ธรรมะที่แท้จริง คือ อะไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย somchai_eee, 2 มิถุนายน 2012.

  1. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    ท่านนักปริยัติ และ ปฏิบัติทั้งหลาย ธรรมะที่แท้จริง ของท่าน คือ อะไร เป็นเช่นไร ครับ
     
  2. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    คิดเอาเองไม่ได้

    อชปาลนิโครธกถา
    เรื่องพราหมณ์หุหุกชาติ
    [๔] ครั้นล่วง ๗ วัน พระผู้มีพระภาคทรงออกจากสมาธินั้น เสด็จจากควงไม้ โพธิพฤกษ์ เข้าไปยังต้นไม้อชปาลนิโครธ แล้วประทับนั่งด้วยบัลลังก์เดียว เสวยวิมุตติสุข ณ ควงไม้อชปาลนิโครธตลอด ๗ วัน.

    .
    .
    .
    มุจจลินทกถา
    เรื่องมุจจลินทนาคราช
    [๕] ครั้นล่วง ๗ วัน พระผู้มีพระภาคทรงออกจากสมาธินั้น เสด็จจากควงไม้อชปาลนิโครธ เข้าไปยังต้นไม้มุจจลินท์ แล้วประทับนั่งด้วยบัลลังก์เดียว เสวยวิมุตติสุข ณ ควงไม้มุจจลินท์ ตลอด ๗ วัน.
    .
    .
    .
    เรื่องตปุสสะภัลลิกะ ๒ พ่อค้า
    [๖] ครั้นล่วง ๗ วัน พระผู้มีพระภาคทรงออกจากสมาธินั้น แล้วเสด็จจากควงไม้ มุจจลินท์ เข้าไปยังต้นไม้ราชายตนะ แล้วประทับนั่งด้วยบัลลังก์เดียว เสวยวิมุตติสุข ณ ควงไม้ราชายตนะ ตลอด ๗ วัน.
    .
    .
    .
    [๗] ครั้นล่วง ๗ วัน พระผู้มีพระภาคทรงออกจากสมาธินั้นแล้ว เสด็จจากควงไม้ ราชายตนะ เข้าไปยังต้นไม้อชปาลนิโครธ. ทราบว่า พระองค์ประทับอยู่ ณ ควงไม้อชปาลนิโครธ นั้น และพระองค์เสด็จไปในที่สงัด หลีกเร้นอยู่ ได้มีพระปริวิตกแห่งจิตเกิดขึ้นอย่างนี้ว่า

    ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ เป็นคุณอันลึก เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก เป็นธรรมสงบ ประณีต ไม่หยั่ง ลงสู่ความตรึก ละเอียด เป็นวิสัยที่บัณฑิตจะพึงรู้แจ้ง

    ส่วนหมู่สัตว์นี้เริงรมย์ด้วยอาลัย ยินดีใน อาลัย ชื่นชมในอาลัย ฐานะคือความที่อวิชชาเป็นปัจจัยแห่งสังขารเป็นต้นนี้ เป็นสภาพอาศัย ปัจจัยเกิดขึ้นนี้ อันหมู่สัตว์ผู้เริงรมย์ด้วยอาลัย ยินดีในอาลัย ชื่นชมในอาลัยเห็นได้ยาก แม้ ฐานะคือธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง เป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นตัณหา เป็นที่สิ้นกำหนัด เป็นที่ดับสนิท หากิเลสเครื่องร้อยรัดมิได้นี้ ก็แสนยากที่จะเห็นได้

    ก็ถ้าเราจะพึงแสดง ธรรม สัตว์เหล่าอื่นก็จะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อยเปล่า แก่เรา จะพึงเป็นความลำบากเปล่าแก่เรา. อนึ่ง อนัจฉริยคาถาเหล่านี้ ที่ไม่เคยได้สดับในกาลก่อน ปรากฏแก่พระผู้มีพระภาค ว่าดังนี้:-
    อนัจฉริยคาถา บัดนี้ เรายังไม่ควรจะประกาศธรรมที่เราได้บรรลุแล้ว โดยยาก เพราะธรรมนี้อันสัตว์ผู้อันราคะและโทสะ ครอบงำแล้วไม่ตรัสรู้ได้ง่าย สัตว์ผู้อันราคะย้อมแล้ว ถูกกองอวิชชาหุ้มห่อแล้ว จักไม่เห็นธรรมอันละเอียด ลึกซึ้ง ยากที่จะเห็น ละเอียดยิ่ง อันจะยังสัตว์ ให้ถึงธรรมที่ทวนกระแสคือนิพพาน. เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงพิจารณาเห็นอยู่ ดังนี้ พระทัยก็น้อมไปเพื่อความขวนขวายน้อย ไม่น้อมไปเพื่อทรงแสดงธรรม.
    _________________________________________________________________________________________

