นิทาน เรื่อง "พญานาค"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ไ่ม่เป็นไรค่ะ น้องฟ้าุมุ่ยคืนนี้ตั้งใจใหม่
    พี่ก็จะตั้งใจให้ได้เรื่องเหมือนกัน ดีมั้ย
    แล้วพรุ่งนี้เรามาโม้แข่งกัน ฮ่าฮ่า:cool:
     
  2. ฝนแก้ว

    ฝนแก้ว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +28
    สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชถูกประหารชีวิตจริงหรือไม่

    พระ เจ้าตากสินมหาราช พระองค์เป็นคนรักชาติ เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งหลังยับเยินมาก พระองค์มีกำลัง ๕๐๐ คน ตีฟันฝ่าข้าศึกออกไป รวบรวมกำลังคนได้ไม่เกิน ๕ พันคน ก็กำลังใหญ่ๆ ๑๐ จุดของกำนันจัน(นายจันทร์หนวดเขี้ยว) นั้นแหละ กลับมากู้กรุงศรีอยุธยา สามารถกู้คนไทยได้ทั้งชาติ นี่เราก็ต้องถือว่าเป็นบารมีของพระเจ้าแผ่นดินที่สามารถรวบรวมคนสำคัญไว้ได้ เช่น พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็ดี กรมพระราชวังบวรก็ดี นี่ต้องถือว่าเป็นคู่บารมี เป็นคนที่มีบุญคุณต่อประเทศชาติมาก เวลานั้นตอนกรุงแตกมีคนขายชาติ แต่สมัยพระเจ้าตากสินไม่มีคนขายชาติ เพราะถ้ามีคนขายชาติละก็ ถูกกำจัดเสียหมดไม่เหลือ ดูคนคิดคดทรยศอย่างพระยาสรรค์ก็ถูกประหารชีวิต การปกครองกันต้องทำกันแบบนี้จึงจะถูก ไม่ควรปล่อยให้ไอ้ พวกขอมเก่าเข้ามาทำลายชาติ เวลานี้เรามักนิยมขอมเก่ากัน ทั้งๆที่มันทำลายชาติไทยไปตั้งหลายวาระ และมันก็อ้างว่าจะทำโน่นให้เจริญ จะทำนี่ให้เจริญ แต่มันบ่อนทำลายทุกอย่าง
    เมื่อ พระเจ้าตากสินขึ้นมาเป็นกษัตริย์ พระองค์ไม่ได้เป็นลูกกษัตริย์ ไม่มีราชสมบัติมาก่อน การรบทัพจับศึกมีไม่ได้หยุด นึกดูก็แล้วกัน ท่านเป็นพ่อบ้าน เพียงแค่พ่อบ้านแม่เรือน ก็รู้อยู่ว่าการจับจ่ายใช้สอยมันมากมายเพียงใด ถ้าเป็นเรื่องของประเทศล่ะจะจับจ่ายใช้สอยกันมากมายขนาดไหน เงินที่ใช้สอย เบี้ยหวัด เบี้ยบำนาญ เงินเดือนข้าราชการของท่านก็ไม่มี ผลที่สุดในฐานะที่พระองค์มีเชื้อสายเป็นจีนมาก่อน ท่านจึงต้องอาศัยจีน คือ ขอยืมเงินเจ้าสัวคนจีนเขามา เพราะเป็นหนี้เบี้ยหวัด เบี้ยบำนาญข้าราชการเขาอยู่มาก
    ฉะนั้น มาบั้นปลายของชีวิต ท่านจึงมาคิดว่า ถ้าเราเป็นกษัตริย์ต่อไป เราก็ต้องใช้หนี้เขา เงินก็ไม่มีจะใช้หนี้เขา จึงได้เรียกสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก หรือพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเข้ามาพบในวังวันหนึ่ง ให้ทรงเครื่องรบขัดดาบมาด้วย เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกท่านก็แปลกใจคิดว่าคงจะมีเรื่องร้าย ครั้นเข้ามาแล้วก็ปรากฎว่า พระเจ้าตากสินอยู่ ทรงอยู่องค์เดียวในห้องพระ ทรงขาวทั้งชุด นั่งชักลูกประคำ พระพุทธยอดฟ้าเห็นแบบนั้นก็ไม่กล้าเข้ามา เพราะขัดดาบมาด้วย พระเจ้าตากสินเห็นเข้าก็ทรงเรียกว่า ด้วงเรอะ เข้ามาซิ (ความจริงท่านเป็นเพื่อนกัน) เอาดาบเข้ามาด้วย

    พระพุทธยอดฟ้าจะถอดดาบเก็บข้างนอกก็จำต้องถือเข้ามา แล้ววางดาบไว้ห่างๆ หมอบคลานเข้าไปเฝ้า
    พระเจ้าตากสินรับสั่งว่าหยิบดาบมาให้ไกล้

