นิทาน เรื่อง "พญานาค"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    แหม...คุงคู ไม่เคยได้ยินคำนี้เหรอ
    เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตามอ่ะ
    อย่าทำตัวแปลกแยก เดี๋ยวเพื่อนไม่รัก อิอิ

    ทำตัวให้เหมือนน้ำไง เปลี่ยนแปลงได้ทุกภาชนะที่รองรับ
     
  2. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    ขอบคุณนะจ๊ะ..คุณนาย ที่นำมาให้ดู ทำให้เราได้ระลึกถึงครูบาอาจารย์
    และก็ยินดี ที่เห็นพระอาจารย์สุชินด้วย ที่เราบอกว่าอยู่วัดธรรมสถิต จ.ระยอง
    น้องปลากระป๋องอยู่ที่ระยอง..น่าจะหาโอกาสไปที่วัดนะจ๊ะ...
     
  3. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    จ้า..แม่น้ำเย็น..น้ำร้อน..น้ำแข็ง.น้ำหวาน ..น้ำทะเล..โอ๊ย..!! อีกเยอะแยะ อ้อ..แถมน้ำกรดแช่เย็น..อีกด้วย..
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ไม่เป็นไรค่ะ คุงคู
    เราเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เสมอ
    ขอบคุณที่ชมนะ ขาดอีกหนึ่งน้ำ...น้ำเน่า 555
     
  5. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    คิดได้งัยเนี่ยะ...ฉลาดเป็นเลิศ...
    ตอนแรกนะ..เราว่าจะไป จ.น่าน วันที่ ๔-๖ ก.ค. ๕๕ แต่เปลี่ยนใจแระ...
    อยู่ดูแลคนอื่น..ที่ทำงานดีกว่า..จบข่าว..
    ป.ล. คุณนายเคยเจอสภาวะแบบเราไหมจ๊ะ ...ที่คุยกับคนอื่นจากภายใน...เล่าให้ฟังบ้างสิ :cool:

    เมื่อตะกี๊..มีคนชวนไปเยี่ยมพ่อคนที่สนิทกัน ที่โรงพยาบาล ..แค่เราเข้าไปในห้องที่คนป่วยอยู่รวมกันนะ
    ข้างในคงสัมผัสอะไรเข้า ผะอืดผะอม..แทบแย่ มัวแต่จะแก้อาการ แผ่เมตตา.ก็ไม่ทันยาวไป
    เลยอุทิศบุญกุศล อุดตลุดไปหมด ...แต่แหม..ลืมพุทธโธไปได้ ..เผลออีกแล้วเรา..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กรกฎาคม 2012
  6. ผู้มีจักร

    ผู้มีจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2012
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +222
    ดีครับกัลยาณมิตรทางธรรมทุกท่าน พรุ่งนี้วันพระอย่าลืมสมาทานศีล๘อุโบสถละกันนะครับ
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่รักษาศีลอุโบสถด้วยครับ

    การรักษาอุโบสถศีล มีผลมาก มีอานิสงส์มาก แม้ความสุขของพระราชาผู้ทรงเป็นใหญ่ใน ๑๖ แคว้น
    ก็ยังไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ ของอุโบสถที่ประกอบด้วยองค์ ๘ เพราะศีลนั้นทำให้เกิดในสวรรค์”

    อุโบสถศีล เป็นกุศลวิธีที่นำพามนุษย์ไปสู่ สวรรค์มาตั้งแต่มนุษย์ยุคต้นกัป ถ้าเป็นอุโบสถในพระพุทธศาสนา เรียกว่า อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ซึ่งก็หมายถึงรักษาศีล ๘ ในวันพระนั่นเอง ในยุคสมัยที่ยังไม่มีพระพุทธศาสนา ผู้ปรารถนาสวรรค์จะชักชวนกันรักษาอุโบสถศีล เพราะถือว่าเป็นอริยประเพณีที่มีมาช้านาน

    แม้กระทั่งพระเจ้าจักรพรรดิราช ก่อนจะทรงครองความเป็นใหญ่ในทวีปทั้ง ๔ ก็ต้องสมาทานอุโบสถศีลอย่างเคร่งครัดทุกๆ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ อานิสงส์ของอุโบสถศีล
    ทำให้ รัตนะทั้ง ๗ ประการ มีจักรแก้ว เป็นต้น บังเกิดขึ้น เป็นของคู่บุญ ทำให้พระองค์ทรงสามารถปกครองโลกให้เกิดสันติสุข ครั้นละโลกแล้วก็ได้ไปเสวยสุขในสุคติโลกสวรรค์
    อุโบสถศีล แปลว่า การเข้าอยู่จำโดยถือศีล ๘ ข้อ วันอุโบสถหรือวันพระนั้น เป็นวันที่เราจะต้อง อยู่เยี่ยงพระ คือบำเพ็ญเนกขัมมะนั่นเอง ศีลแปดที่รักษากันในวันพระ เรียกว่า อุโบสถศีล

