นิทาน เรื่อง "พญานาค"

อ้อ...ลืมบอกไปว่าเจอหนุ่มหล่อหน้าตาดี แถมใจดีอีกต่างหาก
แต่ในความรู้สึกเป็นแค่เพื่อนร่วมงานค่ะ

พอดีเมื่อวานเพื่อนโทรทางไกลมา
ก็เลยชวนเพื่อนไปทำบุญกฐินสิ้นปีนี้ด้วยกัน
ซึ่งตรงกับวันเกิดเค้าพอดี และไ้ด้คุยกับแม่เจ้านาย
เกี่ยวกับการทำบุญส่งยาไปให้พระ
ก็เลยเก็บมาฝันแน่เลย คิดถึงเพื่อนๆ ด้วย
อยู่ที่นี่มีแต่เรื่องเครียดมาให้ขบคิดทุกวัน

 

วันนี้ใครยังไม่มีเรื่อง รีบๆ หาเรื่องมาเล่าเลยนะ
รออ่านหนอจ้าาาาาา

 

5555++++
ใช้ความสงบ สยบอะไรกันเนี่ย
เม้าท์มอยหน่อยซิจ๊ะ รอจนง่วงแล้ววววว
หาเรื่องก็ไม่ได้ สมองไม่แล่นปรู๊ดปร๊าดเลย

 

เอ้า...มาัฟังปยานาคเล่านิทานเร้ววว

รู้ไหม? ทำไมน้ำตกจึงสวย

พ่อ : รู้มั้ยลูก...ทำไมน้ำตกถึงสวย...
ลูก : ก็เพราะมันเป็นน้ำตกไงคะพ่อ...
พ่อ : ไม่ใช่หรอกลูก … ที่น้ำตกสวยน่ะ …
เพราะน้ำตกไม่ยอมเก็บน้ำไว้ในชั้นของตัวเองต่างหาก...

ลูก : หมายความว่าไงคะพ่อ...
พ่อ : ลูกสังเกตไหมล่ะว่า...

… เวลาน้ำตกตกลงมาจากชั้นหนึ่งแล้ว...
จากนั้นก็จะถูกส่งต่อลงไปอีกชั้นหนึ่งทันที..
เพราะวิธีนี้ที่น้ำตก...ไม่เห็นแก่ตัว...แต่ยอมส่งน้ำที่ตกมาจากชั้นอื่น..
แล้วส่งต่อกันไปเรื่อยๆ อย่างนี้.. … น้ำตก..ถึงสวย...
และน้ำตก..จึงยังคงเป็นน้ำตก...ที่มีเสน่ห์..ไงละ

...อย่าลืมน่ะลูก...

ถ้าลูกอยากให้ตัวเองเป็นคนที่น่ารัก ลูกควรจะเป็นอย่างน้ำตก..
หากมีสิ่งดี ๆ ตกมาถึงตัวลูก อย่าเก็บสิ่งดีๆ นั้นไว้..คนเดียว..
ลูกต้องเรียนรู้ที่จะ...แบ่งปัน... ออกไปให้มากที่สุด
มีก็แต่คนที่ "ให้" ออกไปเท่านั้นแหละลูก...
...จึงจะเป็นคนที่ "ได้รับ" อย่างแท้จริง...

 

รวงข้าว...สอนคน

รวงข้าวเหลือง เรืองรอง สีทองทาบ
อิ่มเอิบอาบ เรื่อเรือง เหลืองสดใส
ข้าวออกรวง สีทอง ผ่องอำไพ
ระบัดใบ พริ้วพร่าง กลางท้องนา

ข้าวรวงลีบ ชูช่อ ล้อลมหนาว
เด่นพร่างพราว แข่งตะวัน ฉันแหละหนา
หยิ่งทะนง ศักดิ์ศรี คอยบีฑา
สิ้นไร้ค่า ต้องฝืน ยืนต้นตาย

เปรียบดั่งคน รู้น้อย ด้อยศึกษา
อวดศักดา เก่งแท้ แน่ไม่หาย
มีทิฐิ ท่วมท้น ล้นใจกาย
ต้องเดียวดาย อ้างว้าง ร้างคนมอง

