นิพพานคือขั้นสูงสุดใช่หรือไม่

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Saranpong, 25 พฤษภาคม 2012.

  1. Saranpong

    Saranpong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +10
    จากที่ได้อ่านและศึกษาจากที่ต่างๆมา ว่าการเข้าถึงนิพพานคือการสิ้นแล้วซึ่งกิเลสทั้งปวง มุ่งสู่ความว่างเปล่าไร้ขอบเขต ถ้าหากจะคิดต่อไปว่า...นิพพานคือที่สุดแล้วจริงหรือครับ

    ปล. นับจากพระพุทธเจ้าท่านเสด็จดับขันธ์นิพพานไปก็ครบรอบ 2,600 ปีแล้ว ตามความคิดคือตอนนี้ท่านน่าจะบำเพ็ญสู่ขั้นที่สูงกว่าเดิมอีกหลายขั้น เลยอยากถามความคิดเห็นดูครับ
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    พระศาสดาเป็น สัพพัญญู รู้ถ้วนทั่ว เวลาจะทำอะไร ท่านจะไม่ประกาศศาสนาแล้ว ค่อยต่อยอดภายหลัง
    แต่ จะต้องครอบคลุมทั้งหมดแล้ว จึงประกาศ ไม่เช่นนั้นจะสอนคนได้หรือ
    พระอรหันต์ ที่ได้ปฏิบัติตามแล้ว รู้เห็นเหมือนกันหมด หลอกคนไม่ได้นะ ท่านท้าให้มาพิสูจน์แล้ว

    โลกุตระธรรม เป็นธรรมเหนือโลก เมื่อศึกษาให้ดี แล้วจะรู้ว่า มีที่สิ้นสุด มีปลายทางที่ชัดเจน
    ต้องศึกษาให้ดีก่อน ก่อนจะสรุป หรือนึกคิดด้นเดาไปว่า น่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
     
  3. Saranpong

    Saranpong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +10
    เคยมีประโยคนึงกล่าวไว้ว่าหลักคำสอนหากแม้นบอกแก่ผู้ไร้วาสนา จะเกิดเป็นความทุกข์จากการใฝ่หาคำตอบไม่สิ้นสุด

    และที่ท่านพุทธทาสกล่าวเสริมไว้ว่า ถึงที่สุดต้องละทิ้งทุกอย่างแม้กระทั่งศาสนาพุทธเพื่อเจอหนทางไปต่อ ใช่หรือไม่ครับ ส่วนตัวผมคิดว่าคำพูดดังกล่าวบอกเป็นนัยว่าท่านพระพุทธเจ้ามองเห็นหนทางไปต่อแล้ว และท่านเคยตรัสว่ายิ่งศาสนาผ่านไปนานเท่าไหร่ผู้ถึงแท้ซึ่งนิพพานจะยิ่งน้อยลงตามลำดับ ดังนั้นแล้วอาจเป็นได้ว่าหากนำหนทางไปต่อมาเผยแพร่ อาจจะเป็นการเพิ่มภาระแก่ผู้บำเพ็ญที่มุ่งไปยังนิพพาน ใช่หรือไม่ครับ

    อ้างอิงคำพูดจากรายการแฟนพันธุ์แท้ ท่านพุทธทาสภิกขุ

    และก็การที่ครอบคลุมทั้งหมด อาจหมายความถึงเพียงพอต่อการหลุดพ้นจากวัฎสงสาร เรื่องรู้เห็นเหมือนกันหมดถูกต้องแล้วรวมถึงที่ท่านมองเห็นอนาคตอันแสนไกลถึงได้นำสุดทางเดินมาเผยแพร่
    และเมื่อสมัยพระพุทธเจ้าท่านยังคงอยู่ กับปัจจุบันนี้นั้นมนุษย์เปลี่ยนไปมากมาย กับ 2,600 ปีจะไม่มีโอกาสเพียงเสี้ยวเชียวหรือที่จะค้นพบหนทางไปต่ออีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2012
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    พระธรรมคือความจริง ถ้าเราเป็นคนพิสูจน์ธรรม ของท่านไปทีละเรื่อง อย่างทำได้จริง คำถามที่กล่าวมาจะไม่เกิด และจะไม่คิดว่า พระศาสดามีลับลมคมในหรือมีไม้ตายที่ยังไม่เปิดเผย
    เพราะท่าน บริสุทธิ์ทุกอย่าง ไม่มีไม้ตายใดๆทั้งสิ้น ทุกอย่างพูดหมดเปลือก ปัญหาอยู่ที่ว่า เราในฐานะเป็นศิษย์ของบรมครู จะรู้เห็นตามได้มากน้อยเพียงใด
     
