ลำดับชั้น การบรรลุธรรม

คุณขอรับ การเขียนหนังสือหลักธรรมศรีอาริยเมตไตรย ไม่ได้เขียนเพื่อเผยแพร่ หรือนำออกจำหน่าย ที่ยื่นขอลิขสิทธิ์ไว้ เพื่อป้องกันมิให้เกิดการนำไปแอบอ้างว่าเป็นของตัวพวกเขา
การสอนหลักธรรมหรือ การเผยแพร่หลักธรรมของข้าพเจ้า เผยแพร่ เฉพาะหลักธรรมต้นตอทางพุทธศาสนาเท่านั้น เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้ได้รู้กันว่า ไม่มีผู้ใดหนีพ้นหลักธรรมแห่งข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าไม่ได้ต้องการลูกศิษย์ หรือสาวก ใดใด เพราะทุกคน และทุกศาสนา ล้วนเป็นสาวกแห่งข้าพเจ้าโดยปริยายอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะอยู่ศาสนาไหนๆ ถ้าข้าพเจ้า หมุนกงล้อธรรมจักร อันเป็นอาวุธแห่งพระศิวะ ย่อมไม่มีผู้ใดหนีพ้นหลักธรรมแห่งข้าพเจ้าไปได้ แม้แต่สิ่งที่มนุษย์มองไม่เห็น ก็ยังไม่สามารถหนีพ้น
จงได้ทำความเข้าใจเอาไว้

 

ขอบคุณที่กรุณาตอบข้อสงสัย ขอถามต่อสักหน่อยคือ ตอนนี้หมายความว่าคุณมีหนังสือหลักธรรมที่เป็นลิขสิทธิ์ของตนแล้วและยังไม่เคยมีใครได้ศึกษาหลักธรรมเหล่านั้นไช่ใหม ถ้าอย่างนั้นคนรอบข้างในครอบครัวและที่ทำงานของคุณได้มีความเห็นอย่างไรบ้างต่อหลักธรรมของท่าน

ขอบคุณล่วงหน้าที่กรุณาตอบด้วยจิตเบิกบาน สาธุ

 

จะว่าใช่ก็ใช่นะ ข้าพเจ้าเคยพิมพ์เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ แต่คอมพิวเตอร์ของข้าพเจ้ามักจะค้างเวลาเล่นอินเตอร์เน็ต ข้าพเจ้าก็เลยลบทิ้งไปเมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมานี้เอง พอลบทิ้ง อาการค้างก็หายไป
ความจริงแล้ว หนังสือหลักธรรม ที่ข้าพเจ้าเขียนไว้ ก็คงจะมีอยู่ แต่เนื้อหายังไม่ครบถ้วน เนื่องจาก บางเนื้อหา ไม่สามารถเขียนลงไปได้ เป็นความลับ เช่น การปฏิบัติ หรือ เรื่องของการปฏิบัติที่ทางศาสนาพุทธเรียกว่า "วิปัสสนา" และยังมีอีกหลายอย่าง
ส่วนคนรอบข้าง คนในครอบครัว หรือ ที่ทำงาน (ความจริงเกษียณแล้ว) ข้าพเจ้าไม่เคยให้พวกเขาได้รู้เลยว่าข้าพเจ้าคือใคร และไม่เคยสอนหลักธรรมอะไรให้พวกเขาเลย มีแต่บรรจุเข้าไปในตัวพวกเขาเป็นบางครั้ง อยู่เป็นระยะ เพื่อให้พวกเขาได้รู้ด้วยตัวเอง ยกเว้น บุตร ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสอนให้หนึ่งบทเรียน (สองบทย่อย) อันเป็นบทเรียนต้นตอทาง คริสต์ศาสนา ซึ่งบุตรของข้าพเจ้าก็ย่อมไปคิดพิจารณาด้วยตัวเขาเอง

 

ขอบคุณมากเราเองพอเข้าใจบ้างแล้ว แต่มีนิดเดียวคือที่ว่าถามเรื่องลิขสิทธิ์หนังสือ คุณกล่าว จะว่าไช่ก็ไช่ คือสรุปว่าไช่ใหมคือหมายถึง จดลิขสิทธิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วไช่ใหม