    จะได้ธรรมนี้ ต้องมี อินทรีย์๕ ที่บริบูรณ์ และ ข้าพเจ้า ก็ กำลังพยายามอยู่ เช่นกัน



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2018
  3. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    ผมว่า ความรู้ธรรมท่านเยอะมากนะครับ ท่านเส้นขนมจีน เพียงตัดเส้นบางๆ ที่มัดจิตท่านอยู่ ท่านจะเหมือน นั่งเรือด่วนข้ามฟากได้สบายๆ
    หยุดไม่ได้แล้วหรือท่าน
     
  4. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    กระทู้ธรรมะ ควรเป็นที่ให้ และ รับ ธรรมทาน ไม่ใช่สนามประลองอัตตา
     
  5. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    ท่านไม่ตอบที่ผมถามหน่อยหรือครับ :(
     
  6. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ในอีกกระทู้นึง ตอบคำถามของท่านไปแล้วครับ
    ในกระทู้นี้ ไม่รู้จะตอบยังไงดี
    ผมไม่ใช่นักปริยัติ ปฏิบัติก็ยัง งูๆ ปลาๆ เกรงว่าตอบไปแล้ว จะไม่ได้ประโยชน์อะไรกับผู้ฟังครับ

    ธรรมะที่แท้จริง ในความเห็นผม คือ สภาวะธรรมชาติ ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ ทุกอย่าง ที่เกิด และ เป็นไป ตามปกติธรรมดา
    การเรียนรู้ธรรมะ ก็คือ การเรียนรู้ว่า แท้จริงแล้ว ธรรมชาติจริงๆ ที่ไม่ได้มีพื้นฐานบนอุปาทานของมนุษย์ นั้นเป็นเช่นไร
     
  7. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241

    คุณเส้นขนมจีนเป็นผู้ที่มีปัญญามากท่านหนึ่ง...ข้าพเจ้าเชื่อว่าผู้มีปัญญาย่อมรู้ทาง...แต่ธรรมะนั้นมันเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน มันอธิบายเป็นตัวอักษรไม่ได้.. ปัญญาวิมุตติ จึงต่างกับ เจโตวิมุตติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มิถุนายน 2012
  8. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241
    ธรรมะที่แท้คือความเป็นธรรมดาของโลก....ความไม่ปรุงแต่งไม่ดัดแปลง ไม่ขัดกับธรรมชาติ...ไม่ใช่สิ่งที่สมมติขึ้นมา...ไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา..เป็นสิ่งเดียวกันทั้งหมด
     
  9. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241
    ธรรมะที่แท้คือความเป็นธรรมดาของโลก....ความไม่ปรุงแต่งไม่ดัดแปลง ไม่ขัดกับธรรมชาติ...ไม่ใช่สิ่งที่สมมติขึ้นมา...ไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา..และเป็นสิ่งเดียวกันทั้งหมด
     
  10. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    แล้วที่ท่านอธิบายมานั้น มันเป็น สภาวะเช่นไรครับ
     
  11. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    ......................จิต ............

    ธรรมชาติที่มีอยู่เดิม ไม่ปรุงแต่ง ไม่ดัดแปลง ไม่ขัดกับธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่สมมุติขึ้นมา ไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา และเป็นสิ่งเดียวกันหมด

    * แว๊ดตอบถูกไหมนิ
     
  12. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    คือ สัจจานุโพธ ถึงจะทำให้เกิด สัจจานุปัตติ
    เช่น ธรรมทั่งหลายนั้นย่อมทนต่อการเพ่งพิสูจน์ ย่อมไม่สงสัย เกิดศรัทธา เมื่อมีอะไรเกิดสิ่งไหนเกิด อะไรดับสิ่งนั่นย่อมดับ เมื่อนำไปพิจรณาเเล้วก็จะทราบถึงธรรมชาติต้นต่อนั่นละมันคืออะไร ไม่ใช่เพียงสิ่งที่เรานั้นรู้มา เป็นเพียงได้สิ่งที่รู้มา เเต่เราต้องรู้ในความเป็นมา คือ รู้ทั่งเค้าเเละเรา
     
  13. jintanakarn

    jintanakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +236
    ไม่คิด ไม่สงสัย ไม่ขัดแย้ง
     
