เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,790
    อมตะแห่งจิตวิญญาณ ภาคต้น

    จุดประสานมิติ
    ทั้งหลายเหล่านี้ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึง
    การสะสม และร่องรอย ของพลังงาน
    ซึ่งถ้าหากจะกล่าวถึงขนาด จุดเหล่านี้ก็มีขนาดที่ เล็กจิ๋ว ที่สุด
    เล็กเกินกว่า อนุภาค ที่นักวิทยาศาสตร์ของเธอค้นพบ

    แต่ในขณะเดียวกัน ก็เต็มไปด้วย พลังงานอันบริสุทธิ์ และมหาศาล
    พลังงานเหล่านี้ จะต้องได้รับ การกระตุ้น มิฉะนั้นมันจะอยู่เฉย
    พลังงานเหล่านี้ ไม่อาจจะถูกกระตุ้นได้ด้วยวิธีการใดๆทางกายภาพ
     
  2. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,790
    อมตะแห่งจิตวิญญาณ ภาคต้น

    พื้นที่ในโลก ที่อยู่ใกล้เคียง จุดประสานมิติหลัก และ
    จุดประสานมิติรอง เหล่านี้
    จะมี แรงดึงดูด ของโลกแตกต่าง ไปจากปกติเล็กน้อย
    และ กฏเกณฑ์ ทางกายภาพ อื่นๆ จะผิดเพี้ยนไป

    จุดประสานมิติย่อย ทั้งหลาย ทำหน้าที่ ส่งเสริม
    จุดประสานมิติหลัก
    โดยทำหน้าที่เป็น โครงสร้าง ที่เพิ่มพูนความเข้มข้น
    ความหนาแน่น หรือ
    ความรุนแรง ของพลังงาน
    ภายใต้ขอบเขตขอบพลังงานที่ มองไม่เห็น ด้วยตาเปล่า
    แต่เป็น พลังงาน ที่ก่อเกิดรูปของโลก แห่งความเป็นจริง
    รูปของโลก ทางกายภาพ ทุกมุมโลก
    และสรรพสิ่งทั้งหลาย
     
  3. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,790
    อมตะแห่งจิตวิญญาณ ภาคต้น

    ในขณะที่ จุดประสานมิติ เหล่านี้
    แสดงให้เห็นถึง การสะสม และ ร่องรอย ของพลังงาน
    จุดประสานมิติสมบูรณ์
    จุดประสานมิติหลัก
    จุดประสานมิติรอง ทั้งหลาย
    ต่างก็มีปริมาณพลังงานแตกต่างกันไป

    จุดประสานมิติทั้งหลาย เป็นจุดที่มี พลังงานเข้มข้น หนาแน่น หรือรุนแรง
    จุดประสานมิติรอง มีอยู่มากมาย และ
    ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ของเธอโดยตรง
     
  4. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,790
    อมตะแห่งจิตวิญญาณ ภาคต้น

    จุดประสานมิติ ทั้งหลาย
    ทำให้ ภูมิประเทศ และ ตำแหน่งที่ตั้ง ในโลกทางกายภาพ
    ของเธอ มี ความแตกต่างกัน

    ตำแหน่งที่ตั้ง ที่อยู่ในละแวก ของจุดประสานมิติ
    จะมี ความเหมาะสม ที่จะ ปลูกตึกรามบ้านช่อง มากกว่าบางจุดตำแหน่งอื่นๆ
    จุดประสานมิติ บางจุดเป็นจุดที่ ส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง

    บางจุดเอื้ออำนวยให้เธอมีสุขภาพแข็งแรง ได้มากกว่าจุดอื่นๆ
    บางจุดทำให้เธอมีชีวิตชีวามากกว่า
    ในขณะที่สิ่งอื่นๆอาจเป็นไปอย่าง เสมอภาคกัน ในจุดหนึ่ง
    แต่จุดนั้น ก็ทำให้พืชพันธุ์งอกงามได้ดี กว่าพื้นที่อื่นๆ
     
  5. ๋Jaynarol

    ๋Jaynarol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +1,367
    ชอบมากๆเลยครับ อยากหาซื้ออ่านมากๆแต่ต้องรอเก็บเงินครบก่อนT-T
    แต่ก็ยังดีที่ได้อ่านที่นี่ไปพลางๆก่อน อิอิ ขอบคุณพี่ๆที่มากโพสให้อ่านกันนะครับ
    เป็นกำลังใจให้ทุกคนเลยครับ(โดนเฉพาะพี่นักเขียน)^^
     
  6. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    วันนี้ไปซื้อมาแล้ว "ความฝันกับวีถีแห่งจิตวิญญาณ" และก็ "ชีวิตนอกเหนือชาติภพ" จริงๆ ก็ไปเจอมากกว่านี้นะ แต่เห็นหน้าปกเป็นรอยเลยไม่ได้ซื้อมา (แบบว่าเรื่องมากนิด อยากได้เล่มที่สมบูรณ์) แต่ถ้าหาที่อื่นไปเจอ ก็คงต้องซื้ออันที่เป็นรอยมา

    เห็นหน้าปกแล้วรู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยหยิบเคยเจอมาก่อนแฮะ แต่ตอนนั้นคงยังไม่ได้สนใจเลยไม่ได้ซื้อมา
     
  7. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    สีที่ใช้ Quote-ตามโหวดได้ไหมคะ

    Hello คุณ Stefa ขา Quote เจ้าขา โหวดสีกับพวกเราหน่อยนะเจ้าคะ ใช้สึน้ำตาลแดง(DarkRed) เวลา Quote ท่านอาจารย์อนาลัยกัน จะได้เป็นระบบเดียวกันหมด ต่อไปจะได้หาข้อมูลได้ง่ายค่ะ

    คุณ Mead ชอบสีแดง คุณน้อง Don't Worry ปวดตากับสีแดง พี่นักเขียนขอทดลองใช้สองสีนะคะ คือสี่น้ำตาลแดงสำหรับ Quote ทั้งหมด ส่วนสีแดงใช้เน้นบางคำหรือบางประโยคดีไหม โหวดกันอีกที ตามตัวอย่างข้างล่างนี้

    หากเธอเข้าใจในประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณได้ดีพอ เธอจะตระหนักได้ถึงคำตอบว่าสรรพสิงทั้งปวงเรียกร้องอิสรภาพจากความปรารถนา อิสรภาพในการทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ดังปรารถนา และอิสรภาพในการเป็นทุกสิ่งทุกอย่างได้้ดังปรารถนาในโลกแห่งความเป็นจริงทุกโลก
     
  8. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    แนะนำให้ฟัง Audio Book ด้วยประสาทสัมผัสที่หก

    สวัสดีค่ะคุณน้อง(ผู้)ปราณี
    ดีใจอย่างมากเช่นเดียวกันค่ะที่ได้รู้จักกัน แม้จะเป็นในโลกทางจินตภาพของ Internet ก็ตาม คงจะเหนี่ยวนำให้ได้พบหน้ากันสักวันในโลกทางกายภาพ เพราะเราอยู่ในระบบเครือข่ายเดียวกันทั้งทางจิตวิญญาณและทางโลก

