วิธีฝึกสมาธิในฝัน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ThesLong, 13 มิถุนายน 2007.

  1. ThesLong

    ThesLong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +827
    ก่อนที่ผมจะเล่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ว่าวิธีฝึกแบบนี่มีจริงหรือปล่าว จะเล่าจากข้อมูลที่ผมได้เจอและจากการที่ได้เจอกับตัวเอง ถ้าจะถามว่าฝึกในฝันกับฝันธรรดา แบบนั่งสมาธิ มันจะต่างกันตรงไหน ต่างกันตรงที่ เรานั่งสมาธิฝึกเพื่ออะไร จิต นั้นเอง และอื่นๆๆ แต่บางคนก็ฝึกเพื่อจะได้ ฌาน 4 (เพื่อจะได้ไปฝึกกสิน) แล้วข้อมูลของ ฌาน 4 1. จะไม่ปรากฏลมหายใจเหมือนสภาพฌานอื่นๆ เพราะลมละเอียดจนไม่ปรากฏว่ามี
    ลมหายใจ ในวิสุทธิมรรคท่านว่าลมหายใจไม่มีเลย แต่บางอาจารย์ท่านว่า ลมหายใจนั้นมี
    แต่ลมหายใจละเอียดจนไม่มีความรู้สึกว่าหายใจ ตามนัยวิสุทธิมรรคท่านกล่าวถึงคนที่ไม่มี
    ลมหายใจไว้ 4 จำพวกด้วยกัน คือ 1. คนตาย 2. คนดำน้ำ 3. เด็กในครรภ์มารดา
    4.ท่านที่เข้าฌาน 4รวมความว่า ข้อสังเกตที่สังเกตได้ชัดเจนในฌาน 4 ที่เข้าถึงก็คือ
    ไม่ปรากฏว่ามีลมหายใจการที่ฌาน 4 เมื่อเข้าถึงแล้ว และขณะที่ทรงอยู่ในระดับของฌาน 4
    ไม่ปรากฏว่ามีลมหายใจนี้เป็นความจริง มีนักปฏิบัติหลายท่านที่พบเข้าแบบนี้ถึงกับร้องเอะอะโวยวาย
    บอกว่าไม่เอาแล้ว เพราะเกรงว่าจะตายเพราะไม่มีลมหายใจ บางรายที่อารมณ์สติสมบูรณ์หน่อย
    ก็ถึงกับค้นคว้าควานหาลมหายใจ เมื่ออารมณ์จิตตกลงระดับต่ำกว่าฌานที่ 4 ในที่สุดก็พบลมหายใจ
    ที่ปรากฏอยู่กับปลายจมูกนั่นเอง
    2. อารมณ์จิตเมื่อเข้าสู่ระดับฌาน 4 จะมีอารมณ์สงัดเงียบจากอารมณ์ภายนอกจริง ๆ
    ดับเสียง คือ ไม่ได้ยินเสียง ดับสุข ดับทุกข์ทางกายเสียจนหมดสิ้น มีอารมณ์โพลงสว่างไสวเกินกว่า
    ฌานอื่นใด มีอารมณ์สงัดเงียบ ไม่เกี่ยวข้องด้วยร่างกายเลย กายจะสุข จะทุกข์ มดจะกิน ริ้นจะกัด
    อันตรายใดๆ จะเกิด จิตในระหว่างตั้งอยู่สมาธิที่มีกำลังระดับฌาน 4 จะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น เพราะฌานนี้
    กายกับจิตแยกกันเด็ดขาดจริงๆ ไม่สนใจข้องแวะกันเลย ดังจะเห็นในเรื่องของลมหายใจ ความจริง
    ร่างกายนี้จำเป็นมากในเรื่องหายใจ เพราะลมหายใจเป็นพลังสำคัญของร่างกาย พลังอื่นใดหมดไป
    แต่อัสสาสะ ปัสสาสะ คือลมหายใจยังปรากฏ ที่เรียกกันตามภาษาธรรมว่า ผัสสาหารยังมีอยู่ ร่างกายก็ยัง
    ไม่สลายตัว ถ้าลมหายใจที่เรียกว่าผัสสาหารหยุดเมื่อไร เมื่อนั้นก็ถึงอวสานของการทรงอยู่ของร่างกาย
    ฉะนั้น ผลการปฏิบัติที่เข้าถึงระดับฌาน 4 จึงจัดว่าลมหายใจยังคงมีตามปกติ ที่ไม่รู้ว่าหายใจก็เพราะ
    ว่าจิตแยกออกจากกายอย่างเด็ดขาดโดยไม่รับรู้อาการของร่างกายเลย (กว่าจิตจะแยกออกจากกาย ไม่รู้จะฝึกอีกกี่ปีจะได้ - - ) แต่เวลาฝึกในฝัน จะเหลืออยู่คือ สติ กับ จิต เพราะร่างกายหลับแต่ สมองไม่หลับ ยังคงทำงานต่อ จะมีพลังสมองส่วนหนึ่งที่ควบคุมความฝันเรียกว่าคลื่อนอัลฟ่า ที่นิ่งและราบเรียบ ผมเลยคิดว่าใน ฝันน่าจะฝึกง่ายกว่า เพราะมันเหลือแต่ สติกับจิต และจะไม่รู้ความรู้สึกของร่ายกาย เท่ากับว่า สติกับร่างกายเราแยกกันเรียบร้อยแล้ว
    มีต่ออีกครับ แต่วันนี่พอแค่นี่ก่อนดีกว่า จะรอดูว่าความคิดของผมมันผิดหรือปล่าว ถ้าเพือนๆๆคิดว่าความคิดของผมผิด ก็ช่วยบอกหน่อยละกันนะ จะได้ไม่โพสต่อ (พอดีไม่อยากอวดความโง่ของตัวเองครับ)
     
