ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ขอโมทนาเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้นะเจ้าคะ คุณดุสิตาลัยและเพชรศรี

catt4catt4catt4catt4

 

ประกาศด่วนค่ะ !!

หากผู้ใดประมูลพระขรรค์นาคราชไปแล้วไม่มีสตางค์เหลือพอสำหรับซื้ออาหารรับประทาน
ติดต่อรับมาม่าฟรีได้ทางพีเอ็มกับคุณนาครักษานะเจ้าคะ...


และหากเกิดอยากได้ไวไว ยำยำ หรือยี่ห้อและรสอื่น
พูดคุยต่อรองกันได้ค่ะ เพื่องานบุญแล้วคุณนาคฯ เธอใจดี... (k) อิอิอิ

 

ข้าศึกอย่างพี่ Phuya หรือเปล่าคะ?
ถ้าเป็นพี่ หนูขอยอมแพ้ทั้งตัวและหัวใจตั้งแต่เปิดประตูค่ะ อิอิอิ

 

แบบนี้ได้บุญหลายเด้งอ่ะ...อิอิ

 

ไม่สนใจประมูลเหยอ เค้าเสนอมาม่าให้แล้วนะ อิอิอิ :boo:

 

..Up date ราคาประมูล ณ. ๒๖ สค.๕๕ เวลา ๑๓.๑๒ น.ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับน้องน้ำตาลที่ช่วยสรุปผลให้ค่ะ และขออนุโมทนาบุญกับคุณธรรมวิวัฒน์ คุณ mooom คุณ am12 คุณ phuya คุณมีนัม คุณดุสิตาลัย คุณrappan1 คุณ pangmankitty คุณ suwat.su ที่ร่วมบุญประมูลค่ะ

และขออนุโมทนาบุญกับท่าน widya และทุก ๆ ท่านที่ช่วยให้กำลังใจผู้ประมูลค่ะ

Numsai

ผ

 

ช่วงนี้เค้าเจียมตัวอ่ะ..ขอเป็นผู้ดู และผู้เชียร์ดีกว่าหนอ

 

ได้รับปัจจัยที่โอนแล้วค่ะ ขอให้สำเร็จในทุก ๆ ด้านมีความเจริญในหน้าที่การงานยิ่ง ๆ ขึ้นไป และได้บริวารที่ดีช่วยเหลือเกื้อกูลให้งานสำเร็จได้เร็วค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ sun2555 ด้วยค่ะ

Numsai

 

..ขออนุโมทนาบุญกับคุณ sun2555 ด้วยค่ะ ..

<TABLE border=0 cellSpacing=0 borderColor=#ffffff cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD colSpan=2>รายละเอียดการทำรายการ

</TD></TR><TR><TD width="34%">วิธีโอนเงิน</TD><TD width="66%">ออนไลน์ (ตลอด 24 ชั่วโมง) </TD></TR><TR><TD width="34%">จากบัญชี</TD><TD width="66%">732-2-41469-9 </TD></TR><TR><TD width="34%">ธนาคารเจ้าของบัญชี</TD><TD width="66%">ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)</TD></TR><TR><TR><TD width="34%">เพื่อเข้าบัญชี</TD><TD width="66%">080-2-57215-6 ภูริชญา เหมรา และพุทธารา โรจนฤทธิกร</TD></TR><!-- Adding Account Name UAT defect number 414--><TR><TD width="34%">ชื่อเจ้าของบัญชีในฐานข้อมูล</TD><TD width="66%">PHURICHAYA/PH</TD></TR><!-- /Adding Account Name --><!-- <tr> <td width="25%">สาขา</td> <td width="75%">สาขาศรีนครินทร์(กรุงเทพ-กรีฑา </td> </tr> --><TR><TD width="34%">จำนวนเงิน (บาท)</TD><TD width="66%">1,520.00</TD></TR><TR><TD width="34%">ค่าธรรมเนียม (บาท)</TD><TD width="66%">25.00</TD></TR><TR><TD width="34%">วันที่โอนเงิน</TD><TD width="66%">26/08/2012 [14:00:31]</TD></TR><TR><TD width="34%">บันทึกช่วยจำ</TD><TD width="66%">ร่วมบุญกฐินจักรพรรดิ วัดห้วยทรายขาว จ.ลำพูน</TD></TR></TBODY></TABLE>


