ข้อความส่งผ่านชาวอินดิโก้(TH) เหล่าเมล็ดพันธุ์ผู้ลงมาด้วยภารกิจต่าง ๆ จงเตรียมพร้อม

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย fernezzo, 4 มีนาคม 2011.

  1. nickybamby

    nickybamby เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +174
    อ่านเพลินดีครับ :cool:
     
  2. AFIKLIFI๋

    AFIKLIFI๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    869
    ค่าพลัง:
    +78
    เชิญอ่านได้เลย
     
  3. EcoR1

    EcoR1 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +8
    น่าสนใจ แต่ เจ้าของบ้านหายไปไหน hello2
     
  4. nickybamby

    nickybamby เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +174
    ปลายเดือนก่อนเห็นเค้าทิ้งท้ายไว้ว่าจะไป แอฟริกา 2เดือน
    คงปลายๆปีหรือปีหน้าโน่นละครับถึงจะมาอัพเดด สถานการณ์ให้อ่านกัน:cool:
     
  5. AFIKLIFI๋

    AFIKLIFI๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    869
    ค่าพลัง:
    +78
    ทำงานหนักนะเพราะเพิ่งกลับ
    จากออสเตรเลียที่อุโมงค์ก็ไป
    ต่อที่แอฟริกาทันทีเลย ได้ตาม
    ข่าวบ้างไหมล่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้น
     
  6. EcoR1

    EcoR1 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +8
    ปิ๊งป่องๆๆๆๆๆๆๆ มาใครอยู่ม้ายยยยยย
    ส่งจิตไปเรียกเจ้าของบ้าน มาเขียนต่อที แม่นนะเนี่ย เดือนตุลาที่เคยเตือนเอาไว้
     
  7. fernezzo

    fernezzo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +616
    สวัสดีเพื่อนๆ สหายที่รักทุกท่าน สบายดีกันมั้ย.. หลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา เชื่อว่าพวกท่านคงได้สัมผัสกับการทดสอบเล็กๆน้อยๆของเศษเสี้ยวหนึ่งแห่งความทุกข์ยาก ไปบ้างแล้ว ดังนี้ ผมใคร่ขอส่งข้อความแห่งสันติภาพมายังพวกท่านทุกคน (kiss)



    ..วันนี้ผมกลับมาจากอัฟริกาแล้วล่ะ แต่จะมาชั่วคราวนะครับ เพราะได้ลงประจำการที่ศูนย์ใหญ่แล้ว ยังไงก็ต้องกลับไปอีก ตอนนี้สถานการณ์บนโลกยังคงปกติดี แต่นอกอวกาศก็ตึงเครียดมากเลยล่ะ อีกไม่นานสถานการณ์บนโลกก็คงตึงเครียดพอกัน...


    เอาล่ะ ตอนนี้ผมมาพร้อมกับการอัพเดทเรื่องที่ผมติดค้างไว้ว่าจะนำข้อมูลในกลุ่มผม เกี่ยวกับเรื่อง Nibiru และพวกแอนอันนากิ จากแฟ้มของดี เอ็ม มาบอกกันครับ ซึ่งเคยเป็นข้อมูลลับเมื่อเกือบสิบปีก่อนในสมัยอินดิโกรุ่นแรกๆ แต่ตอนนี้เป็นข้อมูลเปิดเรียบร้อยแล้ว.. สำหรับผู้ที่รอชมอยู่ ต้องขอประทานโทษจริงๆที่ต้องรอนานมาก ก็นะ ภารกิจมันเยอะจริงๆครับ


    การทำงานและรวบรวมหลักฐานพวกนี้ เป็นการหาข่าวจากการสอดแนมพวกแอนอันนากิที่อยู่ฐานลับใต้ดิน และหนึ่งในข้อมูลส่วนสำคัญเป็นการกู้มาจากซากข้อมูลในห้องเครื่องลับใต้ทุ่งทะเลเกลือ

    Credit : ขอขอบคุณอินดิกัสทุกท่านที่สละเวลาในภารกิจเหล่านี้..




    Anunnaki
    -------------------------------------------------------------------


    ครั้งหนึ่งนานมาแล้วในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ปรากฏซึ่งเผ่าพันธุ์แสนทรงพลานุภาพ มีความก้าวหน้าสูง ชื่นชอบการทำสงครามและการยึดครอง มนุษย์โลกแห่งโบราณกาลเรียกนามของเผ่าพันธุ์นี้ว่า แอนอันนากิ แต่ด้วยเหตุหลากหลายอย่างแอนอันนากิปัจจุบันกำลังถูกบั่นทอนอำนาจให้ลดลง ต่อไปนี้ คือ เรื่องราวของเนบิรู และชาวแอนอันนากิ


    ผู้คนที่ติดตามเรื่องดังกล่าวอาจรู้จัก เนบิรู ในหลากหลายชื่อมาก เช่น แพลเนตเอ็กซ์,เดอะ ทแวล์ฟ แพลเนต,มาร์ดุ๊กพาราไดซ์,เฮฟเว่น (ที่แปลว่าสรวงสวรรค์) หรือ คิงด้อม ออฟ เฮฟเว่น (อาณาจักรแห่งสรวงสวรรค์),ฯลฯ โดยเรียกต่างกันไปตามวัฒนธรรมและประเพณีความเชื่อของตน อย่างไรก็ตาม ถึง เนบิรูจะถูกเรียกว่า ทแวล์ฟ แพลเนต (ดาวดวงที่สิบสอง) หากว่ากันตามจริงแล้ว เนบิรู มิใช่สมาชิกลำดับที่สิบสองในระบบสุริยะของพวกเรา หากแต่มาเป็นสมาชิกของระบบสุริยะคู่ขนานกับระบบสุริยะของเรา ระบบสุริยะแห่งดวงอาทิตย์ที่สิ้นอายุขัยและมืดดับลงไปแล้ว ดาวเนบิรูไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากโลก แต่ดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะที่เนบิรูโคจรรอบๆนั้น สามารถมองเห็นได้จากโลก ลักษณะวงโคจรของเนบิรูซึ่งเป็นดาวเคราะห์วงนอกสุดของระบบสุริยะคู่ขนานกับของพวกเรา ทำให้ชาวแอนูนาคิ ได้ใช้ประโยชน์จากการใช้ดาวเคราะห์ดวงดังกล่าวสอดแนมดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะของพวกเขาอีกหลายดวงรวมไปถึงโลกด้วย

    ชาวสุเมเรียน (สุเมเรีย) เป็นคนแรกที่ตั้งชื่อ เนบิรุ ขึ้น ในขณะที่ชาวบาบิโลเนียน (บาบิโลเนีย) เรียกว่า มาร์ดุ๊ก ส่วนชาวเมโสโปเตเมียเชื่อว่า ดาวเนบิรูนั้นเป็นดาวเคราะห์ลำดับที่สิบสอง ของระบบสุริยะของพวกตนและเป็นสรวงสวรรค์สถานที่ซึ่งบรรดาเทพเจ้าของพวกเขาพำนักอยู่

    ชาวเนบิรู มักถูกเรียกว่า แอนอันนากิ, เนฮิลิม (อ่านแบบฮิบรูว่า เนฟิลิม), อิโรฮิม (เป็นพหูพจน์ของ เนฮิลิม), มาดุ๊กเคี่ยนส์ (ชาวมาร์ดุ๊ก)เป็นต้น ผมจะขออนุญาตเรียกว่า แอนอันนากิ ซึ่งชาวสุเมเรียนรู้จักกัน หมายความคร่าวๆว่า "ผู้ซึ่งมายังโลกจากสรวงสรรค์"ในพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับเก่าหรือเล่มต้นของคริสต์ศาสนา (คัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ) เรียกผู้ซึ่งมายังโลกจากสรวงสรรค์เหล่านี้ว่า "แอนาคิม" (ไม่ใช่อนาคิน สกายวอคเกอร์นะ)

