อะไรคือความสมบูรณ์แบบ ครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สะพาน, 4 มิถุนายน 2012.

  1. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ตรงนี้จึงต้องย้อนกลับไปที่ อาหาร ในบทถอยเข้าและออก
     
  2. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241

    ...ไม่ประมาท ไม่ได้หมายความว่า ให้เร่งทำ ไม่หยุดหย่อน
    ไม่ประมาท คือ ดำรงตนด้วยสติ ...
    การบังคับ การเจตนากระทำ ไม่ต่างอะไรกับการเพ่ง.. เพราะตัวความคิดยังไปยึดไปเกาะกับการปฏิบัติจนไม่เป็นธรรมชาติ..
    ...มีสิ่งใดให้พิจารณาก็พิจารณา เมื่อไม่มีก็ไม่ต้องพิจารณา.. อยู่เฉยๆ อยู่ด้วยอาณาปาณสติ...
     
  3. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241
    เอาเถอะ..หากจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง ก็ดีกว่าเป็นเพียงตัวหนังสือที่รอเวลาจะลางเลือน
    หากเป็นโทษ ก็ควรแก่การลางเลือน..
    ...สุดท้าย มันก็กลับไปสู่ที่ที่มันมา...
    ...ข้าพเจ้าก็แค่อยากให้ประโยชน์แก่ผู้อื่นบ้าง ก่อนที่จะกลับไปสู่ที่ไม่มีอะไร..
     
  4. GoingMarry

    GoingMarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +124
    เพราะดีจัง คุณน้ำจันทร์
     
  5. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ผมกล่าวในส่วนของผู้ปฏิบัติที่ ระลึกรู้ ในตน ด้วยว่า มีสิ่งใดติดข้องอยู่ จึงไม่เข้าถึงซึ่งสติพ้นเจตนา (ทุกขณะ) เพียงแค่พอสัมผัสและรับรู้ถึงทาง จึงไม่อาจไปเกาะที่ สติพ้นเจตนาเป็นเครื่องล่อ ซึ่งจะแสดงให้เห็นด้วยอาการเสื่อมไป
    ทีนี้ แม้จะเข้าสู่อุเบกขา ก็พึงระลึกได้ว่า ควรกระทำอย่างเจตนาอย่างไร
     
  6. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241

    ...ถ้าเช่นนั้นท่านก็จงปฏิบัติเถิด ปฏิบัติให้เยอะ จนสิ้นสงสัย... ในเมื่อความสงสัยมันห้ามกันไม่ได้..เป็นเหตุปัจจัยอย่างหนึ่ง..
    ...แต่สำหรับข้าพเจ้า ไม่สงสัยอะไรแล้ว... เพราะไม่มีเหตุผลให้สงสัย...ไม่มีประโยชน์ที่จะสงสัย...ในเมื่อทุกอย่างเกิดมาจากธรรมชาติ..และความไม่มีอะไร....เมื่อทุกอย่างเสื่อมไป ก็เพื่อเข้าสู่ความไม่มีอะไร...ดังเดิม
     
  7. สะพาน

    สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +104
    สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี

    มี ไม่สงบ
    สงบ ไม่มี
     
  8. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    น่าสดับ ธรรมหลวงตามหาบัว (ยกบางส่วน)
    ...นี่การพิจารณาภาวนา เบื้องต้นก็อย่างที่พูดให้ฟังแล้ว ต้องตั้งจิตตั้งใจเอาให้จริงจัง ถ้าว่าบริกรรมก็เอาให้จริงแล้วจะเข้าสู่ความสงบ จากความสงบแล้วเข้าเป็นสมาธิ จากสมาธิแล้ว ออกพิจารณาทางด้านปัญญา เป็นขั้นเป็นตอน เป็นเวล่ำเวลา เวลาที่มันหมุนทางด้านปัญญานี้ มันหมุนจริงๆ นะจนไม่มีวันมีคืน ต้องพัก จิตอันนี้ถึงขั้นมันหมุนติ้วเสียจริงๆ แล้วเจ้าของเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เพราะสังขาร ปัญญาเอาสังขารความปรุงนี้ออกใช้ แต่เป็นความปรุงฝ่ายมรรค ไม่ได้เหมือนความปรุงของกิเลสที่เป็นฝ่ายสมุทัย เมื่อทำงานมากๆ มันก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ให้เข้าพักสมาธิเข้าสู่ความสงบ อย่ายุ่งเวลานั้น บังคับเข้าให้ได้ มันเพลินนะ จิตเวลาถึงขั้นปัญญาแล้ว มันจะไม่ยอมเข้าพักสมาธิ มันเห็นสมาธิว่านอนตายอยู่เฉยๆ