    พระ พุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็เลยเอามือกระทุ้งดาบออกนอกประตูไป ในฐานะที่พระมหากษัตริย์ประทับอยู่พระองค์เดียว การถือดาบเข้าไปอย่างนั้นย่อมไม่เหมาะ และอยู่ในชุดรบ
    พระเจ้าตากสินจึงถามว่า ด้วง อยากจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินไหม
    พระพุทธยอดฟ้าก็กราบทูลว่า ไม่เคยคิด พระพุทธเจ้าข้า
    พระเจ้าตากสินจึงบอกว่า ด้วง จะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แล้วทรงเล่าเรื่องตามความเป็นจริงให้ทราบ แล้วบอกว่า อีก ไม่กี่วัน เจ้าสัวเขาจะมาทวงเงินเขา ด้วงก็รู้อยู่แล้วนี่ว่า ฉันเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ยากจนที่สุด ฉันไม่มีทรัพย์สินที่ไหนมาเลย ต้องกู้เงินเจ้าสัวเขามาจับจ่ายใช้สอย เวลานี้ฉันก็เป็นหนี้เบี้ยหวัด เงินเดือน เงินปีของข้าราชการอยู่มาก ยังชำระไม่หมด การรบทัพจับศึกก็ไม่เสร็จ ทำอยู่ตลอดเวลา การจับจ่ายใช้สอยมันก็มาก ถ้าฉันจะเอาเงินใช้หนี้เขาก็ไม่พอ เราก็จะต้องกู้หนี้ยืมสินเขาใหม่อีก และเงินเก่าเราก็ไม่มีให้เขาพร้อมทั้งดอกเบี้ย ฉันลำบากมาก ถ้ากระไรก็ดี ด้วงจะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เวลานี้เขมรแข็งเมือง ให้ด้วงยกทัพไปตีเขมรเอา ลูกชาย ๒ คนของฉันไปด้วย และเมื่อไปตีเขมรได้แล้ว ไม่ต้องเอาลูกชายฉันมา ให้ครองอยู่ที่นั้น ด้วงกลับมา ด้วงเป็นกษัตริย์ สำหรับเงินที่จะต้องใช้ให้แก่ข้าราชการ เบี้ยหวัด เงินปีต่างๆที่คั่งค้างฉันเตรียมไว้แล้ว และเงินอีกส่วนหนึ่งที่จะใช้เวลาที่ด้วงเป็นกษัตริย์ฉันก็เตรียมไว้แล้ว รวมเป็น ๓ ส่วนด้วยกัน ซึ่งในระยะไม่ช้า เจ้าสัวเขาก็จะมาทวงเงินเขา ซึ่งตอนนี้แหละ ด้วงจะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน และฉันจะต้องพ้นจากตำแหน่งพระเจ้าแผ่นดิน แต่ด้วงทำงานคราวนี้ต้องทำในรูปปฏิวัติหรือทำในรูปขบถยึดอำนาจจากฉัน แต่การยึดอำนาจกันเฉยๆใครๆเขาจะคิดว่าด้วงเป็นคนอกตัญญู เห่อเหิมมาก ฉันจะทำทีเหมือนว่าเป็นนักบวชและทำเป็นสติฟั่นเฟือน ในที่สุด กลับมาแล้วด้วงก็จับฉันประหารชีวิต แต่การประหารชีวิตฉันนั้น จะประหารจริงหรือหลอก ก็ให้เป็นวิธีการของด้วง ฉันพร้อมที่จะยอมตายเพื่อชาติ
    เห็น ไหมลูกหลานที่รัก คนดีท่านทำอย่างนี้ ท่านไม่มานั่งเมามันเพื่อต้องการรัฐธรรมนูญ ต้องการรัฐสภา เวลาประกาศกับประชาชนก็ว่าต้องการเป็นตัวแทนของประชาชนชาวไทย แต่เมื่อเลือกเข้าไปแล้วก็อยากจะเป็นรัฐมนตรีมุ่งความเป็นใหญ่
    แต่ นี่พระเจ้าตากสินมหาราช ท่านไม่ต้องการอย่างนั้น เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเวลานั้นได้ทราบความจริง และสมเด็จพระเจ้าตากสินก็มีพระทัยมั่นคงต้องการให้สมเด็จเจ้าพระยามหา กษัตริย์ศึกเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ไม่อย่างนั้นประเทศไทยเราจะทรงตัวอยู่ไม่ได้ เพราะว่าท่านกู้เงินของจีน ถ้าไม่มีเงินให้เขา ก็อย่าลืมว่าประเทศไทยกับประเทศจีนน่ะ กำลังต่างกัน เราเองก็เพิ่งจะตั้งตัวได้ใหม่ๆ เพียงแต่จีนเขาใช้กำลังใกล้ๆกับเรา เราก็สู้เขาไม่ได้ ถ้าเขาหาว่าเราโกงเขา นี่เนื้อแท้ความจริงเป็นอย่างนี้
