ความรู้สึกหลังอ่าน ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์

ความรู้สึกหลังอ่าน ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์ 19/5/55

ก็ไม่รู้จะเขียนยังไงดี รู้สึกยังไงก็เขียนไปอย่างงั้นก็แล้วกันนะครับ ผมใช้เวลาอ่านตั้งแต่เดือนที่แล้วจนถึงเดือนนี้ อ่านจบวันนี้เอง เป็นอย่างที่ผมเคยคิดจริง ๆ ทางสายกลาง หรือ ความที่อยู่ตรงกลางเนี่ยแหละ เป็นเรื่องที่ยากที่สุดแล้ว เพราะการอยู่ตรงกลางคือเรื่องปฏิจจสมุปบาทนั่นเอง พระพุทธเจ้าทรงสอนไม่ให้ยึดติดกับคำว่า มี หรือ ไม่มี แต่ทรงสอนให้รู้จุก อะไรเป็นเหตุ และอะไรเป็นผล เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนพระพุทธเจ้าตรัสรู้ จึงทรงคิดที่จะไม่สอนใคร มันยากอย่างงี้นี่เอง

ผมกล้าพูดได้ว่านี่คือเรื่องที่ยากที่สุดที่พระศาสดาเราได้ทรงสอนเอาไว้ (แม้ผมจะไม่ได้ไอ่านอีก 2 เล่มก็ตาม) ผมอ่านจบแล้ว ก็รู้สึกโล่งใจ สบายใจ รู้สึกว่าง ๆ ยังไงก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน

ผมเพิ่งรู้ความหมายที่แตกต่างระหว่างภาษาคนและภาษธรรม ก็จากเล่มนี้นี่เอง ความรู้สึกที่ต้องแยกคำสอนระดับศีลธรรม วางออกไปก่อน เพื่อมาศึกษาธรรมะระดับโลกุตรธรรม มันยากมากเลยครับ เพราะความเคยชินกับธรรมะระดับศีลธรรมเลยทำให้อ่านยากขึ้น ผมหลงทางในการอ่านอยู่นาน กว่าจะหาทางอ่านได้เข้าใจก็ปาเข้าไปหน้าที่ 672 แล้วถึงเพิ่งจะเข้าใจ จำไม่ได้แล้วว่ายกมือไหว้ไปกี่ที ถอนหายใจไปกี่ครั้ง น้ำตาซึมไปกี่หน ยกมือไหว้เพราะรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ ถอนหายใจเพราะความยากที่จะเข้าใจและเข้าถึง น้ำตาซึมเพราะซึ้งในความกรุณาของพระพุทธองค์

สิ่งที่เป็นกำลังใจให้ผมอ่านจนจบ (ท้อไปแล้วเพราะคำสอนนี้อ่านได้ยากกกกกกกมาก กะเลิกอ่านแล้ว) อยู่ที่หน้า 485 "ทรงชักชวนวิงงอนเหลือประมาณในความเพียรเพื่อกิจเกี่ยวกับปฏิจจสมุปบาท" ผมก็เริ่มเอะใจ ว่าทำไม ผมเลยเริ่มเห็นความสำคัญในการอ่าน เพราถึงขนาดพระศาสดาของผม ชักชวนและวิงวอนให้ศึกษา ผมคือชาวพุทธ ผมเลยอ่านต่อไปจนจบได้

ผมก็ต้องพูดตรง ๆ ว่า ตอนนี้ผมทั้งรักและศรัทธาในตัวพระพุทธเจ้ามาขึ้นกว่าเดิมอีก แบบเต็มหัวใจ เต็มร้อยเลย รักและศรัทธาเพราะได้พิสูจน์ตามแล้วว่าเป็นจริงทุกประการ (ตามที่ผมเห็นและสัมผัสได้นะครับ)

หนังสือเล่มนี้เป็นคำพูดจากปากของพระศาสดา หนังสือเล่มนี้สามารถตอบโจทย์ ตอบปัญหาที่ค้างคาใจอยู่ในใจผมมานานได้เกือบหมดสิ้น มันแปลก แปลกตรงที่ว่า คำถามต่าง ๆ ที่ผมเคยมี เอาไปถามพระรูปไหน วัดไหน ก็ไม่เคยกระจ่างชัดเท่ากับคำตอบจากหนังสือเล่มนี้เลย (รู้อย่างงี้อ่านตั้งนานแล้ว)

