เกิดก่อนเกิด..พรแปดประการ...

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย หัวใจ!, 18 กรกฎาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. maaa

    maaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +136
    555 ถ้าได้เลือดท่านรามจริง ก็น่าเปิบนะท่าน ถือซะว่าท่านรามเป็นแรงบันดาลใจให้ดิฉันอยากลองสิ่งแปลกๆใหม่ละกัน นะท่านนะ
     
  2. หัวใจ!

    หัวใจ! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +1,113
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=tAwbeFFv_T0]MV หิงห้อยกับตะวัน - ไชโย ธนาวัฒ - YouTube[/ame]


    ...(เป็นนิทาน และความเชื่อส่วนตัว โปรดพิจารณา)

    ........."นิทานความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย"......

    (ความรู้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำราหรือในระบบการศึกษาเท่านั้น หากเรารู้จักค้นคว้าหาความรู้รอบตัวก็จะเป็นคนฉลาดแบบอีสปได้เหมือนกันนะ)

    (ระบบ..ทำดีคนดีจะได้รับส่งเสริมและเปิดเผย...ทำชั่วคนชั่วจะได้ปิดเก็บกลับและเปิดโปง)

    ......."ตอนชีวประวัติ ของ มณีส่องแสง ...ดอกบัวสวรรค์...ณัฐนารี"......

    ..........."นี่ละหนา ชีวิตที่มิได้..โรยด้วยกลีบกุหลาบ.........


    ........ชีวิตช่วงนั้นของเราที่ต้องสุ้ ก็คงไม่ต่างจาก "หิ่งห้อย ที่สู้กับแสงตะวันหรอกนะ"...แต่ก็ผ่านมาได้...สุดยอดชีวิต คงเหลือแต่อีกจุดหนึ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเราที่ทุ่มและแลกด้วยชีวิต.....

    ....เปิดประเด็นต่อคะ...เกี่ยวกับระบบ ที่วางไว้สำหรับรากหญ้าก็คือ...จะมีการวางระบบไว้ให้กับรากหญ้า เกี่ยวกับ ..เกษตรกร ที่เป็นระบบสหกรณ์ (ที่เอื้อประโยชน์ต่อยอด)..เพราะระบบที่วางไว้ ส่ิงที่จะทำให้ เกษตร อยู่ดีมีสุขก็คือ..."การนำเศรษฐกิจ พอเพียงผสมกับเทคโนโลยี)...และแผ่นที่เกี่ยวกับเกษตรกรและอีกหลายๆอย่างก็พร้อมและรอไว้หมดแล้วนั่นเอง

    ....พอทางจ.พิจิตร ของเรานำโครงการที่ไปช่วยเกษตรกรหรือรากหญ้า ได้ผลสำเร็จและก็จะขยายไปที่จ.อื่น ท้องถิ่นอื่นต่อ ตามที่ใครก็ได้ที่ไปศึกษาและต้องการไปพัฒนาท้องถิ่นตัวเองนั้นเอง (แต่ย้ำว่าเป็นโครงการที่ดีมาก รับรอง ลูกหลานก็มิต้องห่วงเรื่องการส่งเสีย และการเล่าเรียนนั้นเอง)

    (ต่อ จากตอนที่แล้ว)

    .....เราเข้าอยู่กรุงเทพ ตอนอายุ ๒๐ ปี และก็ได้มาทำงาน ร้านอาหารที่แห่งหนึ่งทำหน้าที่ ไปจ่ายตลาด ตื่นตี ๔ และก็ได้เงินเดือน ๔๐๐๐ บาท และก็ทำได้ประมาณ ไม่เกิน สามเดือน

    ...และได้งานเป็นเลขา เกี่ยวกับบ.ก่อสร้าง และก็เรียนต่อไปด้วย

    ....ชีวิตช่วงวัยรุ่นก็ใช้ชีวิตทั่วไป มีเที่ยว ตามพับบ้าง (แต่เราไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี เวลาไปเที่ยวกับเพื่อน เราจะดื่มแต่น้ำปล่าว ส่วนเพื่อนก็ดืมเหล้า)

    ....ก็ใช้ชีวิต ปกติ ทั่วไป ก็ไม่ลำบากเท่าไรเรื่อยๆ

    ....จนมาเกี่ยวข้องกับธุรกิจเสื้อผ้านั้นเอง ชีวิตเราถึงเปลี่ยน เป็นอะไรที่หนักและเหนื่อยมากเพราะมีภาวะอะไรที่ต้องสู้หลากหลายมากมาย

    ....แต่ชีวิตที่ต้องสู้ที่สุดคือ ชีวิตช่วงที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับการ์เมนท์เต็มตัวนั่นเอง ช่วงนั้นต้องสู้ชีวิตสุดๆ ที่ต้องไปเรียนรู้และ ต้องไปติดต่อและศึกษาทุกอย่างให้เข้าใจ

    ....แต่ที่แรกที่เราไป ก็คือ องค์การเภสัช สหภาพฯ เพราะรู้จัก กับพี่คนหนึ่ง เราก็ไปฝากนามบัตรและบอกว่าทำเกี่ยวกับการเม้นท์ ก็คือ พี่อารยา (เเป็นผุ้ที่มีบุญคลอีกคนของเราเมื่อถึงเวลาเราก็คงจะได้ตอบแทน และนิสัยและเป็นคนดีทั้งบ้านที่มีจิตใจเมตตาจิตสูงและมีน้ำใจ และที่ดีมากๆก็คือ มือสอาด ..(พี่เขานับถืออิสลามนะ)

    ....แต่คนนี้สิวิเศษที่สุด ที่เราพบองค์การเภสัช (สหภาพฯ)..ก็คือ พี่ชายอีกคน คือ พี่กิตติ พี่ชายคนนี้แหละที่ทำให้เราเกิดในธุรกิจเสื้อผ้าทีเดียว เพราะพี่เขาเป็นผุ้มีจิตใจดีมากๆ โดยการที่นำนามบัตรเราและก็ไปแนะนำให้กับหน่วยงานอื่นโดยไม่มีเจตนาแอบแฝง และอีกอย่างพี่กิตติเป็นคนที่ซื่อสัตย์ จิตบริสุทธิ์มากๆ และมีน้ำใจกับทุกคน (พี่ชายจ้า ถ้าหากทุกสิ่งที่น้องทำจบสำเร็จแล้วน้องจะตอบแทนบุญคุญพี่ชายนะคะ โดยการให้พี่ชายมาช่วยกิจน้องนั่นเอง)...โปรดรู้ไว้นะคะ ว่า..น้องนะคิดถึงพี่เสมอ ...ทั้งพี่อารยาด้วยคะ..และอีกหลายๆ คนที่องค์กรเภสัช...

