หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ช้างเชือกนี้แล...


หมายเลขกุญแจ:2447

​

 

ผมและครอบครัวขอร่วมทำบุญสร้างพระนาคปรก 3,459-บาท ปัจจัยนำสมทบทที่วัดครับเพราะมีญาติธรรมร่วมบุญอีกจำนวนหนี่ง.....

สมาชิกธรรม

 

ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ.....อย่าลืมเกียร์ถอยเด้อ!..... (สว่าง)

สำคัญมากๆต้องถอยเป็นและถอยคล่องในทุกสถานการณ์.....

ทำให้เป็นธรรม
สมาชิกธรรม

 

ขอบคุณมากครับ
ไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ แต่คนละอารมณ์กับรถเก๋ง ยังกะขี่ช้างครับท่าน หึหึ

 

ยินดีด้วยนะครับกับช้างเผือกมงคล ยานพาหนะบุญของคนบุญ ผมคงมีโอกาสได้ยลโฉมเร็วๆนี้นะครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์

 

ร่วมบุญสร้างพระนาคปรกด้วยครับ 1,000บาท คงฝากคุณเอิญไปถวายที่วัดนะครับ

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ
ภูเบศวร์

 

ช้างแก้วคู่บุญได้ประเดิมเส้นทางยาวไกล อย่าได้เผลอเชียวประเดี๋ยวจะเป็นช้างตกมันเข้าเพราะของเค้าแรง
ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพด้วยความไม่ประมาท..
และทุกท่านที่เดินทางไปในวาระนี้ก็เช่นกันครับ ได้รับความปลอดภัยและเจริญในธรรมครับ

 

ในตู้ให้บูชาวัตถุมงคล ของที่ทำการไปรษณีย์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯและน่าจะอีกหลายๆแห่ง

​

 

หลวงพ่อศิลา : วัดทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย
อัญเชิญมาจากถ้ำเจ้าราม อายุราว 800 ปี

หลวงพ่อทันใจ : วัดพิพัฒน์มงคล อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย​

ขอบคุณครับท่าน ดร.นนต์ ท่านภูเบศวร์ ครับ นามช้างแก้วคู่บุญนั้นถูกใจยิ่งนัก ผมจักนำไปเรียกใช้ครับ
เพื่อความเป็นศิริมงคลกับตัวรถ ผมได้ประเดิมเส้นทางบุญ (บุญวิถี) ระยะทางปานกลางครั้งแรก นั่นคือเดินทางไปสักการะหลวงพ่อศิลา อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย และหลวงพ่อทองคำ ในวัดใกล้ๆกัน (พรุ่งนี้จักนำภาพขึ้น) ก็ขอให้ญาติธรรมทุกๆท่านจงมีส่วนในบุญนี้ มีความสุขสุโขในทางธรรม เฉกเช่นคำ สุโขทัย

การได้มาซึ่งรถคันนี้ (จองที่ กทม. 5 เดือนไม่ได้ แต่มาได้ที่แม่สอด เป็นรถหลุดจอง) คงเป็นเพราะเมตตาบารมีแห่งองค์พ่อแม่ครูอาจารย์กับพระพุทธนาคปรก 9 เศียร ที่ญาติโยมจักน้อมนำมาถวาย เพราะช่างบังเอิญที่พระพุทธรูปองค์นี้มีศิลปะเหมือนหลวงพ่อศิลาที่พวกเรารู้กันดี อีกทั้งผมยังได้เตรียมหลวงพ่อศิลาองค์น้อยเพื่อประดิษฐานเป็นพระประธานในรถ (สร้างเมื่อตอนเจ้าสัว C.P. (ออกทุนทรัพย์) อัญเชิญหลวงพ่อศิลากลับจากอเมริกา ตอนนั้นทำงานอยู่ C.P.7-11 พอดี) ผมจึงคิดว่าทุกเรื่องมีความสอดคล้องกันอย่างยิ่ง