    ผู้ครองเรือนทั่วไปไม่สะดวกถือศีล ๘ ได้ทุกวัน ก็จะหาโอกาสมาถือศีลกันเฉพาะวันพระเช่นนี้จึงเรียกว่า รักษาอุโบสถศีล

    ระยะเวลาของการรักษาอุโบสถศีล

    การรักษาอุโบสถ มี ๓ อย่าง สามารถเลือกรักษาได้ตามความพร้อมของแต่ละบุคคล คือ

    ๑. ปกติอุโบสถ คือ อุโบสถที่รักษากันเฉพาะวันที่กำหนดไว้ ในปัจจุบันนี้กำหนดเอาวันพระ คือ วัน ๘ ค่ำ และ ๑๕ ค่ำ ทั้งข้างขึ้นและข้างแรม

    ๒. ปฏิชาครอุโบสถ คืออุโบสถที่รักษากันครั้งละ ๓ วัน โดยการถือเพิ่มการรักษาก่อนกำหนด ๑ วัน เรียกว่า วันรับ และหลังวันกำหนดอีก ๑ วัน เรียกว่า วันส่ง จึงรวมเป็นรักษาคราวละ ๓ วัน คือ วันรับ วันรักษา และวันส่ง รวม ๓ วัน ๓ คืน

    ๓. ปาฏิหาริยปักขอุโบสถ คือ อุโบสถที่รักษาครั้งละหลายๆ วัน เช่น ตลอดพรรษา ๓ เดือนบ้าง ตลอด ๑ เดือนบ้าง
    หรือครึ่งเดือนจำนวน ๑๕ วันบ้าง

    ศีลอุโบสถนั้น มีองค์ประกอบทั้งหมด ๘ ข้อ ถ้าขาดไปข้อใดข้อหนึ่ง ก็ไม่เรียกว่าศีลอุโบสถตาม พุทธบัญญัติ
    เพราะฉะนั้นการล่วงศีลอุโบสถเพียงข้อใดข้อเดียว ก็ถือว่าขาดศีลอุโบสถ พูดง่ายๆ ว่า ขาดศีลข้อเดียวก็ขาดหมดทั้ง ๘ ข้อ ผู้ที่รักษาอุโบสถศีลจึงต้องสำรวมระวัง กาย วาจา เป็นพิเศษ

    อุโบสถศีล มี ๘ ประการ
    อุโบสถศีลประกอบด้วยองค์ ๘ มีดังนี้ คือ

    ๑. ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป

    ๒. อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้

    ๓. อพรหมจริยา เวรมณี งดเว้นจากกรรมอันเป็นข้าศึกต่อการประพฤติผิดพรหมจรรย์

    ๔. มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการกล่าวเท็จ รวมถึงวจีกรรมในรูปแบบต่างๆ

    ๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้น จากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

    ๖. วิกาลโภชนา เวรมณี งดเว้นจากการบริโภค อาหารในเวลาวิกาล

    ๗. นัจจคีตวาทิตวิสูกทัสสนมาลาคันธวิเลปน-ธารณมัณฑนวิภูสนัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรี
    และดูการละเล่นอันเป็นข้าศึกต่อกุศล ลูบทาทัดทรงประดับตกแต่งร่างกายด้วยพวงดอกไม้ ของหอม เครื่องย้อม เครื่อง ทาอันจัดว่าเป็นการแต่งตัว

    ๘. อุจจาสยนมหาสยนา เวรมณี งดเว้นจากการนั่ง และการนอนบนที่นอนสูงใหญ่
    เป้าหมายหลักในการรักษาอุโบสถศีลนั้น ก็ เพื่อทำให้จิตใจสงบ ไม่กวัดแกว่งฟุ้งซ่านไปในเรื่องกามารมณ์
    แต่ยึดเอาพระนิพพานเป็นอารมณ์ ถือ เป็นการประพฤติพรหมจรรย์ของคฤหัสถ์ผู้ที่ยังไม่ปรารถนาออกบวช
    โดยปกติวันพระ พุทธศาสนิกชน ที่สะดวกก็จะพากันแต่งชุดขาวไปสมาทานอุโบสถศีล และฟังธรรมที่วัด แล้วพักอาศัยอยู่ที่วัด
    จนกว่าจะครบกำหนด ถ้าไม่ได้ไปวัด ก็จะตั้งใจสมาทานศีล ด้วยตนเอง จะเปล่งวาจาสมาทานหรือเพียงแต่ตั้งเจตนาไว้ก็ได้ทั้งนั้น
     
  7. ผู้มีจักร

    ผู้มีจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2012
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +222
    ระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัส อุปมาถึงอานิสงส์ ของการรักษาอุโบสถศีลไว้ว่า ถ้าจะนำมาเปรียบกับสมบัติของพระราชา ที่แม้จะครองความเป็นใหญ่ถึง ๑๖ แคว้น ก็ยังไม่ถึงเสี้ยวของผลบุญอันเกิดจากการ รักษาอุโบสถเลย เพราะสมบัติมนุษย์
    เป็นสมบัติ หยาบเหมือนสมบัติของคนกำพร้า มีความสุขได้ไม่กี่ร้อยปีก็ต้องพลัดพรากซึ่งเทียบไม่ได้กับการได้เสวย
    ทิพยสมบัติอันยาวนานในสวรรค์ที่เกิดจากอานิสงส์ของการรักษาอุโบสถ

