สงสัยเรื่องพระอรหันต์ ในพระปัจเจกพุทธะ

คือพอจะทราบอยู่บ้างว่าพระปัจเจกกะพุทธเจ้า ไม่สถาปนาพระพุทธศาสนา แต่อยากจะทราบว่า ถ้าโชคดีได้ฟังพระสัทธรรมที่พระปัจเจกพุทธเจ้า ตรัสรู้ ได้ตรงจริต จะมีโอกาสสําเร็จ โสดาบันหรือจนถึงอรหันต์ หรือไม่ อย่างไรครับ
ขอขอบคุณครับ

 

เท่าที่เคยอ่านมา รู้สึกว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่สามารถเทศน์ให้คนบรรลุมรรคผลได้ จึงไม่ตั้งพระศาสนาเหมือนกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่สามารถแนะนำให้ผู้อื่นออกปฏิบัติจนสำเร็จปัจเจกโพธิธรรมด้วยตนเองได้

 

ขอบคุณครับ คือผมเข้าใจว่า การที่พระปัจเจกพุทธะไม่สามารถสถาปนาพระศาสนาได้ และไม่สามารถสอนคนให้บรรลุธรรมได้เพราะขาดปาฎิหาริย์ 3

1. อิทธิปาฏิหาริย์ (ปาฏิหาริย์คือฤทธิ์, แสดงฤทธิ์ได้เป็นอัศจรรย์)
2. อาเทศนาปาฏิหาริย์ (ปาฏิหาริย์คือการทายใจ, รอบรู้กระบวนของจิตจนสามารถกำหนดอาการที่หมายเล็กน้อยแล้วบอกสภาพของจิต ความคิด อุปนิสัยได้ถูกต้อง เป็นอัศจรรย์)
3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ (ปาฏิหาริย์คืออนุศาสนี, คำสอนเป็นจริง สอนให้เห็นจริง นำไปปฏิบัติได้ผลสมจริง เป็นอัศจรรย์)

ทีแรกผมเข้าใจว่า เพราะพระปัจเจกพุทธะ ไม่ได้ปาฏิหาริย์ 3 คือไม่สามารถล่วงรู้ความรู้สึกตลอดถึงกระบวนการทางความคิดของผู้รับธรรมได้ ถ้าเช่นนั้นย่อมแสดงว่า ถึงพระปัจเจกพุทธจะมีปาฏิหาริย์ 3 และผู้รับธรรมมีบารมีมากก็ไม่สามารถสําเร็จได้ เป็นข้อตายตัว ว่าจะไม่มีการประกาศพระสัทธรรม และไม่มีสาวก

ขอบคุณครับ

 

พระปัจเจกพุทธเจ้าไม่ประกาศศาสนา สาเหตุเพราะไม่ได้สร้างบารมีเพื่อมาเป็นพระบรมครู คือไม่ได้สั่งสมบารมีด้านการสั่งสอนธรรมมามากพอ ท่านเน้นการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นของตนเอง ไม่มีอัธยาศัยในการสั่งสอนใครมากนัก
พระปัจเจกพุทธเจ้าล้วนแต่มีปาฏิหาริย์ 3 ในระดับหนึ่งแต่ไม่เท่ากับพระสัมมาสมัพุทธเจ้า พระปัจเจกมีอภิญญา 6 แต่ไม่มีทศพลญาณซึ่งเป็นญาณที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับสั่งสอนสัตว์โลกซึ่งมีเฉพาะพระพุทธเจ้าเท่านั้น ทศพลญาณมี 10 ประการดังนี้
๑. ทรงหยั่งรู้สิ่งที่เป็นไปได้ และ เป็นไปไม่ได้
๒. ทรงหยั่งรู้ผลแห่งการกระทำทั้ง อดีต ปัจจุบัน อนาคต
๓. ทรงหยั่งรู้ข้อ ปฏิบัติ ที่จะนำไปสู่คติทั้ง ปวง (คติ-ทางที่จะไปในอนาคต)
๔. ทรงหยั่งรู้สภาวของโลก อันประกอบด้วยธาตุต่างๆ
๕. ทรงหยั่งรู้ความโน้มเอียง และความถนัดแห่งบุคคล
๖. ทรงหยั่งรู้ความยิ่งและความหย่อน แห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย
๗. ทรงหยั่งรู้ความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว การออกแห่งญาณ สมาธิ และ สมาบัติ
๘. ทรงหยั่งรู้ชาติ ก่อนๆในอดีต
๙. ทรงหยั่งรู้จุติ และอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย
๑๐. ทรงหยั่งรู้ความสิ้นไป แห่งอาสวะทั้งหลาย
มีอุปมาว่าญานของพระอรหันต์สว่างเหมือนแสงดาว ของพระปัจเจกพุทธเจ้านั้นสว่างเหมือนแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ ส่วนญาณของพระพุทธเจ้านั้นเหมือนพระอาทิตย์ยามเที่ยง