    แต่ ทว่าต่อมาภายหลัง พระยาสรรค์บุรีทำงานเกินอำนาจที่สั่งไว้ จับพระเจ้าตากสินเอาเสียจริงๆ จับแบบเอาจริง แต่ตอนเข้าไปจับนั้น ท่านท้าวผกาพรหมบอกว่า ขุนดาบ ๑๐ พระยาของพระเจ้าตากสินนี่จะสู้ เพราะมีกำลังรักษาพระองค์อยู่พอสมควร พระยาสรรค์บุรีไปเอากำลังมาจากกรุงศรีอยุธยา เนื้อแท้จริงๆ ถ้ารบกันพระยาสรรค์ก็หัวขาด แต่ทว่าพระเจ้าตากสินคิดว่า ถ้าเกิดสู้กันจริงๆ งานที่คิดไว้ก็ไม่เป็นผล เพราะว่าขุนดาบ ๑๐ พระยานี่ไม่รู้เรื่อง ถ้ารบก็ต้องรบถึงขั้นแตกหักกันจริงๆ พระองค์จึงห้ามปราม ๑๐ พระยานั่น ปล่อยให้พระยาสรรค์จับ
    เรื่องการลงโทษพระสงฆ์ของพระเจ้าตากสิน เรื่องนี้ก็หลอกกัน เมื่อพระสงฆ์ทำผิดเรียกมาสอบสวน เวลาจะลงโทษ ก็เอานักโทษมาโกนหัวเอาผ้าเหลืองนุ่งแล้วก็เฆี่ยนตี เขาก็หาว่าท่านบ้าเฆี่ยนพระ แต่ความจริงพระไม่ได้ถูกเฆี่ยน พระองค์ทำให้คนอื่นเขาเห็นว่าบ้า นี่สติฟั่นเฟือน การจับให้ออกจากพระมหากษัตริย์ก็เป็นของธรรมดา
    เมื่อพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทราบเรื่องพระยาสรรค์ทำเกินเหตุ จึงยกทัพกลับ จับพระยาสรรค์บุรีประหารชีวิตเสีย ได้รับสถาปนาเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีคำสั่งให้เอาพระเจ้าตากสินมหาราชมาประหารชีวิต โดยการใส่กระสอบแล้วทุบด้วยท่อนจันทน์จนตาย แต่คนที่อยู่ในกระสอบไม่ใช่พระเจ้าตากสิน ครั้งแรกมีราชองครักษ์ของพระองค์มีความจงรักภักดีมาก อาสาตายแทนพระเจ้าตากสิน แต่สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าไม่เอา ให้เอานักโทษประหารชีวิตมาใส่กระสอบทุบด้วยท่อนจันทน์ตายแทน ราชองครักษ์นั่นก็ถูกฆ่าด้วยในฐานะที่รู้เรื่องเข้าเดี๋ยวปากจะมากไป และแล้วกลางคืนวันหนึ่งก็ลงเรือจากปากท่อไปยังนครศรีธรรมราช บวชเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา แถวนั้นเขาเรียกกันว่า หลวงตาพรหมา ปัจจุบันเรายังพบซากกุฏิร้างอยู่เชิงเขา แถวนั้นเป็นป่าลึก สงัดมาก ท่านเจริญพระกรรมฐานอยู่ที่นั้นจนสิ้นชีวิต
    หลัง จากนั้นไม่นาน สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็สั่งประหารชีวิตลูกชายพระเจ้าตากสิน ๒ คน บอกว่าตัดบัวแล้วจงอย่าไว้ใย แต่ปรากฏว่าลูกชายคนหนึ่งไปโผล่ที่นครศรีธรรมราช เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทำงานที่นั่น อีกคนหนึ่งค้าขายเรือสำเภากับต่างประเทศ
    เป็น อันว่าพระเจ้าตากสินมหาราชก็ถูกประหารชีวิตตามรับสั่งของสมเด็จพระพุทธยอด ฟ้าจุฬาโลก ตามความเป็นจริงท่าน(ท่านท้าวผกาพรหม)เล่าให้ฟังอย่างนี้
    มิ ช้ามินานเจ้าสัวเขาก็มาทวงเงินคืนพร้อมกับเอาถ้วยโถโอชามมาขายด้วย พอเรือสำเภาของเจ้าสัวเลี้ยวเข้ามาในเขตจันทบุรี ตราด ก็ถูกลมสลาตันคือลมหอกลมดาบพัดกระหน่ำจนเรือจมอยู่ที่นั่น
    เป็นอันว่า ทั้งสองพระองค์ต้องยอมเสียชื่อเสียง เสียศักดิ์ศรีทั้งสองฝ่ายก็ต้องขอบคุณท่าน สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยอมเสียชื่อเสียงให้คนเขาเข้าใจว่าเป็นบ้า และถูกออกจากกษัตริย์
    สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็ต้องยอมเสียชื่อในฐานะเป็นขบถ แต่ความจริงทั้งสองท่านนี้ทำเพื่อไทยทั้งชาติ ให้ชาติไทยทรงอยู่
    ลูกหลานที่รัก จงจำปฏิปทานี้ไว้ ถ้ามีความจำเป็นเราต้องเสียสละเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปวงชนชาวไทย แม้แต่ชีวิตก็ต้องยอม

    จากหนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน (พิเศษ) โดยพระมหาวีระ ถาวโร (ฤาษีลิงดำ) วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
    ถอด เสียงจากเทปเป็นตัวอักษรเพื่อจัดพิมพ์เป็นอนุสรณ์ในโอกาสวันเกิดของหลวงพ่อ ตุลาคม ๒๕๒๔ โดย คุณพรนุช คืนคงดีและคุณสมพร บุณยเกียรติ

    ฝากนิทานไว้ให้อ่านกันนะค่ะ ^^ ยินดีที่ได้รุ้จักท่านเจ้าเมือง และสมาชิกทุกท่านค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2012
  3. นํ้า้ทิพย์

    นํ้า้ทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    522
    ค่าพลัง:
    +836
    เกียวพันกับถํ้าวัวแดงค่ะ
     
  4. saekue20

    saekue20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +757
    ทักทายครับ
     
  5. นํ้า้ทิพย์

    นํ้า้ทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    522
    ค่าพลัง:
    +836
    โฮ อ่านไม่ไหวเลยตอนนี้
     
  6. A-ya

    A-ya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    685
    ค่าพลัง:
    +2,549
    สวัสดีท่านประธาน และเพื่อนๆ คะ วันนี้มีความฝันจะมาเล่า

    เมื่อคืนฝันไปว่า เราได้ขึ้นรถสองแถวคันใหญ่ ที่นั่งได้ราวๆ 20 คน ออกเดินทางกับญาติพี่น้อง จนกระทั่งรถได้พาแวะเข้าวัดวัดหนึ่ง มีผู้คนมากมาย เราก็ลงจากรถพร้อมญาติ ไปกราบไหว้พระขอพร สิ่งที่เราเห็นนั้นเป็นด้านนอกของโบสถ์ มีรูปปั้นของเจ้าอาวาสที่มรณภาพไปแล้ว 2 รูป รูปหนึ่งรูปปั้นท่านั่ง อีกรูปหนึ่ง รูปปั้นท่ายืน เราก็ไปไหว้ ในขณะที่กำลังอธิฐาน เราก็ได้กลิ่นหมากฉุนมาก แล้วเราก็รู้สึกขนลุก เราเลยเงยมองที่รูปปั้นพระในท่ายืน ท่านมองลงมาที่เราแล้วส่งยิ้มให้ (เราก็งงๆ รูปปั้นยิ้มได้ด้วยเหรอ) แต่ก็ไม่ได้หันไปบอกใคร จากนั้นก็เดินไปหา ท่านเจ้าอาวาส จะถวายสังฆทาน ท่านเจ้าอาวาสนั่งอยู่ ตอนท่านจะรับสังฆทาน ซึ่งเป็นผ้าอาบน้ำฝน ท่านให้ทุกคน กล่าวบาลี ตามท่าน (แปลกเราเข้าวัดบ่อยๆ แต่เป็นคำที่ไม่คุ้นเลย) หลังจากที่ถวายเสร็จ
    ท่านก็สนทนากับกลุ่มของเรา โดยท่าน หยิบผ้าอาบน้ำฝนที่ญาติโยมมาถวายมา 3 ผืน ทั้ง 3 ผืนกลับมีสีที่ต่างกัน 1.เหลือง 2.น้ำตาลเข้ม 3.จำสีนี้ไม่ได้ ท่านกล่าวว่า รู้มั้ยผ้า 3 ผืนนี้ มันมีความหมายต่างกัน เราตอบไม่ทราบคะ ท่านยิ้มๆ ไม่พูดต่อ
    แล้วท่านถามเราว่าจะไปไหนกัน เราตอบว่า
    เราและญาติๆจะไปหาดใหญ่ เราผ่านมาเห็นวัด ก็เลยแวะเข้ามากราบไหว้ขอพร เราหันไปเห็นคนรอคิวถวายสังฑานหลายคน เราเลยขอลาจากนั้นเราและญาติ ก็เดินกลับไปขึ้นรถเดินทางต่อ

    ท่านประธานคะ ฝันนี้มีความหมายว่าอะไรคะ ความรู้สึกมันเหมือนเหตุการณ์จริงมาก เพราะได้กลิ่นและขนลุก เหมือนกับว่าไม่ได้ฝัน และความหมายของสีผ้าคืออะไร ในชีวิตจริงไม่เคยไปหาดใหญ่ด้วยคะ

     
  7. ละโลก

    ละโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +654
    รบกวนผู้รู้ด้วยครับ

    ใช่พระกรุพระธาตุนาดูน รึเปล่า
    [​IMG]
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ค่ะ เพื่อนๆ น้องๆ

    ว้าว...เปิดถ้ำเข้ามาก็ได้พบเจอเรื่องราวแปลกๆ มากมาย
    วันนี้คงมีเรื่องให้อ่านหนุกหนานแน่ๆ เลย
    จะรออ่านต่อไปแล้วกันนะ....รออ่านหนอ:cool:
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อคืนฝันเยอะแยะเลยค่ะ เหมือนเิดิมอีกแล้ว
    จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเล่ายังไงดี
    นั่งสมาธิ มีเสียงรบกวนตลอดเลย เห็นนิมิตชายคนหนึ่ง
    เปลือยอกค่ะ มีสร้อยสังวาลย์ ผมมวยมุ่นไว้กลางศีรษะ ผิวออกเหลืองๆ
    เห็นแค่แว๊บเดียว ที่นี่ไม่ใช่สถานที่สัปปายะสำหรับเราเลย
    ไม่เหมือนที่บ้าน ทำสมาธิได้ดีกว่า

    เอารูปเทียนมาฝากแล้วกันนะคะ
    ถ่ายที่ห้องพักค่ะ เป็นเทียนขาว 2 เล่ม ที่จุดบูชาพระและเทพ
    เปลวเทียนออกมาเป็นสีขาว แต่รัศมีเป็นสีม่วง
    เทียนด้านซ้ายโน้มมาทางองค์แม่ พิจารณากันเอาเองนะคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2012
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 9 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน )
    nouk, mukmik, นิวัตร์

    ฉงฉัยจังเลย สมาชิกอีกสองคนไปหนายยยยย....
    สวัสดีจ้ะ มิกกี้และคุณนิวัตร์ หลับสบายดีมั้ย?
    วันนี้ไ่ม่มีอะไรมาเล่าให้อ่านบ้างหรือ?
     
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    อยากเล่าบ้างแล้วค่ะ

    ครั้งหนึ่ง ตัวเองเดินไปกาด (ตลาด) เพื่อไปหาซื้อดอกไม้มาถวายพระในวันพระถัดไป เราเิดินข้ามสะพานเืพื่อข้ามลำน้ำปิงไปยังกาดหลวง พอลงสะพานก็ข้ามถนนไปหยุดอยู่ที่ร้านขายดอกไม้ร้านหนึ่ง ปกติจะเป็นคนที่ชอบเดินค่ะ ไปไหนก็แล้วแต่ถ้าไม่ไกลเกินไปจะเดิน ระยะ 20-30 กม. ก็เคยเดินมาแล้วค่ะ การเดินนั้นทำให้เราได้พิจารณาไปเรื่อยๆ ได้สมาธิดี

    ขณะที่กำลังพิจารณาดอกไม้แต่ละช่อ และบายศรี รู้สึกว่าถนนคอนกรีตที่เรายืนอยู่มันอ่อนนิ่มเหมือนดินเหนียว เท้าที่ยืนอยู่ยุบลงไปในถนนนั้น เป็นไปได้อย่างไร ตกใจค่ะแต่ยังอยู่ในสมาธิ อาการเหมือนแผ่นดินที่เรายืนอยู่มันยุบตัว เราก้มลงมองที่พื้น ทุกอย่างก็ปกติดีนี่ (ยุบลงไปแล้วก็กลับขึ้นมาเป็นปกติ)

