นิทาน เรื่อง "พญานาค"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    หวัดดีจ้ะ ธิดาพญานาค รออ่านหนอ...เล่าต่ิอจิ:cool:
     
  2. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    น่าเสียดาย ที่จำอะไรไม่ได้เลยค่ะ และแปลกที่จู่ๆ ก็เกิดฝันถึง "คุณอั๋น" ขึ้นมา
    เพราะปกติก็ไม่ค่อยได้คุยกันเลย ถ้าจะฝันถึงก็น่าจะเป็น ตะละแม่สุมนามาก
    กว่าอ่ะ ^^
     
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เราไม่เคยอยู่ในใจใครมาตั้งนานแล้ว
    ใครจะฝันถึงเราได้ล่ะ?
    และมิิกกี้ก็คงติดใจน้องอั๋น...ล่ะซิ
    มันต้องมีเรื่องสะกิดใจบ้างแหละ...จริงมะ
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    หวัดดีค่ะ พี่รั้ง ออกมาทักทายน้องๆ หน่อยซิคะ
    เดี๋ยวตะไคร้น้ำมันจะขึ้นเขียวนะคะ ซอกถ้ำมันอับชื้นค่ะ
     
  5. khun_aun

    khun_aun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +830

    ฝันว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ วานเล่าให้ฟังที
     
  6. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    เสียดายมากเลยค่ะ มันจำไม่ได้จริงๆ รู้แค่ว่าเรียกชื่อ "อั๋น...อั๋น" ค่ะ
    สงสัยจะ "ฝันเฟื่อง...กินมาก" ซะแล้วมั้งเรา ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2012
  7. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    สวัสดีทุกท่าน ทุกนามค่ะ...

    เมื่อคืนฝันอะไรไม่รู้ จำไม่ได้ มั่วมากๆ และคิดว่าเกิดจากการกินมาก คิดมากแน่นอน

    แต่มันแปลกๆ อยู่ตรงที่ว่า เราเคยฝันว่าเราไปที่ตรงนั้นมาแล้ว เราจำสถานที่ได้ แต่มันคนละเหตุการณ์กันเท่านั้นเอง และเป็นแบบนี้บ่อยๆ

    คือเหมือนเราบอกตัวเองในฝันเลยว่า เอ๊ะ ...เราเคยฝันว่าเรามาที่นี่แล้วนี่นา ประมาณนั้นน่ะค่ะ :cool:
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เล่ามาให้หมดซะดีๆ น้องฟ้ามุ่ย อย่ามากั๊กค่ะ
    รออ่านหนอ:cool:
     
  9. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440

    มันจำไม่ด้จริงๆจ้า ... รู้แต่ว่า บ้านพักแบบนี้ ถนนแบบนี้ ต้นไม้ข้างทางแบบนี้ เหมือนเราเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง แบบฝันถึงนี่แหละค่ะ

    แล้วยังมีอีกหลายๆสถานที่ เป็นป่าก็มี ... แต่ว่าแต่ละครั้งที่มา มันจะคนละเหตุการณ์กันค่ะ แบบคราวที่แล้วฝันว่ามากับเพื่อน อีกครั้งหนึ่งก็จะฝันว่ามากับคนอื่น แต่ในใจตัวเองนั้นบอกว่าเป็นครอบครัวของเรา ประมาณนั้นค่ะ :cool: แหะๆ มันจำได้คร่าวๆเอง
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    บรรยายลักษณะ บรรยากาศให้มากกว่านี้ได้มั้ยคะ
    แบบว่าอยากรู้เรื่องของชาวบ้านอ่ะ อิอิ:cool:
     
  11. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440

    มันจำได้เลือนลางมากๆๆ ถึงมากที่สุดเลยจ้าพี่นุ๊ก รู้สึกเหมือนเป็นบ้านไม้ แบ่งเป็นห้องๆ ลักษณะคล้ายๆ โรงแรมยังไงไม่รู้

    เหมือนจะเป็นสองชั้นด้วย พื้นที่ทางเดินเป็นไม้กระดาน มีเก้าอี้ให้นั่ง จำได้ว่าเราเอาผ้ากับหมอนมาปูนอนตรงทางเดิน สถานการณ์ตอนนั้นเหมือนคนในครอบครัวจะทะเลาะกัน (ซึ่งพวกเขาไม่ใช่คนในครอบครัวจริงๆของเรา แต่ความรู้สึกเรามันบอกว่าพวกเขาเป็น) แล้วเราไกล่เกลี่ยให้เขาคืนดีกัน เขาไปนั่งกอดกันร้องไห้ แถวๆ เก้าอี้ที่ทางเดินจ้ะ