  14. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241
    สภาวะนั้นท่านต้องไปพิสูจน์เอง..ข้าพเจ้าคงอธิบายไม่ได้
    ..แต่วิธีการพิสูจน์พอจะบอกได้..ไม่ปรุงแต่งคือไม่อาจรับรู้ได้ด้วยความคิด การคาดคะเน ความเชื่อ ...ไม่ดัดแปลง คือ แก้ไข บังคับ กดข่มไว้ไม่ได้ มันย่อมเป็นไปตามวิถีทางของมัน.. ไม่ขัดกับธรรมชาติ คือ มันไม่คงรูปเดิม มันมีการเคลื่อน ตลอดเวลา..

    ...เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ไม่ต้องให้ความหมาย คำนิยามใดๆ
    ...อยู่กับปัจจุบัน อย่าให้จิตไหลออก ...จะพบสภาวะธรรมที่ไร้เจ้าของ..กว้างขวาง..เป็นหนึ่งเดียว....(ที่กว้างขวางเพราะเราไม่เอาอัตตาเข้าไปยึดมัน)
    ....แต่ถ้าท่านถามแนวดูจิต นั่นจิต นี่เจตสิก ต้องถามผู้รู้ท่านอื่น...ข้าพเจ้าไม่มีความรู้แบบนั้น ....สำหรับข้าพเจ้า การเห็นธรรมไม่จำเป็นต้องเห็นจิตละเอียดขนาดนั้น..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มิถุนายน 2012
  15. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    เด็ก๗ขวบ บรรลุอรหันต์ ด้วย การรับ ไตรสรณคมน์ เพียง คาถาเดียว

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
    ตีณิสรณาคมนียเถราปทานที่ ๓
    (๒๓) าด้วยผลแห่งการรับสรณะ ๓
    [๒๕] เราเป็นคนบำรุงมารดาบิดา อยู่ในนครจันทวดีเวลานั้น เราเลี้ยงดูมารดา บิดาของเราผู้ตาบอด เรานั่งอยู่ในที่ลับ คิดอย่างนี้ในเวลานั้นว่า เรา เลี้ยงดูมารดาบิดาอยู่ จึงไม่ได้บวช โลกทั้งหลายอันความมืดมนอนธการ ปิดแล้ว ย่อมถูกไฟ ๓ กองเผา เมื่อเราเกิดแล้วในภพเช่นนี้ ไม่มีใครจะ เป็นผู้แนะนำ พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติแล้วในโลก บัดนี้ พระพุทธศาสนา กำลังรุ่งเรือง สัตว์ผู้ใคร่บุญอาจรื้อถอนตนขึ้นได้ เราจะรับสรณะ ๓ แล้ว จะรักษาให้บริบูรณ์ ด้วยกุศลกรรมที่ได้ทำแล้วนั้น เราจะพ้นทุคติได้ เราได้เข้าไปหาท่านพระสมณะชื่อนิสภะ อัครสาวกของพระพุทธเจ้าแล้ว รับสรณคมน์

    ในครั้งนั้นเรามีอายุได้แสนปี ได้รักษาสรณคมน์ให้บริบูรณ์ ตลอดเวลาเท่านั้น เมื่อกาลที่สุดล่วงไป เราได้ระลึกถึงสรณคมน์ ด้วย กุศลกรรมที่ได้ทำแล้วนั้น เราได้ไปสู่ภพดาวดึงส์ เมื่อเรายังอยู่ในเทวโลก ประกอบแต่บุญกรรม เราอุบัติ ณ ประเทศใดๆ เราย่อมได้เหตุ ๘ ประการ คือ ในประเทศนั้นๆ เราเป็นผู้อันเขาบูชาทุกทิศ ๑ เป็นผู้มี ปัญญาคมกล้า ๑ เทวดาทั้งปวงย่อมประพฤติตามเรา ๑ เราย่อมได้โภคสมบัติไม่ขาดสาย ๑ เป็นผู้มีผิวพรรณดังทอง ๑ เป็นผู้มีปฏิภาณในที่ ทั้งปวง ๑ เป็นผู้ไม่หวั่นไหวต่อมิตร ๑ ยศของเราสูงสุด ๑ เราได้เป็น จอมเทวดาเสวยเทวรัชสมบัติอยู่ ๘๐ ครั้ง อันนางอัปสรแวดล้อมเสวยสุข อันเป็นทิพย์ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗๕ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้า ประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณนานับมิได้

