พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ยังสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นและตอบได้อีก 2 ท่านตามกติกานะครับ

    ผมขออนุญาตสิ้นสุดคำถามนี้ในวันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม 2550 เวลา 18.00 น.
    .
     
  2. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,254
    ค่าพลัง:
    +7,241
    ขอร่วมแสดงความคิดเห็นค่ะ ตอบตามภูมิปัญญานะค่ะ ไม่รู้ว่าจะครบ 7 บรรทัดหรือเปล่าหนอ

    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เราเชื่อในกฎแห่งกรรม ผลของการกระทำ ตามหลักพระพุทธศาสนา สิ่งที่เราเห็นก็คือผลกรรมจากการกระทำ ถ้าทำกันไปทำกันมาโดยไม่รู้จักการให้อภัย มันก็ไม่จบไม่สิ้น พระพุทธเจ้าท่านถึงกล่าวไว้ว่า การให้อภัยยิ่งกว่าการให้ทั้งปวง

    อ้อยดูจากคริปแล้ว เหมือนสัตว์มารับกรรม คนก็ทำตามหน้าที่ ซึ่งหน้าที่ก็คืองานที่จะต้องหาเลี้ยงตัวเองหรือครอบครัว จริงๆแล้วถ้ามีสามัญสำนึก ไปหาอาชีพอื่นทำก็ได้ แต่กงเกวียนกงกรรม แห่งการไม่รู้จักคิด รู้จักการเลือกประกอบอาชีพ ไม่รู้จักเกรงกลัวต่อบาป ทำให้ไปบดบังความรู้สึกผิดชอบชั่วดีต่อสิ่งเหล่านั้น

    ถ้าวันนี้เราเริ่มต้นเสียใหม่ เอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักการให้อภัย พยายามทำให้ได้ตามหลักพรหมวิหารสี่ คิดว่าเราชาวพุทธจะไปโร้ด สันติสุขคงจะบังเกิดเป็นแน่แท้จ๊ะ

    ขอจบความคิดเห็นเท่านี้ค่ะ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 พฤษภาคม 2007
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  4. kussalajitto

    kussalajitto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +1,085
    วันที่ 11 พ.ค. พ.ศ. 2550
    เรียนคุณสิทธิพงศ์

    กระผมได้รับพระที่ระลึกแล้วครับ

    ขอโมทนาในบุญกุศลครับ
     
  5. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    พี่อ้อยขอบคุณมากครับสำหรับจตุคาม


    .
     
  6. กุ้งมังกอน

    กุ้งมังกอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +1,181
    ชนะใจตนชนะคนทั้งโลก
    เห็นภาพแล้วได้พึงอาวรณ์ บุคคลที่ไม่เห็นคุณค่าของชีวิต ล้วนแล้วอพิโธ่ อนิจัง อนิจาเอ๋ยยย ดีแล้วที่เราเกิดมาในศาสนาพุทธถึงแม้ตัวเองไม่เสมอตนเสมอปลายแต่ทำแบบนี้คงอยากเป็นแน่แท้ เห็นแล้วได้หดหู่ อนิจัง นะนะนะ
    ขอส่งดวงวิญญาณให้พวกเธอละกัน สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
    พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ
    สัพพะโส พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ
    ขอให้ดวงวิญญาณทั้งหลาย ทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ ที่เห็นดังในภาพจงเป็นสุขเถิด
    สัพเพ สัตตา สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ
     
  7. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ผมต้องขอขอบคุณ คุณขุนท้าว อีกครั้งเช่นกันครับ สำหรับจตุคาม[​IMG]
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาสาธุครับ


    สำหรับทุกๆท่านที่ตอบ ผมจะจัดส่งให้ในสัปดาห์หน้าครับ

    ขอบพระคุณและโมทนาสาธุครับ

    .
     
  9. mail2wissnu

    mail2wissnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,179
    ค่าพลัง:
    +7,865

    เรียนคุณ sitthipong ครับ
    ผมได้รับ พระเรียบร้อยแล้วครับ แต่เกรงว่า คงได้รับไม่ครบ นะครับ
    ขาด สมเด็จวังหน้าสีขาว นะครับ ผมค้นอย่างถี่ถ้วน ไม่พบจริงๆ

    ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้ายังมีเก็บไว้เผื่อผมสักองค์ก็ดีครับ

    อย่างไรผมก็คิดว่าจะร่วมบุญสร้างเจดีย์อีกครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 100_1388.JPG
      100_1388.JPG
      ขนาดไฟล์:
      317.8 KB
      เปิดดู:
      41
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    3 ตุลาคม 2550
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left colSpan=2>คำปรารภ จาก...อาจารย์ระฆัง อริยทันโตศรี</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TH class=thLeft noWrap width=150 height=26>ผู้ตั้ง</TH><TH class=thRight noWrap>ข้อความ</TH></TR><TR><TD class=row1 vAlign=top align=left width=150>อาจารย์ระฆัง อริยทันโตศรี



    เข้าร่วม: 21 Sep 2007
    ตอบ: 13
    ที่อยู่: 29 หมู่ 1 ต.โคกตะบอง อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120


    </TD><TD class=row1 vAlign=top width="100%" height=28><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]ตอบเมื่อ: Tue Sep 25, 2007 9:29 pm เรื่อง: คำปรารภ จาก...อาจารย์ระฆัง อริยทันโตศรี</TD><TD vAlign=top noWrap>[​IMG]</TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD colSpan=2>คำปรารภ

    ผมไม่ว่างพอที่จะมาตอบคำถามตั้งแต่วันเสาร์, อาทิตย์ และวันจันทร์ เพิ่งจัดเวลาได้ในวันนี้ (ขอโทษสมาชิกที่อยากฟังคำตอบจากผม จากการโต้แย้งของคุณสิทธิพงศ์)

    ขอท้าวความเดิมของการเปิดเวบนี้สักหน่อย เพื่อสมาชิกจะได้เข้าใจผมดีขึ้น... กว่าผมจะตัดสินใจรับปากลูกศิษย์ ๒ ดอกเตอร์ ผู้อารีย์ ผู้น่ารัก ๒ ท่านนี้ ใช้เวลาถึง ๓ เดือน โดยปรกติเตือนละครั้ง จะเจ้ามาหาเพื่อสนทนาธรรม (เพียงอย่างเดียว) จนถึงทุกวันนี้ โดยผมบอกว่า ผมอายุมากแล้ว อยู่บ้านนอก ไกลปืนเที่ยง ไม่คล่องตัวเกี่ยวกับโลกยุคไฮเทค ถึงแม้ว่าจะสนใจเรื่องอินเทอร์เนตอยู่บ้าง แต่ก็ไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะผมพิมพ์หนังสือไม่เป็น (ช้ามาก) เล่นไม่เป็น และยิ่งกว่านั้น ผมกลัวคนรุ่นใหม่ ที่ใจร้อน และมักช่วงชิง มักง่าย ฉกฉวยโอกาส และ...จึงไม่อยากยุ่งด้วย...กลัวเปลืองตัว...เป็นขี้ปากเด็กๆ และที่สำคัญไม่อยากดัง...

    ความตั้งใจดี ประกอบกับเขามี สันติ และโสรัจจะ และไม้สุดท้ายที่ต้องยอมเขาก็คือ...ก็ในเมื่ออาจารย์ เขียนหนังสืออกมาหลายเล่มแล้ว เพื่อเผยแพร่บารมีและผลงานของสมเด็จพระพ่อเจ้าฯ มีแฟนหนังสือจำนวนมาก การตอบรับดีมาก...ทำไมไม่เปิดเวบนี้อีกทางหนึ่ง...เพื่อจะได้ช่วยเหลือคนที่อยากรู้อยากเห็น ต้องการศึกษาเรื่องวัตถุมงคล ช่วยเหลือเรื่องพื้นฐานของการปฏิบัติธรรม หากอาจารย์ไม่มีเวลาตอบ เดือนละครั้ง หรือ ๑๕ วัน ครั้ง หรือ ๗ วันครั้งก็ได้ โดย รวบรวมปัญหาไว้แล้วตอบทีเดียว ยิ่งกว่านั้นผมจะช่วยอาจารย์ หากขัดข้องเรื่องของอินเทอร์เนต... ในที่สุด ผมก็ตอบรับ... เพราะความตั้งใจดี การประพฤติ-ปฏิบัติดี เจตนาดีที่จะร่วมมือ ในการเผยแพร่พระมหาบารมีของสมเด็จพระพ่อเจ้าฯ...ในเมื่อตัดสินใจไปแล้ว รับปากเขาแล้ว ก็ต้องทำ เพราะถือว่าเป็นหน้าที่...เป็นสัจจะบารมี...หวังว่า สมาชิกทุกท่านคงเข้าใจ ตามนี้...นะครับ...