ความรู้สึกของผมตั้งแต่อ่านพุทธประวัติจากพระโอษฐ์, ขุมทรัย์จากพระโอษฐ์ ผมคิดอยู่ว่า ผมกำลังทำอะไรที่ผิดพลาดอยู่หรือเปล่า คิดผิดหรือเปล่า เรื่องการเก็บตัว ปลีกวิเวก ปิดโทรศัพท์ ไม่ดู TV ไม่เล่นเกมส์ ไม่ฟังเพลง ไม่ค่อยคุยกับใคร พอผมอ่านเล่มนี้จบ ผมได้คำตอบแล้วว่าผมคิดถูก ผมคิดถูกแล้วจริง ๆ เพราะพระพุทธเจ้าทรงสอนให้ปลีกวิเวก การอยู่คนเดียวโดยมีสิ่งรบกวนน้อยที่สุด จะทำให้ได้ประโยชน์อย่างยิ่งในการอ่านหนังสือเล่มนี้

ผมได้รู้จักคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธองค์แล้ว ไม่ต้องหลงทางอีกแล้ว ถ้าผมยังคงสภาพอารมณ์และปฏิบัติได้อย่างงี้ต่อไป ผมมั่นใจตัวเองว่าผมไม่ต้องไป นรก แล้วแน่นอน (ถ้ายังทำได้จนลมหายใจสุดท้ายนะ)

ผมเคยคิดว่าจะเสียเวลาไปหรือเปล่าที่มาอ่านหนังสือชุดนี้ เสียสละหลายอย่างในชีวิต ตอนนี้ผมได้คำตอบแล้ว ไม่เสียเวลาเลย สิ่งที่ผมเสียไป เทียบกันไม่ได้เลยกับสิ่งที่ผมได้มา แถมเป็นกำไรชีวิตเสียอีก ^_^

โลกของผมเปลี่ยนไปอีกแล้วอย่างมากมาย ถึงแม้ผมจะรู้ว่าโลกที่พระพุทธเจ้าให้ศึกษาคือตัวเรานั้นเอง วันนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกไปว่าโลกของพระพุทธเจ้า ช่างกว้างใหญ่ไพศาลเหลือเกิน กว้างใหญ่จนแทบจะหาขอบเขตไม่ได้เลย

จุดประสงค์ในการศึกษาธรรมะของผมได้เปลี่ยนไป จากตอนแรก ผมต้องการค้นหาความสุขที่แท้จริงและพ้นทุกข์ เป็น ค้นหาความสงบที่แท้จริงและหาหนทางที่แท้จริงแห่งการพ้นทุกข์

ผมได้เรียนรู้ธรรมชาติของโลกใบนี้และโลกในตัวผมเองได้มากขึ้น มากมายมหาศาลชนิดที่ว่าหาจากสารคดีไหนในโลกนี้คงไม่ได้อีกแล้ว ความเมตตากรุณาของพระผู้มีพระภาคเจ้าต่อสัตว์โลกช่างมากมายจริง ๆ

วันนี้พออ่านจบ ผมได้เรียนรู้คำว่า "ความว่าง" เป็นครั้งที่ 2 ในชีวิต เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายมาก แม้ความว่างนี้จะอยู่ได้ไม่นาน ผมก็ยังอยากให้มีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นในตัวผมทั้งวันและทุกวันเลย

มันแปลกที่ผมมองออกไปเห็นทุกสิ่ง ทุกอย่าง เป็นเรื่องธรรมดาหมดเลย มันแปลก ยิ่งอ่านก็ยิ่งมีความสุขและความสงบ (แต่ต้องปฏิบัติด้วยนะ)