    ตอนนี้ Audio Book กำลังทำอยู่ค่ะ ประมาณเดือนกันยา น่าจะเสร็จได้สักชุดหนึ่ง (เล่ม 1) พี่ได้ upload เล่มแรก โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ ไว้ให้ฟังกันไปพลางๆก่อนทีละบท-สองบท เล่มนี้แตกต่างและขยายความไปจากเล่มเก่่าเมื่อสมัยที่พิมพ์ออกมาเป็นเล่มเล็กๆที่คุณน้องปราณีได้อ่านไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนโน้น เพราะตอนโน้นยังรู้สึกคลุมเครือว่าจะเขียนออกมาเป็น 10 เล่มได้อย่างไร และตอนนั้นสำนักพิมพ์ที่ไหนเขาก็ไม่ยอมรับพิมพ์ให้ทีเดียว 10 เล่ม เพราะคงจะยังไม่ถึงเวลา

    ขอแแนะนำว่า ให้อ่านและฟัง Audio Book ไปพร้อมกันอย่างเพลิดเพลิน แต่ก็จดจ่อนะคะ เวลาฟังเสียงบรรยาย-จะมีเสียงเพลงเป็น background ตลอด และการที่อัดเสียงแบบนั้น โดยไม่ปิดเสียงเพลงเวลาที่บรรยาย ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรืออัดเสียงไม่ดี หากแต่เป็น technique จำเพาะที่จะช่วยให้ผู้ฟังใช้ประสาทสัมผัสภายใน ขณะที่ฟัง เสมือนการที่เราพยายามฟังเสียงกระซิบหรือเสียงพูดของคนใกล้ตัว-ในสถานที่อึกทึก หากเราต้องการจะได้ยินเขา เราจะต้องจดจ่อเป็นพิเศษด้วยจิตวิญญาณหรือประสาทสัมผัสที่หกโดยไม่รู้ตัว เพื่อที่จะได้ยินเขามากว่าได้ยินด้วยหูแต่เพียงอย่างเดียว ขอให้จับอารมณ์แบบนี้ในขณะที่ฟัง แล้วจะได้ผลดีมากๆค่ะ

    พี่จะพยายาม Upload Audio Book อย่างต่อเนื่อง กรุณาเช็คกลับไปที่่ website บ่อยๆนะคะ จะได้รัับฟังชุดใหม่ๆต่อไป ขณะนี้มี บทที่ 1 และ 2 อยู่ กำลังจะ upload บทที่ 3 - 4 ในวันสองวันนี้

    นอกจากจะแสดงความคิดเห็นใน Reader's Forum แล้ว ขอเชิญชวนให้เข้าไปเยียมอ่าน หรือ สนทนากับกลุ่มพลังจิตด้วยนะคะ เพราะ ณ ที่นั้น พี่นักเขียนจะนำสัมมนาหนังสือ เป็นลำดับไป เพื่อช่วยให้น้องๆและญาติมิตรได้ทำความเข้าใจและถามคำถามต่างๆกับท่านอาจารย์อนาลัยโตยตรง โดยพี่นักเขียนจะทำหน้าที่ล่ามและเลขา (พิมพ์แบบไฟแล้บเป็นแล้วค่ะ) เพื่อให้ท่านอาจารย์ตอบคำถามผ่านมาถึงน้องๆ-ทุกคำถามที่อยู่นอกเหนือหนังสือ หรือ ขยายความจากหนังสือ

    พวกเราทุกคนที่ web palungjit ยินดีต้อนรับความคิดเห็นของนักวิทยาศาสตร์มากๆ รวมทั้งพี่นักเขียนด้วย เพราะนักวิทยาศาสตร์สาขาจิตวิญญาญหายากที่สุดในโลก แต่วันนี้ก็ดีใจมากที่ได้พบแล้ว-หนึ่งคน หรือจะมีแปลงกายมารวมอยู่ในนี้อีกหลายคนก็ไม่ทราบค่ะ
    ด้วยความปรารถนาดึค่ะ
    พี่นักเขียน
     
  9. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของจิตวิญญาณในร่างกายเนื้อหนัง?

    พี่นักเขียนได้ร้บจดหมายจากผู้อ่านที่พรั่งพรูเข้ามาทุกวัน วันละหลายสิบฉบับ หลายๆคนบอกว่าหนังสืออ่านยาก และอ่านเป็นสิบหนแล้วก็มี แม้ว่ายิ่งอ่านก็ยิ่งเข้าใจ แต่ก็ดูเหมือนจะอ่านไม่มีวันจบ หลายๆคนบอกว่าอยากอ่านให้จบทั้งสิบเล่ม แต่อ่านเล่มแรกก็ไม่ยอมจบสักทีจะทำไงดี?

    ในฐานะนักการศึกษาทางโลก-สาขา-เทคโนโลยีทางการศึกษา (Educational Technology)โดยอาชีพ พี่นักเขียนได้ศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับการเรียนรู้ของคนเราด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า ซึ่งทฤษฎีจิตวิทยาทางการศึกษากล่าวว่า คนเรามีทักษะในการเรียนรู้แตกต่างกันมาก บางคนมีทักษะในการมองเห็น จึงเรียนรู้ได้ดีด้วยการเห็นภาพ เห็นปรากฏการณ์หรือเห็นตัวหนังสือ บางคนเรียนรู้ได้ดีด้วยการฟัง บางคนก็ต้องเรียนด้วยการจับต้อง-สัมผัสหรือลงมือทำ

    แต่ละคนมีทุกทักษะอยู่ในตัว แต่เราจะนำทักษะการเรียนรู้จำเพาะใดๆมาใช้เพื่อเรียนรู้สาระที่เราเผชิญแตกต่างกัน บางคนถนัดใช้ทักษะในการฟังเมื่อเผชิญกับสาระเกี่ยวกับธรรมชาติเพราะทำให้เขาเกิดจินตนาการได้กว้างไกลกว่าการอ่าน และคนๆเดียวกันนี้ก็อาจถนัดใช้ทักษะในการอ่านเมื่อเผชิญกับสาระเกี่ยวกับการใช้เหตุผลทางการคำนวณ เพราะทำให้มองเห็นลำดับต่างๆทางกายภาพได้ชัดเจนกว่า เช่น คิดเลขบนกระดาษได้ถนัดกว่าคิดในใจ เป็นต้น

    สรุปได้ว่า คนเราจึงจำเป็นต้องอาศัยสื่อหลายรูปแบบในการเรียนรู้สาระอันหลากหลาย ทำให้โลกของวงการศึกษาคิดค้นการผลิตสือหลายรูปแบบ (Multimedia) ออกมาใช้เป็นที่แพร่หลายอย่างที่เราพบเห็นใน Internet กันอยู่ทุกวันนี้ โดยมีทั้งตัวหนังสือ ภาพนิ่ง ภาพเคลือนไหว เสียง และวิดิโอ

    นอกจากนี้ยังมีทฤษฏีของ Dr. Howard Gardner, professor of education at Harvard University ซึ่งกล่าวว่า คนเรามีความฉลาดซ้บซ้อนหลายอย่าง ซึ่งโดดเด่นไม่เท่ากัน ซึ่งหากเราค้นพบความฉลาดอันหลากหลายเหล่านี้ และสามารถนำมันมาใช้เป็นแนวทางการเรียนรู้สิ่งต่างๆ เราจะสามารถเติมเต็มความเป็นไปได้อันสูงสุดของเราได้ ความฉลาดที่ว่าเหล่านี้ได้แก่ :
    1. Linguistic intelligence ("word smart"): ฉลาดในการใช้คำพูด คือใช้ภาษาพูดได้ดี แม้จะพูดไม่เก่งก็อาจเขียนเก่ง หรือก็ฟังคำพูดได้ดี และสามารถตีความหมายได้ลึกซึ้ง