    เอาหละ...จะได้เป็นงานเป็นการศึกษาเรื่องของพระธรรม เรื่องของวัตถุมงคล และเรื่องของคนที่สนใจเวบนี้ กันอย่างจริงจังเสียที... โดยขอจัดเวลาไว้ดังนี้ครับ:-

    ทุกวันอังคาร และวันพฤหัสบดี เวลาประมาณ ๒๐.๑๕ ถึง ๒๒.๑๕ น. สมาชิกท่านใดสนใจติดตามได้ครับ (หากวันไหน ผมไม่สะดวก จะบอกทางเวบ ครับ)

    คุณสิทธิพงศ์... ครับ! คุณโต้แย้งคำตอบของผมที่มีต่อสมาชิก โดยขอสรุปคร่าวๆ ได้ดังนี้ :-

    ๑. เรื่องของดินป่าช้า สมเด็จพระพ่อเจ้าฯ จะไม่นำมาผสมในการสร้างพระเด็ดขาด......ท่านบอกคุณรึ?
    ๒. เรื่องของพระคาถาชินบัญชร สมเด็จพระพ่อเจ้าฯ ไม่ได้ใช้ปลุกเสกพระพิมพ์......ท่านบอคุณรึ?
    ๓. สมเด็จพระพ่อเจ้าฯ เป็นพระอริย......ท่านบอกคุณรึ?
    ๔. สมเด็จพระมหาโพธิสัตว์เจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระศรีอริยเมตตรัยเจ้า...สถิตอยู่บนชั้นดุสิต......ท่านบอกคุณรึ?
    ๕. คุณมีพระพิมพ์อยู่บางพิมพ์ จำนวน ๒๐๐ กว่าองค์ ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านหวงมาก...อ้อ.! .... ท่านบอกคุณรึ?
    ๖. ผมไม่ได้มีเจตตาเข้ามาป่วนเวบของอาจารย์นะครับ... อ.ระฆัง ไม่ต้องการให้ผมเข้ามาในเวบอีกก็ได้นะครับ...เอาอย่างนั้นรึ?
    ๗. ....นาคี...มีพิษเพี้ยง....สุริโย....

    เอาแค่นี้ก่อนนะครับ.! .... ผมจะไปไหว้พระจันทร์ เพราะ ๓ ทุ่ม กว่ามากแล้ว...

    ขอบคุณครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=row1 vAlign=center align=left width=150>ขึ้นไปข้างบน</TD><TD class=row1 vAlign=bottom noWrap width="100%" height=28><TABLE height=18 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=18 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center noWrap>[​IMG][​IMG][​IMG]<SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript><!-- if ( navigator.userAgent.toLowerCase().indexOf('mozilla') != -1 && navigator.userAgent.indexOf('5.') == -1 && navigator.userAgent.indexOf('6.') == -1 ) document.write(' '); else document.write('</td><td> </td><td valign="top" nowrap="nowrap">


    '); //--></SCRIPT></TD><TD></TD><TD vAlign=top noWrap>


    <NOSCRIPT></NOSCRIPT>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=spaceRow colSpan=2 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=row2 vAlign=top align=left width=150>หมอผี ศิษย์สมเด็จ



    เข้าร่วม: 19 Sep 2007
    ตอบ: 3
    ที่อยู่: แผ่นดินสยามอันศักสิทธิ์


    </TD><TD class=row2 vAlign=top width="100%" height=28><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]ตอบเมื่อ: Wed Sep 26, 2007 7:43 am เรื่อง: </TD><TD vAlign=top noWrap>[​IMG]</TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD colSpan=2>"มนุษย์สมัยนี้ อ่านหนังสือสามเล่มตั้งตนเป็นอาจารย์ อ่านตำราห้าเล่มก็สังคายนาพระไตรปีฎก ทำให้ไปนรกกันเป็นแถว"เป็นคำสอนของหลวงปู่โตที่ลงมาตักเตือนไว้ ถึงวันนี้เห็นแล้วจริงๆ ผู้ที่ศึกษาศิลปวัตถุของท่านได้ไม่นาน เมื่อได้พบได้รู้บางอย่างบ้าง ย่อมเกิดอาการเสมือนร้อนวิชาสำรวมอินทรีย์สีงวรณ์ไม่อยู่ อวดรู้ ยกตนข่มท่าน แต่ถ้าไม่ใช่สันดานเดิมจากอดีตชาติติดมาต่อไปคงลดลงหรือหายไปเอง เพราะวิสัยของผู้ไฝ่ในธรรม ย่อมมีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะ รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ผู้ที่อวดรู้ย่อมไม่ได้รู้มากนักเพราะตั้งกำแพงปิดกั้นตนเองไว้ อย่าไปให้ความสนใจมากนักเลยครับ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=row2 vAlign=center align=left width=150>ขึ้นไปข้างบน</TD><TD class=row2 vAlign=bottom noWrap width="100%" height=28><TABLE height=18 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=18 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center noWrap>[​IMG][​IMG]<SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript><!-- if ( navigator.userAgent.toLowerCase().indexOf('mozilla') != -1 && navigator.userAgent.indexOf('5.') == -1 && navigator.userAgent.indexOf('6.') == -1 ) document.write(' '); else document.write('</td><td> </td><td valign="top" nowrap="nowrap">


    '); //--></SCRIPT></TD><TD></TD><TD vAlign=top noWrap>


    <NOSCRIPT></NOSCRIPT>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=spaceRow colSpan=2 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=row1 vAlign=top align=left width=150>cepsi



    เข้าร่วม: 19 Sep 2007
    ตอบ: 2



    </TD><TD class=row1 vAlign=top width="100%" height=28><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]ตอบเมื่อ: Wed Sep 26, 2007 8:04 am เรื่อง: </TD><TD vAlign=top noWrap>[​IMG]</TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD colSpan=2>สวัสดีอาจารย์
    และน้าหมอผี ครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row2 vAlign=top align=left width=150>sithiphong



    เข้าร่วม: 18 Sep 2007
    ตอบ: 28



    </TD><TD class=row2 vAlign=top width="100%" height=28><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]ตอบเมื่อ: Wed Sep 26, 2007 11:08 am เรื่อง: </TD><TD vAlign=top noWrap>[​IMG]</TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD colSpan=2>เรียน อ.ระฆัง ครับ

    ก่อนอื่นต้องขอโมทนาในความตั้งใจที่จะเผยแพร่เรื่องราวของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ให้ผู้ที่ศรัทธาและสนใจในเรื่องราวต่างๆของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ทราบความเป็นมาตามแนวความคิดและความเห็นของ อ.ระฆัง

    แต่สิ่งที่ผมเองได้เรียนรู้มา ก็มิใช่มีเพียงหนังสือเพียงแค่สามเล่มเท่านั้น ในเมื่อ อ.ระฆัง เคยพูดว่า ไม่เคยมีใครที่เกิดทันสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีเลย ดังนั้น ผู้ที่เขียนถึงเรื่องราวของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ย่อมไม่มีท่านใดเลยแม้แต่คนเดียวที่เกิดทันสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี

    แต่สิ่งที่ผู้เขียนแต่ละท่าน เขียนหนังสือขึ้นมานั้น นำข้อมูลที่เขียนลงหนังสือ มาจากที่ไหน

    1.จากหนังสือประวัติศาสตร์ เช่นพงศาวดาร ,จดหมายเหตุ
    2.จากการค้นคว้าจากหนังสือที่มีผู้เขียนขึ้นหลังจากสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านมรณภาพ
    3.จากการนั่งสมาธิ โดยได้เรียนสอบถามสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีในสมาธิ
    4.นั่งเทียนเขียนเอง

    จากข้อสันนิฐาน 4 ข้อ (เท่าที่ผมคิดได้) มานั้น ผู้เขียนแต่ละท่านสามารถนำเหตุผลจากข้อที่ 1 ถึง ข้อที่ 4 หรือข้อใดข้อหนึ่ง หรือสองในสาม นำข้อมูลมาเขียนเป็นหนังสือขึ้นมา หนังสือที่เขียนขึ้นมานั้น ก็ไม่มีใครเป็นผู้ที่สามารถการันตีได้ว่า ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงหรือไม่อย่างไร ไม่มีวิธีที่จะพิสูจน์ได้อย่างร้อยเปอร์เซ็น ดังนั้น ผู้ที่ศึกษาในเรื่ององค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ก็ต้องใช้เรื่องการวิเคราะห์จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในหลายๆทาง หลายๆแง่มุม มากประกอบกัน และที่สำคัญก็คือ เรื่องราวของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เป็นเรื่องของความศรัทธา ,ความเชื่อ ของแต่ละบุคคล