ข้าวรวงเต็ม อ่อนน้อม ค้อมสู่หล้า
ทอดกายา โน้มต่ำไว้ ให้ทั้งผอง
หากคุณค่า มากล้น ชนใฝ่ปอง
พร้อมประคอง ประโยชน์แท้ แก่ทุกคน

เปรียบคนดี ที่เก่งกล้า และสามารถ
ชาญฉลาด การงาน ในทุกหน
ยิ่งอ่อนน้อม ถ่อมตัว ให้ปวงชน
ซึ้งกมล คนเชิดชู และบูชา

ธรรมชาติ วาดไว้ ให้ได้เห็น
เฉกดั่งเช่น แนวคิด ปริศนา
จะเลือกเป็น ข้าวรวงลีบ ด้อยราคา
หรือล้นค่า ข้าวรวงค้อม น้อมที่ตน......ฯ

 

ถ้าโดนสอบ แสดงว่ามีเรื่องคาใจ คำตอบอยู่ในห้องสอบจร้า ได้ไม่ได้ นั่นคือคำตอบค่ะ

 

จะหักอื่น ขืนหัก ก็จักได้
หักอาลัย นี้ไม่หลุด สุดจะหัก
สารพัด ตัดขาด ประหลาดนัก
แต่ตัดรัก นี้ไม่ขาด ประหลาดใจ

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "นิราศอิเหนา"

**********************************

เห็นเงี๊ยบบบบบ เงียบ เลยเอากลอนมาฝาก เพิ่งเลยวันท่านสุนทรภู่ไปไม่กี่วันเองเนาะ

 

นำเที่ยวดีกว่านะ จะหมดวันอีกแล้ว

ถ้ำแก้วสารพัดนึก

ฤดูฝนอย่างนี้ ไปทางไหนก็มีโอกาสเปียกปอนได้ตลอดเวลา บางคนอาจจะบอกว่า "อยู่ใต้ฟ้าจะกลัวอะไรกับฝน เดี๋ยวเดียวก็แห้ง" แต่บางท่านอาจจะไม่ชอบ เพราะไปทางไหนมันก็เฉอะแฉะไปหมด ดีไม่ดียังอาจทำให้เป็นไข้หวัดได้ง่ายๆ

ถ้าคุณเป็นมนุษย์ประเภทเจ้าสาวที่กลัวฝนแล้วก็ควรหนีไปเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวที่ถึงแม้ฝนจะตกก็ไม่เปียกดีกว่า ซึ่งถ้าจะให้ไกด์ไลน์ก็คงหนีไม่พ้นแหล่งท่องเที่ยวประเภท "ถ้ำ" ที่สามารถมุดเข้าไปชื่นชมความสวยงาม โดยไม่ต้องกลัวว่าฝนจะเทกระหน่ำลงมาให้เปียกปอน

แต่ถ้ำที่เราจะพาไปหลบฝน ย่อมไม่ใช่ถ้ำธรรมดาๆ แน่นอน เพราะแค่ชื่อ "ถ้ำแก้วสารพัดนึก” (Magic Caveland) หลายคนคงคิดวางแผนล่วงหน้าแล้วว่า จะไปอธิษฐานขออะไรในถ้ำ

ถ้ำแก้วสารพัดนึกเป็นที่ตั้งของ "วัดไตรรัตน์" สถานปฏิบัติธรรมอันศักดิ์สิทธิ์และดินแดนมหัศจรรย์แห่งมนุษย์ถ้ำ 4,000 ปี มีที่ตั้งอยู่ที่ ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

ถ้ำแห่งนี้ถูกค้นพบโดย เจ้าอาวาสของวัด คือ หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน โดยถ้ำแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระเกจิชื่อดังหลายท่าน เช่น หลวงปู่ดูลย์ อตุโล, หลวงพ่อเพิ่ม บารมี เป็นต้น

หลังจากเสียเงินซื้อบัตรช่วยค่าไฟฟ้าบริเวณปากถ้ำแล้ว เพียงก้าวแรกที่ย่ำเข้ามา ความเย็นชื้นภายในถ้ำก็ก่อให้เกิดความอึดอัดเล็กน้อย แต่ไม่นานก็พอที่จะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมภายในโลกใต้พิภพนี้ได้ไม่ยาก