    ประชากรบนดาวเคราะห์เนบิรู ประกอบไปด้วย ชาวเรปทิเลี่ยน(คือพวกที่วิวัฒนาการมาจากสัตว์เลื้อยคลาน ไม่ใช่จากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหมือนมนุษย์) ที่ชาญฉลาด และปกครองโดยแอนอันนากิชนชั้นสูง นั่นคือพวกเนฟิลิม หมายความว่า ผู้ซึ่งมายังโลกจากสรวงสรรค์ ในภาษาฮิบรู ชาวแอนอันนากิมีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสูงมากกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ หลายเผ่าพันธุ์ในจักรวาล ณ เวลานั้น ชาวแอนอันนากิ เรียก ดาวบ้านเกิดของพวกเขาว่า เซออส (เนบิรู)

    แอนอันนากิเป็นเผ่าพันธุ์ที่รุนแรง นิยมการทำสงคราม พวกเขาก้าวร้าว ชั่วร้าย มีความต้องการทางเพศสูง มีค่านิยมแต่งงานกันเองในเครือญาติ กระหายเลือด หลอกลวง อิจฉาริษยา และชื่นชอบการยึดครอง บริโภคเนื้อเป็นอาหาร บางครั้งบริโภคพวกเดียวกันเอง นอกจากนี้ยังนิยมให้มีพิธีกรรมบูชายัญต่อพวกตน ด้วยหญิงสาวพรหมจารีย์ทั้งจากอารยธรรมที่พวกตนยึดครองได้หรือแม้แต่พวกชนชั้นทาสจากพวกเดียวกันเอง ชาวแอนอันนากิมีความสามารถพิเศษในการควบคุมจิตใจ ความเชี่ยวชาญด้านการควบคุมเศรษฐกิจ โดยผ่านระบบความเชื่อทางศาสนาและเงินตรา นอกจากนี้ชาวแอนอันนากิยังโดดเด่นด้านเทคโนโลยีทางพันธุวิศวกรรม ชาวเรปทิเลี่ยนซึ่งถูกแอนอันนากิชนชั้นปกครองนำมาปรับปรุงพันธุ์ผ่านเทคโนโลยีทางพันธุวิศวกรรมจนเป็นผลสำเร็จนั้นถูกเรียกว่า "ดูคาซ" พวกดูคาซถูกใช้เป็นหน่วยรบในการทำสงคราม ตลอดจนควบคุมประชาชนบนดาวเนบิรู (เซออส) และบรรดาชาวอาณานิคมจากอารยธรรมอื่นที่พวกตนเข้ายึดครองไว้ได้ให้อยู่ในร่องในรอยตามที่พวกตนต้องการ ดังนั้น ดูคาซ คือ เรปทิเลี่ยน แต่เรปทิเลี่ยนไม่จำเป็นต้องเป็นดูคาซทั้งหมดอย่างไรก็ตาม ในเรปทิเลี่ยนเองนั้นมีหลายประเภท เช่น ประเภทผู้ปกครอง ซึ่งพวกนี้มิใช่ดูคาซ เป็นต้น ซึ่งก็เป็นไปตามกมลสันดารของแอนอันนากิที่ชอบแบ่งชนชั้นวรรณะ

    ชาวเรปทิเลี่ยนที่เป็นพวกดูคาซจะถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจต่างๆตามคำสั่งเจ้านายของพวกตน เนฮิลิม หรือ อิโรฮิม ทั้งในฐานะทหารที่เข้าทำการรบกับเผ่าพันธุ์ต่างดาวอื่นๆ หน่วยสืบราชการลับ ทหารองครักษ์ส่วนตัว และตำรวจ ในขณะที่ชาวแอนอันนากิเองนั้นก็แบ่งเป็นหลายเผ่า โดยมีเผ่าหนึ่งซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับเผ่าดูคาซ เผ่าดังกล่าวเรียกตัวพวกเขาเองว่า เพอร์ส-ซายเรส์ (พวกเราเรียกพวกนี้ว่า วูลเจอไรท์ส แต่ไม่ใช่เพราะรูปร่างเหมือนอีแร้งหรอก) ทั้งสองเผ่ายังคงเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาจนถึงปัจจุบัน ลูกหลานผู้สืบทอดจากทั้งสองเผ่าดังกล่าวนี้ยังคงอาศัยอยู่บนโลกของพวกเรา และต่างต่อสู้แข่งขันเพื่อแย่งชิงอำนาจปกครองอารยธรรมบนโลกกันอย่างเข้มข้น ลูกหลานของพวกนี้ส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในตำแหน่งที่มีอิทธิพลทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ ศาสนา กฏหมาย การแพทย์ (โดยเฉพาะในธนาคารเลือด) วงการบันเทิง อุตสาหกรรมการค้าประเวณี เกษตรกรรม ธุรกิจใหญ่ๆ และกองทัพ ซึ่งส่วนใหญ่มนุษย์เหล่านี้มักไม่รู้ตัวว่าตนสืบเชื้อสายมากจากมนุษย์ต่างดาว

    ชาวแอนอันนากิมีลักษณะทางกายภาพที่มีเลือดเนื้อ มีบุคลิกภาพที่จองหองและหยิ่งยโส มีความต้องการทางเพศที่รุนแรงและควบคุมไม่ได้โดยไม่สนว่าคู่ของตนจะอยู่ในวัยเด็กหรือวัยเจริญพันธุ์ มีความต้องการที่จะเป็นผู้ควบคุมและยึดครองสูง เผ่าพันธุ์จักรกลสงครามที่ดุร้ายนี้มีความกระเหี้ยนกระหือรืออย่างมากในการล่าและเข้าปกครองอารยธรรมอื่นๆ ไปจนถึงชนชั้นที่ต่ำกว่าในพวกเดียวกันเอง นอกจากนี้ชาวแอนอันนากิยังมีระบบวรรณะของเพศโดยถือว่าเพศหญิงเป็นเพศที่ต่ำกว่าเพศชาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่แอนอันนากิพยายามที่จะทำลายศาสนาซึ่งบูชาพระแม่ศักดิ์สิทธิ์ ของมนุษย์โลกโบราณ แต่แอนอันนากิต้องพบกับการต่อต้านอย่างหนักจากมนุษย์โลกโบราณที่ไม่ยอมรับการกระทำของพวกแอนอันนากิ จนในที่สุดแอนอันนากิต้องเปลี่ยนวิธีจากการใช้กำลังเป็นการบ่อนทำลายทางความเชื่อด้วยการสร้างศาสนาใหม่ ความเชื่อใหม่ที่บูชาพระแม่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น เอิร์ธมาเทอร์ (พระแม่ธรณี) มาเธอร์ เนเจอร์ (พระแม่แห่งธรรมชาติ) เป็นต้น ซึ่งภายหลังแอนอันนากิก็ได้บ่อนทำลายภาพลักษณ์ของพระแม่เหล่านี้ลงด้วยการยัดเยียดลักษณะและบุคลิกเลวๆ ให้ อาทิเช่น อิจฉาริษยา สำส่อน และอาฆาตแค้น ซึ่งหนึ่งในตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดได้แก่ เจ้าแม่กาลี เป็นต้น



    เนื่องด้วยการชนครั้งใหญ่ บรรดาโลก ดวงจันทร์และดาวเคราะห์ต่างๆ ในระบบสุริยะของพวกเราได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ไม่เว้นแม้แต่ดาวเนบิรูก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเช่นกัน นี่คือสาเหตุหลักทำให้แอนอันนากิเดินทางมายังโลกเพื่อหาที่อยู่ใหม่ แต่ไม่ได้มาเพื่อขุดหาแร่ทองคำตามสมมติฐานของ เซคาเรีย ซิดชินส์ เลย เนื่องจากแร่ทองคำนั้นมิใช่แร่โดยธรรมชาติของโลก ดังนั้นชาวแอนอันนากิจึงไม่ได้คาดหวังที่จะเจอแร่ดังกล่าวบนโลก และไม่ได้มาเพื่อขุดหาแร่ทองเพื่อนำไปใช้ในเทคโนโลยีการแก้ไขปัญหาชั้นบรรยากาศบนดาวเนบิรูแต่อย่างใด (หากมาเพื่อขุดทองไปแก้ไขชั้นบรรยากาศจริงก็แสดงว่าพวกแอนอันนากิล้มเหลว เพราะดาวเนบิรูนั้นถูกทำลายไปแล้วในขนะนั้น) อย่างไรก็ตามหลังจากแอนอันนากิค้นพบทองคำบนโลก พวกเขาก็นิยมที่จะนำมาทำเป็นเครื่องประดับ โดยใช้บรรดาชั้นทาสทั้งพวกเดียวกันและจากอารยธรรมอื่นเป็นผู้ขุดหาแร่ดังกล่าว

