นิทาน เรื่อง "พญานาค"

สะบายดีเที่ยงๆวันอังคารที่ 22 พฤษภาคม 2555 ครับเพี่อนสมาชิก

..สวัสดีคุณnouk คุณmukmik คุณkulthida คุณคะรุทา คุณISOENNOY

<marquee direction=left scrollamount=5>fishh_ </marquee>

 

หารูปไม่เจอ ขอเวลาหน่อยแล้วกันครับ ปฃแท้จริงแล้วมีแต่นาคา นาคี น่าจะรู้ว่า ภายในถ้ำพญานาคนั้น

สัญลักษณ์ต่างๆ พญานาคใช้ทำอะไรนะครับ

 

เหตุเกิดจากสุริยคราสเมื่อวานแน่ๆ เลย
ใครๆ ก็หมดอารมณ์ ทั้งคนเล่านิทานและคนอ่านนิทาน
คงต้องรอจันทราคราสในครั้งหน้าปรากฏ ชิมิ

ทำให้เราพลอยเบื่อตามไปด้วยนะเนี่ย
อยากอ่านเรื่องแปลกๆ อ่ะ ใครพอจะมีบ้างมั้ย
แปลกอย่างเดียวนะไม่ต้องประหลาด

งั้นตกลงว่า...เราเล่าดีกว่า

เรื่อง ควายโพธิสัตว์ ใครเคยได้ยินมาบ้างแล้วก็นิ่งๆ ไว้นะ (อยากโม้อ่ะ)

 

สวัสดีค่ะ คุณคุรุวาโร

มะเข้าใจคะ ไปคนเดียวแล้วมาถามหลายๆ คน ใครจะตอบได้
ยกตัวอย่างซิคะ เช่น...

 

จะเห็นว่า ที่ถ้ำที่ อ.ชุมแพ และที่ จ.หนองคาย ลักษณะ ภายในถ้ำจะคล้ายกันครับ

 

น่านนน..งานเข้าแล้วมั้ยล่ะ

ป่าวหรอก จู่ๆ มันก็รู้สึกเบื่อหน่ายน่ะ บอกไม่ถูก

วันนี้จะพาไปดูถ้ำที่พญานาคอาศัยอยู่ แล้วจะถาม อยากรู้ว่า พญานาคใครจะตอบได้

หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นนราวดีครับ เพราะ เห็นชมว่าถ้ำสวยดีครับ แสดงว่า น่าจะจำได้ครับ

 

ภาพถ้ำสวยๆ ค่ะ

 

จี๋ย...จึ๋ย...งานเข้าอีกแล้ว
แหม...ถ้ำมันสวยจริงนี่คะ แต่ก็อย่างว่า บางที...มันก็คล้ายๆ กันอ่ะค่ะ
รอฟังนิทานหนอ...

 

ตามที่เคยไปที่ถ้ำพญานาค ที่อ.ชุมแพ ภายในถ้ำแห่งนั้น จะทะลุภูเขาไปออกอีกด้านหนึ่งของภูเขาครับ

อธิบายง่ายๆ ก็คือพญานาคนั้น ใช้เป็นทางเข้า -ออก และจะมีลักษณะ ที่มีหินย้อยคล้ายเจดีย์ทรงระฆังคว่ำนั้น

ซึ่งจะมีเหมือนกันทั้งสองถ้ำนั้น เขาใช้เป็นที่สวดมนต์ครับ

ส่วนทางเดินภายในถ้ำนั้น พญานาคเมื่อเข้ามาอยู่ในถ้ำ มักจะชอบเลื้อยไปยังที่อยู่ของตนเอง

โดยจะไม่แปลงกายเป็นมนุษย์ครับ ภพภูมิของพญานาคนั้น คล้ายกับมนุษย์ครับ คือมีกายเนื้อและกายทิพย์เหมือนกันครับ

สังเกตุถ้ำทั้งสองให้ดี นราวดี และสมุนาเทวี เห็นอะไรบ้างครับ(ท่านอื่นๆด้วย)