    ปัญญาต่างหากฆ่ากิเลส แล้วการฆ่ากิเลสไม่รู้จักประมาณ มันก็เป็นสมุทัยอีกเหมือนกัน ไม่รู้จักประมาณ เพราะฉะนั้นจึงเวลาเข้าพักให้เข้าพัก พักความสงบของจิต ถ้ามันพักไม่ได้จริงๆ ก็อย่างที่ผมเคยพูดให้ฟัง เอาพุทโธบริกรรมเลยก็มี ผมเคยเป็นแล้วนะ มันไม่ยอมจะเข้าพัก มันจะหมุนแต่ทางด้านปัญญา ฆ่ากิเลสถ่ายเดียวๆ ทั้งๆ ที่กำลังวังชาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าพอแล้ว เราจึงต้องเอาพุทโธบังคับไว้ให้อยู่กับพุทโธ สติตั้งอยู่นั้น ไม่ยอมให้ออกปัญญาหมุนไว้ สักเดี๋ยวก็ลงสู่ความสงบแน่วเลย นั่นเห็นไหมล่ะ พอจิตเข้าสู่ความสงบนี่ โอ๋ย เหมือนถอดเสี้ยนถอดหนามนะ

    เวลาออกทางด้านปัญญามันเหมือนชุลมุนวุ่นวาย เหมือนนักมวยเข้าวงในกัน ทีนี้เวลาเข้ามาสู่สมาธินี้ มันเหมือนถอดเสี้ยนถอดหนาม เพราะได้พักผ่อนหย่อนจิต ตอนนี้บังคับเอาไว้นะ ไม่อย่างนั้นมันจะออกอีก เพราะกำลังของด้านปัญญามันหนักมากกว่าสมาธิเป็นไหนๆ ถ้าว่าเราเผลอนี้ ผมไม่อยากพูด ถ้าว่ารามือ พอพูดได้ เพราะมันไม่เผลอนี่ พอเราอ่อนทางนี้ รามือสักนิดหนึ่ง มันจะพุ่งออกด้านปัญญา เพราะฉะนั้น จึงต้องบังคับไว้ให้อยู่กับสมาธิแน่วอยู่นั้น จนเห็นว่าเป็นที่พอใจ มีกำลังวังชาทางด้านสมาธิ แล้วค่อยถอนออกมา พอถอนออกมามันจะดีดผึงเลยทางด้านปัญญา

    ให้ทำอย่างนี้ตลอดไปสำหรับนักปฏิบัติ อย่าเห็นแก่ว่าปัญญาดี ปัญญาฆ่ากิเลส แล้วเตลิดเปิดเปิงทางด้านปัญญา นี้เป็นสมุทัยประเภทหนึ่ง ที่แทรกจิต โดยการพิจารณา ไม่รู้จักประมาณ เลยกลายเป็นเรื่อง หลงสังขารทางด้านปัญญาไป สังขารทางด้านปัญญา กลายเป็นสมุทัยไปได้ เพราะเราไม่รู้จักประมาณ

    เวลาพิจารณาให้พิจารณาเต็มที่ ไม่ต้องบอกพอ ถึงขั้นปัญญาขั้นนี้แล้ว มันจะหมุนของมันเอง แต่เวลาพักให้พักเต็มที่ อย่างนั้นถูก ถึงขั้นปัญญาแล้ว มันจะไม่ยอมพัก มันจะหมุนทางด้านปัญญา เพราะเพลินในการฆ่ากิเลส หมุนเข้ามาทางสมาธิ เรียกว่าพักเอากำลัง เหมือนเราพักผ่อนนอนหลับ รับประทานอาหารมีกำลังวังชา ถึงจะเสียเวล่ำเวลาในการพักก็ตาม สิ้นเปลืองไปเพราะอาหารการกินก็ตาม แต่สิ้นเปลืองไปเพราะผลอันยิ่งใหญ่ในกาลต่อไปโน้น ประกอบการงานมีกำลังวังชา นี่จิตของเราพักสมาธินี้จะเสียเวล่ำเวลา แต่เป็นกำลังอันยิ่งใหญ่ในสมาธินี้ จะหนุนปัญญาให้ก้าวเดินสะดวก คล่องแคล่ว นั่น ให้เป็นอย่างนั้น พิจารณาอย่างนั้น

    ผู้ปฏิบัติจับไว้ให้ดีนะที่สอนนี้ ผมไม่ได้สอนด้วยความลูบคลำนะ สอนตามหลักความจริงที่ได้ผ่านมาอย่างไร อย่าเหลาะๆ แหละๆ นะการภาวนา เอาให้จริงจัง เรื่องมรรคผลนิพพานไม่ต้องถาม ขอให้ก้าวเดิน นี่คือทางเดินเพื่อมรรคผลนิพพาน ไม่ไปที่ไหน ขอให้ก้าวเดินตามนี้ให้ถูกต้องเถิด จะเข้าถึงมรรคผลนิพพานโดยไม่ต้องสงสัย สำคัญอยู่ที่การดำเนิน ถ้าผู้แนะไม่เข้าใจนี้ทำให้ผิดพลาดได้ นี้เราแนะด้วยความแน่ใจ เพราะเราดำเนินมาแล้วอย่างช่ำชอง ไม่มีอะไรสงสัยแล้ว...