    ถนนทอดยาว เหมือนเป็นกรวด มีต้นไม้ใหญ่อยู่ต้นหนึ่งข้างทาง แล้วความรู้สึกมันบอกว่า เราเคยฝันว่ามาตรงนี้แล้วครั้งหนึ่ง

    อีกที่ที่ฝันว่าไปอีก ก็เป็นป่า (ป่าที่พี่นุ๊กล้อว่า เป็นดอกจำปานั่นแหละจ้า) แล้วก็ยังมีอีกที่หนึ่ง แต่จำไม่ได้แล้วว่ามันเป็นยังไง:cool:

    นั่งนึกสุดๆ ของที่สุดแล้ว ได้เท่านี้แหละจ้า อิอิ
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วันนี้วันพระ เสนอเรื่องยาวๆ ให้อ่านกันนะคะ

    สุขาวดีพุทธเกษตร

    ภายหลังจากพุทธปรินิพพาน พระพุทธศาสนาได้แตกออกเป็น ๑๘ นิกาย โดยมีนิกายหลักคือ มหาสังฆิกะ และสถวีระ หรือเถรวาท ในเบื้องต้นความแตกแยกนั้นมีสาเหตุมาจากทั้งสองฝ่ายมีความเห็นไม่พ้องกันในเรื่องสิขาบทเล็กน้อย

    คำว่า “มหายาน” หมายถึง ยาน(พาหนะ)ใหญ่ที่สามารถขนสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นวัฏสงสารได้ ในมหาปรัชญาปารมิตาอรรถกถา ท่านนาคารชุน (เป็นคณาจารย์องค์สำคัญที่ก่อตั้งนิกาย มาธยมิกเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ ๗ )ได้อธิบายว่า “พระพุทธรรมมีเอกรส” คือ รสแห่งวิมุตติความหลุดพ้นจากปวงทุกข์ แต่ชนิดของยานมี ๒ ชนิด ชนิดแรกเพื่อตัวเอง ชนิดสองเพื่อตัวเองและสรรพสัตว์ด้วย และท่านยังได้กล่าวไว้ใน ทวายศกายศาสตร์ ว่า มหายาน คือ ยานอันประเสริฐกว่ายานทั้งสอง (สาวกยานและปัจเจกยาน) เหตุนั้นจึงเชื่อว่า “มหายาน” ปวงพระพุทธเจ้ามหาบุรุษได้เคยอาศัยยานนี้ เหตุนั้นจึงชื่อว่า “มหายาน” อนึ่งเมื่ออาศัยยานนี้แล้ว ย่อมเข้าถึงที่สุดแห่งยานนี้ทั้งปวง เหตุนั้นจึงชื่อว่า “มหายาน” ดังนั้นอุดมคติของมหายานจึงอยู่ที่การบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระโพธิสัตว์ ฉันจะสามารถรื้อขนสรรพสัตว์ให้ข้ามสู่พระนิพพานได้อย่างไม่มีประมาณ โดยมีแนวคิดที่ว่า หากเราพ้นทุกข์ สรรพสัตว์อื่นต้องพ้นทุกข์ด้วย หรือแม้แต่ให้สรรพสัตว์พ้นทุกข์ไปก่อน แล้วตนเองจึงพ้นทุกข์ไปภายหลัง ดังนั้น พระโพธิสัตว์จะต้องรับทุกข์แทนสรรพสัตว์ได้ แม้ว่าการเปลื้องทุกข์ให้สรรพสัตว์นั้น ตนเองจะต้องถูกเผาไหม้ในนรกกี่อสงไขยกัลป์ก็ตาม และเหตุนี้พระโพธิสัตว์จะต้องประกอบด้วยมหาปณิธาน ๔ ประการ คือ

    ๑) เราจะกิเลศทั้งหลายให้สิ้น

    ๒) เราจะศึกษาพระธรรมให้เจนจบ

    ๓) เราจะโปรดสัตว์ทั้งหลายให้สิ้น

    ๔) เราจะบรรลุพุทธภูมิ

    ด้วยเหตุนี้คำสอนของมหายานจึงเต็มไปด้วย พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์มหาสัตว์มากมาย ในวัชรสูตร กล่าวว่า มีพระพุทธเจ้ามากมายดุจเมล็ดทรายในคงคานที และในมหายานศรัทโธปาทศาสตร์ กล่าวว่า พระโพธิสัตว์กลุ่มนี้สามารถไปสู่โลกธาตุทั้งปวงในจักรวาล ในขณะจิตเดียวเพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้าทั้งหลายเพื่อขอร้องให้พระองค์แสดง ธรรมจักร

