รวบแล้ว"ไอ้โอม”18มงกุฎตัวกลั่น ลวงสาวผ่านเฟซบุ๊คก่อคดีนับร้อย

รวบแล้ว"ไอ้โอม”18มงกุฎตัวกลั่น </CUFONTEXT></CUFON><CUFON style="WIDTH: 230px; HEIGHT: 22px" class="cufon cufon-canvas" alt="ลวงสาวผ่านเฟซบุ๊คก่อคดีนับร้อย"><CANVAS style="WIDTH: 263px; HEIGHT: 28px; TOP: -1px; LEFT: -11px" width="263" height="28"></CANVAS><CUFONTEXT>ลวงสาวผ่านเฟซบุ๊คก่อคดีนับร้อย</CUFONTEXT></CUFON>
วันจันทร์ ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555, 13.35 น.

tags : ไอ้โอม, ผบช.น., คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง, บช.น., ชาคร บุญเชิญ, เฟซบุ๊ค,



วันที่ 20 ส.ค. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. และผู้เสียหายร่วมแถลงข่าวจับกุมนายชาคร หรือโอม บุญเชิญ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ 407/55 ลงวันที่ 4 ก.ค. 2555 ข้อหาลักทรัพย์และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ก่อคดีมาแล้วกว่า 100 ครั้งภายในระยะเวลา 3 ปีจับกุมตัวได้บริเวณแฟลตที่พักย่านลาดพร้าวเมื่อค่ำวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมาพร้อมของกลางเป็นกระเป๋าสตางค์สตรี กระเป๋าสะพาย บัตรเอทีเอ็ม บัตรประชาชนผู้เสียหาย บัตรเครดิต โทรศัพท์มือถือ และโน๊ตบุ๊คส์รวมแล้ว 136 รายการตรวจค้นได้ในห้องพัก


พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า นายโอมทำความผิดไว้เยอะมากเป็นร้อยคดีกว่าจะได้ตัวยอมรับว่า ยากเย็นเต็มที นอกจากมีหมายจับคดีลักทรัพย์แล้วยังมีหมายจับคดีข่มขืนด้วยรวมแล้ว 5 หมายจับด้วยกันในท้องที่ต่างๆ ที่เจ้าทุกข์ได้เข้าแจ้งความไว้ นายชาครหลอกลวงเหยื่อสาวในเฟสบุ๊คตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ถึงขั้นมีการประกาศตามล่าไอ้โอมทางเว็บไซด์ด้วย และในส่วนของผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อนั้น สามารถเดินทางมาชี้ตัวและแจ้งความเพิ่มเติมได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกตัวผู้เสียหายทุกคนตามบัตรประชาชนของกลางที่ตรวจพบมาสอบปากคำดำเนินคดีกับนายโอมต่อไป


ด้านพล.ต.ต.พิสิฏฐ์กล่าวว่า สำหรับการจับกุมนายชาคร สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในหลายท้องที่ว่าถูกนายชาคร ลักทรัพย์และข่มขืน โดยพฤติกรรมจะหลอกลวงผ่านทางเฟซบุ๊ก จากนั้นจะนัดเจอกับเหยื่อ ทำทีพูดคุยตีสนิทให้เหยื่อตายใจ ก่อนหาโอกาสลักทรัพย์สินแล้วหลบหนีไป นอกจากนี้ ยังมีหญิงสาวบางรายถูกข่มขืนด้วย ผู้ต้องหารายนี้ ตำรวจต้องใช้เวลากว่า 3 เดือน กว่าจะติดตามจับกุมตัวมาได้ เพราะเป็นโจรมีเล่ห์เหลี่ยมและไหวพริบสูง


