ฝาก เรียนถามพระอาจารย์เล็กคะ

ฝาก เรียนถามพระอาจารย์เล็กคะ

1. การถวายผ้ากฐินนั้น เจ้าภาพจะเป็นองค์กฐินมีเพียง 1 เท่านั้นใช่หรือไม่แต่ทำไม บางวัดอนุญาตให้คนอื่น นำผ้าของตนมาถวายได้ด้วยซึ่งมีผู้นำมาถวายมากมาย ผ้านั้นจะเรียกว่าอะไร ถ้าเราต้องการเป็นเจ้าภาพองค์กฐินจริงๆ นอกจากจะรับเป็นเจ้าภาพแล้ว เราสามารถติดต่อองค์กฐินเพื่อร่วมปัจจัยซื้อผ้าถวาย ถือว่าได้ถวายผ้ากฐินเองด้วยหรือไม่
2. เคยเห็นผู้ป่วย ทุกข์ทรมานเพราะโรคร้าย และลูก ๆ ยินยอมให้แพทย์ใช้ยาทำให้ตาย เพราะความสงสารเห็นว่าทุกข์ทรมาน แบบนี้ถูกหรือผิด และเป็นอนันตริยกรรม หรือไม่ ได้ยินว่าทำแบบนี้ผู้ป่วยจะใช้กรรมไม่หมด จริงหรือเปล่าคะ
3. การวางกำลังใจในการสร้างบารมีที่เหมาะสม ควรทำอย่างไรคะ และการอธิฐานควรอธิฐานล้อมกรอบหรือไม่

4. การที่พระโพธิสัตว์เสียสละชีวิตตนเอง เพื่อพระโพธิญาณนั้น แตกต่างอย่างไรกับการฆ่าตัวตาย กับการที่บอกว่าการทำบุญเกินกำลัง ทำจนสุดตัว กับ อยากให้อธิบายคะ

 

ขอตอบข้อสองนะครับ

ถ้าพ่อหรือแม่ยังไม่ตาย ไม่ว่าจะทรมานแค่ไหนหรือดูแล้วยังไงก็ไม่รอด สามารถทำให้ท่านตายได้ครับ แต่ติด อนันตอริยกรรมทันที ได้ตั๋วไปทัวอเวจีมหานรก!

แต่ถ้าท่านเสมือนตายอยู่แล้ว เช่น ตายแล้วหมดทางเยียวยา ไม่ตอบสนองใดๆแล้ว แต่ยังมีเครื่องช่วยหายใจอยู่จึงรอด ไม่มีเครื่องก็หยุดหายใจเลย แบบนี้ถอดเครื่องออกได้เลยครับไม่บาป

อ้างอิงจาก
http://www.luangpor.com/eBooks/QAspecial10.pdf (อันนี้ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำนะครับ ให้ดูที่หน้า7)

และ

http://palungjit.org/threads/สรุปแล้วถอดเครื่องช่วยหายใจบุพการีเป็นอนันตริยกรรมไหม.285696/ (อันนี้ของหลวงพี่เล็กนะครับ)

 

ขอช่วยตอบครับ
ข้อ1 กฐินมี2ลักษณะครับ มีทั้งที่เป็นกฐินเดี่ยว คือเจ้าภาพเขามาขอจองถวายกฐินมีเจ้าภาพองค์กฐินแค่เขาเท่านั้น บุคคลอื่นไม่สามารถทอดต่อได้อีกเพราะได้จองและขออนุญาตุกับทางคณะสงฆ์ของทางวัดไว้แล้ว และทางวัดเองก็ไม่สามารถรับองค์กฐินเพิ่มเข้ามาอีกได้ ดังนั้นหากมีมาเพิ่มก็อาจจะต้องถวายเป็นผ้าป่าหรือปัจจัยอื่นๆไปไม่สามารถถวายเป็นกฐินได้ครับ กรณีลักษณะที่2 คือเป็นกฐฺินสามัคคี มีองค์กฐินเอกและองค์กฐินรอง ซึ่งมีได้ไม่จำกัดครับ ทีนี้เวลาเราจะนำกฐินไปร่วมทอดก็ต้องสอบถามกับทางวัดก่อนนะจ๊ะ