    2. Logical-mathematical intelligence ("number/reasoning smart") ฉลาดในการใช้ความคิดแบบเป็นเหตุเป็นผล รวมถึงการคำนวณทางคณิตศาสตร์

    3. Spatial intelligence ("picture smart") ฉลาดในการรู้เห็นภาพ หรือพื่นที่ เช่นนึกคิดและจดจำเป็นภาพสามมิติได้ เหมือนพวกที่มีอาชีพสถาปนิก มัณฑนากร ปฏิมากร คิด-จินตาการเห็นพื่้นที่ของห้อง วัตถุหรือช่องว่างได้ดี จดจำได้ดี คนที่มีความฉลาดแบบนี้ตามธรรมชาติ จะจดจำทางได้ดีเวลาไปไหนๆจะจำทางเก่ง รู้เหนือ รู้ใต้ ไม่หลงง่ายๆ ถ้าไปในสถานที่ที่กว้างใหญ่ ซับซ้อน เดินเข้าไปก็มักจดจำลู่ทางและจดจำรายละเอียดในสภาพแวดล้อมนั้นๆได้มาก

    4. Bodily-Kinesthetic intelligence ("body smart")ฉลาดในการใช้ส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น นักกีฬาที่ใช้กล้ามเนื้อและส่วนต่างๆของร่างกายได้อย่างเหนือชั้น หรือมีประสิทธิภาพ นักเต้นรำ นักบัลเล่ย์ กายกรรม ฯลฯ ที่ต้องใช้ความฉับไว ความละเอียดอ่อน ใช้ความแข็งแกร่งหรือความอ่อนไหวของส่วนต่างๆของร่างกายได้เป็นพิเศษ แม้แต่คนที่ทำอาหารแล้วหั่นได้อย่างรวดเร็วไฟแล้บโดยไม่โดนมีดบาด (หรือคนที่พิมพ์เก่งๆก็นับด้วยแล้วกัน-พวกเราจะได้ติดกลุ่มนี้)

    5. Musical intelligence ("music smart") ฉลาดทางด้านดนตรี หรือมีพรสวรรค์ในการเล่นดนตรี ฟังดนตรี บางคนเล่นดนตรีไม่เก่ง หรือเล่นไม่เป็น แต่ฟังเก่ง คือหูสามารถแยกแยะเสียงเครื่องดนตรีได้ดี หรือจับจังหวะได้เก่ง หรือร้องเพลงเก่ง (กลุ่มพลังจิตเข้าข่ายแน่-แต่พวกโจรสลัดไม่นับ) ผู้ที่เต้นรำเก่งก็ต้องฉลาดดนตรีไปด้วยพร้อมกัน

    6. Interpersonal intelligence ("people smart") ฉลาดในการเสวนา เข้าคนได้ง่าย สร้างสัมพันธภาพเก่ง เช่นบุคคลที่ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เชื่อมโยงบุคคลอื่นๆให้เข้ามารวมกลุ่มกันได้

    7. Intrapersonal intelligence ("self smart") ฉลาดในการแสดงออกในความเป็นตัวของตัวเอง คนประเภทนี้ไม่ว่าจะมีความสามารถพิเศษหรือไม่ก็ตามที่โดดเด่นจากผู้อื่น แต่เขาก็มีความสุุุุขและพอใจในการเป็นตัวของตัวเอง และแสดงออกได้อย่างมั่นใจในตนเอง คนพวกนี้บางทีก็ทำได้แม้แต่นำจุดต้อยของตนเองมากลายเป็นจุดเด่น เช่น พวกตลกที่นำชีวิตรันทดของตนเองมาแสดงออกในมุมขบขัน จนดังระเบิด (Charlie Chaplin เป็นหนึ่งในตลกระดับโลกที่เป็นเช่นที่ว่านี้)

    8. Naturalist intelligence ("nature smart") ฉลาดเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นธรรมชาติ ความฉลาดข้อนี้ได้แก่คนประเภทที่รู้เกี่ยวกับธรรมชาติได้โดยไม่ต้องมีใครบอกหรือศึกษาทางโลก จับประเด็นอะไรในธรรมชาติได้ ก็เข้าใจได้ง่ายๆ เช่น มองเห็นพฤติกรรมของคน สัตว์ พืช ก็เข้าใจในธรรมชาติความเป็นไปได้โดยง่าย

    คนเราทุกคนมีความฉลาดทั้งหมดนี้ซ่อนเร้นอยู่ในตัวทุกข้อ แต่เราสามารถนำความฉลาดเหล่านี้ออกมาใช้ได้ไม่เท่ากัน บางคนใช้อยู่เพียงอย่างสองอย่าง บางคนใช้ได้หลายอย่าง แต่ทุกอย่างก็เป็นสิ่งที่ฝึกฝนได้ เมื่อพิจารณาดูทฤษฎีทางการศึกษาเหล่านี้ พวกเราคงพอมองเห็นได้ว่า ความฉลาดทั้งหลายที่ประกอบกันขึ้นเป็นบุคลิภาพตัวตนของเราอย่างแท้จริง ล้วนมีภาวะเป็น "ความรู้" ในด้านต่างๆทั้งสิ้น ซึ่งตรงกับที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า แก่นแท้ของพวกเราทั้งหลายคือจิตวิญญาณ และ จิตวิญญาณคือข้อมูล-ความรู้-และความทรงจำข้ามชาติภพ

    พีนักเขียนคิดถึงคำอธิบายของท่านอาจารย์อนาลัยเกี่ยวกับธรรมชาติของการมาถือกำเนิดเป็นบุคคลตัวตน ที่ท่านกล่าวว่า การามาถือกำเนิดเป็นบุคคลตัวตนในแต่ละชาติภพ มาจากฐานข้อมูล 3 แหล่งด้วยกันคือ:
    1. จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติ ในอดีตและอนาคตชาติ
    2. จิตวิญญาณต่างร่าง-แต่ร่วมวัตถุประสงค์ ในปัจจุบันชาติ
    3. จิตวิญญาณ(เสมือน)ร่วมร่างแต่ต่างมิติ ในอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตชาติ


    เมื่อพิจารณาจากทฤษฏีทางการศึกษาเกี่ยวกับความฉลาดและวิธีการเรียนรู้ของคนเรา น่าคิดว่า-ความฉลาดและความสามารถมากมายเป็นสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในหลายชาติภพ ที่เราน่าจะนำมาสู่ปัจจุบันชาติได้ หากเราเข้าใจในธรรมชาติของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาได้เสียก่อนว่า อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มีอยู่พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน เราจะตระหนักได้ว่าไม่มีความรู้หรือความฉลาดในตัวตนชาติภพใดๆของเราที่เก่าจนเป็นสนิมหรือใหม่จนยังเป็นวุ้นอยู่เลย จนเราไม่สามารถจะนำมาใช้ในปัจจุบันนี้ได้

    เมื่อวกกลับมาสู่คำถามข้างต้นที่ว่า เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของจิตวิญญาณกันได้อย่างไรในขณะที่เรายังเป็นร่างกายเนื้อหนัง?
    พี่นักเขียนเชื่อว่า เมื่อเราเป็นจิตวิญญาณที่ยังเป็นร่างกายเนื้อหนังอยู่ เราก็ไม่พ้นที่จะต้องเรียนรู้ด้วยประสาทสัมผัสัท้งห้าเป็นส่วนมาก ในขณะเดียวกันเราก็ต้องฝึกฝนที่จะเรียนรู้ด้วยประสาทสัมผัสที่หกเพิ่มเติมขึ้นมา

