือ..ปัญหา
    ..เพราะ..มันอมถนนไปมากกว่าครึ่ง..
    ........................................................ต่อตอนหน้าครับ..........................



    .......ตอนผมซื้อบันไดนี่..ผมคอยมาตั้ง..หลายปี..ช่วงหลังๆ..มันไม่เคยเข้ามาขาย..ในซอยอีก
    เลย..จนครั้งนี้..ผมดีใจมาก..แล้วก็เลือกกระได..อันที่ยาวที่สุด..ซึ่งความยาว..ก็..ประมาณ ๖
    เมตร..กว่าๆ..ร่วม ๗ เมตร....แล้วทิ้งไว้ก่อน...ยังไม่ได้..ทำอะไร..รอให้เข้าหน้าแล้งก่อน......
    ..ไม่ถึง ๒ เดือน..น้ำก็มาท่วมบ้าน..กว่าจะซ่อมแซมเสร็จ(บ้าน..ผมมันรุ่นเก่า..พื้นเป็นไม้กระ
    ดาน(สักทอง)..พอน้ำลดลง..แต่ใต้พื้นกระดาน..เป็นทราย..ที่เขารองใต้พิ้นไว้..มันไม่ได้แห้งไป
    ด้วย..ผิวหน้าแห้ง..แต่ผิวล่างไม่แห้ง..ผล..เลยเกิด..การรั้งตัวที่ผิวที่แห้ง..พิ้นไม้แต่ละแผ่น..แอ่น
    เป็น..กาบกล้วย..ผมต้องมาเอากบ..ไปใสตามขอบที่เป็นสันออก..แล้วรอให้ไม้เริ่มแห้งดี..ก็ลง
    แล็คเกอร์..ทำเองครับ..ทำคนเดียว..ผมเป็นช่างอยู่แล้ว..ไม่ไปจ้างใครให้เสียเงินหรอก......
    ........พอบ้านเริ่มเสร็จ..ผมก็เหนื่อยหน่ายมาก..เซ็ง..ก็เล่นเน็ตไปวันๆ..ไม่ทำอะไรร่วมอาทิตย์
    ..หลังจากนั้น..บังเอิญ..เหลือบไปมองต้นมะม่วง..โอ้โฮ..เหะ...มันงอก..ออกข้างมา..จะระสายไฟ
    อยู่รมร่อ...ไอ้ตัวปัญหาที่คาราคาซังมานาน..ก็..ไอ้กิ่งชั้นบน..ที่ใช้ไม่ต่อเลื่อย..ตัดไม่ถึงนี่แหละ..
    ..ผมยังคิดว่า..เออโชคดี..ที่เราได้กระไดมาแล้ว...งวดนี่ละ..จะได้ตัดใหญ่..ซะที.......
    .........ถัดมาอีก..๒-๓ วัน..ผมก็เริ่ม..ตัดข้างล่างก่อน..ใช้ไม่ต่อเลื่อย..ตัดจน..หมด...คราวนี้ที่
    เหลือคือ..ชั้นบน..ผมก็มาวางแผน..ก่อนว่า..จะพาด..กระได..ตรงไหนก่อน..แล้วก็ไปแบก..กระได
    ออกมา(ต้องแรก..แบกเลย..เพราะ..หนัก..และ..ยาวมาก)..พอจัดวางเข้าที่..ผมก็ไม่ลืม..ที่จะยก
    มือไหว้..เจ้าที่..ขออนุญาต..แล้วก็ไม่ต้องคิดอะไร..เพราะเจ้าที่ไม่ชอบอยู่แล้ว..แต่ที่ผมบอกไง..
    อยากจะเกิดอะไร..ก็เกิด..ก็กูจะตัดซะอย่าง..ใครอ่านเรื่อง..ผม..พระ..และสาระยุคก่อน..มาจะ
    รู้ว่า..ผมเป็นคนที่..ไม่กลัวอะไร..คล้ายๆพ่อ..และเป็นนักผจญภัย..แบบข้ามาคนเดียว..ลุยมา
    ทั้งเมืองไทย..ญี่ปุ่น..ยุโรป..เสี่ยงภัยมาไม่รู้เท่าไหร่..(บังเอิญ..นี่..มันบอร์ดพระเครื่อง...ถ้าเอา
    เรื่องผจญภัยของผม..มาลง..ทุกวัน..ปีหน้า..ก็ไม่หมด...มันคนละเรื่องกัน..ผมจึงไม่เล่า....
    ..ขนาดปีนขึ้นไป..เก็บลูกเชอรี่..บนต้นเชอรี่..เก็บแบบทั้งต้นเลย..ที่..กรุงเวียนนา..ออสเตรีย
    .....ผมยังทำ..มาแล้ว..ฝรั่งเดินผ่านไปมา..ยังเหลียวขึ้นไปดู..ทำหน้า..เง็ง..ผมยังไม่สน.....)
    ...แล้วสรรอะไร..ผมจะต้องมากลัว..ผมไหว้ขออนุญาต..เหมือนเป็น..ธรรมเนียม...ไม่ได้คิดอะไร
    ..แล้วผม..ก็เริ่มปีน..กระไดขึ้นไปโดย..เอาเลื่อยตัดกิ่งไม้..ติดตัวไปด้วย..ผมก็ไม่ได้..สมุสมะ..นะ
    ครับ..กระไดพาด..แล้วลองขยับก่อน..ว่ามันเลื่อนมั้ย..ค่อยๆปีนขึ้นไป..ทีละก้าว....ขึ้นไปครึ่งนึง
    ..พอกระไดมันเคลื่อนที่..ผมก็ลงมาขยับใหม่..จนมั่นใจแล้ว..กลับไปปีนขึ้นใหม่..รอบคอบครับ
    ไม่เคย..ชะล่าใจ..ถ้าเป็นอะไร..จะได้ไม่ต้องอ้างตัวเอง..ที่ประมาท....ขึ้นไปจน..สุดกระได..ยัง
    ต้องปีนต่อ..ขึ้นไปอีก..เพราะมัน..แค่ประมาณ..ครึ่งต้นเอง...แล้วผมก็เริ่มตัดไป..เรื่อยๆ..จน
    กิ่งด้าน..นี้..หมด..ก็ร่วม..๒-๓ ชั่วโมง..ก็..โอเค..สำหรับวันนี้..จบ..พอก่อน...ยังเหลือ..กิ่งใหญ่
    อีกชุด..ด้านตะวันออกเฉียงใต้..กับ..ด้านตะวันออก..เอาไว้..พรุ่งนี้..ค่อยมา..บรรเลงต่อ.......
    ............วันแรกทุกอย่าง...ก็..ราบรื่นดี...กลางคืน..ผมยังคิดว่า..งวดนี้..เจ้าที่จะมาเล่น..อะไร
    เราน้า...คิดแค่นั้นแป๊บ..เดียว..แล้วผม..ก็ไม่คิดอะไรต่อ...วันนี้..เหนื่อยมาทั้งวัน..นอนเร็วหน่อย
    (ตีสาม)..เดี๋ยวพรุ่งนี้..ต่อ............
    ..............ผมนะ..พาดกระได..ทิ้งไว้ทั้งคืน..เพราะที่บอก..ว่าความยาวมันเป็นปัญหา..ขี้เกียจ
    เก็บด้วย..พอวันรุ่งขึ้น..ผมก็มาขยับกระไดไป..ที่กิ่งที่จะปีนต่อขึนไป..ตามที่ได้วางแผนไว้...
    ..ก็ทำการ..เช็คตรวจสอบความมั่นคง..แบบเมื่อวาน...แต่วันนี้..ผมรู้สึกแปลกๆขึ้นมาเอง...
    ทั้งๆที่..ผมไม่เคยมีsense..แบบนี้มาเลย..ตลอดชีวิต..ไม่เคยมีลางสังหรณ์..ไม่เคยเห็นผี..ใดๆ
    ทั้งสิ้น........ก็ยังนึกแปลกใจตัวเอง..เหมือนกัน..คือ..รู้สึกว่า..งวดนี้..จะมีเรื่อง...แต่ผมเป็นคน
    ที่ตั้งใจ..ทำอะไรแล้ว..ต้องทำ..และทำให้มันจบด้วย..ไม่ชอบอะไร..คาราคาซัง............
    .......................................ต่อตอนหน้าครับ.............................................



    ............ขอบคุณครับ..สำหรับข้อมูล................
    .........ก็แสดงว่า...ท่านเอาพิมพ์ไปด้วย..แล้วไปสร้างใหม่อีกครั้ง..ซึ่งการการปลุกเสก
    จะเป็น..คนละ..วาระกัน...ฉะนั้น..สมเด็จสิบทิศวัดปากน้ำ..ก็คือ..สมเด็จสิบทิศวัดปากน้ำ
    ..สมเด็จสิบทิศวัดนางชี..ก็คือ..สมเด็จสิบทิศวัดนางชี.............เพียงแต่มีพิมพ์ที่เหมือนกัน
    ....และส่วนผสมบางส่วน..ที่เหมือนกัน..เท่านั้น.....

    .........ตัดใหญ่..นะเสร็จแล้ว..แต่เดี๋ยวก็..ต้องตัดย่อยอีก...
    ...ตัดย่อย..หลายๆครั้ง..แล้วก็มา..ตัดใหญ่..ไม่มีจบครับ.....
    ......ตราบใดที่..ต้นมะม่วงยังโตอยู่

    .......ก็..ลองกลับไปอ่าน..ที่ผมเคยเขียนไว้ก่อน..หน้านี้
    ประกอบ..ว่า..ของ..วัดปากน้ำเป็นยังไง...ถึงจะพิมพ์เดียวกัน
    ..เพราะท่านพระครู..ก็คงขอยืมเอาพิมพ์ไปใช้นั่นแหละ...
    ..แต่มวลสาร...ย่อมไม่เข้มข้นเท่า....
    ..หนึ่ง.อย่าง..ปริมาณเส้นผมหลวงพ่อสด..ที่หั่นซอยผสม
    ไว้ในเนื้อ..ย่อมน้อยกว่า..มาก..เส้นผมเป็นเส้นๆ..ที่ด้านหลัง
    ..ก็คงไม่มี...เพราะ..นี่เป็นสมบัติ..ของวัดปากน้ำ....
    ..ท่านคงขอแบ่งไปได้บางส่วน..เท่านั้น...
    .....ลองกลับไปอ่านดูอีกที...ผมเขียนไว้ละเอียดแล้ว

    ............วันนี้..ผมจะต้องขึ้นไปสูงกว่า..เมื่อวาน..ร่วม ๒ เมตร..ไอ้กระได..สูงเท่าเดิม..ผมก็
    เลยต้องปีน..สูงขึ้น..ไอ้ที่บอกว่า..รู้สึกแปลกๆ..นะ..ผมลืมไปหมดแล้ว..ตั้งหน้าตั้งตา..แต่
    จะตัดอย่างเดียว..เกือบทั้งหมด..ที่จะต้องตัด..ก็อยู่เหนือถนน..ในซอยทั้งนั้น..เวลาผมจะตัด
    ..ผมจะตัดไปเรื่อยๆ..ก่อน..จนเมื่อพิจารณาว่า..ใกล้จะหักแล้ว..ผมก็จะเอาเลื่อยไป..สอดไว้
    ที่คาคบใกล้ๆ..แล้ว..มองลงมาที่..ถนนมองไปไกลๆด้วย..ทั้งสองด้าน..จนแน่ใจว่า..รถ.....
    หรือ..คน..ไม่มาอยู่ใกล้..ผมก็จะเริ่มโยก..ขึ้นลง..โดยอาศัย..น้ำหนักถ่วงของตัวมันเอง......
    กิ่งมัน..จะเริ่มปริ..และ..แตก..ซึ่งมีเสียงมาให้เราทราบได้..แล้วเราก็ต้องคอยยึดกิ่งไว้..ไม่ให้
    มันตก..ลงที่ถนน..โดยจะเหวี่ยงมันเข้ามา..ในบ้าน..ส่วนที่ถูกหักนี่..จะน่ากลัวมาก..เพราะ
    มันเป็น..เหมือนปากฉลาม..เวลาผ่านไปเป็น..ชั่วโมง..ก็ยังได้ไม่มาก..(เพราะ..ในซอย..รถ
    เยอะมาก..มอเตอร์ไซค์รับจ้าง..คนเดิน..จักรยานวิ่ง..กว่าจะได้กิ่งที่ค่อนข้างใหญ่..แต่ละ
    ครั้ง..ก็..ต้องรอ...)..ก็หมด..ไปส่วนแล้ว..ผมก็ปีน..ขยับขึ้นไปอีกกิ่ง..ที่สูงกว่าเดิม..เวลาที่
    ผมเปลี่ยนกิ่ง..ที่ยืน..ผมก็จะลองเช็ค..ขย่มๆนิดๆ..ดูว่า..มันแข็งแรง..หรือไม่..ก็ลองแล้ว..ก็
    โอเค..กิ่ง..ก็ใหญ่กว่า..น่องผม(ไม่ใช่..แบบคนทั่วไปนะครับ..ผมตัวใหญ่..)..ก็ร่วมๆโคนขา
    ช่วงล่าง..คราวนี้..ตำแหน่งที่ผม..จะยืนตัดนี่..อยู่เหนือ..สันกำแพงบ้านพอดี(กำแพงคอนครีต
    บล็อก..สูงประมาณ ๑.๗๐ เมตร)เพราะผมก้มลงมองดู..แล้วยังคิดว่า..โอ้โห..งวดนี้..กูปีนสูง
    น่าดูเลย..(ตอนนั้น..ผมไม่ทราบว่า..สูงเท่าไหร่..รู้แต่ว่า..สูงมาก).......
    .....กิ่งที่ผมยืนนี่..มันยื่น..ไปทางตะวันออก...ผมก็จะต้องไล่ตัด..กิ่งแขนงของมัน..ที่ยื่นออกไป
    ที่ถนน..ผมยืนตัดโดยการที่..เอามือซ้าย..ยึดกิ่งแขนงของมันอีกส่วนที่อยู่สูงกว่า......
    ..หลังจากการที่..ตัดไป..สอง-สามกิ่ง..แล้ว..ก็ยังมีกิ่ง..แขนงอีกอันที่..ใหญ่หน่อย..ซึ่ง
    ขณะที่ตัด..ผมหันลำตัวไปทางทิศตะวันออก..พอกิ่งเริ่มจะพอโยกได้แล้ว..ผมก็เอาเลื่อย
    ไปเสียบไว้ที่..คาคบ..ที่สูงกว่า..ของอีกกิ่ง..ที่ไม่ใช่ที่..ผมยืนอยู่..แล้วก็เริ่มมาใช้..มือขวา
    เริ่ม..โยกขึ้นลง..ยังทำได้ไม่ถึง ๓ ที..ผมได้ยินเสียง..ไม้หัก....................
    (...ลักษณะการหัก..เป็นแบบ..หักผัวะ..ไม่ใช่..ค่อยๆเอน..แล้วหัก...)
    ..............แล้ว..ตีนที่ผมเหยียบอยู่..ก็เบา..และ..ลอย..ผมก็รู้แล้ว..ว่ากิ่งใหญ่ที่ผมยืน..
    มันหักร่วงลงไปแล้ว..แล้วมือซ้ายผม..ก็ช่วยอะไรไม่ได้..เพราะดันเสือกไป..จับกิ่งแขนง
    ของมัน...ช่วงเวลาเป็นเสี้ยวของเสี้ยว..วินาทีนั้น..ผมจำได้ว่า..ผมพูดกับตัวเอง...เบาๆ
    หรือ..ผมคิดในใจ..ไม่ทราบว่า.....................................................
    .............................เฮ้ย.........ฉิบหายแล้ว.............................................
    ....................................ต่อตอนหน้าครับ...........................................