    การรักษาอุโบสถศีลนี้ แม้ว่าจะมีโอกาสรักษาได้ไม่นาน แต่กลับสามารถส่งผลให้มีอานิสงส์มากมายเกินควรเกินคาดได้
    ดังเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว ในสมัยพุทธกาล เรื่องมีอยู่ว่า


    อานิสงส์ของการรักษาอุโบสถศีล

    จะเห็นได้ว่า เพียงการรักษาอุโบสถครึ่งวันและทำด้วยความเต็มใจ ยังได้อานิสงส์ขนาดนี้ แล้วถ้าหากใครได้รักษาอย
    ู่เนืองนิตย์อานิสงส์นั้นพรรณนา อย่างไรก็ไม่หมด เป็นบุญใหญ่ที่จะนำพาให้ได้สวรรค์สมบัติ เวียนวนอยู่แต่ในสุคติภูมิเท่านั้น เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ จะถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ในที่สุดจะได้นิพพานสมบัติ เข้าถึงความสุขอันเป็นอมตะ ผู้ที่รักษาอุโบสถศีลจะได้รับอานิสงส์มากมายเกินควรเกินคาด อย่างน้อยๆ ก็สามารถแบ่งออกเป็น ๕ ข้อ คือ
    ๑. ย่อมได้รับโภคทรัพย์ใหญ่ เพราะความไม่ประมาทเป็นเหตุ

    ๒. เกียรติศัพท์อันงามของผู้มีศีล ย่อมฟุ้งขจรไปไกล

    ๓. ผู้มีศีลเข้าไปสู่สมาคมใดๆ ย่อมเข้าไปอย่างองอาจไม่เก้อเขิน

    ๔. ผู้มีศีลย่อมไม่หลงทำกาละ คือ ไม่หลงเผลอสติในเวลาตาย

    ๕. ผู้มีศีล ตายแล้วย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทพ

    นอกจากนี้ ศีล ยังเป็นบาทเบื้องต้นแห่งสมาธิ ทำให้ใกล้ต่อมรรคผลนิพพาน ดังนั้นคนที่ตั้งใจรักษาศีลได้บริสุทธิ์ก็จะมีผลต่อ
    การนั่งสมาธิไปด้วย ดังนั้น พุทธศาสนิกชนที่ดีก็ควรที่จะตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ทั้งยังต้องเป็นกัลยาณมิตรชักชวนคนรอบ
    ข้างมาสั่งสมบุญใหญ่ ที่เกิดจากการรักษาอุโบสถศีล เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมชาวพุทธให้แข็งแรงยิ่งขึ้นไป

    บุคคลแม้จะงดงามด้วยเครื่องประดับอันมีค่า ก็ยังไม่งามเท่าผู้มีศีลเป็นอาภรณ์ ผู้มีศีลย่อมติเตียนตนเองไม่ได้ เมื่อพิจารณาถึงศีลที่บริสุทธิ์ ย่อมเกิดปีติทุกเมื่อ

    ศีลจึงเป็นรากฐานแห่งความดีทุกอย่างและกำจัดความชั่วทั้งปวง

    เอกุโปสถิกาเถรีอปทานที่ ๑

    ผลของการรักษาอุโบสถศีล

    ในพระนครพันธุมดี มีพระบรมกษัตริย์ทรงพระนามว่า พันธุมา ในวันเพ็ญท้าวเธอทรงรักษาอุโบสถศีล

    สมัยนั้น ดิฉันเป็นนางกุมภทาสี ในพระนครพันธุมดีนั้น เห็นเสนาพร้อมด้วยพระมหากษัตริย์ จึงคิดอย่างนี้ในครั้งนั้นว่า

    แม้พระมหากษัตริย์ก็ยังทรงละราชกิจมารักษาอุโบสถศีล กรรมนั้นต้องมีผลแน่นอน หมู่มหาชนจึงพากันเบิกบานใจ

    ดิฉันพิจารณาเห็นทุคติและความเป็นคนอยากไร้โดยแยบคาย ทำให้จิตใจร่าเริงแล้ว รักษาอุโบสถศีล

    ดิฉันรักษาอุโบสถศีล ในพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะกรรมที่ทำไว้ดีแล้วนั้น ดิฉันได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

    วิมานที่บุญกรรมสร้างให้ดิฉันอย่างสวยงามในดาวดึงส์นั้น สูงโยชน์หนึ่ง ประกอบด้วยเรือนยอดมีที่นั่งใหญ่โต ประดับแล้วอย่างดี

    นางอัปสรแสนนางต่างบำรุงบำเรอดิฉันอยู่ทุกเมื่อ ดิฉันงามเกินนางเทพอัปสรอื่นๆ ในกาลทั้งปวง