    ...และสิ่งที่เราพยายามสู้และอดทนและก็คิดว่าจะหาลูกค้าที่จะทำเสื้อที่ไหน เราก็เปิดสมุดหน้าเหลืองและก็โทร ๆ และก็ตามจุดที่โฆษณา ต่างๆ และก็เดินทางไป เสนอ

    ...ก็ทำเช่นนี้ประมาณ ไม่นานคะ ประมาณสัก อาทิตย์กว่าๆ เกือบสองอาทิตย์ ก็เริ่มมีบริษัทและคนสนใจก็เรียกเราไปคุยและก็เสนอราคา งานแรกน่าจะได้สัก ๑๐๐ ตัวนะคะ

    ...เราก็ดีใจแล้ว และตอนหลังเราก็ศึกษาการทำเสื้อผ้าไปเรื่อย ๆ โดยการที่ไปศึกษาเรื่องผ้าที่วัดสน...(ความจริงวัดสนนะ เรานะเดินทุกซอกทุกซอย ตั้งแต่วัดสนมีไม่กี่ร้าน..พูดแบบไม่อายว่า เรานี้แหละคะตัวนำพาการทำเสื้อผ้าที่รุ่งที่สุด ในวงการทุกอย่าง ไม่ว่า จะโรงงานผ้า และก็ขาเย็บ และโรงงานติดกระดุม เอาเป็นว่าทุกอย่างเลยที่เราทำเกี่ยวกับเสื้อผ้า โรงสกรีนเอ๋ย โรงปักเอ๋ย)

    ....แต่กว่าจะผ่านขบวนการมิใช่ง่ายหรอกนะคะสำหรับเรานะ ที่ตอนหลังก็อยากจะทำด้วยตัวเองโดยตอนแรกมีเงินแค่ ๒๐๐๐๐ บาทไหนจะ ค่าเช่าบ้านอีก ๘๐๐๐ บาทอีก...

    ...แต่เราก็เริ่มจากเล็กไปหาใหญ่ พอได้งานเริ่มมากขึ้นเราก็ให้พี่สาวเราที่ต่างจังหวัด กู้เงินที่ธกส.มาให้ เป็นจำนวนเงิน ๗๐๐๐๐ บาท และก็มีทุนขึ้นมาบ้าง

    ....แต่สิ่งที่เริ่มทำให้ชีวิตเราพลิกได้ เพราะเราได้ไปติดต่อ ที่ สหภาพฯ การไฟฟ้านครหลวง (จากการแนะนำของพี่ชายกิตติคนดีนั้นเอง) และก็ได้ไปพบกับคุณเพียร หยงหนู นั่นเอง

    ....ก็ไปเสนอและก็คุย ก็จน ถึงเวลาแห่งการเริ่มต้น ก็มีการคุยและแนะนำให้ทำเสื้อ เหลือง เพื่อเฉลิมฉลองให้กับพ่อท่านนั้นเอง ตอนนั้น ก็คือ เมื่อปี ๒๕๔๗ นั่นเอง(คุณเพียร หยงหนู เรายอมรับเป็นผุ้ที่รักพ่อท่านมากๆคนหนึ่งคะ)..แต่ในความส่วนที่เราสำผัสเราถือว่า คุณเพียรเป็นคนที่ตรงๆใช่ได้ และใจนักเลงคำไหนคำนั้นและมีน้ำใจ เป็นคนใต้(และถ้ามีโอกาสเราคงได้พบกันแน่คะคุณเพียรเราไม่ลืมบุญคุณคุณหรอกนะคะสำหรับตัวตนความจริงใจของคุณ)

    ....เราเราก็เสมอให้ทำเสื้อเหลือง เป็นคอ โปโลตอนนั้นใช้ผ้าคอตต้อนเนื้อเรียบเบอร์ ๒๐ สีเหลืองทั้งตัว แต่มีสกรีนอยู่ที่ข้างหลัง เสีือโปโลว่าสีม่วงว่า.."ขอทำดี เพื่อในหลวง"..
    และตรงกระเป๋าเสื้อจะปักว่า ...ทรงพระเจริญ..ตรงขอบกระเป๋า...

    ....ปีแรก ที่เราได้ทำเสื้อ ก็คือ จำนวนได้ ถึง ๓๐๐๐๐ ตัว (ถือว่า สุดยอดสำหรับผุ้หญิงคนหนึ่งที่มิมีอะไรจากจุดเริ่มต้น...และก็กระจายเสื้อ โดยที่สหภาพฯ ที่อื่นก็มารับจากคุณเพียรไป

    .....และตอนนั้นเป็นปีแรกที่ มีเสื้อสีเหลืองใส่ทั่วสนามหลวงและก็ทุกเครือข่ายสหภาพฯ นั่นเอง(มีพี่จ่า อีกที่ใจดี)...

    .... การ์เม้นท์ นั้น (เพื่อนๆคะ การทำการณืเมนท์นะ ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะคะ มันต้องเรียนรู้ให้ได้หลายส่วนและช่วงนั้นเราจะเป็นคนที่วิ่งเองทั้งหมด ตั้งแต่สากกระเบื่อยังเรือรบ ...สุดยอด(แต่ก็ผ่านมาได้ แถมเก่งสุดๆโครต)....๕๕๕๕ ชมตัวเองก็ได้

    .....ท่านผุ้นี้สำคัญมากๆ ผุ้ที่ให้เรามายืนจุดนี้ได้แกร่ง..."เป็นครุบาอาจารย์ ของเราที่เรารักเคารพศรัทธามาก แม้นเราและท่านไม่ได้พบกันนานแล้ว แต่ใจเราระลึกถึงท่านเสมอ "ไกลก็เหมือนใกล้".."ใจสือใจ"... ก็คือ พระอาจารย์งาม แห่งวัดถ้ำเพกา (โคราช)

    ....เวลาเรามีปัญหาทุกๆเรื่องไม่ว่าจะเรื่องงานคนงาน การเงิน เราก็จะเดินทางไปพบท่านและก็ไปร้องไห้ และท่านก็ปลอบและให้กำลังใจ และเราก็ได้กำลังใจก็มาสู้ต่อ และที่สำคัญพระอาจารย์งาม ท่านจะมีอะไรที่สุดยอด (โดยเฉพาะเรื่องธุรกิจกับเรืองเหตุการณ์ต่างๆข้างหน้า)...ที่เรายืนได้ก็เพราะท่านที่เป็นทั้ง พระอาจารย์ และพ่อ...ที่ท่านเมตตาเราเสมอ...