    เนื่องจากดาวเนบิรู บ้านเกิดเมืองนอนของชาวแอนอันนากิถูกทำลาย บรรดาแอนอันนากิชั้นนำและประชาชนที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์นั้นต้องกลายเป็นเผ่าพันธ์เร่ร่อน โดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในยานอวกาศขนาดใหญ่ซึ่งภายในจำลองเมืองต่างๆของพวกตน ไว้มากมาย ณ ขณะนั้น ยานดังกล่าวโคจรอยู่รอบโลก ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งหนีไปอยู่ตามดาวเคราะห์อาณานิคมของพวกตน เช่น ดาวอังคาร โลก และกระจัดกระจายไปอยู่ตามกลุ่มดาวพลีอาเดส (ลูกไก่) กลุ่มดาวโอไรออน (นายพราน) เมื่อเห็นเช่นนี้ก็ย่อมแสดงถึงขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของแอนอันนากิซึ่งเป็นที่หวั่นเกรงของเผ่าพันธุ์ต่างดาวอื่นๆมากมาย บรรดาแอนอันนากิชั้นผู้นำ และแอนอันนากิที่ได้รับอนุญาติให้เดินทางออกนอกยานแม่ของพวกเขาได้ต่างขึ้นกระสวยเล็กๆลงมายังโลก ทั้งยังมีกระสวยเพื่อภารกิจทางการค้าและภารกิจทางทหาร โดยการค้าที่มีให้เห็นได้อยู่เป็นปกติในตอนนั้น คือ การค้าแรงงานและทาสต่างดาว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมมนุษย์โลกโบราณถึงได้เกรงกลัวเทพเจ้าของพวกเขา ซึ่งพวกเขาบันทึกไว้ว่า พำนักอยู่บนท้องฟ้า



    ในปัจจุบันสิ่งมีชีวิตบนโลกโดยส่วนใหญ่เป็นเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นจากการตัด ต่อพันธุกรรมโดยชาวแอนอันนากิทั้งสิ้น เป็นทั้งมรดกที่ตกทอดมาจากแอนอันนากิและผลผลิตจากอาณาจักรที่ล่มสลายของพวกเขา

    ชาวแอนอันนากิชั้นปกครองเป็นผู้เชี่ยวชาญการตัดแต่งพันธุกรรม โดดเด่นในด้านการสร้างสิ่งมีชีวิต พวกเขาภาคภูมิใจในความรู้และความสามารถของตน จนถึงขั้นพยายามที่จะเล่นบทพระเจ้า ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และขนาดของกองทัพที่มากมายมหาศาลของชาวแอนอันนากิ ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์โลกโบราณมองว่าชาวแอนอันนากินั้นแกร่งกล้าราวกับเทพเจ้า เห็นเป็นที่เคารพสักการะบูชา มนุษย์โลกโบราณบ้างเรียกพวกแอนอันนากิว่า นอร์ดิกส์ หรือ บรอนด์ส พวกเขาตัวสูง แข็งแรงกำยำ และรูปร่างดี มีตราสัญลักษณ์ประจำเผ่าพันธุ์เป็นรูปวงกลมตรงกลางแล้วมีปีกสองข้าง โดยวงกลมแทนดาวบ้านเกิดของพวกเขา ดาวเคราะห์เซออส โดยภายหลังชาวแอนอันนากิได้รับการรู้จักในนาม อิโรฮิม หรือ เนฮิลิม ซึ่งเนฮิลิมผู้ชั่วร้ายนี้ ไม่ใช่ อิโรฮิมผู้สร้างแต่อย่างใด

    ชาวแอนอันนากิชั้นปกครอง เป็นผู้สร้างศาสนามากมาย เพื่อที่จะถูกบูชาสรรเสริญในฐานะเทพเจ้า ซึ่งสร้างความพึงพอใจอย่างมากให้กับพวกตน พวกเขาสร้างพัฒนาศาสนาใหม่ขึ้นบนโลกแทนที่ความเชื่อเดิมของมนุษย์โลกโบราณ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุม โดยแต่ละศาสนาที่พวกเขาสร้างขึ้นนั้นจะมีหลักคำสอนที่ตรงกันข้ามหรือขัดแย้งกันเพื่อสร้างความวุ่นวาย ความแตกแยก และสงคราม

    ชาวแอนอันนากิสร้างเผ่าพันธุ์ผสมขึ้นและนำมาไว้ที่โลก ไม่นานหลังจากที่พวกเขามาถึง แอนอันนากิได้เพิ่มจำนวนและขยายเผ่าพันธุ์ของพวกตนเข้ายึดครองพื้นที่ส่วนต่างๆ และบีบบังคับให้มนุษย์โลกโบราณยอมแพ้และนำมาเป็นทาส แอนอันนากิใช้มนุษย์โลกโบราณเหล่านี้ ในการทดลองทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ เกี่ยวกับการผสมพันธุ์ ซึ่งในปัจจุบันแอนอันนากิกลุ่มดังกล่าวเป็นผู้รับผิดชอบในเหตุการณ์ลักพาตัวมนุษย์โลก เพื่อนำไปใช้ในการทดลองทางด้านพันธุกรรม นอกจากนั้นพวกเขายังทำการกลายพันธุ์สัตว์ชนิดต่างๆ เพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของพวกตนอีกด้วย แอนูนาคิกลุ่มดังกล่าว คือ ชาวแอนอันนากิผู้อาศัยอยู่บนโลก (พวกเราเรียกพวกนี้ว่า พวกก็อปปี้ เหตุผลนั้นอ่านได้ตอนท้ายๆ)


    ดังที่ได้กล่าวไปแล้วในข้างต้น ชาวแอนอันนากิชนชั้นปกครอง เข้ายึดครองอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์บนโลก และจับมนุษย์โบราณเหล่านั้นมาเป็นทาสรับใช้ของพวกตน บางคนมีความเชื่อว่า พระเยซู แท้จริงแล้วเป็นลูกผสมต่างดาวมาจากเนบิรู ซึ่งนั่นย่อมหมายความว่าท่านเป็นชาวแอนอันนากิด้วย ความเชื่อดังกล่าวเป็นความเชื่อที่ผิด ในความเป็นจริงแล้วพระเยซู คือ สิ่งมีชีวิตในระดับที่มีสติปัญญาและพลังงานจิตในขั้นที่สูงกว่าและได้อวตารมาเกิดในร่างมนุษย์ เพื่อมาสอนและทำให้มนุษย์โลกตระหนักถึงการพัฒนาพลังงานทางจิตของตนในทางที่ สูงขึ้น คล้ายๆกับภารกิจของอินดิโก



