เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย numthip, 14 มิถุนายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
  2. ญานธรรม

    ญานธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,936
    ค่าพลัง:
    +14,705
    ได้รับเสือกับหนุมานเรียบร้อยแล้วครับ
     
  3. เพชรในดง

    เพชรในดง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +2
    ได้รับเสือกับหนุมานเรียบร้อยแล้วครับ<!-- google_ad_section_end --> ดูเก่า เข้มขลัง และสวยงามมาก คุ้มค่าแห่งการรอคอย คนใต้พลัดถิ่นมาอยู่ขอนแก่น ขอบคุณมาก จากใจจริงครับพี่หนุ่มทิพย์
     
  4. nu_wa

    nu_wa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,740
    ค่าพลัง:
    +10,697
    ผมได้รับเสือและหนุมานแล้วครับ

    ขอบคุญครับพี่
     
  5. Nakornchai

    Nakornchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2012
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +287
  6. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    พี่ไพรัช แวะเข้ามารับผงจักรพรรดิ์ ของหลวงปู่ตี๋ วัดหลวงราชาวาส ที่บ้านผม
    แต่ผมไม่เหลือแล้ว ที่มีอยู่ ก็เอาไปปั้นเป็นลูกอม ลงรักปิดทองไปแล้ว

    ก็เลยต้องทุบแบ่งกันคนละครึ่ง
    ...................................

    ครั้งหนึ่งมีฆราวาส มาขอแผ่นยันต์พระอาจารย์พิจารณ์ ไปเป็นชนวนทำพระฯ
    พระอาจารย์ฯ ก็เลยมอบแผ่นยันต์มหาสะท้อนให้ไป เพราะติดนิมนต์ ไม่มีเวลาจารให้ใหม่

    ฆราวาสท่านนั้น ก็แวะไปกราบหลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ ในกิจเดียวกัน

    จากนั้นไปขอบารมีหลวงพ่อพร้า วัดโคกดอกไม้ พร้อมๆกับแผ่นยันต์อีกหลายเกจิอาจารย์ ให้ท่านฯอธิฐานจิตให้

    เมื่อเสร็จแล้ว หลวงพ่อพร้า ท่านก็ลืมตาขึ้น ควานหยิบแผ่นยันต์มาสองแผ่น แล้วถามว่าของใคร "มันสะท้อนกลับ เสกไม่เข้า"

    ก็ได้ความว่า เป็นของพระอาจารย์พิจารณ์ หนึ่งแผ่น และอีกหนึ่งแผ่น เป็นของหลวงพ่อเอื้อน

    หลวงพ่อพร้า ท่านก็เลยให้พระเลขาโทรฯติดต่อพระอาจารย์พิจารณ์ ขอดูตัว

    ...............................

    พี่ไพรัช เช่าตะกรุดมหาสะท้อนจากวัดโพธิผักไห่มา ก็อยากจะแต่งให้แว๊นซ์ เลยจะเอาผงที่ประดามีมาผอก แล้วก็ออกมาดังที่เห็น

    เฉลยเรื่องผงฯครับ
    เป็นสีผงจักรพรรดิ์ครับ ผงฯนี้ ได้มาจากคุณแว่น สหมิกธรรมฯในเวปฯ

    คุณแว่น เป็นคนเดียวที่หลวงปู่ตี๋เอ่ยปากว่า "ถ้ามึงเอา(วิชา) มึงได้มากกว่าพระในวัดนี้อีก.."

