เรื่องเด่น แนวคำสอนสมเด็จโตเรื่องกายทิพย์สมาธิ

หลังจากที่ได้หันกลับไปศึกษา พระธรรม หลายๆอย่างใหม่ เพือทำความเข้าใจมากขึ้น แล้วก็กลับมาสวดมนต์นึกถึงครูอาจารย์และนั่งสมาธิอีกครั้ง ปรากฏว่า เมื่อคืน พอตั้งสติ เพ่งจิตไปตรงระหว่างคิ้วเกิดอาการตึงๆเหมือนทุกๆครั้ง แต่พอเพ่งจิตและตั้งสมาธิดีๆ สัก 15 นาทีได้

ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรมาสะกิดๆหนังสือสวดมนต์ที่วางไว้ด้านหน้า 4-5 ครั้ง ในใจเริ่มนึกกลัวนิดๆ แต่ก็ตั้งสติใหม่ให้นิ่ง เมื่อจิตเริ่มนิ่ง ตัวเริ่มเบาๆ และ เห็นเหมือนแสงสีขาวสว่างจ้า ตัวสั่นหมุนซ้ายทีขวาทีเร็มมากๆๆๆๆๆๆๆ ในใจเริ่มนึกกลัวอีกครั้ง แต่ก็ตั้งสติ คิดซะว่าเป็นสิ่งที่ดี แสดงว่าจิตเริ่มนิ่งจริงๆ แต่จังหวะนั้นไม่สามารถที่จะเพ่งรวมจิตให้เกิดอาการตึงๆระหว่างคิ้วได้เลย ในใจก็เลยคิดแต่หลวงพ่อโตช่วยคุ้มครองลูกด้วย พุธโธๆๆๆๆ ตัวก็ยังสั่นหมุนซ้ายขวาด้วยความเร็มมากกกๆๆๆ สักประมาณ 2 นาที เริ่มหยุดหมุน และรู้สึกตัวเป็นปกติ ความตัวเบาที่รู้สึกก่อนหน้านี้ก็หายไป รู้สึกตัวหนักปวดเมื่อยขาชาเล็กน้อย พอลืมตาขึ้นมาปราฏกว่าตัวเองยังนั่งตรงอยู่หน้าพระพุทธ เหมือนเดิมไม่มีการเคลื่อนที่ไปไหน แล้วก็้ลยตั้งสติเเพร่เมตตา กราบพระโดยเร็ว

หลักจากนั้นก็มาสังเกตุที่หนังสือสวดมนต์ ว่าที่ได้ยินเสียงเหมืิอนมีอะไรมาสะกิดนั้นเกิดจากอะไร แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เสียงที่ได้ยินไม่ใช้เสียงลมพัดแน่ๆ เพราะเสียงเหมือนมีคนใช้นิ้วมากดเคาะปกหนังสือสวดมนต์ ดังตึกๆ 4-5 ที ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเสียงน้ำจากดอกไม้ที่บูชาพระหยดใส่ แต่พอมาดู ที่ปกหนังสือก็ไม่เปรียกแต่อย่างใด

เลยมานั่งลองคิดเล่นดูว่า คงเป็นพระอาจรย์แต่ไม่รู้ท่านใดมา สะกิดทดสอบ จิตเราว่า เราจะนิ่งไหม ก่อนที่เราจะเกิดอาการตัวหมุน เพราะ ไม่อยากจะคิดเลย ถ้าเกิดตกใจ ลืมตาขณะตัวหมุนเร็วๆขึ้นมาคง เล่นเอาจิตหมุนงง อ้วกเเตกเป็นได้

และจุดประสงค์ที่เล่าให้ฟังนี้ก็อยากจะปรึกษาขอคำแนะนำ
1.อาการ ตัวหมุนแบบนี้ ใช่จิตปิติหรือไม่
2.ในขณะที่หมุนอยู่นั้นควรทำอย่างไร เพราะตอนนั้น ตกใจตัวสั่น ขนลุกไม่สามารถกำหนดจิตเพ่งรวมไว้ที่ระหว่างิค้วได้เลย หรือว่าควรปล่อยวาง นึกถึงครูอาจารย์
3.หลังจากกลับเป็นปกติแล้ว ควร ตั้งสตินั่งสมาธิรวมจิตต่อหรือไม่ หรือว่า ควรพักและแพรเมตตา ค่อยนั่งต่อครั้งต่อไป(แต่ก็นึกเสียดายเพราะไม่รู้ว่าจะนั่งแล้วจิตสงบและเกิดอาการแบบนี้อีกไหม)

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำล่วงหน้า

 

เมื่อจิตเป็นสมาธิจะเกิดปีติ ขณะที่ท่านนั่งแล้วจิตเป็นสมาธิเกิดปิติ
อาการปวดเมื่อยท่านจะไม่รู้สึกเลย เพราะรู้สึกสุขสบายกับอาการปีติที่เกิดขี้น
เหมือนเบาสบายนั่งเห็นแสงสว่างจับภาพโอภาสนิมิต สามารถอยู่อย่างนั้นได้นาน
บางท่านเมื่อพบแสงสว่างเหมือน เบื้องบนจะมาส่งสารมาสื่อกับเรา

อาการที่ท่านนั่งหมุนเหมือนลูกข่างนั้นไม่ต้องกลัว หากเกิดอะไรขึ้น
นึกถึงครูบาอาจารย์ท่านจะมาช่วยเหลือ มนุษย์เราทุกคนมีวันตาย
อยู่แล้วมันถูกกำหนดอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนไม่สามารถรอดหนีความตายได้
แต่เมื่อเรายังไม่ถึงที่ตาย มันก็ไม่มีวันตาย ต่อให้เราฆ่าตัวตายหากเรา
ยังมีกรรมที่ต้องชดใช้ในโลกมนุษย์นี้ ก็ยังคงมีเหตุให้ต้องอยู่ถึงแม้นจะ
พิกลพิการเป็นต้น อยากดับทุกข์จากโลกนี้ก็ยังทำไม่ได้