    พวกเราทราบว่าพระเยซูได้พยายามที่จะยกเลิกคำสอนที่บิดเบือนของพวกแอนอันนากิออกในพระคำภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเก่า แต่กลับถูกท่าน xxx (ขอเซนเซอร์ละกัน มันหมิ่นเหม่มากหากมีคริสเตียนที่เคร่งครัดได้อ่าน) บิดเบือนคำสอนขององค์พระเยซูเอง นั่นคือการนำเสนอ การกลับมาของ "พระเจ้า" แห่งความน่ากลัวและทรงพลังในอำนาจ เมื่อกล่าวถึงตำนานการสร้างโลกจากทั่วโลกนั้นมีความคล้ายคลึงกันในภาคผนวกสำคัญๆของแต่ละที่ เป็นเพราะอะไร? นี่เพราะว่าตำนานการสร้างโลกต่างๆนั้นถูกเผยแพร่ออกไปโดยกลุ่มของพวกแอนอันนากิที่กระจายไปอยู่ทั่วโลกนั่นเอง ศาสนาต่างๆได้ถูกกำหนดขึ้นมาโดยพวกเขาเพื่อที่จะใช้ควบคุมและจัดการประชากรมนุษย์ ศาสนาเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรักเลย แต่เพราะความหวาดกลัวต่างหาก!ที่ใดก็ตามที่พวกแอนอันนากิไปถึง พวกนี้จะรวบรวมมนุษย์และตั้งเป็นชุมชนขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อจะสามารถควบคุมประชากรได้ดีกว่าในการใช้ให้คนเหล่านั้นให้ทำงานให้พวกเขา และเพื่อประโยชน์ในการควบคุมมนุษย์ในด้านต่างๆ - กายภาพ, อารมณ์, จิตใจ, จิตวิญญาณ และ การค้า เฉกเช่นทาส พวกเขาจะปลูกฝังความกลัวและรักษาให้มนุษย์อยู่ในความไม่รู้-ความโง่เขลาอยู่เสมอ และรูปแบบเหล่านี้ยังคงมีอยู่ในทุกวันนี้ ดังนั้น มนุษย์เป็นทาสของพวกแอนอันนากิในอดีตอย่างไร พวกเราก็ยังคงเป็นอยู่ในทุกวันนี้อยู่.. ชาวแอนอันนากินิยมตบแต่งร่างกายด้วยอัญมณีต่างๆ พวกเขายังส่งเสริมรสนิยมราคาแพงๆ โดยการบังคับให้คนเป็นทาสทางเศรษฐกิจ พวกเขาส่งเสริมการมีภรรยาหลายคน การร่วมประเวณีในพี่น้องเครือญาติ และการเจ้าชู้สำส่อน และทั้งหมดนี่ คือสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นแอนอันนากิโดยแท้จริง และมันยังคงถูกบันทึกไว้อยู่ในวัฒนธรรมที่หลากหลาย รวมแม้กระทั่งวัฒนธรรมในราชวงศ์ของอิยิปต์โบราณ และในพระคำภีร์คำสอนภาคพันธสัญญาเก่าของพวกแอนอันนากิอีกด้วย

    ในหลายๆประสาทสัมผัส พวกเราซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในยุคสมัยแห่งความรุ่งโรจน์ทางเทคโนโลยี ต่างก็ตกเป็นทาสของวัตถุฟุ่มเฟือยต่างๆ รัฐบาล ระบบเศรษฐกิจ วัตนธรรม ศาสนา เครื่องแต่งกาย และอีกมากมาย.. ที่สำคัญคือพวกเราต่างก็ตกเป็นทาสของสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น ความเป็นจริงเหล่านี้ได้ถูกปิดกั้นด้วยกำแพงบางๆแต่แยบยลด้วยการล่อลวงโดยสร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้ขึ้นมาและอ้างว่าความศิวิไลเหล่านี้แหละเป็นตัวแทนของอาณาจักรสวรรค์อันแสนสุขสบายที่ทุกๆคนต่างก็ขวนขวายให้ได้มา..



    พวกแอนอันนากิ ได้มาเยือนโลกครั้งแรกเมื่อครั้งนานมาแล้ว คาดว่าช่วงนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 500,000 ปีก่อนปัจจุบัน และก่อนหน้านั้นพวกเขายังสามารถเอาชนะชาวดาวอังคาร ,ชาวพลีอาดีส และเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในกาแลคซี่อีกด้วย ชาวแอนอันนากิได้ทดทองตัดแต่งพันธุกรรมของหลายๆเผ่าพันธุ์ที่พวกเขาปราบมาได้ โดยการผสมปนเปกันเพื่อให้ได้เผ่าพันธุ์ที่สมบูรณ์ยิ่งกว่า โดยพวกเขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ออกไปทำสงครามกับเผ่าพันธุ์อื่น ๆ และกลับมาพร้อมด้วยทรัพยากรต่างๆ พวกทาส และที่สำคัญ ยังนำยีนส์และ DNA จากพวกนั้นเพื่อมาทดลองยังดวงดาวสีฟ้าแห่งนี้ด้วย ในที่สุดพวกเขาก็ได้สายพันธุ์ที่ลงตัว และแล้ว มนุษย์ดัดแปลงรุ่นแรกก็ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณกว่า 300,000 ที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้ พวกแอนอันนากิได้นำสายพันธุ์พิเศษที่มีลักษณะเป็นเพศหญิงมาไว้บนโลกก่อน ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์แห่งเพศหญิง พวกเธอต้องทุกข์ทรมานเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ชาวแอนอันนากิได้ทำกับพวกเธอ ส่วนเผ่าพันธุ์อื่นๆที่ด้อยค่าชาวแอนอันนากิได้นำมาใช้เป็นทาสรับใช้ให้แก่พวกชั้นสูงของตน บ้างก็ถูกค้าไปเป็นทาสแรงงานที่ต้องทำงานอย่างหนักและทารุณ บ้างก็เพื่อกามบำเรอ บ้างก็ใช้เป็นกองกำลังทหารทาส และอีกมากมาย... พวกเขาตัดต่อพันธุกรรมให้ผู้หญิงมีสัดส่วนที่ดูบอบบางกว่าผู้ชาย ด้อยกว่าทั้งด้านพละกำลังและความว่องไว ซึ่งส่วนใหญ่เพศหญิงจะไว้ใช้ในด้านงานที่ไม่ต้องใช้พละกำลัง เช่น ใช้ในด้านกฎหมาย,นักบุญ ,การแพทย์,การเมือง, การค้า, วิทยาศาสตร์ ฯลฯ ดังนี้ผู้หญิงจึงเป็นเพศที่ด้อยโอกาสเป็นอย่างมาก และยังคงเป็นเช่นนั้นมาจนถึงปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นถึงขอบเขตและอิทธิพลในความเป็นชาตินิยมของชาวแอนอันนากิอย่างแท้จริง นอกเหนือจากการทำพันธุวิศวกรรมในมนุษย์แล้วพวกเขาก็ยังมีการพันธุวิศวกรรมในสายพันธุ์อื่นอีกด้วย เช่น นกและสัตว์ปีก พวกสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์น้ำ และพืชต่างๆ พวกเขาได้สร้างสัตว์ประหลาดต่างๆมากมายขึ้นมาและก็ฝึกพวกมันให้เชื่อง สัตว์ประหลาดเหล่านี้เองที่ได้ปรากฎอยู่ในตำนานและพงศาวดารต่างๆทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์ไฮบริด นั่นคือพวกครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์นั่นเอง


    ในพระคำภีร์ไบเบิลภาคปฐมกาลได้จารึกเกี่ยวกับการทำลายล้างและชำระมนุษย์รุ่นแรกโดยชาวแอนอันนากิ และชนที่ได้บันทึกเรื่องราวเหล่านี้ไว้นั่นก็คือชน "สุเมเรีย" ดังนี้ชาวสุเมเรียนจึงเป็นผู้ที่เก่าแก่ที่สุดที่ได้จารึกบรรทึกประวัติศาสตร์ของชาวแอนอันนากิบนโลกเอาไว้ โดยพวกเขาได้บรรทึกตามสิ่งที่แอนอันนากิได้บอกแก่พวกเขา



    ประมาณ 35,000 ปีที่แล้ว มนุษย์โครมันยองได้ครอบครองโลกใบนี้ต่อจากมนุษย์นีอันเดอร์ธัล ในความเป็นจริงพวกมนุษย์นีอันเดอร์ธัลได้ถูกทำลายล้างหมดสิ้นโดยชาวแอนอันนากิ ภายหลังจากที่พวกเขาได้เสร็จสิ้นกระบวนการสร้างตัวอย่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มนุษย์นีอันเดอร์ธัลจึงหมดประโยชน์ไป และสร้างรุ่นใหม่ที่ดีเยี่ยมกว่าเดิมขึ้นมาแทนนั่นคือ มนุษย์โครมันยอง และนี่ก็คือมนุษย์รุ่นแรกที่เกิดจากกระบวนการทางพันธุวิศวกรรม แต่หลังจากนั้นมนุษย์รุ่นที่สองก็ได้ถือกำเนิดขึ้น นั่นคือ "โฮโมเซเปียนส์" หรือพวกเราในปัจจุบัน มนุษย์รุ่นที่สองนี้เรียกได้ว่าแทบจะสมบูรณ์แบบ ดังนั้นจึงได้รับอนุญาตให้มีความสัมพันธ์และสืบพันธุ์กับพวกแอนอันนากิได้