    คุณแว่นเล่าว่า วิชาเสือ หลวงปู่ตี๋ ท่านเอ่ยปากไม่ให้ใคร "ให้มันตายไปพร้อมกู"
    ถ้าใครอ้างว่าได้วิชานี้จากหลวงปู่ตี๋ ก็เดาได้เลยครับ

    ส่วนที่มึนๆนั้น เป็นเพราะผงฯของพี่นิ่มครับ

    ผงจักรพรรดิ์นั้น ผมเคยผอกใส่ตะกรุดคุณแว่นไปก่อนแล้ว ผมไม่เป็นไร (แต่คุณแว่นเป็น.. ต้องล้างผงฯออก เหลือแต่ตะกรุด)

    เชือกถักสวยครับ พี่ถักเองหรือเปล่า จะฝากของหลวงปู่ฯไปถักบ้าง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    ประสบการณ์ที่ทำให้พบวิธี "การทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากการถูกผีอำ"


    เรื่องของผมมีอยู่ว่าในระหว่างที่ผมบวชเป็นพระในระยะแรกๆคือ หลังจากบวชได้ประมาณ ๑๕ วัน ผมจะถูก

    ผีอำทุกคืนเรียกว่าจำวัดหรือนอนเมื่อไรเป็นต้องโดนผีอำ ลักษณะของการเข้ามาของผีที่จะเข้ามาอำผมนั้นคือเป็นเงามืด

    ของคนรูปร่างสูงใหญ่มองไม่เห็นใบหน้า ค่อยๆ ลอยเคลื่อนเข้ามาทับที่หน้าอก ทำให้เกิดอาการอึดอัดหายใจแทบไม่ออก

    และกระดิกตัวไม่ได้จะออกปากร้องเรียกใครก็ไม่ได้ คงจะเหมือนๆ กับทุกคนที่เคยโดนผีอำ ซึ่งผมเองก็เคยโดนผีอำมาก่อน

    ที่จะมาบวชเป็นพระ แต่ที่แปลกคือทำไมต้องเป็นทุกคืนและเป็นติดต่ออยู่ประมาณ ๑ เดือนก็ไม่หาย และทุกครั้งที่โดนผีอำ

    ผมจะแก้ไขโดยการสวดมนต์กรวดน้ำบางครั้งก็ใช้คาถา "ภะสัมสัม วิสะเทภะ" ซึ่งก็หายไปบ้างไม่หายบ้าง ถ้าหงุดหงิดจัด

    ก็จะใช้ตวาดป่าหิมพานต์ "วา โธ โน อะ มะ มะ วา" ก็ได้ผลทุกครั้งแต่ผมไม่ชอบ เพราะอยากจะให้ผีตนนั้นส่งสัญญาณ

    บอกความต้องการของเขามากกว่า แต่ผมไม่มีวิธีและก็ไม่คิดจะปรึกษาใคร

    ส่วนคาถาที่ใช้ก็ได้มาจากตำราสมุดข่อยของ "พระอาจารย์สวน" วัดโพธิ์เอน ต.คลองขนาก อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
    ซึ่งเกิดจากการที่ปู่ใช้ให้ลอกตำรายา ซึ่งเป็นภาษาแบบโบราณ คือไม่มี สระ อึ สระ อือ ไม้ไต่คู้ ความรู้สึกของผมในระยะนั้นก็แค่รำคาญ
    กับอยากรู้ความต้องการของผีตนนั้นกับสาเหตุที่ผีตนนั้นต้องการ เพราะทุกครั้งก่อนที่ผมจะนอนหรือจำวัดจะสำรวจท่านอน
    กำหนดการนอนว่าจะต้องไม่เอามือมาทับหน้าอกและไม่นอนไขว้ขา และเมื่อจัดการกับผีที่มาอำผมจนกลับไปแล้วก็จะสำรวจลักษณะท่านอน
    ของผมก่อนที่จะลุกขึ้น จนมั่นใจว่าผมถูกผีอำจริงๆ ไม่ได้เกิดจากการนอนทับเส้นหรือมือกดหน้าอกตัวเอง ในที่สุดผมจึงตัดสินใจเดินทาง
    ไปพบกับครูที่เคยสอนหนังสือผมมาในสมัยที่ผมเรียนชั้นมัธยม ชื่อครูมหาวงษ์ อ่อนละออ ท่านได้กำหนดจิตดูให้สักพักหนึ่งแล้วท่านก็บอกกับผมว่า
    "ไม่มีอะไรหรอกคุณ ผีเขาอึดอัดเพราะคุณเป็นคนระเบียบจัดทำให้เขาไม่สบายใจ ได้ข่าวว่าคุณสวดปาฏิโมกข์ด้วยหรือ"