เมื่อวาน (28.07.55) ระหว่างเดินทางทำบุญฯ มีญาติธรรมร่วมบุญสร้างพระพุทธนาคปรก 9 เศียรมา 3 ท่าน (ท่านที่ทำบุญมา 500 นั้นผมไม่ทราบนาม กรุณาส่ง sms หรือ e-mail ที่อยู่มาให้ผมด้วยนะครับ) แต่ถือว่าทุกท่านโชคดีที่จักได้รับพระพุทธปฐวีธาตุหรือวัตถุมงคลจากผม เพราะนับเป็นมงคลฤกษ์ร่วมบุญตรงกัน ผมจึงขอโอกาสนี้ขออนุญาตองค์พ่อแม่ครูอาจารย์มอบพระพุทธปฐวีธาตุหรือวัตถุมงคล 3 องค์แด่ญาติธรรมทั้ง 3 (ตัวอักษรสีแดง) เพื่อความเป็นศิริมงคลมีกำลังใจสร้างคุณงามความดีและปฏิบัติธรรม แสวงหาหนทางสู่ความพ้นทุกข์ต่อไปครับ

ปล: ยอดรวมร่วมบุญสร้างพระพุทธนาคปรก 9 เศียร: 31,745- บาท
โมทนาสาธุครับ

ผะเจ้าแสนคำหลวง,ผะเจ้าคำหลวง (ทองคำ): วัดพิพัฒน์มงคล อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย

พระปางลีลา สุโขทัย: วัดพิพัฒน์มงคล สุโขทัย

หลวงพ่อทองคำ : วัดพิพัฒน์มงคล อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย

พระปางดีดน้ำมนต์ ประทานพร : วัดพิพัฒน์มงคล สุโขทัย

หลวงพ่อแสนสุข : วัดพิพัฒน์มงคล อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย

หลวงพ่อแสนล้านทอง : วัดพิพัฒน์มงคล อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย
พระพุทธรูปทองคำและเก่าแก่ทั้งหมดของวัดพิพัฒน์มงคล ขุดพบจากใต้ดินที่ประดิษฐานองค์พระในปัจจุบัน ​

ธรรมรักษ์ผู้ปฏิบัติธรรม
IT Man/29.07.55

 

ช้างเผือกตัวนี้สวยงาม สมกับที่รอคอยจริงๆ สมกับช้างคู่บุญบารมีของท่าน IT MAN จริงๆ ควบคุมบังเหียรให้ดีเด้อ.... ช้างเผือกตัวนี้มันแรง หากควบคุมบังเหียรไม่ดีอาจจะพยศได้ ผู้ควบคุมกับช้างเผือกรวมใจเป็นหนึ่งขับขี่ปลอดภัยทุกเส้นทาง....งานแรกของช้างเผือกตัวนี้คงมาร่วมทำบุญที่ภุดานไห ในวันที่ 2 สิงหาคม 2555 นี้นะ ญาติธรรมทั้งหลายคงได้ยลโฉมช้างเผือกตัวนี้ตัวเป็นๆ...ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพและปลอดภัย.....

 

ผมและครอบครัวขอร่วมทำบุญสร้างพระพุทธรูปปางสมาธินาคปรก 9 เศียร
จำนวน 1000 บาท

เวลาที่สั่งทำรายการ:29/07/2012 09:00
หมายเลขอ้างอิง:27656923532012729
บัญชีที่โอน :นาถธรรม หนูทอง A/C No.:8121771153
บัญชีผู้รับโอน :TMB: SOMBAT PHENGP A/C No.:4142190026
จำนวนเงินที่โอน:THB 1,000.00
ค่าธรรมเนียม:THB 25.00
ขออนุโมทนาบุญครับ

 

ขออนุโทนาสาธุในบุญกุศลของทุกๆ ที่ร่วมทำบุุญใหญ่ในครั้งนี้ให้มีความสุข ความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมด้วยเด้อ...หากว่างวันที่ 2 สิงหาคม 2555 ช่วงวันหยุดยาวเข้าพรรษา ก็เรียนเชิญมาร่วมกันทำบุญที่ภูดานไห ในวันนั้นพวกเราจะได้ร่วมกันถวายพระพุทธรูปถึง 10 พระองค์ โดยมีพระพุทธรูปศิลานาคปรก 9 เศียร สีเหลืองทอง (หลวงพ่อศรีสุทโธ) ซึ่งตอนนี้การสร้างลานธรรมกลางแจ้งเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปก็เกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยเฉพาะฐานพระดิษฐานองค์พระพุทธรูปองค์พ่อแม่ครูอาจารย์พ.สุรเตโช ท่านได้ออกแบบและตกแต่งอย่างสวยงามเหมือนดั่งเนรมิตร.....ผมอดที่จะปิติแทนเจ้าภาพไม่ได้ก็เลยขออนุญาติส่งภาพมาให้ชม.....