    กาลเวลาได้ล่วงเลยผ่านไป ในขณะนั้นสิ่งมีชีวิตที่พวกเขารังสรรตัดแต่งขึ้นมาเริ่มที่จะอยู่เหนือการควบคุมไปเรื่อยๆ พวกไฮบริดครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ต่างๆเริ่มที่จะออกอาละวาดไปทั่ว ในครั้งนั้นเป็นในยุคสมัยที่นครแอตแลนติสกำลังเจริญรุ่งเรือง ชาวแอตแลนติสได้มีความก้าวหน้าในการเดินทางท่องอวกาศ การวาร์ปไปสถานที่ต่างๆนั้นเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเขา นั่นทำให้พวกเขามีขีดความสามารถที่พิเศษเหนือกว่าพวกเผ่าพันธุ์ดัดแปลงอื่นๆบนโลก ชนชั้นทาสซึ่งเป็นชาวแอตแลนติสทั้งหมดได้ย่างก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้มีศิลปะวิวัฒนาการสูงและสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว พวกเขาเริ่มที่จะไม่เชื่อฟัง "พระเจ้า" ของพวกเขาแล้ว (แอนอันนากิชั้นปกครอง)นั่นทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายแย่ลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดบรรดา พระเจ้า ของพวกเขาจึงเห็นว่าสิ่งต่างๆที่พวกเขากระทำไปทั้งหมดนั้นค่อนข้างล้มเหลว พวกเขาจึงสินใจที่จะทำลายอาณาจักรแอตแลนติสทิ้งไป โดยการระเบิดทิ้งและใช้แรงดึงดูดพิเศษของยานอวกาศขนาดใหญ่ของพวกเขาสร้างน้ำท่วมใหญ่เพื่อจมอาณาจักรแอตแลนติสลงไป หลังจากนั้นแอนอันนากิก็ได้ออกเดินทางไปล่าอาณานิคมยังที่อื่นๆต่อเพื่อหาวัตถุดิบมาสร้างมนุษย์รุ่นต่อไป พวกแอนอันนากิชั้นปกครองต่างก็คิดว่าตนได้ทำลายพวกชั้นต่ำพวกนั้นทั้งหมดไปแล้วโดยสิ้นเชิง แต่เปล่าเลย ยังมีพวกแอนอันนากิที่เหลือรอดอยู่บนโลกอยู่ไม่น้อย เพราะพวกนั้นได้ทราบถึงแผนการของแอนอันนากิผู้ปกครองที่จะทำลายอาณาจักรแอตแลนติสได้ก่อน บางส่วนจึงได้พากันหลบหนีออกไปโดยได้นำศิลปะเทคโนโลยีและความรู้ชั้นสูงติดตัวไปด้วยบางส่วน และเทคโนโลยีอันก้าวหน้าเหล่านี้ในภายหลังจึงได้แพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆของโลกต่อไป


    ด้วยสาเหตุที่พวกเขาควบคุมทาสของพวกเขาไม่อยู่นั้นไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้พวกแอนอันนากิตัดสินใจละทิ้งโลกใบนี้ไป แต่สาเหตุหลักที่ว่านั้นก็คือ พวกเขาอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างสูงจากพวก อัสทัส (Attas พวกอัสทัสก็คือผู้พิทักษ์แห่งแสงสว่างซึ่งจะคล้ายๆ หน่วยลาดตระเวนอวกาศนั่นล่ะ อย่างที่บอกไป ว่าจักรวาลนี้คือระบบเมตริกซ์และเป็นโปรแกรมประยุกต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับผู้ที่รู้แจ้งจึงจะเข้าใจ ถ้าจะให้พูดถึงรายละเอียดในเรื่องนี้ก็ยาวมาก ดังนั้นจึงขอไม่พูดถึงละกันนะครับ)


    มาต่อกันที่พวกแอนอันนากิที่เหลือรอดบนโลกกันต่อ หลังจากที่พวกนี้ได้หลบหนีออกจากอาณาจักรแอตแลนติสแล้ว พวกเขาได้กระจายกันอพยพออกไปตั้งรกรากอยู่ที่ส่วนต่างๆของโลกและได้เริ่มต้นสร้างอารยธรรมของตัวเองขึ้นมาใหม่ เช่น แอสเทค Aztecan,อินคา Inca, มายา Mayan, และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็เห็นจะเป็นอาณาจักร อิยิปต์ โบราณ.. ผมบอกได้เลยว่าทุกวันนี้ในปัจจุบัน โลกของเราใบนี้เต็มไปด้วยพวกแอนอันนากิซึ่งมีอยู่มากมายบนโลก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกหลานของแอนอันนากิพวกนี้แหละ ซึ่งเป็นพวกที่สืบเชื้อสายมาจากชาวแอตแลนติสโบราณก่อนล่มสลายนั่นเอง

    หลังจากที่พวกแอนอันนากิชั้นปกครองไปทำลายแอตแลนติสไปแล้ว คลื่นลูกที่สามของการตัดแต่งทางพันธุวิศวกรรมมนุษย์ก็ได้เกิดขึ้นมาบนโลกเมื่อประมาณ 20,000 ปีที่แล้ว โดยครั้งนี้เป็นการกระทำของพวกแอนอันนากิที่เหลือรอดจากนครแอตแลนติสเอง (มิใช่พวกชั้นปกครองกลุ่มใหญ่ที่จากไป) พวกนี้เป็นกลุ่มพวกพิเศษที่มีวิทยาการสูงกว่ากลุ่มอื่นๆมาก หนึ่งในนั้นเป็นผู้สร้างมหาปิระมิดขึ้นมาโดยใช้เป็นท่าอากาศยานขึ้น-ลงจอดสำหรับยานอวกาศของพวกเขาเอง ผู้ปกครองและกษัตริย์ในหลายๆอารยธรรมได้ถูกตั้งขึ้นโดยพวกแอนอันนากิชั้นปกครองเมื่อครั้งอดีต แต่หลังจากที่พวกแอนอันนากิที่เหลือรอดได้ปกครองโลกใบนี้แทนก็ได้นำรูปแบบการปกครองแบบนี้มาใช้ด้วยเช่นกัน นี่ทำให้หลายอารยธรรมในปัจจุบันยังคงหลงเหลือรูปแบบการปกครองแบบกษัตริย์อยู่จนทุกวันนี้

    พวกแอนอันนากิที่สร้างมหาปิระมิดและสฟิงค์ขึ้นมาก็เป็นแอนอันนากิที่รอดจากแอตแลนติสด้วยเช่นกัน เป็นพวกที่ชาวแอนอันนากิชั้นปกครองตั้งใจที่จะกำจัดทิ้งไปพร้อมกันกับอาณาจักรแอตแลนติสเลย จนในที่สุดชาวแอนอันนากิชั้นปกครองที่หลังจากทำลายแอตแลนติสทิ้งไปก็ได้ย้อนกลับมายังโลกอีกครั้ง และพวกเขาก็ประหลาดใจเมื่อได้เห็นอารยธรรมอันรุ่งเรืองของผู้เผ่าพันธุ์ที่ครั้งหนึ่งพวกเขาคิดว่าได้กำจัดทิ้งไปจนหมดสิ้นจากโลกใบนี้ไปแล้ว มันทำให้พวกเขาคิดว่าพวกเขาได้สูญเสียการครอบครองโลกใบนี้ให้กับอดีต "ทาส" ของพวกเขาไปซะแล้ว อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังคงตัดสินใจเข้ายึดครองโลกใบนี้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง และได้ทำการให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งน้ำท่วมครั้งนี้ก็ได้ทำลายอารยธรรมของบรรดาแอนอันนากิที่เหลือไปแทบหมดสิ้น แต่ก็ยังคงเหลือร่องรอยของอนุสรณ์สถานที่มีความใหญ่โตและแข็งแรงมากพอหลงเหลือให้เห็นอยู่เช่นสฟิงค์, ปิรามิด หรือแม้แต่ มหาวิหารซิกกุรัต พวกแอนอันนากิเกรงว่าพวกไฮบริดที่เหลือรอดหลังจากน้ำท่วมจะสามารถวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วได้อีกครั้ง ดังนั้นพวกแอนอันนากิจึงต้องเสี่ยงอย่างมากในการที่จะต้องเลือกสรรพื้นที่บนโลกเพื่อจะสร้างวัฒนธรรมรุ่นต่อไปให้มนุษย์และจะทำการปลูกฝังวัฒนธรรมใหม่ตามแบบฉบับของตนอย่างเร่งด่วนเพื่อที่จะทำให้วัฒนธรรมใหม่ในครั้งนี้นั้นก้าวหน้าและไปไกลกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆบนโลก แผนเร่งด่วนนี้ได้ข้อสรุปที่ดินแดน "สุเมเรีย"