    แต่ข้อมูลในหนังสือพงศาวดาร หรือจดหมายเหตุ ฯลฯ ในบางเรื่องราว ก็ไม่สามารถที่จะพิสูจน์ได้ในข้อเท็จจริง เช่น เรื่องราวโดยตรงขององค์พระมหากษัตริย์ แต่ถ้าเป็นเรื่องราวของพระสงฆ์ในสมัยนั้น ก็จะเป็นอีกเรื่อง เนื่องจากผู้ที่เขียนหนังสือพงศาวดาร หรือจดหมายเหตุ ต้องเป็นองค์พระมหากษัตริย์ หรือผู้ที่มีอำนาจในขณะนั้น ให้คนของท่านเหล่านั้นเป็นผู้ที่เขียนขึ้นครับ

    จากที่ผมได้โต้แย้งคำตอบของ อ.ระฆังที่มีต่อสมาชิก และเป็นคำถามที่ อ.ระฆังได้ถามผม ตามนี้
    1.เรื่องของดินป่าช้า สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี จะไม่นำมาผสมในการสร้างพระเด็ดขาด... ท่านบอกคุณรึ?
    2.เรื่องของพระคาถาชินบัญชร สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ไม่ได้ใช้ปลุกเสกพระพิมพ์... ท่านบอกคุณรึ?
    3.สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เป็นพระอริย....ท่านบอกคุณรึ?
    4.สมเด็จพระมหาโพธิสัตว์เจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระศรีอริยเมตตรัยเจ้า....สถิตย์อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต.... ท่านบอกคุณรึ?
    5.คุณมีพระพิมพ์อยู่บางพิมพ์ จำนวน 200 กว่าองค์ ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านหวงมาก อ้อ..!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • view1R.jpg
      view1R.jpg
      ขนาดไฟล์:
      310.8 KB
      เปิดดู:
      80
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2007
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row1 vAlign=top align=left width=150>อาจารย์ระฆัง อริยทันโตศรี



    เข้าร่วม: 21 Sep 2007
    ตอบ: 13
    ที่อยู่: 29 หมู่ 1 ต.โคกตะบอง อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120

    </TD><TD class=row1 vAlign=top width="100%" height=28><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]ตอบเมื่อ: Tue Oct 02, 2007 8:19 pm เรื่อง: สืบเนื่องมาจากคำปรารภ (ต่อ)</TD><TD vAlign=top noWrap>[​IMG] </TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD colSpan=2>สวัสดีครับ สมาชิก ทุกท่าน...เรามีนัดกัน ๒๐.๑๕ ถึง ๒๒.๑๕ ใช่ไหมครับ!...วันอังคาร และวันพฤหัส...
    ผมขอเริ่มเลยนะครับ...

    ๖. ผมไม่ได้มีเจตตาเข้ามาป่วนเว็บของอาจารย์นะครับ... อ.ระฆัง ไม่ต้องการให้ผมเข้ามาในเว็บอีกก็ได้นะครับ...เอาอย่างนั้นรึ?

    ผมคงไม่สั่งคุณว่า... มาทางไหน ก็ออกไปทางนั้น...

    ผมได้พิจารณาแล้วว่า จากการที่โต้ตอบกันมาพอสมควร สมาชิกคงได้อ่านและทำความเข้าใจได้บ้างไม่มากก็น้อย เว็บนี้เป็นเว็บสาธารณะ... สร้างขึ้น ทำขึ้น เพื่อเผยแพร่พระมหาบารมี ของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ตามหลักฐานที่ผมมีอยู่ เป็นการเสนออีกแนวทางหนึ่ง ตามสภาพแห่งความเป็นจริง การโต้แย้ง ด้วยเหตุผลด้วยผล ถือว่าชอบด้วยความบริสุทธิ์ใจ หากการโต้แย้งที่มีความไม่สะอาดบริสุทธิ์เคลือบแฝงอยู่ สมาชิก และท่านผู้รู้ทั้งหลาย คงมีปัญญาในการพิจารณาและตัดสินใจเอง ผมคงไม่สั่งให้คุณออก หรือสั่งให้ใครเข้ามาในเว็บนี้อย่างแน่นอน เพราะแต่ละคนมีกุศล มีบารมีเป็นของตัวเองทั้งนั้น จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นสิทธิโดยชอบธรรมของแต่ละคนทั้งนั้น (จะไปบังคับให้ใครเชื่อตามก็ไม่ได้) เพราะ พระพุทธเจ้า ท่านแยกสัตว์โลกเปรียบเทียบเป็นบัว ๔ เหล่า
    ๑. อยู่ในเลนตม - ย่อมเป็นอาหารของเต่า ปู ปลา
    ๒. พ้นเลนตม - ก็ยังไม่แน่ว่า จะมีโอกาส ชูดอกพ้นน้ำ ได้หรือไม่? ยังมีอันตรายอยู่มาก
    ๓. ปริ่มน้ำ - แน่นนอน มีโอกาสจะบาน ย่อมพ้นอันตรายจาก เต่า ปู ปลา
    ๔. พ้นน้ำแล้ว - เมื่อต้องแสงพระอาทิตย์ ก็มีโอกาสบาน อย่างแน่นอน


    ๗. พระฝังเพชร ฝังพลอย
    พระฝังเพชร-พลอย ที่คุณสิทธิพงศ์กล่าวอ้างว่า ...ท่านไม่ได้สร้างขึ้น สร้างเมื่อท่านมรณภาพไปแล้ว...
    เมื่อเป็นอย่างนี้ ผู้มีสติปัญญาต้องคิดเผื่อเหลือเผื่อขาด เผื่อเกินไว้บ้าง เผื่อเราไม่รู้ไว้บ้าง จะมุ่งเอาหนังสือ หลักฐานที่มีอยู่ในมือ ตะแบงยืนยันอยู่เพียงอย่างเดียว ก็น่าจะบอกว่าไม่เปิดหู...เปิดตา...เปิดใจ...ให้กว้าง

    ตัวอย่างเช่น ด.ช. ก และ ด.ช. ข มีสูติบัตร แสดงการเกิด วันเดือนปีเกิด เวลา สถานที่ เกิด ตามทะเบียนราษฎร์ ในขณะเดียวกัน เมื่อด.ช. ก และ ด.ช. ข โตขึ้น ก็จำได้ว่าตัวเองเกิดตามนี้ เพราะ มีบันทึกหลักฐานทะเบียนราษฎร์ ทางราชการ ก็เชื่อตามนั้น แต่ในขณะเดียวกัน ผู้เป็นพ่อ เป็นแม่ จดวันเดือนปีเกิด ที่แท้จริงเอาไว้ เมื่อเวลาจะใช้ประกอบการดูฤกษ์ยาม หรือทำการมงคล ก็จะใช้วันเดือนปี เกิดที่แท้จริงที่บันทึกไว้ มาประกอบในการดูฤกษ์พานาที ทำการมงคล ด.ช. ก , ด.ช. ข เมื่อทราบความจริงจากหลักฐานที่ผู้เป็นพ่อ เป็นแม่บอก เขาคงไม่โง่พอที่จะตะบึง ตะบัน ตะแบง ว่า เขามี วันเดือนปี เกิดตามทะเบียนราษฎร์ ทางราชการอย่างแน่นอน เช่นเดียวกัน ผู้ทรงปัญญา มีมหาบารมี ล้นฟ้าล้นดิน มีอนาสตังคญาณ หยั่งรู้กาลข้างหน้า อย่าง สมเด็จพระพ่อเจ้าฯ (ย่อมไม่เหมือนกับพระโดยทั่วไป) จึงได้สร้างพระฝังลูกปัดทวาราวดี ฝังพระธาตุหยดน้ำค้าง ฝังเพชร-พลอย ตะกรุด ฝังวัตถุต่างๆ เช่น แร่ เบี้ยแก้ ลูกอุตม์ ฯลฯ ติดไว้ที่พระเครื่องชนิดต่างๆ สร้างไว้จำนวนมากมายก่ายกอง ทำให้ผู้ที่เกิดไม่ทันไม่ศึกษาอย่าง จริงจัง ก็จะทึกทักเอาว่า สิ่งที่ตนพบเห็นมาตามหนังสือ ตามหลักฐานก็ดี (เช่นวันเดือนปีเกิดของ ด.ช. ก, ข) ก็จะไม่เข้าใจ ก็จะมุ่งมั่นยึดติดอยู่กับสิ่งที่ตนพบเห็นจากหลักฐาน ทางราชการ หรือจากหนังสือที่มีผู้เขียนเล่าบอกไว้...