คำถามสุดท้าย
ปัจจุบันคุณได้พบจิตแพทย์บ้างหรือปล่าว อย่าเพิงโกรธนะคือข้าพเจ้าได้อ่านตอนแรกที่คุณกล่าวว่าเคยได้เข้ารักษากับจิตแพทย์มาแล้วจึงไม่ทราบว่าอาการจนถึงเดี๋ยวนี้เป็นอย่างไรและยังต้องพบแพทย์อยู่ใหม หรือว่าเป็นปกติดี

ขอบคุณล่วงหน้าที่อนุเคราะตอบเราด้วยดี สาธุ

 

55555..สุดยอดมากเลย...คุณ วังโพธิสัตว์ เอาอีกๆๆ ครับ ช่วยๆ หน่อยผม ตามอ่าน อยู่นะ...ค่อยๆนวด นะครับ...ท่าจะดี ขอ ที่อยู่ จขกท . ด้วยจะส่งยา ไปให้ครับ แก้ อาการ ทางจิต ของ เขา ครับ..ก๊ากๆๆๆ

 

อ้าว...คุณไม่อ่านคำถามของคุณ แล้วอ่านคำตอบที่ข้าพเจ้าตอบให้ อ่านแล้วทำความเข้าใจในบริบทของภาษาไทยด้วยซิขอรับ
ข้าพเจ้าไม่โกรธใครง่ายดอกขอรับ เพราะข้าพเจ้าสามารถขจัดอาสวะได้ พวกคุณเข้าใจข้าพเจ้าผิดไปแล้ว
คุณขอรับ การเข้าไปรักษาอาการกับจิตแพทย์ที่ข้าพเจ้ากล่าวถึง มันเป็นความต้องการศึกษาและวิจัยของจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลประสาทจังหวัดเชียงใหม่ในตอนนั้น แพทย์ผู้ให้ข้าพเจ้านอนโรงพยาลประสาท ก็คือ "นายแพทย์ ภาณุพงษ์"(ขออนุญาตเอ่ยนาม) เพียงแค่ข้าพเจ้าพูดว่า "ต่อไปข้าพเจ้าจะไม่มาตรวจอีกแล้วเพราะมันเจ็บแสบศีรษะ เนื่องจากเขาให้ตรวจคลื่นสมองโดยใช้เข็มแทงไปทั่วศีรษะ พอดึงออก ก็เอาแอลกอฮอลทาทำให้เจ็บแสบ เท่านั้นแหละ" ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นโรคจิตหรือโรคประสาทดอกขอรับ เพราะในตอนนั้นเป็นช่วงที่ข้าพเจ้ากำลังค้นหาหลักวิชชาการทางศาสนาอยู่ และเกิดพิจารณาเกี่ยวกับ "นิวเคลียส"ในร่างกายไม่ถูกต้องตามหลักความจริง เพราะได้เรียนเกี่ยวกับนิวเคลียสมาตามตำรา พอได้ดูละครโทรทัศน์เรื่อง "อสูรกาย" ก็เลยทำตาม ปรากฏว่าผิดไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดอาการผิดปกติทั้งทางสมองและร่างกาย คนอื่นไม่รู้ก็จะมองว่าข้าพเจ้าประสาทในบางครั้งเท่านั้น เมื่อหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็ยังมีอาการเหมือนเดิมนั่นแหละ กว่าจะรักษาให้หายเป็นปกติได้ ก็ปาเข้าร่วม 25 ปี(ยี่สิบห้าปี) เป็นการรักษาด้วยตัวเองไม่ได้รับการรักษาจากจิตแพทย์ขอรับ

 

ขอบคุณมากที่คุณกรุณาตอบต้องขอโทษที่ปัญญาเราน้อยไปเองจึงเข้าใจยากหน่อย
คือ เรื่องหนังสือหลักธรรมของคุณ ๆได้ตอบว่าจะว่าไช่ก็ไช่ คือหมายความว่าได้จดลิขสิทธิ์ตามกฏหมายแล้วไช่หรือไม่ ขอโทษที่ต้องฟันธงให้สั้นโดยไม่มีบริบทอย่างไดเราเข้าใจได้เฉพาะในสิ่งง่าย ๆ แต่หากคุณกล่าวซ้ำในบริบทเดิมข้าพเจ้าคงเข้าใจว่า " ยัง " (ต้องขออภัย)