ถ้ำแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์ทองคำบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอัญเชิญมาจากอินเดีย เนปาล และศรีลังกา ประดิษฐานอยู่บนหินงอกหินย้อย ซึ่งมีทางเดินขึ้นไปให้ได้สักการะปิดทองได้อย่างสะดวก

มีความเชื่อว่า ถ้าเอามือลูบที่หินที่มีประกายเพชรแล้วเอาใส่กระเป๋าก็เท่ากับว่าได้เก็บเอาโชคลาภ เงินทองไหลมาเทมา...เมื่อเป็นเช่นนี้ทุกคนจึงไม่รอช้าที่จะลงมือลูบหินกากเพชรเก็บใส่กระเป๋าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

บริเวณใกล้ๆ กันยังมี "หินทรายรูปปลาทอง" ฉาบทาด้วยสีสันสวยงาม ขณะที่อีกด้านเป็น "หินงอกรูปหัวช้าง" ชวนให้จินตนาการโลดแล่นยิ่งขึ้นไปอีก

ยิ่งเดินลึกเข้าไปในถ้ำ ความชื้นในอากาศก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปด้วย เราเดินไปจนถึง "ห้องพระ" ซึ่งเต็มไปด้วยพระพุทธรูปปางต่างๆ และพระประจำวันเกิดครบทั้ง 7 วัน 8 ปาง

ถัดไปไม่ไกลจะมีกองหินมหึมาเรียกว่า "ซุ้มประตูหินร้อยปี" ดูโอ่อ่าอลังการไม่ใช่เล่น ใกล้กันเป็นช่องแคบๆลึกเข้าไปไม่มาก เชื่อกันว่าเป็น "รังเก่าของพญานาค"

จากจุดนี้ไปอีกนิด ไกด์ตัวน้อยพาเราลอด "ซุ้มเห็ดหินล้านปีนำโชค" เคล็ดลับในการขอโชคลาภ คือ เมื่อจะก้าวผ่านซุ้มประตูหินให้เราพนมมือแล้วเดินวนขวา เมื่อมาถึงพระพรหมแล้วก็ให้ขอพรที่ต้องการทันที
ลึกเข้าไปอีกหน่อยจะเป็น "บันไดทอง" นำเข้าสู่ "ถ้ำจิตรกร" ซึ่งธรรมชาติได้ใช้เวลานับร้อยนับพันปีค่อยๆ สลักเสลาหินงอกหินย้อยจนปรากฏรูปร่างประหลาดพิสดาร และสวยสดงดงามสุดจะบรรยาย

ส่วนไฮไลท์ของถ้ำ และเป็นที่มาของฉายา "ถ้ำสี่พันปี" คือ "โครงกระดูกฤาษี" อายุราว 4,000 ปี ซึ่งขุดพบโดยกรมศิลปากร

บริเวณนี้เป็นลานหิน มีแท่นหินโดยรอบบริเวณ เรียกว่า "ผาขั้วโลกเหนือ" เพราะมีลักษณะคล้ายภูเขาน้ำแข็ง และมีอากาศเย็นฉ่ำทั้งปี ส่วนด้านบนมีโพรงทะลุสู่ยอดเขาทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย

จากจุดนี้จะมี "สะพานอมตะ" ทอดข้ามไปชม "เตียงนอนพระฤาษี" และ "เก้าอี้พระฤาษี" ซึ่งคนโบราณเล่าสืบทอดกันมาว่าผู้ใดได้นอนลงบนเตียงพระฤาษีจะทำให้อายุยืน และป้องกันคุณไสย ไร้โรคาพยาธิ ทั้งยังอุดมด้วยโชคลาภอีกต่างหาก

 