    เมื่อถึงภพที่สุด เราประกอบ ด้วยบุญกรรม เกิดในสกุลพราหมณ์มหาศาลมั่งคั่งที่สุดในนครสาวัตถี เวลาเย็น (วันหนึ่ง) เราต้องการจะเล่น แวดล้อมด้วยพวกเด็ก ออก จากนครแล้ว เข้าไปสู่สังฆาราม ณ ที่นั้น เราได้เห็นพระสมณะผู้พ้นวิเศษ แล้ว ไม่มีอุปธิ ท่านแสดงธรรมแก่เรา และได้ให้สรณะแก่เรา เรา นั้นฟังสรณะแล้ว ระลึกถึงสรณะของเราได้ นั่งอยู่บนอาสนะอันหนึ่ง ได้บรรลุอรหัต เราได้บรรลุอรหัตนับแต่เกิดได้เจ็ดปี

    พระพุทธเจ้ามีพระจักษุ ทรงรู้คุณของเราแล้ว ทรงประทานอุปสมบทในกัลปอันประมาณ มิได้แต่กัลปนี้ เราได้ถึงสรณะ กรรมที่เราทำดีแล้วเพียงนั้น ได้ให้ผลแก่ เรา ณ ที่นี้ สรณะเรารักษาดีแล้ว ความปรารถนาแห่งใจเรานั้นตั้งไว้ดี แล้ว เราได้เสวยยศทุกอย่างแล้ว ได้บรรลุบทอันไม่หวั่นไหว

    ท่านเหล่าใดมีความต้องการฟัง ท่านเหล่านั้นจงฟังเรากล่าว เราจักบอกความแห่ง บทที่เราเห็นเองแก่ท่านทั้งหลาย พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติแล้ว ในโลก ศาสนาของพระชินเจ้าเป็นไปอยู่ พระองค์ทรงตีกลองอมฤต อันเป็น เครื่องบรรเทาลูกศร คือความโศกได้ ท่านทั้งหลายพึงทำสักการะอันยิ่งใน บุญเขตอันยอดเยี่ยม ตามกำลังของตน ท่านทั้งหลายจักพบนิพพาน ท่านทั้งหลายจงรับไตรสรณคมน์ จงรักษาศีล ๕ ยังจิตให้เลื่อมใสใน พระพุทธเจ้าแล้ว จักทำที่สุดทุกข์ได้ ท่านทั้งหลายจงยกเราเป็นตัวอย่าง รักษาศีลแล้ว แม้ทุกท่านก็จัก ได้บรรลุอรหัตโดยไม่นานเลยเราเป็นผู้ มีวิชชา ๓ บรรลุอิทธิวิธี ฉลาดในเจโตปริยญาณ

    ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า ข้าพระองค์เป็นสาวกของพระองค์ ขอถวายบังคม จรณะของพระศาสดา ในกัลปอันประมาณมิได้แต่กัลปนี้ เราได้นับถือพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ เรา ไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลในการถึงสรณคมน์ คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ฉะนี้แล. ทราบว่า ท่านพระตีสรณาคมนิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล. <center>จบ ตีณิสรณาคมนิยเถราปทาน.
    ___________________________________________________

    เด็กชายอายุ ๗ขวบ วิ่งเล่น อยู่ ในวัด พระอรหันต์ เดินมาเห็น จึงเรียกให้เข้ามารับ สรณคมน์
    แล้ว บรรลุอรหัตตผล พร้อมทั้ง วิชชา๓ และ อิทธิวิธี (ได้ของแถมเรียบร้อย)
    อาจจะช้ากว่า ท่านพาหิยะ สักหน่อย นับเป็นวินาทีน่าจะได้ แต่ทว่า อ่อนวัยกว่ามาก
    จะว่าบังเอิญหรือประหลาด
    ศาสนาพุทธเราไม่มีบังเอิญหรือประหลาด มัน ต้องมีเหตุปัจจัยเพียงพอ ผลจึงเกิด (อิทัปปัจจยตา)

    ดังนี้


    .
    </center>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2018
  16. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ความคิดปรุงแต่งดับสนิท ไม่มีความหมายของความเป็นอะไร เจิดจ้าสว่างสว่างไสว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2012
  17. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241
    หากอยากเห็นธรรม..ก็ต้องมองที่ความเป็นธรรมดา นั่นแหละถูกแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่วิเศษพิศดารแต่อย่างไร..มีให้เห็นทุกที่ทุกสภาวะ....ขอแค่ยอมรับไม่ดัดแปลง...