    ท่านเหล่านี้ได้อาศัยถ้อยคำต่างๆเพื่อชี้แนะเอื้อประโยชน์ต่อมนุษย์ทุกคน มหายานเชื่อว่านอกจากโลกมนุษย์ของเราแล้ว ยังมีโลกธาตุอื่นๆอีกมากมาย และในโลกเหล่านั้น มีบางโลกธาตุที่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ และยังมีพระชนม์ชีพอยู่ แสดงพระสัทธรรมทศนาโปรดสัตว์อยู่ทั่วไปจำนวนมาก โลกธาตุที่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัตินั้นเรียกว่า “พุทธเกษตร"

    อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ปรากฏในคัมภีร์ชั้นหลัง เช่น คัมภีร์อนาคตวงศ์ และเตภูมิกถา ซึ่งเป็น การอธิบายโลกธาตุของพระเมตไตรย์พุทธเจ้า อันมีลักษณะใกล้เคียงกับพระพุทธเกษตรของมหายานอย่างมาก ในพระสูตรฝ่ายมหายานมีการกล่าวถึงพุทธเกษตรจำนวนมาก แต่พุทธที่เป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนมหายานอย่างกว้างขวางคือ สุขาวดีพุทธเกษตรของพระอมิตาภพุทธเจ้า วิสุทธิไพฑูรย์พุทธเกษตร ของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า และอภิระติพุทธเกษตรของพระอักโษภยพุทธเจ้า พุทธเกษตรที่กล่าวมานี้ล้วยงดงามด้วยทิพยภาวะ ประดับไปด้วยรัตนชาติ มีความรื่นรมย์นานาประการ หลักฐานที่เก่าแก่ในการสนับสนุนให้อธิษฐานไปอุบัติยังพุทธเกษตรนั้นปรากฏในทศภูมิภาษาของท่านนาคารชุนได้อธิบายว่า “พระโพธิสัตว์ผู้ปฏิบัติเพื่อภูมิอันไม่เวียนกลับ มีมรรคาอยู่ ๒ ทาง ทางหนึ่งปฏิบัติยาก ทางที่สองปฏิบัติง่าย ทางที่ปฏิบัติยากได้แก่ ในสหโลกธาตุยามพ้นพุทธกาล การปฏิบัติเพื่อบรรลุภูมิอันไม่เวียนกลับยากนัก” ความยากลำบากมีหลายกรณีด้วยกัน กล่าวโดยสรุปได้แก่

    ๑) พวกมิจฉาทิฎฐิ ร่วมกันทำลายก่อกวนโพธิสัตวธรรม

    ๒) พวกสาวกที่เห็นแก่ปัจเจกสุข กั้นขวางเมตตากรุณา

    ๓) พวกทุรชนไม่มี หิริโอตตัปปะ ทำลายกุศลธรรมของผู้อื่น

    ๔) วิบากอกุศลชนิด โมหะ ไม่อาจทำลายได้

    ๕) พึ่งแต่กำลังตน ไม่มีผู้อื่นช่วย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2012
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    กรณีนี้ย่อมเห็นได้ทั่วไป ทางสายนี้จึงอุปมา ด้วยการเดินทางไปสู่เส้นทางทุรกันดาร ย่อมมีความลำบากมาก ส่วนทางที่เดินง่ายปฏิบัตินั้น ได้แก่ความที่มีศรัทธาปสาทะในพุทธองค์ เป็นเหตุปัจจัยตั้งปณิธานไปอุบัติยัง สุขาวดี

    เมื่อได้อาศัยปณิธานและกำลังของพุทธองค์ (หมายถึง พระอมิตาภพุทธเจ้า) ก็จักไปถือปฎิสนธิ ในวิสุทธิภูมินั้น ด้วยอานุภาพแห่งพระอมิตาภะ ย่อมเข้าถึงภูมิแห่งสัมมาสมาธิ อันไม่เวียนกลับ ทางสายนี้จึงอุปมาโดยการโดยสารเรือไปตามชลมรรค ย่อมได้รับแต่ความสบาย นอกจากนี้ข้อความที่สนับสนุนการไปอุบัติยังสุขาวดียังปรากฏอีกมากมายในพระ

    สูตรของมหายาน ด้วยเหตุนี้คำสอนเรื่องพุทธเกษตรจึงมีอิทธิพลต่อ พุทธศาสนิกชนมหายานเป็นอย่างมาก แม้ในปัจจุบันสุขาวดีเป็นสุขาวดีพระพุทธศาสนามหายานนิกายที่มีผู้นับถือมากที่สุด ด้วยเหตุที่ สุขาวดีไม่มีหลักอภิปรัชญาที่ต้องคิดมาก ประชาชนที่นับถือนิกายสุขาวดีจึงไม่ต้องมีความรู้ในพระพุทธศาสนาลึกซึ้ง ภายหลังได้กลายเป็นที่นิยมของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศจีน

    ดังนั้นในฐานะของชาวพุทธด้วยกัน ก็ควรที่จะเข้าไปศึกษาเรื่องสุขาวดีพุทธเกษตรให้ถ่องแท้ เนื่องจากว่านิกายนี้มีความสำคัญที่ทำให้ยังมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากศรัทธาถือกันอยู่ โดยทั่วไปทางพ้นทุกข์ในพระพุทธศาสนาต้องพ้นโดยทางญาณมรรค แต่สุขาวดีเป็นการใช้ภัคติมรรค มีความเป็นไปได้ที่ชาวพุทธมหายานปรับปรุงนิกายสุขาวดีขึ้นเพื่อต่อสู่กับพราหมณ์ จึงได้เกิดภัคติมรรคขึ้นในพระพุทธศาสนา ซึ่งออกในรูปของนิกายสุขาวดีนั่นเอง
     
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ๒.กายทั้งสามของพระพุทธเจ้า (ตรีกาย) กับพุทธเกษตร

    มหายานมีทัศนะเกี่ยวกับภาวะของพระพุทธเจ้าหลังจากปรินิพพานต่างจากเถรวาท โดยเถรวาทถือว่าเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วก็ไม่มีภาวะใดหลังเหลือเกี่ยวข้องกับโลกอีก จึงไม่มีคำสอนเรื่องภาวะของพระพุทธเจ้าหลังจากปรินิพพาน

    แต่มหายานเชื่อว่าหากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วดับสูญ ก็เท่ากับว่าบารมีที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมานับอสงไขยกัลป์ก็ถือว่าสูญสิ้นไปด้วย ดังนั้นมหายานจึงมีความคิดที่ว่าพระกายที่ดับสูญไปนั้น แท้จริงเป็นเพียงกายเนื้อยังมีพระกายที่ยังไม่ดับสูญแต่ดำรงอยู่ในภาวะที่แตกต่างกันออกไป แตกต่างออกไปอีกบางประการเช่น

    ๑. มหายานถือว่า พระธรรมกายคือพระวรกายที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าซึ่งยังคงดำรงอยู่แม้กายเนื้อของพระองค์จะดับสูญไปแล้วก็ตาม แต่เถรวาทถือว่า ธรรมกายก็คือพระธรรมของพระองค์

    ๒. มหายานได้เพิ่มคำสอนเรื่องสัมโภคกายเข้ามาอีกกายหนึ่ง เพื่อสนองความต้องกายของสรรพสัตว์ ในข้อที่ว่าพระพุทธเจ้ายังมิได้ดับสูญ หากแต่ยังดำรงอยู่ในอีกรูปแบบหนึ่งเท่านั้น

    ๓. มหายานถือว่า กายมนุษย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นแท้จริงเป็นเพียงมหาอุบายในการโปรดสัตว์ดังมีข้อความปรากฏใน วิมลเกียรตินิทเทศสูตร สาวกวรรคมีใจความว่า สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอาพาธเล็กน้อย ต้องใช้น้ำโคนมไปบำบัด ท่านวิมลเกียรติคฤหบดี พอดีพบกับพระอานนท์ระหว่างทางจึงได้กล่าวถามพระอานนท์ เรื่อง การอาพาธของพระผู้มีพระภาคเจ้า และท่านวิมลเกียรติกล่าวกับพระอานนท์ว่า “พระคุณเจ้าอานนท์ พระเจ้าจักรพรรดิอาศัยบุญญาธิการเล็กน้อย ยังเป็นผู้ปราศจากโรคาพาธ ป่วยการที่จักกล่าวถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สมบูรณ์ด้วยบุญญาธิการอันไม่มีประมาณ แม้พวกพาหิรชนนอกศาสนาจักดูหมิ่นเอา พระวรกายที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย คือ ธรรมกายนั้นเอง มิได้เป็นกายเกิดจากกิเลศตัณหา พระสรีระกายของพระองค์เป็นอนาสวะ มีอาสวะธรรมเป็นมูลเฉทสิ้นเชิงแล้ว พระสรีระของพระองค์อสังขตะ ปราศจากเหตุปัจจัยปรุงแต่ง