ภาพฐานพระดิษฐานองค์พระด้านหน้า

ภาพฐานประดิษฐานองค์พระด้านหลัง
ช่วงวันหยุดยาวนี้หากอยากมาร่วมทำบุญที่ภูดานไห และร่วมฟังธรรมกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ วันที่ 2 สิงหาคม 2555 เวลาประมาณ 09.00 น. ร่วมถวายภัตราหารแด่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ และถวายพระพุทธรูปร่วมกันครับ ....เส้นทางการเดินทางให้ดูแผนที่ด้านล่างสโลแกนของผมได้เลยครับ....
ขอให้เจริญในธรรม...
ครูชาติ

 

วันนี้ไปกราบพ่อแม่ครูอาจจารย์มาครับ

 

โมทนาสาธุครับ งานนี้ต้องขยาย...

งดงามดุจดั่งเนรมิตให้เป็น"พระแท่นปัณฑุกัมพลศิลาอาสน์"ก็มิปาน สาธุ...


ศาลาปฏิบัติธรรมหลวงปู่ศรีสุทโธก็คืบหน้าไปมากแล้ว (เห็นแว่บๆด้านหลังน้องชาย น้องสาว)
น่าจะพร้อมรับญาติโยม หากมีจำนวนมากได้

 

โอย โอย โอย รถใหม่งามหลายเด้อ อ้าย
อยากจะขอนั่งเป็นบุญสักครั้ง

หุหุหุ

นรธ.นคร

 

ต้องขอกราบโมทนาสาธุกับคณะเจ้าภาพที่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (28.07.55) ได้ไปอัญเชิญพระพุทธรูป เพื่อน้อมนำมาถวายฯ ในวาระเดียวกันนี้
สรุปว่าวันอาสาฬบูชาที่จะถึงนี้จักมี การถวายพระพุทธรูปจำนวนทั้งสิ้น 10 พระองค์ทีเดียว สำหรับท่านที่ยังลังเลไม่ไปไม่ได้แล้วนะครับ

ส่วนผม แม้ที่ทำงานเขาไม่หยุดให้เลยสักวัน เนื่องจากต้องเฉลี่ยวันหยุดไปให้เพื่อนศาสนาอื่นด้วย จึงต้องลางานติดต่อกันถึง 3 วัน (1-2-3 ส.ค.55)
เดินทางไป 1 วัน เดินทางกลับอีก 1 วัน ระยะทางไปกลับกว่า 1,500 กม. (Link) แต่ก็เต็มใจพร้อมลุยครับ

 

ปาฏิหาริย์พระเจ้าเปิดโลก​

จำพรรษาชั้นดาวดึงส์
พระศาสดาเมื่อกระทำยมกปาฏิหาริ<WBR>ย์แล้ว ทรงพิจารณาว่าพระพุทธเจ้าในอดี<WBR>ตเมื่อทำปาฏิหาริย์นี้แล้<WBR>วจำพรรษาที่ไหน ทรงทราบว่าพระพุทธเจ้าทุ<WBR>กพระองค์จำพรรษาในดาวดึงส์แล้<WBR>วแสดงอภิธรรมโปรดพุทธมารดา
เมื่อทรงทราบดังนี้แล้ว จึงแสดงปาฏิหาริย์ย่างพระบาท ๓ ก้าว ก้าวแรกทรงเหยียบเหนือยอดเขายุ<WBR>คันธร ก้าวสองเหยียบเหนือยอดเขาสิเนรุ และก้าวสามย่างพระบาทลงสู่ดาวดึ<WBR>งส์พิภพ การย่างพระบาทของพระศาสดารั้งนี้<WBR>ทรงก้าวไปเหมือนเสด็จดำเนิ<WBR>นตามปกติ ไม่สั้นไม่ยาว และยอดเขาก็ไม่ได้น้อมลงมา เป็นการย่างพระบาทที่สุดมหั<WBR>ศจรรย์
ท้าวสักกเทวราชทอดพระเนตรเห็<WBR>นพระบรมศาสดาเสด็จมา ก็ทรงทราบว่าพระศาสดาจั<WBR>กจำพรรษาบนบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ แต่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์นั้<WBR>นยาวถึง ๖๐ โยชน์ กว้าง ๕๐ โยชน์ และหนา ๑๕ โยชน์ พระศาสดาประทับนั่งใช้ที่เพี<WBR>ยงนิดหน่อย บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์คงคล้<WBR>ายพระแท่นว่างเปล่า
พระศาสดาทรงทราบอัธยาศัย จึงโยนผ้าสังฆาฏิของพระองค์<WBR>ไปแผ่คลุมแผ่นศิลาไว้ทั้งหมด ท้าวสักกเทวราชดำริต่อไปว่าแม้<WBR>สังฆาฏิจะคลุมพระแท่นได้ทั้งหมด แต่พระศาสดาก็คงประทับนั่งในที่<WBR>เพียงนิดหน่อย พระศาสดาทรงทราบอัธยาศัยของท้<WBR>าวสักกะ จึงประทับนั่งทำบัณฑุกัมพลศิ<WBR>ลาอาสน์ไว้ภายในขนดจีวร ประหนึ่งประทับนั่งบนตั่งเตี้<WBR>ยอย่างอัศจรรย์