แต่หากเราต้องตายด้วยสมาธิก็ขอให้นึกถึงพระพุทธองค์คิดถึง
แดนนิพพานจิตเราก็จะพุ่งไปที่นั่น จะได้ไม่ต้องกับมาเกิดให้ลำบากอีก
เพราะฉะนั้นอย่ากลัวไปเลย คนที่กลัวจะปฏิบัติไม่ได้ เพราะต้องมีเหตุ
ให้ท่านต้องมาทดสอบจิตเราเป็นระยะๆ มนุษย์เราทุกคนมีกความกลัว
เป็นที่ตั้งจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนปฏิบัติได้ไม่ถึง แต่หากเราไม่กลัวซะพร้อมใจ
รับกับสิ่งที่เกิด เราก็จะทราบได้ด้วยตัวของท่านเอง


อนึ่งนี่เป็นเหตุการณ์ หนึ่งที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าเช่นกัน ข้าพเจ้าเริ่มต้น
จากการฝึกนอนสมาธิจนจิตนิ่ง ก็ปรากฏเห็นตัวเองในท่านั่งสมาธิ
อยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง สักพักความรู้สึกจิตที่นั่งสมาธิค่อยๆ เคลื่อนตัวออก
เป็นวงกลมหมุนเหมือนลูกข่างๆ อย่างช้าๆ แล้วค่อยๆเคลื่อนที่เร็วขึ้น
จนหยุดไม่ได้ ข้าพเจ้าก็ตกใจตัวเช่นกัน มันเกิดอะไรขึ้น จิตออกจาก
สมาธิไม่ได้ รู้ตัวตลอดเวลาจะทำอย่างไรดี นึกถึงสิ่งศักดิสิทธิ์
ซักพักปรากฏภาพพระภิกษุสงฆ์ยื่นน้ำมนต์ให้ดื่ม เฆี่ยนด้วยไหวอาคม
พลังงานร่างกายที่ตอนนั้นเหมือนประจุไฟฟ้า ไหลวิ่ง ทั่วตัวก็สงบลง
แล้วข้าพเจ้าก็เลยลืมตาออกจากสมาธิได้ ส่วนตัวข้าพเจ้าคิดว่าครูบา
อาจารย์ท่านมาคุ้มครองช่วยเหลือ ดังนั้นหากเกิดอะไรขึ้นขอให้ท่าน
นึกถึงพระพุทธองค์หรือครูบาอาจารย์ให้ช่วยเหลือ แล้วท่านก็จะนำทางให้ท่านได้

 

หากตั้งจิตใจมั่นคงแน่วแน่ พร้อมที่จะรับรู้ก็กำหนดจิตขอตามไปดู
ว่าสิ่งนั้นคือ สิ่งใดกำหนดร่วมไปด้วย แล้วท่านจะทราบคำตอบของ
ท่านเอง หากเป็นสิ่งศักดิสิทธิ์ หรือครูบาอาจารย์ ที่เรามองไม่เห็น
มาหยอกล้อก็เป็นไปได้เช่นกัน เพราะท่านรับทราบถึงการปฏิบัติธรรม
ของท่านแล้ว ต้องการให้ท่านรับรู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ต้องการสื่อให้
ท่านรู้ หากท่านต้องการทราบว่าเป็นผู้ใด ขณะนั้นให้กำหนดจิตถาม
ท่านไปว่าเป็นผู้ใด ที่มาสื่อกับท่านขณะที่ท่านหลับตา ถ้าเขาอยาก
ให้ท่านเห็นก็จะปรากฏกายหรือภาพให้ท่านเองในนิมิตได้ ถ้าจิตเป็น
สมาธิหรือท่านพร้อมที่จะมาสื่อให้เราเห็น


ส่วนการที่ท่านลืมตานั้น ย่อมมองไม่เห็นท่านแน่นอน เพราะเป็นโลกทิพย์
บุคคลที่จะเห็นโลกทิพย์ได้นั้น ต้องปฏิบัติธรรมจนได้ตาทิพย์
หรือที่เรียกว่าทิพย์จักษุ ต้องได้ฌาน หรือไม่ก็เคยสั่งสมบารมีเก่าติดตัวมาก่อน

ส่วนที่ท่านมาหยอกล้อบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ข้าพเจ้าก็ไม่แน่ใจว่า
สิ่งนี้ที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้า เป็นการหยอกล้อของท่านหรือเปล่า
เพราะจากที่ข้าพเจ้าทำกระทู้ธรรมะ หรือพิมพ์หนังสือธรรมะ
ก็เคยปรากฏเหมือนมีอะไรใสๆ ลอยผ่านไปผ่านมาบริเวณหน้าจอ
ของคอมพิวเตอร์ แต่พอหลังหนักๆ เข้าเริ่มแปลก มือพิมพ์ไป
แต่พิมพ์ลอย ไม่ได้ทับถูกปุ่มใดๆ บางครั้งจอก็เลื่อนขึ้นเลื่อนลง
เฉยเลย เมื่อก่อนก็กลัวเพราะพิมพ์ตอนกลางคืน แต่หลังๆเริ่ม
เฉยๆ บอกท่านไปว่าขออนุญาติพิมพ์ต่อนะค่ะ ซักพักเครื่องก็หาย
เลือนขึ้นเลื่อนลง บางทีก็งงๆ เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น