    ...แต่สิ่งที่เราทำอยู่นี้นั้น ทำให้เรากับท่านต้องห่างเหินกัน เพราะเหตุผลที่ยากจะมีคนที่เข้าใจสำหรับตัวตนของเรา เพราะทุกคนก็ไม่อยากให้เราลำบากหรอกนะ

    ...แต่เราก็คิดว่า เมือไรสิ่งที่เราทำจบกิจและสำเร็จแล้วเมื่อนั้นผุ้ที่เราจะเข้าไปขอกราบ ..ขอขมากรรมจุดแรกก็คือ พระอาจารย์งาม นั้นเอง...

    ....และคนต่อไปที่ สามารถช่วยเรื่องเครดิตผ้าเราก้คือ เจ้ดวงพร ใจดีมากอยู่วัดสน (เจ้คะเจ้ก็เป็นอีกคนที่เราจะไม่ลืมบุญคุณ)

    ....และก็พีธนชัย แห่ง สหภาพฯการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บุคคลท่านนี้เป็นพี่ชายที่เรารักและสงสารมากๆ ทั้งครอบครัวเลย(พี่ชายคะอีกไม่นานพี่ก้ต้องมาช่วยกิจน้อง สิ่งที่พี่เรียนดร.เกี่ยวกับ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ช่วยเกษตรและเรียนรู้ระบบสหกรณ์ อีกไม่นานพี่จะได้ทำหน้าที่พี่คะ เตรียมตัวและใจไว้นะคะ(แต่ก็มีหลายคนที่สหภาพฯการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ใจดีแต่ละไว้แค่นี้คะ)

    ...พี่เอก แห่ง สหภาพฯ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต และพี่สาวอีกคนและก็อีกหลายคนที่ใจดีมากๆ (พี่เอก นั้นเป็นพี่ชายที่ใจดีมาก และก็มือสอาดจิตบริสุทธิ์) ...พี่คะน้องขอโทษด้วยที่เงียบหายไป เพราะกิจภาระที่น้องต้องเร่งและทำและบอกใครไม่ได้นั้นเอง...

    ...พี่เจี๊ยบ แห่งสหภาพฯประปา..ก็เป็นพี่ชายที่ใจดีอีกคน

    ...ทั้งหมดทั้งมวลเราแค่ยกตัวอย่างคร่าวๆก็แค่นั้นเอง...

    ....เพื่อนๆ รุ้ไหมเรานี้แหละ ผู้หญิงคนนี้นี้แหละ ตัวคนเดียวลุยเดี่ยว ที่ทำทุกอย่างขอแค่เราตั้งใจ และอีกปีหนึ่งที่ต้องเหนือยสายตาแทบขาดก็คือ การทำเสื้ประท้วง (คนแรกในประเทศไทย...(แต่ไม่ได้ทำไห้สนธิ และเสื้อแดง ไม่รับ)อ ส่งไฟฟ้า ประปา ทุกหน่วยงาน ที่มาสั่งแค่เราคนเดียวเพราะเรานี้แหละจุดเริ่มต้นแห่งการทำเสื้อสี ทั่วประเทศ และเสื้อที่ทุกสถานที่ใส่ จุดแรกก็คือ หยุดขาย น้ำขายไฟนั้นเอง คิดค้นและทำการทุกอย่าง...(ยอมรับเหนือยมาก คนงาน เอ่ย และต้องมาเพ็คอีกและก็วิ่งอีก เวลานอนไม่น่าจะเกินสักสองสามชั่วโมง แต่ก็มีความสุขอีกแบบ...แต่ช่วงแรกที่เหนือยเพราะเรื่องหมุนเงินนั้นเอง)

    ....และก็มาถึง ไฮไลย์สำคัญ แห่งการพลิกฟื้นในวงการ ไทยเราก็คือ การเฉลิมฉลอง หกสิบปี พ่อท่านการขึ้นครองราชย์นั้นเอง

    ....และเรานี้แหละคะเพื่อนที่ได้รับอนุญาติทำเสื้อจ้าวแรกของเมืองไทย (ตอนนั้นยังไม่ได้ถูกตามตัวเจอนะคะ) และเราก็ได้งานมาเมื่อปี ๒๕๔๘ (ก่อนฉลอง หนึ่งปี คือ ทำก่อนหนึ่งปี ) และก็ทำพร้อมกับเสื้อ ๘๐ ปีด้วย และพอสิ่งแรกที่เราได้รับมา เราก็ได้ ไปจุดธูป ๓๖ ตั้งจิต อธิฐานกับ เทวดา ฟ้า ดิน สามภพ และกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่า งานนี้ เรานะจะขอทำเสื้อ สีเหลืองและก็เพื่อให้คนไทยได้ใส่เสื้อที่เราทำกันทั่วประเทศและให้พ่อทานได้มีความสุขโดยแท้จริง และก็บอกว่า เราก็จะขาย ตัวละ ๑๒๐ บาท

    ....เพราะเราตั้งจิต ว่าคนรากหญ้าหรือสาวโรงงานจะได้มีเงินสามารถซื้อได้นั้นเอง แต่ทำและส่งช่วงแรกก็มีส่งเข้าไปขายที่คนในวังขาย และเราก็ส่งให้แถวสหภาพฯและต่างจังหวัดด้วยนะ แต่ก็ไม่เท่าไรหรอก แต่เราก็พยายามสู้ๆ แบบสุด ๆ เพื่อให้ทุกคนมีความตื่นตัวกันให้มากที่สุดนะ

    ....และในวงการเย็บผ้าไม่ว่าต่างจังหวัดหลายจังหวัดนั้นเราได้ส่งผ้าไปให้เขาเย็บเกือบทั่วประเทศ และก็ในกรุงเทพ ไม่ว่า จะวงการ โรงปัก โรงสกรีน โรงทอผ้า ...ทั้งหมดทั้งมวลก็เรานี้แหละคะ ตัวนำพาความสั่นสะเทือนในวงการการ์เม้นท์ตัวจริงเสียงจริงที่มีแต่ตัวและหัวใจ

    ....และก็ยังไปประมุลแข่งตามหน่วยงานต่างๆ ตามโรงเรียน ประมาณว่าฉายเดี่ยวแต่ก็มีคนขับรถให้คะ (เพราะเรานะขับรถไม่เป็นหรอก แต่ก็เคยนะหนึ่งครั้งที่ต่างจังหวัด แต่ก็ไม่เคยขับอีกเลยเพราะไม่ชอบนะ ) และก็ไม่เคยกลัวเกรงอะไรสำหรับความไม่ซื่อตรงหรือคนไม่จริง เราสู้จนผ่านมาเกือบทุกจุด ถ้าพูดว่า ขึ้นชก สิบครั้ง เราก็ชนะ เก้าครั้งก็แล้วกัน...