    ก็ลองพิจารณากันดูนะคะ ว่าเกิดจากอะไร?
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ธรรมะวันละนิด จิตแ่จ่มใสนะคะ

    เมื่อของสะอาด กับของไม่สะอาด ปนกันอยู่ ผู้มีปัญญาปรารถนาจะเอาของสะอาด สามารถกลั่นกรองเอาของสะอาดมาใช้ได้ เหมือนน้ำที่ไม่สะอาด กลั่นกรองเอาแต่น้ำสะอาดมาบริโภคใช้สอยได้ฉะนั้น

    โลก กับ ธรรม เป็นของประสมโรงกันมาแต่ดั้งเดิม ดังได้อธิบายมาแล้วข้างต้น ผู้ที่ยังติดรสชาติของโลก ไม่รู้สึกอิ่มเบื่อ ก็เสวยนัวกันไป

    ผู้อิ่มแล้ว เห็นเป็นภัยร้ายแรงของชีวิต เบื่อหน่ายคลายความพอใจในรสนั้น ก็พยายามกลั่นกรอง แก้ไข จนสละหลุดพ้นไปได้"

    หลวงปู่เทสก์ เทสรงฺสี
    ***************

    ทำจิตให้เป็นอิสระ

    ปัญหาทั้งหลายรวมอยู่ที่จิตดวงเดียว

    ไม่ว่าเรื่องสุข เรื่องทุกข์ เรื่องโลภ เรื่องธรรม โลกียะ โลกุตระ

    ดังนั้นจงรู้จักควบคุมจิต พัฒนาจิต

    ทำจิตให้เป็นอิสระจากปัญหาทั้งหลาย

    ชีวิตจะมีค่าเต็มแห่งความหมาย

    ท่านพุทธทาสภิกขุ
    ****************

    "จิต เป็นสมบัติสำคัญมากในตัวเราที่ควรได้รับการเหลียวแล
    ด้วยวิธีเก็บรักษาให้ดี ควรสนใจรับผิดชอบต่อจิต
    อันเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของตน

    วิธีที่ควรกับจิตโดยเฉพาะก็คือภาวนา ฝึกหัดภาวนาในโอกาสอันควร
    ตรวจดูจิตว่า มีอะไรบกพร่องและเสียไป จะได้ซ่อมสุขภาพจิต"

    หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2012
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วันนี้ขึ้นต้นด้วยแสงเทียน ก็ขอนำเรื่องราวของพลังเทียนเกี่ยวข้องกับพลังจิต สีเทียนแต่ละสีมาเล่าให้อ่านค่ะ ส่วนตัวชอบใช้เทียนสีขาวค่ะ

    พลังเทียน …. คือพลังเนรมิตชีวิตคุณชั่วข้ามคืน

    การสร้างพลังจิตเกี่ยวโยงกับพลังกายอย่างแยกกันไม่ได้ ดังที่กล่าวหลายครั้งแล้วว่า ร่างกายของคนเราใช่มีแต่เพียงกายเนื้อ แต่มีกายทิพย์หรือรัศมีกาย ซึ่งปัจจุบันสามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่ามีจริงและสามารถเห็นได้ โดยการถ่ายภาพจากกล้องพิเศษที่เรียกว่า กล้องเคอร์เลียน หรือกล้องถ่ายภาพออร่า โดยภาพที่ปรากฏจะเห็นแสงสีต่างๆ ที่อยู่รายล้อมรอบตัวเราแตกต่างไปตามอารมณ์ ความนึกคิด พฤติกรรม ความถนัดและที่สำคัญก็คือ พันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คือ กรรมในเชิงพุทธนั่นเอง

    อย่างไรก็ตาม แสงสีรอบกายคนเราจะเปลี่ยนไปได้ตามอารมณ์ โดยผู้เชี่ยวชาญจะอ่านความหมายจากสีที่ปรากฏ และตีความออกมาเป็นตัวตนของบุคคลนั้นๆ

    นอกจากนั้น ออร่าหรือรัศมีกายยังสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพของคนเราได้อีกด้วย และคำว่าสุขภาพในที่นี้ไม่เพียงแต่ความเจ็บไข้ทางกายเท่านั้น ความเจ็บป่วยทางจิตก็บ่งบอกได้ทางออร่าด้วยเช่นกัน แสงออร่าที่อยู่รอบกายจะริบหรี่ บางส่วนเกิดการเว้าแหว่งแตกกระจาย ผลก็คือ ทำให้เหน็ดเหนื่อย ท้อถอย ไร้พลัง ถูกผลักไส หรือพลาดหวัง อกหัก ฯลฯ แล้วจะแก้ไขได้อย่างไร ?