    เมื่อพระสรีระของพระตถาคตมีสภาพดังนี้จะมีโรคาพาธเกิดขึ้นได้อย่างไร” พระอานนท์เกิดปริวิตกขึ้นว่าจักทำอย่างไรดีโดยพุทธานุภาพ บรรดาลให้พระอานนท์ได้ยินพระสุรเสียงในอากาศดังมาว่า “อานนท์ถูกต้องแล้วตามที่คฤหบดีผู้นั้นกล่าว แต่เนื่องด้วยพระพุทธเจ้าทรงถืออุบัติมาในปัญจสหาโลกธาตุ ซึ่งมีความเสื่อมต่างๆ จึงทรงสำแดงให้เห็นว่าอาพาธ เพื่อเป็นอุบายโปรดสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2012
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ยังคงถูกจำกัดอยู่ในขอบเขตแห่งกฎธรรมชาติ ความยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้าในทัศนะของเถรวาทยังคงได้แก่ความหลุดพ้นทางจิตเท่านั้น

    ๔. มหายานถือว่า การที่พระพุทธเจ้าดับขันปรินิพพานนั้นเห็นเพียงมายาที่พระองค์แสดงให้เห็นเพื่อเป็นอุบายในการโปรดสัตว์ แต่เถรวาทไม่เห็นด้วยกับการโปรดสัตว์ดังกล่าว

    จะเห็นได้ว่าตามทัศนะของมหายานนั้นพระพุทธเจ้าทรงเป็นอภิบุคคล ผู้บรรลุความสมบูรณ์แห่งปัญญา เป็นเหตุให้มหายานอธิบายลักษณะของกายพระพุทธเจ้าออกเป็น ๓ ลักษณะได้แก่

    ๑.นิรมาณกาย คือ กายสังขารของความเป็นมนุษย์ของพระพุทธเจ้า เป็นกายที่เปลี่ยนแปลงไปตามกฎธรรมชาติในที่นี้หมายถึง รูปกายของพระศากยมุนีพุทธเจ้า และพนะมานุษีพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่ทรงออกมหาภิเนศกรมณ์ ตรัสรู้เทศนาสั่งสอนสรรพสัตว์ และดับขันธ์ปรินิพพานอันเป็นไปตามความผันแปรแห่งสังขาร

    ๒. สัมโภคกาย คือ กายที่รัศมีแผ่ซ่านมีลักษณะเป็นทิพย์ไม่มีที่สิ้นสุด สัมโภคกายนี้ปุถุชนไม่อาจมองเห็นได้เป็นกายที่ทรงใช้เทศนาสั่งสอน พระโพธิสัตว์ มหาสัตว์ ซึ่งปรากฏได้ทุกแห่งหน ดังนั้นแม้พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานไปแล้วแต่พระโพธิสัตว์ยังสามารถเห็นพระพุทธเจ้าในรูปสัมโภคกายได้ มหายานถือว่า สัมโภคกายนั้นอยู่ระหว่างธรรมกายกับนิรมาณกาย

    ๓. ธรรมกาย คือกายอันเกิดจากธรรมไม่มีเบื้องต้นท่ามกลางและที่สุดเป็นภาวะที่ไม่ขึ้นอยู่กับกาละและเทศะทั้งสามของพระพุทธเจ้า อันได้แก่ พระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ ในคัมภีร์มหายานศรัทโธปาทศาสตร์ได้อธิบายว่า ธรรมกายได้แก่พระธรรมความเป็นไปอันสูงสุด และปรัชญาความรู้อันสูงสุด ในคัมภีร์ฝ่ายมาธยมิกได้อธิบายว่าธรรมกายคือความว่างจากกิเลสอาสวะ ซึ่งไม่อาจพรรณนาได้

    ในมติเถรวาทยอมรับนิรมาณกายและธรรมกายเท่านั้น ไม่มีคำสอนเรื่องสัมโภคกายแต่มีครั้งหนึ่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์ตามที่ปรากฏในอรรถสาลินี ยามที่พระองค์เสด็จไปบิณฑบาตก็ดี การทำภัตรกิจก็ดี พระองค์ได้เนรมิต รูปกายพระพุทธเจ้าขึ้นเพื่อให้แสดงธรรมแทนพระองค์ ลักษณะดังกล่าวพออนุมานรูปนิมิตนี้เป็นสัมโภคกายได้เช่นกันแต่ลักษณะของสัมโภคกายนี้ก็มิได้แตกต่างจากนิรมานกายเลย จึงพอสรุปได้ว่า ตรีกายในคำสอนมหายานมีความแตกต่างจากเรื่องกายในทัศนะของเถรวาท

    *******************

    พอแค่นี้ก่อนแล้วกันนะ เพราะว่าเรื่องมันยาว เริ่มตาลายแล้วค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2012
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    อะ หายตาลายแ้ล้ว มาต่อกันค่ะ อ่านให้ตาแฉะไปเลย อิอิ

