วันสุดท้ายของปฏิทินของชาวมายา

วันสุดท้ายของปฏิทินของชาวมายา
เห็นถามกันมามากเกี่ยวกับวันสุดท้ายของปฏิทินของชาวมายา วันนี้ถือโอกาสที่ว่างพอได้มานั่งจิบกาแฟอยู่หน้าคอม เขียนอะไรเล็กๆน้อยๆให้อ่านแก้เซ็งละกันนะครับ
เริ่มต้นกันที่อารยธรรมมายากันเลยดีไหม? ในเว็บผมก็รู้สึกจะมีนะ ลองอ่านกันดูได้ที่ http://www.thai.net/myth/maya_1.htm

ว่ากันที่ตัวปฏิทินก่อนว่าทำไมมันจึงสำคัญและมีคนสนใจมันมากนัก...

ชาวมายา ผู้อาศัยอยู่ในดินแดนยูคาทาน ในเม็กซิโกและกัวเตมาลาในราวศตวรรษที่ 3-16 ก่อนคริสตกาล นับเป็นอีกชนชาติหนึ่งที่มีความก้าวหน้าล้ำยุคจนนักวิชาการต่างๆ พากันส่ายหน้าปวดหัวด้วยความแปลกใจเป็นอันมาก กล่าวคือ ชาวมายามีความเป็นเลิศทางด้านการคำนวณและดาราศาสตร์ สิ่งที่ชาวมายาคิดค้นได้ก็คือ ปฏิทินและการคำนวณบางประการที่ไม่น่าเชื่อว่า ชนเผ่าโบราณอันลึกลับนี้ จะสามารถทำได้ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์สมัยใหม่อย่าพวกเราเข้าไปช่วยแม้แต่น้อย ปฏิทินของชาวมายาใช้ในระยะวงโคจร 5000 ปี (สงสัยไหมครับว่าทำไมถึงนานขนาดนั้น) และวงโคจรที่ใกล้กับปัจจุบันมากที่สุด จะจบลงในวันที่ 24 ธันวาคม ปี พ.ศ. 2554 (ซึ่งตามความเชื่อของชาวมายาก็คือ พระเจ้า ของพวกเขาจะเสด็จกลับลงมายังโลกนี้อีกครั้ง

ก่อนพูดถึงเรื่องอื่นต่อไป ผมอยากให้ทุกคนทำความเข้าใจกับระบบตัวเลขและแนวคิดของชาวมายากันนิดนึงก่อน เริ่มกันที่เลข 20 อันเป็นเลขที่ชาวมายาเค้าถือกันว่าเป็นเลขศักดิ์สิทธิ์ คนโบราณพวกนี้มีแนวคิดทางตัวเลขที่น่าสนใจมากครับ กล่าวคือ มนุษย์ในปัจจุบันนิยมใช้เลขฐานสิบเป็นหลัก โดยยืนพื้นอยู่บนนิ้วมือทั้งสิบ แต่ชาวมายากลับแตกต่างกันไปเพราะพวกเขารวมนิ้วเท้าอีกสิบเข้าไปด้วยเป็นเลขฐาน 20 พอดิบพอดี

ลองมาดูสัญลักษณ์ของชาวมายาที่นับจาก 0-20 กันดีไหมครับ? เลขศูนย์ถูกแทนด้วยสัญลักษณ์วงกลม เลขหนึ่งด้วยหนึ่งจุด เลขสองแทนด้วยจุดตามแนวนอน เลขสามด้วยจุดสามจุด เลขห้าแทนด้วยเส้นแนวขวาง เลขหกแทนด้วยจุดหนึ่งจุดเหนือเส้นแนวขวางและเป็นแบบนั้นไปตามลำดับ เลขสิบเก้าแทนด้วยจุดสี่เหลี่ยมเหนือเส้นแนวขวางสามเส้นที่ซ้อนกันขึ้นไป เลขยี่สิบแทนด้วยสัญลักษณ์คล้ายวงกลมที่มีจุดจุดหนึ่งอยู่ด้านบน ดังภาพ

อ้อ... ความสัมพันธ์อีกประการของปฏิทินของชาวมายาก็คือ หนึ่งอุยนัลหรือเดือนของพวกเขามีอยู่ 20 คิน หรือ 20 วันครับ

อาณาจักรมายาเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่มาแต่ครั้งโบราณ ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ประเทศกัวเตมาลา ครั้งหนึ่งอาณาจักรนี้เคยคึกคักรุ่งเรืองเป็นที่สุด เมืองใหญ่ๆเช่น ติกัลหรือพาเลงกอมีประชากรร่วมแสน เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้เรื่องคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ และเป็นเมืองที่มีอิทธิพลทางการค้าเป็นอย่างมาก แต่ด้วยเหตุผลกลใดหาใครทราบ เมืองยุคแรกของชาวมายาเช่นติกัลก็ได้เริ่มเสื่อมสลายทีละน้อยในช่วง ค.ศ. 200-900

นักโบราณคดีรู้สึกประหลาดใจมากกับหลักฐานที่ว่า ด้วยเหตุผลบางประการชาวมายาได้ละทิ้งเมืองอันรุ่งเรืองของพวกเขาในช่วงเวลานั้น หยุดชะงักอารยธรรมที่กำลังเติบโตทั้งหลายทั้งมวลคล้ายๆกับว่าจู่ๆพวกเขาหมดกำลังใจในชีวิตกันไปแล้ว

บางคนอาจนึกถึงการเข้ามาของชาวยุโรปว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้อารยธรรมมายาล่มสลายไป มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะซีครับ เพราะชาวยุโรปเข้ามายังโลกใหม่เมื่อราวๆศตวรรษที่ 17 ตอนนั้นอารยธรรมมายาเสื่อมสลายลงเกือบหมดแล้วเหลือเพียงชนพื้นเมืองกลุ่มเล็กๆ กระจัดกระจายอยู่ทั่วคาบสมุทรยูคาทานกับเม็กซิโกตอนใต้เท่านั้น มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ชาวมายาหยุดความก้าวหน้าทางอารยธรรมลง เหมือนชนชาติที่เสียแรงกระตุ้น เพราะจู่ๆพวกเขาก็หยุดชะงักเอาเฉยๆหลังจากรุ่งเรืองด้วยอารยธรรมอันน่าพิศวงสุดขีดมาหลายศตวรรษ

อะไรที่ทำให้พวกเขาเป็นแบบนั้นครับ?

เนื่องจากเป็นเคสที่น่าสนใจจึงมีทฤษฎีว่าด้วยการล่มสลายของอารยธรรมมายาขึ้นมาเพียบ นักวิชาการบางคนเชื่อว่าเกิดจากการที่ทาสกับประชาชนลุกขึ้นมาโค่นล้มชนชั้นปกครองผู้เผด็จการ แต่ไม่น่าเป็นไปได้ครับ เพราะอารยธรรมที่รุ่งเรืองขนาดนั้น สังคมที่แข็งแกร่งขนาดนั้นไม่น่าจะมาพังพาบง่ายๆกับอีเรื่องไม่เป็นเรื่องแค่นี้ แถมไม่มีหลักฐานอะไรชี้ชัดเอาเสียเลยว่ามีการแข็งข้อแข็งเมืองเกิดขึ้นในนครรัฐของชาวมายา

