แก้วจักรพรรดิ์ และรวมของดีจาก อ.เถิน ของดีจาก จ.สุโขทัยและของดีจาก จ.อุตรดิตถ์ ครับ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย satan, 6 มิถุนายน 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,035
    ค่าพลัง:
    +17,915
    พอดีที่หายไปตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่าย ก็ไปเอาของดีแบบนี้มาแหละครับ อิอิอิ ^_^
     
  2. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,035
    ค่าพลัง:
    +17,915
    เล่นแร่แปรธาตุ ปรอทวิเศษ (สำเร็จ)
    การแปรธาตุหนึ่งไปสู่อีกธาตุหนึ่งที่มีคุณลักษณะทางกายภาพและเคมีให้ต่างไปจากเดิมนั้นชาวสยามในสุวรรณภูมิมีวิทยาการในเรื่องนี้มาช้านานจากตำนานพบว่าได้รับการถ่ายทอดมาจากชาวชมพูทวีปที่ได้รับความรู้นี้มาจากไอยคุปต์โบราณอีกทอดหนึ่ง เรื่องการเล่นแร่แปรธาตุนี้เป็นเรื่องจริงที่มิใช่เพียงตำนานที่เล่าขานนอกจากการแปรธาตุให้เป็นสิ่งที่มีค่ามากขึ้นยังพบว่ามีการใช้ในการสรรสร้างวัตถุที่ประจุพลังจิตอีก เรื่องราวเหล่านี้พบในเอกสารโบราณหลายฉบับทั้งยังมีกล่าวในพระไตรปิฏกตอนที่กล่าวถึงโลกจินไตยว่าอันคติเรื่องโลกนั้นแบ่งได้สองสาขาคือ
    ๑. มนิกาวิชชาคือความรู้เรื่องจิตศาสตร์อันได้แก่ ความรู้ทางจิต การบำเพ็ญจิตในลักษณะต่างๆทั้งก่อนพุทธกาลและในขณะนั้นเช่นการสะกดจิต การฝึกปราณยามะ การเพ่งกสิณ
    ๒. ตัชชารีวิชชา อันนี้คือความรู้เรื่องเครื่องลางของขลัง ๔ ประการคือ
    มูลตัชชารี ความรู้เรื่องต้นไม้ว่านยาที่มีอานุภาพต่างๆ
    มันตาตัชชารีวิชชาได้แก่ความรู้เรื่องเวทมนต์ต่างๆที่หลายท่านคุ้นเคยกันดี
    อังกตัชชารีวิชชาได้แก่ความรู้เรื่องการทำเครื่องลางของขลังพวกพระเครื่อง ผ้ายันต์ ตะกรุดพิสมรต่างๆ
    ธาตุตัชชารีวิชชา คือความรู้เรื่องแร่ธาตุต่างที่มีอิทธิฤทธิ์รวมทั้งวิชาเคมียุคดึกดำบรรพ์เรียกว่ารสายนเวทที่เป็นความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุต่างๆเช่นการแปรธาตุตะกั่วเป็นทองคำ(สีสัน-ลักษณะโครงสร้างภายนอก)การแปรธาตุปรอทเป็นของแข็งที่เรียกกันว่าปรอทสำเร็จธาตุกายสิทธิ์วิชาเรื่องการแปรธาตุนี้เกือบเหลือเป็นเพียงแค่ตำนานเพราะมีผู้รู้สืบทอดน้อยลงวิชาประการต่างๆก็พลอยสาบสูญไปกับผู้ที่รู้วิชาเหล่านั้น

    การแปรธาตุนั้นถือเป็นการร่ำเรียนพระเวทขั้นสูงเพราะต้องใช้ทั้งความรู้และสติปัญญาในการไขปริศนาแห่งวิชาให้เข้าใจทั้งต้องมีพลังจิตในระดับอัปมัญญาสมาธิ(ฌานสมาบัติ)จึงจะสามารถทำสำเร็จ เท่าที่พบในประวัติศาสตร์ของชาวสยามนั้นมีวิชาการที่กล่าวถึงเรื่องนี้อยู่มากทั้งปรากฏหลักฐานในพระเครื่องรางของขลังที่ผู้มีความรู้พระเวทสายนี้สรรสร้างบรรจุไว้ตามกรุเจดีย์ต่างๆแสดงถึงความรุ่งเรืองของรสายนเวทในสมัยนั้น หากท่านเป็นนักนิยมพระเครื่องคงรู้จักเครื่องลางเช่นลูกปรอทกรอก็เป็นประดิษฐกรรมอย่างหนึ่งและพระเครื่องที่ทรงฤทธานุภาพสูงที่บรรจุในกรุโบราณมาแต่สมัยศรีอโยธยารามเทพนครที่สรรสร้างด้วยพระเวทสายเล่นแร่แปรธาตุก็คือ พระกรุวัดท้ายย่าน จังหวัดชัยนาทที่ปรากฏมีผู้เรืองวิทยาคมสูงส่งสืบทอดอย่างไม่ขาดสายจนปัจจุบันความเข้มขลังของพระกรุนี้นักนิยมพระรุ่นเก่าถึงขนาดดูแท้ปลอมด้วยการอาราธนากำพระเครื่องนี้แล้วนำเข็มฉีดยาแทงหากว่าเข็มทะลุผ่านชั้นเนื้อไปได้ก็ถือว่าพระเครื่องท้ายย่านองค์นั้นปลอม นี่คือกฤติยาคมที่ผ่านพ้นอดีตจนมาพิสูจน์ความจริงแท้ในโลกปัจจุบันนอกจากพระกรุวัดท้ายย่านจะมีอิทธิคุณเข้มขลังแล้วท่านทราบไหมว่าพระเครื่องชุดนี้สร้างจากวิชาเล่นแร่แปรธาตุที่ปรากฏในตำนานสยามคือวิชาปรอทสำเร็จธาตุกายสิทธิ์นั่นเองเมื่อผ่านกาลเวลานานนับร้อยปีประกอบกับความร้อนเย็นในกรุพระปรอทนั้นก็กินตัวกรอบไม่คงทนทำให้พระชุดนี้ตกแตก บรรดานักนิยมพระเครื่องที่ไม่เดียงสาก็คิดว่าพระท้ายย่านนั้นมีส่วนผสมสร้างจากแร่พลวง(วุลแฟรม)ชนิดหนึ่งเท่านั้นและท่านทราบอีกหรือไม่ว่าพระชุดนี้มิได้ใช้การหลอมเทด้วยความร้อน!!!!แต่เป็นการปั้นอัดพิมพ์โลหะกายสิทธิ์นั้นด้วยวิชาพระเวทขั้นสูงที่น่าตื่นตะหนกที่หลอมโลหะด้วยพระเวทแล้วชุบให้แข็งตัวหลายท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจบอกว่าเหลือเชื่อไม่น่าเป็นไปได้แต่ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงครับ

    ก่อนที่จะมาถึงการหลอมปรอทโดยไม่ใช้ไฟที่มีนักวิทยาคมหลายท่านสงสัยว่าจริงหรือ ? บางท่านถึงกับกล่าวปรามาสไปก็มีว่าเป็นเรื่องเล่นกลหลอกลวงหรือบางรายกล่าวแบบขอไปทีว่าถึงทำได้แล้วไงจะขลังจริงหรือ อันนี้เป็นเรื่องต่างความคิดต่างความเชื่อกันคงไปบังคับกะเกณฑ์กันไม่ได้แต่ที่นำมาเล่าให้ฟังนี่ก็เพื่อสืบตำนานเรื่องราวที่เป็นความเชื่อทางวัฒนธรรมประการหนึ่งของไทยเราจะขอปูพื้นความรู้เรื่องปรอทวิเศษหรือปรอทสำเร็จที่เป็นของวิเศษในความเชื่อของผู้ศึกษาวิทยาคมว่าใครหากทำได้เเล้วก็นับว่าบรรลุจุดสูงสุดในวิชาวิทยาคมประการหนึ่งเเบบเดียวกับที่เราศึกษาวิชาความรู้ภาคสามัญแล้วได้ปริญญาอย่างไรอย่างนั้นจึงขอคัดตำราการหุงปรอทสำเร็จแบบหนึ่งซึ่งจริงในเมืองไทยมีตำราแบบที่ว่าด้วยการหุงปรอทนี่เท่าที่พบไม่น้อยกว่ายี่สิบตำราครับการหุงปรอทตำรับนี้ที่ได้จากตำราเก่าอายุหลายร้อยปีเล่มหนึ่งกล่าวถึงการหุงปรอทและสรรพคุณไว้จึงขอคัดมาเป็นพื้นความรู้เพื่อกล่าวถึงเนื้อความต่อๆไปดังนี้ครับ
    ปรอทเป็นของเหลวและไหลกลอกกลิ้งได้เช่นเดียวกับน้ำ หลักวิทยาศาสตร์ปรอทนั้นจะมีอาการหดตัวเมื่อถูกความเย็นและพองตัวเมื่อถูกความร้อน ตามวิชาการแพทย์ก็ต้องใช้ปรอทเป็นเครื่องวัดระดับความร้อนของคนไข้ หลักอุตุนิยมวิทยาก็ใช้ปรอทเป็นเครื่องวัดอุณหภูมิเป็นต้น

    เพราะความคุมตัวกันไม่ติดของปรอท และเป็นธาตุชนิดหนึ่งที่มีอาการประหลาดนี้เอง ในโบราณกาลจึงถือว่าปรอทนั้นหากผู้ใดมีวิชาสามารถทำคุมตัวกันได้ และประกอบพิธีโดยหลักไสยศาสตร์อันถูกต้องครบถ้วนแล้วฤทธิอันเกิดจากวิทยาคมซึ่งรวมอยู่ในปรอทนั้นอาจจะสามารถนำผู้ที่เป็นเจ้าของให้เกิดอิทธิฤทธิและกระทำปาฏิหาริย์ต่างๆได้ ดังอุปเท่ห์โบราณดังนี้
    ๑. ผู้ใดอมปรอทไว้ ผู้นั้นจะมีรูปร่างดังพระมหาจักรพรรดิ (หมายถึง ความมีเดช ฤทธิ์ และความงามเป็นที่เสน่หากระมังอันนี้รวมถึงอานุภาพที่คล้ายกับเหล็กไหลในตำนานที่เด่นเรื่องคุ้มครองป้องกันด้วย)
    ๒. เสียงไพเราะ ดังท้าวมหาพรหม (หมายถึง พูดถูกใจบุคคล เป็นเสน่ห์ พูดอะไรมีคนเชื่อถือกระมัง)
    ๓. ไปป่าหิมพานต์ยาม ๑ ก็ถึง (คงหมายถึงการปาฏิหาริย์ ล่องหน)
    ๔. ไป ๔ ทวีป ในนิ้วมือเดียว (เช่นเดียวกับข้อ ๓ หรืออาจหมายถึงกายทิพย์ก็ได้)
    ๕. คิดอะไรสำเร็จความปรารถนา

    ต่อไปนี้เป็นการสร้างปรอทวิเศษ
    เตรียมการ ทำเบ้ายา ชั้นที่ ๑ สำหรับใส่ปรอท (สิ่งละเท่าๆกัน)
    ๑. หนังกระบือเผือก บดให้แหลกละเอียด
    ๒. สังข์
    ๓. หัสคุณ
    ๔. เจตมูลแดงเพลิง
    ๕. ยางสลัดใด
    ๖. ใบส้มป่อย
    ๗. ใบพลูแก่
    ๘. เปลือกตะแบก
    ๙. เปลือกหมาก
    ๑๐. เปลือกรากมะไฟ

    เครื่องยาทั้งหมดนี้ บดละเอียดใส่ลงเคี่ยวจนเหลวเละดัง ขี้วัว แล้วนำมา ปั้นเป็นเบ้าหุงปรอท......

