เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    หวัดดีครับคุณกังขา ณ ปลาย..ไม่ได้รบกวนตรงไหนเลยครับ
    ดีแล้วที่มาเสวนาธรรมด้วยกันครับ วันก่อนไม่ได้เจอกัน..หาอยู่ครับ
    กระทู้นี้มีหลายรสครับ..ความฝันก็เป็นส่วนนึง
    ในห้องวิทย์ นี่เราต้องพิสูจน์ ด้วยการทดลองครับ
    จริงๆผมชอบเรื่ององค์ความรู้รวมมากที่สุด
    เพื่อสร้างความเข้าใจจดจ่อหาความจริงแท้ให้ได้ แบบที่คุณกังขาบอกไว้น่ะครับ สนุกนะครับ เชิญๆๆๆ

    (bb-flower
     
  2. กังขา ณ ปลาย

    กังขา ณ ปลาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +1,763

    ส่วนใหญ่แวะมาอ่านค่ะ
    ขอบคุณค่ะ

    ชอบอ่านค่ะ แนวตะวันตกก็ชอบนะคะคุณมี้ด ...มะนุดต่างดาว

    :d
     
  3. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765


    อ่านแล้วรู้สึกดีจัง พวกพี่ๆได้ไปนัดพบพูดคุยกันถึงแม้ไม่ต้องใช้กายไปแต่ใช้จิตไป อยากจะทำได้บ้างแต่กว่าตัวเราจะทำได้คงฝึกอีกนาน

    พี่นักเขียนค่ะมีเรื่องสงสัยว่า
    การที่เราฝัน แล้วแต่ละเหตุการณ์นั้นจะมีแฟนอยู่ด้วยตลอดแทบทุกครั้ง
    นั่นเป็นเพราะอีกมิติเค้าก็ได้อยู่ร่วมกับเรา หรือว่าเป็นเหตุการณ์ที่จะดำเนินไปในอนาคตคะ

    แต่ก่อนที่ฝัน ไม่ว่าเหตุการณ์อะไรแล้วแต่เหมือนตัวเราเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ตลอด แต่พอได้อ่านหนังสือของอาจารย์โนวา ลองฝึกก่อนนอนให้นึกว่าตัวเราจะไปที่ไหนเหมือนใช้จิตนึกไปก่อน ทุกครั้งเลยไปได้ไกลขึ้น เหมือนกำลังไปเที่ยวอยู่ส่วนมากจะฝันว่าไปแถววัดซึ่งอยู่ริมน้ำบ่อยๆ และมีอยู่ครั้งนึง ฝันว่าตัวเองไปที่วัด ซึ่งตอนนั้นในฝันรู้ว่าไม่ใช่สมัยปัจจุบันแต่อยู่ในสมัยอยุธยา ก็เดินเข้าไปในโบสถ์เหมือนเรากำลังตามไปดูตัวเราในอีกภพที่เป็นนางรำค่ะยังดูเด็กๆอยู่เลย รู้สึกดีใจมากยังพูดขอบคุณนางรำที่เป็นผู้ใหญ่อีก2-3คน ถึงคำพูดของอาจารย์โนวา ในเรื่องจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติ นี่เป็นครั้งแรกที่ฝันว่าได้เป็นผู้สังเกตการณ์

    ขอคำแนะนำพี่นักเขียนด้วยค่ะเรื่องทำสมาธิ
    ทุกครั้งที่เริ่มนิ่งและเข้าภวังค์ พอเริ่มจะเห็นจอภาพติด
    ตัวเองก็เริ่มตื้นเต้นว่าจะเห็นอะไรบ้างแล้วก็หลุดสมาธิไปทุกครั้งเลย
    หรือไม่บางทีกว่าจะทำจิตให้นิ่งได้ ต้องทำเหมือนตัวเองไม่หายใจแล้วถึงจะนิ่ง
    จนรู้สึกกลัวขึ้นมาว่าอยู่ๆไม่หายใจแล้วจะทำยังไง

