การเลื่อนระดับไม่ใช่การฝึกอะไรทั้งนั้น แต่คุณต้องเกิดใหม่เพื่อเป็นสิ่งนั้น!

เอาละ ที่รัก ผมคิดว่ายังมีหลายท่านยังไม่ได้
เข้าใจถึง "การเลื่อนระดับ" อย่างแท้จริง และ
เพื่อให้คุณทำได้จริงๆ ผมจำเป็นต้องอาสามา
เป็น "ผู้ช่วยในการเลื่อนระดับ" ของพวกคุณ


อย่างที่ผมบอก การเลื่อนระดับไม่อาจเกิดขึ้น
ได้จากการฝึกอะไรทั้งนั้น แต่มันจะเกิดขึ้นจาก
การ "กำเนิดใหม่" เพื่อให้คุณเป็น "ผู้มีวิวัฒนา
การทางโครงสร้างพลังงานภายใน สูงขึ้น" มัน
ไม่อาจเป็นไปได้ด้วยการพยายามทำให้เป็น แต่
มันต้องเป็นอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างเช่น ถ้าคุณ
จะเป็นอย่างนก คุณก็ต้องเป็นนกเสีย ถ้าคุณจะ
เป็นอย่างปลา คุณก็ต้องเป็นปลาเสีย ไม่ใช่คุณ
เป็นปลา แล้วจะไปฝึกให้เป็นอย่างนก หรือคุณ
เป็นนกแล้วจะฝึกให้เป็นอย่างปลา นั้นไม่ได้


เอาละ ผมจะมาคุยเรื่องนี้ ให้คุณเข้าใจมากยิ่งขึ้น

 

รอ ฟัง อยู่

 

มีความลับของจักรวาลอย่างหนึ่งที่ผมสามารถเปิดเผยแก่คุณได้
คือเรื่อง "เชื้อสายทางจิตวิญญาณ" กล่าวคือ แม้ร่างกายของคุณ
จะเป็นมนุษย์ แต่คุณมีเชื้อสายทางจิตวิญญาณที่เชื่อมโยงกับทุก
สรรพชีวิต มนุษย์เป็นเหมือน "ศูนย์เชื่อมโยงทางพันธุกรรม" ใน
ระดับ "พลังงาน" ดังนั้น ในระดับพลังงานคุณสามารถกำเนิดใหม่
เป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น ในขณะที่ร่างกายของคุณยังเป็น "คน" อยู่ !


โอว ที่รัก ดูแปลกมากใช่ไหม? ถ้าคุณมีร่างเป็นคน แต่พลังงานภาย
ในของคุณเป็นนก เป็นต้น เอาละ มันไม่แปลกอะไรหรอก นี่ละ คือสิ่ง
ที่พิเศษในความเป็นคนของคุณทั้งหลาย ที่สิ่งอื่นๆ ไม่สามารถทำได้
สิ่งมีชีวิตในมิติอื่นๆ ไม่มีความสามารถนี้ ดังนั้น เมื่อคุณได้เกิดมาเป็น
คนแล้ว อย่าละทิ้งความสามารถพิเศษนี้ไปเสียละ จงภูมิใจในสิ่งนี้ด้วย


ที่นี้ เมื่อคุณทราบแล้วว่า "ร่างกายของคน" คือ "เครื่องเชื่อมโยงทาง
พันธุกรรมอันหลากหลายในระดับพลังงาน" ต่อไปนี้ ผมก็จะแนะนำวิธี
ที่คุณจะกำเนิดใหม่ เป็นอะไรก็ได้ ในระดับ "พลังงาน" ในขณะที่ร่าง
สังขารของคุณยังคงเป็น "คน" อยู่เช่นเดิม อย่างแรกที่คุณต้องเข้าใจ
คือ "ระดับพลังงานไม่มีขีดจำกัดในการเชื่อมโยง" นั่นคือ คุณสามารถ
ที่จะเชื่อมโยงทางสายพันธุ์กับอะไรก็ได้ เพื่อกำเนิดใหม่ตามแบบนั้นๆ
เช่น การเชื่อมโยงกับสิ่งมีชีวิตระดับเทพ เพื่อกำเนิดใหม่แบบสายพันธุ์
เทพ ในขณะที่ร่างสังขารของคุณเป็นคนอยู่ คุณก็จะได้รับพลังพิเศษ
และมีชีวิตอยู่อย่างสายพันธุ์ของคุณ แต่คุณต้องปรับตัวเล็กน้อยเพื่อให้
เข้ากับสิ่งต่างๆ บนโลกตามควร เพราะคุณอยู่บนโลกมนุษย์อยู่ นั่นเอง