และขอโทษอีกครั้งที่ได้ถามเรื่องที่ คุณได้พบจิตแพทย์ โดยไม่มีเจตนาอื่นเพียงแต่ได้ทราบจากที่คุณกล่าวไว้ดังนี้

( เมื่อมาถึงประมาณปี 2524 - 2526 ความคิดของข้าพเจ้าเริ่มหมุนกลับ ถึงกับรู้สึกว่าตัวเอง เป็นลูกของพระมหากษัตริย์ แต่เมื่อไปพบจิตแพทย์ ก็ได้รับคำตอบว่า ผมอยู่ในภาวะสับสน เมื่อรู้แล้ว ผมจึงได้หายคิดบ้าๆแบบนั้น )

และอีกหลายประการโดยไม่ได้กล่าวในเรื่องการศึกษานิวเคลียสหรือเจ็บป่วยเช่นครั้งนี้แต่ตอนนี้คุณได้ชี้แจงเหตุผลใหม่แล้วข้าพเจ้าจึงพอเขาใจขึ้น จึงได้สอบถามไปด้วยความเป็นห่วงว่าตอนนี้ ยังต้องพบจิตแพทย์อยู่ใหม แต่เมื่อคุณหายเป็นปกติแล้วจึงยินดีด้วย

อยากรบกวนปัญญาคุณอีกสักเล็กน้อย

1 คุณเชื่อมั่นปัญญาแห่งตนเช่นนี้แล้วปัจจุบันคุณเองยังเข้าวัดฟังธรรมหรือไม่และยังยินดีเคารพกราบใหว้ต่อพระสงฆ์หรือผู้บำเพ็ญท่านอื่น ๆ ดีหรือ คือท่านเองอาจจะมีเหตุผลที่แตกต่างไปจึงอยากทราบเป็นธรรมทาน

2 จำได้ที่คุณกล่าวว่า คุณคือศาสดา จึงอยากทราบว่าคุณมีสาวกหรือผู้ที่คุณสอนแล้วสำเร็จตามได้จริงอย่างท่านมากน้อยสักเพียงได และ ท่านยังมีภพชาติต้องมาเกิดอีกหรือไม่

ขอบคุณที่ตอบเป็นธรรมทานหากล่วงเกินสิ่งไดต้องขออภัยในสิ่งเหล่านั้น
เจริญในธรรมทุกท่าน สาธุ

 

คุณขอรับ คุณกลับไปอ่านอีกครั้ง แล้วคุณจะได้คำตอบ ไม่ต้องให้ข้าพเจ้ามาตอบซ้ำอีก และคุณก็ไม่ควรมาคาดคั้นข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าได้ตอบให้แล้ว กลับไปอ่านให้ดีนะ
ส่วนเรื่องการไปพบจิตแพทย์ครั้งแรกตามที่คุณนำมาเป็นข้ออ้างถึงนั้น เป็นโรงพยาบาลค่ายกาวิละได้ทำหนังสือส่งตัวข้าพเจ้าไปตรวจที่ โรงพยาบาลสวนปรุง ตอนนั้นแพทย์ไม่ได้ให้นอนขอรับ เพียงแต่จัดยาให้ ข้าพเจ้ามีเงินไม่พอ จึงนำใบสั่งยานั้น กลับมาที่โรงพยาบาลค่ายกาวิละ ให้เขาจัดยาให้ขอรับ ส่วนอีกครั้งหนึ่งนั้น ข้าพเจ้าได้ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลโรคจิตและประสาท เชียงใหม่ ดังที่ได้เล่าไป