    โปรดฟัง อ่าน ฉบับเต็ม
    วิธีตั้งจิตให้สงบเป็นสมาธิ (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) - phraajan
     
  9. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    ความไม่เป็นระเบียบ จะนำไปสู่ความเป็นระเบียบ
     
  10. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241

    ...เป็นมนุษย์ก็ต้องมีลมหายใจ มันเป็นธรรมชาติ อาณาปานสติ ทำให้รู้ตัวทุกขณะ..
    ...เมื่อถึงเวลาตาย.... ก็ปล่อยลมหายใจไปสิ ไปยึดไว้ทำไมละ...
     
  11. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    สิ่งใดในโลกที่มีเกิดขึ้นแล้วไม่ทุกข์มีไหมครับ และ ที่มีการรับรู้อยู่นี้เพราะการเกิดใช่ไหมครับ

    หากไม่เกิดอีกแล้ว เรียกว่าสมบูรณ์แบบได้ไหมครับ

    สาธุครับ
     
  12. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ลมหายใจต้องกำหนดรู้ครับ ท่านเรียกอานาปานสติ พระพุทธเจ้าท่านสอนเน้นมากเรื่องการมีสติตามดูลมหายใจ เช่น หายใจเข้าก้รู้ว่าเข้า หายใจออกก็รู้ว่าออก การทำอานาปานสติช่วยระงับทุกขเวทนาทั้งทางกายและใจ อย่างใครปวดฟันมากๆก็ลองภาวนาพุทธ-โธ สัก 20-30 นาที น่าจะดีขึ้น และที่พระท่านกล่าวว่าไม่ให้ติดดิน น้ำ ลม ไฟ หมายความว่าเราดูที่จิตเราเนี่ย ถ้าจิตคุณคือความรู้สึกนึกคิดคุรก้ดูตรงนี้ แต่ถ้าคุณย้ายฐานจิตสมมติมาที่ใจ คุรก็ภาวนาว่ารูปก็ดี เวทนาก็ดี สัญญาก็ดี สังขารก็ดี วิญญาณก็ดี ล้วนไม่ใช่เรา เราไม่เอาใจหรือความรู้สึกนึกคิดไปยึดถือเป้นอุปาทาน ถอนอุปาทานออกจากใจให้ใจมันว่างจากอาสวะกิเลส ให้ใจประเสริฐด้วยทาน ศีล ภาวนา ส่วนเรื่องกามเป้นเรื่องยากน่าจะอันดับต้นๆในการละ ถ้าเพิ่งเริ่มปฏิบัติก้แนะว่าลดความถี่ลง ถ้าเพดานบินสูงแล้วก็ไม่ต้องให้ถึงจุดไคลแม็กซ์ ค้างมันไว้ยังงั้นแหละ ไม่ต้องฝืน อดทน เช่น บอกกับตัวเองว่างดสัก 2-3 วันมันจะตายมั๊ยเราน่ะ อย่างอื่นก็ไม่ประมาท และให้ยึดพระรัตนตรัยเป้นสรณะครับ...
     
  13. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    อ้อ! ผมภาวนาโปรดตัวเอง จากคุณราม อวตาร ถ้าลมหายใจก็ไม่ยึด งั้นผมก็ไม่ยึด ภาวะนี้ผมไมได้อรหันต์แล้วเหรอ อย่างอื่นมันก้ผ่านหมดแล้วนี่ เชิญคุณราม อวตารกล่าวอะไรสักหน่อยครับ...
     
  14. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    จอม แห่ง อานาปาฯ เพียรเพ่ง


    <center>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต</center> <table align="center" background="" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="90%"> <tbody><tr><td>[​IMG]</td> </tr><tr><td vspace="0" hspace="0" bgcolor="darkblue" width="100%">[​IMG]</td></tr></tbody></table>
    <center>๒. โพธิสูตรที่ ๒ </center> [๓๙] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคตรัสรู้ใหม่ๆ ประทับอยู่ที่โคนไม้โพธิ์ ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ที่ตำบลอุรุเวลา ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคประทับนั่ง เสวยวิมุติสุขด้วยบัลลังก์อันเดียว ตลอด ๗ วัน

    พอล่วงสัปดาห์นั้นไป พระผู้มี พระภาคเสด็จออกจากสมาธินั้นแล้ว ทรงมนสิการปฏิจจสมุปบาทอันเป็นปฏิโลม ด้วยดี ตลอดมัชฌิมยามแห่งราตรีดังนี้ว่า

    เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ก็ไม่มี เพราะ สิ่งนี้ดับ สิ่งนี้ก็ดับ คือ พระอวิชชาดับสังขารจึงดับ เพราะสังขารดับวิญญาณ จึงดับ เพราะวิญญาณดับนามรูปจึงดับ เพราะนามรูปดับสฬายตนะจึงดับ เพราะ สฬายตนะดับผัสสะจึงดับ เพราะผัสสะดับเวทนาจึงดับ เพราะเวทนาดับตัณหา จึงดับ เพราะตัณหาดับอุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับภพจึงดับ เพราะภพดับ ชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และ อุปายาสจึงดับ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ฯ

    ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึงทรงเปล่ง อุทานในเวลานั้นว่า ในกาลใดแลธรรมทั้งหลายมาปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีเพียรเพ่ง อยู่ในกาลนั้น ความสงสัยทั้งปวงของพราหมณ์นั้น ย่อม สิ้นไปเพราะได้รู้แจ้งความสิ้นไปแห่งปัจจัยทั้งหลาย ฯ <center>จบสูตรที่ ๒ </center>
     
  15. khimiiez

    khimiiez สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +22
    เข้ามาตอบจากความคิดของผู้ที่ไม่รู้ ผมว่าความสมบูรณ์แบบในโลกนี้คงไม่มีเหมือนที่พี่โอ๊ทกล่าวไว้
    เพราะทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนมีทั้งทางที่ดีและทางที่ไม่ดีในตัวของมันครับ
     
  16. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241


    ....เพียรเพ่ง...วิสัยพราหมณ์....
    ....พินิจตามเหตุปัจจัย....วิสัยพุทธ
     
  17. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    วิสัยพราหมณ์ รู้แจ้งอินทรีย์ : วิสัยพุทธ ???

    ปัญหา เรื่องภาษา น่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2012
  18. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    วิสัยพราหมณ์ รู้ชัด อินทรีย์๕ ; วิสัยพุทธ ???

    <center>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค</center> <table align="center" background="" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="90%"> <tbody><tr><td>[​IMG]</td> </tr><tr><td vspace="0" hspace="0" bgcolor="darkblue" width="100%">[​IMG]</td></tr></tbody></table>
    <center>สมณพราหมณสูตรที่ ๑ </center><center>ผู้ไม่รู้ความเกิดดับของอินทรีย์ ๕ ไม่นับว่าเป็นสมณะหรือพราหมณ์ </center>
    [๘๔๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    อินทรีย์ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน? คือ สัทธินทรีย์ ๑ วิริยินทรีย์ ๑ สตินทรีย์ ๑ สมาธินทรีย์ ๑ ปัญญินทรีย์ ๑
    ก็สมณะหรือพราหมณ์พวก ใดพวกหนึ่ง ไม่รู้ชัดซึ่งความเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดออก แห่งอินทรีย์ ๕ ประการนี้ ตามความเป็นจริง
    สมณะหรือพราหมณ์พวกนั้น เราไม่นับว่าเป็นสมณะในพวกสมณะ หรือเป็นพราหมณ์ในพวกพราหมณ์
    เพราะท่านเหล่านั้นยังไม่กระทำให้แจ้ง ซึ่งประโยชน์ของความ เป็นสมณะ หรือของความเป็นพราหมณ์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่.


    [๘๔๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    ส่วนสมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดรู้ชัดซึ่งความเกิด ความ ดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดออก แห่งอินทรีย์ ๕ ประการนี้ ตามความเป็นจริง
    สมณะ หรือพราหมณ์เหล่านั้น เรานับว่าเป็นสมณะในพวกสมณะ หรือเป็นพราหมณ์ในพวกพราหมณ์
    เพราะท่านเหล่านั้นกระทำให้แจ้ง ซึ่งประโยชน์ของความเป็นสมณะ และของความเป็นพราหมณ์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่. <center>จบ สูตรที่ ๖ </center>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2012
  19. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241
    สาธุในเนื้อหาที่ยกมา...
    วิสัยพุทธ.... รู้ตามจริง....บนทางสายกลาง
     
  20. jintanakarn

    jintanakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +236
    ความสมบูรณ์แบบย่อมมีความรู้แจ้งแทงตลอดจนเกิดอาการไม่คิดไม่สงสัยไม่ขัดแย้ง เมื่อใดเกิดอาการไม่คิดไม่สงสัยไม่ขัดแย้งเมื่อนั้นก็มีความสมบูรณ์แบบ ถ้าไม่เป็นอย่างที่ว่าความสมบูรณ์แบบย่อมไม่เป็นความสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
     

แชร์หน้านี้

Loading...