  5. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ถาม ว่า การ เป็น พุทธะ คือ ที่ สุด แล้ว หรือ

    เอ๊ะ หาก จะ วาง สภาวะ ของ องค์พุทธะ ทำ ได้ มั๊ย

    ก่ เหมือน กับ การ เป็น อรหันต์ ใน เพศ ของ บรรพชิต

    เมื่อ เป็น อรหันต์ แล้ว ลา ออก จาก เพศ บรรพชิต ได้ หรือ ไม่

    นั้น ล่ะ คือ ยัง มี ที่ ไป ต่อ เพราะ ถึง สภาวะ ใด แล้ว ก่ ต้อง วาง

    อีก ต่อ ไป สำคัญ ว่า เมื่อ ดำรง ใน สภาวะ อย่าง นั้น จะ วาง อย่าง ไร

    นี่ สิ ปัญหา ....
     
  6. suthipongnuy

    suthipongnuy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,428
    ความสุข คือ ความทุกข์ ชนิดหนึ่ง :cool:

    ไม่สุข ไม่ทุกข์ คือ นิพพาน
     
  7. Saranpong

    Saranpong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +10
    ขอเข้าประเด็นนิดนึง ยังไม่มีการแถลงไขแต่อย่างใดว่าหลังจาก 2,600 ปีผ่านไปเป็นไปไม่ได้เชียวหรือที่ท่านจะก้าวข้ามต่อไปเพื่อรองรับมนุษย์ก่อนจะถึงยุคที่มนุษย์จะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป

    และในความคิดผม หากไม่ผ่านมาอย่างถูกต้องจะเกิดคำถามได้อย่างไรว่าตอนนี้ท่านน่าจะมีความก้าวหน้าเพื่อมวลมนุษย์เรา ที่ท่านต้องการให้พ้นจากทะเลทุกข์โดยที่ท่านพระพุทธเจ้านั้นอาจจะเสียสละบางสิ่งอีกครั้งเพื่อค้นพบหลักธรรมที่จะช่วยให้คนบรรลุธรรมได้ง่ายขึ้น ใช่หรือไม่ครับ ประเด็นคือ 2,600 ปีกับความเมตตาธรรมของท่านที่มี อาจจะเกิดความเป็นไปได้อย่างที่บอกไป

    ส่วนที่ว่าหากจะวางสถานะพุทธะ ในความเห็นผมพระพุทธเจ้าท่านทรงไม่ยึดติดกับสิ่งใดและอาจเพียงมุ่งหวังค้นหาหนทางสายหลุดพ้นเพื่อมอบแก่มนุษย์ทุกรูปนามที่มีศรัทธา อาจเหมือนกับเป็นการออกธุดงค์อีกครั้ง ในเมื่อเรายังศรัทธาและนับถือท่านอย่างแรงกล้าทั่วทั้งโลกนี้ และผลบุญอาจเสริมให้ท่านเลือกที่จะละวางนามไว้ฝากให้เหล่าพระอรหันต์ผู้บรรลุเช่นกันดูแลแทนท่านช่วงหนึ่ง
    และในความเห็นผมนั้น หากท่านพระพุทธเจ้าออกธุดงค์บนเส้นทางต่อไปอาจค้นพบหนทางช่วยให้คนเข้าถึงนิพพานได้ง่ายขึ้น จริงหรือไม่ครับ
    เพราะมีหลายคนที่มีอุปสรรคจากหน้าที่การงาน มีแรงศรัทธาแต่ไม่สามารถละทิ้งหน้าที่ได้ ทุกคนทราบดีใช่หรือไม่ครับ ว่าท่านต้องการให้ทุกคนหลุดพ้นอย่างเท่าเทียมกัน

    แล้วหากความคิดของผมอาจเป็นจริงแม้เพียงเสี้ยว 2,600 ปีที่ท่านอาจเดินทางธุดงค์ก็เพื่อคนเราทุกคนไม่ใช่หรือ
    และท่านไม่ได้มีความลับอันใดเป็นเรื่องถูกต้อง แต่หากมองในอีกมุมหนึ่ง หลักธรรมอาจเพียงพอสำหรับ ณ ตอนนั้นเรื่อยมาถึงปัจจุบันนี้ และท่านพระพุทธเจ้าก็ทรงทราบดีว่าคนย่อมแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา

    ดังนั้นเพียงเสี้ยวของความน่าจะเป็น ขอย้ำ ความน่าจะเป็นของ 2,600 ปีเพื่อมนุษย์เรานั้นหากเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีหรอกหรือ

    ปล. กระทู้นี้ถามด้วยศรัทธาที่ว่าด้วยเวลา 2,600 ปีเท่านั้น เรื่องหลักธรรมขอยืนยันว่าจริงและพิสูจน์ได้ผมทราบดี และมีคนยืนยันได้ ไม่เช่นนั้นผมคงไม่ตั้งกระทู้ถามเช่นนี้ และเมื่อถึงสภาวะนั้นผมเชื่อมั่นว่าท่านสามารถค้นพบคำตอบได้ผ่านเวลาและการรู้แจ้งอีกครั้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2012
  8. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    แล้ว นิพพาน ปรมัง สุขขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง อ่าครับ



    กลับมาคําถามครับ ความรู้ที่ผมรู้คือ แดนพระนิพพาน บรรลุนิพพาน คือสูงสุดแล้วครับเพราะผมลองคิด พระพุทธเจ้า ท่านมีปัญญามาก ประเสริฐสุดแล้ว ทําเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ผมลองคิดว่า พระพุทธองค์ท่านมีปัญญา เห็นตามความเป็นจริง ท่านก็พอปรินิพพาน ท่านก็อยู่ที่ แดนพระนิพพาน นิพพานนี่สูงสุดหละ บรหมสุขหละ แต่ผมก็ไม่เคยไปแดนพระนิพพานหรอก แต่ฟังมา แต่ผมเคยนั่งสมาธิแล้วเจอสุขที่สุขมากๆ(ตอนนั้นตายก็ยอม แต่เสียอย่าง มันไม่เที่ยงแค่นั้นแหละ ก็เสียใจ:( แล้วผมลองคิด ระดับพระพุทธองค์ ต้องเจอสุขที่สุขแน่ๆ ต้องมากกว่าที่ผมเจอแน่ๆ แล้วพระพุทธองค์ก็อยู่ที่แดนพระนิพพาน
     
  9. J47

    J47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +3,405
    ยิ่งอ่านยิ่ง งง ครับ
    ท่าน จขกท. จะถามอะไรเหรอ ..?
    ถามเป็นข้อๆๆ เอาแบบไม่สับสนนะครับ ผมว่าท่านยังสับสนกับคำถามอยู่นะครับ
     
  10. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ถามท่านผู้รู้ สมาธิเพื่ออะไร ฌาณเพิ่ออะไร สังโยชน์ข้อ 6 และ 7 พระอรหันต์ท่านผ่านอย่างนั้นเหรอ และถ้าถึงจุดนั้นแล้ว ฌาณไม่ต้อง อัปปนาเป็นต้นใช่หรือไม่?
     
  11. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ถามคำถามพระอภิธรรมนะครับคุณขันธ์ 1.ปรมัตถสัจจะคืออะไร 2.ปรมัตถธรรมคืออะไร 3.มรรคเป็นโลกียธรรมใช่ไหรือไม่
     
  12. Saranpong

    Saranpong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +10
    อัปปนาสมาธิ คือการเข้าถึงและตัดออกไปทีละข้อเหมือนการวนจากนอกเข้าหาข้างในสู่อารมณ์ที่ตัดยากที่สุด สังเกตุง่ายๆว่าเวลาปกติเราจะรู้สึกถึงลมหายใจ และเมื่ออารมณ์ขุ่นมัวลมหายใจจะกระเพื่อมไหวตาม หากผ่านถึงระดับนั้นจะสามารถดับลมหายใจเพื่อมุ่งสู่นิพพานได้ เพราะเมื่อไร้ซึ่งอารมณ์อัปปนาก็จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจิต ก่อนจะเข้าสู่ขั้นสุดท้ายคือการละจิตอีกที คนเราหายใจเพราะอารมณ์ และระบบร่างกายต้องทำงาน แต่เมื่อละทิ้งจิตเพื่อให้บริสุทธ์ลมหายใจก็จะหมดไป ลมหายใจเป็นเพียงทางผ่านสู่ขั้นนิพพาน หากคนที่เคยทำสมาธิถึงขั้นสูงแล้ว เคยสังเกตุหรือไม่ว่าท่านไม่รู้สึกถึงลมหายใจ เพราะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจิตอีกระดับแล้ว