    ความสัมพันธ์ระหว่างพระพุทธเจ้ากับพุทธเกษตร

    ตามคำสอนของพุทธศาสนามหายาน ถือว่าพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์มีมากมาย และในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ก็มีโลกธาตุที่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ แม้โลกธาตุของเราจะว่างจากการมีพระพุทธเจ้ามา ๒๕๐๐ กว่าปีแล้วก็ตาม แต่ขณะนี้ ณ โลกธาตุแห่งอื่นยังมีพระพุทธเจ้าซึ่งยังดำรงพระชนม์ และตรัสพระธรรมเทศนาสั่งสอนสรรพสัตว์อยู่ โลกธาตุที่ยังมีพระพุทธเจ้าซึ่งยังดำรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น เรียกว่าพุทธเกษตร

    ดังนั้นคำว่า พุทธเกษตรนี้ จึงไม่ใช่พระนิพพาน แต่พุทธเกษตรหมายถึงดินแดน หรือโลกธาตุใดที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้น พุทธเกษตรจึงมีลักษณะเป็นสถานที่ พุทธเกษตรนั้นมีอยู่มากมาย บางแห่งบริสุทธ์น่ารื่นรมย์เป็นทิพยภาวะ พุทธเกษตรที่มีการกล่าวถึงเสมอ ๆ ในพระสูตรมหายาน ดังเช่น พุทธเกษตรชื่อสุขาวดีพุทธเกษตรของพระอมิตาภะ พุทธเกษตรชื่อศุทธิไวฑูรย์ของพระไภษัชยคุรุ พุทธเกษตรชื่ออภิรติของพระอักโษภยะ เท่าที่กล่าวมาปรากฏพุทธเกษตรสุขาวดีของพระอมิตาภะเป็นที่นิยมมากที่สุด ภายหลังสามารถจัดตั้งเป็นนิกายขึ้นมาโดยเอกเทศ

    ในวิมลเกียรตินิทเทสสูตร พุทธเกษตรวรรคกล่าวว่า พระโพธิสัตว์ผู้ปรารถนาจะบรรลุถึงวิสุทธิเกษตรดังกล่าว พึงชำระจิตของตนให้สะอาดบริสุทธิ์ เมื่อจิตสะอาดบริสุทธิ์ดีแล้ว พุทธเกษตรย่อมสะอาดบริสุทธิ์ตามไปด้วย

    ครั้งนั้น พระสารีบุตรเกิดปริวิตกขึ้นว่า ถ้าจิตของพระโพธิสัตว์บริสุทธิ์ พุทธเกษตรย่อมบริสุทธิ์แล้วไซร้ หรือว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าของเราเมื่อสมัยยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ จักมีจิตไม่บริสุทธิ์กระมังหนอ พุทธเกษตรของพระองค์จึงไม่สะอาดบริสุทธิ์ดังที่ปรากฎ ณ บัดนี้ หลังจากนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้กดนิ้วพระบาทลงสู่ปฐพี ทันใดนั้นทั่วทั้งโลกธาตุก็เปลี่ยนแปลง ปรากฎเป็นรัตนอลังการนับแสนโกฏิ แต่เพราะสัตว์ที่อุบัติในโลกธาตุแห่งนี้ มีอัธยาศัยหยาบ เพื่อโปรดสรรพสัตว์ ให้เหมาะแก่อัธยาศัยนั้นจึงทรงสำแดงพุทธเกษตรให้แตกต่างออกไป ด้วยเหตุที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายมีอุบายโกศลเป็นอจินไตย

    จึงพอสรุปได้ว่า พุทธเกษตรนั้นย่อมสำเร็จได้ด้วยอำนาจปณิธานของพระพุทธเจ้า และกรรมนิยมของสัตว์ ดังนั้นพุทธเกษตรทั้งหลายเกิดมีขึ้นด้วยอาศัย พุทธปณิธานที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงตั้งสัตยาธิษฐานไว้ก่อนที่จะบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ หรือในขณะที่กำลังบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์นั่นเอง อย่างเช่น พุทธเกษตรสุขาวดีเกิดจากปณิธานของพระอมิตาภะตั้งแต่เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นภิกษุธรรมกร ได้ตั้งปณิธานต่อหน้าเบื้องพระภักตร์พระโลเกศวรราชพุทธเจ้า ดังนั้นเมื่อตรัสรู้แล้วดินแดนนั้นจึงสำเร็จเป็นสุขาวดีพุทธเกษตร

    ส่วนเรื่องกรรมนิยมของสัตว์ที่จะไปอุบัติยังพุทธเกษตรนั้น ๆ ก็ขึ้นอยู่กับพระปณิธานของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยต้องมีคุณสมบัติ สรุปย่อลงเหลือ ๓ ประการได้แก่ ๑. สิ่ง แปลว่า ศรัทธาปสาทะ ในพระอมิตาภะ ๒. หงวง แปลว่า ตั้งปณิธาณไปเกิดที่สุขาวดี ๓. เหง แปลว่า ลงมือปฏิบัติ กุศลกรรมเพื่อเป็นปัจจัยให้ได้ไปเกิดที่สุขาวดี