วันนี้ได้โอนเงินร่วมบุญพระขรรค์นาคราชสีแดง และสีเขียวตองอ่อน ๒๐% โดยไม่หักค่าใช้จ่าย เพื่อร่วมบุญกฐินบรมจักรพรรดิ เป็นจำนวน ๑,๕๒๐ บาทค่ะ

ส่วนหนึ่งที่จะเข้าบัญชีกองบุญแก้วบรมจักรพรรดิ ๑๐ % นั้น จะรวบรวมโอน พร้อมกับท่านอื่น เพื่อลดค่าใช้จ่ายเรื่องค่าโอนค่ะ

ขออนุโมทนาบุญอีกครั้งค่ะ

Numsai

 

..ประวัติพระขรรค์นาคราช ๙ สี

ภาค ๑ ประวัติพระขรรค์นาคราชสีแดง และสีเหลืองทอง และสีเขียวเข้ม ​

ย้อนหลังไปก่อนสมัยพุทธกาล(พระพุทธสมณโคดม) ๓๘๐๐ ปี(~๖๓๕๕ ปี) มีนครบาดาลหนึ่งนามว่าสัตตวิริยนคร” มีพญาสัตยาบรรณนาคราชผู้เป็นใหญ่ในนครแห่งนั้น เป็นผู้มีวาจาสิทธิ์ ปกครองบ้านเมืองด้วยความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา

พญาสัตยาบรรณ เป็นพญานาคตระกูลสีรุ้ง มีพระมเหสีนามว่า พระนางชมพูนาถเทวี เป็นพญานาคตระกูลสีเขียว มีพระโอรส ๒ พระองค์คือ “ศุภราชนาคราช” และ “ศุภสีห์นาคราช” พระโอรสทั้งสองได้จุติพร้อมกันในวันเดียวกัน แต่มีอุปนิสัยที่แตกต่างกัน หลังจากจุติ และได้เขฌาณนสมาบัติเป็นเวลา ๑๕ วัน(ภพบาดาล)แล้ว พญาสัตยาบรรณได้ส่งไปเรียนกับพระฤาษีคนละสำนัก

ศุภราชนาคราช มีอุปนิสัยห้าวหาญ ชอบความท้าทาย และไปมาอย่างไร้ร่องรอย ได้ถูกส่งไปฝึกวิชาไหมฟ้า จากพระฤาษีทรงธรรม ณ. สุวรรณบรรณพต วิชาไหมฟ้านั้นสามารถ ทำให้ศัตรูมองไม่เห็นตัว และใช้ไหมฟ้าทำลายศัตรูได้ในพริบตาเดียว นับเป็นพัน ๆ พระโอรสศุภราชนี้มีความเชี่ยวชาญวิชานี้มาก นอกจากนี้ยังมีพระขรรค์อาญาสิทธิ์เป็นอาวุธประจำกาย จะปรากฏต่อเมื่อต้องการใช้งาน

ส่วนศุภสีห์นาคราช มีอุปนิสัยโอบอ้อมอารีย์ มีความเมตตาสูง ไม่ชอบการรบ จึงถูกส่งไปเรียนวิชาสรรพสัตว์นิทรา จากพระฤาษีบุพพเวทย์ แห่งทิพยนคร ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพญาสัตยาบรรณนาคราชนั้นเอง วิชานี้สามารถทำให้ศัตรูหลับใหลถึง ๓ วัน ๓ คืน และจะทำให้ศัตรูหมดแรงไป

นอกจากพระโอรสทั้งสองจะได้ร่ำเรียนวิชาจากพระดาบสแล้ว ยังได้ร่ำเรียนวิชาจากพญาสัตยาบรรณ เช่น วิชาแปลงกาย วิชาย่อกาย-ขยายกาย เรืยกลม เรียกฝน บังคับลม-น้ำ และอื่น ๆ เป็นต้น เมื่อพระโอรสทั้งสองสำเร็จวิชาต่าง ๆ ท่านก็ให้ทำหน้าที่คือ