ว้า...เงียบเหงาจริง...จริ้งงงง

จัดไปอีกตำนานนะจ๊ะ...ตำนานหาดหินสี

ตำนานหาดหินสี หรือทุ่งหินเหลื่อม เป็นกลุ่มหินสีที่มีลักษณะแปลกตา คือหินแต่ละก้อน จะมีผิวเรียบเป็นมัน ประกอบด้วยสีเหลือง เขียว ม่วง น้ำเงิน มีขนาดตั้งแต่ก้อนเล็กเท่ากำปั้นและก้อนใหญ่สุดมีขนาดใหญ่กว่า 3 เมตร กระจายเป็นกลุ่ม 3 กลุ่มใหญ่

หินแต่ละก้อน ถ้านำมาเรียงต่อกันจะเชื่อมกันได้สนิทคล้ายจิ๊กซอว์หินสี จากตำนานชาวบ้านที่เล่าขานต่อกันว่า กลุ่มหินสีดังกล่าวคือทองคำพญานาค ซึ่งเกิดจากการขุดสร้างแม่น้ำโขงของพญานาคตัวพ่อและตัวแม่ ส่วนร่องน้ำเล็กที่คู่ขนานกับแม่น้ำโขงเป็นผลงานของลูกพญานาคที่ขุดเล่น จนเกือบทะลุกับแม่น้ำโขง ลูกพญานาคพบหินเหมือนทองคำ จึงขุดขึ้นกองไว้เป็นบริเวณกว้างประมาณ 2 ไร่

อ้าวใครพากันไปขุดเล่น...รับสารภาพมาซะดีๆ

 

บ้านเรามีสระว่ายน้ำด้วยนะ ขออวดซะเลย

สระมรกต

สระมรกต” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า ”บุ่งน้ำใส” สระน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่กลางโบกเนินแก่งหินลึกราว 3 เมตร ที่ไม่ว่าจะเป็นฤดูใดก็จะมีสีเขียวมรกตตลอดทั้งปี แต่น้ำใสที่สุดในเดือน ธ.ค. ที่น่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่าก็คือไม่ว่าระดับน้ำโขงจะเพิ่มจะลดอย่างไร น้ำในสระก็จะคงที่อยู่ในระดับเต็มโบกเสมอ

 

วันนี้จัดเต็มกันไปเลย

สามพันโบก

สามพันโบก แกรนด์เคนยอนด์แห่งเมืองสยาม
สามพันโบก ถือว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในลำน้ำโขงเท่าที่ทราบกันมา ซึ่งในบริเวณเดียวกัน มีสถานที่ที่ชาวบ้านเรียกว่า แกรนแคนยอนน้ำโขง อันเกิดจากการกัดเซาะของน้ำหลายพันปี เป็นร่องน้ำขนาดใหญ่ สูงประมาณ 3-7 เมตร กว้างประมาณ 20 เมตร

แก่งหินสามพันโบก เป็นกลุ่มหินทรายแนวเทือกเขาภูพานตอนปลายที่ทอดตัวยาวริมฝั่งโขงไทยและลาว สายน้ำแคบและเป็นคุ้งน้ำ ณ เส้นรุ้งที่ N.15 องศา 47.472 ลิปดา และเส้นแวงที่ E.105 องศา 23.983 ลิปดา ริมฝั่งโขงบริเวณนี้เป็นกลุ่มหินที่เรียงตัวทอดยาว เป็นสันดอนขนาดใหญ่พื้นที่กว่า 30 ตารางกิโลเมตร ผาหินบริเวณโค้งด้านหน้ารับแรงน้ำที่ไหลจากตอนบน ก่อเกิดประติมากรรมธรรมชาติที่งดงาม

 

หลักศิลาเลข

หลักศิลาเลข อยู่ก่อนถึงหาดหงส์ที่ฝรั่งเศสมาทำเอาไว้ เพื่อบอกระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือสมัยที่ ฝรั่งเศสปกครองลาว

 

เปิดตำนานสามพันโบก
จากประติมากรรมหินทรายที่มีรูปร่างดงามแปลกตา ก่อเกิดตำนานเรื่องเล่าตำนานพญานาคชุดแม่น้ำโขง ทุ่งหินเหลื่อม หินหัวสุนัข และปู่จกปู