    ..ด้วยสัญชาติญาณ...ในเสี้ยววินาทีนั้นผมปล่อยมือทั้งสอง..ที่จับกิ่งมะม่วงทันที...
    ...........ความรู้สึกบอกว่า..ทั้งมือและเท้า..มันหลุดเป็นอิสสระ..จากกิ่งมะม่วงที่ผมยึด
    โดยสิ้นเชิง..โดยวูบแรกที่กิ่งหักลงไปนั้น..และผมพูดกับ..ตัวเอง..ว่า..เฮ้ย..ฉิบหายแล้ว
    (..ผม..ร่วงลงไป..ตรงๆ..ไม่ได้..ถูก..ดีดอะไร..เพราะกิ่ง..หักแบบทันที..).......
    นั้น..ผมเหลือบไปข้างล่าง..ผมก็เห็น..สันกำแพงข้างล่าง..ตรงกับ..แนวหล่น..ผมพอดี..
    ...หลังจากที่ตัวเริ่มร่วง..อย่างอิสสระ..ไอ้ที่แปลก..ทั้งๆที่ผม..นับถือ..พระ..คล้องพระ..
    สะสมพระ..แต่ผมไม่ได้นึกถึง..พระ..หรือ..อะไร..เลย..ลักษณะเหมือน..ยอมรับชะตา
    กรรม..เสี้ยววินาที..ถัดมา..ผมมารู้สึกว่า......
    ....ตัว..แทนที่..จะตกลงมา..ตรงๆ..แบบพวกโดดจากตึก..กลับกลาย..เป็น..ขนานพื้น
    แบบ...ดิ่งพสุธา.........................................
    ..................ทั้งๆที่..มันเป็นไปไม่ได้..เพราะพวก..ดิ่งพสุธา..นั้น..อาศัย..แรงดันลม..
    เบื้องล่าง..พยุงช่วย..จึงทำให้..ตัวขนานพื้นได้........
    ..อีกอย่าง.....พวกนักโดดน้ำ..ต้องกระโจน..มาข้างหน้า..จึงจะตัวขนานพื้นได้......
    ...............ส่วนผม..รู้สึกตัวในครั้ง..แรก..คือ..หล่นมาในแนวดิ่ง..เลย..เพราะยืนอยู่..และ
    ไม่รู้ตัว...........................................
    ..........................เสี้ยวเวลานั้น..ผมยังคิดตกใจ..และ..แปลกใจ..แต่รู้ว่า..มือและเท้า
    กางออกแบบ..ดิ่งพสุธา..หน้าคว่ำลง..ยังสัมผัสถึง..ลมที่พัดเข้าหน้าได้....
    ...ที่ผมบอกคือ..การที่ท่า..ลงมันเปลี่ยน..ไม่ได้เกิดจากตัวผม..เพราะสมองไม่ได้คิด..
    อะไรแล้ว..ถึงคิด..ก็..เป็นไปไม่ได้..เพราะไม่มีทางที่ตัวเองจะทำให้ตัวเอง..เปลี่ยน
    สภาพ..จาก..ตกตรง..ไปเป็น..ขนานกับพื้นได้(จาก..แนวดิ่ง..เป็น..แนวราบ)...
    .................เสี้ยวเวลาถัดมาจากรู้ว่า..ตัวเองที่อยู่กลาง..อากาศใน..สภาพ..ขนาน
    พื้นแล้ว............................ทุกอย่างมันก็หายไปอีก..แว๊ป..นึง...แล้ว..ผมก็...
    ................ถึงพื้น............
    ....แล้วผมก็รู้สึกตัว..ตอนที่กระทบ..พื้น..ตอนนั้น.............หัวสมอง..มันว่างเปล่าไป
    หมด..แต่รู้ว่า..ตัวก็ตกลงมา..ที่พื้น(พื้น..เป็นดิน..มีเศษใบไม้บ้าง)..ในลักษณะ..แบบ
    ที่ผมรู้สึกตัวครั้ง..สุดท้ายคือ..แขนกาง..ขากาง..แต่หน้าเอียงอยู่........................
    ................ความคิดเข้า..มาในสมองครั้งแรก..คือ..งง..ไม่ใช่..ปวดหัว.............
    ............แต่..ทำไม..ผมถึงมาตก..ตรงที่นี้.............................................
    ..........................ต่อตอนหน้าครับ............................................

    ....แล้วผมก็..หันมาสนใจตัวเอง..แปลกใจตัวเองเหมือนกัน....เพราะ....
    (ผมยังอยู่ในท่านั้น..)..ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร..ทีแรกนึกว่าชา..แต่ก็ไม่ใช่
    ..ไม่จุก..ไม่ปวด..ไม่เจ็บ..อะไร..แล้วผมก็ยันตัว..ลุกขึ้น..ไอ้ที่..งง..มากๆ
    คือ..ตอนที่..ผมร่วง..ทั้งตัวและหน้าไปทางทิศตะวันออก....แต่ที่ผม..
    ลุกขึ้นมา....ตัวผม..หันไปทางทิศตะวันตก..เรียกว่า..๑๘๐ องศา..เลย
    ...แล้ว..ตำแหน่งที่..ผมตก..ห่างจากรั้ว..เข้ามาในบ้าน..กว่า ๑ เมตร..เพราะ
    ..มือที่..ผมกางออกก่อนจะลุกขึ้นมา..ห่างจาก..รั้วคอนครีต..ร่วมเมตร...
    ..................ไอ้ที่น่าตกใจ..คือ..กิ่งไม้..ชิ้นก่อนๆ..ที่โยนลงมา..มันตั้งชี้..
    เหมือนหอก..เอียงๆกับพื้นอยู่..สาม..สี่อัน...เรื่องของเรื่อง..คือ..ผมหล่น
    มาใน..ช่องว่าง..พอดี..ผมเริ่มสำรวจ..ร่างกายอีกครั้ง..พบว่า..มีรอยถลอก
    ที่หัวเข่า(เป็นรอยครูด)..บางๆเลือดออก..ซิบๆ..(อาทิตย์เดียว..ก็..หายสนิท)..........
    ........ผมยืน..สรุปตอนนั้น...คือ..ไม่มี..ฟลุ้ก..ไม่มีบังเอิญ....นั่นคือ.....
    ..............พุทธคุณ..ล้วนๆ....................................
    ...แล้ว..ผมก็..หันมาสำรวจ..เครื่องราง พระเครื่อง..ของผม..ว่าอยู่ครบ..
    หรือไม่.........ปรากฎว่า..หลุดไป ๑ ชิ้น..คือ..เหรียญหลวงพ่อวัดเขาตะเครา..
    ..ที่เป็น..ทรง..แปดเหลี่ยม..ด้านหลังเป็นรูปมังกรคู่..สร้างเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
    แต่..ที่ผมเอามาห้อย..สาเหตุหลัก..ก็..เพราะมังกรคู่นี่แหละ..สวยดี....ผมแขวน
    ไว้ที่..ข้อมือ..เหรียญเล็กมากครับ..หาไม่เจอ...
    .....แล้ว..ผมก็แหวก..กิ่งมะม่วง..ออกมา....ก็ไม่ทุลักทุเลอะไร..ผมพยายามสังเกต
    ตัวเอง..เหมือนกัน..ว่า..การเคลื่อนไหว..ทั้งแขน..ขา..เป็นปกติ..หรือเปล่า..ก็ไม่เห็น
    เป็นไร..เหมือนปกติ..ทุกอย่าง..ผมเดินออกไปข้างนอกบ้าน..แล้วไปมองจุดตก..อีกที
    ว่า..ผมเข้าข้างตัวเอง..รึเปล่า..ผมมองขึ้นไป..ยัง..งง..ตัวเอง..เพราะ..จุดที่กิ่งหักนั้น..
    วัดด้วยสายตา..คร่าวๆ..ก็ไม่ต่ำกว่า..๖ เมตร..แล้ว..ตำแหน่งที่ผมยืน..ก็สูงไปกว่าที่จุด
    นั้น..ร่วมเมตร..หลังจากนั้น..ผมก็กลับเข้าบ้าน..แล้วปีนกระไดกลับ..ขึ้นไปใหม่...
    .....ไม่ใช่..ไปลองโดด..ดูอีกที..นะครับ...........แต่ผมเคยบอกแล้วว่า..ผมตั้งใจทำ
    อะไรแล้ว..ต้องทำให้เสร็จ...คือวันนี้..ผมจะต้องไปตัดกิ่งไม้..ตามที่ตั้งใจไว้..ให้เสร็จ
    ..ผมปีนต่อขึ้นไป..ใกล้เคียงกับ..ที่ตก..แล้วตะกาย..ไปเอาเลื่อย..ที่ผมเสียบไว้..ที่คาคบ
    อีกกิ่ง..แล้วมองลงมาอีกที..ย้ำไม่ให้เข้าข้างตัวเอง..ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง..คือ...
    ตำแหน่ง..ที่ผมยืนก่อนตกนั้น..อยู่ตรงกับ..สันกำแพง..พอดี..แล้วผมก็ย้ายสายตา..ไป
    มองที่จุดที่..ผมตก..มันเป็นไปไม่ได้เลย..ทางหลักวิทยาศาสตร์..ที่..คนเราจะเคลื่อนย้าย
    ตัวเอง..กลางอากาศ..ในช่วง..ระยะสั้นๆ..ไปกว่า..๑ เมตร........
    ...........แล้วผมก็หยุดคิด..กลับไป..ตัดกิ่งไม้..กิ่งอื่นต่อ..ผมยังขอบใจเหตุที่เกิด..ที่ทำให้
    ผมทุ่นแรง..ตัวเองในการที่จะต้องตัดอีก..หลายกิ่ง..คือ..มันร่วงกิ่งใหญ่ลงมาเลย...ผมตัด
    ต่ออีก..กว่าชั่วโมง..จึงเสร็จ..แล้วก็ไต่บันไดกลับลงมา.....
    .............ผมหลายๆท่าน..อาจแปลกใจว่า..เกิดเหตุการณ์..แบบนี้แล้ว..ยังจะทำโน่น..ทำนี่
    กลับขึ้นไปเสี่ยงต่ออีกเรอะ..ถ้ารู้จักผม..จะไม่แปลกใจ..หรอกครับ..เพราะผมเป็นคนที่...
    ไม่ตกใจอะไร..ไม่ตื่นเต้น..อะไรเท่าไหร่..ผมฝึกตัวเอง...มาตั้งแต่..หนุ่มๆ......
    .............แล้วผมก็ไม่ลืม..วัดความสูงที่..ผมตกลงมา..โดยตอนก่อนจะเก็บกระได..ผมก็เอา
    ไปตั้งวัด..ก็แน่นอนครับ..สูงกว่า..กระไดไม้ไผ่ยาว...แล้วผมก็ได้..ระยะตกคร่าวๆ..คือ..
    ................................. ๗ เมตรกว่า...................................
    ....ก็ประมาณ..คอนโดฯชั้น..สาม..แล้ว..ปีนลูกกรง..ออกมาโดด..นั่นแหละ......
    ....................ตอนหน้า..ผมจะมาวิเคราะห์เรื่องนี้ต่อ..........................