    ผมคงไม่บังอาจไปตำหนิติเตียน หรือบังคับขู่เข็ญ ให้ท่านเหล่านั้น เชื่อตามผม เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเฉพาะตนเฉพาะตัว เป็นปัจจัตตัง

    ผมขอยกตัวอย่าง ประกอบเรื่อง...
    เมื่อเจดีย์วัดพระธาตุพนมล้ม มีทั้งพระเครื่อง พระบูชา จำนวนมากมาย ถูกขนย้ายไปเก็บทั้งทางตรงและทางอ้อม ตามกำลัง ตามบารมี ของท่านต่างๆในขณะนั้น...ก่อนการฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี มีการซ่อมวัดพระแก้ว มีทั้งพระเครื่อง พระบูชา จำนวนมากมาย ถูกขนย้ายไปเก็บทั้งทางตรงและทางอ้อม ตามกำลัง ตามบารมี ของท่านต่างๆในขณะนั้น... เช่นเดียวกัน เมื่อถึงเวลาอันสมควร ที่เก็บ ที่ขนย้ายไปเก็บไว้ ก็ได้นำออกมาเปิดเผยให้สาธุชนได้มีโอกาส ไขว่คว้าหาอัญเชิญไปกราบไหว้บูชา เป็นสมบัติของตน ตามกำลังจิต ตามกำลังทรัพย์ ตามกำลังกุศลบารมี (เพราะ สมเด็จพระพ่อเจ้าฯ ทรงอธิษฐานไว้เป็นทาน เพื่อเจริญพระพุทธศาสนา) ด้วยเหตุนี้ ท่านผู้รู้จริงบ้าง ท่านผู้รู้ไม่จริงบ้าง ท่านผู้คิดละเอียดบ้าง คิดไม่ละเอียดบ้าง ก็เชื่อในสิ่งที่ตนเองมีหลักฐาน มีวัตถุอยู่ในมือ คับข้องใจ ไม่สบายใจ ในสิ่งที่ตนเชื่อมั่น และเชื่อว่า เป็นของแท้เป็นของจริง (ก็ไม่เป็นไร เพราะท่านไม่ไปก่นด่าทำลายใคร) ไม่ทึกทักว่า ของตัวเองดี ของคนอื่นไม่ดี ไม่ไปปรามาสผู้อื่น ก็ต้องถือว่าชอบแล้ว แสวงหาสอบถามติดตาม ตำรับตำรา ที่มีผู้เขียนไว้ ที่มีผู้เล่าไว้ เพื่อประกอบในการศึกษา ตัดสินใจอย่างมีสติ

    สมเด็จพระพ่อเจ้าฯ สร้างและบรรจุ พระเครื่อง ชนิดต่างๆ ไว้ที่เจดีย์วัดพระธาตุพนม ไว้ที่กรุวัดพระแก้ว เมื่อถูกเปิดเผยออกมา มีพระเครื่อง พระสมเด็จ พระเบญจภาคี ปรากฏว่า...มีพระฝังลูกปัดทวาราวดี พระธาตุหยดน้ำค้าง ทั้งติดเพชร ติดพลอย ฝังตะกรุด ติดอัญมณี แร่ธาตุ เบี้ยแก้ ลูกอุตม์ (มีน้อยมาก) จำนวนมากมายก่ายกอง ทั้ง ๒ สถานที่อันเป็นมงคลสูงสุด และในจำนวนนี้ มีพระจตุคามรามเทพ หลายร้อยพิมพ์ รวมอยู่ด้วยครับ!...

    ๘. พระคาถาชินบัญชร
    ผมตอบสมาชิก เพียงคร่าวๆ เพื่อให้รู้วิธีการในการสวด ในการตั้งจิต ระลึกถึงความสำคัญของพระคาถาชินบัญชร และสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี คุณสิทธิพงศ์ ... คุณพูดมายืดยาว และยังแถมท้ายไว้ด้วยว่า จะนำเอาบทความที่โต้แย้งไปลงในเว็บพลังจิตของคุณอีกด้วย ไม่รู้ว่าคุณคิดอย่างไร?...(ผมคงไม่เดาในความคิดของคุณ)

    ผมได้ตอบคุณเศวตชัย ว่า พระคาถาชินบัญชร เป็นมนต์ขลัง ที่ทรงมหิทธานุภาพสูงกว่าพระคาถาใดๆทั้งหมด คุณโต้แย้งว่า...ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ เหนือกว่า ยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก...

    คุณสิทธิพงศ์... นั่นคือ...คุณเรียนรู้มา เป็นเรื่องสิทธิของคุณ ผมคงไม่ไปทำลายความรู้สึก และความเชื่อของคุณอย่างแน่นอน...

    คุณเศวตชัย...และท่านสมาชิก ผมศึกษามาว่า...ในโลกแห่งพระพุทธศาสนา ไม่มีมนุษย์หรือ พระคาถาบทใดเหนือ บทสรรเสริญ พระพุทธคุณ...พระธรรมคุณ...พระสังฆคุณ...อย่างแน่นอน แต่ในการสวดพระคาถาใดๆ ในโลกนี้ แต่ละท่านต่างก็สรรเสริญบูชา พระพุทธ...พระธรรม...พระสงฆ์ (พระรัตนตรัย)... ทั้งนั้น นั่นถือว่า สูงที่สุดแล้ว สำหรับยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก เป็นคำสอนอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่รู้กัน และคนชอบสวด เพราะเชื่ออย่างนั้น ในเมื่อคนจะทำความดี มีความตั้งใจดี มีความตั้งมั่นดี ก็ชอบแล้วที่จะส่งเสริมให้กำลังใจ แก่ท่านเหล่านั้น...

    สำหรับพระคาถาชินบัญชร ไม่ได้สวดสรรเสริญพระรัตนตรัย แต่เป็นการกล่าวน้อมเกล้าอัญเชิญพระพุทธเจ้า พระอิสีติสาวก ผู้เก่งกาจมีฤทธิเดชเกรียงไกร อีก ๘๐ รูป ซึ่งเป็นพระอรหันต์สัมภิทาญาณ ทั้งนั้น รวมทั้งพระสูตร พระปริตร ในพระไตรปิฎก ให้เสด็จลงมาประทานการอภิบาลรักษา (ไม่ใช่เป็นการประทับทรง...ไม่รู้ว่าคุณเข้าใจอย่างนี้เหรือเปล่า?) เพื่อขจัดทุกข์ บำรุงสุข โดยสุดแล้วแต่ผู้สวดจะมีดวงจิตที่ตั้งมั่น...ดิ่ง...ดีแค่ไหน ก็จะรับได้ด้วยตัวเอง... เพราะเป็นปัจจัตตัง ...ผู้ใดกินอาหาร ย่อมรู้รสชาติของอาหารว่า...ถูกปาก ถูกใจหรือไม่?... เมื่อเขาดื่มเขากิน...เขาจะรู้เอง... เขาจะสุขเอง ไม่ต้องไปตะโกนบอก...ห้ามเขากินแกงชนิดนี้...มันเผ็ด มันหวาน มันเปรี้ยว มันเค็ม มันไม่อร่อย (คุณรู้ได้อย่างไร?...เขาชอบเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม แค่ไหน...จึงไปห้ามเขา...คุณรู้ได้อย่างไร? ว่า...ผู้สวดแต่ละคน แต่ละท่านมีกุศลบารมี แค่ไหน?...มันอาจจะเป็นกุศลเก่า ที่เขาสั่งสมไว้ดีแล้ว ในลักษณะของบุพเพตกปุญญตา ระวัง!...เป็นบาปกรรมนะ!...)

    มีแขกขอเข้ามาพบผมเป็นจำนวนมาก...สอบถามพูดคุยเรื่อง พระคาถาชินบัญชร ผมก็คุยให้ฟังตามภาษาของผม แขกจำนวนหลายคนมาก ไม่สวดพระคาถาอื่นเลย แม้แต่ยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก เขาประกอบกิจการ รับราชการ เจริญรุ่งเรืองดี ร่ำรวยดี และสอนลูก หลาน บริวารให้สวดพระคาถาชินบัญชร กันทั้งนั้น แสดงว่า พระคาถาชินบัญชรส่งผลจริง...(พระพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้า จะเสด็จหรือเปล่าไม่มีใครทราบ!...) ต่อผู้สวดท่อง เขาจึงถือการสวดพระคาถาชินบัญชร อย่างเต็มหัวใจ การที่คุณบอกว่า...การอัญเชิญองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันตเจ้านั้น ไม่ใช่ใครก็อัญเชิญได้...การสวดพระคาถาชินบัญชร เพื่อเชิญนั้นทำไม่ได้แน่นอน...

    คุณสิทธิพงศ์...คุณช่วยตอบผมหน่อยได้ไหม?...เท่าที่คุณมีตัวมีตนถึงปัจจุบันนี้ เคยปฏิบัติธรรมมาพอสมควร คุณเคยพบบ้างไหม?ว่า...ใครหรือท่านผู้ใด สามารถอัญเชิญ พระพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้า ลงมาได้ ช่วยตอบหน่อยได้ไหม?...(อย่าตอบแบบกำปั้นทุบดินอีก!)