    ขอบคุณมากค่ะ และจะเข้ามาอ่านในบอร์ดนี้ทุกๆวัน
    รู้สึกเหมือนพี่ๆทุกคนในนี้จะสนิทและคุ้นเคยดีจังเลย
    เวลาที่เกิดโมโหใคร จะเข้ามาที่เว็บนี้นะ
    เพราะจะทำให้คลายความโมโหและไม่คิดแค้นใคร
    เหมือนช่วยดับอารมณ์ที่ไม่ดีได้อย่างดีเลย ไม่รู้จะมีใครเหมือนเราบ้างหนอ:d
     
  4. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ขอต้อนรับคุณleogirlw99 ครับ...มาร่วมศึกษาพร้อมๆกันนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    การเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยการฝัน

    จากหนังสือ ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ
    บทที่ ๑๐
    การเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยการฝัน


    การเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยการฝันเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากการเข้าภวังค์ เพราะหากเธอเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยการฝันได้สำเร็จ เธอจะพบกับตัวตนในรูปแบบต่างๆที่ฉันได้กล่าวถึง
     
  6. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ต้องกลับไปอ่านซ้ำอีกหลายๆรอบ
    เท่าที่เข้าใจคือการที่เรามีสติยามหลับใช่ไหมคะ
    "การฝึกสติสัมปชัญญะให้คมชัด"
     
  7. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    สวัสดีค่ะคุณน้อง leogirl ยินดีต้อนรับนะคะ ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ห้องวิทย์ของเรามีเป้าหมายร่วมกันคือ ฝึกฝนเรียนรู้ด้วยกัน ทำได้ร่วมกันค่ะ เราต้องเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนความเชื่อก่อนตามที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ไงคะว่า "ความเชื่อเป็นตัวกำหนดและจำกัดว่าอะไรคือสิ่งที่เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้"

    การรู้เห็นในความฝันปราศจากกาลเวลา ดังนั้นทุกสิ่งที่ปรากฏในความฝันจึงเป้นได้ทั้งอดีต-ปัจจุบันและอนาคต บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่นๆ ชาติภพอื่นๆ มิติอื่นๆ แต่ท่านอาจารย์อนาลัยก็กล่่าวไว้ว่า
    "...เธอก็ไม่เคยหยุดฝันเพราะกลไกแห่งความฝันคือการสร้างพิมพ์เขียว ซึ่งเป็นแบบแผนและต้นกำเนิดของการสร้างโลกภายนอก และประสบการณ์ทั้งหลายในชีวิตของเธอ"
    จากหนังสือความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ บทที่ 1 หน้า 6

    ดังนั้นการที่เราเห็นแฟนของเราในความฝันก็เป็นการรู้เห็นมากกว่าเพีียงแค่อดีตหรืออนาคตบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เพียงเส้นเดียวที่เรารู้จัก ความผูกพันธ์เป็นไปข้ามชาติภพและข้ามมิติ เพราะจิตวิญญาณมีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปหลากมิติพร้อมกันหมด แต่เราก็ไม่ได้เป็นเรา เขาก็ไม่ได้เป็นเขา เหมือนฉายหนังซ้ำหรือรับบทบาทซ้ำๆในละครของชาติภพ เรารับบทบาทที่แตกต่างกันไป แต่เมื่อเรารู้เห็นในความฝัน เรามักนำสติสัมปชัญญะพร้อมด้วยความจดจำชุดของตัวตนภายนอกยามตื่น ติดตามเข้าไปเป็นผู้สังเกตการณ์ ทำให้รู้เห้นจากมุมมองของต้วตนเดิม แม้ว่าบุคลิกภาพหรือบุคคลตัวตนอื่นๆที่เรารู้เห็นจะเปลี่ยนบทบาทไป และตัวเราเองก็เปลี่ยนไปแล้ว แต่เราก็มักจะยังยึดถือบทเดิมอยู่ด้วยมุมมองเดิม

    ต่อเมื่อเรานำผู้สังเกตการณ์ที่ได้รับข้อมูลความรู้เพิ่มเติมไปจากความรู้อันจำกัด เราจะกลายเป็นผู้สังเกตการณ์ที่รู้เพิ่มเห็นเพิ่ม อย่างที่คุณน้อง leogirl กำลังเป็นอยู่นี้ คุณน้องจึงรู้ได้คมชัดขึ้นว่าตัวเองกำลังเผชิญกับอดีตตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เรารู้จัก