    นอกจากนี้ยังมีการจำแนก สัตว์ที่ไปเกิดยังพุทธเกษตรให้แตกต่างกันไปตามลักษณะแห่ง กุศล หรืออกุศลที่เคยประกอบเอาไว้ รวมถึง คุณสมบัติทางใจ เช่น การมีศรัทธา การมีจิตเมตตากรุณา เป็นต้น ในอมิตายุรธยานสูตร ได้จำแนกผู้ที่จะไปอุบัติยังสุขาวดี ไว้ ๙ ประเภทด้วยกันคือ
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ชั้นที่ ๑. บุคคลที่ประกอบด้วยความกรุณา บริบูรณ์ด้วยศีล บำเพ็ญอนุสติ ๖ อยู่เสมอ มีจิตใจที่เชื่อมั่น ตั้งปณิธานเพื่อไปเกิดในสุขาวดี เมื่อถึงมรณกาล พระอมิตาภะและหมู่พระโพธิสัตว์จะเสด็จมารับไปอยู่สุขาวดี

    ชั้นที่ ๒. บุคคลที่แตกฉานในปรมัตถธรรม เชื่อในกฎแห่งกรรม ไม่ติเตียนคำสอนมหายาน และอุทิศคุณธรรมมุ่งไปเกิดที่สุขาวดี เมื่อใกล้ถึงมรณกาลพระอมิตาภะและหมู่พระโพธิสัตว์จะเสด็จมารับไปอยู่สุขาวดี ผู้นั้นจะอุบัติในดอกบัว ข้ามวันจึงเบ่งบานหลังจากนั้นจะได้สดับพระธรรมอันลึกซึ้ง ภายใน ๗ วันก็ได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ

    ชั้นที่ ๓. บุคคลที่เชื่อในกฎแห่งกรรม ไม่ติเตียนคำสอนมหายาน และอุทิศคุณธรรมมุ่งไปเกิดที่สุขาวดี เมื่อใกล้ถึงมรณกาลพระอมิตาภะและพระโพธิสัตว์ทั้งสองจะเสด็จมาประทานดอกบัวทองให้ ดอกบัวจะหุบคลุมไว้ ๑ วันจึงบาน ๗ วันให้หลังจึงได้เฝ้าพระอมิตาภะ หลังจากนั้นจะได้ฟังพระสัทธรรม เมื่อผ่านไป ๓ กัปล์เล็กจะได้เข้าสู่ มุทิตาภูมิ

    ชั้นที่ ๔. บุคคลที่รักษาศีล ๕ หรือศีล ๘ เป็นนิจไม่เบียดเบียนผู้อื่น เมื่อใกล้ถึงมรณกาลพระอมิตาภะและหมู่พระโพธิสัตว์จะเสด็จมารับ เมื่อได้ฟังพระสัทธรรมเรื่อง อริยสัจ ๔ แล้วจึงบรรลุอรหัตผล

    ชั้นที่ ๕. บุคคลที่รักษาศีล ๕ หรือศีล ๘ มาแล้วอย่างน้อย ๑ วัน ๑ คืน หรือถือสามเณรสิกขา ภิกษุสิกขา อย่างน้อย ๑ วัน ๑ คืนเมื่อใกล้ถึงมรณกาลพระอมิตาภะและหมู่พระโพธิสัตว์จะเสด็จมารับ ผ่านไป ๗ วันดอกบัวจึงบาน เมื่อได้ฟังธรรมก็บรรลุโสดาบัน จากนั้นอีกครึ่งกัป,จึงบรรลุอรหัตผล
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ชั้นที่ ๖. บุคคลที่มีกตัญญูกตเวที มีมนุษยธรรม และได้เคยสดับฟังเรื่องสุขาวดี และปณิธาณของพระอมิตาภะ เมื่ออุบัติได้ ๗ วัน จะได้เฝ้าพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ และพระมหาสถามปราปต์ เมื่อฟังพระสัทธรรมแล้ว ล่วงไป ๑ กัปล์จึงบรรลุอรหัตผล

    ชั้นที่ ๗. บุคคลผู้สร้างอกุศลกรรม ไม่มีหิริ โอตัปปะ เมื่อใกล้มรณกาลได้พบบัณฑิตมาสอนให้ภาวนาถึงพระอมิตาภะ รูปเนรมิตของพระอมิตาภะและพระโพธิสัตว์ทั้งสองจะเสด็จไปรับ ๗๖ วันดอกบัวจึงบาน ล่วงไป ๑๐ กัปล์ จึงเข้าสู่ปฐมภูมิแห่งโพธิสัตว์