    หนังสือชุดนี้จึงมี Audio Book เกิดขึ้นมาคู่กันกับหนังสือ เพื่อนำเสนอข้อมูลความรู้ในรูปแบบที่หลากหลายและช่วยให้ผู้ที่มีทักษะต่างๆรับข้อมูลได้สะดวกขึ้น ต่อไปหากได้รับการผนึกกำลัง ความฉลาด ความสามารถและทักษะจากน้องๆและญาติมิตรทางจิตวิญญาณทั้งหลายที่เห็นคุณค่าของข้อมูลความรู้ชุดนี้ พี่นักเขียนก็หวังว่า เราจะได้เห็นข้อมูลความรู้ชุดนี้ออกมาเป็น Multimedia ต่อไปในอนาคตอันใกล้

    ใครที่ยังไม่รู้จักท่านอาจารย์อนาลัย ขอบอกว่า เสียงของท่านที่พี่นักเขียยนได้ยินเสมอๆจากภายในทั้งยามตื่น-ยามฝัน เป็นเสียงผู้ชาย
    แต่พี่นักเขียนเป็นผู้หญิง เมื่อเขียนหนังสือจบ ได้ฝันว่าเข้าเฝ้าท่านอาจารย์อย่างเบิกบาน (นึกว่าจะได้ vacation) แต่ท่านกลับส่งมอบไพ่ให้สำรับหนึ่ง แต่กลับมีรูปลักษณ์เหมือน CD ให้มากมายหลายสิบหลายร้อยแผ่นและบอกว่าเป็นงานชื้นต่อไปเรียกว่า "อนาลัย โซโล" จากนั้นก็ไปฝันว่าได้ออกไปในห้วงอวกาศไปเก็บดาวที่เป็นเสียง B Flat มา เล่าเรื่องไว้ใน http://www.novaanalai.com/novaanalai/Music.html ตื่นขึ้นมาก็แต่งเพลงไปหลายยก แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร เพราะฝันเห็น CD มากกว่าเพียงแค่เพลงแผ่นเดียว จนในที่สุดมีผู้อ่านบอกผ่านโรงพิมพ์มาว่าอยากได้ CD เพราะตามองไม่เห็น

    มีผู้อาสารับอ่านและบรรยายเสียงท่านอาจารย์อนาลัยให้ ซึ่งพี่นักเขียนก็คิดว่า ขอให้เป็นเสียงผู้ชายมีอายุหน่อย ใจดี เสียงทุ้มๆ นุ่มๆ ชัดถ้อยชัดคำก็น่าจะใกล้เคียง แต่แล้วท่านที่อาสามาก็ไม่มีเวลาพอ เพราะการอัดเสียงหนังสือ 10 เล่ม 3,125 หน้า หมายถึงว่า จะต้องผลิด CD ประมาณ 80-100 แผ่น และใช้เวลา 10-12 เดือน ผู้เขียนก็เกรงใจท่านผู้อาสาเป็นกำลัง

    แต่่พี่นักเขียนไม่ทราบว่าจะหาใครที่จะมา commit ได้นานขนาดนั้น จึงได้ทดลองอัดเสียงขึ้นเองโดยใช้คนใกล้ตัวที่เป็นผู้ชายมาทดลองพูด-อัดเสียง และคิดว่าอาจใช้ Software - GarageBand ช่วยในการปรับเสียงให้ใกล้เคียงกับเสียงท่านอาจารย์อนาลัยที่ตนเองได้ยินอยู่ภายในเสมอๆทั้งยามตื่นยามฝันได้บ้างไม่มากก็น้อย

    แต่ปรากฏว่าอัดเสียงคุณผู้ชายหลายท่าน ปรับเท่าไร ก็กลายเป็นเสียงหุ่นยนต์กันไปหมด และก็หาใครที่มีเสียงใกล้เคียงไม่ได้ อยู่ๆก็ถูกยุเล่นๆว่าให้พี่นักเขียนลองอัดเสียงแล้วปรับดูบ้างสิว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งทุกคนรวมทั้งพี่นักเขียนเองก็คาดหวังว่าจะได้หัวเราะกันกลิ้ง แต่ผลออกออกมาทำให้หลายๆคนที่อยู่ที่นี่ระหว่างอัดเสียงเป็นงง....และไม่มีใครหัวเราะเลยสักแอะ...

    ก็ฝากให้ไปลองฟังกันที่ http://www.novaanalai.com/novaanalai/Podcast/Podcast.html

    และพี่นักเขียนเองก็ต้องยอมรับว่าเป็นเสียงที่เหมือนกับเสียงภายในที่ได้ยินอย่างที่สุด...

    ใครที่อ่านหนังสือเข้าใจยาก ลองไปฟัง Audio Book ดูก่อน ขอแนะนำว่า ให้อ่านและฟัง Audio Book ไปพร้อมกันอย่างเพลิดเพลิน แต่ก็จดจ่อนะคะ เวลาฟังเสียงบรรยาย-จะมีเสียงเพลงเป็น background ตลอด และการที่อัดเสียงแบบนั้น โดยไม่ปิดเสียงเพลงเวลาที่บรรยาย ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรืออัดเสียงไม่ดี หากแต่เป็น technique จำเพาะที่จะช่วยให้ผู้ฟังใช้ประสาทสัมผัสภายในหรือประสาทสัมผัสที่หกไปด้วยขณะที่ฟัง เสมือนการที่เราพยายามฟังเสียงกระซิบหรือเสียงพูดของคนใกล้ตัว-ในสถานที่อึกทึก หากเราต้องการจะได้ยินเขา เราจะต้องจดจ่อเป็นพิเศษด้วยจิตวิญญาณหรือประสาทสัมผัสที่หกโดยไม่รู้ตัว เพื่อที่จะได้ยินเขามากว่าได้ยินด้วยหูแต่เพียงอย่างเดียว ขอให้จับอารมณ์แบบนี้ในขณะที่ฟัง ได้ผลอย่างไร บอกกล่าวกันบ้างจะได้ปรับปรุงแก้ไข

    ช่วงต่อไป จะกลับมาส่งสารว่า เราจะมีโปรแกรมสนุกๆอะไรกันอีก บอกใบ้ให้ว่า พี่นักเขียนเตรียมไว้ให้สองอย่าง(ตามรับสั่งมาจากภายใน) ส่วนนึงเกี่ยวกับการสนทนาต่อในเบื้องลึก ภาคบรรยายเกี่ยวกับหนังสือแต่ละเล่ม อีกส่วนหนึ่งเป็นภาคปฏิบัติ อย่าเพิ่งขี้เกียจอ่านกันเสียก่อนก็แล้วกัน หากพี่นักเขียน เขียนยาวก็ต้องโทษคุณ Mead เพราะชวนใครไม่ชวน มาชวนนักเขียน ก็อ่านกันเงกอย่างงี้แหละ

    ทานขนมเค้กที่สัญญาว่าจะเอามาฝากไปพลางก่อนนะคะ เดี๋ยวภาคปฏิบัติจะมา-ให้ได้สัมผัสจิตวิญญาณกันถ้วนหน้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2007
  10. โบ๊ต

    โบ๊ต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +847
    ผมซื้อมาแล้วครับสองเล่ม "ธรรมชาติของชาติภพ" และ "โลกแห่งความเป็นจริงต่างมิติ ภาคต้น"