    หลักการก็คือหลักการ ตัวบทกฎหมายก็คือตัวบทกฎหมาย พระวินัยก็คือข้อวัฏปฏิบัติ ให้สงฆ์พึงระวังตัว เพื่อจะได้รักษาพรหมจรรย์ ปฏิบัติธรรม เพื่อมุ่งเข้าสู่พระนิพพาน ด้วยกันทั้งนั้น ถ้าสวดพระคาถาชินบัญชรแล้วไม่ได้ผล กล่าวอัญเชิญพระพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้าไม่ได้ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร คุณจะเข้ามาขวางโลกทำไม?...คุณจะทำให้เขาไขว้เขวทำไม? ในเมื่อ เขาทำสิ่งดีสิ่งงามกัน เขาไม่ไปปล้นไปฆ่าใคร เขาทำมาหากินตามมรรค ๘ ทำเพื่อความมั่นคงของครอบครัว ของวงศ์ตระกูล ของประเทศชาติ และพระคาถาชินบัญชร มีไว้เฉพาะสำหรับคนบางคนที่จะสวดอัญเชิญได้เท่านั้นรึ?!... ผู้รจนา...พระองค์ท่าน คงบอกไว้ จะใช้ได้เฉพาะตนเฉพาะตัว...มันจึงเป็น สิทธิของท่านเหล่านั้น ไม่ใช่หรือ?...

    คุณสิทธิพงศ์!...ผมพิจารณาดูแล้ว คุณช่างห่วงใยเพื่อนมนุษย์ เหลือเกิน กลัวว่าเขาจะหลงทาง เข้าพระนิพพานไม่ได้ หรือกลัวว่าคุณจะเข้าพระนิพพานเสียก่อน ไม่มีใครมาสอน มาเตือนอย่างนั้นก็ไม่รู้...คุณอย่าทำตัวเหมือน แม่ปู สอนลูกปู ก็แล้วกัน!... อย่าว่าแต่อัญเชิญพระอรหันตเจ้า พระพุทธเจ้า เลย...จิตอย่างคุณ...จิตอย่างผม...ไม่ถึงพระองค์ท่านทั้งนั้น...ผู้ปฏิบัติธรรมพอสมควร ย่อมรู้ดีด้วยกันทุกคน ...แค่สมเด็จพระพ่อเจ้าฯ...ยังแสนยากลำบากเลย...ทั้งที่พระองค์มีหน้าที่ดูแลสรรพสัตว์ ในโลกนี้ มีการอัญเชิญพระองค์ท่าน ประทับทรงกันมากมาย ทั้งสำนักน้อย-ใหญ่ ผู้ถวายร่าง เป็นทั้งหญิง ทั้งชาย เป็นทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ มีชื่อเสียง มีกิจการ ผู้มีปัญญาเท่านั้น ผู้มีสติเท่านั้น จะไม่เข้าไปตำหนิติเตียน หรือยุ่งเกี่ยวเพราะมันเป็นสิทธิเสรีภาพ และภราดรภาพ ของแต่ละบุคคล ย่อมกระทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2007
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row2 vAlign=top align=left width=150>ข้าแผ่นดิน



    เข้าร่วม: 28 Sep 2007
    ตอบ: 1
    ที่อยู่: ประเทศสยาม

    </TD><TD class=row2 vAlign=top width="100%" height=28><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]ตอบเมื่อ: Wed Oct 03, 2007 12:01 pm เรื่อง: </TD><TD vAlign=top noWrap>[​IMG] </TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD colSpan=2>ขอเรียนตรงๆว่าอ่านแล้วเข้าใจง่ายมากครับ ท่านสมาชิกว่าเหมือนผมไหม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2007
  13. Pichet-m

    Pichet-m เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +393
    สวัสดีครับคุณ Sithiphong
    ผมได้ Scan สลิปที่โอนเงินทั้ง 2 ครั้ง มาจากที่บริษัท เลยถือโอกาส post ให้ดูด้วยครับ
    1.ครั้งแรก เมื่อวันที่ 15/04/07
    ได้รับพระชุดพิเศษ 2 ครบตามจำนวนที่สั่งไว้ + พระสมเด็จอีก 1 องค์ + รูปหลวงปู่โลกอุดรทั้ง 5 องค์

    2.ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 30/04/07
    ได้รับพระชุดพิเศษ 3 ครบตามจำนวนที่สั่งไว้เรียบร้อย
    ขอบคุณมากครับ โอกาสหน้าจะร่วมทำบุญเพิ่มเติมอีกครับ

    นับถือ
    พิเชษฐ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • sllip1.jpg
      sllip1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.8 KB
      เปิดดู:
      40
    • slip2.jpg
      slip2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      147.5 KB
      เปิดดู:
      26
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2007
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left colSpan=2>วันที่ 3 ตุลาคม 2550
    คำปรารภจาก อ.ระฆัง (ต่อ)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.somdejto.com/somdejto/viewtopic.php?t=21

    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TH class=thLeft noWrap width=150 height=26>ผู้ตั้ง</TH><TH class=thRight noWrap>ข้อความ</TH></TR><TR><TD class=row1 vAlign=top align=left width=150>อาจารย์ระฆัง อริยทันโตศรี



    เข้าร่วม: 21 Sep 2007
    ตอบ: 13
    ที่อยู่: 29 หมู่ 1 ต.โคกตะบอง อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120

    </TD><TD class=row1 vAlign=top width="100%" height=28><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]ตอบเมื่อ: Wed Oct 03, 2007 1:41 pm เรื่อง: คำปรารภจาก อ.ระฆัง (ต่อ)</TD><TD vAlign=top noWrap>[​IMG] </TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD colSpan=2>เรียน สมาชิกทุกท่าน

    ขอโทษทีครับ!... ต้องการส่งให้เสร็จสิ้นเมื่อคืน แต่บังเอิญเครื่องขัดข้อง จึงขวนขวายมาส่งในวันนี้ ได้สำเร็จ

    ๙.
    "...นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
    เลื้อย บ่ ทำเดโช แช่มช้า
    พิษน้อย หยิ่งโยโส แมลงป่อง
    ชูแต่หาง เองอ้า อวดอ้าง ฤทธี...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2007
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันที่ 9 ตุลาคม 2550

    http://www.somdejto.com/somdejto/viewtopic.php?p=73#73

    www.somdejto.com -> ถาม-ตอบโดย อาจารย์ระ

    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left colSpan=2>คำปรารภจาก อ.ระฆัง (ต่อ)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row2 vAlign=top align=left width=150>อาจารย์ระฆัง อริยทันโตศรี



    เข้าร่วม: 21 Sep 2007
    ตอบ: 14
    ที่อยู่: 29 หมู่ 1 ต.โคกตะบอง อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120

    </TD><TD class=row2 vAlign=top width="100%" height=28><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]ตอบเมื่อ: Thu Oct 04, 2007 9:17 pm เรื่อง: คำปรารถจากอาจารย์ระฆัง (ต่อ)</TD><TD vAlign=top noWrap>[​IMG] </TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD colSpan=2>เรียนสมาชิกทุกท่าน

    เครื่องคอมขัดข้อง อุตส่าห์เอาเข้าไปในเมืองตั้งแต่เมื่อวาน นัดรับเครื่อง 5 โมเย็นวันนี้ หลงดีใจนึกว่าเตรื่องจะใช้ได้ แต่ทางช่างกลับบอกว่าต้องไปหาซื้ออะไหล่ที่พันธ์ุทิพย์ อีก 7 วันถึงจะได้ พร้อมเมื่อไหร่จะรีบส่งข่าวทันทีครับ!

    จาก..อ.ระฆัง
    เวลา ๒๑.๒๙ น.
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row1 vAlign=top align=left width=150>ตั้ม



    เข้าร่วม: 02 Oct 2007
    ตอบ: 1

    </TD><TD class=row1 vAlign=top width="100%" height=28><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]ตอบเมื่อ: Fri Oct 05, 2007 12:38 am เรื่อง: </TD><TD vAlign=top noWrap>[​IMG] </TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD colSpan=2>ชัดเจนครับ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row2 vAlign=top align=left width=150>sithiphong



    เข้าร่วม: 18 Sep 2007
    ตอบ: 29

    </TD><TD class=row2 vAlign=top width="100%" height=28><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]ตอบเมื่อ: Tue Oct 09, 2007 8:11 am เรื่อง: </TD><TD vAlign=top noWrap>[​IMG] </TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD colSpan=2>ผมได้ศึกษาเรื่องของพระพิมพ์ที่เรียกกันว่า กรุวัดพระแก้วและพระสมเด็จ มาพอสมควร ผมเองมีความคิดเห็นและประสบการณ์แตกต่างจาก อ.ระฆัง จึงได้เข้ามาเสนอแนวความคิด ,ความเห็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับพระกรุวัดพระแก้ว และพระสมเด็จ ซึ่งก็แล้วแต่ความคิดเห็นของแต่ละท่านว่าจะคิดเห็นอย่างไร

    ส่วนถ้าเรื่องราวที่ผมได้เสนอความคิดเห็น แล้วทำให้ อ.ระฆัง เกิดความไม่พอใจหรือไม่สบายใจ ผมก็จะยุติการนำเสนอแนวความคิดเห็นของผม ผมต้องขอโทษ อ.ระฆังด้วยครับ

    โมทนาสาธุครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2007
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา http://www.matichon.co.th/matichon/...g=01lad01120550&day=2007/05/12&sectionid=0115


    วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10654​

    เด็กทารก"ดูทีวี"ดี หรือ ไม่ดี?