    (สามารถติดตามละเอียดเพิ่มเติมได้ในนิตยสารอุณมิลิต ฉบับที่ ๑๕ เดือนสิงหาคม ๒๕๔๗)

    http://www.ounamilit.com/b15_phawet.htm
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 ตุลาคม 2007
  3. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,035
    ค่าพลัง:
    +17,915
    การทำปรอทเป็นสรรพยามีสรรพคุณมากมากจึงมีกระบวนการทำตามแบบโบราณดังนี้ใช้วิธีการดักจับปรอทตามน้ำคลำ,น้ำที่เน่าเหม็นปรอทจะมากินสิ่งที่เน่าเหม็นมีกรรมวิธีการดักจับหลายวีธีการทำปรอทให้บริสุทธิ์

    * นำปรอทมาใส่ในชามกระเบี้องเคลือบนำข้าวที่หุงสุกใหม่ๆทิ้งเอาไว้ให้เย็นแล้วนำมาใส่ให้ท่วมปรอทคลุกเคล้าข้าวสุกกับปรอทให้เข้ากัน ด้วยไม้หรือกระเบื้องเคลือบพยายามบี้บดให้ปรอทแตกตัวสัก 15 นาทีหรือจนปรอทแตกตัวเป็นเม็ดละเอียดจะเห็นว่าข้าวสุกจะติดสีดำมากมายสุดท้ายล้างด้วยน้ำสะอาดโดยการเทน้ำสะอาดใส่ลงไปล้างหลายๆครั้งแล้วถ่ายน้ำออกหรือเทน้ำออกให้ระมัดระวังตามสมควรเนื่องจากปรอทมีน้ำหนักมากจะไม่เกาะติดสิ่งใดๆการล้างออกจึงทำได้ไม่ยากนัก
    * นำปรอทมาแช่น้ำปลาร้าหมั่นคนสักพักหนึ่งคนบ่อยๆทิ้งเอาไว้สัก 1 คืน รุ่งเช้าให้ล้างน้ำปรอทด้วยน้ำสะอาดเหมือนกับขั้นตอนแรกหลายๆครั้ง
    * ให้นำเอาตะใคร้ทั้งต้นทั้งใบมาตำให้ละเอียดนำไปคลุกเคล้ากับปรอทคนให้เข้ากันทิ้งไว้อีก 1 คืนนำมาล้างออกด้วยน้ำสะอาดแบบเดียวกับการล้างน้ำในขั้นตอนแรก
    * เอาปรอทมาแช่น้ำมะดันหรือมะกรูดหรือน้ำมะนาวหมั่นคนบ่อยๆทิ้งเอาไว้ 1 คืนวันรุ่งขึ้นให้นำไปล้างด้วยน้ำสะอาด

    เสร็จแล้วนำเอามาใส่เอาไว้ในขวดแก้วปิดฝาให้แน่นเพื่อกันมิให้ปรอทดูดเอาสิ่งที่เป็นพิษเข้ามาปะปนอีกปรอทที่ได้มานี้ยังเป็นของเหลวเชื่อกันว่าปรอทที่ผ่านวิธีการกรองเอาพิษออกแล้วนี้มีความบริสุทธิ์ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์

    การทำปรอทให้แข็งแบบโบราณ

    แบบที่ 1 ให้สะกดด้วยอาคมโดยนำเอาปรอทใส่ลงในกระทะเอาไม้สนเกี๊ยะจุดไฟใส่ใต้กระทะเป็นเชื้อเพลิงจากนั้นบริกรรมเติมไฟแต่ไม่ให้ร้อนมากชั่วเวลาหนึ่งให้ใส่ทองคำลงไปเพื่อล่อให้ปรอทแทรกตัวเข้าไปอยู่ในทองคำและแข็งตัวเมื่อปรอทแข็งตัวแล้วก็จะผ่อนไฟจนกระทั่งหยุดใส่ไหและเย็นลงในเวลาต่อมาขั้นตอนต่อไปเป็นการบูชาเจ้าป่าเจ้าเขาก่อนที่จะเอาปรอทแข็งตัวแล้วนำเอาไปใส่เอาไว้ในพานวางตั้งเอาไว้หน้าหิ้งพระคลุมด้วยทองคำเปลว

    แบบที่ 2 ใช้ปรอท,ดีบุก,น้ำตะใคร้,จุนสี,กัมมะถัน,น้ำประสานทองอย่งละเท่าๆกันสำหรับจุนสีและน้ำประสานทองมีพาให้ระมัดระวังหน่อยต้องนำมาให้ความร้อนให้แตกตัวก่อนเรียกว่าการฆ่าพิษนำทั้งหมดมากวนรวมกันให้เข้ากันจนเป็นสีรุ้งการหุงนำไปตั้งในเตาแก๊สก็ได้แล้วนำเอาไปเทลงในแบบพิมพ์ต่างๆเมื่อปรอทแข็งตัวได้รูปแล้วนำเอามาแต่งด้วยกระดาษทรายละเอียดและนำเอาไปใช้ตามเจตนารมณ์ต่อไปข้อเสียของปรอทคือ กินทอง,กินดวงคนที่เกิดปีธาตุทองเช่นปีมะโรง,และกินคนที่มีชื่อว่าทองด้วย
     
  4. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,035
    ค่าพลัง:
    +17,915
    แก้วมณีรัตนะ