ศุภราชนาคราช มีหน้าที่ฝึกซ้อม และคุมกองทัพแก่เหล่ากองทัพนาคทั้งหลาย ส่วนศุภสีห์นาคราช มีหน้าที่ดูแลคลังสมบัตินาค และค้นหาทรัพย์ที่ปราศจากเจ้าของมาเก็บไว้ในคลังของเมือง เมืองสัตตวิริยนคร จึงมีแต่ความสุขสงบเรื่อยมา

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ติดตามอ่านกระทู้นี้ค่ะ

Numsai
<O</O

 

ประวัติพระขรรค์ ๙ สี ตอน ๒

ภาค ๑ ประวัติพระขรรค์สีแดง สีเหลืองทอง และสีเขียวเข้ม ตอน ๒ ​

​

กล่าวถึงนครบาดาลอีกแห่งหนึ่ง นามว่า ชลปัทมนคร มีพญาปัญจเมศวร์ เป็นผู้ครองนคร พญาปัญจเมศวร์ เป็นพญานาคตระกูลสีเขียว มีมเหสีนามว่า “ศิวาราณเทวี” เป็นพระขนิษฐาของพญาสัตยาบรรณนาคราช ทรงไม่มีพระโอรส มีแต่พระธิดาทั้งสิ้น ๖ องค์ มีนามว่า รัตนกาญจน์ –จันทรศิริ - ศิวาลักขณ์ –รักขปุญญา-สินานาถ-และรังสิมานาเทวี เป็นองค์สุดท้อง
ขอกล่าวถึงนางรังสิมานาเทวี นั้นมีความงามยิ่งกว่านางมาณวิกาตนใด ความงามของนางกล่าวขวัญไปทั่วหล้า ทำให้เหล่านาค ยักษ์ คนธรรพ์ และครุฑ ต่างปรารถนาอยากได้นางมาเป็นมเหสี แต่นางรังสิมานาเทวี หาได้มีจิตปรารถนาอยากจะมีคู่ไม่ นางฝักใฝ่ที่จะประพฤติธรรมมากกว่า นางได้อุปัฏฐากพระฤาษีตนหนึ่ง นามว่า สัจจฤาษี และด้วยเห็นแก่ความกตัญญู พระฤาษีจึงได้สอนวิชาการรบ และอื่น ๆ ความทั้งวิชาพันหน้าให้แก่นาง โดยที่พญาปัญจเมศวร์ไม่ทราบเลย