"ที่รวบตัวโจรแสบรายนี้ได้ เนื่องจากนายสุเมธ วิวัฒน์วิชา อายุ 48 ปี ช่างภาพนิตยสารแพรว ที่ถูกคนร้ายทุบกระจกรถและขโมยเงินสดกับกล้องถ่ายภาพที่ใช้ถ่ายแบบดาราคู่ขวัญ ณเดชน์ คูกิมิยะ กับญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ ไป ซึ่งนายสุเมธ ได้ประกาศว่าอยากที่จะได้ภาพของดาราคู่ขวัญคืน กระทั่งเมื่อกลางดึกของวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา นายสุเมธได้โทรศัพท์มาหาผม และบอกว่ามีชายไม่ทราบชื่อโทรฯ มาบอกว่าพบกล้องถ่ายภาพที่มีรูปของญาญ่ากับณเดชน์ และพร้อมที่จะคืนให้แต่ต้องแลกกับเงินสด 30,000 บาท ผมจึงเอะใจคิดว่าน่าจะเป็นนายชาคร เพราะมีประวัติเคยก่อเหตุลักษณะแบบนี้ จึงให้ พ.ต.อ.นพศิลป์ นำกำลังไปตรวจสอบ จนรวบตัวได้ในที่สุด" รอง ผบช.น. กล่าว
และว่า ผู้ต้องหาไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร หลอกลวงเอาทรัพย์สินจากเหยื่ออย่างเดียว โดยจะเข้าไปค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต โดยพิมพ์คำว่า "แจ้งเบาะแสรางวัลนำจับ" จากนั้นก็จะเข้าไปดูข้อมูลและ โทรศัพท์ไปหลอกเหยื่อเพื่อจะเอารางวัลนำจับหรืออ้างว่าพบของของเหยื่อแต่ต้องนำเงินมาแลก ผู้ต้องหารายนี้ก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายมาแล้วนับร้อยราย มีหมายจับกว่า 5 หมาย บุคลิกเป็นคนช่างเอาใจ พูดจาหว่านล้อมคนเก่ง ทำให้เหยื่อไว้ใจหลงเชื่อจนสูญเสียทรัพย์สิน


รอง ผบช.น. กล่าวอีกว่า พฤติกรรมของคนร้ายค่อนข้างระมัดระวังตัวมาก จะเปลี่ยนแปลงที่อยู่ทุกสัปดาห์จะไปเช่าห้องพักต่างๆ ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพื่อหลบหนีการตรวจค้นของตำรวจและเหยื่อ ซึ่งจากการตรวจค้นภายในห้องพักของผู้ต้องหาพบบัตรประชาชนและเอกสารสำคัญจำนวนมาก คาดว่าน่าจะเป็นของเหยื่อที่ถูกหลอก ขณะ นี้พบว่ามีผู้เสียหายที่ยืนยันว่าถูกผู้ต้องหาลักทรัพย์ ประมาณ 40 ราย หลังจากนี้จะเร่งประสานผู้เสียหายให้เข้ามาชี้ตัวผู้ต้องหาและตรวจสอบของกลางเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ต่อไป

ขณะที่น.ส.หญิง (นามสมมุติ) หนึ่งในผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อของนายโอม เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า รู้จักกับนายโอมผ่านทางเว็บไซต์พันทิป เนื่องจากนายโอม ได้โพสต์ข้อความไว้ทำนองว่า ต้องการฆ่าตัวตายเนื่องจากอกหักและมีโรคประจำตัวจึงเข้าไปปลอบใจและพูดคุยกันได้ 1 สัปดาห์ทั้งทางเน็ตและทางโทรศัพท์ จากนั้นนายโอมก็นัดเจอโดยบอกว่าต้องการพบ เพราะเป็นผู้ที่มีบุญคุณในการให้กำลังใจ และบอกด้วยว่าตนเองเป็นลูกของนักการเมืองมีนามสกุลขจรประศาสต์ ทำให้หลงเชื่อ ซึ่งพ่อแม่ของเขาต้องการที่จะพบด้วย

"เมื่อไปถึงเขาก็บอกให้ไปนวดหน้าขัดหน้าก่อน เพราะพ่อแม่เขาเป็นผู้ใหญ่มีหน้ามีตาเข้าไปพบแบบนี้จะดูไม่ดีระหว่างนั้นนายโอมก็เอาของมีค่าของเขาทั้งโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์และนาฬิกา เอามาฝากใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายของหนู และรับอาสาจะถือกระเป๋าให้ โดยให้หนูเข้าไปนวดหน้า แต่พอทำเสร็จออกมาด้านนอกก็ไม่พบนายโอมแล้วจึงรู้ว่าโดนหลอก ของที่เขาได้ไปมีเงินสด 1,000 บาท เงินในเอทีเอ็มอีก 7,000 บาท คอมพิวเตอร์โน๊ตบุีค1 เครื่อง" น.ส.หญิงกล่าว

 