การจะเข้าใจอารยธรรมมายาได้อย่างถ่องแถ้นั้นเราต้องเอาใจเราเข้าไปจับใจของชาวมายาเสียก่อนครับ เลิกคิดแบบมนุษย์ปัจจุบัน เลิกยึดติดกับความรุ่งเรืองทางวัตถุแบบอารยธรรมตะวันตก ในสายตาของมนุษย์สมัยใหม่ชาวมายาไม่ได้ต่างอะไรไปเลยจากมนุษย์ถ้ำสมัยหิน ไม่มีอะไรมากไปกว่าการสร้างปิระมิดด้วยศิลาอย่างไร้เหตุผล ไม่มีเทคโนโลยีด้านสกัดแร่หรือถลุงโลหะ ไม่มีอาวุธมากกว่ามีดและหอก นักวิชาการหลายคนมองชาวมายาเป็นอัจฉริยะผู้ไร้สติ คือทั้งๆที่พวกเขาเชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ และสถาปัตยกรรมอันไร้เทียมทาน แต่กลับไม่ได้นำมาสร้างสรรค์หรือแผ่ขยายอารยธรรมแต่ประการใดเลย นักวิชาการไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมอารยธรรมที่ฟันฝ่าอุปสรรคมาจนรุ่งเรืองได้ขนาดนั้นจู่ๆกลับเสื่อมสลายลง อัจฉริยะทางดาราศาสตร์และคณิตศาสตร์ชาวมายาหายหัวไปไหนหมด พวกเขาส่งผ่านมรดกอะไรให้แก่ชนรุ่นหลังบ้าง ทำไมจึงทิ้งเมืองใหญ่อันโอฬารอย่าง ติกัล อักซมัล พาเลงกอ และชิตเซนอิซาเอาไว้ หลงเหลือแต่เพียงซากปรักหักพังอยู่กลางป่าดงดิบในกัวเตมาลา แล้วก็วาดภาพแกะสลัก ทำเส้นสายด้วยรหัสภาษาที่ไม่มีใครอ่านออกเอาไว้ ทิ้งให้นักโบราณคดีรุ่นหลังตีอกชกหัวกุมขมับปิ้มจะบ้า

ทำไมครับ ทำไม...
------------------------------------------------------------
ขอบคุณ คุณโซนิคนักวิ่งสายฟ้า แห่งเว็บไซต์
http://members.thai.net/myth/hunab-ku/hunab-ku1.html -->

 

เอาภาพตัวเลขของชาวมายามาให้ชมกันครับ
บางทีวันสุดท้ายในปฏิทินของชาวมายาอาจเป็นแค่วันทำปฏิทินใหม่ก็ได้นะครับ
เพราะความผิดพลาดของเวลาเริ่มมีมากขึ้นเกินกว่าที่สามารถจะยอมรับได้
ส่วนสาเหตุที่ว่าเหตุใดอัจฉริยะทางดาราศาสตร์และคณิตศาสตร์ชาวมายาพากันหายไปหมด
ผมเข้าใจว่าความรู้เหล่านี้จะสืบทอดเฉพาะในกลุ่มคนที่เป็นหัวหน้าเผ่าหรือหมอผีเท่านั้น
เพื่อคงอำนาจให้สืบทอดแต่วงใน เมื่อการโค่นล้มอำนาจประสบความสำเร็จ
ความรู้บางส่วนถูกทำลายไป ผู้คนพากันปฏิเสธิเพราะถือว่าเป็นความรู้ของปิศาจ
เมื่อไม่มีผู้เชียวชาญมาถ่ายทอด ที่เหลือจึงสูญหายไปตามเวลา

 

มันเป็นเรื่องที่แปลกดีอีกเรื่องหนึ่งนะครับ ผมว่าการที่อยู่ๆ อารยธรรมของชาวมายานั้นหายไป หรือว่าไม่มีการถ่ายทอดมาไห้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และรับทราบนั้นผมว่า พวกเค้าน่าจะมีเหตุผลนะครับ

อย่างเหตุผลของผมนั้นถ้าไห้ผมลองมองว่าพวกชาวมายาเป็นพวกที่ฉลาดแล้วสามารถ ที่จะทำนายสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้นั้น ทำไมเค้าถึงละทิ้งอารยธรรมของเขาเสียเล่า? ทำไมถึงไมไม่เผยแผ่ไห้กับคนรุ่นหลังล่ะ? เหตุผลของผมอาจจะฟังดูแปลกๆ นะครับ ก็ลองๆฟังดู

คือเมื่อชาวมายาสามารถที่จะทำนายสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้พวกเขาอาจจะเห็นว่าการมีอยู่ของพวกเขาหรือการที่อารยธรรมของพวกเขาจะมีต่อไปนั้นอาจจะเกิดภัยพิบัติขึ้นก็ได้ ถ้าลองๆมองในแง่มุมนี้ ชาวมายาอาจจะอยากปกป้องโลกของเราไห้สงบสุขก็ได้ ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมถึงกลัวเรื่องแบบนี้ หรือกลัวทำไม อันนี้ผมตอบไม่ได้ครับ... คงต้องลองไปคิดกันเอาเอง