ตำนานหินหัวสุนัข
ทางเข้าของสามพันโบก มีหินสวยงามลักษณะคล้ายหัวสุนัข ซึ่งมีตำนานเล่าขานกันต่างๆ นานา บ้างก็ว่า แต่ก่อนมีเจ้าเมืองเป็นผู้เรืองอำนาจประทับใจความงามของสามพันโบก จึงได้ส่งเสนามาศึกษาเพิ่มเติม เมื่อมาแล้วพบขุมทรัพย์เป็นทองคำ จึงให้สุนัข เฝ้าทางเข้าจนกว่าเจ้าเมืองจะออกมา เมื่อเจ้าเมืองได้เห็นสมบัติเกิดความโลภ กลัวเสนาจะได้ส่วนแบ่งจึงได้ออกไปทางอื่น สุนัขผู้ภักดีก็เฝ้ารออยู่ตรงนั้นจนตายในที่สุด

บางตำนานเล่าว่าลูกพญานาคในลำน้ำโขง เป็นผู้ขุดเพื่อให้เกิดลำน้ำอีกสายหนึ่งและได้มอบหมายให้สุนัขเป็นผู้เฝ้าทางระหว่างการขุดจนกระทั้งสุนัขได้ตายลง และกลายเป็นหินในที่สุด

ตำนานปู่จกปู
ตำนานปู่จกปู หลุมโบกที่เกิดขึ้นมากมาย ก่อเกิดเรื่องเล่า ปู่พาหลานมาจับปลาบริเวณถ้างต้อน (ต้อนเป็นเครื่องมือดักปลาของคนอีสาน) บังเอิญไม่สามารถจับปลาได้จึงใช้มือล้วงปูหินริมน้ำโขงจนเกิดโบกจำนวนมาก

 

น้ำตกคอนพะเพ็ง มหานทีสีทันดรของเหล่าพญานาค

ก่อนที่ไปสัมผัสธรรมชาติเราก็ต้องมารู้จักความเป็นมากันก่อน ว่าเป็นมากันอย่างไร น้ำตกคอนพะเพ็ง นั้น หรือที่เรียกกันตามภาษาชาวบ้านคือ ตาดคอน เป็นน้ำตกลาวใต้ที่ใหญ่ที่สุด ในเขตแม่น้ำโขงตอนล่าง และมีกระแสน้ำที่มีพลังรุนแรงมหาศาล ขนาดที่ว่าสามารถทำลายล้างเรือเล็ก – ใหญ่ให้แตกกระจายได้ในพริบตาเดียว

ลักษณะของน้ำตกคอนพะเพ็งจะมีลักษณะเป็นแก่งหินขนาดใหญ่ขวางกั้นเส้นทางการไหลของแม่น้ำโขงที่มีความแรง จึงทำให้เกิดการปะทะกับหินแยกกันเป็นสายน้ำที่ถาโถมกระหน่ำลงมาจากชั้นหินอย่างดุดันและเกรี้ยวกราด สร้างความตื่นตาที่น่าประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว และธรรมชาติที่สวยงามก็สมกับคำร่ำรือจนได้ขนานนามและได้ตั้งชื่อให้เป็น น้ำตกไนเเองการ่า แห่งเอเชียที่ยิ่งใหญ่ และอลังการแห่งหนึ่งในนครจำปาสัก ปากเซ ณ ลาวใต้ นี่เอง ไม่ต้องไปไกล มาใกล้ๆ ณ ประเทศเพื่อนบ้านที่ลาว ก็สามารถสัมผัสน้ำตกไนเเองการ่าแห่งเอเชียได้แล้ว อิอิ แหมแต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถเล่นน้ำในบริเวณนั้นได้

เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า กระเเสน้ำที่มีความรุนแรงบวกกับโขดหินแหลม ทีมีอยู่มากมายภายในบริเวณน้ำตกคอนพะเพ็ง และมีความเชื่อกันว่า บริเวณเกาะบนน้ำตกคอนพะเพ็ง จะมีพันธ์ไม้ชนิดหนึ่ง ชื่อว่า ต้นมณีโครต ซึ่งถ้าใครได้กินผลของต้นมณีโครตนั้นจะมีชีวิตยืนยาว แต่ด้วยความแรงของกระแสน้ำจึงไม่มีใครสามารถผ่านไปเด็ดผลที่เกาะบนน้ำตกคอนพะเพ็ง ได้เลย หุหุ แล้วใครจะกล้าไปเอาน้า