    พี่นักเขียนแนะนำวิธีการทำสมาธิก่อนนอนและตั้งจิตฝัน ช่วยกลับไปดูโพยที่หัวหน้าห้อง พลังจิตพิชิตพลังฝันรุ่น 1 คือคุณ Mead post ไว้ที่หน้าแรกนิดนึงค่ะ หลักการง่ายๆที่พี่นักเขียนแนะนำคือ เมื่อนั่งสมาธิก่อนนอนให้กำหนดรู้ว่า เราจะปล่อยให้ร่างกายของเรานอนหลับ และจะจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไว้ให้จิตเราตื่น ดูขั้นตอนในรายละเอียดที่ให้ไว้แล้วนะคะ

    การที่คุณน้องทำเสมือนว่าไม่หายใจนั้น ต้องนับว่ามีความรู้อย่างเป็นธรรมชาติทีเดียวค่ะว่าเป็นวิธีการที่จะเหนี่ยวนำไปสู่การเข้าภวังค์ที่จะทำให้จิตวิญญาณเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปได้ แต่เป็นวิธีการที่เรียกว่าก้าวกระโดดไปหน่อย เพราะมันทำให้เรามักตกใจเพราะร่างกายของเรายังไม่พร้อม แต่ถ้าหากทำตามวิธีที่พี่นักเขียนแนะนำคือให้ค่อยๆปิดประสาทสัมผัสทั้งห้าทีละตัว ในที่สุดร่างกายของเราก็จะไปถึงภาวะที่เสมือนไม่หายใจนี้แหละ แต่มันเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เมื่อประสาทสัมผัสทั้งห้ามันปิดได้หมด จะเห็นว่าตัวเองหายใจหรือไม่หายใจ มันก็ไม่สะทกสะท้าน เพราะร่างกายมันหลับเสียแล้ว มันไม่ต้องการอากาศมากเท่าตอนที่เราตื่น และการหายใจก็เปลี่ยนวิธีการไปด้วย ทำให้เรารู้สึกเสมือนว่าไม่หายใจ

    หลายสิ่งหลายอย่างในโลกยามตื่นแตกต่างไปจากโลกในความฝันโดยสิ้นเชิง เพราะเหตุว่าสิ่งที่เรารู้เห็นยามตื่นนั้นมักเป็นเพียงความเชื่อ-ไม่ใช่ความรู้ เมื่อเราก้าวล่วงไปสู่โลกแห่งความฝันซึ่งปราศจากเครื่องพราง เราจึงมีมุมมองที่แตกต่างไป รู้เห็นแตกต่างไป แต่ธรรมชาติความเป็นจริงที่เราได้เรียนรู้จากท่านอาจารย์อนาลัย-เป็นความรู้ ซึ่งเป็นแก่นแท้ของจิตวิญญาณ เมื่อคุณน้อง leogirl ได้พูดกับนางรำในความฝันถึงสาระของที่เรียนรู้มาจากท่านอาจารย์อนาลัย ข้อมูลความรู้ที่คุณน้องได้ศึกษาจากท่านอาจารย์อนาลัยยามตื่น ได้เข้าถึงจิตวิญญาณของคุณน้องแล้ว ยามตื่น-คุณน้องก็พจะบความเป็นจริง ยามฝัน-คุณน้องก็จะพบความเป็นจริงที่ท่านกล่าวเช่นกัน เราจะระลึกถึงท่านทั้งยามตื่นยามฝันก็เพราะความรู้นั้นๆได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณของเรา

    ห้องวิทย์ของเราเป็นห้องทดลองฝึกสติสัมปชัญญะให้คมชัดด้วยการออกกำลัง(ภายใน) คือด้วยการ jogging ภายในทุกวัน-หัวเราะทุกวันไงคะ มาร่วมบริหารสติสัมปชัญญะของตัวตนภายในกันทุกวันนะคะ พี่ๆที่นี่ใจกว้างค่ะ ขนาดพี่นักเขียนอยู่ตั้งไกลถึง USA ยังได้ทานของอร่อยๆไปด้วย-แม้ว่าโจรสลัดจะชุกชุมก็น่ารักดี (rose) (rose) (rose)
     