ต่อมามีคนธรรพ์ตนหนึ่งได้เห็นความงามของนางรังสิมานาเทวีแล้วแต่งเป็นบทเพลง สรรเสริญความงามของนาง ใครได้ยินเพลงนี้จะมีความหลงใหลความงามแม้ไม่เคยพบเห็นนางก็ตาม เขาเที่ยวดีดพิณร้องเพลงไปทั่ว จนกระทั่งพญาครุฑผู้เป็นใหญ่ผู้หนึ่งนามว่า “สหัสสนัยเวณฑุ” ได้ยินเพลงนี้ ใคร่ปรารถนานางรังสิมานาเทวี มาเป็นคู่ครอง จึงได้เหาะมาจากวิมานของตน พร้อมไพร่พลครุฑจำนวนหนึ่ง ตรงไปที่เมือง ชลปัทมนคร ทันที
เมื่อไปถึงเมืองสร้างความตื่นตระหนกแก่เหล่านาคทั้งสอง เสียงของท้าวสหัสสนัยเวณฑุ ดังกึกก้องว่า..
วันนี้เรามาดี เราปรารถนาที่จะได้นางรังสิมานาเทวีมาครองคู่ ขอเพียงท่านมอบนางให้แก่เรา เราจะไม่ทำร้ายพลเมืองของท่าน เราหลงรักนาง แม้ไม่เคยเห็นหน้านางก็ตาม”
พญาปัญจเมศวร์ได้ยินดังนั้น จึงกล่าวว่า ขณะนี้ธิดาของเรานั้นไม่อยู่ที่เมือง นางได้ไปอุปัฏฐากพระฤาษีอยู่ที่ถ้ำ อันห่างไกล เราขอถามความสมัครใจของธิดาของเราก่อน จึงจะให้คำตอบได้
พญาสหัสสนัยเวณฑุ แม้เกิดความไม่พอใจที่พญาปัญจเมศวร์ได้กล่าวถ้อยคำที่ไม่ได้แสดงถึงความเคารพตน และมีท่าทีว่าจะไม่ยอมยกธิดาให้ จึงพยายามข่มใจไว้ และกล่าวว่า.. “ได้ เราจะมารับคำตอบอีก ๗ วันข้างหน้า” แล้วก็พาบริวารครุฑทั้งหลายบินกลับไป ส่วนพญาปัญจเมศวร์นาคราชนั้น ได้ให้บริวารไปตามนางรังสิมานาเทวี เพื่อถามความสมัครใจ นางได้กล่าวว่า
ข้าฯแต่พระบิดา หากหม่อมฉันรับคำไป ก็เปรียบเสมือนการเป็นขบถต่อตระกูลนาคของเรา เพราะเหล่าครุฑมักกินเราเป็นอาหาร อีกประการ หากหม่อมฉันต้องไปอยู่ที่เมืองนั้น ผู้ใดจะรับรองความปลอดภัยจากนางครุฑทั้งหลายจะไม่ฆ่าหม่อมฉัน
อนึ่ง บุรุษนั้น มักหลงใหลสตรีด้วยตัณหา แต่ไม่นานความหลงใหลนั้นก็เสื่อมไป ไม่มีความมั่นคงถาวร การที่พญาครุฑปรารถนาหม่อมฉัน เพื่อเพียงแสดงศักดาว่า มีอำนาจเหนือผู้อื่น หาใช่รักหม่อมฉันด้วยใจจริงไม่
ข้าฯพระบิดา แม้ตัวตาย หม่อมฉันจะไม่ยอมเป็นมเหสีของพญาครุฑเด็ดขาดเพคะ”
พญาปัญจเมศวร์ได้ยินพระธิดากล่าวเช่นนั้น ก็ทรงเห็นด้วย เพราะพระองค์มิทรงปรารถนาจะให้ยกนางให้แก่พญาครุฑแต่อย่างใด จึงคิดวางแผนกับเหล่าเสนาพญานาคทั้งหลาย เวญจพลเสนานาค ได้เสนอว่า ..
ข้าฯแต่พระองค์ หม่อนฉันคิดว่า เราควรขอกำลังจากพญาสัตยาบรรณนาคราช มาช่วยการรบในครั้งนี้เถิดพระเจ้าข้า ฯ พญาสัตยาบรรณนั้น ทรงมีพระโอรสถึง ๒ พระองค์ อาจจะส่งพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่งมาช่วยเราก็เป็นได้”
พญาปัญจเมศวร์ได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย จึงกล่าวว่า “อย่างนั้นท่านและคณะช่วยเป็นราชทูต ไปกราบทูลท่านสัตยาบรรณ ถึงความจำเป็นของเราเถิด เหลือเวลาเพียงเล็กน้อย พญาครุฑจะมารับคำตอบนั้น”
จากนั้นเวญจพลเสนานาคได้นำราชทูตอีก ๔ ตนไปยังเมืองสัตตวิริยนครทันที
ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