๑. ข้าพเจ้ามีหลักวิชชา ๓ วิชชา ๘ อันได้ศึกษาค้นคว้า วิจัย ทดลองปฏิบัติจนได้ผลดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเข้าวัดฟังธรรมเทศนาอะไรอีก ส่วนเรื่องอื่นๆก็เป็นๆไปตามการครองเรือน เป็นไปตามหลักจารีต วัฒนธรรมประเพณี คุณถามเพราะคุณคิดว่าข้าพเจ้ามีความคิดที่ผิดแผกจากมนุษย์คนอื่นๆที่ปกติหรืออย่างไร หลักธรรมแห่งข้าพเจ้าครอบคลุมทุกศาสตร์ทุกแขนงวิชาการอยู่แล้ว อีกทั้งหลักธรรมแห่งข้าพเจ้า ก็มีหลัก ในหัวข้อ การครองเรือน ทาน ฯ ประพฤติฯลฯ ไม่มีข้อแตกต่างอะไร มีแต่พวกมนุษย์ที่ไม่ปกติอื่นๆที่แตกต่าง จากข้าพเจ้า ก็เท่านั้น

๒.ข้าพเจ้าคือ ศาสดาแห่งศาสนา ไม่จำเป็นต้องมีสาวกอะไรดอกขอรับ แค่สอนลูกสอนเมียยังสอนยาก ประการที่สำคัญข้าพเจ้ามีหน้าที่แก้ไขศาสนาให้ถูกต้องตามต้นแบบ ใครจะเชื่อ หรือไม่เชื่อ ก็ไม่เกี่ยวกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทำไปตามที่ข้าพเจ้าสามารถทำได้ ผลประโยชน์อยู่มนุษย์ทั้งหลาย เชื่อก็ดี ไม่เชื่อก็แล้วแต่

ส่วนเรื่องภพชาติหรือการกลับมาเกิด หรือการมีอายุยืนนาน ตอนนี้ยังตอบให้ชัดแจ้งไม่ได้ เพราะกำลังอยุ่ในขั้นตอนของการวิจัย ค้นคว้า และทดลอง ตอนนี้ไม่ทราบว่าคุณมีอายุเท่าไหร่ ถ้าคุณมีอายุ ๕๐ ปีขึ้นไป อาจจะไม่ได้เห็นว่าข้าพเจ้าจะวิจัย ค้นคว้า สำเร็จหรือไม่ เพราะต้องใช้เวลา

 

เอาล่ะข้าพเจ้าได้คำตอบในเรื่องที่กล่าวแล้ว ขอบคุณมากในการอธิบายข้าพเจ้ามิได้มีเจตนาอื่นใดเพียงแต่สนใจและเห็นความกล้าหาญของคุณที่พร้อมจะตอบทุกประการ (คิดเล่น ๆ ว่าเราเป็น วู้ดดี้ กำลังถามบุคคลสำคัญแล้วกันเพื่อจะไม่รำคาญข้าพเจ้า)

ขอรบกวนปัญญาคุณต่อสักหน่อยคงเหลือน้อยแล้ว

1 การที่คุณนั้นได้ประกาศความเป็น อรหันต์ องเดียวในโลก และ พระศรีอารีย์เมตไตร และยังเป็น ศาสดาทุกศาสนา คุณยืนยันว่าพร้อมจะพิสูจหากทุกคนต้องการ ไม่ทราบว่า หากมีคนสนใจจริงคุณจะพิสูจด้วยวิธีได และที่ผ่านมาเคยพิสูจให้ใครได้ทราบบ้างหรือยังและได้ผลเช่นไร

2 คุณได้กล่าวเรื่องที่คุณสามารถ เปล่งฉัพพรรณรังสี เป็นสีประกายต่าง ๆ ได้จึงเป็นที่น่าสนใจ ไม่ทราบว่าเคยได้แสดงหรือมีใครได้ชมบ้างใหม

3 คุณมีสหธรรมมิก หรือเพื่อนที่ร่วมภาวนา ร่วมวิจัย ร่วมสนทนาธรรมบ้างใหม

ขอบคุณมากที่กรุณาตอบด้วยจิตที่เบิกบาน ข้าพเจ้ามิได้เจตนาคาดคั้นอย่างที่เข้าใจ หากคุณไม่ต้องการกล่าวก็สุดแล้วแต่วิจาณญาณ หวังว่าจะได้เห็นผลในการทดลองและวิจัยของท่าน

เจริญในธรรมสาธุ

 