    คอลัมน์ สรรหามาเล่า

    raikorn@hotmail.com



    [​IMG]ทีวี เป็นความบันเทิงภายในบ้านที่เข้าถึงผู้คนทุกครัวเรือน แถมตอนนี้ยังมีผลสำรวจในสหรัฐอเมริกาพบว่า แม้แต่ "เด็กทารก" อายุไม่ถึง 3 เดือน ก็ยัง "ดูทีวี" กันแล้ว!!!

    เฟรเดอริค ซิมเมอร์แมน อาจารย์มหาวิทยาลัยวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เขียนเล่าในรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ทางกุมารเวชและวัยรุ่นว่า เขาและทีมงานต่างรู้สึกประหลาดใจมาก เมื่อพบว่าปัจจุบันมีเด็กอเมริกันอายุไม่ถึง 2 ขวบ อยู่ถึง 90% และเด็กทารกอายุไม่ถึง 3 เดือน อยู่ถึง 40% ที่ดูทีวี, ดีวีดี หรือวิดีโอ เป็นประจำทุกวัน

    "เราไม่รู้หรอกว่า นี่มันดีหรือไม่ดี แต่สิ่งที่เรารู้ก็คือ มันเยอะมากจนน่าตกใจ" ซิมเมอร์แมนบอก โดยในผลสำรวจของเขาและทีมงาน ซึ่งได้จากการสุ่มสอบถามคุณแม่ลูกอ่อนกว่า 1,000 คน ทั้งในรัฐมินเนโซตา และรัฐวอชิงตัน พบว่ามีคุณแม่อยู่ 29% หรือใน 100 คน มี 29 คน ที่เปิดทีวีให้ลูกดู เพราะเชื่อว่าการให้ลูกน้อยดูรายการทีวีหรือดีวีดีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเด็ก จะช่วยให้ลูกฉลาด มีพัฒนาการด้านการเรียนรู้

    ส่วนที่เหลือ ก็อาจจะเป็นประเภทแม่ลูกอ่อนที่ดูทีวีไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วย หรือปล่อยให้ลูกนั่ง นอนเล่นหน้าจอโทรทัศน์ โดยไม่ได้คิดหรอกว่า จะมีผลดี ผลเสียต่อลูกน้อยอย่างไร เพราะคิดว่า ลูกยังไม่รู้เรื่อง ยังดูทีวีไม่เป็น

    "พ่อแม่ ผู้ปกครอง ต่างได้ยิน ได้ฟังข้อมูลมาจากผู้ผลิตรายการทีวี, วิดีโอ ว่านี่คือรายการที่มีประโยชน์ต่อเด็ก สามารถจะช่วยพัฒนาสมอง แต่สิ่งที่พวกเขาพูดมาเหล่านั้นยังไม่มีผลพิสูจน์เลยว่า มันจริงหรือเปล่า" ซิมเมอร์แมนฝากข้อเตือนใจให้คุณพ่อคุณแม่ ลองนำเอาไปคิดทบทวนดู

    แต่ที่ "น่าคิด" สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกเล็กๆ อยู่ในบ้านก็คือ หากจะว่ากันตาม "คำแนะนำ" ของสมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา เขาก็ว่า เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ไม่ควรดูทีวีเลย ส่วนเด็กโตกว่านั้นขึ้นมา พ่อแม่ควรเลือกสรรรายการที่มีคุณภาพ เหมาะสมกับวัยให้ดู แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ลูกดูทีวีเกินกว่าวันละ 2 ชั่วโมง

    แต่สภาพที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ สมาคมพบว่าเด็กๆ ในสหรัฐดูทีวีประมาณวันละ 4 ชั่วโมง

    ขณะที่ยังมีผลการสำรวจอีกชิ้น จากคณะนักวิชาการมหาวิทยาลัยแพทย์โคลัมเบีย ที่ระบุว่า เด็กที่ใช้เวลาอยู่หน้าจอโทรทัศน์วันละหลายชั่วโมง มีความเสี่ยงที่จะเรียนรู้พฤติกรรมที่เป็นปัญหาสังคมจากสิ่งที่ได้ดู ได้เห็นจากทีวี และมีแนวโน้มที่จะเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย ด้วยสาเหตุจาก อาจถูกดึงดูดให้ "หลงทาง" เห็นผิดเป็นชอบ เลียนแบบพฤติกรรมที่เป็นปัญหาสังคม อีกทั้งการใช้เวลาอยู่หน้าจอทีวีวันละหลายชั่วโมง ยังทำให้เด็กมีโลกทรรศน์ที่แคบ ไม่รู้ว่ายังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ ให้น่าเรียนรู้อีก!!!

    นำมาฝากกัน เผื่อว่าคุณพ่อ คุณแม่ที่มีลูกเล็กๆ จะได้เก็บไปพิจารณากันว่า สมควรให้ลูกดูทีวีกันมากน้อยขนาดไหน และน่าจะมีกิจกรรมอื่นๆ ภายในครอบครัวที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเด็ก ดีกว่าปล่อยให้ "ทีวี" กลายเป็นพี่เลี้ยงลูก อย่างที่หลายครอบครัวอาจจะเป็นอยู่ตอนนี้!!!
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา http://www.matichon.co.th/matichon/...g=01col01120550&day=2007/05/12&sectionid=0116


    วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10654​

    วิถี แห่ง การปฏิบัติ วิถี แห่ง พระอาจารย์มั่น วิถี แห่ง "วิริยังค์"


    คอลัมน์ วิถีแห่งพระอาจารย์ใหญ่

    โดย ดวงเดือน ประดับดาว



    [​IMG]หนังสือ "มุตโตทัย" อันเป็นธรรมบรรยายและธรรมเทศนาของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้ตีพิมพ์ซ้ำหลายคำรบอย่างยิ่ง

    ทั้งเป็นการพิมพ์เพื่อขายในเชิงพาณิชย์ และพิมพ์เป็นหนังสืออนุสรณ์ในงานศพ

    แต่ก็มีน้อยครั้งอย่างยิ่งที่จะมีการนำเอารายละเอียดอันสะท้อนความเป็นมาของหนังสือ "มุตโตทัย" อย่างครบถ้วน

    กระนั้น เมื่อนำเอาแต่ละส่วนมาศึกษาก็จะทำให้มองเห็นภาพโดยองค์รวมได้

    เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2516 ภายในหนังสือ "พระธรรมเทศนา และ แนวปฏิบัติ" พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ คุณแม่เอื้อน อรรถโสภิตพจนพิสุทธิ์ (เอื้อม จามรกุล) ณ เมรุวัดธาตุทอง สุขุมวิท

    ก็มีธรรมบรรยายเรื่อง "มุตโตทัย" รวมอยู่ด้วย

    น่าสนใจก็ตรงที่ก่อนตีพิมพ์เรื่อง "มุตโตทัย" มีลิขิตจาก พระญาณวิริยาจารย์ ศูนย์กลางวัดธรรมมงคล ถึง คุณเติมพันธุ์ จามรกุล

    เป็นการอนุญาตให้ตีพิมพ์ ขณะเดียวกัน ก็เป็นการเล่าถึงรากฐานความเป็นมาของ "มุตโตทัย" อย่างย่นย่อ

    โปรดอ่าน

    เจริญพร คุณเติมพันธ์ จามรกุล

    ตามที่คุณได้ขออนุญาตจัดพิมพ์ หนังสือ "มุตโตทัย" ที่เป็นธรรมเทศนาของพระอาจารย์มั่น อาตมามีความยินดีที่จะได้อนุญาตให้ตีพิมพ์ได้

    เพราะหนังสือนี้มีประโยชน์มาก

    และได้มีการจัดพิมพ์ขึ้นหลายครั้งแล้ว

    ในการพิมพ์ครั้งนี้ในงานศพของคุณแม่ ก็จะยิ่งเป็นการดีมากที่ได้หนังสืออันเป็นประโยชน์แจกในงาน

    หนังสือ "มุตโตทัย" นี้ อาตมาได้เป็นผู้บันทึกจากโอวาทของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ โดยตรง

    ขณะนั้น อาตมาได้จำพรรษาอยู่กับท่านที่บ้านนามน (วัดป่าบ้านนามน) ตำบลดงโขม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร

    ด้วยอำนาจกุศลบุญราศี ทุกประการที่บุตร ธิดา ญาติ พร้อมด้วยอาตมา จงดลบันดาลให้คุณโยมเอื้อน อรรถโสภิตพจนพิสุทธิ์ จงประสบด้วยสุคติภพนั้นๆ เทอญ

    พระญาณวิริยาจารย์

    นั่นก็ตรงกับที่ พระญาณวิริยาจารย์ ได้เคยเขียนเอาไว้ใน "ประวัติ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ฉบับสมบูรณ์"