เสียงจากสวรรค์
พระศาสดาประทับนั่งบนพระแท่นบั<WBR>ณฑุกัมพลศิลาอาสน์ แผ่พระรัศมีสว่างรุ่งเรืองเหนื<WBR>อเทพยดาทุกหมู่เหล่าจากทั้งหมื่<WBR>นจักรวาลที่มาแวดล้อมฟังธรรม
ครั้งนั้นมีเทวดา ๒ องค์มาก่อนนั่งอยู่แถวหน้า คือ อินทกเทพบุตรนั่งอยู่เบื้องขวา อังกุรเทพบุตรนั่งอยู่เบื้องซ้<WBR>าย เมื่อเทวดาศักดิ์ใหญ่เข้ามาถึ<WBR>งภายหลัง อินทกเทพบุตรยังคงนั่งอยู่ที่<WBR>เดิม แต่อังกุรเทพบุตรต้องถอยร่<WBR>นออกไปไกลถึง ๑๒ โยชน์เพื่อหลีกให้เทวดาที่มีศั<WBR>กดิ์ใหญ่กว่า พระศาสดาประสงค์จะแสดงอานิสงส์<WBR>ของทานให้ปรากฏแก่ชาวมนุษย์ จึงแสดงปาฏิหาริย์ตรั<WBR>สถามเทวดาทั้งสองให้ได้ยินถึ<WBR>งมนุษย์โลกว่า อังกุรเทพบุตร ไฉนเธอจึงถอยร่นไปอยู่เสียไกล
อังกุรเทพบุตรกราบทูลว่า ข้าพระองค์เกิดเป็นมนุษย์สมัยที่<WBR>โลกว่างจากพระศาสนา มีใจเป็นกุศลตั้งเตาให้ทานแก่<WBR>คนยากจนยาว ๑๒ โยชน์ ตลอด ๑๐,๐๐๐ ปี ทานนั้นมีผลเพียงนิดหน่อยได้<WBR>มาอุบัติเป็นเทวดาศักดิ์น้อย ต้องถอยร่นให้แก่เทวดาศักดิ์<WBR>ใหญ่ผู้ให้ทานมามากกว่าพระเจ้<WBR>าข้า
พระศาสดาตรัสถามอินทกเทพบุตรบ้<WBR>างว่า อินทกะ ไฉนเธอจึงไม่ต้องถอยร่นออกไปเล่<WBR>า อินทกเทพบุตรกราบทูลว่า ข้าพระองค์ใส่บาตรทัพพีหนึ่งแก่<WBR>พระอนุรุทธเถระ ด้วยผลของทานนี้จึงได้มาอุบัติ<WBR>เป็นเทวดาศักดิ์ใหญ่พระเจ้าข้า
พระศาสดาจึงตรัสว่า

"อังกุระ ทานนั้นเป็นดุจพืชที่หว่<WBR>านลงในนา หากหว่านพืชในนาดีพืชย่อมให้<WBR>ผลมาก แต่หากหว่านพืชลงในนาไม่ดีพืชย่<WBR>อมให้ผลน้อย ฉันใด
การเลือกทักขิไณยบุคคลเสียก่<WBR>อนให้ทานจึงสมควร ทานนั้นย่อมมีผลมากดุจพืชที่หว่<WBR>านในนาดีฉันนั้น
นาทั้งหลายมีหญ้าเป็นเครื่<WBR>องประทุษร้าย ส่วนหมู่สัตว์มี ราคะ โทสะ โมหะ เป็นเครื่องประทุษร้าย เพราะเหตุนั้น ทานที่ให้แล้วแก่ทักขิไณยบุ<WBR>คคลผู้ปราศจากราคะ โทสะ และโมหะ จึงให้ผลมากดุจเดียวกับการหว่<WBR>านพืชในนาที่ปราศจากหญ้า ฉันนั้น”