    ก็เรียนท่านไปว่าใช่ บอกท่านว่าครั้งแรกๆ ผมคิดว่าอาจจะเกิดจาการพักผ่อนน้อย เพราะผมมุมานะที่จะท่องปาฏิโมกข์ให้ได้ภายใน ๑๓ ถึง ๑๕ วัน
    ซึ่งผมสามารถทำได้ โดยการนับหนังหนังสือปาฏิโมกข์ว่ามีแค่ ๘๒ หน้า ตั้งใจว่าถ้าผมท่องให้ได้วันละ ๘ หน้าก็คงจะทำสำเร็จ
    และผมก็สามารถทำได้และได้สวดปาฏิโมกข์ในพรรษานั้น(ขอขอบคุณโยมผูก โยมเกี๊ยม จำนามสกุลไม่ได้ และโยมเต๊ะหรือโยมสุนันท์ สังข์วิเศษ
    ซึ่งท่านหลังนี้เป็นบิดาของเพื่อนผมด้วย เพราะทุกท่านได้ให้ความเมตตาผู้เขียนในระหว่างที่บวชอยู่เป็นอย่างมาก)เคล็ดลับ
    ของการที่จะท่องปาฏิโมกข์ให้ได้เร็วคือต้องท่องที่เป็นภาษาไทยในหนังสือนวโกวาทให้คล่องปากเสียก่อน

    เรียนคุณครูมหาวงษ์ฯ ต่อ ว่าแรกๆ ผมคิดว่าผีอำเกิดจากการพักผ่อนน้อยเพราะต้องคร่ำเคร่งกับการท่องหนังสือ แต่ผ่านมาเดือน

    กว่าแล้วไม่น่าจะเกี่ยวกัน เพราะช่วงนี้พักผ่อนเพียงพอและมีความตั้งใจดีกับผีตนนั้นไปแล้ว แต่เขาอาจจะไม่พอใจ

    จึงไม่สื่อสารมาให้เข้าใจ ครูท่านก็แนะนำว่าพยายามแผ่ส่วนกุศลไปเถอะคงดีขึ้นเองแหละ ฯ


    ผมถูกผีอำอยู่อย่างนั้นประมาณ ๒ เดือน จนรู้กันว่าถ้าผมล้มตัวลงนอนเขาก็จะปรากฎตัวเข้ามาทับร่าง

    ผม จนถึงขั้นที่ผมสามารถรู้ตัวได้ว่าขณะผีอำผมอยู่นั้น ผมนอนอยู่ในลักษณะใดและตัดสินใจใช้ตวาดป่าหิมพานต์

    เพื่อให้ผีตนนั้นจากไป เมื่อรู้ตัวแล้วขยับร่างกายได้แน่แต่จะไม่ขยับโดยนอนสำรวจตัวเองก่อนว่าลักษณะการนอนของ

    ผมเอื้อต่อการให้เกิดอาการเหมือนถูกผีอำหรือไม่ ปรากฎว่าร่างกายของผมปกติดี ผมได้พยายามหาวิธีในการแก้ไข

    การถูกผีอำจนสำเร็จได้ โดยที่เป็นเรื่องบังเอิญของคืนหนึ่งที่ผมถูกผีอำคือผมสามารถเอาลิ้นดุนฟันในปากได้ และ

    เมื่อเอาลิ้นดุนฟันในปากได้ผมก็สามารถอ้าปากได้และร่างกายทุกส่วนก็ใช้การได้อย่างปกติ นับแต่วันนั้นมาเมื่อผีอำ

    ผมก็จะเอาลิ้นดุนฟันทุกครั้งและก็หลุดพ้นจากถูกอำทุกครั้งเช่นกัน นับตั้งแต่นั้นมาเป็นเวลาเกือบ ๔๐ ปีแล้วทีผมตั้ง

    ตัวเป็นผู้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีที่ทำให้หลุดพ้นจากการถูกผีอำ ไม่ว่าจะเกิดจากผีจริงๆ หรือเกิดจากการผิดปกติทาง