    ที่มาครับ เข้าใจ..ผิด...เข้าใจ..ซะ..ใหม่
     
  9. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    .........ตกเย็นมา..ผมก็ยังสำรวจตัวเอง...ว่ามีช้ำตรงไหนมั้ย...โยกตัว..บิดตัว...
    ยกแข้ง..ยกขา..เรียกว่า..พยายามเคลื่อนไหว..ทุกส่วน..ของร่างกาย...ก็..ไม่มี
    อะไร..ผิดปกติ..หรือ..ยอก..อะไร...แล้วผมก็มาวิเคราะห์เป็นข้อๆ...ในความเป็น
    ไปได้..ทางวิทยาศาสตร์..ก็มีดังนี้.....
    ......๑. กิ่งที่ผมยืน..และ..หักผัวะ..ลงมา..มันก็เป็นกิ่งที่..สมบูรณ์ดี..เพราะ..ไอ้กิ่ง
    แขนงของมัน..งอกงาม..ใหญ่โต..เวลาที่ผมไปยืนที่จุดอื่น..กิ่งขนาดใกล้เคียงกัน..
    ก็ไม่เห็นมีปัญหา..มันก็เป็นไปได้ทั้งสองทางว่า..เจ้าที่คงเหม็นหน้าผม..ก็เลยทำ
    ให้หัก..ซะเลย...........หรือ...............
    .........มันอาจมีบางส่วนที่จุดนั้น..ที่เริ่มไม่สมบูรณ์..มันรับการกระเทือนมากๆเข้า
    ก็ทำให้มันเร่งปฏิกิริยา..ขึ้น..การยึดเหนี่ยวลดลง..พอมันกระเทือนถึงจุด..ก็เลย..โครม
    ..............ก็ออก..ทั้งสองด้าน......สรุป..ไม่แน่ชัด...
    .....๒...การที่ผมเริ่มต้น..ตกลงมา..ตรงๆ(แนวดิ่ง)..ในตอนเริ่มต้น...แล้ว..กลายเป็น
    ตกแบบขนานพื้น..(แนวระนาบ)..อย่างที่ผมบอกว่า..ตอนที่เริ่มรู้ตัวว่า..กิ่งมันหักหล่น
    ลงไป..ด้วยสัญชาติญาณ..ผมปล่อยมือ..ทั้งสองข้างทันที..ไม่ได้รับรู้ในการเหวี่ยงของ
    กิ่ง..แต่อย่างใด..ผมจึงตกลง..แบบอิสสระ..ซึ่งเป็นไปไม่ได้..ที่..ผมสามารถ..จะออกแรง
    เหวี่ยงตัวเอง..ให้ตัวมาอยู่ในระนาบได้..เพราะระยะตกมันสั้น..และผมก็ไม่ได้พยายาม
    จะปรับรูปแบบการตกลงด้วย...........................
    ...................สรุปคือ..เป็นไปไม่ได้.......................
    ...๓...สืบเนื่องมาจากข้อ ๒..คือ..การที่..ผม..หมุนกลับ...๑๘๐ องศาโดยประมาณ....
    กลางอากาศ.....................
    .....ที่ผมบอกว่า..ผม..ตกอิสสระ..ไม่ได้โดนเหวี่ยง..แล้วตอนที่ตก..ผมหันหน้า(และตัว)..
    ไปในทิศทางที่..กิ่งที่ผมยืนอยู่..มันยื่นออกไป..คือ..ทิศตะวันออก...แต่เมื่อถึงพื้น...
    ตัวผม..หันชี้ไปในทิศตรงข้าม..คือ..ทิศตะวันตก..........
    .......ก็ขนาดผม..จะทำตัวให้นอน..ยังเป็นไปไม่ได้..แล้วผม..จะหมุนตัว..แบบนักดิ่งพสุธา
    กลางอากาศ..มา ๑๘๐ องศา..ได้ยังไง..แล้วการที่..นักดิ่งพสุธา..จะหมุน..ตัวได้แบบนั้น
    ..ระยะตก..มันไม่ใช่ ๗ เมตร..แน่นอน..........................
    .....................สรุปคือ..เป็นไปไม่ได้.........................................
    ๔...สืบต่อมาจาก..ข้อ ๒..และ ๓...คือ..ตำแหน่งที่ผมตก..มันเยื้องออกมาจาก..จุดตก..
    มากกว่า ๑ เมตร..........................
    ....เมื่อตกลงมาแบบอิสสระ..และ..ผมก็ยอมรับ..สภาพ..คือ..ไม่ได้ทำอะไร..เพื่อจะยื้อ
    ชีวิต(..ความจริง..ไม่ใช่..ไม่ได้คิด..และ..คิดไม่ทัน..ผมเขียนให้มันดู..น่าสงสารไปยังงั้น
    เอง)....ผมจึงไม่ได้ตะกาย..ว่ายอากาศให้ตัวมันเคลื่อนไปไหน...แถม..ผมเห็นในคลิป
    ในเน็ต..ขนาดมันตกลงมาสูงๆกว่าผม..มันตะกายว่ายอากาศแทบตายหะ..ยังไม่ไปไหน
    เลย..ก็ลงมาที่จุดที่มันตกลงมานั่นแหละ..อาจจะเคลื่อนจากเดิมไปบ้างเล็กน้อย...
    .....แต่ของ..ผมตกลงมา..กว่า๗ เมตร..แนวดิ่ง..แต่แนวราบ..เยื้องไป..๑ เมตรกว่า...
    (ผมตกมาในสภาพ..แขนกาง(งอข้อศอก..เล็กน้อย)...ปลายมือผม..ยังห่างกำแพง
    ร่วมเมตร..............................
    ...............................สรุปคือ...เป็นไปไม่ได้.......................................
    ๕. ไอ้ข้อนี้..สำคัญ..เพราะ..ทำไมผม..ไม่เป็นอะไรเลย..ไม่ว่า..ปวด..ยอก..จุก..มึน
    ..............ก็..ยกเอาไว้ตอนหน้าแล้วกันครับ...............................................
    ............................ต่อตอนหน้าครับ............................................

    .....ก่อนอื่น..ต้องมาท้าวความก่อนว่า....
    ....ผม..อายุ ๕๘ ถ้ายัง..ทำงานราชการ..อีก ๒ ปี..เกษียญ...เมื่อ..ตอนอายุ..๕๕..
    กรมแรงงาน..ยังเรียกไปรับ..เบี้ยผู้สูงอายุ...เรียกว่า...แก่..ว่ายังงั้นเถอะ...ร่างกาย
    ไม่เหมือนคนหนุ่ม..กล้ามเนื้อ..ไม่แข็งแรง..ทุกอย่างในร่างกาย..เริ่มเสื่อม..มาตั้ง
    แต่..๕๐ แล้ว..ว่างั้นเถอะ..........แต่ซ้ำร้าย..ที่ผมเป็นคน..สูง..(เมื่อ..๓๐-๔๐ ปีก่อน)
    ..๑๗๘ ซม...เดิมนะสมัยหนุ่มๆจัดว่า..ผอม..มาเริ่มอ้วนเอา..เมื่อ ๕๐ ...น้ำหนักเดิม
    คือ..๖๓ กิโล..อยู่อย่างนี้..มา ร่วม ๓๐ ปี..แต่หลัง๕๐..ผมก็เริ่ม..กินมากขึ้น..และอ้วน
    ..จนปัจจุบัน..อยู่ที่ ๙๔-๙๕ กิโล..ก็คิดซะว่า..ข้าวสาร ๑ กระสอบแล้วกัน..แต่ผมก็ยัง
    กระฉับกระเฉง..และ..แข็งแรงเมื่อเทียบกับ..เพื่อนๆวัยเดียวกัน..........
    .....คนแบบผมนี่..หมอเขาก็ไม่แนะนำ..ให้..กระโดดสูงๆ..อยู่แล้วคือ..ทั้งอายุ..และ..
    น้ำหนัก..มันเป็นดับเบิ้ล..ที่จะทำร้ายให้ร่างกายตัวเอง..เพราะแรงกระแทก..ที่ส่งผล
    ต่อร่างกาย..เมื่อคุณลงมากระแทก..มันจะเป็น..๒ เท่า..ของน้ำหนักที่ถ่ายลงมา..
    ..เพราะ..แรงสะท้อนกลับที่พื้น..มันจะเท่ากับ..น้ำหนักที่ลงมา...............
    .........สมมุติ..ผมกระโดดเชือก..ที่ข้อเข่าแต่ละข้าง..จะมีแรงที่อัดเข้า..แต่ละครั้ง..
    เกือบ ร้อย กิโลกรัม............................................................
    ..............แต่นี่....ยังไม่..รวมกับ..อัตราเร่งที่เกิดจาก..แรง G (gravity force)..ที่
    สัมพันธ์..กับ..มวล(น้ำหนัก)..ระยะที่ตก....นั่นคือ..เหตุผลที่..คนอยากฆ่าตัวตาย..
    ถึง..ต้องปีนขึ้นไปหลายชั้น..เพื่อให้เมื่อตกลงมา..อัตราเร่งจาก..แรงG..มันจะได้
    มาก..แล้วตายชัวร์..เพราะแรงกระทบ..และ..แรงสะท้อนกลับ..จากพื้น..ช่วยทำลาย
    อวัยวะของเขา..ได้อย่างสมบูรณ์...................................................
    .....คนหนุ่ม..น้ำหนัก ๕๕ กิโล..โดดลงมา..จาก..ระยะ ๒ เมตร..ลงพื้นดิน(ไม่ใช่พื้นปูน
    นะครับ)..ไม่ว่าจะลงแนวดิ่ง..หรือ..ราบ...ก็อาจจะไม่เป็นไรเลย..หรือ..ช้ำบ้าง..เล็กๆ
    น้อยๆ...แต่..ถ้าคนอายุ ๕๘..หนัก ๙๕..โดดลงมา..แบบเดียวกัน..ระยะเท่ากัน..รับรองว่า
    ..ไปโรงพยาบาล..แน่นอน..เพราะมันมี..ตั้งแต่..เคล็ด..เอ็นฉีก..กระดูกหัก..อวัยวะภายใน
    ชำรุด..เบาหรือหนัก..แล้วแต่ท่าลง..แต่ยังไงก็ถึงมือ..หมอแน่.....
    ...ที่ว่านี่..คือ..คนทั่วไปนะครับ..อย่างผม..ไม่ใช่..นักรบป่าหวาย(หมวกแดง)..หรือ..พวกนาวิก
    โยธินสหรัฐ..ที่ฝึกหนัก..มาตลอดชีวิต..แม้อายุมาก..แต่ร่างกายยังแข็งแรง..กล้ามเนื้อยังมีที่
    ช่วยรองรับ..แรงกระแทกได้.......................
    ....แต่เมื่อ.....ระยะตกมันเพิ่มขึ้น..แรง..กระแทกมันเพิ่มขึ้น..เป็นทวีคูณ..ทุกๆเมตร..ที่สูงขึ้นไป
    .....ซึ่งผมว่า..อายุแบบผม..หนัก..แบบผม..แค่ ๔ เมตร..ก็..เหลือ..อยู่ ๒ ทางแล้ว..คือ..พิการ
    และ..อาจถึงตาย..ได้.........................
    ....................................ต่อตอนหน้าครับ..........................................

    .........ฉะนั้น..ถ้าตกในระยะ..กว่า..๗ เมตร..แบบผม..คราวนี้..ก็แน่นอนครับ..ไม่ว่าตกท่าไหน
    ..ก็มีหนทาง..เลือก ๒ อย่างคือ..พิการ..กับ..ตาย..แต่โอกาศ..ตาย...จะมากขึ้น..............
    ................สรุปคือ..เป็นไปไม่ได้..ที่..ผมไม่มีอาการ.อะไรเลย..แม้กระทั่ง..แน่น..จุก..เสียด..
    มึน...เว้น..แต่..รอยถลอก..เล็กๆ..ที่หัวเข่า...เท่านั้น.........................
    ...
    ...............แล้ว..จาก..หัวข้อทั้งหมด..ที่กล่าวมา...ที่เป็นไปไม่ได้..ทำไมถึง.....เป็นไปได้....
    ...........ก็ผม..มาสรุป..เอาเหมือนกันว่า........ต้องเกิดจาก..สิ่งที่เหนือธรรมชาติ.........
    .................เรื่อง...ฟลุ้ก...ดวงดี....ลืมไปได้เลย...........งานนี้..ไม่มี.....................
    ....อย่างที่ผมเล่าไป..ช่วงนาที..ชีวิตนั้น...ผมเหมือน..ไม่มีสติ..คือ..ไม่ได้นึกถึงใคร
    ...ไม่ได้มีความคิดว่า..จะทำยังไง..เพื่อเอาชีวิตรอด...คือพูดง่ายๆ............
    ...................คิดอะไรไม่ออก..เหมือนเป็น..ไอ้โง่..หรือ..คนพิการตั้งแต่คอลงมา....
    ...ที่ผมพูดอย่างนี้..เพราะเวลาอ่าน..ประสพการณ์ชีวิตคนอื่น..เขายังคิดถึงสิ่งศักดิ์
    สิทธิ์ให้มาช่วยบ้าง..คิดถึง..หน้าคนโน้น..คนนี้..คิด..ที่จะทำยังไงให้ตัวเองรอด....
    .................เรียกว่า..ปฏิภาณ..ไหวพริบ..ของผม..ที่ในยามปกติ..ก็มีไม่น้อย...
    ...มันปลาสนาการ...ไปหมด............................
    .........หลังจากที่ผม..มานั่งทบทวนเหตุการณ์..ผมก็รู้สึกว่า......ทำไม..ช่วงเวลาที่
    ผม..ตกลงถึง..พื้น..มันถึง..นานกว่า...ที่น่าจะเป็น...เพราะสามารถ..มีความรู้สึก..
    ที่แทรกขึ้นมา..ทั้งๆที่..ตอนเริ่มตก..มันน่าจะแป๊บเดียว..ก็ควรจะลงถึงพื้นแล้ว..
    ด้วยระยะความสูง..ขนาดนี้...ทำไม..ตอนที่ตัวเริ่มตกลงในแนวดิ่ง..อิสสระ...
    ..แล้วมันมีวูบที่ขาดหายไป..แล้วมาต่อด้วย..ตอนที่..ตัวขนานพื้น..ลอยอยู่ใน
    อากาศ..ได้..แล้วมีวูบ..ที่หายไป....จึงมารู้สึกอีกที..ตอนถึงพื้น...................
    ..ทำไม..มันยาวอย่างนั้น.............
    ...............ผมจึงมาคิดว่า..ต้องมี..พลัง..อะไรบางอย่าง...ที่มาต้าน...การตกแบบ
    ปกติไว้..จะด้วย..การพยุงด้านใต้..หรือ.อะไร..ก็ไม่ทราบ........แถม..พลังนี้..ทำให้
    ผม..ไม่ได้..ตกลงมา..ตรงๆ.................
    ............อย่างที่..ผมบอกไป..ก่อนหน้านี้..ว่า..ตำแหน่ง..ที่..ตกจริงๆ..คือ.........
    ..........................สันกำแพงรั้วคอนครีต..ที่กว้าง..ประมาณ ๒๐ เซ็นติเมตร.....
    ...คือ..เรียกว่า..ถ้าตกลงมา..ตรงๆ..ด้วยระยะตก..ประมาณ ๕-๖..เมตร..จะต้อง
    กระแทกกับ..สันกำแพงแน่..ไม่รู้ว่า..จะเป็นส่วนไหน..ของร่างกาย..เมื่อกระแทก...
    แล้ว..ก็..มีหัว..กับ..ก้อย..ให้เลือก..ถ้า..พลิกเข้าใน..บ้าน..ก็ต้องไปเสี่ยงกับ....
    ..กิ่งไม้ที่..หักเป็นปากฉลาม..ที่..ผมตัดไว้..ก่อนหน้า...แต่ถ้าไม่โดน..ก็ดีไป..เพราะ
    จะลงดิน..พลังงานการกระแทก..มันลดไปแล้วเป็นส่วนใหญ่..ตอนกระทบ..สันกำแพง
    (แต่ก็..คงไม่รอด..ตั้งแต่..แรก..เพราะตกลง..กระแทก..กับคอนครีต..ด้วยความสูงกว่า
    ๕ เมตร..นี่)..จาก..สันกำแพง..ถึง..ดิน..ประมาณ ๑.๕๐-๑.๖๐ เมตร..ก็..ศพ..ยังอยู่ใน
    สภาพดีหน่อย.................
    .....ถ้า..ออกหัว..พลิกหล่น..ด้านนอกรั้ว...ก็หนักกว่า..ศพไม่สวย..แถมไปอุดจาด..อยู่ที่
    ถนนคอนครีต..ในซอยด้วย..เพราะเป็น..การตกลง..พื้นคอนครีต...แถมยังไม่รู้ว่า..จะหล่น
    ใส่รถใครด้วย...............สภาพจะแย่..กว่าเดิม..เพราะลงมา..กระแทกพื้นคอนครีต..อีก
    รอบ..แรงสะท้อนที่คอนครีต..มันมากกว่า..ดิน..เยอะ................
    .......................................ต่อตอนหน้าครับ....................................................