จะว่าเป็นเครื่องเก่าก็ไม่ใช่เพราะพิมพ์ในNote Book ก็เป็นเครื่องใหม่
มันจะแฮงค์ไปได้อย่างไร เคยสอบถามแฟนว่าเวลาที่เขาใช้เครื่องเป็น
แบบนี้หรือไม่ เขาก็บอกว่าไม่เคยมีอาการอย่างนี้ มันก็แปลกดี

สำหรับเวลาสวดมนต์ไหว้พระ ขอให้อธิษฐานจิตแผ่เมตตาให้กับสิ่งศักดิสิทธิ์
หรือเจ้ากรรมนายเวร หรือสัมเวสีทั้งหลาย หรือบุคคลที่เราจะแผ่เมตตาให้
ถ้าผู้ใดได้รับก็ขอให้เราสื่อหรือรับรู้ได้ บางครั้งอาจจะมีอาการขนลุกซู่ทั่ว
ตัวทันทีจนถึงกระพุ้งแก้ม

 

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากเลย ช่วยได้เยอะเลย

 

คุณขวัญพัฒน์ ครับผมได้หนังสือพร้อมทั้งCD และพระผงกรรมฐาน แล้วครับต้องขอขอบพระคุณในความกรุณาเป็นอย่างมาก สืบเนื่องจากผมเคยบวชเรียนที่วัดสะแก แต่ก็ไม่ทันหลงปู่ดู่ แต่ก็ยังโชคดีครับได้ครูบาอาจารย์สอนกรรมฐาน ตอนบวชก็ไม่ทราบว่าจะได้บวชวัดไหน ได้แต่บอกกล่าวทางบ้านว่าอยากบวช พอบวชเรียนด้วยความที่ไม่เคยศึกษา พระศาสนา เลยไม่รู้จักหลวงปู่ แต่สิ่งแปลกที่ที่เกิดจากการบวชและได้ ศึกษากรรมฐานก็พอจะได้สัมผัสบ้าง แต่เนื่องจากทิ้งร้างไปนาน จนเมื่อหกเดือนที่พามาเจอประสบการณ์เลวร้ายเกี่ยวกับคุณไสย และผู้แก้ก็ให้หมั่นสวดมนต์ นั่งสมาธิ เดี๋ยวนี้ดีขึ้นทั้งใจและกาย
ต้องขอขอบคุณในความกรุณานะครับ

 

ไม่เป็นไรค่ะ อะไรที่พัฒน์พอแนะนำได้ หรือเคยผ่านประสพการณ์มาบ้าง
แล้วเป็นประโยชน์สำหรับคุณ พัฒน์ก็ยินดีค่ะ แต่ต้องประสพการณ์ที่พัฒน์
เคยผ่านมานะค่ะ แต่หากนอกเหนือ ความรู้ความสามารถหรือสิ่งที่ข้าพเจ้า
จะตอบได้ก็ต้องถามผู้รู้ท่านอื่น หรือครูบาอาจารย์นักปฏิบัติธรรมท่านอื่นๆค่ะ
หรือต้องหาความรู้จากส่วนอื่น หรือหนังสือทางนี้มาอ่านค่ะ พัฒน์เชื่อว่า
หากเราปฏิบัติจริง เมื่อถึงเวลาก็จะมีโอกาสได้รู้ในสิ่งที่ควรรู้ด้วยตัวของตนเอง

จากเดิมพัฒน์ก็เคยถามคนอื่นๆ ไม่ได้คำตอบเลยต้องมาอ่านหา
ความรู้เองเพิ่มเติมในเรื่องๆนั้นที่เกิดขึ้นกับเรา ขณะปฏิบัติธรรม
และทุกอย่างมันก็มีคำตอบด้วย มีเหตุผล มีที่มาที่ไปค่ะ
บางคนว่าเป็นเรื่องงมงาย แต่พัฒน์ว่ามันก็ไม่เชิงทั้งหมด
เราต้องลองทำแล้วพิสูจน์ด้วยตัวของเราเอง เหมือนหลัก
วิทยาศาสตร์แล้วท่านก็จะได้คำตอบในเรื่องนั้นๆ

 

พัฒน์เองก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า CD ธรรมะที่ข้าพเจ้าเขียนนั้นจะเป็นประโยชน์
สำหรับท่านในเรื่องการปฏิบัติธรรม ศึกษาพระธรรม รวมถึงการสวดมนต์ภาวนา
พระคาถาต่างๆ รวมถึงประวัติพระพุทธองค์ทุกพระองค์ และพระอรหันต์ทั้ง
หลายจะมีประโยชน์กับท่าน และเข้าใจในเรื่องพุทธศาสนามากขึ้น

อนึ่งซีดี เกิดจากความบังเอิญ จากที่ข้าพเจ้าเริ่มปฏิบัติ และเกิดเหตุการณ์
มากมายทำให้เกิดความสงสัย เหมือนอย่างท่านทั้งหลาย สอบถามใคร
ก็ไม่มีคำตอบ ตอบวกวน บอกว่าปฏิบัติไปเดี๋ยวก็รู้เอง จนแล้วจนรอด
ทำให้ข้าพเจ้าต้องการรู้ในเรื่องนั้นๆ ที่เกิดขึ้นกับตนเอง จึงมาศึกษา
หาความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเอง ทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น
จนมีคนมาสอบถามเรื่องต่างๆ จนมีญาติธรรมน้องท่านหนึ่ง
บอกให้ลองเขียนเรื่องราวต่างๆ เก็บไว้จนวันหนึ่งอาจได้ใช้ประโยชน์
แต่งให้คนทั่วไปอ่าน แรกๆข้าพเจ้าคิดว่าเราจะทำไปเพื่อสิ่งใดทำไป
เพื่ออะไรก็ได้แต่เขียนไปเรื่อยๆ เล่นๆ ตอนแรกคิดว่าเก็บไว้อ่านคนเดียว
แต่อยู่ดีก็มีอะไรดลจิตดลใจ คิดถึงเสียงนั้น บอกให้สร้างบารมี
ก็เลยคิดทานบารมี ว่าอยากจะทำหนังสือธรรมะแจกจ่าย
เป็นธรรมทาน เพื่อเป็นประโยชน์ให้คนปฏิบัติ