..ประวัติพระขรรค์นาคราช ๙ สี..ตอน ๑

ภาค ๑ ประวัติพระขรรค์สีแดง สีเหลืองทอง และสีเขียวเข้ม ตอน ๓

เมื่อถึงเมืองสัตตวิรยนคร เวญจพลเสนานาค ได้ส่งพระราชสาส์นให้แก่พญาสัตยาบรรณนาคราช เมื่อท่านได้ทราบแล้ว จึงมอบหมายให้ศุภราชนาคราช เป็นแม่ทัพ พร้อมเหล่านาคาทั้งหลายนับแสนตน เดินทางไปพร้อมกับเวญจพลเสนานาค เมื่อถึงเมือง ชลปัทมนคร จึงได้วางแผนการรบร่วมกับพญาปัญจเมศวร์นาคราช โดยไม่ให้พญาครุฑทั้งหลายทราบถึงแผนการ โดยให้ศุภราชนาคราช เวญจพลเสนานาค และกองทัพนาคทั้งปวง ตั้งทัพอยู่บริเวณรอบนอก จากนั้น ศุภราชนาคราช ทำหน้าที่เข้าสมาบัติเพื่อใช้วิชาไหมฟ้าซ่อนกายตนเอง และกองทัพนาคไว้ โดยเหล่าครุฑทั้งหลายไม่อาจรู้ได้

ครบกำหนด ๗ วันตาม พญาครุฑสหัสสยเวณฑุ มาพร้อมกับเหล่าครุฑนับแสน ได้ขอคำตอบจากได้ พญาปัญจเมศวร์นาคราช และทราบว่า พญาปัญชเมศวร์ไม่ยอมยกพระธิดาให้ตนก็ทรงพิโรธมาก จึงทำการต่อสู้ เพื่อแย่งชิงพระธิดารังสิมานาเทวีทันที
ทราบถึงศุภนาคราช และเวญจพลเสนานาคที่ซุ่มอยู่นั้น จึงได้โอบล้อมเหล่าครุฑทั้งหลาย ศุภราชนาคราช ได้ใช้วิชาไหมฟ้าพรางกายตน และกองทัพนาค ไล่ฆ่าเหล่าพญาครุฑทั้งหลาย จนพญาสหัสสนัยเวณฑุได้พ่ายแพ้กลับไป
สร้างความยินดีแก่เหล่านาคทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง พญาปัญจเมศวร์ได้เรียกให้รางวัลแก่ศุภราชนาคราช จึงได้ตรัสโดยทรงยกพระธิดาองค์ใดองค์หนึ่งแก่ศุภราชนาคราช ศุภราชนาคราช มีความพอพระทัยพระธิดาสินานาถ องค์ที่ ๕ ตั้งแต่แรกพบ จึงรับพระธิดาสินานาค เดินทางกลับเมืองด้วย
เมื่อกลับมาถึงสัตตวิริยนคร พญาสัตตยาบรรณ มีความปิติยินดีในการชนะสงครามครั้งนั้น จึงได้ทำพิธีอภิเษกสมรสให้แก่ศุภราชนาคราช และพระธิดาสินานาถในกาลต่อมา ในวันนั้น พระองค์ทรงมอบพระขรรค์นาคราช สีแดง แก่ศุภราชนาคราช เพื่อเป็นรางวัล

พญาสัตยบรรณกล่าวว่า พระขรรค์สีแดงนี้ นามว่า พระขรรค์ปัญจาฤทธิไกร ได้จากพระอินทรปัตต์ดาบส ผู้เป็นพระอาจารย์ ได้มอบให้เมื่อสำเร็จวิชาต่าง ๆ เมื่อ ๕๐๐ ปีที่ผ่านมา ทรงเก็บไว้นาน เห็นว่า สมควรมอบแด่พระราชโอรส เพื่อเป็นกำลังใจ ศุภราชนาคราช ปลื้มปิติยินดีมาก
ส่วนศุภสีห์นาคราชได้นำทรัพย์สมบัติที่ตนหามาได้ใหม่ มามอบแด่พระเชษฐา เพื่อเป็นของขวัญในวันแต่งงาน เมืองนี้จึงอยู่ด้วยความร่มเย็นมาอีกหลายปี(ยังมีต่อ...)

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

เรื่องราวน่าสนใจมากค่ะ...รอฟังตอนต่อไปหนอ...

 

ประวัติรุ่นลูกตอนต่อมานี่ก็น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ มิกกี้
คนรออ่านแทบจะขาดใจกันเลยทีเดียว อิอิ
ขอโมทนาค่ะพี่น้ำใส...