    ตอน พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ จำพรรษาเสนาสนะป่า บ้านหนองผือ

    ตามปกติแล้ว พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ไม่ได้จำพรรษา ณ เสนาสนะแห่งใดต่อเนื่องติดต่อกัน

    มีก็ที่เสนาสนะป่า บ้านหนองผือ นี่แหละที่ยาวนานถึง 5 ปี

    "ตลอดระยะเวลา 5 พรรษา ท่านก็ได้พยายามชี้แจงธรรมต่างๆ แก่บรรดาศิษย์ทั้งหลายตลอดเวลา ท่านอาจารย์มั่นเป็นผู้มีกำลังวังชาดี เดินไปไหนมาไหนได้คล่องแคล่ว"

    ที่สำคัญก็คือ

    "ขณะที่ท่านอยู่ที่วัดป่านี้ท่านได้แสดงธรรมอันเป็นส่วนข้อปฏิบัติมากที่สุด มิได้เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยเลย เมื่อผู้ใดเข้ามาหาท่านก็แสดงธรรมให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นพระเล็ก เณรน้อย ตลอดถึงพระเถระผู้ใหญ่"

    "บางครั้งเป็นวันวิสาขบูชา มาฆบูชา ท่านได้แสดงผู้เดียวจนถึงเที่ยงคืน การแสดงธรรมก็เป็นไปวิจิตรพิสดาร มีอรรถรสแห่งข้อปฏิบัติ สำนวนไพเราะมาก

    "บางแห่ง บางข้อ ข้าพเจ้าได้เคยบันทึกไว้ในหนังสือ "มุตโตทัย" เป็นที่เข้าอกเข้าใจแก่บรรดาสานุศิษย์ บางองค์ถึงกับบ่นว่า เราไปภาวนาตั้งเดือน สู้ฟังเทศน์อาจารย์ครั้งเดียวก็ไม่ได้

    เช่นนี้ก็มีมาก

    "ท่านได้พยายามสั่งสอนสานุศิษย์ทั้งหลายโดยทุกวิถีทาง ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อหวังให้ศิษย์ทั้งหลายได้เข้าใจในปฏิปทา ข้อปฏิบัติ"

    ปฏิปทา ข้อปฏิบัติ คือ เป้าหมายที่ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ต้องการ

    แม้จะปรากฏธรรมบรรยายผ่านหนังสือ "มุตโตทัย" แต่แจ้งหรือไม่ในเป้าประสงค์

    เป้าประสงค์ของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ไม่เคยแปรเปลี่ยน นั่นก็คือคัมภีร์เป็นเหมือนกับเข็มทิศ นำทาง

    แต่การจะบรรลุเป้าหมายอย่างแท้จริง คือ การลงมือปฏิบัติโดยตน
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=5187&start=0&postdays=0&postorder=asc&highlight=

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=maintitle vAlign=top> การประทุษร้ายบุคคลผู้บริสุทธ์</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TH width=150 height=28>ผู้ตั้ง</TH><TH width="100%">ข้อความ</TH></TR><TR><TD class=row1 vAlign=top align=middle rowSpan=2>๛ Nirvana ๛
    บัวเริ่มพ้นน้ำ
    [​IMG]
    [​IMG]

    เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
    ตอบ: 400

    [​IMG] </TD><TD class=row1 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 19 เม.ย.2006, 12:13 pm</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>ครั้งนั้นแล พระโกกาลิกภิกษุเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
    ครั้นแล้วถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ

    พระโกกาลิกภิกษุนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กราบทูลคำนี้
    กะพระผู้มีพระภาคว่า

    "พระเจ้าข้า พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะมีความปรารถนาลามก
    ไปแล้วสู่อำนาจแห่งความปรารถนาอันลามก" ฯ

    [๕๙๙] เมื่อพระโกกาลิกภิกษุกล่าวเช่นนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัส
    คำนี้กะพระโกกาลิกภิกษุว่า
    "โกกาลิก ก็เธออย่าได้กล่าวเช่นนี้ โกกาลิก ก็เธออย่าได้กล่าวเช่นนี้
    โกกาลิก เธอจงทำจิตให้เลื่อมใสในภิกษุชื่อว่าสารีบุตรและโมคคัลลานะ ภิกษุชื่อ
    ว่าสารีบุตรและโมคคัลลานะเป็นผู้มีศีลเป็นที่รัก" ฯ
    แม้ครั้งที่สองแล พระโกกาลิกภิกษุก็ได้กราบทูลคำนี้กะพระผู้มีพระภาคว่า
    "พระเจ้าข้า บุคคลผู้มีวาจาควรเชื่อได้ควรไว้ใจได้ของข้าพระองค์
    จะมีอยู่ก็จริง ถึงเช่นนั้นแล พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะก็ยังเป็นผู้ปรารถนา
    ลามก ไปแล้วสู่อำนาจแห่งความปรารถนาลามก ฯ
    แม้ครั้งที่สองแล พระผู้มีพระภาคก็ได้ตรัสคำนี้กะพระโกกาลิกภิกษุว่า
    ๑. อัพพุท เป็นสงขยา ซึ่งมีจำนวนสูญ ๖๑ สูญ
    "โกกาลิก ก็เธออย่าได้กล่าวเช่นนี้ โกกาลิก ก็เธออย่าได้กล่าวเช่นนี้
    โกกาลิก เธอจงทำจิตให้เลื่อมใสในภิกษุชื่อว่าสารีบุตรและโมคคัลลานะ ภิกษุ
    ชื่อว่าสารีบุตรและโมคคัลลานะเป็นผู้มีศีลเป็นที่รัก ฯ
    แม้ครั้งที่สองแล พระโกกาลิกภิกษุก็ทูลคำนี้กะพระผู้มีพระภาคว่า
    "ฯลฯ ไปแล้วสู่อำนาจแห่งความปรารถนาอันลามก" ฯ
    แม้ครั้งที่สามแล พระผู้มีพระภาคก็ตรัสคำนี้กะพระโกกาลิกภิกษุว่า
    "ฯลฯ ภิกษุชื่อว่าสารีบุตรและโมคคัลลานะเป็นผู้มีศีลเป็นที่รัก ฯ

    [๖๐๐] ลำดับนั้นแล พระโกกาลิกภิกษุลุกจากอาสนะถวายอภิวาท
    พระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณหลีกไปแล้ว ฯ
    ก็เมื่อพระโกกาลิกภิกษุหลีกไปแล้วไม่นาน ต่อมทั้งหลายขนาดเมล็ด
    พรรณผักกาดได้ผุดขึ้นทั่วกายของเธอ ต่อมเหล่านั้นได้โตขึ้นเป็นขนาดถั่วเขียว
    แล้วก็โตขึ้นเป็นขนาดถั่วดำ แล้วก็โตขึ้นเป็นขนาดเมล็ดพุดซา แล้วก็โตขึ้นเป็น
    ขนาดลูกพุดซา แล้วก็โตขึ้นเป็นขนาดผลมะขามป้อม แล้วก็โตขึ้นเป็นขนาด
    ผลมะตูมอ่อน แล้วก็โตขึ้นเป็นขนาดผลมะตูม ต่อจากนั้นก็แตกทั่ว แล้วหนอง
    และเลือดหลั่งไหลออกแล้ว ฯ
    ครั้งนั้นแล พระโกกาลิกภิกษุได้กระทำกาละแล้ว เพราะอาพาธอันนั้น
    เอง ครั้นกระทำกาละแล้วก็เข้าถึงปทุมนรก ๑- เพราะจิตอาฆาตในพระสารีบุตร
    และพระโมคคัลลานะ ฯ

    [๖๐๑] ครั้งนั้นแล ท้าวสหัมบดีพรหม เมื่อราตรีปฐมยามล่วงแล้ว
    มีรัศมีงามยิ่งนัก ยังพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่-
    *ประทับ ครั้นแล้วถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค แล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วน
    ข้างหนึ่ง ฯ
    ท้าวสหัมบดีพรหมยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้ทูลคำนี้
    กะพระผู้มีพระภาคว่า
    ๑. ปทุมนรก เป็นส่วนหนึ่งแห่งมหานรกอเวจี ผู้ที่เกิดในมหานรกอเวจี
    ส่วนนี้จะต้องหมกไหม้อยู่สิ้นกาลปทุมหนึ่ง ปทุมนั้นเป็นสังขยาซึ่งมีจำนวนสูญ ๑๒๔
    สูญ พระเจ้าข้า พระโกกาลิกภิกษุได้กระทำกาละแล้ว และเข้าถึงแล้ว
    ซึ่งปทุมนรก เพราะจิตอาฆาตในพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ฯ
    ท้าวสหัมบดีพรหมได้กล่าวคำนี้แล้ว ครั้นแล้วถวายอภิวาทพระผู้มี
    พระภาค กระทำประทักษิณแล้วหายไปในที่นั้นแล ฯ