แต่เนื่องด้วยขาดปัจจัยไม่มีกำลังทรัพย์ในการกระทำนั้นๆ
จึงได้นำมาเขียนทำเป็นซีดี รวมถึงเขียนเป็นกระทู้เพื่อเป็น
ธรรมทาน และคิดว่าคงทำเป็นประโยชน์ได้เช่นกัน
จึงทำให้ได้เกิดซีดีพุทธธรรมจากการปฏิบัตินี้ขึ้นมา
ซึ่งผู้เขียนใช้เวลาเขียนยาวนานมากรวมถึงได้รวบรวม
ความรู้จากหนังสือต่างๆ เว็บไซด์ต่างให้ตรงกับเรื่องนั้นๆ
ที่ได้ศึกษาค้นคว้า เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทั้งปวง
ตอนแรกคิดว่าจะรอให้เขียนจบทุกเรื่องในความตั้งใจ
แล้วค่อยนำแจกจ่าย แต่เมื่อได้ยั้งคิดว่าหากเรา
ต้องการทำความดี ก็ไม่ควรรั้งรอ ควรรีบทำเสียแต่บัดนี้
ก่อนที่เราจะไม่ได้ หรือยังไม่เริ่มทำ ทำให้เกิดซีดีนี้ขึ้นมา
พร้อมกระทู้ต่างๆ เพื่อเป็นธรรมทานสำหรับทุกท่าน
นำไปใช้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย

ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้เริ่มแจกให้พระอาจารย์ที่อยู่วัดถ้ำเมืองนะ
เพื่อทำบุญกับท่านและแจกจ่ายให้กับผู้ที่ต้องการแล้ว
ก็ได้แจกจ่ายไปแล้ว ไม่น้อยกว่า 200-300 แผ่น
ยังไม่รวมทีแจกจ่ายให้กับผู้ปฏิบัติธรรมทั่วไป
และส่วนเรื่องพระผงจักรพรรดิ์ก็เกิดจากความ
บังเอิญที่ข้าพเจ้าได้จากพระอาจารย์ให้มากแจก
เป็นธรรมทาน แต่ก่อนหน้านั้น เคยนั่งสมาธิ
แล้วเห็นนิมิตเป็นรูปสมเด็จองค์ปฐมปางทรงเครื่อง
มองลงมาจากที่สูง เห็นหน้าหลวงปู่ดู่ปรากฏในจิต
จึงเป็นเรื่องที่บังเอิญมาก ต่อจากนั้นไม่นาน
พระอาจารย์ก็นำพระผงมาให้แจกเป็นธรรมทาน
ข้าพเจ้าคิดว่าทุกอย่างคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
คงเป็นสิ่งที่ท่านต้องการให้ข้าพเจ้าต้องกระทำ
ในสิ่งนี้ อนึ่งพระปางทรงเครื่องจักรพรรดิ์
เป็นพระประจำปีเกิดของข้าพเจ้าด้วย
ทั้งนี้อยากบอกเรื่องพระเกจิอาจารย์
หรือครูบาอาจารย์มาหาเราในจิต
ข้าพเจ้าคิดว่ามีจริง เมื่อถึงพร้อม
ถึงหากเกิดมาไม่ทันได้พบท่าน
แต่ท่านก็สามารถมาหาเราในจิตได้

ข้าพเจ้าเคยแจกพระผงจักรพรรดิ์ของหลวงปู่
จนคิดว่าหมดแล้วจะเลิกแจก แต่ก็มีญาติธรรม
มาถามอยากนำไปปฏิบัติธรรม ข้าพเจ้าเคย
คิดว่าหากอัญเชิญท่านมาได้ก็แจกต่อ
แต่หากเมื่อใดอัญเชิญไม่ได้หมดก็เลย
เลิกแจกแต่ก็บังเอิญมีเพื่อนญาติธรรม
มาให้แจกต่อในรอบสอง แต่ครั้งนี้
หากหมดแล้วก็คงจะเลิกจริง
ก็เคยหมดเวลาที่แจกเป็นธรรมทาน
แต่หากมีเหตุแห่งปัจจัยต้องแจกอีก
ก็ค่อยว่ากัน เพราะข้าพเจ้าได้กระทำ
มาต่อเนื่องเป็นเวลาสองสามปีที่ผ่านมา

 