เรื่องนี้คงจะโต้เถียงกันไม่รู้จบแน่ครับ...สุดท้ายนี้ผมขอทราบเรื่องวันสุดท้ายของปฎิทินอีกหน่อยนะครับ โดยเฉพาะช่วงเดือนธันวาที่ว่าน่ะครับ.. วันที่24 ธันวาคม 2554 น่ะครับ มันจะมีอะไรเกิดขึ้นครับ? จะเป็นแบบที่ออกข่าวหรือเปล่าครับ แบบที่ว่าวันสิ้นโลกอะไรนี่น่ะครับ ช่วยบอกหน่อยนะครับ

 

ศูนย์รวมแห่งสรรพศาสตร์ทั้งหมดของชาวมายา อยู่ที่บุคคลเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่มีการถ่ายทอดศาสตร์ทั้งหมดนี้ให้กับผู้ใด ส่วนชนชาวมายาเหล่านั้นคือผู้ที่ใช้เพียงแรงงานในการกระทำตามคำบัญชาหรือคำสั่งของบุคคลนั้น เพียงเท่านั้นไม่ได้ใช้สมอง ใช้แต่เพียงแรงกายอย่างเดียว

อยู่มาไม่นานบุคคลหนึ่งที่สำคัญมาก ก็ได้ดับขันธ์ตามอายุขัย ซึ่งเป็นไปตามกฏที่เรารู้ดีว่า ใดๆ ย่อมมีเกิดขึ้น ตั้งคงอยู่ และดับไป และแล้วความลับรวมทั้งสรรพศาสตร์ต่างๆ ก็สูญหายไป ในเวลานั้นเอง...

 

เป็นไปได้มั้ยว่าบุคคลที่นำวิทยาการมาเผยแพร่แก่พวกเขานั้นไม่ใช่มนุษย์บนโลก เพราะอารยธรรมที่ถือกำเนิดขึ้นมาสามารถอยู่ได้ถึงหลายร้อยปีก่อนจะดับสูญไปด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง

 

วันสุดท้ายที่ว่านั้นก็คือวันที่ มนุษย์ต่างดาวจะลงมายังโลกนี้นั่นเอง

อเมริการู้ว่าจะมาตั้งแต่ปี 1950 พอใกล้ 2012

ก็จัดการแต่งเรื่องโลกแตกซะ

 

อีกเรื่องหนึ่งก็คือว่า

ลองสังเกตุดู แผ่นดินไหวทุกครั้ง เวลาที่มีภัยพิบัติใหญ่ๆ โลกจะหมุนผิดปกติ เร็วขึ้น ช้าลง
ก็แล้วแต่ มันทำให้เวลาในหนึ่งวัน หมุนไม่เท่าเดิม

ผมคิดว่า หลังจากนี้อาจจะมีแผ่นดินไหวใหญ่ ทำให้โลกหมุน ช้าลงหรือเร็วขึ้น
อาจจะ 22 ชม. หรือ 27 ชม.ต่อวัน
ดังนั้น ในปีหนึ่งๆ จำนวนวันจะไม่เท่าเดิม

การที่ปฏิทินมายา สิ้นสุดลงในวันนั้น
อาจจะมีผลมาจากว่า ไม่อาจจะนับวันในระบบเก่าคือ 24 ชม.ได้อีกต่อไป

หลังจากนั้นต้องสร้างระบบของเวลาใหม่ ในหนึ่งวัน ก็เลยต้องเปลี่ยนปฏิทินใหม่

แต่ผมเห็นด้วยนะครับว่า จานบินจะกลับมา คือพระเจ้าจากอวกาศจะกลับมาอีกครั้ง

 

ถามจริงๆนะครับ ชาวมายา เคานับถือศาสนาคริสหรอครับ
ไอ้ปี2012 ของ มายา แล้วเอามามั่ว เป็น ค.ศ.2012

 

มายา แค่ชื่อก็รู้แล้ว ว่า มายา ขนาดไหน

 

วันปีใหม่ของโลกน่ะครับอย่าตกใจไปเลย ผมว่าเราเตรียมฉลองวันครบรอบโลกและบริวารหมุนมาบรรจบกันทำมุม 360 องศาดีกว่าครับดีกว่าครับ