    ร่างกายก็ตาม ยังไม่มีใครแจ้งมาว่าไม่ได้ผล หรือผีไม่อำคนที่ผมบอกวิธีไปก็ไม่รู้นะ


    คงมีหลายคนตั้งคำถามมาตั้งแต่อ่านถึงกลางเรื่องแล้วว่า ผีนั้นเป็นใคร ถ้าไม่บอกเดี๋ยวจะหาว่าใจดำ ผมมารู้เอา

    ก่อนจะสึกฯ คือเมื่อผมทำความสะอาดกุฏิจึงได้ใช้มือหิ้วพระปรางค์จำรองเหมือนที่วัดอรุณฯ เป็นสีเงิน ๑ อัน สีทอง

    ๑ อัน ขนาดสูงประมาณ ๗๐ ซม. ปรากฎว่าที่มือผมหิ้วกลายเป็นฝาเปิดหลุดออกมาในนั้นมีอัฐิบรรจุอยู่เต็มทั้ง ๒ อัน

    จึงได้ไปถามรองเจ้าอาวาสซึ่งเป็นที่เคารพรักของผมมาจนทุกวันนี้คือท่านอาจารย์ไล้ สิริจันโท (ตอนหลังท่านได้เป็น

    เจ้าอาวาส วัดโพธิ์เอน) ได้ความกระจ่างว่าที่หัวนอนของผมซึ่งความโง่ของผมเองไม่รู้ว่าเป็นโกฏิใส่อัฐิของท่าน

    ที่เป็นเจ้าของกุฏิที่ยกมาถวายวัด ฯ ผมจึงบอกท่านไปว่า"หลวงน้ารู้ไหมผมโดนผีอำตั้งนานเป็นเดือน บางครั้งผม

    ทวนปาฏิโมกข์อยู่ก็แกล้งทำเหมือนคนเอา สามเกลอมากระทุ้งพื้นดังสนั่น เมื่อวิ่งออกมาดูใต้ถุนกุฏิไม่เห็นมีน้ำกระ

    เพื่อมเลย" ท่านก็บอกว่าถ้าคุณเจออย่างพวกผมคือหลวงตาเหลี่ยม,หลวงตาเสน ท่านจะเชื่อเรื่องนี้ คือคืนที่

    หลวงตาผลจะตาย(มรณภาพ)มีการมารับวิญญาณกันจริงๆ

    ปล.ปู่ให้ข้อคิดไว้ว่า ถ้าจะเชื่อเรื่องคาถาและถือเรื่องคาถาให้ขลังต้องไม่สงสัยในคาถาที่ได้มา

    (ไว้จะกลับมาเล่าอีก)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2012
  8. จักราช

    จักราช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +511
    คุณทิพย์ไม่ทราบว่าหนุมานรุ่นนี้ หลวงปู่เกลี้ยงท่านได้เสกหรือป่าวครับ
     
  9. ธัญวิสิฏฐ์

    ธัญวิสิฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +175
    ถึงคุณหนุ่มทิพย์ผมลำดับที่ 51 ได้รับเสือสมิงบูรพา 2 ตัว ,กับหนุมานกายทิพย์ 3 ตนเรียบร้อยแล้วครับ ในวันที่ 17/07/55 ครบตามจำนวนที่ส่งมา
    ขอโทษครับที่มารายงานช้าไปหน่อย เพราะไปต่างจังหวัดหลายวันครับ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2012
  10. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    เสกหมู่ยืนยันครับ หลายงานพิธี
    แต่เสกเดี่ยวหรือเปล่า ต้องถามพี่นิ่มอีกที
     
  11. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    พี่นิ่มแจ้งข่าวด่วน

    เจ้าอาวาสวัดป่าแดง เอ่ยปากขอบิณฑบาทกุฏิสงฆ์หนึ่งหลัง กับพี่นิ่ม เนื่องจากกุฏิที่วัดฯมีไม่พอให้พระเข้าจำพรรษา