  8. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    การฝึกสติสัมปชัญญะให้คมชัด คือการทำให้เรารู้เห็นและจดจำได้ทั้งหลับ-ทั้งตื่น เช่นที่คุณน้อง leogirl นำเอาความรู้ที่ได้จากหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยเข้าไปบอกกับนางรำในความฝัน คุณน้องก็ได้นำเอาสติสัมปชัญญะยามตื่น หรือสติสัมปชัญญะของตัวตนภายนอกติดตามเข้าไปในความฝันได้อย่างคมชัดแล้ว เมื่อรู้เห็นสิ่งต่างๆในความฝันในฐานะผู้สังเกตการณ์-ไม่ใช่ผู้กระทำ คุณน้องก็กำลังใช้สติสัมปชัญญะของตัวตนภายในเป็นผู้รู้ผู้เห็นอย่างคมชัดอีกเช่นกัน

    แต่สองภาวะนี้ยังแยกส่วนกันอยู่ ต่อไปเมื่อคุณน้องรู้เห็นใน 2 สภาวะนี้ได้บ่อยๆจนคุ้นเคย สติสัมปชัญญะที่เคยทำงานแยกส่วน คือเป็นส่วนของตัวตนภายนอกยามตื่น กับส่วนของตัวตนภายในยามฝัน จะกลายเป็นหนึ่งเดียว การรู้เห็นก็จะขยายตัวออกไปอย่างอัตโนมัติค่ะ
     
  9. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    download ความรู้จากความฝัน - decompress - decode - print out

    เรากำลังศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่่่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะ และฝึกฝนการมีสติสัมปัญญะอันคมชัด - ในความฝัน เรากำลังพูดถึงความเป็นไปและการฝึกฝันโดยเฉพาะ แม้ว่าพี่นักเขียนจะนำเอาสาระของ สมาธิ หรือ ฌาน มากล่าวถึง ก็เป็นไปเพียงเพื่ออาศัยจุดอ้างอิงที่หลายๆคนรู้จักอยู่แล้วยามตื่นมาใช้เปรียบเทียบเท่านั้น เพราะไม่มีคำนิยามจากศาสตร์อื่นใดได้ที่เคยกล่าวถึงภาวะของสติสัมปชัญญะไว้มากพอที่จะนำมาอาศัยเปรียบเทียบได้กับความเป็นไปในความฝันเหล่านี้ได้ใกล้เคียงที่สุด

    มีน้อยคนที่จะติดตามความฝันไปรู้เห็นได้อย่างคมชัดพอที่จะกลับมาสู่ภาวะยามตื่นได้ และสามารถถ่ายทอดข้อมูลเหล่านั้นออกมาได้มากพอกับที่ได้รับมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบางคนรับได้-บางคนรับไม่ได้ แต่เป็นเพราะว่าโดยธรรมชาติแล้วข้อมูลความรู้ที่เราได้รับเป็นสิ่งที่ปราศจากภาษาพูด ปราศจากถ้อยคำ แต่เป็นความคิดรวบยอดหรือเป็น Concept ใหญ่ยักษ์ที่มีสาระอัดแน่น

    พี่นักเขียนใช้คำว่า download เสมอๆ เพราะมันเป็นไปในลักษณะที่ใกล้เคียงที่สุดกับประสบการณ์ส่วนตน คือข้อมูลที่ได้รับมาบีบอัดอยู่ในหน่วยของ Concept หรือความคิดรวบยอดที่ว่าใหญ่ยักษ์ หากรับมาแล้วไม่นำมา decompress หรือขยาย file อย่างมากที่เราจะจดจำหรือรู้เห็นได้ยามตื่น ก็เหลือเพียงชื่อ file เพียงคำเดียว แม้ว่่าเราจะได้รับข้อมูลความรู้มามากมายในระดับจิตใต้สำนึก แต่ก็ไม่อาจขยายหรือนำมันออกมาสู่ระดับจิตสำนึกได้