จบเทศนานั้นแล้ว อังกุรเทพบุตรและอินทกเทพบุตร ได้เป็นพระโสดาบัน

โปรดพุทธมารดา
พระศาสดาประทับจำพรรษาที่ ๗ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทรงแสดงอภิธรรมแก่มายาเทพบุตรพุ<WBR>ทธมารดาซึ่งเสด็จมาจากดุสิ<WBR>ตสวรรค์ ทรงแสดงต่อเนื่องพิสดารแม้<WBR>ในเวลาภิกขาจารก็ทรงเนรมิตพระพุ<WBR>ทธนิรมิตไว้ให้แสดงธรรมต่อ ส่วนพระองค์จริงเสด็จไปบ้<WBR>วนพระโอษฐ์ที่สระอโนดาต บิณฑบาตที่อุตตรกุรุทวีป และมาประทับนั่งทำภัตกิจในป่าหิ<WBR>มพานต์
เมื่อพระศาสดาทรงทำภัตกิจอยู่<WBR>พระสารีบุตรจะมาคอยอุปัฏฐากให้ จนเมื่อเสร็จภัตกิจแล้<WBR>วพระศาสดาก็จะทรงแสดงอภิ<WBR>ธรรมโดยย่อแก่พระสารีบุตร ตรัสว่าให้นำไปแสดงแก่ภิกษุ ๕๐๐ ที่มีศรัทธามาบวชในสำนั<WBR>กของพระสารีบุตรเถระหลังจากได้<WBR>เห็นยมกปาฏิหาริย์
พระศาสดาทรงแสดงอภิธรรมอยู่ ๓ เดือนนับเป็นเวลาในโลกมนุษย์ เมื่อแสดงพระอภิธรรมจบแล้ว ธรรมาภิสมัยได้มีแก่เทวดา ๘๐,๐๐๐ โกฏิ ส่วนพระมหามายาเทพบุตรได้ตั้<WBR>งอยู่ในโสดาปัตติผล
พระอภิธรรมนี้เป็นธรรมอันลึกซึ้<WBR>ง เป็นปรมัตถธรรมแสดงเฉพาะธรรมะล้<WBR>วน ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล พระศาสดาทรงแสดงเพียงครั้งเดี<WBR>ยวบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แก่<WBR>เทวดาและพระพรหมจากหมื่นโลกธาตุ ส่วนบนโลกมนุษย์นั้นพระสารีบุ<WBR>ตรเถระเป็นผู้แสดงอภิธรรมนี้แก่<WBR>ภิกษุสัทธิวิหาริก ๕๐๐ รูป ต่อมาภายหลังได้มี<WBR>การรวบรวมพระอภิธรรมนี้ได้ ๗ คัมภีร์ เรียกว่า สัตตปกรณ์ ประกอบด้วย ธัมมสังคณี วิภังค์ ธาตุกถา ปุคคลบัญญัติ กถาวัตถุ ยมก และปัฏฐาน

มหาชนเฝ้ารอพระศาสดา
ฝ่ายมหาชนที่ได้<WBR>ชมพระศาสดาแสดงยมกปาฏิหารย์ เมื่อพระศาสดาเสด็จขึ้นสวรรค์ชั้<WBR>นดาวดึงส์ลับสายตาไปแล้ว ก็ยังอยู่เฝ้ารอพระศาสดาเสด็<WBR>จกลับจำนวนมากเป็นปริมณฑล ๓๐ โยชน์ มีจุลอนาถบิณฑิกะจัดข้าวต้ม ข้าวสวย มาเป็นอาหารบำรุงเลี้ยง และมีพระโมคคัลลานะเป็นองค์<WBR>แสดงธรรมทุกวัน
ใกล้วันออกพรรษา มหาชนถามไถ่กันว่าเมื่<WBR>อไรพระศาสดาจึงจะเสด็จกลับ พระโมคคัลลานะเถระจึงขึ้นไปทู<WBR>ลถามพระศาสดาว่าจะเสด็จกลับเมื่<WBR>อไร ที่เมืองไหน เพราะมีมหาชนจำนวนมากรอรับเสด็<WBR>จอยู่
พระศาสดาตรัสว่า นับจากนี้ไปอีก ๗ วัน เป็นวันมหาปวารณา พระองค์จะเสด็จกลับโลกมนุษย์ที่<WBR>ประตูเมืองสังกัสสะ แคว้นปัญจาละ ห่างจากกรุงสาวัตถีไปประมาณ ๓๐ โยชน์ ให้พระโมคคัลลานะไปแจ้งข่<WBR>าวมหาชนเหล่านั้น บอกมหาชนเหล่านั้นว่าไม่ต้<WBR>องเตรียมเสบียง เพียงแต่ให้รักษาอุโบสถ และไปรอพระองค์เหมือนไปวิหารเพื<WBR>่อฟังธรรม