อ้อ...คุณได้สันนิษฐานถึงอายุข้าพเจ้าว่าคงมากแล้วอาจจะ 50 ปีขึ้นไปความจริงแล้วข้าพเจ้ายังเด็กนัก

สาธุ เจริญในธรรมทุกท่าน

 

มองไม่เห็นหรือไงอิอิ

 

ถามมาได้เลยขอรับ ถ้ามันจะก่อให้คุณเกิดความรู้ความเข้าใจ อย่าก่อกวนก็แล้วกัน จะตอบให้เท่าที่สามารถตอบได้
๑.ข้าพเจ้า ไม่ได้ประกาศตัวว่าเป็น อรหันต์องค์เดียวในโลก แต่ข้าพเจ้าบอกว่า ข้าพเจ้าบรรลุนิพพาน และในปัจจุบันนี้ มีแต่ข้าพเจ้าเพียงผู้เดียว คุณต้องทำความเข้าใจให้ดี
การจะพิสูจน์ คุณจะพิสูจน์ด้านไหนกันละ ถ้าเป็น ด้าน หลักธรรม ข้าพเจ้าก็แสดงไปแล้ว คุณก็ไปคิดพิจารณาเอาเอง
ถ้าหากจะพิสูจน์ ปรากฏการณ์ทางสรีระร่างกาย นั่นก็คือ "ฉัพพรรณรังสี" คุณก็ย่อมได้เห็น และไม่ต้องเอาคำกล่าวแบบพวกฝรั่งมากล่าว เพราะพวกฝรั่งมันก็แค่นำเอาข้อความที่ข้าพเจ้าแสดงแล้วไปตั้งเป็นชื่อใหม่ ว่า "ออร่า" ก็เท่านั้น

๒. ฉัพพรรณรังสี ไม่ใช่เรื่องโอ้อวด แต่เป็นกลไกอัตโนมัติ เมื่อร่างกายได้สัมผัสทางอายตนะทุกชนิด ร่างกายของข้าพเจ้าก็จะขจัดอาสวะออกจากร่างกายในทันที ขณะขจัดอาสวะก็จะเปล่งฉัพพรรณรังสี เพราะ ฉัพพรรณรังสี แท้จริงก็คือ คลื่นความคิด อารมณ์ ความรู้สึก รวมไปถึง คลื่นความโลภ ความโกรธ ความหลง แม้แต่เกิดหรือเกิดมีด้วยสาเหตุใดใดก็ตาม เพียงเล็กน้อย กลไกของร่างกายก็จะขจัดออกจากร่างกาย ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าสิ่งที่ได้สัมผัสนั้น เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมหรือการงานของข้าพเจ้าหรือไม่ ถ้าเกี่ยวข้อง ก็อาจจะไม่ขจัดอาสวะเพราะจำเป็นต้องทำจำเป็นต้องดำเนินชีวิต อย่างนี้เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่ ถ้าได้สัมผัส ก็จะขจัดออกเป็นรูปของฉัพพรรณรังสีในทันทีขอรับ

๓.ไม่มีขอรับ มีแต่ครู อาจารย์ ผู้ประสงค์ดี ผู้หวังดี คอยแนะนำ คอยสอน คอยช่วยเหลือ ปัจจุบันก็มีเยอะขอรับ

 

ขอถามอีกสักนิด

1 การที่คุณพิสูจน์ด้วยวิธีแสดงธรรมเป็นเพียงการสนทนาอย่างนั้นหรือ และหากไม่มีพยานที่เข้าใจหรือปฏิบัติตามได้จริงแล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าคุณถูกต้องเพียงคนเดียวและคนอื่นไม่ถูกแม้สักคน ( เพราะท่านอื่นที่บรรลุนิพพานก็ยังมีในยุคนี้ และท่านเองก็ยังไม่เคยพิสูจน์ให้ใครยอมรับได้ )
และคำว่า ออร่า ก็มีมานานมากที่บ้านเขา ฝรั่งเขารู้จักกับคุณมาก่อนอย่างนั้นหรือจึงได้กล่าวว่าเขาลอกวิชาจากท่านไป