นิทานเรื่องยาวของผมจบแล้วครับ ^_^
----------------------------------------------------------------------------------
ประโยชน์ที่ได้รับจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ (จากความคิดส่วนตัวผมนะ)
1. ได้รู้จักพระศาสดาของเรามากขึ้น
2. ได้รู้จักคำสอนของพระพุทธเจ้าแท้ ๆ ชั้นโลกุตรธรรม (แม้ว่ามันจะอ่านเข้าใจยากมากกกกกกกกก ก็ตาม)
3. ได้รู้จัก วิธี แก้กรรมของพระพระตถาคต ว่าจริง ๆ แล้วต้องแก้กรรมยังไง ถึงจะแก้ได้จริง ๆ
4. ได้รู้จัก กิเลสของตัวเราว่ามันมีเหตุที่มา ไปจนถึงผลว่าเป็นยังไง (ต้นตอของทุกข์ทั้งมวลในชีวิตเรา)
5. ได้รู้จัก คำว่า สมณะของพระพุทธเจ้า จริง ๆ มิใช่ สมณะที่ได้แต่นุ่งเหลืองห่มเหลือง
6. ได้รู้จัก คำว่า "สงบ" ความสงบลงจาก กิเลส เป็นอย่างไร
7. แยกแยะออกระหว่างคำว่า มนุษย์ กับ คน ได้ดีขึ้น เข้าใจมากขึ้น
8. ชีวิตมีความสุขและความสงบมากขึ้นเยอะเลย

----------------------------------------------------------------------------------
คำแนะนำก่อนจะอ่าน
ถ้าคุณไม่อยากงง และ มึนตืบ สุด ๆ เหมือนกับผม ก็ต้องท่องก่อน 2 ข้อเลยครับ
1. กฏอิทัปปัจจยตา

เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี
เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น

เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี
เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป

2. ปฏิจจสมุปบาท

เพราะ อวิชชา เป็นปัจจัยจึงเกิด สังขาร
เพราะ สังขาร เป็นปัจจัยจึงเกิด วิญญาณ
เพราะ วิญญาณ เป็นปัจจัยจึงเกิด นามรูป
เพราะ นามรูป เป็นปัจจัยจึงเกิด สฬายตนะ
เพราะ สฬายตนะ เป็นปัจจัยจึงเกิด ผัสสะ
เพราะ ผัสสะ เป็นปัจจัยจึงเกิด เวทนา
เพราะ เวทนา เป็นปัจจัยจึงเกิด ตัณหา
เพราะ ตัณหา เป็นปัจจัยจึงเกิด อุปาทาน
เพราะ อุปาทาน เป็นปัจจัยจึงเกิด ภพ
เพราะ ภพ เป็นปัจจัยจึงเกิด ชาติ
เพราะ ชาติ เป็นปัจจัยจึงเกิด ชรา มรณะ โสกะปริเทวะทุกขโทมนัสอุปายาส

ท่องไปก่อนนะครับ แล้วค่อยหาความหมายที่หลังจากในเล่มเอา
ท่องข้อ 1 - 2 จะทำให้อ่านได้เข้าใจมากขึ้น เร็วขึ้นครับ

3. รักษาศีล 5 เอาแบบชนิด ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เลยนะครับ จะเข้าใจได้ไวขึ้น
(ผมเอง ไม่ขาด ไม่ทะลุ นี่ทำง่ายกว่า ไม่ด่าง ไม่พร้อยเยอะเลย ก็ทำได้เป็นบางวัน บางวันก็เผลอไปเหมือนกัน)

4. ถ้าเป็นไปได้ก็ปลีกวิเวกครับ
วิเวก ในทางพระพุทธศาสนา หมายถึง ความสงัด ความปลีกออก เป็นความสงัดกาย สงัดใจ และสงบ
โดยเฉพาะ สงบจากกิเลส ครับ เอาให้ได้มากที่สุดเลย

5. นี้สำคัญมาก นั่งสมาธิก่อนอ่านทุกครั้ง ถ้าทำได้ หรือไม่ลืม จะทำให้อ่านเข้าใจมากขึ้น เร็วขึ้นครับ
เอาแบบ จิตตั้งมั่น ปักลงไปเลยนะครับ (ถ้าทำได้)

 

ท่านเข้าใจแล้ว ก็อธิบาย ตามความเข้าใจของท่านให้ฟังบ้างนะครับ เผื่อผมจะเข้าใจได้มากขึ้นครับ
สาธุ

 

เล่มละเท่าไร ใครแต่งเรียบเรียงคับ

 