 

เข้า ใจ ล่ะ

แบบ นี้ หรือ เปล่า พวก รูป กาย เนื้อ เป็น คน แต่ มี วิญญาณ เป็น รูป สัตว์ ต่าง ๆ

หรือ เป็น สัตว์ นรก เปรต อะไร ประเภท นี้ หรือ เปล่า

ต้อง ทำ อย่าง ไร ก่า ก่ะ อ้าย สุด หล่อ

 

หัวใจสำคัญของการกำเนิดใหม่นั้นตรงไปตรงมา คือ คุณต้องตาย
ในระดับพลังงานให้ได้ และคุณต้องเลือกเกิดในระดับพลังงานให้
เป็น สองอย่างนี้ คือ สิ่งที่ทำให้การกำเนิดใหม่ของคุณสมบูรณ์ได้


เอาละ คุณจะตายในระดับพลังงานได้อย่างไร? นี่คือ คำถามสินะ
การตาย ก็คือ "ที่สุดของชีวิตหนึ่งๆ" หมายความว่าคุณต้องนำพา
รูปธรรมชีวิตในระดับพลังงาน ที่อยู่ภายในสังขารของคุณ ไปถึงที่
สุดของชีวิตให้ได้ เหมือนคนที่โตเร็วๆ แก่เร็วๆ แล้วก็ถึงวาระตายเอง
น่ะแหละ หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือ คุณต้อง "สลายสิ้นจากภาวะความเป็น
สิ่งนั้นๆ" เช่น คุณตรวจพบว่าความเป็น "นก" คือ การยึดติดความ
เป็นอิสระและการโบยบิน คุณจะถึงที่สุดของความเป็นนกและตาย
จากความเป็นนก (หรือความยึดมั่นถือมั่นนี้) ได้ คุณก็จะต้องทำให้
มันถึงที่สุดของสิ่งที่คุณยึดติดนั้น เผชิญกับมันตรงๆ อย่าเก็บมันไว้
แล้วทำให้มันคลี่คลายถึงที่สุดว่าเพราะอะไร คุณจึงยึดติดมัน จนมัน
เกิดภาวะ "สั่นสะเทือนสูงสุด" นั่นคือ ภวะที่พลังงานในรูปธรรมของ
ความเป็นนกกำลังถึงที่สุดของมัน และมันกำลังจะตายจากความเป็น
นกนั้น เพื่อกำเนิดใหม่ นั่นเอง เอาละ บางครั้งคุณจำเป็นต้องใช้ความ
สั่นสะเทือนเข้าช่วยด้วย หรือบางครั้ง คุณอาจใช้พลังธาตุพื้นฐานเข้า
ช่วย เช่น การชำระล้างด้วยธาตุน้ำ, การเผาผลาญด้วยธาตุไฟ เป็นต้น
นั่นคือ การเข้าสู่ความตายในระดับพลังงาน คุณจึงจะถือกำเนิดใหม่ได้


เอาละ นั่นคือ วิธีเข้าสู่ความตาย ต่อไป คือ วิธีเลือกเกิด เป็นสิ่งที่สำคัญ
มากทีเดียว เพราะถ้าคุณดูแลการเกิดไม่ได้ มันอาจนำคุณลงไปสู่หนทาง
ที่ตกต่ำลงก็ได้ หมายความว่า การกำเนิดใหม่ของคุณ นำพาคุณลงต่ำ
หรือมีวิวัฒนาการที่ต่ำลง นั่นเอง คุณจำเป็นต้อง "เลือกเกิด" ด้วยวิธีที่
ผมจะแนะนำต่อไปนี้ คือ "การเลือกรูปแบบ" จาก "รูปธรรมชีวิตที่มีอยู่
แล้ว" และคุณพอจะรู้จักและเอื้อมถึงได้ เช่น รูปธรรมชีวิตแบบโพธิสัตว์
กวนอิม ถ้าคุณต้องการกำเนิดใหม่ตามแบบนั้น คุณต้องมีจิตที่ตรงต่อสิ่ง
นั้น แนบสนิทราวกับคุณเป้นสิ่งนั้นจริงๆ ตลอดเวลา เพราะเมื่อถึงเวลาที่
พลังงานเข้าสู่ภาวะความตายแล้ว มันจะเกิดขึ้นเพียง "เสี้ยวคิดเดียว"
และถ้าคุณมีจิตตรงต่อรูปธรรมชีวิตนั้นๆ แล้ว คุณจึงจะถือกำเนิดเป็นสิ่ง
นั้นได้ แต่ถ้า "เพียงเสี้ยวคิดเดียว" คุณเป๋ออกไปจากสิ่งนั้น คุณอาจจะ
ถือกำเนิดไปเป็นอย่างอื่น และนั่น อาจทำให้คุณเสื่อมต่ำลง ก็ได้นะครับ