    ชั้นที่ ๘. บุคคลที่ก่ออกุศลเป็นนิจ มีคติคืออบายภูมิ แต่โชคดีเมื่อใกล้มรณกาลได้พบบัณฑิตมาสอนให้ภาวนาถึงพระอมิตาภะ คตินิมิตที่เห็นเป็นไฟนรก จักกลายเป็นดอกบัว รูปเนรมิตของพระอมิตาภะและพระโพธิสัตว์ทั้งสองจะเสด็จไปรับ ผ่านไป ๖ กัปล์ดอกบัวจึงบาน เมื่อได้ฟังพระสัทธรรมจากพระโพธิสัตว์ มหาสัตว์ทั้งสอง จึงบังเกิดโพธิจิต

    ชั้นที่ ๙. บุคคลที่ก่ออกุศลกรรมมากมาย สมควรสู่อบายภูมิ เมื่อใกล้มรณกาลก็ทุกข์ทรมาน หากได้รับการชี้แนะ ให้สวดรำลึกถึงพระอมิตาภะ ๑๐ ขณะจิต กรรมนิมิตที่เห็นเป็นไฟนรก จักกลายเป็นดอกบัว รูปเนรมิตของพระอมิตาภะและพระโพธิสัตว์ทั้งสองจะเสด็จไปรับ ผ่านไป ๑๒ กัปล์ดอกบัวจึงบาน เมื่อได้ฟังพระสัทธรรมจากพระโพธิสัตว์ มหาสัตว์ จึงบังเกิดโพธิจิต

    จะเห็นได้ว่าทั้ง ๙ ชั้น นี้แบ่งออกเป็น ๓ ระดับ คือ สามชั้นแรกสำหรับผู้มีอุปนิสัยมหายาน สามชั้นกลางสำหรับผู้มีอุปนิสัย ปัจเจกยานและสาวกยาน สามชั้นสุดท้ายเป็นผู้ประกอบอกุศลกรรม
     
  19. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ในครั้งที่พระเจ้าอาชาตศัตรูกระทำปิตุฆาตเพราะหลงเชื่อคำยุยงของพระเทวทัต ภายหลังเกิดสำนึกตนได้เร่งประกอบกุศลกรรมมากมาย ได้เคยอุปถัมภ์การสังคยนาครั้งที่ ๑ ทั้งยังได้อุปถากพระมหากัสสปเถระ เคยได้ถวายปิณฑบาตรตอนที่ท่านเพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ อันเป็นกุศลที่มีผลแรง

    แต่กระนั้นเมื่อพระเจ้าอาชาตศัตรูสวรรคต พระองค์ยังต้องไปเกิดเป็นสัตว์นรกเสวยทุกขเวทนายังโลหะกุมภีมหานรก กุศลกรรมช่วยได้เพียงการที่ไม่ให้พระองค์ต้องไปเกิดยังอเวจีมหานรกที่มีความทุกข์ทรมานมากกว่าเท่านั้น จึงเป็นการยากที่จะให้ยอมรับว่าการระลึกถึงพระอมิตาภะเพียง ๑๐ ขณะจิตก็สามารถพ้นจากกรรมหนักดังกล่าวได้

    ในเรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการระลึกถึงพระอมิตาภะนั้น ไม่ใช่การที่เพียงเอ่ยพระนาม แต่เป็นการระลึกด้วยจิตบริสุทธิ์ตั้งมั่น และผู้นั้นแม้ได้ไปอุบัติยังสุขาวดีก็มิใช่จะสะดวกสบายเช่นบุคคลอื่น จะต้องถูกขังอยู่ในดอกบัวเป็นเวลาหลายกัลป์ และในขณะถูกขังอยู่จะได้ยินเสียงเทศนาธรรมอยู่ตลอดเวลา เป็นการกล่อมเกลาจิตใจ หากจะมองว่าการถูกขังก็เป็นการที่ได้รับกรรมแบบหนึ่งเช่นกัน หากแต่ถ้าไปมองที่ความทุกขเวทนาเรารู้สึกว่าน้อยไปเมื่อเทียบกับกรรมที่บุคคลเหล่านั้นได้ก่อไว้ แต่อย่าลืมว่าพุทธศาสนาเองเน้นที่สภาวะจิตเป็นสำคัญการถูกกักขังก็อาจนำความทุกข์ใจมาให้มิใช่น้อยเช่นกัน
     
  20. zaxc

    zaxc เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +422

    :cool::cool:อยากทำได้แบบอุบาสิกาท่านนี้จัง ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ:cool::cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...