    พวกเขาได้คลอดโปรเจ็คท์พัฒนาสุเมเรียขึ้นมาเกือบจะทันทีทันใดและเร่งด่วนมาก เนื่องจากกองทัพอัสทัสได้ยกขบวนมายังระบบสุริยะนี้แล้ว และอีกไม่นานก็จะมาถึงโลก ถึงตอนนี้ พวกแอนอันนากิต้นฉบับได้สูญเสียอิทธิพลในการครอบครองโลกไปให้พวกแอนอันนากิไฮบริดไปเรียบร้อยแล้ว (นี่แหละที่พวกผมเรียกมันว่า แอนอันนากิก็อปปี) ซึ่งพวกแอนอันนากิไฮบริดได้กระจายไปทั่วโลก จากแอตแลนติสสู่อเมริกา และอิยิปต์ และเป็นพวกนี้แหละ ที่เป็นผู้สร้างและก่อตั้งอาณาจักรอิยิปต์ แอสเทค มายัน และอินคา จนเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ดังนี้พวกแอนอันนากิต้นฉบับจึงตัดสินใจลงมือทำการเสี่ยงอย่างที่สุดในการที่จะสร้างวัฒนธรรมรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งและก้าวหน้าอย่างมากที่ดินแดนสุเมเรีย ด้วยการถ่ายทอดภาษาที่เป็นลายลักษณ์อักษรและบันทึกต่างๆให้สุเมเรีย

    จนกระทั่งในที่สุดพวกอัสทัสก็ได้มาถึงระบบสุริยะ พวกอัสทัสแห่งแสงสว่างในบรรดากองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดได้เข้าบุกโจมตีและจับกุมพวกแอนอันนากิชั้นปกครองได้เป็นจำนวนมาก และบรรดาพวกแอนอันนากิชั้นปกครองจึงได้ใช้ยานอวกาศเพื่อจมแผ่นดินโลกลงอีกครั้งหนึ่งด้วยน้ำท่วมใหญ่และทั้งหมดที่เหลือจึงรีบหลบหนีไปยังระบบดาวโอไรออนและพลีอาดีสซึ่งเป็นอาณาจักรระบบดาวอาณานิคมของพวกเขา สิ่งนี้ทำให้ความภาคภูมิใจและหยิ่งทรนงในเผ่าพันธุ์ของพวกเขาเฉกเช่น "พระเจ้า" ได้จบสิ้นลงพร้อมกับลดสถานะของตัวเองลงไปเป็นเผ่าพันธุ์ที่ประสบภัยและต้องคอยหลบซ่อนตัวเองตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...


    -------------------------------------------------------------------



    กล่าวถึงในสมัยที่แอนอันนากิได้เข้ามายึดโลกใบนี้ใหม่ๆ ในตอนนั้นได้มีหลากหลายกลุ่มของพวกต่างดาวและมีชาวโลกดั้งเดิมอาศัยอยู่บนโลกเป็นจำนวนไม่น้อย และเกิดการปะทะกันขึ้นในส่วนต่างๆของโลกเพื่อจะแย่งความเป็นใหญ่ในการครอบครองโลกที่สวยงามใบนี้ แต่ว่า.. แอนอันนากินั้นแข็งแกร่งกว่ามาก จึงได้ครอบครองโลกใบนี้ตั้งแต่นั้นมา และได้ทำการทดลองต่างๆนาๆกับสิ่งมีชีวิตบนโลก ในที่สุดมนุษย์รุ่นต้นแบบก็ได้ถือกำเนิดขึ้น พวกชาวสุเมเรียนโบราณได้บันทึกเหตุการณ์ในตอนนั้นว่าเป็นต้นกำเนิดแห่งการสร้างมนุษยชาติ แต่แท้จริงแล้ว มันคือการสร้างอาณานิคมล่าสุด ณ โลกใบนี้ของพวกเขานั่นเอง แน่นอนว่าการเป็นผู้ชนะจะทำอะไรก็ได้ จะเขียนบันทึกเหตุการณ์เรื่องราวให้เป็นไปในแบบไหนก็ย่อมได้ ดังนั้นพวกเขาจึงให้ชาวสุเมเรียนเขียนบันทึกให้พวกเขาเป็น พระเจ้า ของมวลมนุษย์ ..แบบนั้นแหละ จากการผ่านประสบการณ์ในการสงครามและยึดครองมาอย่างโชกโชน พวกเขารู้ว่า ศาสนา เป็นเครื่องมือชั้นดีในการจะปกครองเหล่าเชลยและทาสของพวกเขานั่นเอง คำภีร์ไบเบิลฉบับพันธสัญญาเดิมนั้นเป็นการถวายแด่พระเจ้า แทบทั้งหมดจะเกี่ยวกับเพศชายและความสำคัญของเพศชาย เพราะว่าในตอนนั้นพวกแอนอันนากิหัวเสียอย่างมากกับการเคารพบูชาแม่พระแห่งธรณี (Mother Earth) ของมนุษย์ชาวโลก และพวกเขาต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของนางทิ้งซะ ในปฐมกาลได้บอกเล่าเรื่องราวของการกำเนิดมนุษย์และการแพร่กระจายของมนุษย์ที่ถูกส่งผ่านจากรุ่นของ อดัม และ อีฟ และผู้ที่ทำให้มนุษย์ต้องทุกข์ยากลำบากนั้นก็คือ อีฟ ซึ่งเป็นเพศหญิง นี่จึงเป็นการดิสเครดิตผู้หญิงที่ปรากฎเป็นบันทึกลายลักษณ์อักษรเหตุการณ์แรกๆของโลกเลยล่ะ

    ในข้อความของชาวสุเมเรียนได้มีการกล่าวถึงผู้คนแห่งเชม Shem (หมายถึงชื่อยานอวกาศ)ว่าชาวแอนอันนากินั้นเป็นผู้คนแห่งเชม และได้ลงมายังโลกเพื่อมีสัมพันธ์กับชนพื้นเมืองดั้งเดิมของโลก ซึ่งส่วนหนึ่งยังได้ปรากฏอยู่ในคำภีร์ไบเบิลตอนปฐมกาล "บุตรชายทั้งหลายของพระเจ้า เห็นว่าบุตร สาวทั้งหลายของมนุษย์สวยงาม และพวกเขารับเธอทั้งหลายไว้เป็นภรรยาตามชอบใจของพวกเขา".. พวกแอนอันนากิยังได้ริเริ่มก่อตั้งมหานครแห่งใหม่ที่มีความทันสมัยสูงอย่าง บาบิโลน อีกด้วย และเช่นเคย พวกเขาได้ทำลายทั้งวัฒนธรรมและผู้คนที่นั่นเสียหมดสิ้นเพียงเพราะว่าพวกเขาเริ่ม "เอาไม่อยู่" แล้วนั่นแหละ และพวกเขาก็ย้ายไปสร้างที่อื่นต่อ.. (ก็นึกว่าเอาอยู่ซะแล้ว..)