    ดิฉันได้เป็นพระอัครมเหสีของท้าวสักรินทเทวราช ๖๔ พระองค์ ได้เป็นพระอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ ๖๓ พระองค์

    ดิฉันเป็นผู้มีผิวพรรณปานดังทองคำ ท่องเที่ยวอยู่ในภพทั้งหลาย ดิฉันเป็นผู้ประเสริฐในที่ทุกสถาน นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล

    ดิฉันย่อมได้ยานช้าง ยานม้า และยานรถ แม้ทุกอย่างมากมาย นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล

    ภาชนะสำเร็จด้วยทอง เงิน แก้วผลึก และแก้วปทุมราช ดิฉันได้ทุกอย่าง

    ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าเปลือกไม้ ผ้าฝ้าย และผ้าที่มีราคาสูงๆ ดิฉันก็ได้ทุกสิ่ง ข้าว น้ำ ของเคี้ยว ผ้า เสนาสนะ ดิฉันได้ทุกอย่าง นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล

    เครื่องหอมชนิดดี ดอกไม้ จุรณสำหรับลูบไล้ ดิฉันก็ได้ทุกประการ นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล

    เรือนยอดปราสาท มณฑป เรือนโล้น และถ้ำ ดิฉันก็ได้ถ้วนทุกสิ่ง นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล

    พอดิฉันอายุ ได้ ๗ ขวบ ก็ได้ออกบวชเป็นบรรพชิต ได้บรรลุอรหัตเมื่อยังไม่ทันจะถึงครึ่งเดือน ดิฉันมีอาสวะสิ้นไปหมดแล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีก

    ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ ดิฉันได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วยกรรมนั้นดิฉันไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล

    ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว…คำสอนของพระพุทธเจ้า ดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว.

    ทราบว่า…ท่านพระเอกุโปสถิกาภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.

    (จากพระไตรปิฏกฉบับราชวิทยาลัย เล่มที่ ๗๒ หน้าที่ ๕๒๕-๕๒๗)
     
  8. ผู้มีจักร

    ผู้มีจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2012
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +222
    อุโบสถศีล เป็นศีล สำหรับ



    1.ฆราวาสผู้ครองเรือน ซึ่งปรารถนาความสุขอันยอดเยี่ยมในกาลปัจจุบันและอนาคต



    2.ผู้สะสมบารมี เพื่อรู้ธรรมเห็นธรรมและบรรลุมรรคผลนิพพาน

    ความมหัศจรรย์แห่งอุโบสถศีล

    นางเอกุโปสติกาภิกษุณี ออกบวชเมื่ออายุได้ 7 ปี บวชแล้วไม่ทันถึงครึ่งเดือน นางก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ หมดสิ้นอาสวะกิเลส ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป ..

    หลายคนสงสัยว่า เหตุใดนางจึงได้บรรลุธรรมรวดเร็วอย่างนั้น นางจึงเล่าประวัติ การเวียนว่ายตายเกิดของนางว่า เมื่อ 91กัปป์ที่ผ่านมา มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกมาแล้ว 7 พระองค์ คือ

    พระวิปัสสีพุทธเจ้า พระสิขีพุทธเจ้า พระกกุสันโธพุทธเจ้า พระโกนาคมโนพุทธเจ้า พระกัสสปะพุทธเจ้า และพระโคตมะพุทธเจ้า ของเราในสมัยนี้

    ในสมัยพระเจ้าวิปัสสีพุทธเจ้า นางเอกุโปสติกาภิกษุณี เกิดเป็นหญิงรับใช้ของพระเจ้าพันธุมมะ ผู้ครองนครพันธุมดี นางได้เห็นพระเจ้าพันธุมมะ

    พร้อมด้วยอำมาตย์ ข้าราชบริพาร ทรงสละราชกิจมาสมาทานรักษาอุโบสถศีลในวันพระ นางคิดว่า อุโบสถศีลนี้ น่าจะเป็นของดีวิเศษ เจ้าฟ้ามหากษัตริย์จึงสนใจสมาทานรักษาเป็นประจำ

    นางคิดได้ดังนี้ จึงศึกษา และทำใจร่าเริงสมาทานรักษาอุโบสถศีลเป็นประจำทุกวันพระ ผลของการรักษาอุโบสถศีล ทำให้นางได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้น ดาวดึงส์ มีวิมานอันสวยงาม

    มีนางฟ้าแสนนางเป็นบริวาร มีผิวพรรณผุดผ่องดั่งทองคำ มีความงามยิ่งกว่านางฟ้าอื่นๆ ระหว่างที่นาง ยังท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ไม่ว่าจะเกิดในภพใดชาติใด

    นางจะเป็นผู้ประเสริฐในที่ทุกสถานทุกภพทุกชาติ ได้ที่อยู่อาศัยเป็นเรือนยอดปราสาทมณฑป ได้ดอกไม้เครื่องหอม เครื่องลูบไล้ ของกินของใช้ไม่เคยอดอยาก