    “การเพิ่มพลังให้กับออร่าหรือรัศมีกายทำได้ไม่ยาก…แต่ต้องรู้วิธี”

    ตั้งแต่โบราณกาลมา… คนไทยเพิ่มพลังกับร่างกายและสร้างพลังให้ใจด้วยน้ำประจุพลัง ซึ่งก็คือน้ำพระพุทธมนต์นั่นเอง ถือว่าเป็นความฉลาดของบรรพบุรุษที่ปลุกพลังความเชื่อมั่นให้คืนมา ความเชื่อมั่นจะทำให้จิตมีพลัง เมื่อจิตมีพลังแล้วคิดจะทำสิ่งใดก็ปลอดโปร่งสะดวกสบาย

    นอกจากการประพรมน้ำพระพุทธมนต์แล้ว มีศาสตร์หนึ่งเสริมสร้างพลังให้เกิดขึ้นได้ เป็นศาสตร์ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณก็คือ…วิชาพลังเทียน

    เมื่อกล่าวถึง “เทียน” ตามความเข้าใจของคนทั่วไปมักคิดว่าประโยชน์ของเทียนเพียงแต่ไหว้พระหรือจุด เพื่อให้ความสว่าง แท้จริงแล้วเทียนมีประโยชน์หลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวข้องกับแสงออร่าในร่างกายคนเราด้วย แสงออร่าที่อยู่รอบกายมนุษย์เรานั้นถือเป็นแสงจากพลังงานไฟฟ้าและพลังแม่ เหล็ก ซึ่งเกิดขึ้นได้และก็หมดไปได้

    “ปัจจุบันรู้จักออร่ากันทั่วโลกแล้ว รู้แล้ว่าออร่ามาจากไหน แต่ไมรู้ว่าจะสร้างออร่าได้อย่างไร รู้อย่างเดียวว่าต้องออกกำลังกายให้ดี พักผ่อนให้ดี กินอาหารให้ดี แต่ทำทุกอย่างแล้วยังไม่เกิด ยังไม่ทำให้ออร่าสดใสได้… เพราะอะไร คำตอบก็คือ ออร่ายังเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณอีกด้วย”

    จากจุดนี้จึงพยายามค้นหาว่าทำอย่างไรให้พลังแสงออร่าขยายกว้างขึ้น แต่ปัญหาก็คือ ปัจจุบันคนเราใกล้ชิดกับธรรมชาติน้อยลงทุกที บางคนแทบไม่เจอแสงอาทิตย์ บางคนอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างเดียว หรือแม้แต่คลื่นจากโทรศัพท์ มือถือเหล่านี้ก็มีส่วนดึงดูดออร่าจากตัวเราทั้งสิ้น ผู้คนเดียวนี้จึงไม่แข็งแรง
     
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ความหมายและวัตถุประสงค์ของพลังเทียน

    เทียนสีแดง หมายถึง พละพลังเหมาะกับผู้ที่รู้สึกหมดแรงไม่กระตือรือร้น ไม่กระปรี้กระเปร่า “เทียนสีแดงยังเหมาะกับการจุด ในห้องของผู้ป่วย หรือต้องการให้ห้องมีพลัง”

    เทียนสีส้ม เป็นอีกสีที่กระตุ้นพลัง ช่วยขจัดความเศร้าซึม ทำให้รู้สึกสดชื่น “เด็กบางคนที่มีอารมณ์หงอยเหงา เก็บตัว ชอบอยู่คนเดียว ควรใช้พลังเทียนสีส้ม ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาจะทำให้เด็กเปลี่ยนพฤติกรรมจากการแยกตัวโดด เดี่ยวมาเข้าเข้าสังคมมากขึ้น”

    เทียนสีเขียว ให้พลังในด้านการเจริญเติบโต ให้พลังด้านความอุดมสมบูรณ์ การไม่ขาดแคลน “ที่จริงแล้วพลังเทียนสีเขียวยังเป็นสีของเงินทอง ความมั่งคั่ง การติดสีเขียวบริเวณใดบริเวณหนึ่งหรือมุมใดมุมหนึ่งของห้อง จะทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ได้ตามเทคนิคในการเรียกเงิน แต่ทั้งนี้ต้องตั้งวางให้ถูกต้อง แล้วต้องมีองค์ประกอบของธาตุทั้งสี่ตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้”

    เทียนสีน้ำเงิน หรือเทียนสีฟ้า เป็นสัญลักษณ์ของการใช้พลังคำพูด ใช้ในการสื่อสาร การเจรจา “ผู้ที่เป็นนักพูดหรือนักร้องที่มีชื่อเสียง มักจะปรากฏออร่าเป็นสีน้ำเงิน หรือสีฟ้ามากกว่าสีอื่นๆ”

    “เทียนที่ใช้ในท้องตลาดทั่วไปทำมาจากสารเคมี จึงให้เพียงแสงสว่างเท่านั้น แต่เทียนพลังงานหรือเทียนพลังทิพย์ที่สร้างสรรค์มาเป็นพิเศษด้วยไขผึ้งแท้จะ เยียวยาออร่าที่ชำรุด ฉีกขาด ทรุดโทรมหรืออ่อนแสงให้กลับมามีพลังขึ้นได้ และสามารถสร้างแสงออร่าให้คนที่ขาดแสง ส่วนในคนที่มีร่างกายปรกติก็จะช่วยรักษาแสงไม่ให้ถูกผู้อื่นดึงดูดหมดไปได้”

    วิธีสังเกต ว่าพลังแสงออร่าหรือรัศมีกายของเรายังมีพลังเพียงพอหรือพร่อง หรือไม่ ให้ดูได้จากผู้คนที่เข้ามาพบปะพูดคุยกับเรา การที่มีคนโน้นคนนี้ชอบเข้ามาทักทายพูดคุยกับเราแสดงว่าเขาต้องการดูด พลังงานของเรา ในทางตรงกันข้ามวันใดที่ออกไปพบปะผู้คนแล้วไม่มีใครสนใจหรือเห็นหน้าแล้วไม่ พอใจเรา แสดงว่าวันนั้นพลังแสงของเราขาดหรือพร่องไปนั่นเอง

    ทั้งนี้ แสงออร่าหรือรัศมีกายเป็นแสงจากธรรมชาติ มนุษย์ที่มีชีวิตทุกคนมีแสงออร่า หากไม่มีแสงออร่าหมายความว่าบุคคลผู้นั้นไม่มีลมหายใจแล้ว และแสงออร่าจะเข้มแข็งหรืออ่อนแอก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและจิตใจของบุคคล ผู้นั้น การใช้พลังของเทียนเป็นทางหนึ่งที่ช่วยเสริมออร่าให้เข้มแข็ง โดยเทียนแต่ละสีมีความหมายและวัตถุประสงค์แตกต่างกันไป