    ทุกวันนี้ พวกแอนอันนากิก็อปปี้ได้วางแผนสร้างระบอบผู้ครองขึ้นมาใหม่คล้ายๆกับพวกแอนอันนากิดั้งเดิม และแผนของพวกนี้ก็คือรีสตาร์ทโลกใบซะนี้เองแทนพวกแอนอันนากิดั้งเดิมพวกนั้น แอนอันนากิก็อปปี้มีลูกมือเป็นมนุษย์คอยช่วยเหลืออีกแรง แท้จริงแล้วพวกนี้เป็นร่างอวตารของแอนอันนากิในร่างมนุษย์ และส่วนหนึ่งก็เป็นมนุษย์ที่มีสายเลือดของเผ่าพันธุ์แอนอันนากิอยู่ในตัว



    ความลับที่กำลังจะถูกเปิดเผย..


    ทุกวันนี้ พวกแอนอันนากิก็อปปี้ได้สร้างอุโมงค์และเมืองใต้ดินขนาดใหญ่พร้อมด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงลิงค์กันอยู่ใต้พื้นโลกที่เรายืนอยู่นี้เพื่อใช้เป็นที่อาศัยอันแข็งแกร่งใว้ใช้หลบภัยและหายนะครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาเยือนโลกในไม่ช้านี้ พวกเขาทราบมาว่าพวกแอนอันนากิต้นฉบับกำลังจะมาเยือนโลกใบนี้อีกครั้ง พวกแอนอันนากิก็อปปี้ไม่สามารถออกจากโลกเดินทางไปยังที่ระบบดาวที่อื่นๆได้ เพราะว่าพวกเขามีทรัพยากรที่จำกัด ซึ่งในตอนที่กองทัพแอนอันนากิดั้งเดิมได้พากันหลบหนีออกไปจากโลกในตอนนั้นพวกเขาได้นำทรัพยากรณ์ทั้งหมดที่มีอยู่ไปด้วย ทำให้พวกที่เหลือต้องติดแหง็กอยู่ที่โลกใบนี้ซึ่งส่วนใหญ่ก็อย่างที่ทราบกันดี ว่าเป็นพวกทาส พวกไฮบริด และพวกสายเลือดผสมซึ่งเกิดจากการตัดแต่งพันธุกรรมทั้งสิ้น พวกแอนอันนากิก็อปปีมีความคิดว่าพวกเขาสามารถทำอะไรได้พอๆกับบรรพบุรุษของพวกเขา ส่วนหนึ่งในนี้ก็คือการเลือกสรรผู้นำ และตอนนี้ผู้นำของพวกเขาได้อยู่ลึกลงไป ณ อาณาจักรใต้ดิน คอยบัญชาการกองทัพใหญ่ใต้ดิน ที่นั่นมีทั้งทหาร ตำรวจ นักวิทยาศาสตร์ พ่อครัว หมอ สิ่งบันเทิงต่างๆ ฯลฯ แผนเดิมของพวกนี้คือ ควบคุมประชากรโลกด้วยพวกสายเลือดใหม่ของพวกเขา ทั้งหมดเป็นพวกโคลนนิ่ง พวกนี้หวังว่าในวันที่พวกแอนอันนากิต้นฉบับกลับมายังโลกอีกครั้ง จะต้องยินดีในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำ และให้แอนอันนากิดั้งเดิมได้รู้ว่าพวกเขาอิทธิพลต่อโลกใบนี้มากเพียงใด


    แต่ท้ายที่สุดแผนของพวกเขาก็ต้องล้มเลิกไป ทำให้ความต้องการที่จะทำลายมนุษย์โลกและวัฒนะธรรมที่อยู่บนพื้นผิวโลกต้องล้มเลิก พวกเขาเปลี่ยนแผนไปเป็นการอพยพออกจากโลก เพื่อหาดาวดวงใหม่อยู่แทนที่ ด้วยจำนวนอันน้อยนิดของพวกเขานั้น พวกเขาตะหนักได้ว่าไม่มีทางที่จะเอาชนะแอนอันนากิชั้นปกครองได้เลย พวกเขาจึงต้องอาศัยอยู่ใต้ดินเช่นเดิม และรอวันที่พวกต้นฉบับมาถึงและปล่อยให้พวกนั้นรีเซ็ตโลกใบนี้ด้วยตัวเอง โดยมีมนุษย์เป็นเหยื่อล่อและเครื่องบรรณาการ พวกเขาหวังเป็นอย่างยิ่งในการมีปฏิสัมพันธ์กับพวกแอนอันนากิต้นแบบที่กำลังจะมาถึง และจะสามารถต่อรองยกโลกใบนี้ให้พวกนั้นปกครองโดยแลกกับข้อเสนอคือการอพยพไปยังดาวดวงใหม่ที่ไกลโพ้น...

    บัดนี้ พวกแอนอันนากิที่เหลืออยู่บนโลกได้ดำรงอยู่ท่ามกลางมนุษย์ พวกเขาคอยชักใยอยู่เบื้องหลังโลกใบนี้และเป็นผู้ที่ควบคุมและชี้นำโลกใบนี้โดยแท้จริง แน่นอน พวกเราไม่รู้! พวกนี้ได้ลักพาตัวมนุษย์ เพื่อการทดลองและโคลนนิงพร้อมกับพืชและสัตว์ต่างๆด้วย แน่นอนว่าเป็นโครงการที่โหดร้ายทารุณมากถ้าหากว่าใครเผลอโดนเข้าไปล่ะก็นะ ผมบอกได้เลยว่าคุณจะสะกดคำว่า นรก ได้อย่างขึ้นใจแน่นอน (พวกเราเคยเห็นมาเองกับตา)


    พวกแอนอันนากิบนโลกกำลังรอกำลังเสริมจากพวกต้นแบบของพวกเขาที่กำลังจะมา พวกแอนอันนากิชั้นปกครองที่หลบหนีไปจากโลกชั่วคราวเมื่อครั้งที่โดนกองทัพอัสทัสเข้าโจมตีเมื่อครั้งอดีตกาล อย่างไรก็ตาม กำลังเสริมพวกนั้นยังคงจะไม่สามารถมาได้ในตอนนี้ เพราะกองทัพอัสทัสยังคงคอยจับตาอยู่แถวๆบริเวณดวงอาทิตย์ของเรา ดังนั้นพวกแอนอันนากิที่อยู่บนโลกจึงติดแหง็กอยู่

    ยานลาดตระเวณรอบดวงอาทิตย์ที่ได้รับการตรวจพบเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของผู้พิทักษ์แห่งแสงสว่าง (พวกอัสทัส) (พวกนี้ไม่ใช่ต้นกำเนิดของเอริดาเนียนเหมือนอย่างที่ใครบางคนสันนิษฐานหรอกน่ะ).. ยานลาดตระเวณรอบดวงอาทิตย์ยังคงเทียบท่าอยู่ เนื่องจากพวกเขาคาดว่าพวกแอนอันนากิดั้งเดิมกำลังพยายามที่จะกลับมายังโลกอีกครั้ง เพื่อจะมาล้างและครอบครองโลกอีกครั้งหนึ่งเหมือนดั่งในสมัยที่เคยรุ่งโรจน์ และอาจจะสนับสนุนพวกแอนอันนากิที่อยู่บนโลกอีกด้วย และถ้าหากพวกเขาพยายามมาจนถึงที่นี่ได้ พวกเขาจะต้องเจอกับกองทัพพิทักษ์แห่งแสงสว่างอีกครั้งแน่นอน!! (พวกเขาเป็นผู้ตรวจตราจักรวาลเหมือนแอนตี้ไวรัสในคอมพิวเตอร์ และพวกนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ยงคงกระพัน แต่อย่างไรก็ดี พวกนี้ไม่ใช่พระเจ้านะครับ แต่ผมคิดว่าน่าจะประมาณว่า ลูกมือ น่ะ)นั่นทำให้พวกแอนอันนากิก็อปปีที่ติดอยู่บนโลกต่างกำลังสับสนในสิ่งที่พวกดั้งเดิมไม่สามารถผ่านแนวป้องกันของกลุ่มแห่งแสงมาได้ และพวกเขาคงไกล้จะระเบิดเต็มทีแล้ว นั่นจะทำให้สถานการณ์บนโลกเข้าสู่ความตึงเครียดและน่าหวาดหวั่นถ้าหากพวกนี้เผลอทำอะไรที่ไร้เหตุผลขึ้นมาเหมือนอย่างที่ผู้นำโลกของมนุษยชาติได้กระทำอยู่นี้และเคยกระทำไปแล้วในอดีต..