    ผมซื้อที่ บีทูเอสบิกซีวงสว่าง หน้าปกทั้งหมดเป็นรอยเหมือนกัน
    คนขายก็งง เลยต้องซื้อมาแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะต้องการซื้อมาอ่าน
    ท่านอื่นๆหนังสือเป็นรอยใหมครับ

    ผมอ่านทีเดียวสองเล่มเลยอ่ะ สลับไปสลับมา ไม่รู้ดีหรือเปล่าว

    แล้วผมอยากฝากท่านเลขาถามเกี่ยวกับ พระพุทธเจ้าว่ามีความคิดเห็นอย่างไรด้วยครับ
    เพราะผมสงสัยมากๆ ยิ่งอ่านยิ่งสงสัย
    แล้วมันทำให้ผมไปคิดได้ว่า ท่านอาจารย์ก็บอกไว้แล้วว่า
    ผมยึดติดกับความเชื่อของผมอยู่ (ศาสนาพุทธ)

    "เส้นทางใหม่แห่งการเป็นอิสระจากความปราถนา"
    เป็นคำนิยามแห่งหนังสือชุดนี้

    ผมคิดว่ามันคล้ายกับศาสนาพุทธดีครับคือ
    หนทางแห่งการดับทุกข์ ตัดกิเลสต่างๆ

    ผมเข้าใจผิดใหมครับ
     
  11. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ถ้ายังไม่มีโอกาสซื้อหนังสืออ่าน-ขอเชิญฟัง AudioBook

    แวะไปฟัง AudioBook ที่ http://www.novaanalai.com/novaanalai/Podcast/Podcast.html ไปพลางๆก่อนก็ได้ค่ะ พี่นักเขียนจะพยายาม upload บทต่อๆไป ให้ได้ติดตามฟังกันอย่างสม่ำเสมอ ตอนนี้มีเล่มแรก โนวา อนาลัย ขยายความ-ธรรมชาติของชาติภพ
    - บทที่ 1 บทนำสู่ โนวา อนาลัย ขยายความ-ธรรมชาติของชาติภพ
    - บทที่ 2 แสวงหาผู้รู้ ผู้ตอบคำถาม
    - บทที่ 3 เธอคืออะไร

    ภายในสัปดาห์นี้ จะ upload
    - บทที่ 4 ธรรมชาติการรับรู้ของจิตวิญญาณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2007
  12. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    หนังสือเป็นรอยยังไง เล่าให้ฟังหน่อยค่ะ จะได้บอกทางโรงพิมพ์ให้แก้ไขหากเป็นข้อบกพร่องทางเทคนิก พี่นักเขียนอยู่ทางอเมริกา โรงพิมพ์ทางเมืองไทยเขาจัดการให้หมด พี่นักเขียนได้เห็นหนังสือทีหลังจากผู้อ่านหลายเดือน ป่านนี้ก็ยังไม่เคยเห็นกล่องเลยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ออกแบบเองทั้งหมดก็จริง แต่ยังไม่เคยเห็นของที่จับต้องได้เลย เพราะอยู่คนละมิติ :)

    แนะนำให้อ่่านทีละเล่มช้าๆอย่างตั้งใจ อย่าอ่านเหมือนอ่านหนังสืออ่านเล่นค่ะ จะจับประเด็นได้ยาก จะขอตอบเกี่ยวกับพระพุทธองค์ รวมกันกับคำถามของผู้อ่านท่านอื่นๆนะคะ อดใจรอนิดนึง
     
  13. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    พระอรหันต์ นักบุญ Saint


    กรณีพระอรหันต์ - คุณ Nu_Bombam ถามว่า ท่านเหล่านั้นคืนสู่ หรือเป็นหนึ่งเดียวกับพลังงานต้นกำเนิดหรือจักรวาล เป็นสภาวะที่บริสุทธิ์ ใช่หรือไม่
    ส่วนคุณโบ๊ต ถ็ขอความเห็นจากพี่นักเขียน

    พี่นักเขียนจะขอใ้ห้ความเห็นส่วนตัว ตามความเชื่อ ความเข้าใจส่วนตัวนะคะ ซึ่งอาจจะยังไม่ใช่ความรู้ร้อยเปอร์เซ็น เพราะยังต้องเรียนรู้อีกมากจากทุกๆคนที่มาช่วยกันซักถามขยายปัญหาและปัญญาไปพร้อมๆกันในที่นี้

    เมื่อท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า การพัฒนาสู่ความเป็นเลิศที่ถึงที่สุดของที่สุด จนหยุดนิ่งนั้น-ไม่มี แต่มีการพัฒนาไปถึงภาวะที่เปรียบเสมือนน้ำที่ถูกกรองผ่านชั้นหินจนบริสุทธิ์กลายเป็นน้ำบาดาล แล้วไหลกลับมาจุนเจือน้ำส่วนอื่นๆที่ยังไม่บริสุทธิ์ พี่เข้าใจว่าคำอธิบายของคุณ Nu_Bombam ถูกค้อง แต่ก็เป็นวงจรที่ไม่ใช่ว่าถึงจุดจบ พี่คิดว่าพลังงงานขององค์พระอรหันต์ หรือจิตวิญญาณของท่าน กลับคืนสู่ภาวะต้นกำเนิด รวมกันเป็นหนึงเดียว ปราศจากความเป็นบุคคลตัวตนอันเป็นเอกเทศหรืออัตตา และรวมกันเป็นองค์ความรู้อันเป็นสากลโลก ซึ่งพวกเราและสิ่งมีชีวิตหลากชาติภพหลากมิติ สามารถรับถ่ายทอดความรู้ พลังงาน หรือจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์เหล่านี้มาได้เสมอ เพื่อช่วยให้เราได้เปลี่ยนความเชื่อ ซึ่งเป็นเสมือนน้ำที่ไม่บริสุทธิ์ ให้กลายเป็นความรู้บางส่วน หรือกลายเป็นน้ำที่มีคุณภาพดีขึ้น

    แม้ว่าคำนิยามเกี่่่ยวกับพระอรหันต์จะเป็นคำนิยามทางพุทธศาสนา และศาสนาอื่นๆก็มีคำนิยามว่านักบุญ หรือ Saint ฯลฯ พี่นักเขียนคิดว่า ความคิดทางศาสนาต่างศาสนาที่คล้องจองกัน น่าจะเรียกได้ว่าความเป็นจริงที่ใช้อุปมาอุปมัย หรือ ถัอยคำที่ต่างกัน ซึ่งคำนิยามและถ้อยคำล้วนเป็นเพียงสัญญลักษณ์ แต่หัวใจของสาระนั้นเป็นข้อมูลที่แท้จริง ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า

    ศาสนาล้วนเกิดขึ้นภายหลังการค้นพบธรรมชาติแห่งความเป็นจริงส่วนบุคคล แต่แล้วศาสนาก็พาคนจำนวนมากหลงทางด้วยกฎเกณฑ์และความเชื่อส่วนบุคคลหรือส่วนกลุ่มชนที่มนุษย์ผู้บริหารศาสนาตั้งขึ้น ศาสนาซึ่งบริหารตามความเชื่อของกลุ่มชน จึงไม่อาจเข้าถึงธรรมชาติของงความเป็นจริงได้ เธอจะเห็นความเป็นจริงนี้ได้ง่ายาๆจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างศาสนา ระหว่างลัทธิความเชื่อ เพราะหากทุกศาสนาและทุกลัทธิความเชื่อยึดถือในธรรมชาติแก่งความเป้นจริงร่วมกัน ความขัดแย้งย่อมไม่ปรากฏ หากเธอแสวงหาผู้รู้ หรือ ผู้ตอบคำถาม เธอควรจะตระหนักในธรรมชาติแห่งความเป็นจริงที่ว่า