คงต้องถามมาละครับ เพราะรวมคำนำก็ 900 กว่าหน้าครับผม

ง่าย ๆ ต้องตัดความเพลินทุกอย่างออกจากชีวิตครับ (ผมทำได้แค่บางวันเอง)
เพลินในที่นี่คือ นันทิ คิด กุศล ก็เพลิน อกุศล ก็เพลิน ต้องละให้หมดครับ

 

@"เฉียวฟง"
ไม่มีใครแต่งครับ เป็นคำพูดของพระพุทธเจ้า จากปากของท่านเองครับ

ผู้รวบรวมคือ ท่านพุทธทาสครับ

 

ทั้งหมด 997 หน้า ท่านอ่านหมด ผมก็นับถือมากๆแล้วครับ ผมจะอ่านตอนติดปัญหาเท่านั้นเอง
แล้ว
ท่านได้ความในของการปฏิบัติอย่างไรบ้างครับ
ท่านเข้าใจคำว่า จิตเห็นจิต ของหลวงปู่ดุล ตามกระแสปฏิจจสมุปบาท แล้วยังครับ

 

@somchai_eee
ผมไม่ค่อยอยากตอบนะครับ เพราะสิ่งที่ผมอ่าน คือคำพูดของพระพุทธเจ้า
ซึ่งท่านก็มีสอนไว้แล้ว

คู้ขาตั้งกายตรงดำรงสติเฉพาะหน้า รู้ลมหายใจ นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนครับ

 

................คุณโชคดีกว่า ผมมาก...ผมเคยจะซื้อหลายครั้งแล้ว ราคา500 บาทเอง ผลัดวันประกันพรุ่ง พอ ไปอีกทีกะว่าจะซื้อ...ร้านแพร่พิทยา ปิดปรับปรุง(หรือถาวร)ไปเลย?...นับว่าบุญวาสนาผมยังไม่มี...เพราะความประมาทแท้แท้จริงจริง

 

^_^ ช่วยกันอ่าน ได้บุญครับ สวนโมกข์ กท. น่าจะมีนะครับ

 

ผมโหลดเอามาเก็บไว้ครับ ไม่ได้ซื้อ ลองหาจาก คุณกูเกิลดูนะครับ ได้คำตอบ มากมายครับ ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องรอชาติหน้า ปัจจุบันขณะ จะเป็นเหตุแห่งการหลุดพ้น ทั้งปัจจุบันและอนาคต ครับ
สาธุครับ

 

แท้งกิ้วส์ครับ

 

มันแน่นอนอยู่แล้ว ^^

ใครทำบุญมาทางใด ก็ได้ผลอย่างนั้น

หนังสือดีๆ ก็ควรอยู่กับผู้สร้างเหตุเป็นเจ้าของตัวจริง

อย่าไปตัดพ้อวาสนาเลยครับ

( เอาซะหน่อย )

 

ยาว-วา , หนา-คืบ

ท่านอาจารย์ พุทธทาส พูดเสมอ ว่า

"อ่านหนังสือเล่มนอก แล้ว อ่านหนังสือเล่มในด้วย"

 

สาธุ ในสิ่งที่คุณทำนะ อยากถามว่าในข้อ 3 ที่บอกว่า..

3. ได้รู้จัก วิธี แก้กรรมของพระพระตถาคต ว่าจริง ๆ แล้วต้องแก้กรรมยังไง ถึงจะแก้ได้จริง ๆ

แล้วมีวิธีแก้อย่างไรคะ.. (ช่วยตอบหน่อยจะได้รู้ว่าเราคิดตรงกันหรือปล่าว)

 

เก่ง จริงๆครับนับถือ ผมคงมีความอดทนอ่านหมด ไม่ไหวแน่ๆ นับถือๆที่มีความเพียรครับ

 

แก้กรรมที่ ผัสสะ ครับ

 

ปฏิจจสมุปบาทไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย เห็นได้ในชีวิตประจำวัน เชื่ออย่างไรก็จะเห็น
อย่างนั้น เห็นอย่างไรก็มีประสบการณ์แบบนั้น

 

มุ่งมั่นอ่านต่อไป อีก 2 เล่มที่เหลือ ก็จะครบคำสอนที่พระพุทธเจ้า ได้ทิ้งเป็นมรดกไว้ให้แล้ว