    ปัจจัย เจ็ดพันกว่าบาท ของคุณลี คุณบี คุณทิพยญาณ และของเพื่อนๆที่ร่วมโมทนา จะขอนำไปใช้เพื่อการนี้ก่อน

    กุฏิหลังนี้งบประมาณ ประมาณ 20,000 บาท โดยส่วนที่ขาดทั้งหมด เป็นของเจ้าภาพที่เอ่ยปากรับผิดชอบไป ขอโมทนาร่วมกัน
     
  12. จักราช

    จักราช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +511
    ขอบคุณครับ ผมว่าหลวงปู่ท่านเสกหนุมานได้ขลังเหลือเกิน อีกเรื่องนะครับไม่ทราบว่าหนุมานและเสือ ใช้เนื้อมวลสารเดียวกันใช่ไหมครับ ผมดูแล้วสีเหมือนกันเลย
     
  13. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143

    ใช้มวลสารไม่เหมือนกันครับ....... คุณไม่ได้อ่านข้อมูลผมเลยนี่ครับ
     
  14. jack sk

    jack sk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +2
    น้องใหม่ในเวป

    วัดดีครับเพื่อนๆพี่น้องทั้งหลายผมเป็นน้องใหม่ในเวปครับ
    มีอาไรช่วยรบกวนแนะนำให้ด้วยนะครับ
    ผมทำงานอยู่ทางใต้ครับ(y) โดยเฉพาะพี่หนุ่มทิพย์ช่วยแนะนำเยอะๆนะครับ
     
  15. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    คาถา : เสกแป้งผัดหน้า ทาตัว

    ชื่อคาถา : ขุนแผนชมตลาด

    ของที่ใช้ : ใช้แป้งเม็ดที่ใช้ผัดหน้าหรือแป้งดินสอพองและกระดานชนวนถ้ามี

    วิธีปลุกเสกเหมือนกับการเสกของโดยทั่วไป คือตั้งนะโม ๓ จบ แล้วต่อด้วย : -

    โอมสิทธิฟ้าฟื้นศรีจำเริญศรี : นะ มะ พะ ทะ

    หน้ากูงามคือพระแมน : นะ มะ พะ ทะ

    แขนกูงามคือพระนารายณ์ : นะ มะ พะ ทะ

    กายกูงามคือพระอาทิตย์ : นะ มะ พะ ทะ

    พิศกูก็งามดั่งพระจันทร์ : นะ มะ พะ ทะ

    สาวในเมืองสวรรค์เห็นหน้ากูก็อยู่บ่มิได้ : นะ มะ พะ ทะ

    ก็พากันปวดหัวร้องให้มาหากู : นะ มะ พะ ทะ

    กูจะรำลึกถึงปลาก็มาลืมน้ำ : นะ มะ พะ ทะ

    กูจะรำลึกถึงราชสีห์ก็มาลืมถ้ำพระคูหา : นะ มะ พะ ทะ

    กูจะรำลึกถึงช้างป่าก็มาลืมโขลง : นะ มะ พะ ทะ

    กูจะรำลึกถึงเสือโคร่งก็มาลืมไพร : นะ มะ พะ ทะ

    กูจะรำลึกถึงสาวแท้และแม่หม้ายก็มาลืมที่นอน : นะ มะ พะ ทะ

    กูจะรำลึกถึงสาวแม่ลูกอ่อนก็ลืมลูกและลืมผัว : นะ มะ พะ ทะ

    ก็พากันมาเมามัวหลงรักตัวกูผู้ชื่อ ............(ชื่อผู้เสก)

    เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ ........( เป่า )