เนื้อหาในซีดีประกอบด้วย

๑.แสงสีที่มาแห่งการปฏิบัติธรรม
-เนื้อหาเรื่องแสงสีออร่า การคำนวนแสงออร่า เรียนรู้สมาธิจากการปฏิบัติ
การปฏิบัติสมาธิเบื้องต้นแบบต่างๆ มโนยิทธิ อาปานาสติ ฯลฯ
๒.ความรู้ภพภูมิจากการสวดมนต์ภาวนา
-บทสวดมนต์พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เรื่องภพภูมิต่างๆ
สวรรค์ชั้นต่างๆ นรกภูมิ พรหมโลก เป็นต้น
๓.นิมิตจากการปฏิบัติธรรม
-นิมิตต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงที่ปฏิบัติธรรม จิตศรัทธาน้อมนำพระบรมสารีริกธาตุ
๔.พระบรมสารีริกธาตุและอรหันตธาตุ
-ลักษณะต่างๆ ปฏิหารย์ต่างๆ ความหมาย ประวัติคำนมัสการ
พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุต่าง ประวัติสมเด็จองค์ปฐม
๕.ประวัติพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์
-พระปัจเจก พระศรีอริยเมตไราย พระธาตุต่างๆ
ประวัติอรหันต์สมัยพุทธกาล พระอรหันตธาตุ
รวมถึงพระคาถาบูชาพระธาตุต่างๆ
๖.ประวัติพระอรหันตธาตุสมัยกึ่งพุทธกาล
๗.พระธาตุประจำปีนักษัตร
-ประวัติ การบูชา และพระคาถาบูชา
๘.พระธาตุเจดีย์ประจำวันเกิด
-วิธีสักการะ พระคาบูชา รายนามสถานที่สักการะ
พระบรมสารีริกธาตุพิธีสรงน้ำ อานิสงคการสร้าง
พระบรมสารีริกธาตุ คำอัญเชิญนมัสการต่างๆ
นิมิตแห่งพระบรมสารีริกธาตุ ปฏิหารย์พระธาตุเสด็จ
อาณิสงค์การบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
๙.ธาตุกายสิทธิต่างๆ
-เหล็กไหลต่างๆ ประวัติ การบูชา พระคาถา ปฏิหารย์ ฯลฯ
-ธาตุกายสิทธิ์อื่นๆ ปฐวีธาตุกายสิทธิ์ พลอยพญานาคธาตุกายสิทธิ์
สะเก็ดดาว นิมิตธาตุกายสิทธิต่างๆ การตรวจพลังในวัตถุมงคล
-วิชาเปิดโลกพุทธคุณ การจับพลังพระแบบต่างๆ การดูดพลังไว้ในตัว
ประสพการณ์สัมผัสพุทธคุณ
๑๐.พระพุทธปฏิมากรควรค่าแห่งการสักการะ
-ประวัติและสถานที่สักการะ พระคาถาบูชา ทั่วประเทศไทย
๑๑.นมัสการพระพุทธรูปประจำปีเกิด
-ประวัติ บทบูชา พระคาถาต่างๆ
๑๒.นมัสการพระพุทธรูปประจำเดือน
-ประวัติ บทบูชา พระคาถาต่างๆ
๑๓.นมัสการพระพุทธรูปประจำปี
-ประวัติ บทบูชา พระคาถาต่างๆ
๑๔.ปางพระพุทธรูปแบบต่างๆ
-ประวัติต่างๆ
๑๕.เรื่องพระเครื่อง
-การแขวนบูชาพระเครื่องเสริมราศีโชคลาภตามปีนักษัตร
-การสวมใส่พระเครื่องป้องกันตัว ตามปีนักษัตร
-การสวมใส่พระเครื่องประจำราศี
๑๖.อานิสงค์ของการทำบุญ
-การทำบุญสะเดาะเคราะห์ด้วยการปล่อยสัตว์แบบต่างๆ
วิธีตัดทอนลดกรรมแบบองค์รวม การทำบุญที่เห็นผลรวดเร็ว
เคล็ดลับปฏิบัติบุญกุศลเพื่อลดแรงกรรม วิธีทำบุญสะเดาะเคราะห์
การปล่อยสัตว์เพื่อลดกรรมปรับดวงชะตา
๑๗.กายทิพย์
-ข้อห้ามในระหว่างการนั่งฝึกถอดจิต วิธีรักษากายทิพย์ชั้นสูง
-วิธีถอดจิต ๑ , ๒ , ๓
-การเคลื่อนย้ายกายทิพย์ ฝึกลบความกลัว ประสพการณ์
ตามทิพย์ ฝึกรักษาโรค ญาณหยั่งรู้วาระจิตคนอื่น ระลึกชาติ
ปากทิพย์ ประโยชน์ของพลังจิต การฝึกลมปราณ
และการปฏิบัติอีกมากมาย
ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
ซีดีชุดนี้คงเป็นประโยชน์
แก่ท่านในการศึกษาเรื่อง
พระพุทธศาสนาได้หาก
ท่านได้อ่านเรื่องราวในซีดีชุดนี้

 

ข้าพเจ้ากำลังรวบรวมเนื้อหาที่ได้เขียนไว้นี้ ในเว็บพลังจิตไปไว้ที่บล็อก
ของข้าพเจ้าที่ได้สร้างใหม่ หากท่านใดสนใจเนื้อหาธรรมะสามารถ
เข้าไปอ่านได้ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่าน สำหรับนักปฏิบัติมือใหม่
ไม่มากก็น้อย หวังเป็นอย่างยิ่งเพื่อนคงเข้าไปเยี่ยมเว็บบล็อกของข้าพเจ้า
บ้างเพื่อสามารถประยุกต์นำไปใช้กับการปฏิบัติไม่มากก็น้อย

สามารถอ่านบทความศึกษาเพิ่มเติมได้ภายใต้ลิ้งค์เว็บนี้ค่ะ


http://kwanpatarnuk.blogspot.com/2012/06/v-behavior-urldefaultvmlo-behavior.html

:z17:z16dencee

 

อยากให้อธิบายเรื่องการท่านั่งกรรมฐาน(สมาธิ)ควรนั่งท่าไหน และนั่งพิง กับไม่นั่งพิงอะไร
ควรเป็นอย่างไร ถ้านั่งไม่ได้(สำหรับผู้สูงอายุ)ทำอย่างไรดี

ขอบคุณมากครับ

 

Blog ท่าน อ่านยากส์ ครับ... ตัวหนังสือ เล็กไปหน่อย สีตัวหนังสือ กับพื้นหลัง ไม่ตัดกัน...