    ....และถึงวันเวลาที่สั่นสะเทือนวงการคือ วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙ ที่เป็นวันที่ครบครองราชย์ใช่ไหมคะ...(แต่่ก่อนนั้นบ้านเรานะบันไดไม่แห้งเลย มีคนไปนอนเฝ้านั่งเฝ้า แต่เราถือกฎซื่อสัตย์ แต่ก็มีแบ่งให้กับพวกเขาบ้าง แต่ก็รวยกันอื้อ เล่นรับจากเราร้อยกว่า ไปขาย หลายร้อยกันเลยคะ

    ....ช่วงนั้นไม่ว่า ทุกภาคส่วนรวยทั่วถึง เพราะที่ต่างจังหวัดพิจิตรนั้น เราก็มีลงจักรให้กับพวกเขาได้เย็บและคนงานไม่พอก็ขนคนที่พิจิตรมาช่วยพับช่วยเพ็คด้วย(เหนื่อยมาก ไหนจะถูกเร่งไหนจะวิ่งงาน...แต่มันก็ผ่านมาแล้ว ตอนนี้เลยชิวๆคะ)

    ....และเรามีนำเสื้อเหลืองไปถวายที่มูลนิธิชัยพัฒนา ๒๐๐๐ ตัว(เพื่อตอบแทนบุญคุณพระองค์ท่่านที่เราให้เรายืนได้) เป็นเสื้อผ้าคอมค๊อตตอน อย่างดีถ้าขายก็ตัวหนึ่งหลายร้อย แต่เราส่งตัวละ ๒๕๐ บาท(แต่โปโล ผ้าจุติ คือ ๑๒๐ บาทตามที่ตั้งสัจจะนั้นเอง)

    ....และก็มีนำไปให้ที่ กระทรวงพาณิชย์อีกให้เขาไปขาย เราส่งแค่ตัวละ ๑๕๐ บาท (แต่พวกเขาไปขายเอากำไรเป็น ๒๕๐ บาท เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน และเราก็ไปส่งเสื้อและก็ดูประชาชนที่แห่กันมาตังแต่ตีสองตีสามเพื่อมารอเอาเสื้อ ที่เรานำเสื้อไปให้กระทรวงพาณิชย์นะ เพราะเราอยากให้ประชาชนส่วนหนึ่งได้ใส่เสืื้อที่เราไม่สูงมากคะ สงสารเขานะและอยากให้พ่อท่านได้ภูมิใจด้วยคะ

    ....และเราก็นั่งมองดูประชาชนที่เขามารอซื้อเสื้อที่กระทรวงพาณิชย์ ที่บันไดตรงโรงอาหาร เพราะนั่งแบบเหนือยมาก เร่งสุดกับพับแพ็คเย็บ และหลายๆ อย่างนะ..และก้มีชายคนหนึ่งที่ได้เสื้อมา แต่กลับได้เสื้อไซร์ s แต่เขาต้องใส่ไซร์ L นะ แต่ผลเป็นอย่างไงรู้ไหมคะ ผุ้ชายคนนี้รีบถอดเสื้อที่เขาใส่มา และก็ใส่เสื้อที่เรานำไปส่งทันที(ตามหลักจริงมีทุกไซร์แต่ที่กระทรวงพาณิชย์ไม่สนขายอย่างเดียว)

    .....และผุ้ชายเขาก็ใส่เสื้อเหลือง ผลก็คือ คับแต่ก็ใส่ได้เหมือนเสื้อรัดรูปคะ พุ่งปลิ้นนิดๆ และเราก็ถามว่า คุณพึ่งได้ใส่เสื้อสีเหลืองครั้งแรกเหรอ เขาก็ตอบว่า "ครับ ผมทำงานที่อยุธยาเป็นหนุ่มโรงงานผมมารอตั้งแต่ตีสี่คับ และผมก็ไม่มีเวลาออกไปไหนหาซื้อที่ไหนก็ไม่ได้ ผมเลยตัดสินใจมาที่นี้ )

    ....และเราก็ถามว่าและเขาขาย ๒๕๐ บาทไม่แพงเหรอ เขาตอบว่าไม่แพง ตัวละ ห้าร้อยเขาก็ซื้อขอให้ได้ใส่ (ตามหลักจริงเราบอกให้กระทรวงพาณิขย์ขาย แค่ ๑๕๐ บาทนะเท่าทุนแต่พวกเขานะก็ยังจะไปเอากำไรเพราะเราสงสารประชาชน(อ้อ ...เราก็มีเอามาแจกด้วยนะ ๓๐๐ ตัวนะ) และชายคนนั้นเขาใส่เสื้อเสร็จเขาก็ยิ้มแบบมีความสุขและก็ยืนแบบยืดยก ว่าข้าได้ใส่เสื้อเหลืองเหมือนคนอื่นและได้ไปร่วมถวายพระพรให้ในหลวงแล้วที่ อนันตสมาคม..และเขาก็บอกกับเราว่า พอเสร็จจบพิธีเขาจะนำเสื้อตัวนี้ใส่กรอบติดข้างฝาทันที

    (เพื่อนๆ คะ รุ้ไหมความรู้สึกที่เรามี หลังจากที่เร่งงานมาทั้งปีนะ สำหรับทำและให้มีวันนี้ มันภูมิใจและหายเหนือยเพียงใด ที่ได้ยินคำพูดผุ้ชายหนุ่มโรงงานและเดินทางมาจากต่างจังหวัดได้ใส่เสื้อเราอย่างภูมิใจและรู้ถึงคุณค่า ตราสัญญาลักษณ์ที่ปักที่กระเป๋าด้วยคะ) เราก็แอบยิ้มในใจและก็คิดในใจว่า "พ่อจ๊า ลูกทำสำเร็จแล้วคะ"....