    สรรพสิ่งทั้งหลายที่เธอรู้เห็นในร่างมนุษย์
    เป็นเพียงจินตนาการของความไม่รู้​

    จาก โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ บทที่ 2 แสวงหาผู้รู้ผู้ตอบคำถาม หน้า 12

    พี่นักเขียนเชื่อว่า ถ้าเราตัดเอาคำนิยามที่ปรากฏจำเพาะในศาสนาหนึ่งๆออกไป แล้วลองมองดูสาระเหล่านั้นจากมุมมองของศาสนาอื่นๆดูบ้าง บ่อยครั้งเราจะพบความคล้ายคลึงที่ปราศจากความขัดแย้ง หากเราไม่พยายามระบุด้วยคำพูดอันจำกัดของศาสนาใดศาสนาหนึ่งแต่เพียงอย่างเดียว มันทำให้เรามองเห็นสาระนั้นๆได้กว้างขวางขึ้น แต่เมื่อใดที่เราพยายามเอาคำนิยามจำเพาะของศาสนาหนึ่งไปครอบคลุมสาระของอีกศาสนาหนึ่ง หรือพยายามอธิบายเปรียบเทียบกัน เราจะสูญเสียการขยายตัวของมุมมอง และสติสัมปชัญญะที่จะรู้เห้นได้กว้างขึ้น หากเราทำให้ความเชื่อของเราเป็นเหมือนคติจีนโบราณที่ว่าให้ทำตนให้เป็นชาถ้วยเปล่า โอกาสที่จะรับเอาความรู้ใหม่ๆก็เป็นไปได้มากขึ้น เพราะความเชื่อของเราไม่ต่างจากภาชนะที่มีขนาดหรือรูปทรงจำกัด ที่เหมาะสมกับสาระทางศาสนาที่เราเชื่อถือจนฝังรากลึก แม้ความคิดหรือสาระจากศาสนาอื่นจะมีความเป็นจริงไม่น้อยไปกว่าความคิดในศาสนาที่เราเชื่อถือ รูปทรงที่แตกต่างก็อาจจะใส่ภาชนะของเราไม่ได้ แม้จะมีขนาดเท่ากันหรือเล็กกว่า และถ้าหากมีขนาดใหญ่กว่า ก็ยิ่งใส่ไม่ได้ไปใหญ่

    พี่นักเขียนเคยมีโอกาสไปแสวงบุญด้วยการขึ้นไปบำเพ็ญบนยอดเขาหิมาลัย ณ ต้นแม่น้ำคงคาประเทศอินเดีย และได้พบกับพระอาจารย์ วีรยุทธ ท่านเป็นพระธรรมฑูตไทยประจำอินเดีย จำวัดอยู่ที่วัดไทยกุสินารา ในขณะนั้น (เมื่อปี 2000) ท่านถามว่าพี่มาอินเดียอยากจะศึกษาอะไร ก็ตอบท่านไปตามตรงว่า อยากศึกษาธรรมชาติความเป็นจริง และตามที่เรียนสมาธิมา ทำให้เชือว่า "สัปปายะ" หรือสถานที่อันสงบสุขตามธรรมชาติ เป็นสถานที่ที่จะทำให้สัมผัสกับความรู้ด้งกล่าวได้ไม่มากก็น้อย

    ท่านจึงชวนต่อว่าให้พี่นักเขียนไป "เรียนกับพระพุทธองค์" คำกล่าวของท่านทำให้หลายๆคนงง เพราะคนจำนวนไม่น้อยคิดว่า พระพุทธองค์ท่านนิพพานไปแล้ว ท่านจะยังอยู่หนใด เป็นจิตวิญญาณที่ยังอยู่ในประเทศอินเดียได้อย่างไร? ยิ่งมาทุกวันนี้ ก็ยังถกเถียงกันถึงที่ตั้งทางประวัติศาสตร์ และความเป็นเจ้าของพุทธศาสนากันยังไม่จบ

    พี่นักเขียนฟังคำกล่าวของท่านแล้วประทับใจมาจนทุกวันนี้ เพราะคิดว่า ความรู้ของพระพุทธองค์ หรือพระอรหันต์ทุกรูป เป็นสิ่งที่ล้ำค่า จะสุญหายไปพร้อมกับการนิพพานได้อย่างไร? ชั่วชีวิตของเรา ยังไม่รู้เลยว่าจะได้สัมผัสรู้เห็นพระอรหันต์ที่มีชีวิตในชาติภพนี้หรือไม่? หากความรู้ของท่านสุูญหายไปพร้อมกับการตายของกายหยาบ โลกจะมีพระอรหันต์อีกกี่องค์ก็คงไม่พอที่จะถ่ายทอดความรู้ให้กับจิตวิญญาณอื่นๆได้ เท่าที่ผ่านมา-มีพระอรหันต์ และนักบุญ หรือ Saint เกิดขึ้นในโลกเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับประชากรโลก

    ดังนั้นพี่จึงเชื่อว่า พระอรหันต์ พระพุทธเจ้า หรือผู้ที่เป็น พุทธะ นักบุญหรือ Saint ซึ่งเป็นผู้ตื่นแล้ว หมายถึงผู้ที่ได้เปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ได้อย่างบริบูรณ์แล้ว ทำให้จิตวิญญาณกลายเป็นความรู้ที่เสมอเหมือนต้นกำเนิด หลุดพ้นจากวงจรของเครื่องพรางของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ของชาติภพ ไปสู่วงจรอื่นๆที่นอกเหนือ แต่ก็ยังสัมพันธ์กับโลกนี้และถ่ายทอดให้โลกที่ท่านจากไป เสมือนน้ำบริสุทธิ์ที่จุนเจือน้ำไม่บริสุทธิ์ให้สมดุลย์

    ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า แม้ตัวท่านจะปราศจากร่างกายตัวตน เพราะความปรารถนาของท่านพ้นจากความปรารถในวัตถุธาตุไปแล้ว แต่ท่านก็ยังมีความปรารถนาในความรู้ต่อไป ความปรารถนาทำให้จิตวิญญาณเป็นอมตะ และตัวท่านเองก็ยังจะต้องพัฒนาต่อไปอีกอย่างไม่มีวันสิิ้นสุด เพราะจักรวาลขยายตัวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้มีโลกอื่น มิติอื่น ที่ต้องเรียนรู้ต่อไปอีกไม่มีวันสิ้นสุด

    ความเชื่อในการมีพระอรหันต์ที่กลับคืนไปสู่ต้นกำเนิด อันเป็นองค์ความรู้ ซึ่งเราสามารถติดต่อสื่อสารและถ่ายทอดความรู้จากท่านได้เสมอ ทำให้พี่คิดว่า แม้จะมีหรือไม่มีพระอรหันต์ที่เดินดินและยังมีชีวิตอยู่ในชาติภพนี้ให้เรารู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่ก็ทำให้มีความรู้สึกว่า เราไม่เคยถูกท่านทอดทิ้ง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • img019.jpg
      img019.jpg
      ขนาดไฟล์:
      180 KB
      เปิดดู:
      96
  14. โบ๊ต

    โบ๊ต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +847
    ของผมเป็นรอยเหมือนพลาสติกที่เคลือบหน้าปกอยู่เป็นรอยฟองอากาศ
    ยาวๆหนะครับ บางเล่มที่ร้านก็ไม่เป็น
    แต่อาจเป็นเฉพาะสาขาที่ผมซื้อมั้งครับ อาจโดนความชื้นหรืออะไรซักอย่าง
     