 

ท่านสุมนารีบตอบจิ...(เด่วจะขอลอกการบ้านด้วยอ่ะ...กระซิบนะ)

 

รอเดี๋ยวจิ มุดถ้ำอยู่
เห็นอะไรบ้างหรือคะ
เห็นพลังงานมากมาย และเห็นว่าห้องหับน่าอยู่ เป็นสัดเป็นส่วนดี (เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย)
เห็นปยานาคตัวใหญ่ๆ หนึ่งตัวนอนแช่น้ำอยู่

 

ระหว่างรอ ธิดาพญานาค และสมุนาเทวี ค้นหาคำตอบว่า ทำไมถ้ำพญานาคทั้งสองถึงเหมือนกันเกือบ ร้อยเปอร์เซ็นต์นั้น

เล่าเรื่องไปเที่ยวชมถ้ำพญานาคที่ ชุมแพ ให้ฟังแล้วกันครับ

ถ้ำพญานาคที่ ชุมแพ นั้น ภายในถ้ำนั้นมืดมาก คือเมื่อเราเดินเข้าไปในถ้ำแล้วจะมืดสนิททีเดียวครับ

ลักษณะของปากถ้ำนั้น จะแคบ ถ้าไม่สังเกตุให้ดี จะไม่รู้ว่า มีถ้ำอยู่ครับ

การที่พญานาคนั้น ทำให้ปากถ้ำนั้นให้แคบเพื่อ และชัน เพื่อไม่ต้องการให้สัตว์ต่างๆพลัดหลงเข้ามาอาศัยครับ

ภายในถ้ำพญานาค ถ้าเราใช้เวลาเดิน ก็ประมาณ 2- 3 ชั่วโมงครับ

ถ้ำที่ชุมแพ นั้น จะแบ่งออกเป็นสามถ้ำด้วยกัน โดยจะเชื่อมติดต่อกันครับ

และแปลกอย่างหนึ่ง ถ้ำที่นี้ไม่มีค้างคาวอาศัยอยู่ครับ

เมื่อข้าพเจ้าไป ไม่ได้นำไฟฉายมาด้วย แต่ก็พอดี มีผู้คนแถวนั้นมาสักการะ

เหล่าพญานาคและเยี่ยมชม ถ้ำแห่งนั้น ข้าพเจ้าตามพวกเขาไปด้วยครับ

เนื่องจากภายในนั้นมืดมาก ถึงจะเป็นตอนกลางวัน ข้าพเจ้าได้เข้าฌาน

พบว่า

 

มิกกี้ มีห้องของธิดาพญานาคด้วยนะ เห็นรึปล่าวววว

 

ตอนนี้เราใช้วิชามารอยู่อ่ะ เข้าแบบปกติบ่ได้...:'(

 

เนื่องจากว่าพญานาคเวลาอยู่ในถ้ำจะชอบเลื้อยไง ในถ้ำก็จะมีลักษณะลดเลี้ยว คดเคี้ยว ไม่ตรง

ทำไมทั้ง 2 ถ้ำถึงมีลักษณะเหมือนกัน เพราะอยู่บริเวณใกล้กัน และนั่นเป็นวัฒนธรรมของพญานาค หลักการปกครองจะเหมือนกัน การจัดการก็จะเหมือนๆ กัน การให้ความสำคัญของสิ่งแวดล้อมก็จะเหมือนๆ กัน ความระแวงภัยก็จะเหมือนๆ กัน และเป็นพญานาคตระกูลเดียวกัน (ที่ตอบมาทั้งหมด...เดา)

 

ปากถ้ำจะเล็ก และแคบด้วยอ่ะป่าว...
(ช่วยผสมโรง เผื่อฟลุ๊กตอบถูก จะได้เอาความดีความชอบด้วย ^^)

 

เราเคยฝันเห็นบ้านหลังใหญ่ ลักษณะเหมือนปราสาท มีหลายชั้น หลายห้องและทุกห้องจะทะลุถึงกันหมด เรียกว่าเข้าห้องโน้นออกห้องนี้เป็นว่าเล่นเลยแหละ ภายในบ้านก็มืดๆ สลัวๆ ไม่มีไฟ ลักษณะของบันไดก็เหมือนเอาไม้กระดานมาพาดพิงกันเป็นชั้นๆ

เคยฝันเห็นมา 2-3 ครั้งได้แระ

 

เผลอแป๊บเดียวท่านประธานหายอีกรแระ...