  2. จักรราศี

    จักรราศี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,086


    พอดีมีข้อสงสัยน่ะคับ ผู้รู้ช่วยตอบทีคับ + ขอแสดงความคิดเห็น ผิดถูกก็ชี้แนะได้นะคับ ไม่ว่ากัน
    ฝันแบบมีสติมีด้วยเหรอคับ? การฝันน่าจะไม่มีสตินะคับ ส่วนการมีสติก็คงไม่ใช่การฝัน แต่เป็นการไปเจอมาจริงๆ แต่อาจไม่รู้เอง เช่นฝันว่าไปสวรรค์ ก็อาจไปจริงๆ ไม่ได้ฝัน แต่คิดว่าตัวเองฝัน แต่บางคนก็ฝันจริงๆ อันนี้ต้องให้คนมีญาณ ตรวจทานให้คับ ว่าฝันหรือจริง
    /จากข้อความอ้างอิง ที่ผมทำสีแดงไว้ คือ
    ถ้า ฌาณ 4 = จิตแยกออกจากาย แต่ สติ กับ จิต ก็ยังมีอยู่ใช่ไหมคับ
    การหลับ = ร่างกายหลับ แต่สมองไม่หลับ ผมว่าอันนี้ เป็นวิทยาศาสตร์อยู่แล้วนะคับ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนที่ฝึก ใครๆก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้วคับ ส่วนที่บอกว่า " ในฝันน่าจะฝึกง่ายกว่า เพราะมันเหลือแต่สติกับจิตและจะไม่รู้ความรู้สึกของร่างกายเท่ากับว่าสติกับร่างกายเราแยกกันเรียบร้อยแล้ว " ถ้าฝึกตอนหลับแล้วแยกได้จริง แล้วไปท่องเที่ยวตามภพภูมิได้ไหมล่ะคับ เห็นตัวเองแยกจากกายไหม หรือว่าไม่เห็น
    น่าจะลองเช็คตัวเองดูใหม่นะคับ ว่า ถ้าสามารถมีสติขณะหลับได้ ผมว่าเรื่อง ฌาณ 4 ก็ไม่น่าจะยากสำหรับคุณนะคับ