2 คุณได้กล่าวว่าสามารถขจัดอาสวะได้แต่จากที่อธิบายก็ทำได้เป็นบางเวลา ซึ่งหมายถึงอาสวะคุณยังพร้อมที่จะมีขึ้นได้อีกตลอดเวลาอย่างนั้นหรือ

3 การที่กล่าวว่าไม่มีใครหนีพ้นหลักธรรมของคุณได้หากคุณหมุนกงล้อธรรมจักร หมายความว่า กงล้อธรรมจักรเป็นของคุณหรือ และปัจจุบันกงล้อธรรมจักมิได้หมุนเช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นกงล้อธรรมจักรของท่านคืออย่างไร ท่านจะหมุนอย่างไรและเมื่อไร

4 ข้าพเจ้าได้ถามไปว่า คุณยังมีพบชาติต้องเกิดอีกหรือไม่ คุณได้กรุณาตอบดังนี้

(ส่วนเรื่องภพชาติหรือการกลับมาเกิด หรือการมีอายุยืนนาน ตอนนี้ยังตอบให้ชัดแจ้งไม่ได้ เพราะกำลังอยุ่ในขั้นตอนของการวิจัย ค้นคว้า และทดลอง)และยังต้องใช้เวลานานมาก

จึงอยากทราบว่าคุณทดลองเรื่องไดหรือ และมีวิธีทดลองอย่างไร มีวี่แววจะเห็นผลเมื่อไร เพราะหากนานเกินไปคุณอาจจะล่วงลับไปก่อน และทุกสิ่งคงหายไปพร้อมกัน (ต้องขออภัย)

น่าเสียดายกับข้อมูลธรรมที่คุณค้นพบมากมายแต่ยังไม่เคยมีใครได้พบเห็นและยอมรับ กระทั่งคุณได้เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์อย่างดีแต่เครื่องก็ยังมีอันเป็นไปเพราะข้อมูล แต่เพียงนำข้อมูลออกเครื่องก็หายทันที จึงหวังว่าจะรักษาไว้ให้ดีเผื่อว่าข้าพเจ้าอาจจะมีโอกาศได้อ่านบ้าง


หากข้อความใดล่วงเกินไปต้องขออภัยด้วยและขอบคุณที่ตั้งใจอ่านและตอบด้วยดี
เจริญในธรรม สาธุ

 

กิเลสทั้งหลายล้วนเข้าครอบงำคนที่ยัง รัก โลภ โกรธ หลง และสร้างทุกข์ตามมา
พึงสนทนาธรรมกันด้วย หลักธรรม เถิด สาระจึงบังเกิดขึ้นได้ .......
///วันนี้คุณบำเพ็ญธรรมถึงขั้นใดแล้ว ???//
(สาระแห่งชีวิตอยู่ที่จิตของตน หาใช่สิ่งภายนอกเลย)​

 

๑.คำถามบางอย่างของคุณเหมือนจะคาดคั้นอยากได้สิ่งที่คุณต้องการ การพิสูจน์ ถ้าไม่พิสูจน์ธรรมะแล้วคุณจะพิสูจน์อะไรหรือขอรับ ส่วนพยานก็ไม่จำเป็นต้องมีขอรับ คุณก็มาพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองซิขอรับ ถ้าคุณมัวแต่นั่งพิมพ์อยุ่นั่น แล้วคุณจะรู้อะไร ส่วนเรื่อง ออร่า อะไรเล่านั้น เรื่องไร้สาระคุณไม่ต้องค้นหามันดอกขอรับ

๒.ข้าพเจ้าไม่ได้กล่าวว่า สามารถขจัดอาสวะได้บางเวลา แต่การขจัดอาสวะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยบางสิ่ง ส่วนใหญ่หรือส่วนมาก หรืออาจจะทั้งหมด ก็ต้องขจัดอาสวะอยู่ตลอดอยู่แล้ว เพียงแต่บางครั้ง การขจัดอาสวะอาจไม่จำเป็นเพราะเนื่องด้วย การดำเนินชีวิต อย่างนี้เข้าใจหรือไม่
คุณขอรับ อาวสวะ ก็คือคลื่นกิเลสทั้งหลาย ถ้าป้องกันจากภายนอกไม่ได้ คลื่นอาสวะจากภายนอกก็สามารถไหลเข้ามาในร่างกายได้ ถ้าป้องกันได้ อาสวะที่เกิดขึ้นภายใน ก็จะเป็นอาสวะที่เกิดจากความจำเป็นในการดำเนินชีวิต การขจัดอาสวะแม้เพียงได้รู้ ได้เข้าใจ ก็สามารถขจัดอาสวะที่เกิดขึ้นได้แล้ว เพราะการได้รู้ การได้เข้าใจ ก็คือ อาสวะชนิดหนึ่ง