 

ต่อไปคือ ความสำคัญของการเกิดใหม่ หลังจากที่คุณได้รับพลังงาน
เก่าเข้าไป คุณต้องหาทางที่จะกำเนิดให้ได้ เพราะนี่คือ วิธีที่จะทำให้
คุณรอดพ้นจากการครอบงำของพลังงานเก่าได้เพราะผลจากการใช้
พลังงานเก่า ทำให้เกิดมลภาวะในหลายมิติ และคุณจะต้องจ่ายอย่าง
แพงสุดขีดทีเดียว ดังนั้น หากคุณยังขืนใช้พลังงานเก่าต่อไป คุณก็จะ
จะต้องรอรับผลกระทบจากการใช้พลังงานเก่านั้นด้วย เอาละ เพื่อให้
คุณรอดพ้นจากผลกระทบที่คาดไม่ถึงนั้น คุณจึงควรให้กำเนิดใหม่มัน
เสีย ก่อนที่จะสายเกินไป โดยเฉพาะพลังงานเก่าที่เป็น "รูปธรรมแห่ง
ชีวิตซึ่งมีเชื้อสายของเทพ" (เช่น องค์ใน?) นั่นคือ สิ่งที่คุณควรช่วย
ให้เขาได้ "กำเนิดใหม่" อย่างยิ่ง เพราะหากเขาไม่ได้กำเนิดใหม่แล้ว
ในที่สุด เขาจะนำอุปสรรคและสิ่งไม่ดีเข้ามาสู่ชีวิตคุณได้ในท้ายที่สุด


คือ คุณต้องเข้าใจก่อนว่า "รูปธรรมชีวิตในระดับพลังงาน" มีสองแบบ
คือ แบบพลังงานเก่าและแบบพลังงานใหม่ หรือแบบที่ตกค้างอยู่บนโลก
มานานแล้ว และแบบที่ถูกต้องอยู่ในมิติที่สูงขึ้นไป สำหรับแบบที่ตกค้าง
อยู่นั้น คุณต้องชำระล้างเขาด้วย ให้กำเนิดใหม่แก่เขาด้วย ไม่เช่นนั้นก็
จะมีปัญหาแก่คุณได้ในภายหลัง คุณควรให้เขาได้กำเนิดใหม่ตามแบบ
"มิติที่สูงขึ้น" ไม่ใช่แบบที่เขาเป็นอยู่ คือ การติดค้างอยู่บนโลกต่อไปนั้น

 

บอก เลย ความ ลับ การ เลื่อน พลังงาน เก่า ไป ใหม่

แต่ มัน ก่ จะ ติด ที่ วัง วน ความ คิด เดิม มัน ก่ จะ กลับ

ไป ที่ เดิม อีก นั่น ล่ะ อ้าย มัน ยาก อยู่ น่า .....

 

ตัว แปร มัน อยู่ ที่ ความ คิด ด้วย

 

และเมื่อคุณให้กำเนิดใหม่ได้ 1 ครั้ง คุณสามารถเลื่อนระดับไปได้
อย่างน้อย 1 ขั้น ดังนั้น ยิ่งคุณให้กำเนิดใหม่ซ้ำๆ คุณก็จะยิ่งเลื่อน
ระดับสูงขึ้นไปอย่างต่อเนื่องได้ด้วย ซึ่งหมายความว่าคุณจำเป็นจะ
ต้อง "เปิดรับพลังงานเก่า" เข้ามาก่อน เพื่อที่จะให้กำเนิดใหม่ แก่
เขาได้ เมื่อให้กำเนิดใหม่ได้แล้ว คุณก็ยังต้องเปิดรับพลังงานเก่าที่
มีพลังอำนาจมากยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อการเลื่อนระดับสูงขึ้นของคุณด้วย