    ใน จักกวัตติสูตร อังคุตตรนิกาย กล่าวถึงสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ ว่าประกอบด้วย แก้ว ๗ ประการ คือ
    ๑. จักกรัตนะ (จักรแก้ว) ๒. อิตถิรัตนะ (นางแก้ว) ๓. มณีรัตนะ (ดวงแก้ว) ๔. ปรินายกรัตนะ (ขุนพลแก้ว) ๕. คหปติรัตนะ (ขุนคลังแก้ว) ๖. หัตถิรัตนะ (ช้างแก้ว) ๗. อัสสรัตนะ (ม้าแก้ว)
    จักรแก้ว เป็นเครื่องหมายประกาศความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ อานุภาพแห่งจักรแก้วนั้น ยามปรากฏขึ้น จะดึงดูดเอามหาสมบัติทั้งหมดในสะดือทะเล (อยู่แถว ๆ ท้องทะเล แฮ่...) มาไว้ในท้องพระคลังหลวง และเป็นพาหนะให้ขุนพลแก้ว พาทหารทั้ง ๔ เหล่าทัพ เหาะไปปราบปรามในทวีปทั้งสี่ (เหมือนยานขนส่งอวกาศเลย...)
    นางแก้ว เป็นอัครมเหสีคู่บารมีพระเจ้าจักรพรรดิ กลิ่นกายหอมเหมือนดอกอุบล หน้าหนาวเนื้อจะอุ่น หน้าร้อนเนื้อจะเย็น งามพร้อมด้วยเบญจกัลยาณีอิตถีลักษณ์ทุกประการ จะมีเทวดานำจาก อุตรกุรุทวีปมาถวาย (ขอข้อยจั๊กคนแหน่...!)
    ดวงแก้วมณีโชติ จะปรากฎผุดขึ้นใจกลางมหานคร แล้วเคลื่อนไปอยู่ในท้องพระคลัง ทำหน้าที่รักษาสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ ให้มีเพียงพอเลี้ยงดูประชากรทั้งโลก ส่องสว่างอยู่ชั่วกาลนาน (เป็นทั้งยาม ทั้งนายบัญชีเลยนิ...)
    ขุนพลแก้ว ผู้ประกาศบารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ ให้ปรากฏไปตลอดทวีปทั้ง ๔ ใครไม่ยอมสวามิภักดิ์ ก็เป็นหน้าที่ของขุนพลแก้ว ที่จะปราบปรามให้ราบคาบ รบกับใครไม่มีคำว่าแพ้ ถ้าพระเจ้าจักรพรรดิสละราชสมบัติ ขุนพลแก้วก็จะขึ้นเป็นพระเจ้าจักรพรรดิแทน...
    ขุนคลังแก้ว เป็นผู้ดูแลทรัพย์สมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ หากยามใดที่ทรัพย์สมบัติมีทีท่าว่าจะไม่พอเพียง ขุนคลังแก้วก็จะใช้ทิพจักขุญาณ มองหาขุมทรัพย์ใต้ดิน แล้วขุดขึ้นมาเก็บไว้ในท้องพระคลัง บ้านเมืองใดขัดสน ก็ขุดขึ้นมาให้เขาใช้จ่าย (ขอมั่งฮี่...)
    ช้างแก้ว เป็นช้างเผือกตัวประเสริฐ สมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยคชลักษณ์อันอุดมมงคล จะมาสู่โรงช้างต้นด้วยตนเอง ยามออกรบแค่ช้างศึกฝ่ายตรงข้ามได้กลิ่น ก็แตกพ่ายไปเอง (แบบว่ามันเก่งมาตั้งแต่เกิดน่ะ...ฮิ...ฮิ...)
    ม้าแก้ว เป็นม้าอาชาไนยแห่งลุ่มน้ำสินธุ เกิดมาผ่าเหล่าผ่ากอ (เอ๊ะ..ชมหรือด่ากันแน่หว่า...?) ปรากฎเป็นลักษณะอันประเสริฐ มีฝีเท้าจัด ยามวิ่งเหมือนเดินบนที่ราบ (นี่มันอัสดรพันลี้ในกำลังภายในละมั้ง...?) จะเดินมาเข้ากรง เอ๊ย...โรงม้าด้วยตนเองเช่นกัน...
    ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะมณีรัตนะเท่านั้น เรื่องมีอยู่ว่า หลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก แห่ง วัดไชยมงคล (วัดวังมุย) จังหวัดลำพูน ท่านเป็นหนึ่งในพระสุปฏิปันโน ที่หลวงพ่อแนะนำให้ลูก ๆ ไปทำบุญด้วย ท่านมีวิชา ปรอทสำเร็จ...
    คือท่านสามารถนำปรอทมาเสกเป็นตัว เพื่อทำตะกรุดปรอทได้ อาตมาเคยได้มาดอกหนึ่ง (ได้ให้ลูกปุ๊ก (สุมาลี ตีรเลิศพานิช) ไปแล้ว) อันวิชาปรอทสำเร็จนั้น สุดจะยากเย็นแสนเข็ญอยู่แล้ว และความสามารถของหลวงปู่นั้น หลวงพ่อเล่าว่า...
    หลวงปู่ชุ่มสามารถ เข้านิโรธสมาบัติด้วยอิริยาบถทั้ง ๔ (ปกติผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติ จะเข้าได้เฉพาะอิริยาบถใดอิริยาบถหนึ่ง ส่วนใหญ่ไม่นั่งก็นอน) ซึ่งหลวงพ่อเล่าว่าในชีวิตของท่าน ไม่เคยได้ยินว่ามีใครทำได้อย่างนี้มาก่อนเลย...
    แต่ความสามารถระดับนี้ของหลวงปู่ชุ่ม ท่านทำได้แค่เสกปรอทเป็นตัวเท่านั้น หลวงปู่บอกว่า ครูบาอาจารย์ของท่าน สามารถเสกปรอทเป็นแก้ว ได้ ปรอทนั้นมีทั้งตัวผู้ตัวเมีย ถ้าเสกปรอทตัวเมียจะเป็น แก้วราหู ถ้าเสกปรอทตัวผู้จะเป็น แก้วจักรพรรดิ...!
    หลวงปู่ท่านไม่ใช่มีแต่ราคาคุยเท่านั้น ลูกศิษย์ใกล้ชิดบางท่านที่โชคดี ก็ได้รับแก้วราหูจากมือหลวงปู่ไปบูชา ส่วนแก้วจักรพรรดินั้นหลวงปู่ได้รับมาแค่องค์เดียว วันหนึ่งหลวงปู่ซึ่งทราบวาระของท่านเอง ก็ไปหาหลวงพ่อถึงวัดท่าซุง...