    ภาชนะเครื่องใช้ทำด้วยเงินทองแก้วผลึกแก้วปทุมราช ผ้าไหมผ้าฝ้ายผ้าเปลือกไม้ล้วนแต่งามวิจิตรมีราคาสูง พาหนะ ช้าง ม้า รถ มีครบบริบูรณ์

    ทุกอย่างเป็นผลบุญที่เกิดขึ้นจากการรักษาอุโบสถศีลในวันพระของนาง

    ตลอดเวลา 91กัปป์ นางมิได้ไปเกิดในทุคติภูมิเลย พระพุทธองค์ตรัสว่า ” ดูกร ภิกษุทั้งหลาย อุโบสถศีลประกอบด้วยองค์แปดที่บุคคลสมาทานรักษาแล้วย่อมมีผลยิ่งใหญ่

    มีอานิสงส์มหาศาล มีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งนัก มีผลอานิสงส์แผ่ไพศาลมาก ” อุโบสถศีล เลิศกว่าสมบัติพระเจ้าจักรพรรดิ์ บรรดาคนร่ำรวยที่สุดในโลก มหาเศรษฐี

    มีทรัพย์สินเงินทองมากมายมหาศาลเพียงใดก็ตาม ความร่ำรวยเหล่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับทรัพย์สมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ์แล้ว ย่อมเป็นของเล็กน้อย

    ทรัพย์สมบัติของเศรษฐีทุกคนในโลกรวมกัน ก็ไม่เท่าทรัพย์สมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ทรัพย์สมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ์ เมื่อเปรียบเทียบกับผลของการรักษาอุโบสถศีล ย่อมเป็นของเล็กน้อย คือ

    ไม่ถึงเสี้ยวที่ 16 ของผลบุญที่เกิดจากการรักษาอุโบสถศีล เพราะ สมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ์เป็นสมบัติมนุษย์ เป็นสมบัติหยาบ เป็นความสุขหยาบ ใช้เวลาเสวยอย่างมากไม่เกินร้อยปี

    แต่ผลของอุโบสถศีล เป็นเหตุให้ได้สมบัติทิพย์ ความสุขก็เป็นทิพย์ด้วย การเสวยสมบัติทิพย์ กินเวลายาวนานเป็นกัปป์เป็นกัลป์ บางทีเป็นนิรันดร์(นิพพานสมบัติ)

    ดังนั้น ชาย หญิงทั้งหลาย ผู้ได้สมาทานรักษาอุโบสถศีลย่อมได้ชื่อว่า ทำความดีอันมีความสุข เป็นกำไร ไม่มีคนดีที่ไหนจะติเตียนได้ เมื่อสิ้นชีพไปแล้วย่อมเข้าถึงสวรรค์หกชั้น ชั้นใดชั้นหนึ่ง
     
  9. ผู้มีจักร

    ผู้มีจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2012
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +222
    วิธีการรักษาอุโบสถศีล เมื่อวันพระเวียนมาถึง ให้ทำความตั้งใจว่า วันนี้เราจะรักษาอุโบสถศีล เป็นเวลาสิ้นวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง คือตั้งแต่เช้าวันพระจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น

    เจตนาละเว้นจากความชั่วทางกายวาจานั้นแลคือตัวศีล โดยปกติ วันพระ อุบาสก อุบาสิกา จะพากันไปสมาทานอุโบสถศีลที่วัด พักอาศัยอยู่ที่วัดวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง

    ถ้าไม่ได้ไปวัดก็ให้ทำสมาทานวิรัติ หรือเจตนาวิรัติอุโบสถศีลเอาเอง สมาทานวิรัติ คือ ตั้งใจสมาทานศีลด้วยตนเอง จะรักษากี่วัน กำหนดเอง เว้นจากข้อห้ามของศีลเสียเอง เจตนาวิรัติ คือ

    เพียงแต่มีเจตนาเว้นจากข้อห้ามที่ใจเท่านั้น ก็เป็นศีลแล้ว ไม่ต้องใช้เสียงก็ได้

    สมาทานวิรัติ ดังนี้

    เจตนาหัง ภิกขะเว สีลังวันทามิ สาธุ สาธุ สาธุ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระอริยสงฆ์ ตั้งแต่เวลานี้ไปจนถึง… ข้าฯ จะตั้งใจรักษาอุโบสถศีล อันประกอบไปด้วยองค์แปดประการ คือ



    1. ปานาติปาตา เวรมณี ข้าฯ จะเว้นจากการฆ่าสัตว์ คือไมทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป เป็นการลดการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน



    2. อทินนาทานา เวรมณี ข้าฯ จะเว้นจากการลักทรัพย์ คือไม่ถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ได้ให้ เป็นการลดการเบียดเบียน ทรัพย์สินของผู้อื่น



    3. อพรหมจริยา เวรมณี ข้าฯ จะเว้นจากการประพฤติอันเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์ คือ ไม่เสพเมถุนล่วงมรรคใดมรรคหนึ่ง (ถ้าไม่แตะต้องกายเพศตรงข้าม และไม่จับของต่อมือกันจะช่วยให้การฝึกสติสัมปชัญญะดียิ่งขึ้น)