    ....และก็อยู่ในวงการเสื้อ จนทำเสื้อ ๘๐ ปี ก็ที่เราบอกว่า เราทำพร้อมกัน ทั้ง ๖๐ กับ ๘๐ ปีนะ..และก็เสื้อประท้วง(แต่เราไม่ได้ทำให้กับสนธิ และจำลองนะ เพราะเราไม่ได้ไปยุ่งด้วยนะ )...แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าเราก็คือ สหภาพฯ..และโรงงานทั้่วไป...

    ....แต่วงการทำเสื่อผ้าเริ่มเสียก็เพราะ พวกคนรวยที่เห็นแก่ตัวนั้นเอง..ก็คือ พวกโรงงานทอผ้าที่ตอนหลังออกมาทำเองวิ่งเอง และก็โกงราคาผ้าขั้นจากกิโลละ ร้อยกว่าบาทเป็นสองร้อยกว่า(นี่แหละสิ่งที่เราเกลียดที่สุดในสังคมปัจจุบัน คือ ความเห็นแก่ตัวคนรวยไม่กี่คน ที่ทำให้วงการทุกอย่างต้องจบ เพราะประชาชนรากหญ้าเขาก็ได้ลืมตาอ้าปากได้ด้วยที่ต่างจังหวัด แต่นี้โรงงานทอผ้า เป็นผุ้ทำเอง ทอเอง รับงานเอง เย็บเอง...กะว่ารวยให้ตายนะ...


    (เราเห็นมาทุกวงการแล้วนิสัยแต่ละจุดไม่ว่า "ราชการ นักการเมือง หรือโรงงาน และทั่วไป เพราะเราได้เรียนรู้ตั้งแต่สากกระเบื่อยันเรือรบ ..ทอง เอ่ย ตั๋วเงิน น้ำตาล น้ำมัน ข้าวส่งนอก หรือจิปาถะ)

    ..ชิวิต เราหลังจากที่เราทำเสื้อปีเดี่ยวชีวิตก็เริ่มดีแล้ว ออกรถใหม่ ...และทำอะไรก็รุ่ง เพราะเรานะจับและทำทุกอย่างที่เป็นธุรกิจ เพราะเราชอบที่จะเรียนรู้และท้าทาย ...ขาดทุนกำรไร ไม่เป็นไร ขอแค่ ได้ทำและได้ลองหรือได้เรียนรุ้นั้นเอง

    ...จะเล่นหุ้นแค่โอนเงินไป จะ แปดเก้าแสน หรือเป็นล้าน และก็ดูว่าอยากเล่นตัวไหน ก็เล่น(แต่เราก็ได้อาจารย์ดีด้วยคะ คือ พระอ.งามนั้นเอง)...และก้ได้ จะเหมาผ้าเก่า โดยนำเงิน เจ็ดแสนสดๆ ไปซื้อเสื้อกันหนาวมาขาย ก้ทำมาแล้วขนาดเสี่ยงสุดๆ และเราก็ไม่เคยขายของ แต่ก็ทำไปแล้วผลสุดท้ายก็ต้องไปเป็นแม่ค้าขายตามตลาดนัดและตามสหภาพฯต่างๆนั้นเอง

    ....แต่ก็สำเร้จ ภายในเวลา สามอาทิตย์ คืนทุน เจ็ดแสน และหนึ่งเดือนนิดๆ ก็ได้กำไรประมาณ เกือบสองแสน และก็มีนำเสื้อไปบริจาคด้วย ประมาณว่าทั้งขายทั้งแจกนั้นเอง(แต่ยอมรับว่าเหนือยมาก แต่มันบ้าไปแล้วนี่หนา)

    ....ก็สู้ สู้ และก็ไปทำบุญ และเที่ยว ประมาณว่าชอบพาลูกน้องไปเที่ยวและทำบุญและก็ทานร้านอาหาร ให้รางวัลชีวิตชิวๆ เพราะเหนือยก็ต้องพักบ้างนะ..

    ...ชีิวิต ก็เปลี่ยนมี รถ ห้าคัน ให้แม่เราไปหนึ่งคัน ..คนขับรถ ๓ คน หลานเราสองคนอื่นอีกหนึ่ง...และทำให้ทุกสายอยู่ดีมีสุข....

    (และชีวิตก็เริ่มมาเปลี่ยนตอนถูกตามตัวนี่เอง..แรกๆ นั้นโรงงานยังทำไปอยุ่ เราก็วิ่งและลูกน้องก็ไปเดินงาน แต่ตอนหลังนั้ปีหลังมานี่เราต้องเร่งแบบสุดๆ และเราก็ไม่ได้ไปหาพี่ๆที่เป็นลูกค้าเราที่สหภาพฯ แต่ละจุดเลยเขาก็งงว่าทำไมเราเปลี่ยนไป แต่เราก็พูดไม่ได้บอกไม่ได้ ก็ต้องทน ใครจะว่าอย่างไรก็ไม่เป็นไร


    ....และเราก็ปิดและหยุดทุกคนต่างแยกย้ายไปทำงานแต่ก็ไม่ลำบากหรอกนะ ทุกคนคะ ..และเราก็ต้องมาลุยกิจ "ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต่อไป ..มีอะไรก็ขายหลังจากทุนหมดแล้ว เพื่อทำให้จบและสำเร็จนั้นเอง...

    ..."สัจจธรรมชีวิตไม่สิ้นก็ ดิ้นกันไป"...


    ...."และสิ่งที่เราย้ำเสมอ ว่า เราคิดว่า ...ถ้าหากประเทศชาติไม่รอด เราก็ไม่รอดเหมือนกัน แค่เรายอมเสียสละแค่หนึ่งคนและช่วยประชาชนด้บ้างก็ยังดี กว่าไม่ได้ทำอะไรเลย...."

    ...เราแค่เล่าคร่าวให้เพื่อนๆ ฟังว่า มนุษย์ไม่ว่าจะเกิดมาชนชั้นไหนก็แล้วแต่..สิ่งท่ี่ทำก็คือ "ตัวเองย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน...เราต้องเดินและลุกเอง นั้นแหละคือความภูมิใจที่แท้จริง...