 

มีโอกาสครับ มากด้วยนะครับ
ขึ้นอยู่กับบุญของผู้ฟังด้วยนะครับ ว่าจะได้ ระดับ ที่1..4 นะครับ
แม้แต่พระอรหันต์เทศน์เรายังสามารถได้ 1..3 เลยนะครับ (ขึ้นอยู่กับบุญของเราด้วย)
พระปัจเจก ท่านมีความสามารถรองจากพระพุทธเจ้า แต่มากกว่าพระอัครสาวกทั้ง 2 (ซ้ายขวา)
แต่ท่านไม่ประกาศศาสนานะครับ ( ปัจเจก = เฉพาะ )

 

พระปัจเจกกะพุทธเจ้า จัดว่าเป็นพระพุทธเจ้าประเภทหนึ่งเหมือนกัน แต่ไม่ตามสอนใคร แต่ถ้ามีใครมาให้สอนท่านก็สอน ให้บรรลุอรหันต์ได้มีมากมาย

 

โมทนาธรรม
(แม้ใจเป็นของจิตแต่ใจยังคงคิดมากว่าจิตที่สงบเย็น)

 

ขอโอกาสนะครับ
คือ พอบอกว่า ท่านสอนไม่ได้ มนุษย์บางพวกก็จะ มีทิฐิว่า ท่านมีปัญญาน้อย มีกำลังน้อย ไม่เทียบเท่าพระอรหันต์ สาวกของพระทศพล พระอครสาวกบางท่านจำแนกธรรม ได้ซับซ้อน บางท่านสอนให้ คนรู้ตามได้ มาก

คือ ผม ว่า เนื่องจาก ต่างกรรม ต่างวาระ พระปัจเจกพุทธเจ้า ก็มิได้ มีพระองค์เดียว ใน วิสัยแห่งปัจเจกเองก็มีความหลากหลายแล้วแต่ จริต แล้วแต่ ว่ามีเมตตามากน้อย
บางครั้งท่านก็ ไม่ สอนเพราะเล็งเห็นว่า มนุษย์นี้จะได้เป็นหน่อ เป็นเนื้อ เชื้อไข ของบรมพุทธ หรือเป็นสาวก ของพระพุทธเจ้า พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง ในอนาคตอันใกล้ หรือ จะมีปัญญาตรัสรู้เองเป็นปัจเจกพุทธ หรือไม่ก็เห็นว่ามนุษย์ผู้นี้ ไม่มีปัญญา ไม่อาจรู้ตามที่ท่านสอนได้ได้ เลยไม่สอน จึงสอน เขาเหล่านั้นสอนแค่ ธรรมะ เบื้องต้นคือ ทาน ศีล หรือแนะนำ ชี้แนะให้อยู่ในครรลอง บางท่านก็มีจริตว่า ตนแลย่อมเป็นที่พึ่งเเห่งตน จึงไม่สอน
บางท่านอาจสอน ธรรมะอันสูงส่งด้วยว่าเมตตาและมีกรรมด้วยกันในอดีต แต่เนื่องจากผูที่ท่านโปรดนั้นบารมีไม่ถึง หรือเพราะมีกรรมตัดรอน ชักนำให้มีเหตุจิตไม่รวมบ้าง เพราะเหตุอื่นๆทำให้ไม่เข้าใจธรรมบ้าง จึงไม่อาจตรัสรู้ตามได้ ก็ย่อมมีได้เช่นกัน


โดย สรุป ท่านผู้กังขาเอง ก็ไม่พึงสงสัย ไม่ว่าด้วยฐานะใดๆ พระปัจเจกพุทธเจ้า ย่อม ไม่อาจสอนให้ผู้ใด เข้าใจในธรรมอันสูงส่งได้ คือไม่ สอนให้รู้ตามถึงนิพานได้ แม้จะปราถนาหรือมีแม้จะมีกำลังมากกว่าพระอรหันต์(ซึ่งโดย ส่วนมาก ท่านผู้ทรงคุณนั้นทั้งหลายเหล่านั้นก็พึงรู้ตน ด้วย วิสัย กำลัง และธรรมเนียมเเห่งปัจเจกพุทธเจ้าจึงไม่ได้ตรัสสอน)
เพราะ ต่างกรรม และต่างวาระ ต่างกาละ และ ต่างเทศะ ต่างเห ต่างปัจจัย
แต่ ถ้ากล่าวถึงคุณแห่งพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วไซ้ ในสมัยที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้บังเกิดขึ้น ย่อมไม่มีผู้ใดเลย ที่จะเทียบเท่าคุณเเห่งพระปัจเจกพุทธเจ้าได้
อนุโมทนาครับ

 

ปิติยิ่งนักที่ได้ยินคำอุปมาเช่นนี้ แสงหิ่งห้อยหรือจะสู้แสงตะวัน ^^ อนุโมทนาครัย

 

พระสาธุ พระสาธุ พระสาธุ