และว่า ตอนนั้นรู้ตัวว่าถูกหลอกแน่นอน เพราะไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อนายโอมได้อีก จึงไปแจ้งความที่ สน.ลาดพร้าว และพบว่ามีเหยื่อที่ถูกหลอกลักษณะเดียวกับตนเองมาแจ้งความไว้ทั้งหมด 4 ราย ยอมรับว่าเขาเป็นคนพูดจาหว่านล้อมได้ดี พูดให้ตัวเองดูน่าสงสาร ถ้าใครไม่เจอกับตัวเองแบบหนูก็คงจะไม่รู้ เพราะมันไม่สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดจึงไปหลงเชื่อเขา ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หากเป็นพวกพี่อยู่ดีๆก็มีคนมาบอกว่าคิดจะฆ่าตัวตายพวกพี่ก็ต้องเห็นใจและพูดปลอบใจเขาเป็นธรรมดา ตอนนั้นหนูก็เหงาๆด้วยตกงานและก็อกหัก" น.ส.หญิงกล่าว และว่า วันนี้มาเจอตัวนายโอมแล้วไม่อยากจะพูดอะไรมาก อยากจะตบหน้ามัน 1 ที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างแถลงข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกผู้เสียหายไปนั่งรวมกันแต่ น.ส.หญิง ปฏิเสธไม่ได้เข้าไปนั่ง ได้แต่ยืนดูอยู่ห่างๆ จนกระทั่งแถลงข่าวเสร็จสิ้น และสัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อย เป็นช่วงจังหวะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวนายโอมเดินออกไปด้านหลัง ปรากฎว่าระหว่างนั้น น.ส.หญิงที่ยืนดูได้เดินเข้าไป และเรียกชื่อนายโอมเมื่อนายโอมหันหน้ามา น.ส.หญิงก็เงี้อมมือตบหน้านายโอมไป 1 ที โดยไม่มีใครจับภาพทัน

เช่นเดียวกับ น.ส.นันท์ ( สงวนนามสกุล) ผู้ตกเป็นเหยื่อนายโอมอีกราย เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่ถูกหลอกได้เข้าไปโพสต์ในเว็บไซต์พันทิป (www.pantip.com) เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมเขียนกระทู้เตือนภัยสังคมกรณีมีผู้ต้องหาเป็นชายคนหนึ่ง ชื่อนายโอม หลอกลวงผู้เสียหายที่เป็นผู้หญิงแล้วขโมยทรัพย์สิน

น.ส.นันท์กล่าวว่า รู้จักกับนายโอม ผ่านเว็บไซต์พันทิป เนื่องจากนายโอม ได้โพสต์ข้อความไว้ทำนองว่าต้องการฆ่าตัวตาย เนื่องจากอกหักจึงเข้าไปปลอบใจ จากนั้นไม่นานนายโอมได้ขอเบอร์โทรศัพท์แล้วโทรฯมาหาอ้างว่าต้องการพบ เพราะเป็นผู้ที่มีบุญคุณในการให้กำลังใจ อีกทั้ง พ่อแม่ซึ่งเป็นญาติกับนักการเมืองชื่อดังต้องการพบด้วย อยากจะขอบคุณที่มาให้กำลังใจนายโอม ตอนแรกพยายามปฏิเสธแต่นายโอมโทรมาขอร้อง จึงยินยอมออกไปพบที่ร้านกาแฟย่านบางนา

เมื่อไปถึงที่ร้านพบเพียงนายโอม ไม่เจอพ่อแม่แต่อย่างใด และเมื่อคุยได้สักพัก นายโอมบอกว่าทรงผมของตนไม่เรียบร้อยอยากให้ไปสระผมใหม่ที่ร้านเสริมสวยใกล้ ๆ เลยไปตามคำแนะนำ และระหว่างนั้นนายโอมได้เอามือถือและนาฬิกามาฝากในกระเป๋าตนเองด้วย และบอกว่าจะถือไว้ให้ระหว่างรออยู่ในร้าน แต่เมื่อออกจากห้องสระผมก็ไม่พบตัวนายโอมแล้วได้หายไปแล้วพร้อมกับทรัพย์สินต่างๆ เบื้องต้นไปแจ้งความไว้ที่ สน.บางนา อย่างไรก็ตาม อยากฝากเตือนภัยไปยังผู้หญิงว่าอย่าได้หลงเชื่อใครง่ายให้พิจารณาให้ดีก่อน อย่าให้ความใจอ่อนของผู้หญิงกลายเป็นช่องว่างให้เหยื่อเข้ามาหลอกลวงได้
ทั้งนี้ น.ส.นันท์ได้ตั้งแฟนเพจในเฟซบุ๊ก เพื่อตามหาคนร้ายรายนี้แล้ว ด้วยชื่อตามล่าไอ้โอม โดยมีคนมาแจ้งข้อมูลจำนวนมากกระทั่งตำรวจตามจับกุมคนร้ายได้ ซึ่งพฤติกรรมของนายโอมนั้น จะใช้ความไว้ใจของคนเป็นเครื่องมือในการก่อเหตุ เริ่มหลอกลวงเหยื่อตั้งแต่ปี 51 โดยมีอยู่หลายกรณี เช่น หญิงสาวคนหนึ่งถูกนายโอม ชักชวนไปทำบุญแต่ระหว่างทางที่นั่งรถแท็กซี่ไปด้วยกัน คนร้ายจะอ้างว่าหายใจไม่ออก เป็นโรคหัวใจ ต้องกินอะไรที่หวานๆ หรือร้อน ๆ ทำให้หญิงสาวหลงเชื่อรีบลงไปซื้อของให้ริมถนนแล้วนายโอมก็ให้แท็กซี่ขับรถไปทันทีพร้อมกับทรัพย์สิน