    ..............จากที่ผมอธิบายไปตอนที่แล้ว..น่าจะเป็น..สาเหตุทำให้..พลังที่ว่า..ต้องเคลื่อนย้าย
    ตัวผม..ออกจากตำแหน่งเดิม..และที่ๆน่าจะปลอดภัยที่สุด..คือ..ในบ้าน..เพราะอย่างนึง...
    ..เป็นพื้นดิน..และมีใบไม้หล่นคลุมอยู่บ้าง..อย่างน้อย..ก็..นิ่มกว่าคอนครีต..แหละ........
    .........และอีกอย่างนึง..ถึงแม้..จะมีพลังที่ช่วงประคองอยู่..แต่...น้ำหนักตัว..กับ..ระยะที่ตก
    มัน..เยอะ..ก็คงไม่ไหวอยู่ดี..ถึงไม่ตาย..แต่กระดูก..เอ็น..ข้อเข่า..ของคนอายุรุ่นผม..ก็คง
    รับไม่ได้..นั่นอาจจะเป็น..เหตุผลที่..ต้องพลิกให้ผม..อยู่ในแนวราบ..เพราะ..แรงปะทะ..จะ
    กระจายไป..พื้นที่ของร่างกาย..ซึ่งมากกว่า..กว่า..เท้า ๒ ข้าง..มากกว่า ๑๐ เท่า..แรงปะทะ
    ก็..จะลดลงมาก...
    ..........ส่วนตำแหน่งที่ตกนี่..สำคัญ..เพราะตอนที่..ผมลุกขึ้นมา..ถึงได้แปลกใจว่า..ทำไม
    ผมถึง..ไม่โดนไอ้กิ่งที่ตัดเป็น..ปากฉลามไว้เสียบ..มีมากกว่า ๓-๔ อันที่..มันตั้ง..เฉียงๆอยู่
    ...ก็เพราะ..ตรงที่ตกเป็นช่องพอดี..ที่..ไม่มีกิ่งมะม่วงอยู่..กิ่งมะม่วงแต่ละกิ่ง..ขนาดแขนผม
    ..ต่อให้มันนอนราบ..ส่วนไหนของลำตัวผมไปปะทะมัน..ก็มีสิทธิ์..ช้ำใน..หรือ..เจ็บได้....
    ..............แต่ไอ้ที่..คิดไม่ออกคือ..ทำไม..ตัวผม..ต้องหัน..มา ๑๘๐ องศา..นี่แหละ..ที่ทำให้
    ผม..งงมาก..ตอนที่ผมลุกขึ้น..ผมแค่ดูเคร่าๆ..อาจเป็นไปได้ที่..อีกด้าน..อาจมีกิ่งไม้..อยู่..
    ถ้าไม่หมุน..ตำแหน่ง..หัวผม..อาจไปกระทบ..ก็ได้..แล้วไอ้ช่องนี้..มันเป็นตาม..ยาว..หมุนไป
    ไม่มาก..มือ..และ..เท้าที่กาง..ของผม..ก็อาจไป..ปะทะกับกิ่งไม้อันอื่นได้..ก็เลย..ต้องหมุน
    ซะ...๑๘๐ องศา............................
    .........นี่แหละครับ..ที่ผมวิเคราะห์...ใครไม่เชื่อ..เห็นผมเล่นพระมา..กว่า ๔๐ ปี..นี่..บางครั้ง
    ..ก็..ท้อ...เพราะเคยถามตัวเอง..ว่า..พระที่เอ็งห้อย..อยู่นี่..มีพุทธคุณ..รึเปล่า...แท้นะ..แท้แน่
    ..ผมไม่เคย..ห้อยพระที่ไม่มั่นใจว่า..แท้..ของจริง..ทุกองค์....ทั้งพระกรุ..พระหลวงพ่อ...ก็ไม่ใช่
    กระจอก..ไม่ขายหน้า..คนที่เล่นพระ..มารุ่นผมหรอก...โดยที่ชอบมาก..คือ..พวกคงกระพัน..
    มหาอุตม์...แต่..ทำไม.....หนังเปื่อย..เหลือเกิน...ทั้งที่..พุทธคุณตามตำรา..ของพระ..องค์ที่
    ห้อย...ก็..รับประกัน..ความเหนียว..............โดนมีดบาด..โดนเลื่อยบาด...โดนขวานบาด....
    ..บ่อย....ไอ้หมากัด..ไม่เข้า..นี่..มันไม่แน่..บางคน..ไม่มีพระ..หมามันกัด..ไม่เข้าก็มี...ผมโดน
    ไอ้ตัวนี้ของบ้าน..พี่สาว..มันย่องมาด้านหลัง..ไม่รู้ตัว(..ปกติ..ผมไม่กลัวหมา..มีแต่..หมากลัว
    ...เวลาออกสนาม..ต้องไปสอบถามข้อมูล..ชาวบ้าน..พอได้ยินเสียงหมาเห่ากระโชก...ไอ้พวก
    น้องๆที่ไปด้วย..มันต้องอัญเชิญ..ผมเดินนำหน้า..ทุกครั้ง..ไม่งั้นมันไม่ยอมเข้าไป)...งับเข้าที่
    น่องผม..แรงพอควร..พอผมหันเหลียวมา..มันก็วิ่งหนีไป..ก็ไม่เข้า..เป็น..จุดเขี้ยว ๔ จุด....
    ....แต่ไอ้ตัวนี้..กัดคนอื่นนี่..จมเขี้ยวทุกราย..ต้องไปหาหมอทำแผล......
    ....แต่ผมก็ไม่ได้ปักใจ..เชื่อ..หรือตื่นเต้น..เพราะมันอาจจะกัด..ไม่ถนัดก็ได้..ผมเองยัง
    จำไม่ได้ด้วยซ้ำ..ว่าห้อยพระ..อะไร....ไม่เหมือน..อย่างพ่อผม..นี่พุทธคุณแน่นอน..
    เพราะ..โดนลิงเจ้าพ่อ(..เจ้าพ่อ..พี่ใหญ่..ของลิงใน..ศาลพระกาฬทั้งหมด..ชื่อ..ไอ้โก๋)..
    กัดแบบ..เต็มๆ..แถมมันทั้งยื้อ..ทั้งกระชาก..ใครๆก็รู้ว่า..เขี้ยวลิงตัวผู้ขนาดใหญ่..มัน
    แหลมขนาดไหน....แค่แดงๆ..เป็นรอยเท่านั้น...ความแหลมของเขี้ยว..มันคนละเรื่อง
    กับ..เขี้ยวหมา...........ตอนที่ผมดูรอยกัด..ที่..ข้อมือพ่อ..ผมยังอิจฉา..พ่อเลย..ว่าพ่อ
    ได้มีประสพการณ์พุทธคุณ..อย่างแน่นอน..เกิดขึ้นกับตัว...
    ................................ต่อตอนหน้าครับ..............................................



    ................กาลเวลาผ่านไป..เป็นสิบๆปี...พี่ชายผม..ที่หลวงพ่อทองศุข วัด
    โตนดหลวง..ลงกระหม่อมให้..ยิ่งไม่เคย..ประสพอุบัติเหตุ..หรือ..เหตุร้ายใดๆ..กับเขา
    เลย..ทั้งๆที่เป็นทหาร..ชายแดนเขมรก็ไป..พี่ผมนี่..นับว่าโชคดีมาก...เพราะมีคนไม่มาก
    ที่..หลวงพ่อลงกระหม่อม..แบบ..เต็มสูตรให้...พ่อผม..ยังไม่ได้ลงเลย..ได้แต่..สักยันต์ครู
    กับหลวงพ่อ..ที่..หน้าอกขวา...บ้านผมนี่..ไม่ค่อยมีใคร..เป็นอะไร...ก็แปลกเหมือนกัน..
    ทั้งที่..ไม่ได้..ธรรมมะ..ธรรมโม..อะไร.........มีผมครั้ง..นี้แหละ..ที่เป็นคนที่ประสพอุบัติเหตุ
    หนัก..ที่สุด..ในพี่น้องและ..พ่อ..แม่...............................................
    .........ก่อนหน้านี้ไม่เท่าไหร่...ผมก็ปลงแล้ว..เคยถามตัวเองอีกว่า...ห้อยพระไปทำไม...
    ทั้งๆ..ที่..ไม่เคยมีครั้งไหน..ที่..พระจะช่วยเหมือนชาวบ้าน..เขาเลย..................
    ..ก็คิดว่า..อย่างหลักๆเลย..ก็ยังเคารพในพระอยู่..อีกอย่างคือ..ชอบ..มันชินแล้ว.......
    ..กลายเป็นส่วนนึง..ของร่างกายไปแล้ว..เพราะผมไม่เคยถอด....ถ้าใครมาถามผม..
    ว่า..ห้อยพระเยอะๆไว้..นี่จะได้..มีหลวงพ่อมาช่วยกันเยอะ..เหรอ...........
    ..........เปล่า..ผมห้อย..เพราะชอบ..อยากห้อย..และ..ไม่เคยคิดให้หลวงพ่อองค์ไหน
    ในคอ..มาช่วยผม...ผมคิดอย่างนี้มาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว...ก็ที่ผมบอกไป..ปลงแล้ว
    ครับ..อายุก็มาก......
    ..................เมื่อมาเกิด..เหตุการณ์แบบนี้กับตัวเอง...ผมก็กลับมาคิดว่า..ไอ้ตอนสมัย
    หนุ่มๆห่ามๆ...ชอบ..พระ..คงกะพัน..มหาอุตม์...พระที่พุทธคุณ..ออกแนวอื่นนี่..แทบไม่
    ห้อยเลย...ยิ่งเมตตา..ไม่ชอบ..ผมไม่สนว่า..ใครจะเมตตาหรือไม่..เพราะเป็น..คนประเภท
    เย้ยฟ้า..ท้าดิน..โชคลาภ..ก็..ไม่เอา..เพราะไม่อยากรวย..รวยมากไป..คิดไม่ถูกว่าจะใช้เงิน
    ยังไงดี..แคล้วคลาด..นี่ยิ่งเฉย..เพราะคนที่ไม่มีพระ..ก็ยังแคล้วคลาดได้..เยอะแยะ.....
    ................พอมาอายุมากขึ้น..ก็ไม่ได้คิดแล้ว........แต่มาคราวนี้..ผมยังขำตัวเอง..ถ้า
    ห้อยพระ..แต่คงกะพันอย่างเดียว..ก็คง..อาจจะศพ..สวยหน่อย..เลือดไม่กระจาย..เพราะ
    เลือดตกใน..........หนังมันเหนียว...จนไม่มีแผล..เลือดคง..ออกมาไม่ได้..แต่อาจจะออกมา
    ทาง..ทวารทั้ง ๙ ..แทน..............
    ห้อยพระ..มหาอุตม์..อย่างเดียว...ศพก็คงไม่..น่าเกลียด..เช่นกัน...อาจจะดีกว่า..แบบแรก
    เพราะ..ทวารทั้ง ๙..ถูกอุดไว้......เลือดออกไม่ได้...ตกอยู่ข้างในอย่างเดียว..........
    ห้อยพระ..แคล้วคลาด..ก็..ไม่มีทาง..รู้เลย..ผมเรียกว่า..พระบุญเก่า...............
    ...........ก็คือ...ห้อยไม่ห้อย..ไม่มีทางรู้ว่า..ท่านช่วยรึเปล่า...ถ้ารอดงานนี้..ต้องมีอย่างเดียว
    คือ..กระได..หักซะก่อน..ปีนขึ้นไปไม่ได้...แล้วผมจะรู้มั้ย..ว่าพระช่วย..อาจเป็นบุญกุศล
    แต่ชาติปางก่อน(ชาตินี้..ผมทำบุญ..น้อยมากครับ..บอกตรงๆ..ไม่ค่อยชอบทำบุญ...ปีนึง
    ไม่เกิน..๓ ครั้ง..และที่..ทำบุญก็เป็นเรื่องอุทิศส่วนกุศล..ให้..บรรพบุรุษ..ทั้งนั้น..ไม่เคยใส่
    บาตรพระ..มาเป็น..สิบยี่สิบปีแล้ว)........แล้วถ้าเป็นอย่างงี้จริง..ผมจะรู้ได้ยังไง..ว่าจะเกิด
    เหตุ..เว้นแต่..มีผู้หยั่งรู้มาบอก..ว่าความจริงจะต้องมีเหตุนะ..พระท่านช่วยไว้........แล้ว
    อย่างผม..อะไรที่พิสูจน์ไม่ได้..ผมก็ไม่เชื่อ..อยู่แล้ว..........................
    ................แล้ว...พลังจากพระ..หรือ..สิ่งศักสิทธิ์..ที่อยู่ในตัว..องค์ไหน..หรือ..หลายๆองค์
    ....ที่มาช่วย..เพราะพลังที่มาควบคุม..การเคลื่อนที่..ของผม..ไม่ได้มาจาก..มหาอุตม์..
    คงกะพัน..หรือ..แคล้วคลาด..แน่ๆ..ถามผมว่าน่าจะเป็นพระ..หรือ..สิ่งศักดิสิทธิ์อะไร....
    ........ผมยิ่งตอบไม่ได้..เพราะนับถือ..ทั้งนั้น...
    ...ถามว่า..คิดว่า..แต่ละองค์นี่..พุทธคุณแรงมั้ย................
    ..ตอบว่า..ไม่ทราบ...แล้ว..ผมยังไม่รู้ว่า..พระ..หรือ..เครื่องรางอันไหน..เสื่อมไปแล้วมั่ง..
    ..........แต่รู้แน่ๆว่า................ทั้งหมดช่วยผมแน่........................
    ..............................ต่อตอนหน้าครับ.....................................................