    หลวงปู่ชุ่มได้มอบลูกแก้วจักรพรรดิแก่หลวงพ่อ พลางบอกว่า “หลวงพี่แก่แล้ว งานที่จะต้องทำไม่มีอีกแล้ว หลวงพี่ขอมอบแก้วจักรพรรดินี้ให้แก่หลวงน้องไว้ ต่อไปหลวงน้องต้องปกครองบริวารเป็นจำนวนมาก ลูกแก้วจักรพรรดินี้จะช่วยหลวงน้องได้มาก...”
    หลวงพ่อสนองความเมตตาของหลวงพี่ (อดีตชาติท่านเป็นพี่จริง ๆ) รับเอาลูกแก้วจักรพรรดิไว้ หลังจากนั้นไม่นาน หลวงปู่ชุ่มก็มรณภาพ (เฮ้อ...ไม่น่ารับเล้ย รับแล้วหนีเลย) ส่วนหลวงพ่อก็พกแก้วจักรพรรดิติดองค์เรื่อยมา...
    ต่อมา... “พระ” ท่านเสด็จมาบอกหลวงพ่อว่า หลวงพ่อจะต้องทำงานใหญ่ในกาลข้างหน้า ถ้าลูก ๆ ไม่มีความคล่องตัวในการเป็นอยู่จะสนับสนุนหลวงพ่อได้ไม่เต็มที่ ขอให้ไปหาลูกแก้วมา ท่านจะช่วยเสกให้ ผู้ที่ได้ไปจะเหมือนกับมีแก้วสารพัดนึกไว้ทีเดียว...
    หลวงพ่อท่านขึ้นไปที่ดาวดึงส์ ขอดูลูกแก้วจักรพรรดิของท่านปู่พระอินทร์ ปรากฏว่ามีลักษณะเหมือนของหลวงปู่ชุ่มเปี๊ยบเลย กระทั่งสีสรรพ์ก็แทบไม่แตกต่างกัน ท่านปู่บอกด้วยว่า ขอให้หลวงพ่อทำตามที่พระท่านบอก ท่านปู่จะมาช่วยอีกแรงหนึ่ง...
    หลวงพ่อให้ลูกศิษย์ไปหาลูกแก้วมา ลูกศิษย์ตัวดีก็เหลือเกิน ไปเหมาลูกแก้วเด็กเล่นที่บางลำพูมาทั้งกระจาด (จะให้ดีกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้) หลวงพ่อก็เมตตาทำพิธีให้โดยมีแก้วจักรพรรดิเป็นองค์ประธาน แล้วแจกจ่ายให้แก่ลูกศิษย์เป็นการภายใน ๒ วาระ ปรากฏว่าผู้ที่รับไปต่างก็มีผลทางด้านลาภเป็นที่น่าอัศจรรย์...
    ต่อมาจึงทำแจกเป็นการสาธารณะ โดยใช้แก้วคริสตัลของออสเตรียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผู้ที่ได้ไปก็ประสพผลในด้านต่าง ๆ ทั้งลาภผล แคล้วคลาด คงกระพัน เป็นสารพัดนึกจริง ๆ หลวงพ่อจึงเรียกว่า “แก้วมณีรัตนะ” คือ เหมือนกับมีแก้วจักรพรรดิไว้ในครอบครองนั่นเอง...
    หลวงพ่อเองก็ออกปากว่า ตั้งแต่ได้แก้วจักรพรรดิมา การงานการเงินมีความคล่องตัวมาก ในองค์หลวงพ่อพกของมงคลอยู่เพียง ๒ อย่าง คือพระบรมสารีริกธาตุ และลูกแก้วจักรพรรดินี้เอง การพุทธาภิเษกทุกครั้ง หลวงพ่อต้องนำแก้วจักรพรรดิมาเป็นองค์ประธาน
    ลูกแก้วจักรพรรดิที่หลวงปู่ชุ่มมอบให้ เป็นลูกแก้วขนาดเขื่องกว่าลูกปิงปองเล็กน้อย มีลวดลายคล้ายสีทองในเนื้อแก้ว เปล่งแสงสีม่วงอ่อน เหลือบรุ้งสวยงามยิ่งนัก ต่อมางานของหลวงพ่อมากขึ้นทุกที “ท่านย่า” จึงมอบแก้วให้อีก ๑ องค์ บอกว่าเป็นองค์น้อง มีขนาดเล็กกว่านิดหน่อย หลวงพ่อก็ใช้ควบคู่กันเรื่อยมา...
    อาตมาพบปาฏิหาริย์ของแก้วมณีรัตนะ อย่างชัดเจนที่สุดวาระหนึ่ง คือ อาตมาตีเช็คล่วงหน้าไป ถึงเวลาหาเงินเข้าบัญชีไม่ทัน ถ้าหากเงินสองแสนบาทไม่ได้ภายในสองวัน ก็คงติดคุกหัวโตกันบ้าง หันหน้าไปพึ่งใครเข้าก็เบือนเป็นแถว (อีตอนพึ่งเราละวิ่งเข้าใส่...)
    หมดท่าเข้าจริง ๆ อาตมาก็พึ่งลูกแก้วของหลวงพ่อ นำลูกแก้วมาตั้งเฉพาะหน้า แล้วอธิษฐานขอเอาดื้อ ๆ จากนั้นก็ตั้งอกตั้งใจภาวนา ผลที่ออกมาเหลือเชื่อ คือมีผู้ให้ยืมเงินจำนวนสองแสนบาท โดยที่คนให้ยืมนั้น เคยเห็นหน้าอาตมาครั้งเดียวเท่านั้นเอง...!
    ผู้ที่ได้แก้วมณีรัตนะรุ่นแรก (แก้วเด็กเล่น) ไป ถึงได้หวงกันเป็นนักหนา ถึงลักษณะเป็นลูกแก้วเด็กเล่น แต่อานุภาพไม่ได้ล้อเล่นด้วย ท่านปู่พระอินทร์บอกว่าอานุภาพเกือบเท่าของจริงเลยทีเดียว (มิน่าล่ะ...ขออะไรได้อย่างนั้นเลย...)
    แก้วมณีรัตนะรุ่นแรกนั้น อาตมาได้รับจาก หลวงปู่มหาอำพัน โดยที่ผู้ได้รับพร้อมกันมี พี่มุกดา (คุณมุกดา เพชรชื่นสกุล) เกียง (มาลินี ตีรเลิศพานิช) ลูกปุ๊ก (สุมาลี ตีรเลิศพานิช) ต่างคนต่างรักษายิ่งกว่าชีวิต เพราะของดีของมงคลที่รับจากมือครูบาอาจารย์แบบนี้ ใช่ว่ามีกันทุกบ่อยเสียเมื่อไร รับจากคนอื่นอาจเป็นของปลอมก็ได้ใครจะรู้...!
    ๒๘ มีนาคม ๒๕๓๓
    พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    http://www.larnbuddhism.com/grathonbook/past/past7.html
     