  15. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    จะถามทางโรงพิมพ์ให้นะคะ จะได้ปรับปรุง ขอบคุณค่ะที่เป็นรอยก็ยังอุตส่าห์ซื้อมา ไม่ว่ากันนะ
     
  16. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    สงสัยว่าความฝันคืออะไร ทำไมจึงฝัน

    พี่นักเขียนผู้ทำหน้าที่ล่ามและเลขาตอบแทนนะคะ ตามสาระที่ได้รับถ่ายทอดมา เป็นหนังสือ ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ

    ท่านอาจารย์กล่าวว่า โลกแห่งความฝัน คือโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ ที่จิตวิญญาณของเราดำเนินไป นอกเหนือช่องว่าง ระยะทางและกาลเวลาอยู่ทุกคืนวัน แต่ในความฝัน ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเราปิดลง ทำให้ประสาทสัมผัสภายใน หรือประสาทสัมผัสที่หก ทำงานได้ตามธรรมชาติ ทำให้เรารับรู้ได้โดยตรงด้วยจิตวิญญาณ เพราะประสาทสัมผัสที่หกคือ อารมณ์ จินตนาการและความรูืสึกนึกคิด ซึ่งก็คือจิต ส่วนวิญญาณ คือข้อมูล ความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ จิตและวิญญาณไม่เคยแยกกันอยู่ เพราะจิตทำให้วิญญาณซึ่งเป็นข้อมูล ความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพถ่ายทอดได้

    ความฝันเป็นโลกแห่งความเป็นจริงที่จิตวิญญาณสถิตย์อยู่คาบชาติภพ คาบมิติ นอกเหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่าง ระยะทางและกาลเวลา อันเป็นเครื่องพรางของโลกทางกายภาพ และเป็นโลกที่รู้เห็นไม่ได้ด้วยประสาทสัมผัสทางกายภาพ

    เราฝันเพื่อรู้เห็นอดีต อนาคต และความเป็นไปในชาติภพอื่น มิติอื่น ของตัวตวหลากมิติของเรา เราไม่ได้เป็นตัวตนเดียวโดดเดี่ยว ในชาติภพนี้ แต่จิตวิญญาณมาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง หลายบุคคลตัวตน หลายร่าง หลายชาติภพ หลายมิติ พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน

    แต่ในโลกยามตื่นระบบประสาททางกายภาพทำให้เรารับรู้ได้จำกัดตามเส้นทางแห่งกาลเวลา ภายใต้เครื่องพรางของช่องว่าง ระยะทางและกาลเวลาที่ให้เราสามารถตอบสนองอย่างฉับพลันกับสภาพแวดล้อมทางกายภาพของโลก

    ในขณะเดียวกันจิตวิญญาณก็ยังเป็นไป ตามภาวะต้นกำเนิดอันเป็นธรรมชาติ ซึ่งดำเนินไปหลากมิติ เรารู้เห็นความฝันได้เพราะเรามีต้วตนภายใน ซึ่งเป็นผู้ฝัน อันเป็นตัวตนที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางผู้ประสานตัวตนต่างชาติภพทั้งหมดเข้าด้วยกัน ตัวตนภายในเป็นตัวตนรวม หรือจิตวิญญาณรวมของเราจากทุกชาติภพ ทุกมิติ ประสบการณ์ในความฝันที่เรารู้เห็น เป็นประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง หลากโลก หลากชาติภพ หลากมิติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อตัวตนในปัจจุบันและชาติภพในปัจจุบันเป็นระบบเครือข่าย

    อยากให้คุณเอกณัฐยศ ได้อ่านหนังสือเล่มแรก โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพก่อน แล้วต่อด้วย ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ จะได้คำตอบอีกมากมายค่ะ พี่ย่อสั้นๆมาให้ แต่ยังมีสาระอีกมากมายที่อยากให้ได้เต็มๆ ลองไปอ่านดูบทที่หนึ่งจากทุกเล่ม จาก website ก่อน และฟัง AudioBook จาก PodCast ก่อนก็ได้ค่ะ แล้วเชิญไปร่วมสนทนากับเพื่อนๆ และญาติมิตรทางจิตวิญญาณได้เสมอที่ http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=86527 พี่จะไปสนทนากับผู้อ่านและช่วยกันศึกษาขยายความจากหนังสือ และบางครั้ง ท่านอาจารย์อนาลัยจะช่วยตอบคำถามผ่านมาให้ค่ะ
    --พี่นักเขียน
    <mailto:writer@novaanalai.com>
    2007-08-13 21:36:47 GMT
     
  17. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ภาคปฏิบัติ ปฐมฤกษ์

    พี่นักเขียนได้รับบทฝึกฝนเหล่านี้มาจากท่านอาจารย์อนาลัย และได้ใช้เป็นบทฝึกฝนบทแรกเสมอสำหรับผู้ที่ไม่เคยฝึกสมาธิมาก่อนเลย ขอให้ลองฝึกดูนะคะ เริ่มต้นอ่านวิธีการให้ละเอียดจนเห็นภาพแล้ว พอลงมือปฏิบัติ ให้ตระหนักว่า เรากำลังสัมผัสกับธรรมชาติของจิตวิญญาณ เราไม่ได้กำลังทำอะไรที่เราไม่รู้จัก เราเพียงแต่จะสัมผัสให้รู้เห็นภาวะอันเป็นไปอยู่เสมอ

    ภาคปฏิบัติ
    สัมผัสกับสภาวะอันเป็นธรรมชาติของจิตวิญญาณ:

    กาย:
    1. ให้นั่งในท่าที่สบาย จะนั่งขัดสมาธิบนเบาะ หรือนั่งเก้าอี้พิงตามสบาย หรือจะนั่งเหยียดขาในเตียงนอนพิงหมอนอิงก็ได้ แต่อย่าเอาศีรษะพิง จะทำให้ง่วงและหลับ เอาฝ่ามือวางบนตัก จะคว่ำหรือหงายก็ได้แล้วแต่ว่าฝ่ามือร้อนเพียงใด หากฝ่ามือร้อนกว่าปกติให้หงายขึ้น หากอุ่นพอสบายๆไม่รบกวนประสาทสัมผัสก็ให้คว่ำหรือหงายก็ได้ หากฝ่ามือเย็นกว่าปกติให้คว่ำลง

    2. ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน โดยให้สังเกตดูว่าเราไม่ได้บิดกล้ามเนื่อหรืออยู่ในท่าที่เกร็งหรือยึด
    2.1.สำรวจจากปลายเท้่าถึงส้นเท้าก่อน ผ่อนคลายทุกส่วน
    2.2 จากนั้น ก็ค่อยๆเคลื่อนการสำรวจจากข้อเท้าเลื่อนขึ้นตามน่องมาถึงหัวเข่า
    2.3 จากหัวเข่า เลื่อนตามต้นขาขึ้นมาถึงสะโพก
    2.4 จากสะโพกเลื่อนขึ้นมาตามลำตัว สำรวจดูว่าเราไม่ได้นั่งเอนเอียง บิดเบี้ยว ไม่ได้ศูนย์ หากเป็นเช่นนั้นก็ปรับให้เข้าที่และผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน
    2.5 จากลำตัว ให้สำรวจแขน จนจรดปลายนิ้วมือ
    2.6 จากนั้นให้สำรวจหัวไหล่ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลัง ไหล่
    2.7 จากนั้นสำรวจกล้ามเนื้อคอ และศีรษะ