 

..ประวัติพระขรรค์นาคราช ๙ สี..

ภาค ๑ ประวัติพระขรรค์สีแดง สีเหลืองทอง และสีเขียวเข้ม ตอน ๔
<O

</O​

กล่าวถึงเมืองชลปัทมนคร หลังจากเสร็จสิ้นสงครามครั้งนั้น ผู้ที่ได้รับความดีความชอบจากพญาปัญจเมศวร์มากที่สุด คือ เวญจพลเสนานาค พญาปัญจเมศวร์ได้ยกพระธิดาองค์โต คือ รัตนกาญจน์ ให้แก่เวญจพลเสนานาค พร้อมทั้งมอบพระขรรค์สีเขียวเข้ม นามว่า พระขรรค์เวทยมันตรัย ให้แก่เวญจพลเสนานาค แสดงถึงการสืบทอดพระราชสมบัติ

พระขรรคฺเวทยมันตรัยนี้ หลังจากพญาปัญจเมศวร์ได้รับจากพระอินทรปัตต์ดาบสผู้เป็นพระอาจารย์ได้พกติดตัวตลอดเวลา วันหนึ่งพระองค์ได้ไปเข้าเฝ้าท้าวสักกเทวราข จึงได้ถวายแด่ท้าวสักกเทวราช หรือพระอินทร์ แสดงถึงความเคารพเลื่อมใสศรัทธา ท้าวสักกเทวราชนั้น ทรงทราบด้วยทิพยจักขุญาณว่า จะมีผู้ที่ได้ครอบครองต่อจากพญาปัญจเมศวร์ในอนาคต และพระขรรค์นี้จะช่วยปกป้องภัยอันตรายแก่เมืองได้ พระองค์จึงมอบคืนแก่พญาปัญจเมศวร์ และกล่าวว่า..

“พระขรรค์นี้ให้เก็บไว้ก่อน จะมีผู้มีบุญญาธิการ และมีปัญญาสูง จุติในเมืองของท่าน จะมารับช่วงต่อจากท่าน วันนั้นท่านจะทราบเอง"

ซึ่งขณะนั้นเวญจพลเสนานาคยังไม่จุติ เมื่อมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมืองของพระองค์พ้นภัยได้ด้วยปัญญาของเวญจพลเสนานาค จึงมอบให้ไว้เป็นของคู่บารมี และพระองค์ได้จัดพิธีอภิเษกสมรสแก่พระธิดารัตนกาญจน์ และเวญจพลเสนานาค หลังจากศุภราชนาคราช อภิเษกสมรส และเมืองนี้ก็อยู่ด้วยความสงบสุขเรื่อยมาอีกหลายปี (ยังมีต่อ..วันพรุ่งนี้)

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

จริงเหรอเพื่อนตาล...ว้าววว...อ่านแล้วขนลุก ชอบอ่ะ

 

สำหรับเรื่องของรุ่นลูกนี่ รอติดตามวันพรุ่งนี้นะคะ ต้องขออภัยกับทุก ๆ ท่านที่ลงข้อมูลไม่ต่อเนื่อง

พอดีต้องติดตามเรื่องของพี่ชาย ความคืบหน้า ร่างยังอยู่ห้อง ICU และจิตไม่อยู่แล้วค่ะ เป็นไปตามวาระค่ะ มีเหตุหลายอย่างเป็น case study ถึงเวลาจะนำมาเล่าให้เป็นธรรมทานค่ะ

ขอขอบคุณน้องตาล และทุก ๆ ท่านที่ช่วยดันกระทู้ ทำให้มีผู้เข้าชมมากที่สุด และขอบคุณน้อง ๆ ที่ให้กำลังใจค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

Numsai

 

จริงจร้า...เดี๊ยนรับรองฮ้า..