นอกจากนี้ ยังมีกรณีนัดพบเหยื่อตามร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ย่านมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แล้วพูดจาหยอดคำหวานต่าง ๆ นานา ก่อนจะฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินของเหยื่อไปประมาณ 2 หมื่นบาท แต่ในกรณีนี้เหยื่อกลัวอับอายไม่ได้เข้าแจ้งความแต่อย่างใด

ต่อมาเมื่อเดือนกันยายน 2554 เหยื่อรายหนึ่งประกาศขายกล้องถ่ายรูปผ่านเว็บไซต์แล้วนายโอมโทรศัพท์ไปติดต่อขอซื้อ จากนั้นนัดพบที่ห้างย่านบางรักก่อนจะฉวยโอกาสขโมยกระเป๋าพร้อมกล้องถ่ายรูปไป เหยื่อได้เข้าแจ้งความที่สน.ยานนาวาแล้ว และห่างกันไม่นานคนร้ายได้หลอกเหยื่ออีกรายระหว่างนั่งรถแท็กซี่ว่าแน่นหน้าอกเหมือนจะโรคหัวใจกำเริบ เหยื่อตกใจรีบลงมาซื้อของให้โดยลืมทรัพย์สินไว้บนรถ นายโอมได้ให้คนขับเร่งเครื่องรถออกไปแล้วนำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินในเวลาไล่เลี่ยกันด้วย

ด้านนายโอมกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดระหว่างแถลงข่าว โดยยอมรับสารภาพว่า ในส่วนคดีลักทรัพย์นั้นขอยอมรับในทุกกรณี แต่ข้อหาข่มขืนนั้นยืนยันว่าไม่เคยทำ เพราะหากจะพูดกันในทุกรณี ลองดูจากภาพวงจรปิดสถานที่ต่างๆที่ตนเองพาผู้หญิงไปร่วมหลับนอนด้วย จะเห็นว่าตอนเดินออกมาจากห้องนั้นผู้หญิงเหล่านั้นคงไม่เดินจับมือตนเองออกมาด้วยดีหรือเดินออกมาด้วยท่าทีที่ปกติ

"ผมยืนยันว่ามีผู้หญิงร่วมหลับนอนด้วยประมาณ 15 คนจริง แต่ไม่เคยข่มขืนใจ ส่วนวิธีการหลอกลวงต่างๆนั้นจะคิดเอาเองไม่ได้เลียนแบบใครโดยเข้าไปโพสต์ทางอินเตอร์เน็ตแล้วคุยกัน และนัดเจอกัน เอาเงินที่ได้ไปใช้จ่ายในครอบครัวผมมีภรรยาและมีลูก 1 คน ต้องส่งเสียให้เดือนละ 15,000 บาท ก่อนหน้านี้เคยทำงานบริษัทและทำงานร้านอาหาร แต่ช่วงหลังไม่ได้ทำ จึงใช้วิธีการนี้ทำมา 3 ปีแล้ว อยากให้ครอบครัวที่แตกแยกกลับมาอยู่รวมกันเหมือนเดิม ส่วนกรณีที่กล่าวหาว่าผมไปแอบอ้างเป็นลูกหลานนักการเมืองต่างๆนั้น ผมไม่เคยพูด เพราะคนนามสกุลเทียนทอง หรืออะไรก็แล้วแต่ มีเยอะแยะไป เขาเข้าไปผิดไปเอง ผมแค่บอกว่าผมนามสกุลเทียนทอง" นายโอมกล่าวด้วยสีหน้าตาเรียบเฉย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพาตัวออกไปและถูก น.ส.หญิง เหยื่อผู้เสียหายตบหน้า 1 ที