    เทียนสีม่วง มีพลังโน้มนำความสงบเข้าสู่ร่างกาย ใช้ลดความกังวล ความฟุ้งซ่าน ความตื่นกลัว และช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นสำหรับผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับ

    เทียนสีขาว มีพลังแห่งความบริสุทธิ์และความสงบนิ่ง ให้พลังกับจิตวิญญาณในด้านความเป็นอิสระไม่ยึดติด ไม่ยึดเหนี่ยว และปล่อยวางแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อึกทึกครึกโครม

    เทียนสีดำ เป็นเทียนที่ตามปรกติไม่แนะนำให้ใช้ ยกเว้นพิธีกรรมบางอย่าง เช่น การไหว้พระราหู ไหว้เจ้ามหาป่าช้า หรือพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ เนื่องจากเป็นสีแห่งความเครียดและความวิตกกังวล อีกสีหนึ่งคือ เทียนสีทอง เป็นเทียนพิเศษที่ใช้เป็นเกราะปกป้องคุ้มครองออร่า และใช้เชื่อมต่อพลังจากแผ่นดิน…“แต่ก่อนจุดเทียนสีทองจะต้องจุดเทียนให้ครบ ทั้งเจ็ดสีเสียก่อน” ส่วนวัสดุที่วางเทียนอาจใช้ภาชนะจากถาดดินเผาหรือเซรามิก

    การสร้างพลังจากเทียนนั้น แนะนำว่า ให้จุดเทียนบนภาชนะที่เป็นธาตุดิน แต่ควรให้สมดุลกับตัวเทียน โดยตระหนักถึงความปลอดภัยให้มาก อย่าวางสิ่งใดที่เป็นเชื้อไฟอยู่ใกล้ๆ เนื่องจากการสร้างพลังตามวิธีนี้ผู้รับพลังจะต้องทำสมาธิผ่อนคลายในท่านอน

    ก่อนอื่นต้องสร้างบรรยากาศ บริเวณจะจุดเทียนให้สะอาด ทำจิตใจให้สงบใช้ลมหายใจเป็นตัวเคลื่อนพลังเข้าสู่ช่องท้อง หายใจให้เต็มปอดเต็มช่องท้อง ด้วยการหายใจเข้าท้องพอง หายใจออกท้องแฟบ โดยให้มือทั้งสองสัมผัสพลังปราณเข้าออกบริเวณมือได้ แต่ต้องเป็นการหายใจแบบนุ่นนวล เบาสบาย จนรู้สึกลมหายใจนิ่งสงบ พอรู้สึกว่าลมหายใจเริ่มมั่นคงขึ้นให้นึกถึงแสงเทียนที่จุดขึ้นมา เป็นตัวนำทางโดยจินตนาภาพให้เห็นสิ่งที่ต้องการ

    ส่วนการจุดเทียน 7 สี ควรตั้งเทียนเป็นครึ่งวงกลมหรือเรียงแบบหน้ากระดาน และมีองค์ประกอบธาตุสี่ คือ ธาตุดินจากวัสดุรองเทียนอย่างกระเบื้องเซรามิกที่สังเคราะห์จากดินจนใส แก้วใส่น้ำให้เต็มแทนธาตุน้ำ ธูปแทนธาตุลม และเทียนแทนธาตุไฟ

    จะว่าไปแล้วพลังเทียนที่กล่าวถึงนี้ เกิดจากพลังงานของจิตในการใช้กระแสของแสง ซึ่งมีเทียนพลังทิพย์เป็นตัวเชื่อมจากนามธรรมให้เกิดเป็นธูปธรรมนั่นเอง….
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2012
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 8 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน )
    nouk, fahmui, ดาว*, Aunny_Trakarn

    สวัสดีค่ะ ผู้มาทีหลังกรุณาเรียงคิวเล่านิทานเลยนะคะ
    รออ่านหนอ...นานแล้ว อย่าช้า มิเช่นนั้นจะขอปลีกวิเวก
    ไปเอ่เอ้แล้ว ซดกาแฟไป 2 ถ้วยแล้วค่ะ ไม่หวาย..ง่วง
     
  16. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    สวัสดีค่ะ...ชาวเมืองคุรุวาโร ทุกท่าน
    ...ทักทายกันยามเที่ยงนะคะ... อ่านเรื่องราวหลายๆ เรื่อง ที่สมาชิกนำมาเล่าให้อ่าน
    แล้วรู้สึกว่า...ชาวปยานาคเมืองคุรุวาโร มีหลากหลายเรื่องราว..เกินที่เราจะรับรู้เสียแล้ว
    เมื่อคืนเราฝันว่า...ไปที่บ้านหลังหนึ่ง เค้ามีการจัดพิธีงานอะไรสักงาน เราก็ไปร่วมงานด้วย
    พอไปถึง มีคนที่บันไดถามเราว่า จะไปไหน เราก็บอกว่ามาร่วมงาน
    เค้าก็อนุญาตให้ขึ้นไปบนบ้านได้ เราก็เอาสัมภาระขึ้นไปเก็บบนบ้าน ...มีของสำหรับจัดพิธี
    วางไว้มากมาย สักพักหนึ่งก็มีคนขึ้นมาบนบ้าน แต่ไม่มีการจัดพิธี ....
    คนกลุ่มหนึ่งได้มานั่งล้อมวงฟังหนุ่มคนหนึ่งเล่าเรื่องให้ฟัง...พอฟังจบ
    คนกลุ่มนั้นก็เดินลงบ้านไปหมด ...เราก็ถามป้าคนหนึ่ง ว่าเค้าไปไหนกัน
    ป้าบอกว่า เค้าไปบ้านหลังอื่น ไปฟังคนอื่นเล่าเรื่อง สำหรับหนุ่มคนนี้ ก็จะไปต่อท้าย
    ที่บ้านหลังหนึ่ง เพื่อเล่าเรื่องอีก... จบ
    ......ไว้มีเรื่องฝันเมื่อไร จะนำมาเล่าให้อ่านกันอีกนะจ๊ะ.. อาจจะต้องห่างหายไปบ้าง
    ก็คง..เป็นเพราะ ระวัง รักษา ดูแล จิต ใจ ของเรานั่นเอง ....ดาว*
     