เอาละ "การกำเนิดใหม่" คือ หัวใจสำคัญของการเลื่อนระดับ เปรียบ
เหมือน "ดักแด้" นั่นแหละ ตัวหนอนที่กินมาก มันไม่มีทางเปลี่ยนไป
ได้เลย ถ้าไม่ได้กลายเป็น "ดักแด้" และเมื่อใดที่มันออกจากดักแด้ได้
มันจะไม่ใช่ตัวหนอนที่อุ้ยอ้าย อีกต่อไป มันจะกลายเป็นผีเสื้อที่โบยบิน
อย่างอิสระคล่องตัว นั่นคือ "มันได้ข้ามพ้นกำแพงกั้นแห่งตนเองไป"
ได้แล้ว หรือการเอาชนะอุปสรรคที่ขัดขวางพัฒนาการของตนเองได้
นั่นเอง ดังนั้น คุณจึงจำเป็นที่จะต้อง "สั่งสมประสบการณ์" มาก ไม่
ต่างจากตัวหนอน และต้องทอไหมพันตัว เพื่อตกผลึกตัวเอง เหมือน
ดักแด้ ก่อนที่จะกลายเป็น "ผีเสื้อ" ที่โบยบินเป็นอิสระได้ในท้ายที่สุด

 

ต่อไปคือ "วิวัฒนาการทางตรง" และ "วิวัฒนาการแบบเปิดกว้าง"
ต่างกันอย่างไร? กล่าวคือ เมื่อคุณถือกำเนิดใหม่ โดยไต่ระดับจาก
"สายพันธุ์เดิม สายพันธุ์เดียว" ขึ้นไปเรื่อยๆ เช่น จากนกที่ตัวเล็ก
ไปสู่นกี่ตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มีพลังอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ มันก็
คือ การวิวัฒนาการทางตรง ไปในทางเดียว นั่นเอง ในขณะที่การ
"วิวัฒนาการแบบเปิดกว้าง" คือ การกำเนิดใหม่ ซึ่งไม่ได้เกิดจาก
สายพันธุ์เดิม เช่น การกำเนิดใหม่ที่มาจากพลังงานเก่าที่มีรูปธรรม
ชีวิตแบบนก แล้วก็เปลี่ยนไปเป็นเต่า บ้าง หรือเปลี่ยนไปเป็นอย่าง
อื่นไปเรื่อยๆ อย่างเปิดกว้าง ไม่มีขีดจำกัด ทั้งสองแบบนี้ นับเป็นการ
เลื่อนระดับได้ทั้งคู่ แต่ต่างวิธีกันเท่านั้นเอง การเลื่อนระดับแบบทาง
ตรง อาจทำได้เร็ว แต่ไม่ได้ในเชิงหลากหลายมิติ ไม่มีความกว้าง
ในขณะที่การเลื่อนระดับแบบเปิดกว้าง จะได้ความกว้างและหลาก
หลาย แต่ความยากจะมีมากกว่า แต่ผลที่ได้จะมากกว่า คุ้มค่ากว่า


อย่างไรก็ตาม การเลื่อนระดับทั้งสองแบบนี้ จำเป็นต้องอาศัยการ
กำเนิดใหม่เป็นหัวใจสำคัญทั้งคู่ ดังนั้น จึงมีความสำคัญจำเป็นมาก
ที่จะต้อง "กำเนิดใหม่" ให้ได้ก่อน จึงจะเข้าสู่กระบวนการเลื่อนระดับ
ในแบบที่ต่างกันได้ ซึ่งในรายละเอียดเรื่องการเลื่อนระดับนั้น ผมจะ
ยังไม่กล่าวไปมากกว่านี้ เพือให้คุณให้ให้ความสำคัญกับการกำเนิด
ใหม่ให้มากก่อน ก่อนที่จะเข้าไปทำความเข้าใจเรื่องการเลื่อนระดับ
ต่อไป เอาละ วันนี้ ผมจะขอพักเพียงแค่นี้ เพื่อให้คุณได้ทำความเข้า
ใจกับ "การกำเนิดใหม่" อย่างแท้จริง สำหรับวันนี้ ผมขอสวัสดีครับ

 

29 พ.ค. 2555


"เสียงจากกูรูแห่งการเลื่อนระดับ"
รับสื่อสารโดย


<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->瑠璃王<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6196420", true); </SCRIPT>

 

ปล.