  5. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,035
    ค่าพลัง:
    +17,915
    แก้วจักรพรรดิ์ของ คุณวิทยาได้มาแล้วครับ...เดี๋ยวตอนบ่ายจะเอาไปถ่ายรูปให้ดูชมกันครับผม...และได้แก้ว 2 กษัตริย์มาอีก 1 ดวงครับ เล็กๆ...ดวงนี้ผมจะเก็บไว้มอบให้ฟรีๆกับ...ผู้มีวาสนากับแก้วดวงนี้ท่านหนึ่งครับ..ผุ้ที่ได้รับแก้วกายสิทธิ์ดวงเล็กๆนี้ คือ คุณ นิวส์ ครับผม ./ ส่วนคุณ ราตรีนั้น...ไหลน้ำพี้จะมาถึงบ้านผมพรุ่งนี้ครับ...แล้วจะส่งให้ก่อน 6 เม็ดครับ ส่วนแหวนจะส่งมาให้ทีหลังครับ ^_^
     
  6. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,035
    ค่าพลัง:
    +17,915
    เหอๆๆ มาแล้วครับ...แก้วสองกษัตริย์ที่ จะมอบให้กับ คุณนิวส์ น่ะครับ..มีด้านหน้าและด้านหลัง อันนี้มอบให้ฟรีครับ ^_^
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,035
    ค่าพลัง:
    +17,915
    แก้วจักรพรรดิ์แก้ววิเศษแห่งโลกธาตุ ดวงนี้เป้นของคุณ วิทยา ครับผม...พร้อมแก้วบริวาร 10 ดวง ไหลน้ำพี้ที่จะมาถึง 5 เม็ด หนังสือธรรมะ 1 เล่ม / อยู่ในแก้วที่มีน้ำอยุ่น่ะครับ...ทั้งแก้วน้ำ และน้ำก้ใสสะอาด..ดวงแก้วจึงดูใสเป็นเนื้อเดียวกับแก้วน้ำและน้ำครับ / และอีกรูปมองดูแล้วสวยงามครับ เพราะเป็นภาพกลับหัวแบบเลนส์...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,252
    ค่าพลัง:
    +7,241
  9. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,035
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ขอบคุณครับ คุณพ้นที่แนะนำกระทู้ให้ผม...^_^
     
  10. NEWESTTSEWEN

    NEWESTTSEWEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +2,661
    ขอบพระคุณมากๆเลยนะครับ ขอให้ได้พบกับของกายสิทธิ์อีกเยอะๆนะครับพี่
     
  11. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,035
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ครับคุณ นิวส์...ขอบคุณครับอิอิอิ ^O^
     
  12. Bajang

    Bajang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +1,268
    ไม่ได้ไปดู ตู้ไปรษณีนานแล้ว จดหมายเต็มเลย โดยมาเป็นใบแจ้งหนี้ อิ อิ... เจอ จดหมายคุณโลจิ งงๆ เหมือนกัน ว่าผิดที่หรือเปล่า เลยเข้าweb มา อืม...ดีใจจังได้รับของแจกแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับ เป็นแก้วสีดำ คืออะไรครับ ใช่ไหลน้ำพี้หรือเปล่า
     
  13. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,035
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ใช่แล้วครับไหลน้ำพี้ครับ..เดี่ยวถ้าชุดใหม่มาถึงบ้านผม..ผมก็จะแจกให้ตามที่ผมระบุรายชื่อไว้ครับ...(f) (bb-flower
     
  14. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,035
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ไหลน้ำพี้ชุดใหม่ใหญ่กว่าเดิมแต่ราคาเก่า 5 เม็ด 550 บาท...วันนี้ถ่ายรูปออกมาไม่สวยครับ...พรุ่งนี้เอาไปถ่ายรูปใหม่อีกทีครับ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.5 KB
      เปิดดู:
      105
  15. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    แหม...ชอบกระทู้นี้จังเลยครับ
    เผอิญโดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนชอบธาตุกายสิทธิมากๆเอาเสียด้วยสิ
    เพิ่งได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ และก็อ่านรีบๆด้วย เลยไม่รู้ว่าตอนนี้เขาพูดถึงไหนกันแล้วเห็นว่ามีใครแจกอะไรกันเหรอครับ อยากได้บ้างจัง..แหะ แหะ

    เดี๋ยวมีเวลาว่างๆจะตามอ่านให้ครบทั้ง 14 หน้าเลยครับ
    และก็อยากขอบูชาเอาไปซักชิ้น 2 ชิ้นเหมือนกันครับ
    แต่ยังอ่านไม่ครบ เลยไม่รู้ว่ามีอะไรเหลือบ้าง ราคาเท่าไหร่
    และที่สำคัญ ไม่รู้ว่าอะไรจะเหมาะกับตัวผมบ้างหนะครับ
    ประเด็นสุดท้ายนี้แหละ ที่อยากขอความกรุณาคุณพ่อมด
    ให้ช่วยตรวจสอบให้ผมหน่อยครับ ว่าอะไรดี และเหมาะกับผมบ้าง
    ผมนั้นก็อยากจะมีความก้าวหน้าในการฝึกจิตบ้าง
    แต่แค่ด่านแรกผมก็ติดแหงกอยู่นี่มาหลายปีแล้วหละครับ

    ขอวิงวอนหละนะครับ ช่วยตรวจสอบให้ผมหน่อย ว่า ผมเป็นอะไร
    จะมีทางช่วยได้ไหมเนี่ย..