    เวลาเสกแป้งทุกบทเมื่อถึงคำว่า นะ มะ พะ ทะ ให้ใช้เม็ดแป้ง

    หรือดินสอพองเขียนเป็นภาษา"ขอม" ว่า นะ มะ พะ ทะ ตามคาถาลง

    บนฝ่ามือ หรือบนกระดานชนวน(ถ้าใช้กระดานชนวน)และเมื่อถึงคำว่า

    ตัวกูผู้ชื่อ...ให้กล่าวชื่อตัวเองลงไป เมื่อเสร็จแล้วให้เก็บผงแป้งที่เกิด

    จากการเขียนอักขระ"ขอม" คำว่า นะ มะ พะ ทะ เอาไว้ผัดหน้าทาตัวเมื่อ

    เวลาจะใช้จะเสกซ้ำโดยไม่ต้องเขียน"อักขระขอม"ก็ได้ ท่านว่าเมื่อไปไหน

    มาไหน ชายเห็นชายรัก หญิงเห็นหญิงรัก เป็นเสน่ห์ดีนักแล ฯ

    บางท่านก็ใช้วิธีปลุกเสกหลายๆ ครั้ง เมื่อได้ผงแป้งมากพอก็เอามา

    ละลายน้ำให้เหนียวพอที่จะปั้นเป็นแท่งดินสอได้ และทำการเสกซ้ำโดยใช้

    ผงแป้งที่เป็นแท่งดินสอ(ตากแดดแล้ว)เขียน"อักขระขอม"เพื่อเพิ่มความเข้มขลัง ฯ

    อย่าคิดว่าจะใช้เฉพาะเรื่องผู้หญิงเท่านั้น ท่านว่าใช้ในทางเมตตาเข้า

    หาผู้ใหญ่หรือติดต่องาน มีเสน่ห์ดีนักแล ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2012
  16. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    นับอายุแล้วอย่าเรียกผมว่า"พี่"อีกนะครับ เดี๋ยวอายุสั้น... ช่วยเล่าเรื่องเอาไปยิงแล้วได้ผลดีมาให้ฟังดีกว่า หรือถ่ายรูปมาอวดก็ยังดี โดยเฉพาะองค์ที่โดนเต็มๆแต่ไม่เป็นอะไร...(ที่เป็นอะไรไม่ต้องเล่านะครับ..เดี๋ยวขายไม่ออก).....พี่นิ่มมั่นใจคุณมาก บอกให้ผมส่งพระให้คุณให้ได้...รอหน่อยละกันครับ
     
  17. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    สมัยเด็กๆผมเคยคุยกับปู่เกี่ยวกับเรื่องฤกษ์และมนต์คาถา โดยผมตั้งคำถาม

    บนพื้นฐานความไม่รู้ของผมว่า ทำไมเวลาพูดถึงเรื่องคาถาคนก็จะคิดไปถึงคนทางเขมร

    เวลาพูดถึงฤกษ์ผานาฑีก็จะคิดถึงพม่า คนทางประเทศลาวไม่มีคาถาอาคมหรือฤกษ์ผา

    นาฑีบ้างหรือ ปู่บอกว่ามีเหมือนกันถ้าอยากได้ใหก้หาสมุดมาจดเอา ปู่บอกว่าท่านได้มา

    จากคนท่มาจากฝั่งลาวจริงๆ วันแรกได้มา ๒ คาถาคือ :-

    ๑. คาถาเสกดอกไม้ก่อนให้ผู้หญิง ฯ เป็นคาถาฤๅษี คาถาว่าดังนี้

    อมมะฮุบพอง ตะแผ้วฮุบพอง เตรัดตะหนอด อมมะหุ้มสาวฮ่อม (จบแค่นี้

    เสกแล้วเป่าไปที่ดอกไม้ ๓ ครั้ง อย่าถามผมนะว่าความหมายเป็นอย่างไรเพราะ

    ผมก็ไม่รู้ ถามปู่ท่านก็ตอบว่าท่านไม่รู้เหมือนกัน อย่างที่เคยเขียนบอกไปครั้ง

    หนึ่งแล้วว่า"เรื่องคาถาอย่าสงสัย" แต่เชื่อได้เพราะผมทำแล้วได้ผล หรืออาจจะ

    เกิดจากเรามีจิตต์ที่คิดเป็นคนให้ก็อาจจะเป็นได้ฯ)

    ๒. เป็นวันที่ใช้ในการเดินทาง เป็นกำหนดทางจันทรคติดังนี้

    ค่ำหนึ่ง : จูงม้าแก้วขึ้นสู่โรงธรรม (ใช้พาลูกหลานหรือเด็กไปฝากกับผู้ใหญ่ฯ)