    บางคนอาจเข้าใจผิดว่า พี่นักเขียน-เขียนหรือพิมพ์ข้อมูลความรู้เหล่านี้ไปโดยไม่รู้ตัวว่าเขียนหรือพิมพ์อะไร หากเป็นเช่นนั้นข้อมูลความรู้ที่ได้คงได้มาเสมือนหุ่นยนต์ที่ไม่มีชีวิตจิตใจ-ไม่มีอารมณ์ ได้มามากมายเพียงไหนอย่างมากก็ได้เพียงแค่เก็บข้อมูล แต่ถ่ายทอดไม่ได้เพราะไร้สติสัมปชัญญะ-ไร้อารมณ์และความรู้สึกนึกคิด ไม่ต่างจากเครื่องคอมพิวเตอร์หรือ server ที่เก็บข้อมูลไว้ได้ แต่ไม่มีใครมาเปิดใช้งาน เพราะข้อมูลความรู้เหล่านี้ได้มาจากความฝันและนำมาถ่ายทอดยามตื่น สิ่งที่รับมาในความฝัน-รับรู้ได้ด้วยจิตวิญญาณ แต่เมื่อนำมาถ่ายทอดก็ต้องอาศัยสมองทอดหนึ่ง และอาศัยร่างกายเนื้อหนังอีกทอดหนึ่ง มันจึงจะออกมาเป็นรูปธรรมที่สื่อสารและถ่ายทอดกับผู้อื่นได้ หากเรานำมันมาสู่สมองและร่างกายเนื้อหนังไม่ได้เพราะรับมาแบบหุ่นยนต์หรือคอมพิวเตอร์ที่ได้แต่ copy หรือเก็บบันทึก การถ่ายทอดก็ไม่เกิดขึ้น

    ความรู้ที่ปราศจากการถ่ายทอดเป็นความเปล่าประโยชน์ หรือ ความเสื่อม
    โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ (บทที่ 3 เธอคืออะไร - หนา้ 24)

    โลกทางกายภาพก็ไม่ได้มีเพียงโลกเดียว-มิติเดียว แต่มีหลายโลก-หลายมิติ ดังนั้นภาวะในความฝันที่จิตวิญญาณเปลี่่่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไป จะนำพาเราไปสู่:
    มิติที่ 1:โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ ซึ่งครอบคลุม โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ-หลากโลก ที่มีสภาวะเป็นกายภาพ
    มิติที่ 2:โลกแห่งความเป็นทางจินตภาพ ซึ่งครอบคลุม โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ-หลากโลก ที่มีสภาวะเป็นจินตภาพ และ
    มิติที่ 3:โลกแห่งความเป็นจริงทางจิตวิญญาณ ซึ่งครอบคลุม โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ-หลากโลก ที่มีสภาวะเป็นจิตวิญญาณ

    การรับรู้ของตัวตนภายนอกที่เราคุ้นเคยยามตื่น เป็นการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่เมื่อจิตวิญญาณเปลี่่่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่โลกอื่น-มิติอื่น ตัวตนภายในของเราจะเป็นผู้รับรู้ด้วยประสาทสัมผัสภายในแทน แม้เราจะมองเห็น ได้กลิ่น ได้ยิน ได้ลิ้มรส หรือสัมผัส คล้ายกับยามตื่นด้วยความคุ้นเคยกับประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่เราก็ไม่ได้กำลังรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า สติสัมปชัญญะของเราอาจจำกัดการรู้เห็นของเราเพียงเพราะมันคุ้นเคยกับการรับได้เพียงเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วนอกเหนือไปจากนั้น เราก็ยังรับรู้ด้วยประสาทสััมผัสอื่นๆที่เราไม่รู้จักอีกหลายชนิดด้วยกัน

    ผู้ที่ฝันแล้วไม่ได้ยินเสียงที่คิดว่าควรจะได้ยิน มักเผชิญกับประสบการณ์ที่ว่าพยายามฟังเท่าไรก็ไม่ได้ยิน ภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะเรากำลังพยายามใช้ประสาทสัมผัสตามความคุ้นเคย ซึ่งมันไม่ได้มีให้เราใช้ในขณะนั้น หากเราเรียนรู้ว่าเรามีประสาทสัมผัสภายในที่ใช้การได้ดีกว่านั้นเสียอึก เราจะรับรู้ได้โดยไม่ต้องได้ยินเลย คือรับรู้ได้โดยตรงด้วยอารมณ์-ความรู้สีกนึิกคิด หรือรับรู้โดยตรงด้วยจิตวิญญาณ