การฝึกอะไรก็แล้วแต่
มันมีส่วนช่วยในการ
"พัฒนาการ" เหมือน
ทำให้คนโตเร็วๆ ไป
จนกว่าจะแก่ตายพ้น
ไปจากภาวะเดิม แต่
ถ้าฝึกวนอยู่ ไม่ถึงจุด
"ตายแล้วเกิดใหม่" นี่
มันก็จะกำเนิดใหม่ไม่ได้


ดังนั้น การกำเนิดใหม่จึง
ไม่ได้มาจากการฝึกอะไร
แต่การฝึกอะไรๆ อาจช่วย
ได้ในเรื่องพัฒนาการ อัน
จะช่วยปูฐานไปสู่การกำเนิด
ใหม่ครับ (ใช้การฝึกเพื่อไป
สู่ที่สุด แต่ไม่วนติดกับการฝึก)

 

แบบ ว่า ซ้ายย่าง หนอ

ขวา ย่าง หนอ ยก หนอ

10 ปี แล้ว ก่ ไม่ ไป ไหน แบบ นี้ หรือ เปล่า

ย่ำ อยุ่ แบบ เดิม

 

การฝึกอะไร ก็ไม่ได้ผิดหรือถูกอะไรนะครับ
เพียงแต่คนละหน้าที่กัน กับที่ผมพูดถึง ก็
เท่านั้นเองครับ คือ บางท่านแยกไม่ออก
นึกว่าที่ผมพูด หมายถึง การฝึกอย่างที่เขา
ทำกันอยู่แล้ว ก็ไม่มีอะไรใหม่


ผมเลยหาวิธีทำให้เข้าใจมากขึ้นว่าคนละ
หน้าที่กัน ไม่มีใครผิดหรือถูก สำหรับการ
กำเนิดใหม่ ก็อีกเรื่องหนึ่ง มันเป็นหน้าที่
อีกแบบหนึ่งครับ

 

คน ฝึก ต้อง เปลี่ยน แปลง วิธี

แต่ วิธี มี อย่าง ไร ก่ สุด แล้ว แต่

ที่ ฝึก บาง ที่ ใคร มา ก่ จับ พื้น ฐาน

หมด .... นี่ มัน ไม่ ให้ ปัญญา เอา เสีย เลย

ครู ฝึก ก่ ปัญญา น้อย ...

เมื่อ ถึง เวลา เหมาะ สม แม้น แต่ สถานที่

และ ครู ก่ ต้อง ล่ะ วาง

ปลีก วิเวก ศึกษา ต่อ ด้วย ตน เอง

บาง คน ติด อาจารย์ .... ความ ก้าว หน้า ไม่ ไป ไหน

ทั้ง ๆ ที่ ตน เอง มี ของ เก่า เก็บ สะสม มา มาก กว่า

อาจารย์ ที่ เรียน ... ด้วย เหตุ จาก การ ติด อาจารย์

จึง ไม่ ก้าว หน้า เพราะ จริต ไม่ ตรง กับ ตน

 

แค่เกิดดับทางจิต ก็เหนื่อยแล้ว

 

กาย นี่ ของ แท้ หรือ เปล่า จึง เอา แต่ ย่าง หนอ

กาย นี่ ของ แท้ หรือ เปล่า จึง เอา แต่ เนื้อ หนัง ฟัน ผม

ท่าน เห็น อะไร ฤ เล่า แจ้ง

 

ทุกอย่างมีโอกาสพลาดได้ทั้งนั้นครับ
การลงทุนยังมีความเสี่ยงเลย เป็นธรรมดา


การปฏิบัติธรรมเพื่อการบรรลุในศาสนาต่างๆ
เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนหน้าที่ "กำเนิดใหม่" เป็นอีก
งานหนึ่งครับ เป็นสายงานตรงจากจักรวาล ไม่
ผ่านศาสนาอะไร ดังนั้น จึงไม่มีการเชื่อมผ่าน
ตัวแทนของศาสนาต่างๆ แต่ศาสนาต่างๆ จะ
เป็น "ฐาน" ให้คนฝึกตนก่อน จนกว่าจะพร้อม
ก็จะเข้ามารับหน้าที่นี้ได้ครับ การปล่อยวางได้
จนเกิดปัญญา คือ พื้นฐานที่แน่นไว้รองรับการ
ทำหน้าที่นี้ได้ครับ (สำหรับท่านที่ได้แล้ว แต่ไม่
รีบนิพพาน จึงหากิจทำเพื่อช่วยสัตว์ในแบบหนึ่ง)

 

มีหลายแบบนะ ทั้งๆที่รู้แต่เลือกที่จะติด เพราะมันมีสิ่งที่เย้ายวนกว่า
แต่แบบที่พยายามให้ได้นิพพานแต่อวิชชาขวางไว้ก็มี
และแบบที่รู้มากแต่ทำผิดพลาดไว้มากก็เลยเป็นพวกสองแง่สองง่ามก็มี

 

นี่เเหละที่ผมต้องการ