    สองค่ำ : ฟังธรรมในป่าช้า

    สามค่ำ : ชุบมือไว้ท่าของกิน *** (ผมใช้มาตลอดไปบ้านใครที่ไหนไม่เคยอด)

    สี่ค่ำ : ตายดิ้นตากแดด

    ห้าค่ำ : ผีแวดเวียนเอา

    หกค่ำ : สำเภาพ่อค้า ***(ไปค้าขาย,เสี่ยงโชค,ยืมเงินฯไม่ผิดหวัง..แฮ่ม..)

    เจ็ดค่ำ : บ่ายหน้าวายชนม์

    แปดค่ำ : ทำวนป่าเวียน

    เก้าค่ำ : ต้องเสี้ยนพระราม

    สิบค่ำ : จำความบ่ได้

    สิบเอ็ดค่ำ : ความไข้บ่มี

    สิบสองค่ำ : บ่ตีฝักดาบ

    สิบสามค่ำ : ไชยปราบชมพู

    สิบสี่ค่ำ : ศัตรูปองฆ่า

    สิบห้าค่ำ : บ่ายหน้าวายชนม์

    ไม่รู้ว่าเป็นโชคหรือความบังเอิญวันที่ผมทำเครื่องหมาย *** ไว้นั้นผมเคยมี

    ความตั้งใจใช้และจำเป็นต้องใช้ยังไม่เคยผิดหวัง หรืออาจจะเป็นเพราะผมเลือก

    ถูกบ้านถูกคน.... ขอบคุณสมาชิกที่ได้ตามอ่านกัน ผมไม่ได้หวังอะไรหรอกครับ

    แต่เห็นว่าเป็นโอกาสที่จะสามารถทำให้บางสิ่งบางอย่างคงอยู่ต่อไป ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2012
  18. ฅนโคกว่าน

    ฅนโคกว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    795
    ค่าพลัง:
    +2,767
    ขอบพระคุณที่นำมาเล่าสู่กันฟังครับ
    สองประโยคข้างล่างนี้ตีความไม่ออก ขอความอนุเคราะห์ด้วยครับ

     
  19. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    สองค่ำ : ฟังธรรมในป่าช้า ความหมายแรกเลยก็คือการเดินทางในวันนี้ไม่ดี

    ถ้าหลีกเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่ยง " โดยเฉพาะการเดินทางที่ต้องไปเจรจาต่อรอง