    ....สู้สู้ คะ...เพื่อนๆ อย่าท้อ ในการการทำความดีนะคะ...รักนะ จุ๊ปๆๆๆๆ

    ปล.ตัวละครทุกตัวมีหมดไปถามได้ ว่ารู้จักเราหรือไม่ที่ทำเสื้อยุคบุคเบิกนะ

    .....หจก.นารีผล จำกัด...(คือ ชื่อบริษัท ของเราคะ)

    ...เพราะนิทาน ความจริงเป้นสิ่งไม่ตายนั้น มิมีโกหก เพราะมันคือ เกมส์และนิทานของชีวิตและตัวตน ที่เป็นผุ้เขียน แต่ง เล่า ด้วยตัวเราเองคือ..."ตัวตนที่แท้จริงเป็นยิ่งกว่าสิ่งใด"

    ....(แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ กำลังใจล้วนๆต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน ที่พร้อมจะลูกสู้ ...และส่วนต่อไปก็คือ ครอบครัวและครุบาอาจารย์และคนรอบข้างที่คอยให้กำลังใจเรานั้นเอง)

    ....แต่มาทำกิจ ลับๆ จุดนี้ ครอบครัวก็ไม่ค่อยรับรุ้และเพื่อนๆ พี่ก็ไม่ค่อยรับรุ้หรอกคะ....แต่อีกไม่นานเขาก็จะรับรู้แล้วภายในปีนี้แน่นอนคะ....

    (ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย .....ตัวตนที่แท้จริงเป็นยิ่งกว่าสิ่งใด...ดาว ๕ แฉก)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กรกฎาคม 2012
  3. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ใจมันส่งถึงแล้ว เหลือตัวใช้มือแล้วกันนะ เบิร์ดกะโหลกซะทีดีมั๊ย
     
  4. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    อยากจะร่วมตายด้วยซะคนมั๊ยล่ะ จะได้จัดให้
     
  5. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ดีอยู่แล้วล่ะ ไม่ต้องบอกให้ดีหรอก มันดีจนเคยชิน ไม่ดีจะสบายใจได้ไงล่ะ
    ใจดีๆ ตอนนี้เก็บเข้ากรุไปก่อนแล้วกัน
    มันมีคนน่าหมั่นไส้แถวๆ นี้เลยต้องใช้บทโหด รู้จักป่าวล่ะ
     
  6. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ลองใช้ความสามารถอย่างอื่นที่ทำให้คนอื่นมีความสุขมากกว่า การพิมพ์คำว่ายิ้มบ้างซิ เอาแบบจัดเต็มๆ โดยมวลรวมน่ะ ทำได้มั๊ย
     
  7. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    [​IMG]
    เอาสีสันมาฝาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2012
  8. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ My-Love [​IMG]
    ยิ้มๆๆๆๆๆ.
    จงร่วมกันสร้างความสุขให้ผู้อื่นโดยเจตนาแล้วท่านจะมีความสุขตามไปด้วย

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อาทิเช่น คิดถึงตอนไหนก็ได้ในช่วงชีวิตเราที่เรามีความสุข ย้ำมีความสุข อิ่มเอิบ เบิกบานสุดๆ คงอารมณ์นั้นไว้ อาจใช้วิธีการหลับตาก็ได้
    กำหนดตนเองเป็นจุดศูนย์กลาง และส่งความสุขสุดๆ นั้นออกไป (คิดถึงภาพประมาณว่า ดวงไฟที่ส่งแสงออกไป)
    แรกๆ จะส่งได้นิดหน่อย แต่หากชำนาญ จะส่งได้แบบขยายไปได้ไกลๆ

    ลองทำดูเล่นๆ เน๊อะ

    ทุกๆ วันให้หัดทำบ่อยๆ เสริมสร้างความสุขให้กับตนเอง ให้กับผู้อื่น คนอยู่ใกล้เค้าจะรู้สึกเป็นสุข ร่มเย็นไปด้วย
    อารมณ์จิตด้านอกุศลเกิดหมั่นเตือนสติให้ได้ เพื่อให้เราอยู่กับความสุขอย่างสม่ำเสมอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กรกฎาคม 2012
  9. maaa

    maaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +136
    ขอบพระคุณค่ะที่อุตส่าสละซอกคอให้ เชื้อโรคร้ายแรงดิฉันไม่ยักนึกกลัวแฮะ จะกลัวก็แต่.....เชื้อที่มันแฝงๆมาน่ะท่าน อันนี้สิน่า....อึ๋ยยยย
    ขออภัยคุณมณีนะคะที่ใช้พื้นที่ของคุณ ถือซะว่าพวกเราเป็นหนังโฆษณา หรือที่คั่นหนังสือให้ท่านละกันนะคะ ในช่วงที่คุณพักผ่อน
     
  10. สกั๊ง

    สกั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +131
    เรื่องที่คุณ มณีส่องแสงเล่ามา เพ้อฝันทั้งนั้นครับ

    ไปอ่านข้อมูลมาจากหลายๆที่ แล้วเอายำรวมกัน
     
  11. สกั๊ง

    สกั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +131
    ใครที่เข้ามาบอร์ดนี้ ระวังจะตกเป็นเหยื่อนะครับ

    บอร์ดนี้มีพลังงานแฝงเยอะ

    อ่านบอร์ดนี้แล้ว เช็คร่างก่ายด้วยนะครับ
     
  12. สกั๊ง

    สกั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +131
    ใครที่เข้ามาบอร์ดนี้ ให้รีบไปล้างตัว อาบน้ำเกลือ ซะ เจ้าของกระทู้วางกับดักไว้

    ใครก็ตามที่ได้เข้ามาในบอร์ดนี้ จะทะเลาะกับคนอื่น มีอาการหงุดหงิด โกรธง่ายทันที

    เช็คตัวเองซะ
     
  13. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    อาบน้ำเกลือทำไมเหรอ เพราะอะไรอธิบายได้มั๊ย ทำไมต้องเป็นน้ำเกลือ ไม่ใช่น้ำธรรมดา อาบแล้วไม่คันหรือ?
    แบบว่า คนมันไม่เค๊ย ไม่เคย อาบน้ำเกลือน่ะ
    อ้อ..แต่น้ำทะเลนี่เคยอาบอยู่เหมือนกัน แล้วมันคล้ายหรือเหมือนกับน้ำเกลือที่ท่านบอกมาหรือปล่าวล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กรกฎาคม 2012
  14. หัวใจ!

    หัวใจ! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +1,113
    คลิปบุกพิสูจน์ผีกระหังที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา

    ...(เป็นนิทาน และความเชื่อส่วนตัว โปรดพิจารณา)

    ........."นิทานความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย"......