    ส่วนของผมไม่ได้สับสนกับคำถามหรอกครับ ประเด็นคือ

    1.ความเมตตาของท่านที่บันทึกไว้ว่าอนาคตข้างหน้ามนุษย์จะกลายเป็นอมนุษย์ที่ห่างไกลซึ่งศีลธรรมเห็นผิดเป็นถูก บ้างอาจผิดหวังกับการไม่ค้นพบหลักธรรมขั้นสูง อันเนื่องจากความมั่นใจที่มากขึ้น(ego) จนรู้สึกว่าห่างไกลจับต้องไม่ได้ทั้งที่มีจิตใจที่มุ่งมั่น กิเลสอาจกลับมาเกาะกินจนหันกลับไปเสพสิ่งที่กายเนื้อสัมผัสได้
    2.ในปัจจุบันผู้คนห่างจากคำว่านิพพานมากขึ้น เพราะคนเราเข้าใกล้กระแสของโลกมากกว่าเมื่อ 2600 ปีก่อน เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ ซึ่งรวมถึงข่าว ทั้งที่สมัยก่อนนั้นคนเราอาศัยการ รอ และมีความสงบนิ่งต่อธรรมชาติมากกว่า เมื่อเวลาผ่านไปหลักคำสอนก็ต้องขยับตามให้เข้าถึงง่ายขึ้นจริงหรือไม่ และหากเป็นเช่นนั้นจริง แดนนิพพานก็คือแดนนิพพาน ถูกต้องแล้วแต่ท่านเคยได้ยินมาบ้างใช่มั้ยครับว่า หากคนเราสัมผัสกับความสุขมากเกินไปมักจะหลงลืมเป้าหมายที่สำคัญที่ต้องทำ และผมเชื่อว่าพระองค์ท่านเมื่อทราบว่าถึงจุดหนึ่งนิพพานจะบรรลุถึงยากเพราะความพยายามลดลงและสิ่งยั่วยุมีมากขึ้น การออกเดินทางจากแดนนิพพานเพื่อเสาะหาความจริงแท้อีกขั้นจึงอาจเป็นไปได้ใช่หรือไม่

    สรุป คำถามของผม ความเมตตาของพระองค์ท่าน + 2,600 ปีของมนุษย์ที่เริ่มห่างจากความหมายของธรรมที่แท้จริง ซึ่งเหมารวมถึงรุ่นลูกหลานที่ถามว่าคืออะไรไม่เข้าใจ ไม่อยากรอ ก็เป็นไปได้ใช่หรือไม่ว่าท่านอาจจะออกธุดงค์ต่อเพื่อค้นพบทางเข้าสู่ทางธรรมที่ตรงกับปัจจุบันมากที่สุด

    หากท่านใดที่อ่านอยู่และทำสมาธิถึงขั้นเห็นอนาคตข้างหน้า จะรู้ได้ว่ามนุษย์จะพบกับความทุกข์ไร้ที่สุดถึงเพียงไหนจากการที่ไม่สามารถเข้าถึงหลักธรรมขั้นสูงได้ การแปลงธรรมขั้นสูงให้ร่วมกับปัจจุบัน และออกเดินทางหาเส้นทางที่จะช่วยให้คนเข้าถึงธรรมขั้นสูงโดยไม่ต้องอาศัยคำพูดก็น่าจะมี

    แค่อยากรู้ว่าหากพระพุทธเจ้าท่านจะออกแสวงหาหนทางใหม่ เพื่อนำมาเผยแพร่ จะเป็นไปไม่ได้เชียวหรือ ทุกท่านคงไม่บอกว่าจะอยู่แดนนิพพานตลอดไปจนไม่หันหลังกลับมาช่วยคนที่ปฏิบัติธรรมบ้างเลยหรือ ในเมื่อแดนนิพพานคือไร้ทุกข์ การไปถึงแล้วแสดงเส้นทางที่เข้าถึงง่ายๆหลายๆทางก็คือการไร้ทุกข์ผ่านการแบ่งปันสิครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2012
  13. ee56054