    จิต
    1. เมื่ออยู่ในอาการที่รู้สึกว่า กล้ามเนื้อทุกส่วนผ่อนคลายหมดแล้ว ให้นำอารมณ์ไปจับสัมผัสถึงพลังงงานที่อยู่ภายใน ซึ่งลมหายใจของเรานำพาพลังงานเหล่านี้จากต้นกำเนิดมาสู่ร่างกายตัวตนของเรา เริ่มแรกอาจทำได้ด้วยจินตนาการ แต่เหล่านี้คือธรรมชาติความเป็นจริงของจิตวิญญาณที่เป็นพลังงาน ซึ่่งเข้าออกร่างกายเราอยู่ตลอดวันเวลา

    2. จินตนาการว่าเราจะพบกับพลังงานที่ว่านี้ ในร่างกายเนื้อหนังของเรา (แม้ใช้จินตนากการ ก็จะรู้สึกได้อย่างแท้จริงในความเป็นจริงของพลังดังกล่าว)

    3. จากนั้นให้ จินตนาการว่า พลังงานที่ว่านี้หลั่งไหลออกจากร่างกายเนื้อหนัง ทุกทิศทาง โดยมีศูนย์กลางอยู่ ณ กลางลำตัว (เหนือสะดือ 2 น้ิว)

    4. ให้ใช้จินตนาการ แลเห็นพลังงานที่หลั่งไหลออกจากร่างกายทุกทิศทางนี้ เป็นลำแสงที่พุ่งออกไป ทะลุผ่าน ผนัง พื้น ฝ้าเพดานของห้อง ออกไปนอกอาคาร ทะลุผ่านต้นไม้ ใบหญ้า รอบตัวเราลำแสงพุ่งออกไปทะลุทุกสิ่งทุกอย่างในสภาพแวดล้อม เบื้องล่างของเรา ลำแสงนี้พุ่งลงไปถึงแกนกลางของโลก เบื้องบนของเรา ลำแสงนี้พุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ผ่านเมฆ และพุ่งออกไปจนสุดจักรวาลอันไกลโพ้น


    จิตวิญญาณ
    ทั้งหมดนี้ อาจเริ่มต้นด้วยจินตนาการ แต่แท้จริงแล้ว มันคือสภาวะอันเป็นธรรมชาติของจิตวิญญาณ ซึ่งพุ่งออกมาจากสติสัมปชัญญะและต้นกำเนิดของการสร้างสรรค์ของเราทั้งหลาย ออกไปสู่สรรพสิ่งทั้งปวงในจักรวาล หากเราฝึกฝนบ่อยๆ เราจะสัมผัสได้ถึงภาวะของจิตวิญญาณอันเป็นพลังงานที่ปรากฏอยู่ในลักษณะแผ่กระจายไปสู่ทุกทิศทางดังกล่าวนี้อย่างเป็นธรรมชาติ ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า:

    ตัวตนทั้งหมดของเธอคือพลังชีวิตที่มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป เป็นส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อม และในขณะเดียวกันก็แยกจากสภาพแวดล้อมด้วย​

    (จากหนังสือ จิตวิญญาณประสานกาย บทที่ 2 ความรู้สึกนึกคิด -ทัศนะคติและความเชื่อ กับ สุขภาพ)

    เราจะรู้สึกว่า ตัวตนของเราเสมือนหิ่งห้อยที่เล็กจิบจ้อย สว่างไสว แต่ในขณะเดียวกันก็พองโต จนปราศจากขนาด และสัมผัสได้ถึงการเป็นตัวตนที่อยู่ในระบบเครือข่ายของพลังงาน ที่เข้า-ออกร่างกายของเราอยู่ตลอดวันเวลา เสมือนกระแสที่ผ่านทุกอนูของเรา

    แบบฝึกฝนบางแบบที่พี่นักเขียนจะนำมาให้ลองฝิกฝนกัน จะปรากฏในหนังสือ 10 เล่ม แต่จะกล่าวถึงสาระในหนังสือก่อนจึงจะแนะนำให้ฝึกฝน เพราะหากเราไม่ได้ข้อมูลความรู้เป็นหลักการไว้ก่อน การฝึกฝนจะเปล่าประโยชน์ เพราะเราจะไม่เข้าใจและจับภาวะบางอย่างที่เกิดขึ้นจริงไม่ได้ บางบทฝึกฝนก็ยังไม่ได้อยู่ในหนังสือเล่มใดเลย เพราะได้จดไว้มากมายในบันทึกความฝัน ซึ่งยังถอดความไม่หมด แต่ได้นำบทฝึิกฝนไปใช้ตลอดเวลาที่ผ่านมากว่า 7 ปีและถ่ายทอดให้ผู้ที่มาเรียนสมาธิได้ทดลองกันทั่วหน้าเสมอ บอกใบ้ให้ใจชื้นว่า - ไม่เคยมีใครที่ทำไม่ได้ - เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปาฏิหารย์ ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า:

    ปาฏิหารย์หมายถึงผลลัพธ์อันเป็นธรรมชาติซึ่งปราศาจากการขัดขวาง
    (จากหนังสือ จิตวิญญาณประสานกาย บทที่ 6 คำวินิจฉัย กับ สุขภาพ)


    ได้ทดลองแล้วมาเล่าประสบการณ์สู่กันฟังนะคะว่า สัมผัสอะไรกันได้มากน้อยเพียงใด

    ต่อไป พี่นักเขียนจะถ่ายทอดวิธีการฝึกฝนเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดลงสู่วัตถุ และนำวัตถุมาแลกกัน เพื่ออ่านว่าเพื่อนของเราอัดความรู้สึกนึกคิดอะไรลงไปในวัตถุนั้นๆ เคยทำกับวัตถุจริงๆมาตลอด คราวนี้มาลองทำ online กันดูซิ ว่าจะได้ผลเหมือนกันไหม และมาพิจารณากันว่า สิ่งเหล่านี้มีความเป็นไปได้ เพราะอะไร?

    ขอเชิญชวนให้อ่านหนังสือเล่มแรก โนวา อนาลัยขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ และนำมาสนทนาควบคู่กับภาคปฏิบัติไปด้วย จะได้เข้าใจในปรากฏการณ์ภาคปฏิบัติได้ชัดเจนขึ้น ใครยังไม่มีหนังสือ ไปฟัง Audio Book พลางๆก่อนที่ http://www.novaanalai.com/novaanalai/Podcast/Podcast.html พี่นักเขียนจะ upload ให้ฟังอย่างสม่ำเสมอทุกสัปดาห์ จนกว่าโรงพิมพ์เขาจะว่าเอาว่าทำให้เขาขายหนังสือไม่ออก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2007
  18. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +3,212
    จิตที่ใช้คำว่าวิญญาณ ถ้าแบบที่มาเข้าคนคือสิ่งที่ลอยไปลอยมา ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
    หรือ เฝ้าสถานที่ ยังไปเกิดไม่ได้
    ถ้าเป็นเทวดามาเข้า แล้วขอข้าวกิน ไม่ได้มาสอนธรรมคือพวกที่ถูกอำนาจฝ่ายต่ำมาควบคุม
     
  19. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
     
  20. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    พอเปิดเข้าไปฟัง ขนลุกเลยครับ ตกใจนึกว่าใครเอาเสียงผมไปใส่
    (b-wow)
     

แชร์หน้านี้

Loading...