    .....เกมส์ ตามล่าหาดวงจิตที่แท้จริงของมนุษย์....นรก ที่แท้จริงตอนนี้อยู่ที่ไหน.....

    (ความรู้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำราหรือในระบบการศึกษาเท่านั้น หากเรารู้จักค้นคว้าหาความรู้รอบตัวก็จะเป็นคนฉลาดแบบอีสปได้เหมือนกันนะ)

    (ระบบ..ทำดีคนดีจะได้รับส่งเสริมและเปิดเผย...ทำชั่วคนชั่วจะได้ปิดเก็บกลับและเปิดโปง)
    คำทำนาย กว่า 2500 ปี จากบล็อก โอเคเนชั่น oknation.net


    มีคำทำนายน่าสนใจ ลอกมาจาก อินเตอร์เนต เขาบอกว่าเป็นพุทธทำนาย ถอดความจากศิลาจารึก เขตมหาวิหาร ประเทศอินเดีย ใครทราบรายละเอียด ก็ comment ได้นะครับ


    สาธุ อรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพระสัพพัญญูรู้แจ้งโลกทั้งในอดีตและใน อนาคต ทรงมีเมตตากรุณาแก่สัตว์โลกเป็นล้นพ้นเมื่อครั้งพระองค์ดำรงพระชนม์อยู่ ได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่า

    ดูก่อนอานนท์ เมื่อศาสนาของของตถาคตล่วงเลยไปถึง กึ่งพุทธกาล สัตว์โลกทั้งหลาย ที่เกิดในยุคนั้น จะพบแต่ความลำบาก ทุกชาติ ทุกศาสนา ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลก ที่หมุนไปใกล้ความแตกสลาย แผ่นดิน แผ่นน้ำจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้ รับภัยพิบัติสารพัดทั่วทุกทิศ คนในสมัยนั้นจะมีนิสัยโหด ดุจกำเนิดจากสัตว์ป่า อำมหิตจะรบราฆ่าฟันกันเองถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ ส่วนเวไนยสัตว์ผู้ขวนขวาย ในกุศลตามวจนะของตถาคตก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรงใน พระรัตนตรัยและคุณบิดามารดา เหตุร้ายภัยพิบัติจะเบาบางแต่ก็จะหนีกฎธรรมชาติไม่พ้น

    เริ่มแต่พุทธศาสนาล่วงเลย ๒,๕๐๐ ปี เป็นต้นไป ไฟจะลุกลามมาทาง ทิศตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม สมชีพรามณ์จะอดอยากยากเข็ญ ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็น เพลิงผลาญ เหล็กกล้า จะทะยานจากน้ำ มหาสมุทธจะชอกซ้ำ สงครามจากทั่วทิศ ศึกจะติดเมือง ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมืองทรงเมือง จะหนีเข้าไพร ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจ จะเรียกแมลงผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ ยักษ์หินที่ถูกสาบเป็นเวลานาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาด โลก ดิน ฟ้าอากาศจะแปรปรวน ตลิ่งจะพัง แผ่นดินจะถล่มเป็นทะเล โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ นักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ

    ในระยะนั้นศาสนาของตถาคตจะเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัทไม่อยู่ในศิลธรรม เชื่อคำคนโกง กล่าวคำเท็จ ไม่เคารพรักธรรมนิยม คนประจบสอพลอได้รับความเชื่อถือในสังคม ผู้ที่มีศิลธรรม ประพฤติดี ประพฤติชอบ กลับไม่มีใคร เคารพยำเกรง

    พระธรรมจะเริ่มเปล่งรัศมีฉายแสงส่องโลกอีกวาระหนึ่งก็ต่อเมื่อ มีธรรมิกราช โพธิญาณบังเกิดขึ้น อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องต้นตะวันออกของมัชฌิมประเทศ จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคต ให้รุ่งเรืองสืบไปถึง ๕,๐๐๐ พระวัสสา

    ดูก่อนอานนท์ เวลานั้นพลโลกเหลือน้อย คำทำนายของตถาคตนี้ ย่อมยังเวไนยสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อ นับว่าเป็นกรรมของสัตว์ ที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมชั่วของตน ผู้ใดปรารถนารอดพ้นจากภัยพิบัติ ให้รักษาศิล ๕ ประการ เจริญเมตตาภารนา ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจสันโดษ รู้จักพอ ไม่โป้ปดคดโกง ไม่หลงมัวเมาอำนาจและลาภยศ ตั้งใจปฏิบัติตน ตามคำสอนของตถาคต ให้มั่นคง จึงจะพ้นอันตรายในกึ่งพุทธกาล"

    ......"ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง "


    .....พิจารณาดูนะคะ เดี๋ยวจะมาเล่าระเอียดเสริมให้ฟังนะคะ....

    (ความจริงเป็นยิ่งกว่าสิ่งใด....ตัวตนที่แท้จริงเป็นยิ่งกว่าสิ่งใด....ดาว ๕ แฉก)

    ....................เกิดก่อนเกิด ตายก่อนตาย..................
     
  15. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    นี่ๆ ท่าน บอกอะไรให้อย่างนึงนะ ข้อความที่ท่านพูดมา มันคล้ายๆ ชื่อท่านเลยง่ะ
     
  16. สกั๊ง

    สกั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +131
    เจ้าของกระทู้ปล่อยผีไว้ครับ เพื่อชักจูงคนให้หลงเชื่อ และศรัทธา
    พวกผีตายโหงทั้งนั้น หรือเรียกว่าพราย

    บอร์ดนี้อันตรายครับ ผีเยอะ คุณน่าจะสัมผัสได้
     
  17. narata 12

    narata 12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    990
    ค่าพลัง:
    +1,462
    สิ่งที่คุณพูดมาทั่งหมด เป็นเรื่องเท็จครับ นิมิตที่เห็นก็เป็น นิมิตเทียม ครับ เกิดจากโดนคนที่มีจิตเข้มแข็งกว่าควบคุม อย่ามามั่วแถวนี้นะครับ คนที่ปฏิบัติได้จริง เขาจะไม่พูดกับเราแบบนี้หรอกครับ ไปหาที่รดน้ำมนต์เถอะ เพราะไม่มีสติเหลือแล้ว
     
  18. สกั๊ง

    สกั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +131
    เห็นด้วยกับคุณ Java ทุกประการ

    ใครก็ตามที่เชื่อ ล้วนโดนครอบงำทั้งสิ้น

    โดนคุณไสยเล่นทั้งนั้น

    ไปอาบน้ำมนต์ หรือไปให้พระเก่งๆช่วยเถอะครับ ก่อนจะสายเกินแก้
     
  19. หัวใจ!