*****
คุณอ้อยหายไปนาน...วันนี้ไม่มีเรื่องเล่ามาฝากเหรอคะ ^^

 

อะ...ระหว่างที่รอ อ่านเรื่องนี้ก่อนแล้วกันนะ

ควายเขาแก้ว

ตำนานควายเผือกเขาแก้ว อันเป็นที่มาของชื่อ " ดอยเขาควายแก้ว" หรือ " ดอยเขาควาย" ในปัจจุบัน ได้มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล ในปีที่ยี่สิบห้า

พระพุทธเจ้าได้พาพระอรหันต์สาวก เสด็จมาโปรดสัตว์แถวล้านนา ทางเหนือตอนบนของประเทศไทย เสด็จมาถึงดอยลูกหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัดเชียงรายในปัจจุบัน

ได้ทรงทำนายไว้ว่าบ้านเมืองนี้ต่อไปจะเจริญมั่นคงสมบูรณ์ ครั้นพระองค์เสด็จปรินิพานแล้ว ให้เอากระดูกนิ้วก้อยของพระองค์มาประดิษฐานบนดอยลูกนี้ ให้เป็นที่กราบสักการะบูชาของคนทั่วไป อันดอยลูกนี้มีนามว่า “ดอยเขาควายแก้ว”

มีเรื่องเล่าว่า ปางก่อนได้มีควายสองแม่ลูกได้อาศัยหากินอยู่บนดอยลูกนี้กับฝูงควายฝูงหนึ่ง ควายผู้เป็นลูกนั้นเป็นควายพระโพธิสัตว์ มีเขาเป็นแก้ว ได้อาศัยหากินตามป่าตามหนองน้ำใกล้ๆ กับดอยลูกนั้น ควายเผือกเขาแก้วนี้เมื่อโตขึ้นได้เป็นจ่าฝูงของควายทั้งหมดเนื่องจากมีพะละกำลัง และสติปัญญาความฉลาดเกินกว่าควายทั่วๆไป

 

ในฝูง ครั้นเวลาล่วงเลยมานานได้มีสองตายายไปทำไร่ทำสวนงาบริเวณดอยลูกนั้น ก็ได้ไปพบเขาควายแก้ว ดอยลูกนั้นจึงได้มีชื่อว่า ดอยเขาควายแก้ว ตั้งแต่นั้นมา

หลายร้อยปีหลังจากนั้นมีสองชาวบ้านสองคนแม่ลูกอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนั้นทั้งสองมีควายตัวเมียอยู่หนึ่งตัวหนึ่งและควายตัวนี้ได้ออกลูกอีก1ตัว ลูกควายตัวนี้ถูกส่งมาจากสวรรค์ มีสีขาวและมีรูปร่างสวยงาม ชาวบ้านสองคนแม่ลูกได้เลี้ยงควายทั้งสองตัวในหนองน้ำข้างล่างดอย ทางทิศใต้ของพันธุนคร(หรือพันธุมตินคร ซึ่งเป็นชื่อเดิมของเชียงรายในโบราณกาล) เขาของลูกควายยาวขึ้นมากก่อนที่มันจะตาย

เวลานานผ่านไป ชาวนาคนหนึ่งพบกะโหลกและเขาของควายฝังอยู่ในทรายและเกิดประทับใจในความยาว ของมัน เขาจึงขัดเขาของมันแล้วพบว่ามันเป็นแก้ว เขาควายได้นำโชคมาให้และชาวนาคนนี้ก็กลายเป็นคนที่ร่ำรวย