    4. มุสาวาทา เวรมณี ข้าฯ จะเว้นจากการพูดปด คือ พูดไม่ตรงกับความจริง



    5. สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวรมณี ข้าฯ จะเว้นจากการดื่มสุราเมรัยของมึนเมาเสียสติ อันเป็นเหตุของความประมาทมัวเมา



    6. วิกาลโภชนา เวรมณี ข้าฯ จะเว้นจากการดื่มกินอาหารในเวลาหลังเที่ยงไปแล้วจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เป็นการลดราคะกำหนัด และลดความง่วงเหงาหาวนอน



    7. นัจจคีตวา ทิตตะวิสูกะทัสสะนะ มาลาคันธวิเลปานะ ธารณะ มัณฑะนะ วิภูสะนัฏฐานา เวรมณี ข้าฯ จะเว้นจากการดูละครฟ้อนรำขับร้องประโคมดนตรี ทัดทรงดอกไม้ลูบไล้ของหอม เครื่องย้อมเครื่องทา เครื่องประดับตกแต่งต่างๆ อันปลุกเร้าราคะ กำหนัดให้กำเริบ



    8. อุจจา สะยะนะ มะหาสะยะนา เวรมณี ข้าฯ จะเว้นจากการนั่งนอนเครื่องปูลาด อันสูงใหญ่ ภายในยัดด้วยนุ่นหรือสำลี และวิจิตรงดงามต่างๆ เป็นการลดการสัมผัสอันอ่อนนุ่มน่าหลงไหล อดความติดอกติดใจสิ่งสวยงาม มีกิริยาอันสำรวมระวังอยู่เสมอ ข้าฯ สมาทานวิรัติ ซึ่งอุโบสถศีล อันประกอบด้วยองค์แปดประการนี้ เพื่อจะรักษาไว้ให้ดีมิให้ขาด มิให้ทำลาย สิ้นวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ณ เพลาวันนี้ ขอกุศลส่วนนี้ จงเป็นอุปนิสัยเป็นปัจจัยแก่พระนิพพานในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ สาธุ



    เมื่อวิรัติศีลแล้ว พึงรักษา กาย วาจา เว้นการกระทำ ตามที่ได้ตั้งสัตย์ปฏิญาณไว้จนสิ้น กำหนดเวลา พยายามรักษากาย วาจา มั่นอยู่ในศีล อย่าให้ศีลข้อใดข้อหนึ่งขาด หรือทะลุด่างพร้อยมัวหมอง ถ้ากระทำบ่อยๆ และต่อเนื่องยาวนาน ศีลจะอบรมจิตใจให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิ สมาธิจะอบรมปัญญาให้แก่กล้า สามารถรู้ธรรมเห็นธรรม บรรลุมรรคผลนิพพานได้..



    ปัญหา ในการรักษาศีล 8 คือ กลัวไม่ได้กินอาหารเย็น กลัวหิว กลัวเป็นโรคกระเพาะ กลัวรักษาศีลไม่ได้แล้วจะยิ่งบาป

    ที่จริงแล้ว ผู้รักษาศีล 8 สามารถรับประทาน น้ำปานะ คือ น้ำที่ทำจากผลไม้ ขนาดเล็กเท่าเล็บเหยี่ยว ขนาดใหญ่ไม่เกินส้มโอตำ หรือ คั้นผสมน้ำกรองด้วยผ้าขาวบางให้ดี 8 ครั้ง ผสมเกลือและน้ำตาลพอได้รส

    หรือ รับประทาน เภสัช 5 อย่าง คือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย(น้ำตาล) นอกจากนี้ยังรับประทานสิ่งที่เป็นยาวชีวิก ได้โดยไม่จำกัดกาล คือ

    รับประทานเป็น ยาได้แก่ รากไม้ เช่น ขมิ้น ขิง ข่า ตะใคร้ ว่านน้ำ แฝก แห้วหมู น้ำฝาด เช่น น้ำฝาดสะเดา ใบมูกมัน ใบกระดอม ใบกะเพราหรือแมงลัก ใบฝ้าย ใบชะพลู ใบบัวบก ใบส้มลม ผลไม้

    เช่น ลูกพิลังกาสา ดีปลี พริก สมอไทย สมอพิเภก มะขามป้อม ผลแห่งโกฐ รวมยางไม้จากต้นหิงค์และเกลือต่างๆ
     
  10. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    วันนี้ก่อกวน..อุ๊ย..ทักทาย พอสมควรแล้ว ...
    ขอให้สบายกาย สบายใจ ทุกทุกคนนะจ๊ะ..สวัสดีค่ะ ดาว*
     
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    คุงคู คราวหน้าถ้ามีอาการผะอืดผะอม หรือรู้สึกอึดอัดมากๆ
    แสดงว่าสถานที่นั้น มีวิญญาณที่เค้ามาขอรับส่วนบุญส่วนกุศลจ้ะ
    ไม่ต้องตกใจ ตั้งจิตให้ตรงดำรงค์สติให้มั่น
    แล้วแผ่บุญให้กับพวกเค้าเหล่านั้น พร้อมทั้งแผ่เมตตานะจ๊ะๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2012
  12. ผู้มีจักร