การเดินทางไปน้ำตกคอนพะเพ็ง
จาก จ.อบลราชธานี ในประเทศไทย ด่านตม. ตรงช่องเม็ก ข้ามสะพานญี่ปุ่น-ลาว ไปยังปากเซเป็นระยะทางประมาณ 40 กม. จากนั้นใช้เส้นทางหมายเลข 13 ให้เลี้ยวตรงหลักกม.ที่ 8 เพื่อไปทางน้ำตกคอนพะเพ็ง-หลี่ผี (เป็นทางลาดยางตลอด) ขับตรงมาตรงประมาณหลักกม.ที่ 157 จะมีป้ายบอกไปน้ำตกคอนพะเพ็ง ให้เลี้ยวขวา จากนั้นขับตามทางลาดยางมาประมาณอีก 3 กม. ก็จะถึงที่จอดรถน้ำตกคอนพะเพ็ง เดินเท้าอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงจุดชมน้ำตกคอนพะเพ็ง

การเดินทางไปชมธรรมชาติที่ลาวใต้ ไม่ยากเลยชิมิร้า ถ้าเพื่อนๆคนไหนสนใจเดินทางไปตามรอยหนังและอยากไปสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวที่ลาวใต้ ก็อย่าลืมศึกษาหาข้อมูลประเทศลาวก่อนเดินทางนะคะ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องที่พัก ร้านอาหาร หรืออุณหภูมิอากาศ ต่าง จะได้เที่ยวอย่างสุดเหวี่ยงกันไปเลย

ส่วนข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมถ้ายังไม่รู้ว่าจะไปอ่านที่ไหนลองเข้ามาอ่านกันได้ที่ ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศลาว ที่นี่มีข้อมูลที่อยากรู้รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของลาวค่ะ ถ้าใครได้ไปเที่ยวลาวแล้ว อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างน้าหมู่เฮา

 

ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน )
nouk, wanjai99, fahmui, hastin, โฟร์o

ไม่มีใครอยากระบายความในใจบ้างหรือคะ???
เราเห็นภาพมหานทีสีทันดร แล้วคิดถึงบ้านจังเลย
รู้สึกเหงาๆ เศร้าๆ ชอบกล

 

ปยานาคฟังเพลงไปก่อนนะ (รักแท้ในคืนหลอกลวง)
https://www.youtube.com/watch?v=fnbPRdLhxaU&feature=player_embedded

 

ชอบเรื่องราวที่คุณ nouk เอามาลงนะ ส่วนมากผมจะไม่รู้จัก
เดี๋ยววันหยุดจะลองนอนสมาธิแบบท่าน คุรุวาโร สอนดูเผื่อจะมีเรื่องมาโม้มั่ง
ลองฟังสวดธารณปริตรแล้วรู้สึกมันสั่นสะเทือนในร่างกายดีจัง

 

จะรออ่านด้วยความตั้งใจเลยนะคะ
เรามีันัดกันวันพรุ่งนี้...อย่าลืมนะ รออ่านหนอ

 

สวัสดีค่ะ..ชาวเมืองคุรุวาโร ทุกท่าน
อาจจะหายหน้า หายตาไปบ้างนะคะ...
ไว้มีเรื่องเกี่ยวกับพญานาคเมื่อไร..ก็จะนำมาเล่าให้ฟัง
วันนี้นำเพลง ราตรีประดับดาว มาฝากค่ะ
ขอให้สบายกาย สบายใจ ทุกทุกคนนะคะ...เกล็ดดาว*
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=XIzfAyMSnrM]ราตรีประดับดาว_RaTreePraDubDao_Zansab Philhamonic Orchestra - YouTube[/ame]

 

555+
เสาร์-อาทิตย์ไม่ได้เล่นเวปครับ คงต้องวันจันทร์ครับ แล้วก็ไม่รุ้ว่าจะได้เรื่องแค่ไหน

ตอนนี้กำลังย้อนไปอ่านเรื่องเก่าๆที่ท่านประธานสอนอยุ่ครับ