    ..............ความรู้สึกแรก..ที่ถึง..พื้น..เนื้อตัวกระทบพื้น..ผมว่า..มันเปรียบได้..กับ..
    ผมตกลงมา..จากความสูงซัก..๕๐ ซม...มั้ง...ก็แสดงว่า..พลังนี้..ช่วยชลอ..การร่วง
    ของผมไว้..เพราะอย่างที่บอก..ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บเนื้อเจ็บตัวอะไรทั้งสิ้น...นี่ไม่ใช่ตกลง
    บนฟูก..นะครับ..ดินแข็งๆนี่แหละมีใบไม้ทับอยู่นิดหน่อย..แล้วที่ผมตก..ดินก็ไม่ได้ยุบ
    เป็นตัวผม...ทั้งๆที่ผมหนักขนาดนี้...........
    ........นี่ต่อให้ผม..ไม่ห้อยพระซักองค์..แล้วถ้าเป็นแบบนี้..ผมก็ต้องคิดว่า..ของขลังที่
    ผมได้รับเข้าไปในตัว..อย่างที่เคยเล่าไปตอนต้น..ทั้งหมดก็มาช่วยผมอยู่ดี...............
    ...เพราะไม่มีเหตุผลใด..ที่ผมจะรอด..แบบพิการ..หรือ..รอดจากความตายได้..ด้วย
    เหตุผลทางวิทยาศาสตร์...............
    ................ผมจึงมานึกแบบของผมว่า...สิ่งศักสิทธิ์ที่มีอยู่กับตัว..ผมนั้น..ช่วยผม..
    เพราะ..ผมนับถือ....ผมห้อยพระ..ไม่ได้มีเอาไว้โชว์...ผมไหว้..บูชา..ของผมทุกคืน..
    ...และ..ที่แน่ๆ..ผมไม่เคยขออะไรท่านเลย....เพราะผมคิดอยู่เสมอว่า..ไม่ว่าจะเกิด
    อะไร..ไม่ใช่ดวง..(ผมไม่..ดูดวง)..ชง..เชิง..ไม่สน.......กรรมเก่า..บุญเก่า..ก็ไม่สน..
    (ยกเว้น..ทำบุญให้คนอื่น)..........ทุกจังหวะเวลา..ที่เคลื่อนไป..แล้วมันเกิดอะไร..
    ขึ้น..ถ้ามันสืบเนื่องมาจากตัวเอง..ตัวเองนั่นแหละเป็น..คนลิขิต...ไม่ต้องโทษใคร..
    ...แต่ถ้ามันเกิดจาก..สิ่งอื่น..คนอื่น..ทำให้เกิดผลกับตัวเอง...นั่นคือ...........
    ...............ช่วงจังหวะ..ของ..ชีวต..ตัวเอง....ที่มันต้องเป็นแบบนั้น..................
    ............................ตัวผมเอง..ก็..รับ..สภาพของมัน...เหมือนอย่างครั้งนี้.........
    .......ครับ...ไม่ว่าใคร(ถ้าไม่ใช่..พวกที่มี..ฌาณ..หยั่งรู้)..ก็ไม่มี..ทางรู้ว่า..จะเกิดเหตุ
    ร้าย..กับตัวเองแบบไหน...และ..มันจะมาใน..รูปแบบใด...การที่เรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้
    กับ..ตัวเอง..หลากหลาย..ไว้ก่อน..แต่ต้องนับถือ..บูชา..อยู่เสมอ...ก็คงคล้ายๆ..กับ
    เด็กที่..ต้องฉีดวัคซีน..กันโรคนั้น..โรคนี้..ไม่รู้ว่า..วันดี..คืนดี..โรคไหน..จะมารุม.....
    ........สิ่งศักดิ์สิทธิ์..อันเนื่องมาจาก..พลัง..ของ..พระพุทธองค์..ย่อมบริสุทธิ์.....
    ...เมื่อเรามี...ทุกสิ่งที่..มีพลังที่สืบเนื่อง..มาจากต้นตอ..เดียวกัน..คือ..พระพุทธองค์
    ผมคิดว่า....ย่อมไม่มี..การแบ่งแยก..เป็นแน่...เมื่อเกิดเหตุร้าย..ก็มีแต่เสริมกัน....
    ...จากพลังแต่ละสิ่ง..ถึงไม่มากนัก..พอรวมกัน..จำนวนมาก..พลังก็ย่อมมากไปด้วย
    .........และบังเกิด..สิ่งที่เหลือเชื่อ...ได้..เหมือนอย่างใน..กรณีของผม...................
    .....และที่แน่ๆ..ขณะที่ตก..ตัวนอนราบ..จนถึงพื้น..ผมไม่ได้..เห็นใครในจิตเลย..
    .....ผมจึงเชื่อว่า..พลังนี้คือ..พลังที่มาจาก..การเสริมกัน..ของสิ่งศักดิสิทธิ์..ของผม
    มาร่วมกัน..เป็นพลังที่เข้มข้น...(องค์นี้..น้อย..องค์นี้..เยอะ..หลายๆองค์..รวมกัน
    ....เข้มไปเอง....)..............................
    ..............ฉะนั้น..ห้อยพระ..ไว้เยอะๆ..เถอะครับ...ถ้าไม่รำคาญ..จะทำอะไร..แม้
    อยู่บ้าน...มันก็เกิดเหตุได้..ทั้งนั้น....ทะเลาะกับเมีย..ด่ากันไป..ด่ากันมา...........
    เมียเอา..มูลิเน็กซ์..ทุบกบาล...พระท่านก็อาจมาช่วยได้.........ดีกว่าไม่มีอะไร..ติดตัว..
    ................ในตอนหน้า..ผมก็จะมาแจงว่า..ผมห้อยอะไรบ้าง..เพราะคิดว่า..หลาย
    ท่านคงอยากจะทราบ..ไม่ได้..มาปั่น..ราคานะครับ..เพราะเยอะ..จนเลือกไม่ได้หรอก
    ...พระ..ก็..ธรรมดาๆ.........................
    ............................ต่อตอนหน้าครับ.................


    ..............ทีแรกผมว่า..จะว่ากันเป็น..เส้นๆไป..(ผมใส่..๓ เส้น)..แต่คิดไปคิดมา..แยก
    หมวดหมู่ดีกว่า...ดูค่อยเป็น..หลักการหน่อย............................................
    ............ผมเริ่มที่..พระกรุ..ก่อน..เพราะถือว่า..เก่า..ทรงคุณค่า..ทั้งศิลปะ..และ..วัฒนธรรม
    .....๑...พระถ้ำเสือ...กรุถ้ำเสือ..........นี่ถือว่า..เก่าที่สุดในคอ...อายุมากเป็น..พันปี..คาดว่าจะสร้าง
    ก่อนยุค..อู่ทองด้วยซ้ำ....อยู่ที่..อำเภออู่ทอง สุพรรณบุรี....
    .....๒ ..เชตุพนนั่ง(ไม่มีบัว)...ชินเงินผิวปรอท..สุโขทัย...อันนี้..อายุรองลงมา..พิมพ์เล็ก....
    .....๓. พลายคู่ตัดเดี่ยว..หน้ามงคล..พิมพ์ที่เล็กที่สุด..ของ..พลายคู่..วัดบ้านกร่าง..สุพรรณบุรี
    .....................ต่อมา..เป็น..พระแบบ..พระหลวงพ่อ..ปลุกเดี่ยว..กับ..ปลุกเสกกันไม่กี่องค์...
    ที่..ไม่ถือเป็นการปลุกเสกหมู่.......
    ....๑. มหาอุตม์ในกรอบแปดเหลี่ยม..เนื้อตะกั่ว..เจ้าคุณเฒ่าวัดหนัง...อันนี้..ผู้ยืนยันคือ..ท่าน
    อาจารย์ เภา ศกุนตะสุต..ปรมาจารย์เหรียญผู้ล่วงลับ...เพราะพ่อผมไปถามใคร..ก็ไม่มีใครรู้
    จัก..เลยไปถามท่าน..ด้านหลังเรียบ..ลงเหล็กจาร..เต็มแผ่น..สมบัติของปู่ครับ.....
    ...๒. ปิดตาเนื้อผง อาจารย์เปิง วัดชินวราราม ปทุมธานี..สมบัติปู่เช่นกันครับ...
    ...๓. เหรียญหลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา..ปราจีนบุรี รุ่น ๓ ...๒๔๙๒ ซุ้มกระหนก...
    ทองแดง...........
    ....๔. เหรียญหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรี..เนื้อเงิน..ปีสร้าง ๒๕๐๐ (ใช้บล็อก
    ปี ๒๔๙๘)..สร้างโดยหลวงพ่อจันทร์ วัดมฤคทายวัน เนื่องในวาระ..๒๕ พุทธศตวรรษ..โดย
    สร้างเสร็จ..แล้ว..ท่านปลุกเสกเดี่ยวก่อน..แล้วนำไปให้..อาจารย์..ปลุกเสกซ้ำอีกรอบ...
    ..แล้วแบ่งส่วนหนึ่ง..ถวายอาจารย์..เอาไว้แจกลูกศิษย์..ที่เหลือ..ท่านเอาไว้แจกที่วัดมฤคทายวัน
    .......เนื้อเงิน..ครับ...ด้านหลังแปะ..ชันนางโรงใต้ดิน..แล้วกด..ด้วยแบบที่..เป็นรูป..พระปางลีลา..
    ที่ถือ..เป็น..สัญญลักษณ์..ของ..๒๕ พุทธศตวรรษ.....เป็นรอย..บุ๋มลงไป...
    ....๕. ปิดตาเนื้อตะกั่ว..หลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ สุพรรณบุรี.....(ตุ๊กแก...ตุ๊กแก..ท่านชอบทำ..ตุ๊กแก)
    ...๖. เหรียญดาวเทียม..หลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทรา..กำแพงเพชร ๒๕๑๕ ...อันนี้ท่านปลุกเสกเดี่ยว
    ก่อน..แล้วเอาไปเข้าพิธีที่วัดใหญ่..พิษณุโลกปี..๒๕๑๕ (กริ่งนเรศวร วังจันทร์)..อีกครั้ง...
    .......เนื้อเงิน..ครับ...
    ...๗. เหรียญหน้าวัว หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม มฤคทายวัน ๒๕๑๖ นครปฐม..เนื้อเงิน..ครับ..
    ....(..ถ้าผมไม่ห้อย..ของ..นครปฐม..เดี๋ยว..น้องกำธร..จะน้อยใจ..แย่)...............
    ..................................ต่อไป..ก็..พระปลุกเสกหมู่..หรือ..พุทธาภิเษก...............
    ....๑. สมเด็จสิบทิศ วัดปากน้ำภาษีเจริญ ๒๕๐๙ เนื้อผง ธนบุรี....อันนี้..ความจริง..ผมควรจะจัด
    อยู่หัวข้อข้างบน..แต่..ผู้สร้างคือวัดปากน้ำฯ..เอาไปเข้าพิธีปลุกเสกหมู่..เพิ่มเติมหลายแห่ง..หลังจาก
    การปลุกเสกเดี่ยวของ..หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี..๑ ไตรมาส(..๓ เดือน..)แล้ว.....
    ....๒. เหรียญหลวงพ่อวัดน้ำรอบ..โคกกลอย..พังงา ๒๕๑๐..(พิมพ์ของผู้ชาย..รูปไข่).......
    ..เป็นพระพุทธรูปศักสิทธิ์ที่สุด..ของ..พังงา.....ทองแดง..
    ...................เยอะจัด...ยังไม่หมด...ยกยอดไปคราวหน้า......................
    ...............................ต่อตอนหน้าครับ.........................................