คือ ถ้าพื้นสีดำ ตัวหนังสือ น่าจะ ขาว หรือ เหลือง ครับ

 

ถ้ามีเวลาจะค่อยเข้าไปปรับปรุงค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ

fairy3

 

สำหรับผู้สูงอายุนั่งพิงบนเก้าอี้หรือจะนั่งกับพื้นที่มีทีผนังพิงก็ได้
จะใช้ท่าขัดสมาธิ หรือไม่ก็ได้แล้วแต่สภาพร่างกายว่าถนัดหรือไม่
สิ่งสำคัญอยู่ที่จิตที่ตั้งมั่นจิตสงบกับองค์คำบริกรรมภาวนาเป็นหลัก
เพื่อไม่ให้ทรมานกายสังขาร จนเสื่อมพลังกำลังจิต จะปฏิบัติไม่ได้ดี
หรือเกิดความท้อแท้ความเพียรในการปฏิบัติ หากผู้ที่ไม่สามารถนั่งได้เลย
ก็ใช้ท่านอนสมาธิแทนก็ได้ ท่านี้จะทำให้จิตไปได้เร็วเบาสบายแต่ต้องกำหนด
จิตตลอดเวลา มีสติ รู้ตัวจะได้ไม่ง่วงนอนในจิต ท่านี้่ทำให้จิตเบาสบาย
ฝึกไปได้เร็ว ข้าพเจ้าก็เริ่มจากท่านอนสมาธิเป็นหลัก ค่อยปรับเปลี่ยน
มาเป็นท่านั่งปฏิบัติในภายหลัง


ท่านั่งแบบชาวอียิปต์[FONT=&quot](EGYPTION POSTURE) [/FONT]
[FONT=&quot]ลักษณะการวางท่านั่งแบบชาวอียิปต์ เป็นท่านั่งบนเก้าอี้ หลังตรง วางมือและเท้าตามสบาย การวางขาควรวางให้ห่างจากเก้าอี้พอประมาณ ใบหน้าหันหน้าตรงและควรวางเก้าอี้ให้ได้ระดับกับแนวราบ ท่านั่งแบบนี้ช่วยให้การหายใจสะดวกสบายมากเหมาะสำหรับคนอ้วน คนพิการ หรือ ผู้ที่ไม่ถนัดในการนั่งขัดสมาธิหรือนั่งพับเพียบ และกำหนดจิตให้อยู่ในอารมณ์ของกัมมัฏฐานเช่นนั้นตลอดไป [/FONT]<!-- google_ad_section_end -->

ท่านอนสมาธิ[FONT=&quot] เป็นท่าที่ใช้ต่อเนื่องจากการนั่ง การยืน และการเดิน เป็นลักษณะที่ต่อเนื่องกัน[/FONT]

[FONT=&quot]โดยสมบูรณ์ มิได้กำหนดว่าในการสมาธิจิตครั้งหนึ่ง จะต้องกระทำเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งแต่[/FONT]
[FONT=&quot]อย่างเดียว อาจจะกระทำต่อเนื่องกันไปจนกว่าจิตจะเจริญสมาธิ และ เจริญปัญญา ซึ่งจะใช้กี่ท่า[/FONT]
[FONT=&quot]ใช้เวลาเท่าใดก็สุดแต่จิตของแต่ละบุคคล การวางท่าฝึกแบบท่านอน ให้นอนตะแคงขวา[/FONT]
[FONT=&quot]เอามือขวาซ้อนเข้าไปที่แก้มขวา แล้วก็เอามือซ้ายวางราบไปตามตัว ขาเหยียดไปให้ตรง [/FONT]
[FONT=&quot]ถ้าหากเหยียดตรงไปมากอาจจะรู้สึกไม่สบาย ก็ขยับคู้เข้ามานิดหน่อย พอเกิดความสบาย [/FONT]
[FONT=&quot]และสามารถจะอยู่ในลักษณะเช่นนั้นต่อไปโดยจิตบริกรรมภาวนาจนเจริญสมาธิและ เจริญวิปัสสนา [/FONT]<!-- google_ad_section_end -->

<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>


</FIELDSET>
นอกนั้นส่วนท่าอื่นก็แล้ว แต่ผู้ปฏิบัติที่สามารถนั่งสมาธิได้ไม่มีปัญหา
กับกายสังขารก็สามารถเลื่อกท่าต่างๆ ได้ภายใต้ท่านั่งเหล่านี้
ท่านั่งแบบสบาย[FONT=&quot](EASY POSTURE) [/FONT]
[FONT=&quot]ท่านั่งแบบสบาย ลักษณะที่[/FONT][FONT=&quot] ๑[/FONT][FONT=&quot]เป็นลักษณะการวางท่านั่งที่กระทำง่ายที่สุดคล้ายกับท่านั่งขัดสมาธิที่ นั่ง ไขว้ขากันคือขาขวาทับขาซ้าย [/FONT]
[FONT=&quot]เป็นการนั่งแบบเก็บเข่า หลังตรงใบหน้าตรงได้ระดับที่แตกต่างจากท่านั่งสมาธิเพชรคือ การวางมือ มือซ้ายทับมือขวาและนิ้วทั้งสองข้าง[/FONT]
[FONT=&quot]ประสานกัน ถือว่าเป็นท่านั่งสมาธิที่สมบูรณ์ นั่งได้นาน ไม่รู้สึกเมื่อย ขณะที่กำหนดลมหายใจเข้าและหายใจออกอย่าง[/FONT][FONT=&quot]มีสติ อาจจะเปลี่ยน[/FONT]
[FONT=&quot]ไขว้ขาได้ ขวาทับซ้าย เปลี่ยนเป็นซ้ายทับขวา อาจจะเรียกท่านั่งแบบนี้ว่าเป็นท่านั่งแบบพม่า ([/FONT][FONT=&quot]BURMESE POSTURE) [/FONT]<!-- google_ad_section_end -->