    ผู้มีจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2012
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +222
    พูดเรื่องความฝันบ้าง ฝันว่าข้าพเจ้าเดินไปที่แห่งหนึ่งได้คุยกับชาวพื้นเมืองซึ่งน่าจะเป็นชาวเขมรซึ่งข้าพเจ้าก็ฟังไม่เข้าใจ และชาวบ้านก็พาไปที่แห่งหนึ่งซึ่งคล้ายเทวสถานของขอมก็พอดีมองไปที่ปราสาทก็เห็นงูใหญ่มี 3หัวเฝ้ารักษาอยู่พองูใหญ่เห็นพวกเราก็พ่นพิษถูกใครคนนั้นก้จะเป็นหินทันทีชาวบ้าน ที่วิ่งหนีไม่ทันก็โดนงู3หัวตัวนั้นทำให้เป็นหินจนหมดเหลือข้าพคนเดียว พอดีข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปไหนงูก็ใกล้เข้ามาจึงตั้งจิตระลึกถึงบารมีโพธิสัตว์ งู3หัวตัวนั้นพอเข้ามาประชิดตัวก็มีอาการดิ้นทุรนทุรายด้วยอาการอันเจ็บปวด และยอมแพ้กลายเป็นผู้หญิงและชวนข้าพเจ้าเข้าไปเที่ยวในปราสาทนั้น สุดท้ายหญิงคนนั้นก็ให้ดูรหัสซึ่งเป็นทางเข้าและบอกว่าถ้าข้าพเจ้าอยากมาเที่ยวก็มาได้ ซึ่งข้าพเจ้าพยายามจำก็จำไม่ได้จนรู้สึกตัวว่าฝันไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images.jpg
      images.jpg
      ขนาดไฟล์:
      14.2 KB
      เปิดดู:
      31
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ย้อนหลังไปเมื่อครั้งพุทธกาล ไม่ใช่นานเกินไป
    เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน คุยบ่อยนะ แต่จะคุยทางจิต ไม่ได้ขยับปาก
    เห็นกายทิพย์ออกจากกายเนื้อ เห็นนางไม้เสาตะเคียนที่บ้าน
    ตอนที่ยังเป็นเด็กชอบแกล้งเ้ค้าไง เสาต้นนี้อยู่ในห้องนอนเรา
    อยู่หัวนอนเลย น้ำมันไหลเยิ้มผูกผ้าสามสีไว้ จะถวายพวงมาลัยทุกวันพฤหัส
    เราก็จะแกล้งทุกวัน เพราะเมื่อก่อนไม่เคยเห็น เอามีดไปฟันบ้าง
    ทำอะไรพิเลนๆ บ้าง แนวท้าทาย อยากรู้อยากเห็นน่ะ

    เมื่อก่อนสมัยที่ัยังยึดพุทโธอยู่ ทั้งหลับและตื่น ทุกลมหายใจเข้า-ออก
    จะมีแต่พุทโธ เรียกว่านอนสมาธิทุกคืน คืนหนึ่งขณะที่หลับไปในสมาธิ
    กายทิพย์ก็ออกมา...จะเอ๋กับนางตะเคียนจ้ะ ว้าว....ไม่อยากจะคุยเลย
    เธอมาให้เห็นแบบเละเทะมากเลย น้ำเหลืองเยิ้ม ร่างกายบวมฉุ
    ใส่ชุดไทยนะ เรียกว่าเอาคืนแล้วกัน ตกใจดิ กายทิพย์รีบกลับเข้า
    กายเนื้อเลยแหละ 555 นึกแล้วยังขำตัวเองไม่หายเลย
     
  14. saekue20

    saekue20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +757
    สาธุครับ ข้าพเจ้าจะตั้งใจ สมาทานวิรัติครับ
     
  15. mutchalin

    mutchalin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +201
    จริงหรือว่าแค่ล้อคุณดาวเล่นคะคุณนุก
    สองเมืองเคยเกิดอาการแบบนี้บ่อยมาก ตอนเข้าไปสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่นเมื่อปีทีแล้ว ไปนั่งสมาธิที่วัดสันป่ายางหลวง และเมื่อปลายเดือนที่แล้วไปที่ศาลหลักเมืองกำแพงเพชร สองสถานที่นี้ไม่เคยไปมาก่อน พอเข้าไปข้างในไม่นาน เกิดอาการกระอักกระอ่วน ถึงอ้วกแตกเลยนะค่ะ สามารถยืนยันใด้ว่าก่อนเข้าไปในสถานที่นั้นไม่มีอาการผิดปกติทางร่างกายใดๆทั้งสิ้น.
     