Numsai

 

ขออนุญาตนำเรื่อง ท่านอินทรปัตต์ฤาษี ตอน ๑ มาให้อ่านอีกครั้ง

ภาพที่เห็นในนิมิต คล้ายพระฤาษีในภาพนี้ทุกประการค่ะ ​

เรื่องของอินทรปัตต์ฤาษี ผู้อธิษฐานจิตพระขรรค์นาคราช​

วันนี้เวลา ๐๓.๒๖ น.ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากพี่สะไภ้แจ้งข่าวการประสบอุบัติล้มในห้องน้ำของพี่ชาย ต่างมารดา หลังจากวางโทรศัพท์ แล้วตั้งใจจะคิดหาทางช่วย

ปรากฏภาพซ้อนกับภาพจริง ขณะที่ยังลืมตาอยู่ ภาพนั้นคือ พระฤาษีท่านหนึ่ง ผมขาวโพลน ผิวขาว หลังงองุ้ม ท่านมาบอกบางเรื่องเกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนี้.. จึงนึกในใจว่าท่านเป็นใคร ยังทันเอ่ยปากถาม ท่านก็ตอบว่า ..

“เรา คืออินทรปัตต์ฤาษี ผู้อธิษฐานพระขรรค์ทั้ง ๙ เอง พระขรรค์นี้ ไม่ใช่เพชรพญานาคอย่างที่เข้าใจ เรียกว่า พระขรรค์นาคราช

เพราะมีมานานกว่าเพชรพญานาค เป็นวิชาสืบต่อกันมาในสายพญานาค แต่ผู้อธิษฐานจะเป็นพระดาบสทั้งหมด อธิษฐาน เพื่อเป็นเครื่องรางแก่พญานาคราชทั้งหลาย ในตระกูลกษัตริย์จึงจะได้ครอบครองไม่ว่าสีใดก็ตาม

เราอธิษฐานจิตเมื่อ ๘๒๐๐ ปีที่ผ่านมาก่อนสมัยพุทธกาลนี้ วิชาที่ใช้เป็นวิชาเล่นแร่แปรธาตุอย่างหนึ่ง แต่ความละเอียดจะสู้วิชาเป่าแก้ว (วิชาเนรมิตดวงแก้วมณี หรือแก้วสารพัดนึก ไม่ได้ ได้มีการเข้าสมาบัติเป็นเวลา ๑ กัปป์ สำหรับพระขรรค์เล็ก ส่วนพระขรรค์องค์ใด ใช้เวลาเข้าสมาบัติไม่ต่ำกว่า ๓๑ กัปป์

เหตุที่เป็นพระขรรค์ ๙ สี จะมีการทำวิชาแก้วนพเก้าไตรกาลร่วมด้วย แล้วออกมาเป็น ๙ สี เราได้มอบแต่จอมกษัตริย์แห่งนาค ๙ องค์ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ ต่างกาลต่างเวลา ไว้เพื่อเป็นเครื่องรางคุ้มกันกัย และไว้ใช้ร่วมกับการใข้ฤทธิ์ของพญานาคราช สามารถป้องกันภัยแก่เหล่าพญาครุฑได้ บัดนี้เราได้ละสังขารนานแล้ว หลังสมัยพุทธกาลพระสมณโคดม เวลานี้เราอยู่ที่พรหมชั้น ๑๑ <O></O>
ผู้ที่ได้พระขรรค์ไปนั้นล้วนแต่มีความเกี่ยวเนื่องกันกับเรา หรือลูกศิษย์ของเราทั้งสิ้น ขอให้พวกเขาเก็บไว้ เป็นสมบัติของตระกูล เพื่อป้องกันภัยพิบัติ กันคุณไสย หรือกันโรคร้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ต่อไปสมบัตินาคจะหายากขึ้น แม้เวลานี้ดูเหมือนจะมีมาก แต่เทียบแล้วเพียง ๑ ใน ๑๐๐ ส่วน ”

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ
Numsai



หมายเหตุ เหตุที่นำเรื่องนี้มาคั่นก่อน เรื่องของพี่ชาย ตรงกับที่ท่านอินทรปัตต์ฤาษีได้กล่าวไว้ จึงขอนำคำกล่าวของท่าน มาให้อ่าน เพื่อเป็นธรรมทานค่ะ

 

ส่วนคนรอคนนี้ ขาดใจไปเรียบร้อยแย้ว