    ยังมีผู้ที่สามารถหันเหวัตถุประสงค์ของแอนอันนากิบนโลกได้อยู่กับคำพูดประมาณว่า "โลกใบนี้ก็เปรียบเสมือนคุกดีๆนี่เอง ..แต่พวกเราสามารถเปลี่ยนมันให้เป็นสรวงสวรรค์ได้" แอนอันนากิได้อวตารในร่างมนุษย์ในปัจจุบันแล้ว บ้างก็มีร่างกายละเอียดแบบจิตวิญญาณ ชาวแอนอันนากินั้นมีอำนาจมากในโลกของจิตวิญญาณ และข้อความหลายๆข้อความที่เป็นการล่อลวงมนุษย์ทั้งหลายทั้งปวงจากการสื่อสารผ่านพวกร่างทรงก็เป็นพวกแอนอันนากิด้วยเช่นกัน



    ผมขอประกาศว่า ..กองทัพแห่งกำลังแสงกำลังรอที่จะดำเนินการช่วยเหลือครั้งสุดท้าย สำหรับสรรพชีวิตที่ดำรงประสงค์แห่งแสงสว่าง จากทุกระดับ ทุกชนชั้นแห่งจิตวิญญาณ ผู้ซึ่งติดค้างอยู่และดำรงไปในมิติแห่งความทุกข์ยากนี้


    และกระบวนการกำลังดำเนินไปด้วยดี


    จงรับรู้ว่า .. บางสิ่งกำลังมาในไม่ช้านี้ แต่จะไม่ใช่ Nibiru ชื่อที่พวกท่านพากันหวาดกลัว....





    ขอสันติสุข และความรัก จงมีแด่พวกท่านทุกคน (kiss)
    -------------------------------------------------------------------
     
  8. nickybamby

    nickybamby เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +174
    ค่อยหาเวลามาอ่าน เกือบลืมกระทู้นี้ไปซะแล้ว :cool:

    หนุกดี
     
  9. EcoR1

    EcoR1 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +8
    ขอบพระคุณที่ยังไม่ลืมกัน แฟนคลับคิดถึง หาอ่านย้อนหลังหน้าไหนๆก็ไม่เจอ
    มาคราวนี้ยาวเนอะ
    [​IMG]
     
  10. Inwpower

    Inwpower เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +105
    อันนี้ จขกท แต่เองหรือแปลมาคับเนี่ย สนุกใช้ได้เลย
     
  11. maxttdcv

    maxttdcv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +760
    จขกท สุดยอดมากครับ มีข่าวสารลับๆมาอีก ก็อย่าลืมติดไม้ติดมือมาให้อ่านบ้างนะครับ (แฟนคลับ) ขอบคุณ Shota มากๆเลยครับ ^^ วันนี้ก็หลับตาสบายหน่อย อิอิ เกี่ยวไรเนี่ย ฮ่าๆ
     
  12. sumitran21

    sumitran21 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +124
    Thank you....we are waiting for the wonderful future world!!!

    Please....hurry come and safe our Earth to stay forever....

    before she will be destroyed.....:cool:
     
  13. ZE US

    ZE US สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +1
    เอาเรื่องมนุษย์ต่างดาวมามั่วอีกแล้ว

    แต่งเรื่องได้น่าสนใจดี
     
  14. ZE US

    ZE US สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +1
    จานบินตกที่เกาะหงษ์-สงขลา-2005-ความล้มเหลาวของสื่อและระบบ-+-สงครามอวกาศเพื่อชาวโลก

    จานบินตกที่เกาะหงษ์-สงขลา-ปี2005-เหมือนข่าวลือ ข่าวโคมลอย แต่มันได้แสดงความชัดเจนออกมาว่า เป็นความล้มเหลาวของสื่อและระบบราชการไทย(จริงๆแล้วไม่ใช่เรื่องลึกลับ มีหลักฐานภาพถ่าย พยานบุคคลมากมาย)
    ---ครั้งแรกผมก็คิดว่า เป็นข่าวโคมลอม แต่ในเมืองไทยน้อยคนนักที่จะรู้ จนไปปรากฏเป็นข่าวโด่งดังที่อเมริกา และ อเมริกาเช่นกัน เป็นผู้ขนเอาทรัพยากรทางปัญญาที่เราสามรถจะตรวจวิเคราะห์ จำลองการทำงานได้
    ถ้าถามไปทางสื่อใหญ่ๆ---หน่วยงานทางความมั่นคงเกรงว่าประชาชนจะตกใจ เกิดความแตกตื่น รับไม่ได้กับข่าวนี่--สงสัยมันจะแย่งความเด่นจากรัฐบาล สรุปว่า สื่อก็ไม่ต่างอะไรกับสากกระเบืออันหนึ่งซึ่งรอเจ้านายมาใช้งาน ระบบราชการ รายงานจากลูกบ้านไปสู่มหาดไทย มหาดไทยก็ไม่รู้จะไปถามใคร เลยถามลูกพี่ ลูกพี่อเมริกัน ก็เลยขนเอาไปหมดเลย ทั้งซากศพต่างดาว2 ศพ และผู้หญิงชาวอเมริกัน 1 คนที่มีชีวิตอยู่จนปัจจุบันนี้
    [​IMG]
     
  15. ZE US

    ZE US สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +1
    [​IMG]

    ----------------ยานรบลำแม่ระบบทำลายล้างสูงของชาวเกรย์ ที่ยังไม่มาบุกโลกเพราะกลัวยานแม่ "เอเธนน่า" ของชาวอาร์คทอเรี่ยน
     
  16. ZE US

    ZE US สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +1
    --------------ยานรบตัวแม่ นาวี"เอมเปอเร่อร์"คลาส----ของชาวเกรย์-----
    --ซึ่ง ก็เตรียมรบกับกองกำลังแห่งกาแลกซี่ "แอชต้าร์ คอมมมานด์"-------
    สงครามเหล่านี้ ก็เพื่อช่วยชาวโลกโดยแท้จริง--ซึ่งการปิดทองหลังพระนี้
    ชาวโลกส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับรู้แต่อย่างใด แต่พวกเขาก็ยินดีเสียสละชีวิตกัน
    [​IMG]
     
  17. ZE US

    ZE US สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +1
    [​IMG]

    ---------ยานเอเธนน่า ซึ่งฝังวงจรไฟฟ้าไว้ในตัวยาน เมีเครื่องปฏิกรปรมาณู เป็นทั้งที่อยู่อาศัย- ที่เรียนรู้ และยานรบในตัว ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงมาก มีระบบพรางตัว ซึ่งจะไม่มีเครื่องมือใดตรวจจับได้เลย--ภาพจากเว็ปของชาวอาร์คทอเรี่ยน
     
  18. ZE US

    ZE US สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +1
    [​IMG]

    ---- ยานรบระดับชั้น WD (เหมือนเครื่องบินขับไล่)ของชาวอาร์คทอเรี่ยน
     
  19. ZE US

    ZE US สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +1
    พวกเจ้ามัวแต่หลุ่มหลงในกิเลส
    อยากครองโลก อยากทำสงครามเพื่อยึดครอง

    ขอบอกไว้เลยว่าถึงคราวที่ต้องกลับตัวกลับใจ
    เพราะข้าแต่จิตวิญญาณแห่งเทพชั้นสูงจะไม่อภัยให้พวกเจ้าอีกแล้ว
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2012
  20. ZE US

    ZE US สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +1
    เหล่านักรบแห่งแสงทั้งหลาย
    จงทิ้งความกลัวให้หมด
    จงมีแต่ความกล้าและความรักเพื่อกำจัดเหล่ามารให้สิ้น
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...