<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>


</FIELDSET>

ท่านั่งแบบสบายลักษณะที่ [FONT=&quot]๒[/FONT][FONT=&quot] เป็นท่านั่งที่กระทำ ง่ายที่สุด สบายที่สุดแบบหนึ่ง อยู่ในลักษณะท่านั่งไขว้ขาเล็กน้อย มือขวาท้าวคาง โค้งลำตัวตามสบาย ลืมตา หลับตาเพ่งความคิดเป็นเรื่องๆไป เปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนความเคยชิน ไม่มีท่า ไม่มีทางใดๆแน่นอน เพียงเพ่งพิจารณาจนเห็นแจ้ง เห็นจริงในดวงจิต เห็นกฎธรรมชาติที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ปลงตก กำหนดจิตให้อยู่ในอารมณ์ของกรรมฐานโดยสมบูรณ์ [/FONT]<!-- google_ad_section_end -->

<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>


</FIELDSET>

ท่านั่งสมาธิแบบญี่ปุ่นและแบบดอกบัว
[FONT=&quot]ท่านั่งแบบญี่ปุ่น[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]JAPANESE POSTURE[/FONT][FONT=&quot])[/FONT][FONT=&quot] เป็นท่านั่งคล้ายๆกับการนั่งพับเพียบเก็บ เข่าทั้งสองข้าง มือทั้งสองข้างวางบนเข่า ใบหน้าตรง ลืมตาตั้งตัวตรง เป็นท่าที่นิยมกันมากในประเทศญี่ปุ่น และในประเทศอินเดีย ตามหลักการฝึกโยคะนั้นถือว่าท่านี้เป็นท่าที่เริ่มต้นไปสู่ท่าอื่นๆ ท่านี้จะเหมาะกับบางคนที่ไม่ถนัดตามท่าที่ ๑.๑ และ ๑.๒ เป็นท่าที่นั่งบนที่นุ่ม เช่น ผ้ารองนั่ง เสื่อ หรือ พรหมและกำหนดจิตอยู่ในอารมณ์ของกรรมฐานได้โดย สมบูรณ์ [/FONT]<!-- google_ad_section_end -->

<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>


</FIELDSET>

ท่านั่งแบบดอกบัว[FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]LOTUS POSTURE[/FONT][FONT=&quot])[/FONT][FONT=&quot] ลักษณะการวางท่านั่งสมาธิแบบดอกบัวเป็นท่าที่ดัดแปลงมา[/FONT]
[FONT=&quot]จากท่าฝึกโยคะปัทมาสนะ ([/FONT][FONT=&quot]PADMASNA) ลักษณะการวางท่า นั่งบนพื้น ตั้งตัวตรง หลับตาหรือลืมตา[/FONT]
[FONT=&quot]ยกเท้าขวาวางบนตักซ้าย ยกเท้าซ้ายขึ้นมาขัดบนเท้าขวา และบนตักขวา ดึงส้นเท้าขึ้นให้ชิดท้องได้มากเท่าใด [/FONT]
[FONT=&quot]ก็จะรู้สึกสบายได้มากเท่านั้น ท่านี้เป็นท่าที่สะดวกแก่การกำหนดลมหายใจมากที่สุด เวลาหายใจให้หายใจสม่ำเสมอ [/FONT]
[FONT=&quot]ให้จิตสงบอยู่กับลมหายใจอย่างเดียว กำหนดให้สงบนิ่ง รวมอยู่ในดวงจิตอย่างเดียวเท่านั้นจนเกิดอารมณ์ของกรรมฐานได้ต่อไป [/FONT]<!-- google_ad_section_end -->

<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>


</FIELDSET>

ท่านั่งขัดสมาธิเพชร[FONT=&quot] เป็นท่านั่งสมาธิที่นิยมปฏิบัติกันมากที่สุดในประเทศไทย [/FONT]

[FONT=&quot]หรือเรียกว่า “ท่านั่งคู่บัลลัง ค์” หรือ “ท่านั่งพับพนัญ เชิง” คือ เอาขาซ้ายวางลงข้างล่าง เอาขาขวาวางทับข้างบน เอามือซ้ายวางลงข้างล่างบนตัก เอามือขวาวางซ้อนทับลงไปให้หัวแม่มือชนหัวแม่มือ อย่างเช่น พระพุทธรูปปางสมาธิ ตั้งกายให้ตรง ตั้งใบหน้าตรง ดำรงสติให้มั่น ถ้าตรงเกินไปรู้สึกไม่สบาย[/FONT]
[FONT=&quot]ก็ผ่อนหาผ่อนจนรู้สึกสบายขนาดไหนก็ยึดเอาขนาดนั้น ไม่ต้องเกร็งกล้ามเนื้อ หลับตาพอปิดสนิท [/FONT]