๓. ไม่ต้องหมุนกงล้อธรรมจักร ทุกคน ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ก็หนีไม่พ้นอยุ่แล้ว ส่วนเรื่องกงล้อธรรมจักรนั้น ถ้าข้าพเจ้าตอบไป ก็อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะคุณหรือคนอื่นๆ ไม่สามารถรุ้ได้ แต่ข้าพเจ้ารู้ได้ว่า
กงล้อธรรมจักร เกิดจากการประทานของ พระศิวะ และ พระนารายณ์ และ พระพรหม อันนี้คุณไม่ต้องใส่ใจดอกขอรับ รู้ไปก็ไม่มีความหมายสำหรับคุณดอกขอรับ

๔.คุณขอรับ คุณเป็นบุคคลที่อ่านภาษาไทยแล้วไม่ทำความเข้าใจในภาษา รวมไปถึงบริบทของภาษา แล้วคุณมาคาดคั้นจะเอาคำตอบ คุณกลับไปอ่านคำตอบใหม่ แล้วทำความเข้าใจให้ดี
การ ศึกษา ค้นคว้า และวิจัย ในปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้ากำลังวิจัย และทดลองปฏิบัติ เกี่ยวกับ ชั้นหรือขั้น แห่งการบรรลุธรรม เนื่องจากข้าพเจ้าพบว่า ยังมีชั้นหรือขั้นที่สูงกว่า ขั้น ปรินิพพาน อีกอย่างน้อยหนึ่งชั้น ประกอบกับ ได้อ่านพบในพระไตรปิฏกว่า มีพระพุทธเจ้าบางองค์ อายุเป็น หลายหมื่นปี จึงได้ศึกษา ค้นคว้า วิจัย และทดลองปฏิบัติ ปัจจุบันได้ผลแล้ว ประมาณ ๑๐-๑๕ (สิบถึงสิบห้า)เปอร์เซ็นต์
อีกประการ ที่คุณถามมา คุณไม่ต้องรู้ดอกขอรับ ว่าวิจัยแบบไหน ทดลองรูปแบบใด เพราะคุณไม่มีความจำเป็นจะต้องรู้
อย่าหวังว่าจะได้อ่านเลยขอรับ เพราะที่ข้าพเจ้าเขียนไว้ เป็นเพียงเกรงว่า จะจำไม่ได้เท่านั้น ตอนนี้มีอยู่เพียงในตัวข้าพเจ้าเท่านั้น ที่สำคัญ ถึงจะได้อ่าน ก็ไม่มีทางเข้าใจได้ดอกขอรับ เพราะข้าพเจ้าเพียงเขียนเป็นหัวข้อ เป็นบท เป็นหมวด ไว้เท่านั้น ไม่ได้อธิบาย อะไร ขอรับ

 

ขอบคุณมากที่กรุณาตั้งใจอ่านและตอบ สิ่งไหนไม่ชัดเจนไม่เป็นไรข้าพเจ้ามิได้ต้องการทราบเท่าไร
ขณะนี้คงไม่มีสิ่งรบกวนถามไดแล้ว ขอให้ท่านรักษาสุขภาพทั้งกายและใจให้ดีเพื่อเจริญธรรมต่อไป

เจริญในธรรมทุกท่าน สาธุ

 

ข้าพเจ้าตอบให้คุณอย่างชัดเจนแล้ว เพียงแต่คุณไม่ค่อยจะทำความเข้าใจกับภาษารวมถึงบริบทของภาษา
อีกประการคุณดูแลสุขภาพของตัวคุณเองให้ดีเถอะ ดูแลทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิตด้วยนะขอรับ