    ..จำเป็นอะไรที่ต้องดำดิ่งไปใต้มหาสมุทร..เพื่อหาความจริง..ในเมื่อความจริงบนผิวน้ำก็มีให้เห็น.. เว้นเสียจากเห็นว่าความจริงบนผิวน้ำมันธรรมดาเกินไป...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มิถุนายน 2012
  18. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    สัจจะ มี หนึ่งเดียว

    ถ้อยคำมีมากมาย เป็น ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์

    วิธีปฏิบัติ ก็ มีมากหลาย เช่น พระกรรมฐาน ทั้ง ๔๐ กอง

    แต่สัจจะ แห่ง ความหลุดพ้น มีเพียงหนึ่งเดียว เท่านั้น

    และรอ ผู้เข้าถึง อยู่ตลอดเวลา

    เมื่อผู้เข้าถึง สร้างเหตุปัจจัย ไว้เพียงพอ สัจจะ ย่อมเข้าถึงผู้นั้นได้
     
  19. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    เอาคำเฉลยจากพระอาจารย์ต่างๆมาฝากครับ
    คำว่าจิตไม่ปรุงแต่ง และ ธรรมะที่แท้จริงนั้น จะมีรูปแบบเป็นสภาวะเดียวกัน
    ลองฟังคำตอบดูนะครับ
    <!-- m -->[ame=http://www.youtube.com/watch?v=1ZEFe4PKHDs]ธรรมะอยู่ที่ใหน หลวงพ่อชา.wmv - YouTube[/ame]<!-- m -->


    และนี้อีก1 คำตอบ จากท่านพุทธทาส
    อาตมาได้เคยกล่าวมาทุกครั้งที่บรรยาย ว่า เรื่อง กข ก กา นั้น มีทั้ง ฝ่าย
    ปรมัตถธรรม และฝ่ายศีลธรรม ฝ่ายปรมัตถธรรม คือเป็นธรรมะชั้นจริง คือ
    ชั้นที่ไม่เคยสมมติ

    และนี้อีก1 คำตอบ จากหลวงปู่ดุลย์
    “หลักธรรมที่แท้จริงก็คือ จิต นั่นเอง ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้ว ก็ไม่มีหลักธรรมใดๆ จิต นั่นแหละคือหลักธรรม ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้ว มันก็ไม่ใช่จิต จิต นั้นโดยตัวมันเอง ก็ไม่ใช่ "จิต" แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังไม่ใช่ "มิใช่จิต" การที่กล่าวว่า จิตนั้นมิใช่จิต ดังนี้นั้นแหละ ย่อมหมายถึงบางสิ่งบางอย่างที่มีอยู่จริง สิ่งนี้มันอยู่เหนือคำพูด ขอจงเลิกละการคิดและการอธิบายเสียให้หมดสิ้น เมื่อนั้น เราอาจกล่าวว่า คลองแห่งคำพูดก็ได้ถูกตัดขาดไปแล้ว และพฤติของจิตก็ได้ถูกเพิกถอนโดยสิ้นเชิงแล้ว”

    และนี้อีก1 คำตอบ จากพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ ลูกศิษย์หลวงพ่อฤษีลิงดำ
    ถาม : การปฏิบัติที่เราจำได้ พอมาปฏิบัติความจำที่เราจำได้จะเป็นอุปสรรคหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : ตอนแรกเป็น เพราะของเรากลัวพลาด กอดตำราแน่นไป แต่พอมาค่อย ๆ พิจารณาดูตามอารมณ์ใจที่ทำได้แล้ว ถึงได้รู้ว่าที่เราจำได้ มันแค่ผิวแค่นั้นเอง
    ถาม : ผิวหรือครับ ?
    ตอบ : เออ! ผิว เข้าไม่ถึงเนื้อ เข้าไม่ถึงแก่น คำพูดกับตัวหนังสือนี่ยังหยาบเกินกว่าที่จะอธิบายอารมณ์ธรรมะที่แท้จริง
    ถาม : เคยฟังหลวงพี่อธิบาย มหาสติปัฏฐานสูตร ไม่ผิดสักอักขระหนึ่งเลย
    ตอบ : นั่นแหละ แค่ผิวเอง ไม่ใช่เนื้อไม่ใช่แก่นเลย ตัวที่เราเข้าถึงจริง ๆ อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้หรอก คำพูดมนุษย์มันพูดยาก ท่านถึงได้ใช้คำว่า “ปัจจัตตัง” ผู้ปฏิบัติจะรู้เองว่าเป็นอย่างไร พูดยากพูดเย็นเหลือเกิน
    อีก1คำตอบนิทานเซน
    เมื่อท่านโพธิธรรมอยู่ในประเทศจีนนานถึง ๙ ปี ท่านก็อยากจะกลับอินเดีย ทีนี้ไหนๆ จะกลับทั้งที อยากจะลองสอบดูว่า บรรดาศิษย์ต่างๆ ที่สอนไว้ที่นี่ ใครจะรู้อะไรกี่มากน้อย ก็เลยเรียกมาประชุม ถามทำนองเป็นการสอบไล่ว่า ธรรมะที่แท้จริงนั้นคืออะไร ข้อสอบมีเพียงสั้นๆว่า "ธรรมะที่แท้จริง นั้นคืออะไร?"