    .....๓. หลวงพ่อทวด วัดเมือง ยะลา พิมพ์ใหญ่ เนื้อว่าน..ปี ๒๕๐๕ ...ถ้านับตามอายุการสร้าง
    แล้ว..ของกลุ่มพระปลุกเสกหมู่..จะมา..อันดับแรก..เลย
    ....๔. ชัยวัฒน์สี่มุมเมือง ๓ ตัวตอก..เนื้อทองเหลืองผสม ปี ๒๕๑๑ นครศรีธรรมราช...
    ....๕. เหรียญพระนเรศวรเมืองงาย..เชียงดาว เชียงใหม่ เนื้อทองแดง ปี ๒๕๑๒ .......
    (เหรียญ..ยอดนิยม..ของเหล่าทหารหาญไทยใหญ่..ที่ทุกคนพยายาม..หามาห้อย...เหรียญ
    พระนเรศวรตองโข่..นะ..ลืมได้เลย..เพราะ..ของจริงมีแต่..ผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่มี..ไม่ต้องไป
    หา..เพราะนอกจากแพงจนไม่มีปัญญาแล้ว..มีแต่ของเก๊..เกลื่อนไปหมด....)
    ....๖. เหรียญพระเจ้าตาก ค่ายอดิสร สระบุรี เนื้อเงิน ปี ๒๕๑๔
    ....๗. เหรียญหลวงพ่อเงินวัดบางคลานหลังกรมหลวงชุมพร..เนื้อทองแดงชุบขาว ปี ๒๕๑๕
    ปลุกเสก วัดสุทัศน์..(พิธีเดียวกับ..กริ่งรูปหล่อเนื้ออัลปาก้า..หลวงพ่อเงิน)
    .....๘. เหรียญหลวงพ่อวัดเขาตะเคราเพชรบุรี..แปดเหลี่ยม..หลังเป็นรูป..มังกรคู่..เนื้อทองแดง
    (หายไปแล้ว..ตอนที่ตกลงมา...และ..หาไม่เจอ.........)
    ....๙. หูยานปืนแตก วัดราชบพิธ ๒๕๑๑..(ช่วงนั้น..สมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อน..อยู่วัดราชบพิธ..ครับ)
    ...๑๐. พระพุทธสิหิงค์ หลักเมือง นครศรีธรรมราช..๒๕๓๐ เนื้อผง(สีช็อคโกแล๊ต)..หลัง..ราหู
    อมจันทร์...(พิธีเดียวกับ..จตุคามฯรุ่น ๑)
    ...........................กลุ่มสุดท้าย..ที่ไม่ได้เป็น..รูปพระ.........................................
    ....๑. เหรียญเสมาเงิน จปร...เนื่องในการเสด็จประพาสยุโรป..ครั้งแรก..(เหรียญแจกเด็ก)...
    ..เหรียญนี้..ผมได้มาจาก..ท่านมหาธวัช..วัดสามปลื้ม..มีการลงพุทธาคมเพิ่มเติม..และจาร
    คาถา..เป็น..ตัวขอม..หลังเหรียญ....สี่สิบกว่าปีแล้วครับ..ที่ได้รับมา................
    ...๒.หวายอุดผง..ปิดทับด้วยครั่ง..ของปู่
    ...๓. ตะกรุดเงิน หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน ปากน้ำ
    ...๔. ตะกรุดเงิน หลวงพ่อแย้ม วัดตะเคียน นนทบุรี
    ...๕.พลายกระเด็น(งา..หัก..ปักในต้นไม้)เป็น..งาขนาย(งาเล็ก)..ส่วนยอด..ที่..หลวงพ่อทวี
    รับมา..จากอาจารย์ท่านที่พม่า..เป็นของไว้ใช้ไล่ผี..อาถรรพณ์..และสิ่งอัปมงคล......
    (รายละเอียด..อยากทราบอ่านใน..ผม..พระ..และสาระยุคก่อน..ได้)...............
    ...๖. สิงห์งาแกะ...ของเก่า..ไม่ทราบอาจารย์แน่ชัด...
    ..๗...กำไล..แกะจาก..กะลาตาเดียว...ผมแกะเอง....
    ..๘...ตะกรุดเก่า..ของปู่..กว่า..สิบดอก..ส่วนใหญ่..จะเป็นเงิน..ที่เหลือ..เป็นทองแดง
    ..๙. แหวนพระ..เป็นทองเหลืองหล่อ..ของโบราณ..เป็นของ..ปู่เช่นกัน....
    ..........................ก็นี่แหละครับ..สิ่งศักสิทธิ์..ของผม..ที่ติดตัวอยู่............................
    ...สำหรับ..คนทั่วไป..คงเยอะ...............แต่..ผมว่าของผม...เยอะ..ดีกว่า...น้อย........
    ตามเหตุผล..ที่เล่าไปแล้ว..................................................
    ..............ก็มาถึงช่วงท้าย..ของตอน..ที่ผ่าน..การ..อู้..ยืด..อ้อม..ไปหลายตลบ.....
    ...
    ..ก็คือ..ถ้าเข้าใจผิดว่า...ห้อยพระ..เยอะๆแล้ว..พระจะเกี่ยงกัน..ก็..เข้าใจ..ซะใหม่ว่า..
    (ผมว่า)..ไม่จริง..ครับ..พระที่มีการปลุกเสก..โดย..ที่อิง..กับ..พลังของ..พระพุทธเจ้า..ที่มา..
    มาจากที่เดียวกัน..ย่อมเสริมกันครับ..เหมือน..คุณมีข้าว ๑ ถุง..หนัก ๑๐ กิโล..แต่
    ผมมี..ข้าวเล็กๆ..อยู่ในถุง..ขนาดไม่เท่ากัน..ถุงนึง..หนัก ๒ โล..อีกถุง ๕ โล..อีกถุง
    ๔ โล..อีกถุง..๓ โล..อีกถุง..๑ โล..แม้ว่า..ข้าวผม..แต่ละถุง..จะหนัก..น้อยกว่าของ
    คุณเยอะ..แต่เมื่อเอามารวมกันแล้ว..ผมมีข้าว..รวมกัน..๑๕ กิโล..มากกว่าของคุณ
    ตั้งครึ่ง...เปรียบได้กับ..คุณห้อยพระสมเด็จ..๑ องค์..แต่..ผมมีพระอื่น..ห้อยอยู่
    ๕ องค์..ถึงแต่ละองค์พลังจะไม่เข้มข้นเท่า..แต่โดยรวม..แล้ว..พระในสร้อยผม..มีพลัง
    มากกว่า..สำคัญอย่างเดียวคือ..คุณต้องศรัทธา..เชื่อมั่น..และบูชา..ท่านอยู่เป็น..ประจำ
    .......................................แบบผม...................................................................
    ...ผมคิดของผมแบบนี้..นะครับ..นี่เป็นการนำเสนอ..แง่คิด..โดยใช้ประสพการณ์จริง...
    สดๆร้อนๆ..มาอ้างอิง..ประกอบ...ไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อ......................................
    ....อย่างนึงผมว่า........ไม่งั้น..ไม่เกิดการปลุกเสก..หมู่..หรือ..พุทธาภิเษก..หรอก...
    ถ้าพลัง..มาเสริมกัน..ไม่ได้..ทั้งๆที่มา..มาจาก..หลากหลาย..แนว..............
    ..................................จบตอนครับ.....................................................
    ..................พบกับ..ตอนใหม่..ครั้งหน้า..ครับ.........................................


    ถ้าเข้าใจผิดว่า...สมัยก่อน..เขาไม่มีการปลอม..ผ้ายันต์..จากหลวงพ่อดังๆ..ละก็
    เข้าใจเสียใหม่..ว่า..มีครับ...........................................................................
    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    .....อันนี้..แทรกมา..ตามคำเรียกร้องของ..คุณJoni...ผู้ควบคุม..บอร์ด..........
    .............จริงๆ..แกจะให้ผม..เขียนเรื่อง..การปลอม..ของในยุคนี้..แต่ผมเลิกเล่นพระ
    ไปนานแล้ว...ในยุค ๑๐-๒๐ ปี..มานี้..ผมก็ไม่ทราบว่า..รูปแบบเป็น..แบบไหน..ความ
    จริง..ก็พอจะเดา..ได้..จากเทคโนโลยี..ที่ทันสมัย..มีพวก..เครื่องมืออิเลคโทรนิคส์...
    มาประกอบ..รวมถึง..พวกคอมพิวเตอร์ด้วย..เพราะเทคโนโลยีการพิมพ์..ยุคนี้......
    อาศัย..คอมพิวเตอร์..เป็นหลัก....ไอ้จะมาเดา..หรือ..รู้ไม่จริง..แล้ว..มามั่วนี่.....
    ..มันไม่ใช่ผม....ต้องไปหา..ผู้รู้ท่านอื่น..แต่ผมอาจจะมี..พูดถึงบ้าง.........
    ...................ผ้ายันต์..หรือ..เสื้อยันต์..ที่ผมเคยกล่าว..มาใน..ผม..พระ..และ..สาระ
    ยุคก่อนมาบ้างแล้ว..หลายท่านที่ทราบอยู่แล้ว..หรือ..ผู้ที่เคยอ่านบทความของผม..
    จะทราบว่า...เครื่องรางแบบนี้(..ผ้ายันต์..หรือ..ผ้าประเจียด..ก็คือ..พวกเดียวกัน)...
    ..แรกเริ่มเดิม..ที..พระอาจารย์ในยุคโบราณ..ท่านทำไว้..ด้วย..สาเหตุหลัก..คือ...
    .............................ไว้..ออกรบ......................................................................
    ....แต่ถ้า..เป็นด้านเมตตา..หรือ..เสน่ห์...ส่วนใหญ่..อาจารย์ที่เป็น..ฆาราวาส..จะทำ
    ซะมากกว่า.................ในที่ผมจะกล่าว..ต่อไปนี้..ก็จะไม่พูดถึง..ผ้ายันต์..แบบนี้....
    .....สำหรับ..ผ้ายันต์...ผ้าประเจียด..นั้น...ส่วนใหญ่..ก็..จะใช้..มัดที่ต้นแขน...หรือ..
    บางที..ก็..ผูกไว้ที่..คอ.......ที่มัดต้นแขน..นั้น..ข้อดี..คือ..สามารถ..นำ..ตะกรุด....
    พระเครื่อง..หรือ..เครื่องราง..ของขลัง..อย่างอื่น..รวมไว้...โดยใส่ไว้กลาง..ผ้า...
    พับทบ..แล้วม้วนให้เป็น..แท่ง..ก่อนที่จะนำ..มามัดที่ต้นแขน...เครื่องรางที่นอก
    เหนือจาก..ตะกรุด..ก็..เช่น..ลูกอม..ลูกสะกด..เบี้ยแก้..ปรอทเสก...ก็แล้วแต่..เจ้าตัว
    จะพกอะไร..เอาไป..ออกรบบ้าง......อย่าลืมนะครับ..ผมเคยบอกไปแล้ว..ว่า..ไอ้ที่คุณ
    เห็นใน..หนังไทยยุคนี้..อย่างเรื่องดัง..ที่ขี่ควายแทนม้า..ออกไปฆ่า..ศัตรูนะ......
    ..........การพกพาเครื่องราง..มันผิด...ไม่มี..ใครในยุคนั้น..เค้าเอา..ตะกรุดโทน..มาแขวน
    คอ...(ยุคนี้..นิยมมาก)..ตะกรุดโทน..นะ..เขาไว้คาดที่เอว...เวลาฟัน..แทง..กับ..ข้าศึก..
    ตะกรุด..แกว่งไป..แกว่งมา...มันไม่ใช่วิสัยครับ.....นักรบ..ต้องรัดกุม...........
    ...
    ......เสื้อยันต์..เช่นกัน..ก็จะมี..ชายเชือก..เอาไว้..ผูกรัดให้แน่น...ยุคนั้น..ไม่มีกระดุม..นะครับ..
    ................เรียกว่า..นักรบไทย..ของสองอย่างนี้..ขาดไม่ได้..ในยุค..ใช้ดาบ..ฟาด..ฟันกัน...
    ....................................ต่อตอนหน้าครับ................................................
    ...

    ...........................ยุคสมัย..เปลี่ยน...หลังสงครามโลกครั้งที่๒...การทำเสื้อยันต์..ก็..เหลือ
    น้อยมาก..แต่..ผ้ายันต์..ยังมีอยู่..เพราะพกเอา..ติดตัวไปไหน..สะดวก..ผ้ายันต์..สมัยเดิม..
    ที่เน้น..ไว้..สำหรับ..รบทัพจับศึก..ก็เปลี่ยน..มาทางด้าน..เมตตา..ค้าขาย..โชคลาภ..มากขึ้น
    .....ผ้ายันต์..เสื้อยันต์..นั้น..มาทำกันมาก..เมื่อคราว..สงครามอินโดจีน..เมื่อไทยประกาศ..
    ศึกกับ..ไอ้ขี้โกงฝรั่งเศษ(..หน้าตัวเมีย..ด้วย..เพราะมันใช้..พวกทหารญวน..ซึ่งตอนนั้นเป็น
    เมืองขึ้น..มัน..มารบแทน..เป็นส่วนใหญ่..เวลาไทยจับเชลยได้..จะเห็นว่า..มีไอ้ฝรั่งเศษอยู่
    ..ไม่กี่ตัว..นอกนั้นเป็น..ญวน..)...พระอาจารย์ที่มีอาคมขลังทั้งหลาย..ก็..ห่วงลูกหลาน....
    เพราะ..ต้องออกไปรบ..เป็นเรื่อง..เป็นราว...เสื้อยันต์..หรือ..ผ้ายันต์เดิม..ที่ใช้..มือเขียน..
    ทั้งหมึก..และ..ดินสอ(ส่วนใหญ่..เป็น..ดินสอ)...ทำ..วันนึงได้ไม่กี่ผืน..ยิ่งพวกเสื้อยันต์..ยิ่ง
    แล้ว...ทั้งวัน..อาจได้แค่..ตัวเดียว...........ก็..ต้องเปลี่ยน..รูปแบบ..เพราะจะไม่ทันการ....
    .....เปลี่ยน..มาใช้..วิธีพิมพ์แทน...โดยในตอนนั้น...บ้านเรา..เริ่มรู้จักการ..พิมพ์ลายผ้า..
    แบบ SILK SCREEN..กันแล้ว..วิธีก็ไม่ยุ่งยาก..อะไร..แค่ไปซื้อน้ำยา..มา..ก็..สามารถมา
    ทำกันเองได้..ที่วัด..วันนึง..ทำได้เป็น..ร้อย..ผืน..ขึ้นอยู่กับ..แรงงาน...หลวงพ่อก็แค่....
    เขียน..ต้นฉบับ..บนกระดาษลอกลาย...หรือ..ถ้ามีต้นแบบอยู่..ก็ไม่ต้องเหนื่อยหลวงพ่อ
    ..ให้ลูกศิษย์..เอากระดาษลอกลาย(...คนที่ไม่คุ้นกับ..งานศิลป์..สมัยก่อน..อาจไม่รู้จัก...
    เป็น..กระดาษโปร่งแสง..ที่ช่างเขา..เอาไว้..ลอกลายต้นฉบับ..ไม่ว่าจะเป็นลายไทย..หรือ
    ลายเทศ..หรือ..รูปต่างๆไว้เพื่อ..ทำการต่อไป...เนื่องจากกระดาษโปร่งเมื่อทาบ..กับ..ต้น
    ฉบับ..ที่สีเข้ม..จะทำให้เรา..มองเห็นลายได้...สมัยนั้น..กระดาษไข..ยังไม่มี..กระดาษแบบ
    นี้..ก็หาได้ไม่ยาก..เพราะช่างฝีมืองานศิลป์..จะใช้กัน..เป็นประจำ..แหล่งใหญ่..ก็ร้านตรง
    ข้ามโรงเรียนเพาะช่าง(..สมัยนั้นยังใช้คำว่า..โรงเรียน..)..เยื้องๆฝั่งตรงข้ามคือ..โรงเรียน
    สวนกุหลาบ...)..มาลอกตามอักขระ..เส้นสาย..ตามต้นฉบับ..แล้ว..ก็เอาไปใช้เป็นต้นแบบ
    ที่..จะทำตัวแม่พิมพ์แผ่นผ้า(..ผ้าโปร่งขึงตึง..กับ..กรอบไม้)...ที่ต้องใช้แบบนี้..เพราะยุคนั้น
    ไม่มี..แสกนเนอร์...และอีกอย่าง..ตัวที่จะเอาไปทำแบบนี้..ต้องโปร่งแสง..เพราะน้ำยาทำ
    แม่พิมพ์..เป็นน้ำยาไวแสง..วิธี..แบบชาวบ้านเอาน้ำยาทาที่ผ้าโปร่งแสง..แล้วทิ้งไว้ที่ไม่มีแสง
    สักพัก..พอแห้งๆหน่อย..ก็เอา..ออกมา..แล้วก็เอา..กระดาษลอกลายที่มีลาย..วางทาบแล้วเอา
    แผ่นกระจกทับอีกที(จะได้ไม่เลื่อน..และ..แสงเข้าได้)..เอาไปตากแดด..ไว้สักพัก..น้ำยาที่ติดกับ
    ผ้า..แล้วโดนแสง..จะแข็งตัว..ยึดติดกับผ้า..แต่ไอ้ตรงที่มีลายเส้นสีดำ..ที่เราลอกไว้..มันทึบแสง
    ..น้ำยาจะไม่จับตัว..กะได้เวลาพอดี..ก็เอา..แผ่นกระจก..กับ.กระดาษลอกลายออก..แล้วเอาแผ่น
    กรอบผ้าโปร่ง..ที่ทาน้ำยาไป..เอาน้ำเป็นฝอยมา..ฉีดพ่น..ไอ้ตรงที่ถูกบังแสงไว้..จะหลุดออก..เพราะ
    มันไม่ได้ทำปฏิกิริยากับ..แสง..ไม่แข็งตัว..และยึดกับ..ผ้าโปร่ง....แค่นี้..เราก็ได้..ต้นแบบแม่พิมพ์..
    ผ้ายันต์..หรือ..เสื้อยันต์..ได้แล้ว...(..ไปหาอ่านวิธีจริงๆ..หรือ..รายละเอียด..การทำแม่พิมพ์..SilK
    Screen..จากตาม..เว็ปได้..ผมเองเคยทำสมัยเป็นนักศึกษา..พิมพ์เสื้อ..เอาไว้ขาย..หาเงิน
    เป็นทุน..ออกค่ายอาสาพัฒนาชนบท...(..ไม่ใช้แสงธรรมชาติ..ก็ใช้..โป๊ะไฟ..ส่องเอาก็ได้..)
    .............................ก็เลย..สมารถผลิต..ผ้ายันต์..เสื้อยันต์ได้..ตามปริมาณต้องการ..ทัน
    ก่อนที่..พวกลูกหลาน..ใกล้วัด..ต้องออกไปรบ....แล้วใน..สงครามคราวนี้..แทนที่..จะมีพระ
    ดัง..กลายเป็น..เสื้อยันต์ดัง...เพราะการพิสูจน์ทราบ..ยืนยัน..คือ..ทหารหลายคน..ไม่ได้ห้อย
    พระ..มีแต่..เสื้อยันต์..อย่างเดียว...และ..ที่เป็น..อันดับ ๑ งานนี้..ก็เป็น..เสื้อยันต์(พิมพ์)ภควัม
    (รูปหลัก..เป็น..พระปิดตา..กับ..อักขระ)..ของ..หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา..ปราจีนบุรี....
    ..ดังรองลงมา..ก็..ของ..หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก..หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม..หลวงพ่อ
    จันทร์ วัดนางหนู(ลพบุรี)..และ..หลวงพ่ออี๋ วัดสัตตฮีบ(เขียน..ตรงไม่ได้ Board..ไม่ยอม)...
    .........ผมจะไม่เล่า..รายละเอียด..ไปหาอ่านได้..แต่มีเกร็ดเล็กน้อย..ที่ผมอ่าน..และไม่ได้ลงใน
    ข้อมูล..ส่วนใหญ่ที่หาอ่านได้..จะมาเล่าตอน..หน้า.....ทหารผี.....................
    ..............................ต่อตอนหน้าครับ................................................................