[FONT=&quot]หุบปากปล่อยอารมณ์ว่างทั้งหมด เพื่อเป็นการรวมจิตเอาไว้ไม่ให้ฟุ้งซ่านออกไปทางอื่น ท่านั่งแบบนี้[/FONT]
[FONT=&quot]มีลักษณะเหมือนรูปพีระมิด มีฐานเป็นสามเหลี่ยม เมื่อนั่งได้ที่แล้วก็ลองกำหนดลมหายใจเข้าออก [/FONT]

[FONT=&quot]หรือกำหนดพร้อมกับคำบริกรรมภาวนา พุทโธ ยุบหนอ พองหนอ สัมมา อะระหัง แล้วแต่ถนัด [/FONT]

[FONT=&quot]กำหนดอยู่ในลักษณะท่านั่งอย่างมีสติเช่นนี้ตลอดไปจนพบกับความสงบจิตในขณะ นั้น อยู่ในอารมณ์ของกรรมฐานต่อไป [/FONT]<!-- google_ad_section_end -->

<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>

</FIELDSET>

สำหรับบางท่านหากปวดเมื่อยก็สามารถปฏิบัติเป็นท่าอิริยาบถอื่นได้
เช่นท่ายืน หรือท่าเดินก็ได้ แล้วแต่ความถนัดของผู้ปฏิบัติแต่ละท่าน

ท่ายืนสมาธิลักษณะการวางท่ายืนสมาธิ ท่ายืนอาจจะเปลี่ยนมาจากท่านั่ง ท่าเดินหรือท่านอนก็ได้ เพื่อเปลี่ยนอริยาบถในการฝึกสมาธิ
การวางมือหรือการวางท่าทางก็อยู่ในลักษณะเดียวกับแบบเริ่มต้นเดินจงกรม คือเอามือซ้ายวางลงที่ท้องน้อย เอามือขวาทับยืนให้ตรง
พอสบายกำหนดลมหายใจที่ปลายจมูก บริกรรมภาวนา ถ้าหลับตาจะมีอาการโยกโคลงให้ลืมตาทอดสายตาออกไปข้างหน้าประมาณ ๔ ศอก
กำหนดคำบริกรรมภาวนาเช่นเดียวกับท่านั่ง เช่น พุธโธๆๆๆ ขณะที่บริกรรมภาวนานั้น ให้กำหนดจิตจดจ่ออยู่กับคำบริกรรมตลอดเวลา
กำหนดเป็นสิ่งเดียว รูปเดียว อย่างเดียว ในการรับรู้อารมณ์ จนพบว่าจิตเข้าสภาวะสงบไม่หนีสติไปสู่สติอารมณ์ตามธรรมชาติ
ดวงจิตสงบสว่างมีอำนาจเหนือจิตเกิดขึ้นในอารมณ์สมถกรรมฐานและวิปัสสนา กรรมฐานได้ <!-- google_ad_section_end -->

<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>

</FIELDSET>

ท่าเดินจงกรม[FONT=&quot] ท่าเดินสมาธิมักเรียกกันโดยทั่วไปว่า “เดิน จงกรม” การฝึกสมาธิในลักษณะการวางท่าเดินนั้นเป็นการเปลี่ยนอิริยาบถ[/FONT]
[FONT=&quot]จากท่าอื่นๆมา เช่นเปลี่ยนจากการนั่ง มายืน และ เดิน การเดินจงกรมนั้นก็แล้วแต่สถานที่ ถ้าสถานที่ยาวก็เดินไประยะยาว สถานที่สั้น[/FONT]
[FONT=&quot]ก็เดินระยะสั้น โดยทั่วไปใช้ระยะทางเดินประมาณ ๒๕ ก้าว ระยะทางยาวเกินไปไม่ดี ระยะทางสั้นเกินไปก็เวียนศรีษะ การเดินต้อง[/FONT]
[FONT=&quot]กำหนดระยะสายตาที่ต้องมองไปข้างหน้าเป็นระยะห่าง ๔ ศอก และต้องกำหนดระยะห่างให้พอเหมาะ กับความรู้สึกของตน [/FONT]
[FONT=&quot]และบริกรรมพุทโธ ตามจังหวะการก้าวของเท้าไปเรื่อยๆจนจิตเป็นสมาธิ[/FONT]<!-- google_ad_section_end -->

<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>

</FIELDSET>

 

เชิญเยี่ยมชมบล็อกธรรมะภายใต้ลิงค์เว็บนี้
ขอบคุณค่ะ

http://kwanpatarnuk.blogspot.com/2012/06/v-behavior-urldefaultvmlo-behavior.html

 

ข้าพเจ้าได้รวบรวมบทความธรรมะลงบล็อก
หากท่านใดสนใจก็สามารถเข้าไปเยี่ยมชม
หรือเข้าไปอ่านได้ในบล็อกพุทธธรรมจากการปฏิบัติ
ซึ่งเกิดจากการที่ข้าพเจ้าได้รวบรวมความรู้ต่างๆ
จากการปฏิบัติของตนเองและจากความรู้ในตำรา
และเว็บไซด์ต่างๆ สำหรับท่านผู้อ่านสามารถ
เข้าไปอ่านได้ภายใต้ลิงค์เว็บนี้ค่ะ

:z16:z17catt4 ;aa27

พุทธธรรมจากการปฏิบัติ

 

กราบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) กราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม

 

กราบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) กราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม

 

:z2กราบขอพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมและอ่านค่ะ

 

ขอให้ท่านเป็นผู้ที่เจริญด้วยทางโลกและทางธรรมค่ะ
wel lcome_pink

 

ขอให้ท่านเป็นผู้ที่เจริญด้วยทางโลกและทางธรรมค่ะ