    *****เพราะเคยได้ยินแต่ว่า ทำสมาธิในท่านอนแล้วก็หลับไปเลย จะเหมือนอยู่ในฌาณ แต่การหลับไปก่อน แล้วมามีสติทีหลังแถมฝันอีกต่างหาก มันจะมีสติทีหลังได้เหรอคับ เพราะถ้ามีสติในขณะที่หลับเป็นฌาณก็คงไม่ฝัน เอ๊ะ งงไหมเนี่ย 5555
     
  3. ThesLong

    ThesLong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +827
    งั้นลองมาอ่านตอนได้ฝึกจริง ก่อนที่จะบังคับฝันได้นั้นมันก็ยากมาก เพราะต้องมีสติตลอดเวลา เพราะถ้าเราฝัน เราก็ต้องแยกแยะให้ออกว่าอันไหนจริงอันไหนฝัน ส่วนมากคนที่ไม่มีสติที่แน่วแน่ ก็จะปล่อยให้ฝันบังคับ เวลาคุณฝันก็จะบังคับตัวเองไม่ได้ ขนาดมันเริ่มต้นยังไงก็ไม่รู้ ได้แต่คิดไปตามฝัน เวลาในฝัน คุณโดนทำร้าย คุณก็จะรู้สึกเจ็บไปตามนั้น เพราะจิตคุณมันไม่เข้มแข็ง แต่ถ้าคุณมีสติตลอดเวลา คุณจะเริ่มสงสัยทันที่ เมื่อคุณฝัน เพราะสติมันเริ่มรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง ถ้ารู้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง คุณลองมองดูตัวเอง ลายมือตัวเอง ให้เจอ ถ้าเจอแล้วแยกว่ามองเห็นตัวเองมั้ย มีลายมือมั้ยหรือกระโดดจากที่สูง ถ้ากระโดดแล้ว รู้สึกไม่กลัวไม่เจ็บ สติ คุณก็เริ่มจะรู้แล้วก็จะแยกออกจากควาฝัน คุณก็จะบังคับฝันได้ดั่งใจนึก ตอนนั้นคุณก็มีความคิด ไม่โดนฝันบังคับคุณ เมื่อจิต รู้ ก็จะไม่เกิดความกลัว โดนทำร้าย ก็ไม่รู้สึกเจ็บ เพราะจิต มันได้แยกแยะออกแล้ว กว่าจะบังคับได้นั้นก็ยากเหมือนกัน แต่ถ้าบังคับได้ครั้งแรก ครั้งต่อไปก็ง่าย เพราะสติ คุณเริ่มจะรู้ตัวตลอดเวลา แล้วพอเราบังคับฝันได้ คุณลองทำตัวเองในฝันให้นั่งสมาธิแล้ว สิ่งที่ผมเจอกับตัวเองก็คือ เหมือนกับว่าเวลาเราเริ่มฝึก ภาพในฝันจะหายไปหมด ลืมแต่ความมืด เหมือนกับว่ากำลังหลับตา แล้วสติ จะรู้ตัวว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วปล่อยความคิดนั้นไปซะ คุณก็จะพบกับความว่างปล่าว สึกมันต่างจากที่คุณฝึก คือมันไร้ทุกอย่าง แต่สติยังรู้อยู่ว่านี่คือความว่างปล่าว แล้วคุณกลับไปอ่าน ฌาน 4 อีกรอบครับเพื่อจะได้เข้าใจ
    ต่อละกันครับ หลังจากฝึกในฝันแล้ว มาฝึกแบบของจริง มันจะมีอะไรเกิดขึ้นพอคุณฝึกในฝันได้ แล้วลองมาฝึกแบบของจริง คุณนั่งได้10-20 นาที สติคุณก็จะเริ่มแยกแยะ ให้ตัวคุณออกจากกาย เพราะในฝันนั้นฝึกแต่ให้รู้สึกถึงสติ ไม่ได้ให้รู้สึกถึงร่างกาย อาการที่เป็นนี่จะคล้ายๆๆ กับผีอำแต่ไม่ใช่ผีอำ คือคุณจะบังคับร่างกายไม่ได้ เหมือนกับว่าคุณรู้สึกแต่สติ แต่ร่างกายคุณโดนตัดออกจากกัน ไม่สามารถที่จะบังคับได้เลย เหมือนกับว่าคุณไม่มีตัวตน แต่คุณรู้ตลอดเวลา แล้วคุณก็อย่าไปสนใจ ว่าร่างกายมันเป็นอะไร สนแต่สมาธิก็พอ พอคุณเริ่มทำสมาธิก็จะพบกับความว่างปล่าวเหมือนในฝันอีกนั้นแหละ แต่หลังๆๆผมเริ่มจะกลัว ผมเคยทำแล้วคิดไปนอกเรื่องสาวๆๆ คิดไปได้สักพักก็มีคนใส่เสื้อสีขาวมาบอกว่า อย่าคิดเรื่องพวกนี่เด็ดขาด ผมก็ขยับไม่ได้ แต่คนชุดขาวนั้นก็ยังจ้องมองผมเหมือนเดิม แล้วก็ตอนผมฝึกกลางวันก็ยังเจออีก เคยเล่าไปแล้วครั้งหนึ่ง
    แค่นี่พอก่อนละกันครับ ใครทำได้ถึงจะรู้ แต่ถ้าใครทำได้นานแล้วก็มาโพสบอกกันหน่อยนะครับ
     