ในประเทศ - รวบแล้ว"ไอ้โอม”18มงกุฎตัวกลั่น ลวงสาวผ่านเฟซบุ๊คก่อคดีนับร้อย

 

PANTIP.COM : U12538048

 

กระทู้ที่นายโอม ตั้งไว้หลอกเหยื่อที่เวบพันทิป

กระทู้ที่นายโอม ตั้งไว้หลอกเหยื่อที่พันทิป ถึงแค่ ความคิดเห็นที่ 100 มีคนเข้ามาแฉ

PANTIP.COM : U12004127 หากคุณกำลังสิ้นหวังแม้คุณมีเงินมากมายจนอยากซื้ออะไรก็หาได้ แต่คุณกำลังจะฆ่าตัวตายในคืนนี้คุณอยากลาใคร คนสุดท้ายครับ [ปัญหาชีวิต]



กระทู้จากห้องศาลาประชาคม มีรายงานสดการแถลงการจับกุม

http://www.pantip.com/cafe/social/topic/U12538048/U12538048.html

 

เข้าใจแล้วว่าเป็นคนพูดจาหว่านล้อมดี ขนาดถูกจับแล้วยังรู้วิธีการพูด ปฎิเสธ ให้ดูน่าสงสาร ถ้าอยู่แถวชายขอบประเทศไทย คงถูกทุบหัวฝังไว้ข้างทาง

 

คนทำดีย่อมได้ดี คนทำชั่วต้องได้ชั่ว อ่านเรื่องราวแล้วสะท้อนให้เห็นว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เพราะเหล่ามิจฉาชีพมาด้วยวิธีการที่แยบยลแบบที่เราคาดไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้ ขอแสดงความเห็นใจกับทุกคนที่โดนหลอกค่ะ และขอชื่นชมคุณตำรวจที่ดำเนินการจับกุมผู้ร้ายได้ค่ะ ตำรวจไทยเก่งจริง ๆ

 

ดูจากข่าว เขารู้จักใช้จิตวิทยาในการลวงหลอกนะคะ
สาวเอยจะบอกให้
สาวเจ้าผู้จริงใจ
ถูกชายโฉดหลอกไปด้วยกลลวง

 

เดี๋ยวนี้เป็นกันขนาดนี้แล้วเหรอคะ บ้านเรา อืมม ... การนำเอาความจริงใจของคนอื่นมาเป็นตัวล่อ ไม่ใช่สิ นำเอา ความเมตตา ของคนมาล่อลวง......
.... .. เขียนมาถึงตรงนี้ก็เข้าใจล่ะ เขาเลือกเข้าเวปฯ เขาเลือกคนที่ใจอ่อน หมายถึง จุดอ่อนของคนใจดี ว่างั้นเถอะ คือความสงสารของคนทั่วไปมาเป็นตัวล่อในการก่อคดีที่ผิดกฎหมาย อืมมม.. เขาฉลาด และนี่คือตัวอย่างของคนฉลาดค่ะ สมัยนี้คนฉลาดเยอะมาก ออกไปไหนไม่ค่อยเจอคนโง่คนซื่อเลย คนฉลาดเต็มบ้านเต็มเมือง แต่ฉลาดแล้วเป็นไงคะ ฉลาดแล้วไปโกงเขา
ไปเอาเปรียบคนอื่น ไปรังแกคนอื่นๆ ....
คนฉลาดมีมากมาย แต่ คนดี นี่สิ หายาก ... อ่านแล้วได้คิดตามค่ะ นำมาเป็นเรื่องเตือนใจได้ดี แต่ไม่มีอารมณ์ใดๆตามนะคะ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง ... ขออนุโมทนากับ จขกท ที่นำสิ่งเตือนใจมาให้ค่ะ สาธุ

 

กระทำกรรมอันใดไว้ ย่อมได้รับผลของกรรมนั้น

 

หน้าไม่หล่อ ตัวก็อ้วน นิสัยยังเลวอีก

 

เลวมาก..ต้องระวังตัวค่ะ..ผู้หญิงอย่าใจอ่อนและไว้ใจใครง่ายๆนะคะ..ข่าวนี้เตือนสติได้ดีค่ะ

 

มารสังคมแท้ๆ เดี๋ยวนี้กรรมติดจรวดด้วยสิ