  17. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    สวัสดีทุกท่าน ทุกนามค่ะ... วันอาทิตย์แบบนี้ หลายๆท่านคงจะออกไปทำภารกิจกันเสียส่วนมาก เลยเงียบเหงาแบบนี้ อิอิ เราเองเพิ่งจะซักผ้าเสร็จ ถึงได้แวะมาดูบ้านนี้จ้า

    เมื่อคืนนอนสมาธิ รู้สึกเหมือนนิ่งอยู่วูบหนึ่ง จึงรีบอธิษฐานว่า ขอให้ได้พบได้เห็นพญานาคด้วยเถิด... แล้วฝันว่า น้ำท่วมแถวๆหน้าโรงเรียนของตัวเอง ตอนนั้นเดินไปกับเพื่อนที่สนิทมากที่สุดคนหนึ่ง เราหันไปมองทางซ้าย เห็นทางน้ำไหลผ่านถนนอยู่ไกลๆ แต่ทำไมเราถึงเห็นเป็นภาพขาวดำก็ไม่รู้ เห็นเป็นท่อนกลางลำตัวของพญานาค เป็นลักษณะตัว m แบบนี้อยู่ในคลื่นน้ำนั้น เราเลยร้องบอกเพื่อนไปว่า นั่นไงพญานาคๆๆ ไม่เห็นหัวค่ะ เห็นแค่ท่อนกลางลำตัวเท่านั้น แต่เพื่อนไม่เห็นค่ะ (คงมีบุญได้เห็นเท่านี้แหละมั้ง)

    เราเลยเดินเข้าไปในโรงเรียน พบว่ามีงูเล็กงูน้อยเต็มไปหมด แต่ทุกตัวนิ่งมาก เรากับเพื่อกลัวโดนฉก และไม่แน่ใจว่างูมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เราเลยเอาสิ่งที่ลักษณะคล้ายๆเสาวิทยุ ไปลองจิ้มๆดู แต่งูกตัวที่เราจิ้มนั้น ตัวใหญ่มาก สีอะไรจำไม่ได้แน่ชัด แต่ตาเบิกกว้างมองมา เราจิ้มๆก็นิ่งอยู่อย่างนั้น เราจึงค่อยๆเดินผ่านไป

    จำมาได้เพียงเท่านี้จ้า อาจจะเป็นฝันที่มั่วๆ คิดไปเองก็เป็นได้ แต่ก็รู้สึกดีใจที่เราตั้งจิตว่าอยากเจอแล้วก็ได้เห็นนิดๆหน่อยๆ ถึงแม้จะคิดไปเอง แต่ก็รู้สึกว่า การนอนทำสมาธิของเราอาจจะก้าวหน้าขึ้นอีกนิดหน่อยแล้วล่ะมั้งค่ะ :cool:
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ยินดีด้วยนะคะ น้องฟ้ามุ่ย ถือว่าสำเร็จไปอีกระดับหนึ่งจริงๆ ค่ะ
    แต่พี่ยังเหมือนเดิม อิอิ ไม่ก้าวไปไหนเลย นอกจากพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง
    ไม่สงบทั้งตื่นและหลับเลย ช่วงนี้ ปรับจิตไม่ได้เลยค่ะ อารมณ์มันจะทะยานอย่างเดียว
    แต่ก็ปล่อยมันไปค่ะ ให้มันทะยานซะให้เข็ด รอซ้ำเติมมันอย่างเดียว อิอิ:cool:
     
  19. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วันนี้จะมีนิทานมาให้อ่านหรือเปล่าหนอ...
    รอมาครึ่งวันแระ......ละเหี่ยเพลียใจจังเลย
     
  20. Kee_Key

    Kee_Key เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +530
    เมื่อเช้าวันเสาร์เหมือนจะฝันเห็นประวัติของแก้วมณีแต่ไม่ได้ฝันเห็นแก้วมณีเป็นตัวเป็นตนนะคะ
    ฝันเห็นกระดาษ2แผ่นที่บันทึกเรื่องของเธอเอาไว้...แต่ในฝันดันอ่านทันแค่ 2บรรทัดแรก
    ใน2บรรทัดแรกนั้นคลับคล้ายคลับคลาว่าจะกล่าวถึงสาเหตุที่แก้วมณีมารับใช้พระอินทร์
    ในฝันเราก็ย้ำกับตัวเองว่าอ่านทันแค่ 2 บรรทัด ก็ต้องจำให้ได้แต่ตอนตื่นมาจำไม่ได่ด้วยซ้ำว่าฝัน...
    ต้องนอนนึกอยู่ตั้งนานกว่าจะนึกออกว่าฝันเรื่องนี้...

    เดี๋ยวคืนนี้เอาใหม่...เมื่อคืนนอนพุทธ โธ ยังไม่ทันจะได้อธิษฐานก็หลับซะแล้วค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...