    ee56054 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +130
    ที่ผมได้เรียนรู้มาประมาณว่า เราเมื่อมีขันธ์ 5 เกิดขึ้นดังนั้นเราต้องมีตัวให้กำเนิดขันธ์ 5 (นายช่างผู้สร้างเรือน) สมมุติให้เรียกว่าจิตของจิต ถ้าเราต้องทำให้ตัวจิตของจิตตัวนี้สูญสลายไม่มีเหลือเพื่อไม่ให้มันพาเราไปเกิด นั้นและครับจึงได้มีคำว่า '' นิพพานัง ปรมัง สูญยัง " แปลว่า นิพพานเป็นธรรมว่างอย่างยิ่ง หรือยังให้พูดอีกอย่างคือ " นิพพาน คือการดับสนิท" เมื่อมันไม่มีแม้ตัวมันเอง ตัวเราก็ไม่มี แล้วจะไปต่ออย่างไงละครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2012
  14. Saranpong

    Saranpong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +10
    ว่างอย่างยิ่งคือการสิ้นแล้วซึ่งกิเลสเป็นการดับจิตที่เกิดจากการปรุงแต่ง ที่มองเห็นเป็นรูปร่าง เมื่อดับแล้ว จิตจะคืนสู่สภาพเดิมคือไร้รูปไร้ลักษณ์ สามารถแปลงเป็นสิ่งใดก็ได้ นั่นคือ จิตอีกขั้นหนึ่ง การไปต่อคือการค้นหาเบื้องหลังความว่าง เพราะหากความว่างไม่มีการเกิดและการดับเนื่องจากจิตขจัดสิ้นแล้วซึ่งกิเลส แล้วสิ่งใดกันที่สร้างกฏอันจริงแท้ขึ้นมา หากมิใช่การชำระจิตให้คืนสู้ไร้รูปจึงจะผ่านไปได้หรอกหรือ หากเบื้องหลังสุญญตา คือการกำเนิดของทุกสรรพสิ่งหากแม้นไปเห็นแล้วไม่ใช่สิ่งที่ควรรู้หรือเผยแพร่ในตอนนี้ แต่จำเป็นต่ออนาคต ค่อยกลับมายังแดนนิพพานก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะไม่เคยมีคำกล่าวว่าละจากแดนนิพพานแล้วจะไม่สามารถกลับมาได้ใช่มั้ยครับ หากพระองค์ท่านออกเดินทางจริงค้นพบจริงก็สามารถกลับมาแดนนิพพานได้ทุกเมื่อนี้ครับ ผมไม่ได้บอกว่าแม้อาจเป็นเพียงเสี้ยวเดียวที่พระองค์ท่านจะเดินทางต่อ แล้วท่านจะไม่กลับมาแดนนิพพานเพื่อเผยแพร่วันใดก็วันหนึ่งนี่ครับ

    หรืออีกนัยหนึ่ง ขอกล่าวนอกเรื่องนิดหนึ่งคือ หากคำสอนของพระองค์ท่านเดินทางมาถึงยุคพระศรีอารฯ ที่ธรรมะส่องไม่ถึงใจคนเพราะคนไม่อาจตีความได้แล้ว พระศรีอารฯ ท่านจะทำอย่างไร หากมิใช่เพราะการเดินทางของพระพุทธเจ้าท่านเพื่อรวบรัดทุกคำสอนให้เข้าใจง่ายขึ้น ดังคำกล่าวที่ว่า

    แม้รู้แจ้งทุกสิ่งย่อมกระจ่างอย่างรวบรัด รู้แจ้งแทงตลอดไร้อุปสรรค

    ดังนั้นหากแม้นพระองค์ท่านเดินทางจริงก็เพื่อมนุษย์ทั้งปัจจุบันและเพื่อลูกหลานเรา หรือไม่ใช่ความน่าจะเป็นที่หากเกิดขึ้นจริงก็ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดี

    หรือคุณจะบอกว่าลูกหลานสมัยนี้พ่อแม่สมัยนี้ไม่เป็นอย่างที่ผมพูด หากเมื่อใดปฏิบัติถึงขั้นสูงแล้วค่อยมองเห็นความจริงพวกคุณไม่คิดหรือว่า การมองตรงไปแต่แดนนิพพาน ทั้งที่ยังมีคนมากมายที่ไร้บุญวาสนา แต่มีแรงใจที่หนักแน่นกับแรงศรัทธาอย่างแท้จริง เพียงขาดผู้มาชี้แจงด้วยถ้อยคำที่เรียบง่ายแต่เข้ากับวิถีของคนนั้นๆ อย่างที่พระองค์เคยตรัสว่าสวรรค์ใครก็ไปได้ทางขึ้นมีอยู่ทุกหนแห่ง และเหนือกว่าคือนิพพาน การก้าวขึ้นสะพานเป็นสิ่งสำคัญใช่มั้ย และหลายคนยังคงไม่เข้าถึงหลักธรรมแม้จะมีคำแปลอยู่มากมาย เพราะยุคนั้น คือ ยุคนั้น ไม่มีใครไม่ต้องการการหลุดพ้น แต่หากมีการพบทางที่จะรวบรัดความหมายของนิพพานให้ง่ายขึ้นก็น่าจะมีเพียงการก้าวให้เหนือกว่าแดนนิพพานใช่มั้ยครับ

    อยากให้มองและเข้าใจผู้ที่ไม่อาจเข้าถึงแต่อยากหลุดพ้นบ้าง อย่าเพิ่งมองไปยังสวรรค์เพียงอย่างเดียวสิครับ

    ผมแค่ถามถึงการเสียสละ และการแบ่งปันหนทางที่แตกต่าง แต่ยังไม่เห็นมีผู้ใดเอ่ยถึงเลย เหมือนกับสีของแก้วในใจคน จะทำไงให้มันผ่องใสและพาดเส้นทางให้ตรงกับวิถีคน คนเรามีหลากสีหลายวิถี หากท่านเดินทางหลุดพ้นจากนิพพานและค้นพบอีกด้านหนึ่ง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อคนทุกคนทั้งนั้น สาธุ
     
  15. ee56054

    ee56054 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +130
    ที่อธิบายมา ผมได้เรียนรู้มาว่า สภาวะจิตบริสุทธิ์ มันเป็นสภาวะ อนาคามี และที่บอก จิตจะคืนสู่สภาพเดิมคือไร้รูปไร้ลักษณ์ คำว่า คืนสู่สภาวะเดิม นั้นหมายความว่ามันมีโอกาสจะกลับมาเกิดอีก เราต้องทำลายตัวนั้นและครับถึงจะไม่กลับมาเกิดอีก และอีกอย่างผมเห็นคนพูดแต่ กิเลส ไม่เห็นมีใครพูดถึง ตัญหา เลย กิเลสแปลว่าเครื่องเศร้าหมอง ส่วนตัณหาแปลว่าความอยาก ผมว่าตัณหานี้เล่นยากกว่ากิเลสนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2012
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ไปสนใจอะไรกับคำเหล่านั้น เอาว่ากิเลสมีอยู่ในใจมากน้อยแค่ไหนดีกว่า
    และสนใจว่า อริยมรรคปฏิบัติอย่างไร ในชีวิตเราใช้ชีวิตตามอริยมรรคหรือไม่
    นี่สนใจอะไรให้วกเข้าสู่การปรับปรุงตนเอง
    ส่วนนิยามความหมาย เอาไว้สื่อสาร ตามฐานะและโอกาส
     
  17. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ครับ เข้าใจ ถ้าสำเร็จปัญหาอย่างว่าก็หมดไป เพียงแต่เป็นห่วง เพราะคุณขันธ์ก็รู้ หลายท่านก็รู้ เพราะฉะนั้นผมถามเรื่องมรรคข้อที่ 8 อย่างไรได้ชื่อว่าสัมมาสมาธิ โปรดอธิบาย อานิสงค์ผลบุญที่อธิบายขอให้รวยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย...
     
  18. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    คุณขันธ์ เขาไม่เน้นรวยครับ เขาทำใจได้แล้ว

    ฉนั้นอย่าคาดหวังคำตอบจะออกมาตรงคำถาม ^^
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ถามว่า อย่างไรได้ชื่อว่า สัมมาสมาธิ
    ตอบว่า อาการของจิตที่เป็นหนึ่ง ด้วยสติตื่นรู้ นั่นแหละคือ สัมมาสมาธิ
    ทำได้ สังเกตุตนได้ จนละเอียดแล้วจะรู้เอง
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    จะรวยจะจน มันอยู่ที่ฝีมือในการทำมาหากิน ใครไปห้าม คนโง่นะสิ ไม่อยากรวย
     

แชร์หน้านี้

Loading...