  16. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    อ่านมาเจอตรงน้ำเหลืองไหลเยิ้มแล้วแบบว่า เห็นภาพเลยค่ะพี่นุ๊ก

    เมื่อเย็นนี้ งานเข้าฟ้ามุ่ยมากมาย วิ่งขึ้นวิ่งลง เดินปีกซ้ายปีกขวา

    ก้นไม่ติดที่นั่งเลย แบบว่าหอบแฮ่กๆ ...หวังว่าคงจะลดน้ำหนักให้กันได้บ้างสักนิ๊ดดดด อิอิ
     
  17. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    วันหลังไปใหม่ แล้วเอากระดาษ ปากกาไปจดมาด้วยเลยนะจ้ะ อิอิ:cool:

    แซวเล่นเน้อออ
     
  18. ปลากะป๋อง

    ปลากะป๋อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +126
    เคยไปแล้วค่ะ ไปมาสองครั้งค่ะ ครั้งแรกไปปฏิบัติธรรมค่ะ ส่วนครั้งที่สองไป

    กราบพระธาตุหลวงตาบัวค่ะ
     
  19. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    ขอตัวไปอาบน้ำ ให้สะอาด เตรียมตัวสวดมนต์ และนั่งสมาธิโงก ตามด้วยนอนสมาธิหลับยาวก่อนนะจ้าาา...:cool: ขออนุโมทนาบุญทุกท่าน ทุกนามค่ะ

    ฝนกำลังตกพรำๆเลยตอนนี้ หนังตาเริ่มหย่อนยานกันเลยทีเดียว

    พรุ่งนี้เจอกันค่ะ
     
  20. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    สวัสดียามเช้า ชาวเมืองคุรุวาโร ทุกท่าน
    ...วันนี้ แอบลักลอบเข้าถ้ำก่อนปยานาค ...อิอิ
    ถ้าถามถึงเรื่องฝัน ก็ฝันเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยชัด..จำไม่ค่อยได้ ก็ไม่ได้ระลึกถึง ปล่อยผ่านไป
    แต่ก็ทำให้รับรู้ว่า ...ต้องให้เจริญสติมากกว่าเดิม ทำความระลึกรู้สึกตัวให้มากๆ

    ถึงน้องสองเมืองนะจ๊ะ..คุณนุ๊กไม่ได้ล้อเล่นหรอก (เห็นมั๊ย..ชอบพูดเล่น จนชาวบ้านงง..!!)
    พี่จะมีลักษณะอย่างนี้ ๓ อาการ คือ ขนลุกซู่ สัมผัสได้ที่ปลายจมูก และก็ผะอืดผะอม (อ้วกลม)
    เท่าที่สังเกตอาการตนเอง จะเกิดจากการสัมผัสจิตวิญญาณ หรือเทพในสถานที่ต่างๆ
    ก็แล้วแต่ ว่าเป็นสถานที่เช่นไร ถ้าเกี่ยวกับเทพ พี่ก็ว่าคงทักทายกันธรรมดา
    ถ้าเกี่ยวกับจิตวิญญาณมาขอส่วนบุญ พี่อุทิศส่วนกุศลหรือแผ่เมตตาให้ แต่ดูแล้วได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
    หรืออาจไม่ได้เลย เป็นส่วนใหญ่ ...เพราะเจตนาของพี่ในการอุทิศหรือแผ่เมตตา
    เป็นความตั้งใจในการแก้อาการผะอืดผะอมของตัวพี่เองมากกว่า ไม่ได้คิดให้พวกเค้า ด้วยเจตนาให้เพื่อให้ โดยแท้จริง
    พี่จึงว่า พี่ลืมพุทธโธไปเลย เพราะเมื่อพี่ระลึกถึงพุทธโธได้โดยแท้แล้ว พี่จะมีความรู้สึก เบา สบาย
    เหมือนสภาวะที่ปีติ อิ่มบุญ ประมาณนี้ ถ้าภายในของพี่ระลึกได้เช่นนี้ แล้วจึงอุทิศให้จิตวิญญาณ ที่มาแสดงตัวตนให้พี่รับรู้
    พวกเค้าก็จะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะเป็นการพอดีเหมาะสมกันระหว่างผู้ให้ กับผู้รับ
    เรื่องที่ผ่านมาเมื่อวานนี้ ก็ทำให้พี่ได้รู้ตัวเองว่า สติยังไม่มั่นคงดีพอ ต้องเจริญสติให้มาก ๆ
    ถ้าพี่ต้องตายเมื่อวานนี้ พี่ก็คงไปเกิดเป็นอะไรก็ไม่รู้ ลืมพุทธโธเฉยเลย
    มัวแต่จะไปแก้อาการผะอืดผะอม ซึ่งมันเป็นผลที่ปลายเหตุ อย่างไรก็แก้ไม่ได้ เพราะแก้ไม่ตรงต้นเหตุ
    หลวงปู่ชาบอกว่า โดนธนูยิงเข้าที่อก ยังมัวไปหาอยู่ว่าใครยิง ยิงมาจากไหน มียาพิษมั๊ย ..แต่ไม่สนใจลูกธนูที่ปักอยู่เสียก่อน
    ท่านเน้นให้เรียนรู้ กาย ใจ จิต ของเราเป็นหลัก....สาธุค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...