ปาฏิหาริย์เปิดโลก
ถึงวันออกพรรษา พระศาสดาตรัสบอกท้าวสั<WBR>กกเทวราชว่าพระองค์จะเสด็จกลั<WBR>บเมืองมนุษย์ ท้าวสักกเทวราชจึงเนรมิตบันไดทิ<WBR>พย์ เบื้องขวาเป็นบันไดทองคำ เบื้องซ้ายบันไดเงิน ตรงกลางเป็นบันไดแก้วมณี ทอดยาวจากยอดเขาสิเนรุมาศสู่เมื<WBR>องมนุษย์ที่ประตูเมืองสังกั<WBR>สสนคร
พระศาสดาประทับยืนเหนือยอดเขาสิ<WBR>เนรุ ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์อีกครั้ง ทรงเปิดสวรรค์ พรหมโลก ลงไปถึงอเวจีมหานรกให้มองเห็นกั<WBR>น ครั้งนั้นเทวดาก็เห็นมนุษย์ มนุษย์ก็เห็นเทวดา เหมือนมาอยู่ที่ตรงหน้า
พระศาสดาทรงเปล่งพระฉัพพรรณรั<WBR>งสี ๓๖ โยชน์ เสด็จพุทธดำเนินลงบันไดแก้วมณี เหล่าท้าวมหาพรหมตามเสด็จทางบั<WBR>นไดเงิน เทวดาตามเสด็จทางบันไดทอง ปัญจสิกขเทพบุตรบรรเลงพิณอยู่<WBR>เบื้องขวา มาตลิสังคาหกเทพบุ<WBR>ตรโปรยของหอมและดอกไม้บูชาอยู่<WBR>เบื้องซ้าย ท้าวมหาพรหมกั้นฉัตร ท้าวสุยามะถือพัดวาลวิชนี ขบวนเสด็จพระศาสดาประกอบด้<WBR>วยพระสิริและพระยศอันยิ่งใหญ่ท่<WBR>ามกลางมหาสมาคมที่เกิดขึ้นเป็<WBR>นครั้งที่สาม มนุษย์และสัตว์ทุกรูปนามเมื่<WBR>อแลเห็นพุทธบารมีดังนั้น ชื่อว่าผู้ไม่ชื่นชมและไม่<WBR>ปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้ามิ<WBR>ได้มีเลย
เมื่อเสด็จกลับโลกมนุษย์แล้วที่<WBR>ประตูสังกัสสนคร พระศาสดาได้ทรงแสดงธรรมโปรดพุ<WBR>ทธบริษัทที่มาชุมนุมกันถึง ๑๒ โยชน์ เป็นเวลานาน ๓ เดือน โอกาสนั้น พระศาสดาดำริว่าเหล่าพุทธบริษั<WBR>ทประจักษ์แล้วว่าพระโมคคั<WBR>ลลานะเป็นผู้เลิศทางฤทธิ์ พระอนุรุทธเป็นผู้เลิศทางทิพยจั<WBR>กษุ พระปุณณะเป็นผู้เลิศทางแสดงธรรม แต่ไม่รู้ว่าพระสารีบุตรเป็นผู้<WBR>เลิศด้วยคุณอะไร พระพุทธองค์ประสงค์จะแสดงคุ<WBR>ณของพระสารีบุตรให้ปรากฏจึง