  4. jake009

    jake009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +285
    งง ไม่มีความเห็น เขียนไปยิ่งงง สรุป ประคองสติตอนฝันจนกว่าจะหลับ พอหลับแล้วจะไม่ฝัน หรือฝันแต่จำไม่ได้จบ อีกอย่าง ถ้าฝันจำได้จะเป็นจริงตามฝันนั้น นี่คือแนวทางของความฝันของผม
     
  5. ศิษกวนอู

    ศิษกวนอู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +220
    เหอะๆ อาการอย่างนี้เค้าเรียกจิตรู้ตัวตลอกเวลาไม่ไช่เหรอ นั่งสมาธิในฝัน... จะไปนั่งมันทำไมครับ ถ้าพูดว่าฝันก็แสดงว่าจิตของเราอ่อนแล้วตอนนั้น ไร้การควบคุมสติจะสังเกตุได้จากเวลาฝันนั้นเราแถบจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าฝัน ตื่นขึ้นมาบางทีก็จำไม่ได้บางทีก็จำได้ ไอ้ที่จำได้นั่นก็เพราะว่าตอนนั้นจิตเรามันรู้ตัวขึ้นมาหน่อยหนึ่ง แต่ว่าไม่หมด เพราะถ้าจิตเรารู้ตัวหมด เราจะออกจากฝันทันทีครับ

    และเมื่อเราออกจากฝันเมื่อไหร่ จะเหลือแต่ความว่างเปล่า แล้วคราวนี้เราจะพลิกจะคว่ำ จะนอนท่าไหนก็รู้ตัวหมดครับ อันนั้นเค้าเรียกมีสติรู้ตลอดเวลา ถ้าคุณถึงขั้นที่ฝันแล้วรู้ตัวแล้วทำสมาธิในฝันได้นั้น ผมว่าคุณลองมากำหนดจิตของคุณไห้รู้ตัวตลอดเวลาดีกว่าครับ จะนอนก็รู้ จะตื่นก็รู้ นอนอยู่ก็รู้ นั่นล่ะครับดี.......
     

แชร์หน้านี้

Loading...