    หรือหาข้อยุติ" ส่วนถ้าไปในเรื่องอื่นๆ ก็ไม่เกี่ยวกัน ความหมายที่สองคือ คำว่า

    ฟังคือเราต้องไปฟังเขาไม่ใช่เขาฟังเราหรือเป็นการต่อรองที่เราจะเสียเปรียบ

    ยิ่งเปรียบเทียบไว้ว่าเหมือนฟังธรรมในป่าช้าก็ยิ่งไม่เป็นมงคลฯ

    สิบสองค่ำ : บ่ตีฝักดาบ ความหมายคือถ้าเราเดินทางวันนี้จะไม่มีเรื่องราว

    ชกต่อยตีกันทำนองนั้นแหละ เพราะคนสมัยก่อนอาวุธไม่มีเหมือนสมัยนี้ แต่

    จะโดนหินปาใส่รถหรือไม่ผมก็ไม่ทราบ

    ขอบคุณมากครับ....ที่ติดตามอย่างสนใจและใคร่รู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2012
  20. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    เรื่อง การแนะนำตัว(แต่ยังไม่แนะนำ)
    เรียนสมาชิกทุกท่านผมต้องขอโทษทุกท่านด้วยที่ผมยังไม่เคยได้แนะนำตัวให้ทุกท่านได้ทราบที่มาของผม และเหตุผล
    ที่ผมสนใจในกิจกรรม(งานบุญของท่านสมาชิก)ของท่านสมาชิกจนได้มาสมัครเป็นสมาชิกเพื่อจะได้ร่วมกิจกรรมกับท่าน
    ทั้งหลาย แต่แม้ว่าวันนี้จะตั้งใจมาแนะนำตัวพอสังเขปก็ต้องขอยกไปก่อน เพียงแต่จะยืนยันให้สมาชิกทราบในเบื้องต้นว่าบรร
    ดาเรื่องราวต่างๆ ของผมที่นำม่าเล่าสู่กันอ่านล้วนแต่เป็นเรื่องที่ติดตัวผมมาตั้งแต่เด็กที่คนเฒ่าคนแก่ท่านเมตตาเล่าหรือมอบ
    ให้ผมมา ทำไมผมต้องเลื่อนการแนะนำตัว ? เพราะเดี๋ยวนี้ทุกเช้าดูทีวีจะมีข่าวอุบัติเหตุมากมายเหลือเกิน และผมเป็นหนี้
    ไว้ตั้งแต่เรื่อง"เรื่องที่ปู่เล่าให้ฟัง" ว่าจะนำเรื่องบทกะระณีฯ มาเล่าให้อ่านกันอีก.-
    เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนที่เดินทางต้องการความปลอดภัย ผมเคยได้ยินปู่สอนลูกศิษย์ของท่านไม่ว่าจะเป็นฆราวาสหรือ
    พระก็ตาม คือถ้าเป็นพระปู่จะสอนว่าถ้าจะให้เดินทางปลอดภัยเวลาผ่านศาลเจ้าหรือศาลพระภูมิ ก็ให้ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง
    แล้วกล่าวคำทักทายเป็นต้นว่า "ท่าน(หรือทุกท่าน)สบายดีหรือ ขอให้ท่าน(หรือทุกท่าน)สบายดีเถิด" และถ้าจะให้ดี
    ก็ให้สวดบท"ท้าย กะระณีฯ เริ่มตั้งแต่ เมตตัญจะ สัพพะโลกัสสมิง...ไปจนจบ" ปู่บอกว่า เทวดา ,เจ้า หรือพระภูมิ
    ณ ที่แห่งนั้นท่านจะเดินทางไปส่งเราจนหมดอณาเขตต์ของท่านโดยการคุ้มครองให้เราปลอดภัย เมื่อหมดเขตต์ของท่าน
    แล้วท่านก็จะเดินทางกลับ และเราก็ทำต่อๆไปเมื่อพบศาลเจ้าหรือศาลพระภูมิแห่งใหม่ทุกครั้ง แต่แรกผมเองยังเด็กมาก
    มีความสงสัยว่าทำไมสอนคนนั้นให้ยกมือข้างเดียว พอมาสอนคนนี้ให้ยกมือไหว้ แต่ก็ต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ เพราะเด็ก
    ในสมัยผมเมื่อ ๕๐ - ๖๐ ปีก่อนนั้น จะไปสอดแทรกถามผู้ใหญ่ไม่ได้ง่ายๆเหมือนสมัยนี้ แต่ก็มาถามได้เมื่อได้ผ่านการ
    ยกครูแล้ว คำตอบที่ได้ง่ายนิดเดียวเป็นพระไม่ต้องไหว้ให้ยกมือข้างเดียว เป็นฆราวาสให้ไหว้ และปู่ก็จะเพิ่มเติมให้กับ
    ศิษย์ที่เป็นฆราวาสว่าถ้าไม่อยากตายโหงนอกบ้าน ก่อนเดินทางออกจากบ้านให้สั่งแม่บันไดและแม่พระธรณีก่อนไป ซึ่งผม
    ก็ใช้ตามนี้ตลอดมาโดยคิดเสียว่าก็เหมือนๆ กับเราผ่านไปต่างถิ่นเจอกำนันบอกกำนันเจอผู้ใหญ่บ้านบอกผู้ใหญ่บ้านเจอ
    นักเลงฝากตัวกับนักเลงเราก็ปลอดภัยฯ
    เป็นอันว่าผมใช้หนี้ที่ติดค้างไว้ในครั้งก่อนแล้วระดับหนึ่ง
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...