    ขอบคุณล่วงหน้านะครับ
     
  16. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,035
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ครับผม...รายการของผมที่แจกฟรีนั้น...เกิดจากการที่ส่วนหนึ่งเป้นลูกค้าทั้งเก่าและใหม่...ส่วนหนึ่งนั้นแจกมิตรรักแฟนเพลง...อีกส่วนนั้นแจกให้กับผู้ที่มีความเหมาะสมที่จะได้ครับ...คุณ ชยุตได้ไหลน้ำพี้อยุ่แล้วล่ะครับ อิอิอิ ^_^ เดี๋ยวถ้าผมจะได้จัดส่งให้ พร้อมกับมิตรรักแฟนเพลงท่านอื่นๆนะครับ อิอิอิ ^_^

    การฝึกจิตให้ก้าวหน้านั้น...คนตั้งใจ ฝึก1... วันมีค่ามากกว่าคนขี้เกียจ 100 ปีครับ...มันคือความเพียรและกำลังใจนั่นเอง...คนที่มีกำลังใจดีย่อมสามารถฝึกอะไรได้โดยง่ายครับ...
     
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เอ่อ..คุณพ่อมดฯครับ
    คือผมอ่านมากๆ แล้วก็ชักสับสนเล็กน้อยครับ
    ระหว่างแก้วมณีโชติ กับแก้วจักรพรรดิ ว่าต่างกันอย่างไร

    และที่คุณมีอยู่นี่มีขนาดเท่าไหร่บ้างครับ
    ผมกะว่าจะขอจองบ้างสักดวงหนึ่งหนะครับ
    แต่อยากได้ลูกโตๆเท่ามะนาวที่คุณจะเก็บไว้เองหนะแหละ..

    อ้าว..แบบนี้สงสัยจะไม่ได้ซะหละมั๊ง..
    เพราะของๆใครของใครก็ต้องหวงเป็นธรรมดานะ

    พูดเผื่อไว้หนะครับ เผื่อว่าตัวผมเองที่ยังไม่ค่อยก้าวหน้า
    ไม่แน่ว่าอาจจะรอคอยที่จะได้แก้ววิเศษดวงนั้นอยู่ก็ได้นะครับ
    และก็เผื่อคุณจะเออออห่อหมกไปด้วยไงครับ

    แหะ แหะ..
     
  18. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขอถามอีกสักเล็กน้อยนะครับ
    คือถ้าเราหาลูกแก้ววิเศษจากธรรมชาติขนาด 3 นิ้วขึ้นไปไม่ได้เนี่ย
    เราจะไปซื้อลูกแก้วที่ทำจากแร่ Quartz ที่เขาเจียรนัยแล้ว
    และวางขายตามร้านทั่วๆไปมาช่วยฝึกวิชชาได้ไหมครับ ถึงแม้ว่า
    ลูกแก้วพวกนั้นจะไม่ค่อยใสปิ้งเท่าไหร่นัก เพราะมักจะขุ่น
    หรือมีริ้วรอยแทรกอยู่ในเนื้อแก้วเยอะหนะครับ

    และก็..ถ้าเป็นลูกแก้วที่เขาเป่าขึ้นมาหละครับ..
    อันนี้ใสปิ้ง..แต่ไม่ธรรมชาติ..แล้วใช้ได้ไหม..
     
  19. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,035
    ค่าพลัง:
    +17,915