    ...............ที่ผมอ่านมา..เป็นข้อมูลเก่าแก่..โดยการสัมภาษณ์..ทหารที่อยู่ในเหตุการณ์..ครั้งนั้น
    (...ไม่ใช่..เกิดครั้งเดียว..แต่..ต่างๆรูปแบบกันไป..ส่วนใหญ่ที่..ท่านทราบ..ก็..โดนยิงกระเด็นไป..
    แล้วก็ลุก..ขึ้นมา..เดินหน้า..ฆ่ามัน...)....อันนี้..เป็นเหตุการณ์..ช่วงแรกๆ..ที่ทหารไทยเรา...บุก
    เข้าไปถึงแนว..ต้านของฝรั่งเศษ..ซึ่งมีการวางลวดหนาม..ตลอดแนว..ข้างฝรั่งเศษ..ก็ตั้งปืนกล..
    ยิงคลุมแนว..เรียกว่า..ทหารไทย..โงหัวไม่ขึ้น..เวลาผ่านไป..ก็เกิดมี..ทหารไทย..คนนึง..แกคง
    เบื่อ..และ..รำคาญมาก..ขึ้นไปจากแนวกำบัง..เพื่อจะเอา..ดาบปลายปืน..ไปตัดลวดหนาม..
    ให้มันรู้แล้ว..รู้รอดไปเลย..อยากยิงก็..ยิง..แกเสี่ยงตาย..เพราะแกคิดว่า..อยู่ตรงนี้..ทำอะไรไม่ได้
    ..เรียกว่า..ตายเป็นตาย..ว่างั้น...............
    ..........พอแกพุ่งจากที่กำบัง...ไปที่ลวดหนาม...ศัตรูก็..ระดมยิงมาที่แก..ด้วยความมุ่งมั่น..พร้อม
    กับ..ดาบปลายปืน..ในมือ..แกก็ตั้งหน้าตั้งตา..ไปตัดลวดหนาม..ลูกเดียว...เรียกว่า..ในสมอง
    แก..ไม่ได้สนใจอะไร..ไม่มีอะไรในสมอง..เว้นแต่คำว่า..”ตัดลวดหนาม”.........ปรากฎว่า..ลูก
    กระสุน..ก็พุ่งเข้ามาหาตัวแก..แบบห่าฝน..แกก็เจ็บ..แต่แกไม่รู้เรื่องหรอก..ตอนนั้น..แกรู้ว่า..
    แกยังไม่ตาย..แกก็เข้าไปพยายามตัด..ลวดหนาม..ท่ามกลางห่ากระสุนที่เข้ามากระทบร่างแก
    ต่อไป......................
    .............ผู้บังคับบัญชาตอนนั้น..ที่ตะลึงอยู่..เพราะห้ามแกไม่ทัน..และเห็นแกโดนยิง...แต่แก
    ไม่เป็นไร..ไม่มีเลือดสักหยด...ก็เกิด..มานะขึ้นทันที..เพราะรู้ว่า..โดนยิงไม่เข้า...แกก็นึกถึง..
    ตอนที่หน่วย..แกได้รับแจก..เสื้อยันต์..จากพระอาจารย์แถบปราจีนบุรี..ซึ่งแกก็จำชื่อไม่ได้..
    ด้วยซ้ำ..และ..ในหน่วยแก..ก็เอาเสื้อยันต์นี้..มาใส่ไว้ข้างในทุกคน..แกก็รู้ทันที..ว่าเป็น..
    อานุภาพ..เสื้อยันต์เป็นแน่..แกก็เลยสั่ง..ให้ทหารทุกคนออกจากแนว..ไปช่วยกันตัดลวด
    หนาม...ทหารคนอื่นในหน่วย..ก็เห็นเหตุการณ์นี้..พอผู้บังคับบัญชา..สั่ง..ก็พร้อมใจกัน..ฝ่า
    ดงกระสุน..ที่สาดมา..ออกไปช่วยกันตัดลวดหนาม..ก็เรียกว่า..ทุกคนโดนยิง..กันถ้วนหน้า..
    ...แต่ปรากฏว่า..ไม่มีใครเป็นอะไรเลย...หลังจากลวดหนาม..ขาด..ไอ้พวกข้าศึก..ก็รู้แล้ว
    ว่า..อยู่ต่อ..มีแต่..ตาย..กับ..ตาย..อย่างเดียว..เพราะ..ทหารไทย..โดนยิงเป็นร้อยนัด..มัน
    ยังไม่เป็น..อะไรเลย..แล้วกู..จะเอาอะไรไป..สู้มัน..ก็เลย..เผ่น..หนีกันไปได้..เป็นส่วนใหญ่
    ที่เหลือ..ก็โดนทหารไทย..ฆ่าทิ้ง...........................
    ................ตอนนั้น..ทหารเหล่านี้..ไม่ทราบหรอกครับ..ว่าตัวเอง..หนังเหนียว..ก็กลัวลูกปืน
    เหมือนทหารทั่วไปนี่แหละ.................................
    ...................พระอาจารย์..แถวปราจีนบุรี..ที่ว่า..นี่..ก็น่าจะเป็น..หลวงพ่อจาด..นี่แหละครับ
    ..เพราะท่าน..ไม่ได้ทำเสื้อยันต์แจก..เฉพาะ..ลูกหลานแถววัด..เท่านั้น..เนื่องจาก..ปราจีนอยู่
    ใกล้ชายแดน..ทหารที่เดินทัพไปรบ..ก็คงผ่านไปใกล้ๆ..ท่านก็เลยเผื่อ..ทหารจากที่อื่นด้วย..
    ...........................................ต่อตอนหน้าครับ.................................................


    .......ไม่ต่างกันหรอกครับ....คุณมะลิ....เพราะ..เสื้อยันต์..มีเจตนาป้องกัน..
    วัตถุแปลกปลอม..ที่จะเข้ามาทำอันตราย..ต่อ..ร่างกาย..ให้เกิดบาดแผล..
    ทำให้..ผิวหนัง..เหนียว..ทน..ยืดหยุ่น.....สะเก็ดระเบิด..ก็เป็นชิ้นๆ..พุ่ง
    เข้าสู่ร่างกาย..ไม่ต่างจาก..ลูกกระสุนปืน..เช่นกัน..ย่อมกันได้..เช่นเดียวกัน
    ....ปัญหาคือ..แรงอัดอากาศ..ของระเบิดนั่นแหละ..ที่ส่งผล....
    มันทำให้อวัยวะภายใน..ได้..รับผล...ขึ้นกับ..ความแรงของ..ระเบิด..และ
    ตำแหน่ง..ที่อยู่..ว่ามันใกล้จุด..ที่เกิดการระเบิด..ขนาดไหน...ใกล้มาก..
    ..แรงมาก..ก็อาจถึงตายได้...คงเคยได้อ่าน..พวกหนังเหนียว..ที่ถูกตี..
    ด้วยไม้..จนน่วม..ข้างนอกไม่มีแผล..แต่ข้างใน..อวัยวะฉีก...ตาย...
    ...............กรณี..ที่คุณมะลิ..ถามเรื่องระเบิดด้าน..นั้น...
    ..ก็จะเป็นอีก..กรณี...คือเป็นประเภทเดียวกับ...ปืนด้าน..คือ..ยิงไม่ออก
    ยิงแล้ว..กระสุนด้าน...อีกแบบนึงครับ...อันนี้ละ..มหาอุตม์จริงๆ..
    ....คือ..อุดตั้งแต่..ต้นทางเลย.....แต่แค่นี้ก็...เหลือเชื่อแล้วใช่มั้ยครับ


    ....ใจเย็นๆ...น้องSanta..ค่อยๆอ่านไป.....................
    ......ไม่ได้อ่าน..กระทู้ของน้องJ..เขาเรอะ...เขาก็บอกอยู่แล้วว่า..
    ..........จาด...จง...คง....จันทร์........
    ...แต่ก่อน..คือ..วลีนี้...พี่..ก็ยังตอบ..ยืนยันให้........
    .........ไม่ใช่..จาด..จง..คง..อี๋...แบบสมัยนี้..ที่พวกสื่อ..กับ
    พวกรุ่นใหม่...มาเปลี่ยน..............เดี๋ยวพี่..จะมีกล่าวถึง.....


    .......นั่นเรียกว่า...เป็นการปฏิวัติ..ของเสื้อยันต์..หรือ..ผ้ายันต์..เพราะ..คนสมัยก่อน..
    ทีแรกไม่เชื่อว่า...การพิมพ์..จะมา..ศักสิทธิ์เหมือน..การเขียนด้วยมือ..ที่เขียนไปว่า..
    คาถาไปได้..ยังไง...ไอ้ที่ว่าเท่า..นะ..อาจจะไม่เท่า..แต่ก็คง..ไม่ด้อยกว่า..เท่าใด....
    ถ้า..อานุภาพของ..ยันต์..มีอานุภาพสูง...และอาจารย์ผู้สร้าง..มีฌาน..สูง..ก็อาจจะ
    ทำได้เหนือกว่า..อาจารย์หลายท่าน..ที่เขียนด้วยมือ..ด้วยซ้ำ..ดั่งที่..หลวงพ่อจาด
    ได้..พิสูจน์..ให้ประจักษ์..มาแล้ว.....ในสงครามมหาเอเซียบูรพา(อินโดจีน).........
    .........หลังสงคราม..หนังสือพิมพ์..ก็เอาเรื่องราว..กันมาเขียนมากมาย..เสื้อยันต์..
    ที่มีประสพการณ์..จาก..สงครามก็..เลยดังใหญ่..นี่ขนาดยุคนั้นยังไม่มี..นิตยสารพระ
    เครื่องรายเดือน..แบบสมัยนี้นะ..ที่รับเงินมา..เชียร์โน่น..เชียร์นี่...กันใหญ่โต......
    .............เมื่อ..DEMAND..มามากๆ..แล้ว..SUPPLY..ไม่เพียงพอ...นอกจากจะทำให้
    ราคา..ของ..เสื้อยันต์...พาลรวมไปถึง..ผ้ายันต์..ที่..โด่งดัง..ของอาจารย์ที่สร้างชื่อให้
    ลือลั่น..จากสงคราม..ทั้ง ๕ รูปนี้คือ.......
    .......หลวงพ่อ จาด วัดบางกระเบา....ปราจีนบุรี.....................
    ......หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก....อยุธยา........................
    ......หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม....สมุทรสงคราม................
    .....หลวงพ่อจันทร์ วัดนางหนู....ลพบุรี..........................
    .....หลวงพ่ออี๋ วัดสัตตheep.....ชลบุรี...............................
    ....นักเลงพระ..สมัยนี้..อาจแปลกใจ..เพราะ..เคยได้ยินแต่..จาด..จง..คง..อี๋.....
    ..ความจริงคำนี้..ดั้งเดิมนะ...ไม่ใช่ครับ..เพราะเมื่อ ๔๐ ปีก่อนนั้น.....คือ...
    .....................จาด..จง...คง..จันทร์....หลวงพ่ออี๋..ไม่ได้อยู่ในวลีสัมผัส...นี้..
    ..แต่ไม่รู้อีท่าไหน..หรือ..เพราะ..พระของ..หลวงพ่ออี๋..ดังกว่าของ..หลวงพ่อจันทร์
    ..เมื่อ ๓๐ กว่าปีก่อน..เลยเปลี่ยน..ใหม่..เอาหลวงพ่ออี๋..ไปใส่แทน..แถมนักเลง
    พระรุ่นนี้..บางคนไม่รู้จัก..หลวงพ่อจันทร์ วัดนางหนู..ซะด้วย..ความจริง..ทั้ง..พระ
    ..เสื้อยันต์..ผ้ายันต์..ท่านนี่....เหนียวระเบิดระเบ้อ................................
    ...............เมื่อ..หายาก..เพราะส่วนใหญ่..ก็..หวงแหน..กัน..จะทำยังไง..ดีละ..ก็
    มีผู้สมัคร..รับ..อาสา..โดยไม่ได้เชื้อเชิญ..จัดให้..ตาม..ประสงค์...มี ๒ แบบ..ครับ..
    ............๑. สวมรอย..คือ..เอา..เสื้อยันต์..หลวงพ่ออื่น..มาสวมรอย......
    ............๒. ทำเอง..ขึ้นมาใหม่..แบบคล้ายๆ.............................................
    ...แล้วทั้งสอง..แบบ..นี้...คนสมัยนี้..งง...อ้าว...คนละแบบ..เอามา..แทนกันยังไง..
    ...อีกอัน..ก็..แค่..คล้ายๆ...แล้ว..ดูไม่ออก..เหรอ.....
    ............................ตอนหน้าผม..จะมาเฉลยให้...เรียกว่าได้มา..ภูมิใจมาก.....
    ยังเอาไปอวดชาวบ้านได้...แถม..ชาวบ้านก็ยังไม่รู้ด้วย...........................
    .............................ต่อตอนหน้าครับ.......................................................
    ...