    หัวใจ! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +1,113

    ........................

    ..(เป็นนิทาน และความเชื่อส่วนตัว โปรดพิจารณา)

    ........."นิทานความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย"......

    .....เกมส์ ตามล่าหาดวงจิตที่แท้จริงของมนุษย์....นรก ที่แท้จริงตอนนี้อยู่ที่ไหน.....

    (ความรู้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำราหรือในระบบการศึกษาเท่านั้น หากเรารู้จักค้นคว้าหาความรู้รอบตัวก็จะเป็นคนฉลาดแบบอีสปได้เหมือนกันนะ)

    (ระบบ..ทำดีคนดีจะได้รับส่งเสริมและเปิดเผย...ทำชั่วคนชั่วจะได้ปิดเก็บกลับและเปิดโปง)

    .....มาแล้วคะ...นี่แหละตัวละคร...ในเกมส์ที่จะเล่นกันวันนี้นะ....

    .....คนนี้ก็คือ อีกคนที่ เป็นคนทีี.."ดวงจิต"...ของคนที่ชื่อสกั๋งก็จะลักษณะของ "ผีโขมด"นั้นเอง


    ......คนนี้เป็นอีกคนหนึ่งที่ ถูกพระแม่ปลดออก ..เพราะกบฏต่อสัจจะ และหน้าที่

    .....และถึงว่า เมื่อประมาณช่วงที่เล่าเรื่องประวัติที่ทำเสื้อเหลืองกว่านะ...ข้างบนถึงเปลี่ยนสายภาคญาณมาเป็นพระแม่กาลีอีกแล้ว

    ......เพราะต้องมาปราบและกินเลือด กบฎ "ที่ชื่อสกั๋งนั้นเอง"


    ......สกั๋ง...เป็นไงสบายดีไหม คุณชายอยากจะทดสอบกำลังไอ้คนที่บอกว่า เก่ง.."คล้ายๆ กับ เจมส์ พลังจิตพิชิตจักรวาลนะ"...

    .....สกั๋ง ไปบอกเจมส์ ด้วยนะ เดี๋ยวคือนี้ คุณชายจะเข้าไปหาที่ดวงจิต...

    ...(ทำตัว กบฏกับตัวเองไม่พอ แต่ทำตัวกบฏต่อ พ่อกับแม่ ตัวเอง และจะมีใครเมตตาอีก หมดเวลาแล้ว...ไปรอรับคุณชายเถอะนะ เดี่ยวเขาจะหาเอง)...


    (ความจริงเป็นยิ่งกว่าสิ่งใด...ตัวตนที่แท้จริงเป็นยิ่งกว่าสิ่งใด...ดาว ๕ แฉก)

    .........เกิดก่อนเกิด ตายก่อนตาย........


    (ถ้านายแน่จริง เอ่ยอะไรที่ว่าตัวเองนะ เก่งและเป็นคนจริง และทำอะไรเพื่อพ่อแม่ตัวเอง และแผ่นดินไทย พ่อหลวง และสังคมบ้าง...และมีอะไรที่เสียหายมากเวลาที่พาไปทำกิจ เคยเสียเงินไหม มีแต่ได้กินดีอยุ่ดีไม่ใช่เหรอ แต่พอถึงเวลา ก็ไม่ต่างจากอดีตทีกบฎ ถึงถูกลงโทษนำดวงจิตไปอยู่ที่นรก แต่พอปล่อยออกมาก็กบฎ อีก ต่อจากเตรียมตัว เตรียมพบกับองค์เขียวได้เลย...ไอ้คน..รหัส..กล่องดวงใจ...คำสั่ง..ดาบประกาศิต...เร็วสายฟ้าฟาด รับหน้าที่...

    มอบดอกไม้ ความรัก ความสุขสำหรับผุ้ที่มีหน้า ที่(อย่าได้ปราณี) กบฏ...
     
  20. หัวใจ!

    หัวใจ! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +1,113

    ................

    ....ทั้งเจมส์

    .....จาวา


    ......สกั๋ง


    ......ทั้งหมดนั้นคือ คนที่พระแม่เช็ดและปลดออกหมดแล้วและมีอีกหลายคนที่ไม่ผ่าน พวกนี้ก็เลยต้องถูกเนรเทศไปอยู่จุดเดี่ยวกัน

    ....และพวกนี้เราเคยโปรดหลายครั้ง อายุ พวกนี้อายุประมาณ ยี่สิบกว่าปี

    .....เป็นเด็กที่มีปัญหาทั้งสามคน...


    .....และชอบฝึกวิชาเอง โดยที่ไม่มีครูบาอาจารย์ และคิดว่าตัวเองนะเก่ง

    .....ชอบ สกั๋งนั้น ชอบที่จะไปนรกและนำพวกนรกขึ้นมาและก็นำมาเลี้ยงและผลสุดท้ายคิดว่า ตัวเองมีบารมีเยอะ พวกผีทั้งหลายที่อยู่กับสกั่งได้กินตัวตนของเขา

    ....และเวลาที่มาทำกิจก็จะพาแต่มารมาและก็จะทำให้ทุกคน นั้นต้องทะเลาะกันตลอด เตือนไม่เคยฟังก็ถูกทำโทษโดยการที่ถูกจับดวงจิตไปขังในนรก

    ....ตอนนี้ ทั้งสามนั้นถูกจับดวงจิตไปขังและก็ถูกสลายดวงจิตแล้ว ในตัวตนทั้งสามก็เลยไม่ต่างจาก พวกที่มีตัวตนแต่ไม่มีวิญญาณนั้นเอง

    ....ต่อไปพวกนี้ก็ไม่ต่างจาก ...คลิปที่เรามาให้ดู ก็คือ ผีโขมด นั้นเอง

    ....แต่พวกนี้จะหนักกว่าเดิมหลังจาก ที่ดวงตาที่สามของพระแม่เปิดเต็มที่

    ....ถามหน่อย...ให้เพื่อนๆ พิจารณาเอา

    ....กับการที่มีตัวตน ..และมี..ความจริง...กับพวกที่มีแต่ตัวไม่มีหัวใจ...วันหนึ่งทำแต่เรื่องทุกข์ให้กับครอบครัว และเป็นเด็กเก็บกด และแอบฝึกวิชากันเองนะ...
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...