    [๖๐๒] ครั้นล่วงราตรีนั้นแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย
    มาว่า ภิกษุทั้งหลาย เมื่อคืนนี้ท้าวสหัมบดีพรหมเมื่อราตรีล่วงปฐมยามไปแล้ว
    มีรัศมีงามยิ่งนัก ยังวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่าง เข้าไปหาเราถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว
    ไหว้เราแล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท้าวสหัมบดีพรหมยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
    แล้วแล ได้กล่าวคำนี้กะเราว่าพระเจ้าข้า พระโกกาลิกภิกษุได้กระทำกาละแล้ว
    และเข้าถึงแล้วซึ่งปทุมนรก เพราะจิตอาฆาตในพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท้าวสหัมบดีพรหมได้กล่าวคำนี้แล้ว ครั้นแล้ว
    ไหว้เรากระทำประทักษิณ แล้วหายไปในที่นั้นเอง ฯ

    [๖๐๓] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสเช่นนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้ทูลคำนี้
    กะพระผู้มีพระภาคว่า "พระเจ้าข้า ประมาณแห่งอายุในปทุมนรกนานเท่าไรหนอ ฯ
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "ดูกรภิกษุ ประมาณแห่งอายุในปทุมนรก
    นานแล อันใครๆ ไม่กระทำได้โดยง่าย เพื่ออันนับว่าเท่านี้ปี หรือว่าเท่านี้
    ร้อยปี หรือว่าเท่านี้พันปี หรือว่าเท่านี้แสนปี ฯ
    ภิกษุนั้นทูลถามว่า พระเจ้าข้า พระองค์อาจที่จะทรงกระทำอุปมา
    ได้หรือ ฯ

    [๖๐๔] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "ดูกรภิกษุ เราอาจอยู่ แล้วตรัสว่า
    ดูกรภิกษุ เปรียบเหมือนเกวียนบรรทุกงาแห่งชาวโกศลซึ่งบรรทุกงาได้ ๒๐ ขารี ๑-
    บุรุษพึงเก็บงาขึ้นจากเกวียนนั้นโดยล่วงร้อยปีๆ ต่อเมล็ดหนึ่งๆ ฯ
    ๑. ๒๐ ขารีเท่า ๑ เกวียน คือ ๔ แล่งโดยแล่งที่เป็นของชาวมคธ เป็นหนึ่งแล่งใน
    แคว้นโกศล ๔ แล่งโดยแล่งนั้นเป็นหนึ่งอาฬหก ๔ อาฬหกเป็นหนึ่งทะนาน ๔ ทะนาน
    เป็นหนึ่งมาฌิกา ๔ มานิกาเป็นหนึ่งขารี ๒๐ ขารีเป็นหนึ่งเกวียน
    "ดูกรภิกษุ เกวียนบรรทุกงาแห่งชาวโกศลซึ่งบรรทุกงาได้ ๒๐ ขารีนั้น
    พึงถึงความสิ้นไปหมดไป เพราะความเพียรนี้เร็วกว่า ส่วนอัพพุทนรกหนึ่งยังไม่
    ถึงความสิ้นหมดไปเลย ฯ
    "ดูกรภิกษุ ๒๐ อัพพุทนรกเป็นหนึ่งนิรัพพุทนรก ๒๐ นิรัพพุทนรกเป็น
    หนึ่งอพพนรก ๒๐ อพพนรกเป็นหนึ่งอฏฏนรก ดูกรภิกษุ ๒๐ อฏฏนรกเป็น
    หนึ่งอหหนรก ๒๐ อหหนรกเป็นหนึ่งกุมุทนรก ๒๐ กุมุทนรกเป็นหนึ่งโสคันธิก
    นรก ดูกรภิกษุ ๒๐ โสคันธิกนรกเป็นหนึ่งอุปปลกนรก ๒๐ อุปปลกนรกเป็น
    หนึ่งปุณฑริกนรก ๒๐ ปุณฑริกนรกเป็นหนึ่งปทุมนรก ดูกรภิกษุ ก็ภิกษุโกกาลิก
    เข้าถึงปทุมนรกแล้วแล เพราะจิตอาฆาตในภิกษุ ชื่อว่าสารีบุตรและโมคคัลลานะ ฯ

    [๖๐๕] พระผู้มีพระภาคผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้
    จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
    ชนพาลเมื่อกล่าวคำเป็นทุพภาษิตชื่อว่าย่อมตัดตนด้วยศัสตรา
    ใดก็ศัสตรานั้นย่อมเกิดในปากของบุรุษผู้เกิดแล้ว ฯ
    ผู้ใดสรรเสริญผู้ที่ควรถูกติ หรือติผู้ที่ควรได้รับความสรรเสริญ
    ผู้นั้นชื่อว่าสั่งสมโทษด้วยปาก เพราะโทษนั้น เขาย่อมไม่
    ประสบความสุข ฯ
    ความปราชัยด้วยทรัพย์ในเพราะการพนันทั้งหลาย พร้อมด้วย
    สิ่งของๆ ตนทั้งหมดก็ดี พร้อมด้วยตนก็ดี ก็เป็นโทษเพียง
    เล็กน้อยๆ ฯ
    บุคคลใดทำใจให้ประทุษร้ายในท่านผู้ปฏิบัติดีทั้งหลาย ความ
    ประทุษร้ายแห่งใจของบุคคลนั้นเป็นโทษใหญ่กว่า ฯ
    บุคคลตั้งวาจาและใจอันลามกไว้ เป็นผู้มักติเตียนพระอริยเจ้า
    ย่อมเข้าถึงนรกซึ่งมีปริมาณ แห่งอายุถึงแสนสามสิบหกนิรัพ-
    พุท กับห้าอัพพุทะ ฯ

    จบวรรคที่ ๑</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD class=postdetails vAlign=bottom height=40>
    _________________
    ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row2 vAlign=top align=middle rowSpan=2>๛ Nirvana ๛
    บัวเริ่มพ้นน้ำ
    [​IMG]
    [​IMG]

    เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
    ตอบ: 400

    [​IMG] </TD><TD class=row2 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 19 เม.ย.2006, 12:19 pm</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>ขยายความ

    บุคคลแม้จะทำกรรมชั่วหนักหนาแค่ไหนแต่ ถ้า อยู่ ในที่ๆพระพุทธเจ้า ทรงเห็น ได้ กรรมนั้นย่อมไม่ส่งผล นี้เป็นพระบารมีของพระพุทธเจ้าแต่เมื่อ ใด บุคคลนั้น ออกไปที่ลับตาพระพุทธเจ้าแล้วกรรมนั้นย่อมส่งผลทันที ดังพระโกกาลิกภิกษุที่ครั้นออกไปลับตาพระพุทธเจ้าแล้วกรรมนั้น ส่งผลทันที</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD class=postdetails vAlign=bottom height=40>
    _________________
    ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา http://www.matichon.co.th/matichon/...g=01tec13120550&day=2007/05/12&sectionid=0143


    วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10654​

    กินปลาเลี้ยงระวังสาร"เมลามีน"


    คอลัมน์ โฟกัสสุขภาพ



    ในปัจจุบันปลาเป็นอาหารที่นักโภชนาการแนะนำให้รับประทานแทนสัตว์ใหญ่อื่นๆ เพราะนอกจากทำให้ไม่อ้วนแล้วยังมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากมาย

    แต่ในสหรัฐอเมริกา (หรืออาจจะที่อื่นด้วย) ที่การรับประทานปลาเลี้ยง อาจเป็นเรื่องน่ากังวล หลังจากทางการสหรัฐได้เรียกคืนอาหารสัตว์ที่เป็นแป้งข้าวโพดที่นำเข้าจากจีนออกจากชั้นวางสินค้า เพราะอาหารเหล่านี้มีส่วนประกอบของเมลามีน

    กระแสข่าวเรื่องเมลามีน ทำให้ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมาทางการได้เรียกคืนอาหารสัตว์กว่า 100 ชนิด หลังจากมีรายงานว่าบรรดาสัตว์เลี้ยงที่กินอาหารเหล่านี้เจ็บป่วยและตายจากภาวะตับล้มเหลว

    ที่สำคัญมีรายงานว่า อาหารสัตว์ที่ผสมเมลามีนเหล่านี้ถูกนำไปเลี้ยงปลาด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐยอมรับว่าตอนนี้ทราบแล้วว่ามีฟาร์มเลี้ยงปลาแห่งใดบ้างที่ใช้อาหารประเภทนี้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ระหว่างการสอบสวน

    พร้อมกับยืนยันว่าระดับของสารเมลามีนในอาหารเลี้ยงปลา อาจมีระดับต่ำมากจนไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ เท่าที่ดูแล้วระดับเมลามีนในอาหารปลาก็มีระดับเท่ากับที่ผสมในอาหารสัตว์อื่น
     

แชร์หน้านี้

Loading...