ทรงแสดงปัญจกปัญหา
ครั้งแรก ตรัสถามปัญหาในวิสัยของปุถุชน มหาชนทั้งหลายสามารถตอบได้
ครั้งที่สอง ตรัสถามปัญหาในวิสั<WBR>ยของพระโสดาบัน ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปตอบได้ ส่วนปุถุชนนิ่งอยู่เพราะเกินวิ<WBR>สัย
ครั้งที่สาม ตรัสถามปัญหาในวิสัยของพระสกิ<WBR>ทาคามี ตั้งแต่พระสกาคามีขึ้นไปตอบได้ ตั้งแต่พระโสดาลงมานิ่งอยู่<WBR>เพราะเกินวิสัย
ครั้งที่สี่ ตรัสถามปัญหาในวิสัยพระอนาคามี ตั้งแต่พระอนาคามีขึ้นไปตอบได้ ตั้งแต่พระสกิทาคามีลงมานิ่งอยู่<WBR>เพราะเกินวิสัย
ครั้งที่ห้า ตรัสถามปัญหาในวิสัยของพระอรหั<WBR>นต์ พระอรหันต์ทั้งหลายตอบได้ แต่ต่ำกว่าพระอรหันต์นิ่งอยู่<WBR>เพราะเกินวิสัย
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสถามปัญหาที่ยิ่<WBR>งขึ้นไปอีกจนแม้พระอรหันต์ทั่<WBR>วไปก็ตอบไม่ได้ เว้นแต่พระอรหันต์ปฏิสัมภิ<WBR>ทาญานจึงตอบได้
ลำดับต่อไปเป็นปัญหาที่พระอรหั<WBR>นต์ปฏิสัมภิทาญาณก็ตอบไม่ได้ มีพระโมคคัลลานะกับพระสารีบุ<WBR>ตรเท่านั้นที่ตอบได้
และในที่สุดเป็นปัญหาที่มี<WBR>พระสารีบุตรรูปเดียวเท่านั้นที่<WBR>ตอบได้
พระศาสดาตรัสถามปัญหาต่อไปอีก แต่เป็นปัญหาที่เกินวิสัย พระสารีบุตรจึงนิ่งเงี<WBR>ยบเพราะไม่สามารถตอบได้
มนุษย์ เทวดา ยักษ์ นาค และสุบรรณ ทั้ง ๘ ทิศ จึงพากันประคองอัญชลีกราบทูลว่า ปัญหานี้ไม่มีใครในสมาคมนี้<WBR>ตอบได้ ขอให้พระองค์ทรงอธิบายด้วยเถิ<WBR>ดพระเจ้าข้า
พระศาสดาตรัสว่านี่เป็นปัญหาที่<WBR>เป็นพุทธวิสัย แต่สารีบุตรเธอก็ตอบได้ ครั้นแล้วก็ทรงแนะนัยของปั<WBR>ญหาให้ เพียงเท่านั้นพระสารีบุตรก็<WBR>ตอบปัญหานั้นได้
ด้วยการแสดงปัญจกปัญหานี้ ธรรมาภิสมัยจึงได้บังเกิดแก่สั<WBR>ตว์ ๓๐ โกฏิ และภิกษุ ๕๐๐ สัทธิวิหาริกของพระสารีบุ<WBR>ตรเถระสำเร็จเป็นพระอรหันต์

ที่มา
- อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พุทธวรรค เรื่องยมกปาฏิหาริย์

 

สวัสดีครับคุณสมบัติช้างเผือกคันนี้ไม่ทราบป้ายแดง....อะไรเอ๋ย

 

ป้ายแดงยังไม่ได้ครับท่าน เนื่องจากหมด (ยังงงๆ) พยายามเต็มที่อยู่ ไม่รู้จะทันวันเดินทางไกลหรือเปล่า

ขอโมทนาสาธุและยินดีด้วย ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านไปโปรดถึงบ้านนะครับ

 

...ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่าน ครับ

...ในวาระอันเป็นมงคลนี้

...ผมและครอบครัวขอร่วมทำบุญ สร้างพระพุทธรูปปางสมาธินาคปรก 9 เศียร

น้อมถวายแด่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช พุทธสถานภูดานไห จำนวน 509 บาท

...และอีก 500 จากกลุ่มเพื่อนที่ไม่ประสงค์จะออกนาม รวมเป็นเงิน 1,009 บาท

โอนแล้วจะแจ้งอีกครั้งครับ ท่านสมบัติ (โอนไม่เกินวันที่ 1 ส.ค.)