    ศิษย์ชั้นหัวหน้าศิษย์ ที่เรียกว่า ศิษย์ชั้นมีปัญญา เฉียบแหลม ชื่อ ดูโฟกุ ก็พูดขึ้นว่า

    "ที่อยู่เหนือการยอมรับ และอยู่เหนือการปฏิเสธ นั้นแหละ คือ ธรรมะ ที่แท้จริง"

    คำตอบอย่างนี้ ก็ถูกมากแล้ว ถ้าผู้ใดฟังไม่เข้าใจเรื่องนี้ พึงจัดตัวเองว่า เป็นผู้ที่ยังไม่รู้ธรรมะได้เลย ไม่รู้ธรรมะอะไรเลยก็ว่าได้ ถ้าไม่รู้จัก สิ่งที่เหนือการยอมรับ และการปฏิเสธ

    ท่านอาจารย์ ก็บอกว่า "เอ้า! ถูก! แกได้ หนังของฉันไป"

    นี้หมายถึง หนังที่หุ้มชั้นนอก ไม่ใช่เนื้อ ไม่ใช่กระดูก คือ ชั้นหนังแท้ๆ เสร็จแล้ว คนนี้ นั่งลง

    นางชีคนที่ชื่อ โซจิ ก็ยืนขึ้นแล้วบอกว่า "สิ่งที่เห็นครั้งเดียว แล้วเป็นเห็นหมด เห็นตลอดกาล นั่นแหละ คือธรรมะแท้จริง"

    ท่านอาจารย์ ก็บอกว่า " เอ้า! ถูก! แกได้ เนื้อของฉันไป" คือมันถูกกว่าคนทีแรก จึงได้เนื้อไป แล้วเขาก็นั่งลง

    คนที่สาม ยืนขึ้น ตอบว่า "ที่ไม่มีอะไรเลย นั่นแหละ คือ ธรรมะ"

    เขาใช้คำว่า ไม่มีอะไรเลย เท่านั้น แต่เราขยายความออกไปก็ได้ว่า ไม่มีอะไรที่ถือเป็นตัวตนเลย นั่นแหละคือธรรมะแท้จริง

    อาจารย์ ก็บอกว่า "ถูก! แกได้ กระดูกของฉันไป" คือ ลึกถึงชั้นกระดูก

    ศิษย์อีกคนหนึ่ง เป็นศิษย์ก้นกุฎิ ชื่อ เอก้า ยืนขึ้น หุบปากนิ่ง แล้วยังเม้มลึกเข้าไป ซึ่งแสดงว่า นิ่งอย่างที่สุด เป็นการแสดงแก่อาจารย์ว่า นี่แหละ คือ ธรรมะ การที่ต้องหุบปากอย่างนี้แหละ คือธรรมะ

    อาจารย์ก็ว่า "เออ! แกได้ เยื่อในกระดูก ของฉันไป"






    ต้องเจอกับสภาวะจริง เหนือคำพูด พูดตามสมมุติไม่ได้ ได้แค่เทียบเคียง

    มันเกิดที่จิต จิตเท่านั้น
    :d
     
  20. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ธรรมมะคืออะไร
    คอมม่า
    กามา (ญี่ปุ่น)
    เครื่องหมายเคสชั่นมาร์ค (อังกฤษ)

    คือความเข้าใจของเราเอง

    แต่เอามาสื่อความหมายให้เพื่อนร่วมทางได้หรือไม่

    ว่า

    อธิบายแล้วคุยกันแล้วหายสงสัย
    และไม่สงสัยอีกเรื่องนี้อีก

    เพื่อ

    สงสัยเรื่องต่อไป
    หรือไม่อย่างไรครับ

    ขอท่านเจริญในธรรมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...