    ครับผม...ขอโทษด้วยครับที่ตอบช้าน่ะครับ..พอดีไปเอาแก้วดวงเล็ก 100 ดวงมาให้ คุณนิวส์น่ะครับ.../ แก้วจักรพรรดิ์นั้นเรียกอีกอย่างว่าแก้วมณีโชติรส นั่นเองครับ หรือแก้วมณีโชติ และยังแบ่งเป็น 3 ขนาดด้วยครับ ขนาดใหญ่สุด บรมจักร มีอำนาจมากที่สุด ขนาดเท่าลูกส้มโอขึ้นไปครับ...รองลงมาก็ มหาจักร ขนาดเท่าลูกมังคุดขึ้นไป หรือก็คือขนาดที่พี่ต้องการนั่นแหละครับ มีอำนาจรองลงมา...ส่วนแก้วที่พี่เห็นอยุ่ในรูปนั้นเป็นระดับ แก้วจุลจักร มีอำนาจรองจากแก้วมหาจักรครับ...และยังมีแก้วเล็กๆน้อยๆเป็นแก้วบริวารอีกด้วยครับ...ส่วนดวงที่พี่อยากได้นั้นตอนนี้มีครับ...ขนาดใหญ่กว่าที่เห็นในเว็บครับ...เท่ามังคุด ราคาก็ 4000 บาทครับ...เพราะเป็นแก้วมหาจักร จะใหญ่กว่าแก้วจุลจักรครับ...เป็นแก้วกายสิทธิ์ชั้นดีจากอำเภอเถินของเราครับ...อันนี้แถมแก้วบริวารให้ 20 ดวงครับ พร้อมไหลน้ำพี้ 10 เม็ด หนังสือธรรมะ 1 เล่ม ครับผม...^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 พฤศจิกายน 2007
  20. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,035
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ที่วางขายตามร้านทั่วไปก็ชื้อมาฝึกได้ครับ...แต่ว่าเนื่องจากมีรอยร้าวอยุ่ข้างในและขุ่นๆการทำให้แก้วใสๆนั้นต้องใช้กำลังมากอยุ่ครับจึงจะกลั่นได้...และแก้วที่เห็นๆวางขายอยุ่นั้นส่วนใหญ่มาจากจีนหรือไม่ก็พม่าครับหรือไม่ก็จากตะวันตก...ถ้ามาจากตะวันตกล่ะก็อาจจะเป็นแก้วที่เขาเลี้ยงไว้แบบวิทยาศาสตร์ครับ...คือแก้วเพาะ แม้จะเพาะเลี้ยงตามธรรมชาติ แต่ก็ไม่มีกายสิทธิ์อยู่เช่นกัน..ดังนั้นแหล่งที่มาที่แน่นอนจึงเป็นทางที่ดีที่สุดครับ...ราคาไม่แพง...ซึ่งมันก็เป็นชนิดเดียวกัน...แก้วจากพม่านั้นก็มีพลังและความศักดิ์สิทธิ์อยุ่ครับ...แต่จะไม่ค่อยใสเท่านั้นเอง...แต่แก้วจากเถินนั้นเป็นแก้วกายสิทธิ์ชั้นเลิศครับ...เป็นที่เสาะแสวงหาและเป็นของต้องห้ามในสมัยก่อนครับ...เพระาผู้ที่ครอบครองแก้วแบบนี้ได้นั้นต้องเป็นผู้มีบารมีธรรมสูงส่งครับ...เพระาขุมแก้วที่เถินนี้ไม่ใช่ว่าไปถึงแล้วจะชุดหาได้เลยนะครับ...อย่างผมเองผมก้ต้เองตั้งจิตอธิษฐานของให้เขาได้แก้วมาให้ผม..และคนไปหาก็ต้องเลี้ยงหัวหมู่และไก่ด้วยนะครับ...ไม่งั้นก็หาแก้วชั้นเลิศแบบนี้ได้ยากครับ...มีอยุ่ครั้งหนึ่งผมกับพรรคพวกของผมซึ่งมีลุงผมไปด้วย...แต่ที่ป่าอาถรรพิ์นั้นที่แรงมาก...ทางก็ลำบาก..เดินไป 3 วันอาจจะไม่ถึงเพราะอาจจะโดนเสือคาบไปก่อน..พอนั่นรถจี๊บไปกัน 6 คน..รถก็พลิกซ้ายทีชวาที เพราะทางมันเอียงซ้ายเอียงขวาตลอด..รถแบบธรรมดาที่ขับตามถนนไม่สามรถไปได้อีกตะหากครับ..ต้องเป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อขึ้นเขาโดยเฉพาะ...แม้แต่โฟวิล ยังไปไม่ได้เลย...นั่งไปก็ใจหายใจคว่ำไปด้วย..กว่าจะไปถึงที่หมายก็ปาเข้าไปครึ่งวัน...เพระาต้นไม้หักขวางทางรถถึง 3 แห่งต้องลงมาช่วยกันตัดไม้ขนาดใหญ่กว่าต้นตาลอีกครับ....นี่เป้นการไปลองดีกับเทพเจ้าผู้รักษาขุมแก้วแห่งหนึ่งในอำเภอแจ้ห่มครับ...ไม่ใช่ที่เถิน ...แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาครับนอกจากแก้วชิ้นเล็กๆเท่านิ้วชี้ที่ผมเอาติดตัวมาครับ..เพราะไม่มีใครกล้าขุดเลยนะสิครับ..ดินมันแข้งมากๆๆ ขนาดลุงผมเป็นจอมเวทย์ยังต้องรีบกลับเลยครับ...แบบว่า เตรียมธูปเทียนไปหมดแล้ว...แต่ลุงลืมบอกเจ้าที่เจ้าทางนะสิ...และผมก็อุจส่าห์หาขุมแก้วเจอแล้ว..แต่บังเอิญ...มีลูกแก้ว 2 ดวงสีขาวใส ลอยออกจากดินไปกลางวันแสกๆ...ทุกคนเลยรีบกลับครับ..เพราะเขากลัวกันนะสิครับ...อันนี้เป็นประสบการของผมในตอนที่ยังมีพลังไม่พอเพียงครับ...และมันเป็นแดนทมิฬที่ไม่ค่อยมีใครไปด้วย...และต้องออกจากแดนนี้ก่อนตะวันลับขอบฟ้าด้วยครับ...ไม่อย่างนั้นไม่มีใครรับรองความปลอดภัยได้เลย...แต่อีกไม่นานขุมแก้วแห่งนี้จะจมอยุ่ใต้เขื่อนขนาดยักษ์ครับ...จะไม่มีผู้ใดได้พบแก้วกายสิทธิ์จากขุมแก้วของอำเอแจ้ห่มอีกตลอดกาล...จึงเหลือที่เถินและบางจังหวัดในประเทศไทย...ส่วนลูกแก้วที่เขาหลอมมานั้นไม่ใช่แก้วจากธรมชาติไม่มีเทพรักษาอยู่...จึงไม่มีพลังศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง...ใช้ได้แค่การฝึกชั่วคราวเท่านั้นครับ...ไม่สามารถนำไปฝึกวิชาขั้นสูงได้ครับ...และแก้วหลอมนั้นต่อให้มี 100 ดวง 1000 ดวงก็สู้แก้วโป่งข่ามดวงเล็กๆเท่านิ้วก้อยไม่ได้ครับ...ดังนั้นแหล่งที่มาที่แน่นอนจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด...ที่เล่ามานี้เป้นเรื่องราวของพ่อมดโลจิจอมซ่าสืครับ... อิอิอิ...ประสบการณ์ในการหาขุมแก้วในแดนอาถรรพ์ครั้งแรกเกือบเอาชีวิตไปทิ้ง...แต่เมื่อเวลาผ่านไป..ก็มีประสบการณ์มากขึ้นก็จึงรู้วิธีการเอาสิ่งของที่เป็นกายสิทธิ์น่ะครับ..อิอิอิ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 พฤศจิกายน 2007
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...