 

ตอบข้อ2ตอบไปแล้วในกระทู้ เรื่องดังกล่าวลองไปเปิดอ่านดูเพิ่มนะครับ แต่กรณีนี้จากข้อบอกว่ายังรู้สึกตัว และมีความทรมานมีทุกขเวทนา กายและจิตยังประสานกันสมบุรณ์ แล้วเราไปช่วยเขาให้พ้นจากความทุขเวทนา โดยทำให้เขาตาย อย่างนี้จัดเป็นการฆ่า จะเป็นบาบนะครับ แต่กรณีที่ไม่มีทุขเวทนาอะไรแล้ว สมองไม่ทำงานแล้ว กายแตกดับแล้วและไม่รวมประสานอยู่กับจิต ยังเหลือแค่ลมหายใจ ไม่รับรู้อะไรแล้ว กายและจิตไม่ประสานกัน อย่างนี้ไม่บาบนะ ครับเพราะการปิดเครื่องหรือถอดสายลมออกถือว่าไม่จัดว่าการฆ่า ลองพิจารณาดูให้ดีนะครับ

 

ตอบข้อ3 บารมีแปลว่า กำลังใจที่เต็มเปี่ยม หรือแปลว่า ทำให้ยิ่งมากทำให้เต็ม
ทีนี้เรื่องบารมี ถามว่าจะล้อมกรอบอย่างไรต้องถามก่อนว่า อยากเป็นอะไร
1 อยากนิพพานเร็วๆหรือ
2 อยากเป็นพระโพธิสัตว์ช่วยเหลือผู้อื่นๆละ
ที่นี้ถ้าตอบได้ก็ไปศึกษาว่า แต่ละข้อมีกิจวัตร จริยวัตรอย่างไร ต้องทำอะไร อย่างไรบ้าง
และการจะทำให้บารมีเกิดและเต็มนั้นเราตั้งไว้อย่างไร มากน้อยแค่ไหนก็กำหนดเอาเองนะครับ
สุดท้าย เมื่อบารมีเต็มตามที่สัญญาสัจจะ อธิฐาน ก็สำเร็จตามที่ปราถนาครับ แต่สิ่งสำคัญคือกำลังใจก่อนที่จะเต็มได้หรือทำให้มากๆได้ ต้องมีกำลังใจที่มั่นคงไม่หวั่นไหวหรืออย่าเปลืยนเสียก่อนละ สาธุ ๆๆ ตอบยากจริงๆและก็ดูเหมือนจะเข้าใจยากแต่ก็จะพยายามอธิบายครับ คงเข้าใจนะครับ

 

ขอช่วยตอบข้อ4ครับ
การฆ่าตัวตายมีหลายลักษณะ การทำให้กายแตกดับ และชีวิตไม่สามารถดำรงอยู่ได้ ก่อนหมดอายุไขอันสมควร มีบาบเวรแน่นอนมากน้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับเจตนา และคุณปการหรือประโยชน์ที่ผู้ตายหรือผู้อื่นจะได้รับจากการฆ่าตัวตายของตน การฆ่าตัวตายเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา มีอานิสงค์มาก เป็นมหาบุญกุศลยิ่ง เพราะการตายเอื้อประโยชน์ต่อพระพุทธเจ้า และพุทธศาสนา
เป็นการเสียสละที่เป็นปรมัตบารมี หรืออุฤกษบารมี ที่ทำได้ยากยิ่ง และมีอานิสงฆ์มากจริงๆครับ เหมือนหรือคล้ายๆกับการทำบุญจนสุดตัวเกินกำลัง ซึ่ง เป็นบาบก็เฉพาะเบียดเบียนกายตน แต่จิตตนกลับเกิดปิติและมีชีวิตที่เหลือดำรงอยู่โดยปิติแห่งบุญนั้น เพราะตามประวัติในสมัยพุทธกาล กล่าวว่า บุญอันใดที่ทำได้โดยยากยิ่ง ต้องอาศัยความเพียรอุตสาหะอย่างมาก ต้องอาศัยการอดทนอดกลั้นข่มจิตอย่างมาก บุญนั้นย่อมมีอานิสงค์มากเช่นกัน ครับ ยกตัวอย่างเช่น คนรวยทำบุญ1000บาททำได้โดยง่าย ไม่เดือดร้อนอะไร คนจนทำบุญ10บาท ได้บุญเท่ากัน แต่อานิสงค์ต่างกันเพราะคนจนต้องเอาหยาดเหงื่อแรงกายเข้าแลกกว่าจะเก็บได้ทีละบาท แลกด้วยความเพียรพยายามมากกว่าหลายเท่านัก ดังนั้นผลบุญที่คนจนทำบุญให้ทานไว้10บาทจึงได้อานิสงค์มากกว่านักครับ เป็นต้น