    .........ก็ไม่ใช่อะไร..หรอกครับ..สมัยยังไม่มีหนังสือพระรายเดือน..เมื่อ..กว่า ๔๐ ปีก่อน
    มา..จนถึง..ยุค..มีหนังสือ..อยู่แค่..เล่ม ๒ เล่ม..ในตลาด..สื่อ..แทบไม่ปรากฏ..สื่อที่มีก็
    เป็น..ขาวดำ..ภาพขมุกขมัว..ขนาด..พระขรัวอีโต้ วัดเลียบ..กับ..พระรอดมหาวัน..นี่ยัง
    แยกไม่ออกเลย....แล้วยุคโน้น..แทบไม่รู้จัก..หน้าตา..ด้วยซ้ำ..ว่า..เสื้อยันต์..หลวงพ่อนี้
    ..หลวงพ่อนั้น..หน้าตา..เป็นยังไง..ใช้วิธี..จำเอา..จากคำบอกเล่า..ที่..เขาบอกต่อกันมา
    ..รูปนะไม่ต้องไปหา..แทบไม่เคยเห็น..ใครเห็นก็นับว่า..โชคดี..สุดๆแล้ว.........
    ...................อย่าง..หลวงพ่อจาด..ก็จำกันไว้ว่า..สีแดง..แบบเสื้อกั๊ก..มีรูปพระปิดตา..
    หลายองค์..ชายเชือกผูกข้าง..สีแดง..เป็นเสื้อยันต์แบบพิมพ์.........
    .............ของ..หลวงพ่อจง..ก็ต้อง..มีรูปราชสีห์..สีแดง..ก็มี..ขาวก็มี..มีทั้งเขียนมือ..
    ..และพิมพ์...ชายเชือกผูกข้างเหมือนกัน........
    ..........ของ..หลวงพ่อคง..ก็ไม่เหมือนท่านอื่น(ความจริง..แบบธรรมดาก็มี)..เสื้อยันต์
    วิรุญจำบังท่าน..โดดเด่น..ศัตรูไม่เห็นตัว..เขียนมือ..สองชั้น..ข้างนอกดำ..ข้างในขาว..
    ติดกระดุม(ยุคแรก..รู้สึกจะเป็น..เชือก)..ด้านหน้า..ไม่ใช่ด้านข้าง..ยันต์อยู่..
    ด้านใน.......เป็นต้น......
    ....คนที่ชอบเสื้อยันต์..ก็..จะจำกันแบบนี้....แล้วของจริง..ละจะไปดูได้..จากไหน
    ..ก็..ต้องใช้วิธี...ฝันเอา..เป็นหลัก..ไม่งั้น..ต้องไปแถววัด..ถามคนเก่า..แถวนั้นดู..
    ..บางทีรู้ว่าบ้านนี้มี..เขาก็ไม่เอามาให้ดู(..ลุงเจ้าของแผง..ซี้ผม..สมัย..สนามวัด
    มหาธาตุ..บอก)..เพราะกลัว..โดนขโมย..........
    ..............แล้วใครมันจะพยายาม..เยอะแยะ..แบบนั้น..สมัยก่อน..ไม่ใช่เดินทาง
    ไปไหน..สะดวก..แบบนี้..ซะที่ไหน.........
    ...................ฉะนั้น..ส่วนใหญ่..ไม่เคยเห็น..รูป..หรือ..ของจริง..รู้คร่าวๆแบบที่ผม
    เล่า...แล้วจะรู้จากไหน..ถึงจะกว้างขวางได้..หลาย..หลวงพ่อ..ก็..สนามพระแห่งเดียว
    ของประเทศ...ก็..วัดมหาธาตุ..นั่นแหละครับ..สมัยเด็กที่..ผมไปนั่งเล่นแถวนั้น...ก็
    เจอ..อยู่หลายคนที่..มาตามหา..เสื้อยันต์ดังๆ..หรือไม่..ก็มาถาม..ผู้อวุโสแถวนั้น...
    ว่า..หน้าตา..เป็นยังไง...แล้วก็มี..แผง..สอง..แผง..ที่ขาย..เครื่องราง..แล้วมีสนองให้
    ท่านได้..แต่ที่มี..นะ..เกือบทั้งหมด..ไม่ใช่ของจริง...เป็นของวัดอื่น..มาสวมรอยมั่ง..
    ..ทำเอาเอง..มั่ง..ทำเอาตามรูปแบบที่ว่า..นั่นแหละ...แล้วก็มีคนถูก..เชือดไปไม่น้อย..
    ..............................ต่อตอนหน้าครับ............................................................


    เย้ทันกันแล้วครับพี่น้อง

    ที่มาเด้อครับ
    เข้าใจ..ผิด...เข้าใจ..ซะ..ใหม่
     
  10. Na_mo_

    Na_mo_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2007
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +4,750
    ขอบคุณคุณพลศิริ ที่นำมาลงให้ได้ติดตามอ่านนะ. คิดถึงคุณลุงครับผม
     
  11. บังรอน

    บังรอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,368
    ค่าพลัง:
    +1,788
    นี่เป็นกระทู้ แห่ง ตำนาน
    แต่ ก็ต้องโบกมือลา มิมีวันหวนคืน
    ข้าขอคารวะ...............
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มีนาคม 2012
  12. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    ไม่รู้ป่านนี้คุณลุงจะเป็นอย่างไรบ้างน้อ.... ตั้งแต่ลั่นวาจาไว้คราวนั้นก็ไม่เคยเห็นกลับมาอีกเลย - -"

    " บุรุษผู้ถือสัจจะเป็นที่ตั้ง " ผมขอคาราวะครับ........
     
  13. tawatd

    tawatd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +2,020
    นานแล้วไม่ได้เข้ามาอ่าน เนื้อหามากจนมึน แต่จะค่อยๆอ่านติดตามครับ
     
  14. ข้าวตูดีดี

    ข้าวตูดีดี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2013
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +85
    ขอบคุณนะคะ

    ขอบคุณนะคะ สำหรับสาระดีดี ไปเจอกระทู้นี้ตอนหาวิธีถักตะกรุด ตอนต้นปี 2556 อ่านไป เนื้อหาดีมากๆค่ะ เลยต้องย้อนไปอ่านหน้า 1 เริ่มแรก อ่านไปเรื่อยๆ กะว่าถึงหน้าสุดท้ายจะโพ๊สขอบคุณ คุณลุงซะหน่อย กลัวว่าถ้าเปิดไปหน้าสุดท้ายแล้วตัวเองจะจำไม่ได้ว่าอ่านถึงหน้าไหน จนหน้า 137 ถึงกับต้องร้อง "ไอ้หยา..ลูกศิษย์ใหม่ อ่านยังมิจบ อาจารย์บ๊่ายบายซะแล้ว " ต้องถอนหายใจ อ่านต่อมาอีกหน่อยก็ใจชื้นขึ้นนิด ว่า อาจารย์คัมแบ๊ค เลยมาโพ๊สขอบคุณ แต่พอย้อนไปดูวันที่ล่าสุด มันต้นปีที่แล้วนี่ กลายเป็นว่า มิทันแล้วซิเรา แต่ถึงอย่างไร ต้องขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆ ที่ให้ไว้นะคะ

    ปล.อยากให้รู้ว่า สมัครเป็นสมาชิกเว็ปนี้ก็กระทู้นี้นี่ล่ะ

    ขอบคุณมากค่ะ
     
  15. กำธร นครปฐม

    กำธร นครปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,756
    ค่าพลัง:
    +7,202
    ขอบคุณที่อั๊พกระทู้ดีมีคุณภาพของพี่ modpong ขึ้นมานะครับ หากระทู้ที่มีสาระดี ๆ อย่างนี้แทบไม่ได้แล้วในเว็บแห่งนี้ เพราะพี่ modpong มาให้ความรู้ที่เป็นของจริง ไม่อิงนิยาย และพี่เค้า ก็ไม่ได้ขายพระ จึงไม่จำเป็นต้องแต่งนิยายเพื่อขายพระ หรือให้พรรคพวกมาเล่านิทาน ที่เหมือนกำลังภายใน เหมือนหลาย ๆ กระทู้ในที่นี้ ใครเป็นใครก็ใช้ปัญญาพิจารณากันเอาเองครับ บอกตรง ๆ ครับ ว่าคิดถึงพี่ modpong มาก ๆ ครับ
     
  16. buakaew2007

    buakaew2007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,410
    ค่าพลัง:
    +6,221
    คิดถึงท่านเจ้าของกระทู้เช่นกันครับ
    ขอให้ทุกท่านมีความสุขในชีวิตครับ
     
  17. ข้าวตูดีดี

    ข้าวตูดีดี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2013
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +85
    อิ..อิ..

    รอบแรกอ่านสำรวจเส้นทาง ใกล้จะจบแล้วล่ะค้า....หน้า 160 แล้ว จบเมื่อไร ก็ต้องขึ้นรอบสอง อ่านเอาเรื่อง แล้วก็รอบสาม อ่านตรวจงาน เรื่องมันยาว ต้องอ่านแบบเพชรพระอุมา ที่อ่านทำสถิืิติไว้ที่ 12 รอบ 1 โหลพอดี ที่สอง ก็ มังกรคู่สู้สิบทิศ ประมาณ 9 หรือ 10 รอบนี้แหละ ต้องดูซิว่า กระทู้นี้ จะเข้าชิงแชมป์ เรื่องโปรด เป็นอันดับที่เท่าไร เสียอยู่อย่างเดียว ที่อยู่ในคอมพ์ อ่านมากไม่ได้ปวดตา ไม่มีเครื่องพิมพ์ มันก็จำเป็นอะนะ

    กำลังคิดจะลองปิดทองพระอยู่ เลือกๆ พระไว้แล้ว กำลังทำใจให้กล้าๆไว้ แต่กะจะลองกับเหรียญบาทเก่า อันใหญ่ก่อน กันเหนียว

    อ่านแล้วคิดถึงคุณลุง เจ้าของกระทู้ นิ
     
  18. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ....RETURN OF THE JEDI....

    ...จั่วหัวซะเท่ห์เลย...จริงๆไม่มีอะไรหรอกครับ..ผมมันคนแก่ธรรมดาๆ..ที่มาที่ไป..ของการกลับมานี่..มีเหตุผลหลักๆคือ...เรื่องราวที่..น้องพลศิริ..เอามาลงต่อเนื่องนั้น..มันไม่จบกุดไปเฉยๆ..ก็เพราะ..เว็บพุทธคุณ..ที่ผมเขียนลงประจำอยู่..มันสลายร่างไปอย่างสิ้นเชิง..ความจริงยังมีเรื่องราวอีกมาก..พอสมควร..และอีก๒-๓เรื่อง..ที่ยังไม่ได้เอามาลง.....เมื่อปีที่แล้ว..ผมลองเข้ามาแว๊ปๆดูกระทู้เก่า..ของผม..ปรากฎว่า..น่าชื่นใจ..ที่..ยังมีคนเข้ามาอ่านอยู่เรื่อยๆ..พอมาถึงตอนนี้..ผมเลยคิดว่า..เอ้..ไอ้เราก็เขียนเรื่องอีกตั้งเยอะ..แต่มีคุณส่วนน้อยที่ได้อ่าน..(โชคยังดี..ที่น้องพลศิรฺิ..ก็อป..เอามาลงที่นี่ไว้บางส่วน..)...เรื่องที่ผมเขียนจะปล่อยให้สูญสลาย..กลายเป็นอากาศธาตุ..ไป..ก็ใช่ที่..สู้เอามา..ลงไว้ที่นี่..ดีกว่า..จะได้เป็นหลักฐานไว้..แล้วก็ยังมีหน้าใหม่..เข้ามาอานอยู่..จะเป็นการดี..เป็นแน่แท้..ถึงแม้จะไม่เจ๋ง..แต่เป็นของแปลก..คงไม่ไร้..สาระ..เกินไปนัก....ก็ยอมกลืนน้ำลาย..ถอนความตั้งใจเดิมซะ...ยอมถูกปรามาสว่า..ไหนว่าไปแล้ว..ไปเลยไง..กลับมาทำไม...ผมก็ถือซะว่า..ทำใจ..เพราะอยากให้..ประโยชน์แก่ผู้อ่านเท่านั้นเองครับ..ของที่ตั้งใจทำไว้..อยู่ดีๆจะปล่อยให้มันสาปสูญไป..ก็น่าเสียดาย..
    .............ตกลงเป็นว่า..ผมจะทยอย..เอาเรื่องดังกล่าว..มาลงต่อ..ก็แล้วกัน..........
    ....อยากรู้ไมั้ยว่า..ว่าใคร..คือแรงบันดาลใจที่สุดที่..ทำให้ผมกลับมา.....
    ...........เขาก็คือ..กำธร นครปฐม...น้องรัก..คนนี้..ที่ไม่เคยลืมพี่modpong...ตอนอยู่
    ที่เว็ปพุทธคุณ..ก็ยังไปเยี่ยม..(รวมน้องๆจาก..พลังจิต..อีกหลายคนด้วย)......
    ...ขอบคุณน้องๆหลานๆอีกหลายคน..ที่ไม่ได้เอ่ยนาม..เพราะเยอะ..ที่ยังไม่ลืมกัน..แม้จะ
    จากเว็ปนี้ไปนาน..แต่ยังมาPOST...อยู่..รวมทั้งสมาชิกหน้าใหม่ๆ..ที่ยังมาPOSTเพิ่มเติม..ทั้งๆที่..กระทู้ปิดไปแล้ว...............................
    ............................OK. แล้วเจอกัน...........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2013
  19. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,435
    สวัสดีครับพี่modpong....(^___^)
    หายไปนานเลยครับ...สบายดีนะครับพี่.......
    ยังใงก็ยังเป็นแฟนคลับติดตามอ่านเรื่องราวดีๆจากพี่เหมือนเดิมนะครับ..
     
  20. SpringDove

    SpringDove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,488
    ค่าพลัง:
    +4,807
    Welcome Back ค่ะคุณลุง ต้อนรับการกลับมาด้วยเพลงนี้เลย

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=3j8mr-gcgoI]David Gilmour Wish you were here live unplugged - YouTube[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...