 

ขอบคุณ คุณ สายลมสีขาว และคุณ TPC มากคะ

 

ขอเปลี่ยนเรื่อง ขอคุยเรื่องการสร้างบารมีเพื่อจะได้เกิดเป็นท้าวสักกะเทวราช องค์อัมรินทรา

กระผมขอเสริมจากที่ท่านผู้ทรงคุณวุฒิท่านนั้นได้นำมาโพสน์ไว้นั้นแต่โพสน์นั้นปิดไปแล้วจึงไม่สามารถช่วยอธิบายเพิ่มเติมในนั้นได้ซึ่งท่านก็ได้กล่าว ถูกต้องจริงๆ และพื้นฐานต้องเป็นเช่นนั้นจริง
แต่ขอเสริมว่า การที่ท่านได้กระทำซึ่งวัตตบท7ข้อบริบูรณ์แล้วนั้นก็จริงอยู่แต่ทว่า ท่านเหล่านั้นจะต้องสร้างบารมีเพิ่มสั่งสมภูมิธรรม ในด้านการปกครองด้วย เพราะหากท่านไม่มีภูมิธรรมด้านนี้ เมื่อท่านได้ไปจุติเป็นท้าวสักกะเทวราช ด้วยบุญกุศลที่สั่งสมมา แต่ด้วยหน้าที่ของท้าวสักกะเทวราช ต้องรับผิดชอบหลายประการ การปกครองเหล่าเทพเทวดาจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะต้องมีภูมิธรรมความรู้ข้อนี้ด้วย

เรื่องจริงมีอยู่ว่า การเกิดเป็นเทพธิดาสามารถทำได้ด้วยกันหลากหลายวิธี แม้แค่การอนโมทนา ก็มีอานิสงฆ์มากได้ตามคำอธิฐานนั้น แต่การอยู่ร่วมกันปกครองกัน หากเขาเหล่านั้นไม่มีอนุสัยเดิม ที่ดี มีจิตใจที่ดี มีภูมิจิตที่สูงพอก็ย่อมสามารถอยู่ร่วมกันได้นานตราบจนหมดอายุไข แต่หากภูมิจิตเราไม่ถึง เราก็อยู่ร่วมกับเขาเหล่าเทพเทวดาองค์อื่นไม่ได้ คิดเห็นต่างกัน คุยกับเขาไม่เข้าใจกันก็จะลำบากมาก ดังนั้นพึงควรตริตรองเรื่องนี้โดยแยบคายด้วยเถิดว่าเราควรฝึกภูมิจิตเราอย่างไรให้เสมอกัน กับบุญบารมีที่เราปราถนาครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 

เหตุ ที่ข้าพเจ้าต้องการบอกเรื่องนี้ ก็ด้วยเห็นว่า สวรรค์ชั้นภพใดๆ มักเกิดปัญหาแบบนี้เหมือนโลกมนุษย์ ดังนั้นเพื่อให้ท่านผู้ปราถนาในบารมีธรรมใดๆก็ตามได้เข้าใจและเดินทางได้ถูกต้องตามปราถนามากที่สุด ครับ