    เราจะพิจารณาภาวะของสติสัมปชัญญะ การเปลี่่่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะและความฝันกันต่อไป
    การรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสภายในที่ว่านี้ เกิดขึ้นเมื่อจิตวิญญาณเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะในความฝัน ไปสู่สภาวะที่เปรียบได้กับ ภาวะที่คาบอยู่ระหว่าง ฌาน 4 กับ ฌาน 5
     
  10. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ประสาทสัมผัสภายใน

    การรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสภายในเกิดขึ้นเมื่อจิตวิญญาณเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะในความฝัน ไปสู่ภาวะที่คาบอยู่ระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติทางจินตภาพ กับโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติทางจิตวิญญาณ (เปรียบได้กับภาวะที่คาบอยู่ระหว่างฌาน 4 กับ ฌาน 5)

    เราไม่ได้จะต้องฝึกฝนที่จะดำเนินจิตให้ไปให้ถึงภาวะดังกล่าวนี้เสมือนการฝึกฝนเดินทางไกล ท่านอาจารย์อนาลัยได้อธิบายว่าเราจะไปถึงจุดนี้ได้ด้วยการศึกษาเกี่ยวกับประสาทสัมผัสภายในของเรา เมื่อเรารู้จักและเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ มันจะปรากฏให้เราเห็นและใช้งานได้ทันทีอย่างเป็นธรรมชาติ

    พี่นักเขียนขอเชิญชวนให้พวกเราอ่านหนังสือ "ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ" และขอให้ศึกษาสาระเหล่านี้เสมือนชาถ้วยเปล่า อย่าพยายามนำไปเปรียบกับความรู้เดิมเกี่ยวกับ ญาน เพราะเรากำลังฝึกฝันเพื่อให้สติสัมปชัญญะคมชัด แม้ว่าภาวะเหล่านี้อาจใกล้เคียงกับคำนิยามของ ญาน แต่ถ้าเรายึิดติดกับความรู้เดิม มันจะทำให้เราเข้าใจสิ่งใหม่ๆได้ยาก ได้คัดลอกสาระเกี่ยวกับประสาทสัมผัสภายในเพียงบางส่วนมาให้อ่านกันก่อนพอสังเขป แต่ขอให้ไปอ่านสาระเต็มจากหนังสือเพราะมีรายละเอียดมากมาย และเมื่อได้อ่านแล้วก็ขอให้พวกเราตั้งคำถามให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และนำประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนกัน เพื่อช่วยกันทำความเข้าใจในประสาทสัมผัสภายในได้อย่างถ่องแท้ เราทุกคนเคยเห็น เคยใช้ประสาทสัมผัสภายใน-ทั้งในความฝันและยามตื่นมาแล้ว บางอย่างเราก็อาจจะคิดว่าเราไม่รู้จักหรือไม่เคยใช้ แต่ประสบการณ์ที่เรานำมาแลกเปลี่ยนกันอาจทำให้เราตระหนักได้ว่า เราเคยเผชิญกับประสบการณ์หนึ่งๆมาก่อน และเราได้ใช้หรือใชัประสาทสัมผัสภายในไม่ได้-เพราะเหตุใด
    เราอาจไม่รู้ว่าเราใช้มันเมื่อไร อย่างไร แต่ถ้าหากเรารู้จักมันดีขึ้นและเข้าใจในคุณสมบัติของมัน เราจะสามารถจดจ่อที่จะนำมาใช้ได้ตามปรารถนา คือใช้ได้อย่างจงใจ - ไม่ต้องคอยฟลุ๊ค

    จากหนังสือ ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ(หน้า 48-62)
    บทที่ ๔
    ประสาทสัมผัสภายใน


    หากเธอละตัวตนภายนอกและสติสัมปชัญญะ-ซึ่งเป็นตัวตนที่เธอคิดว่า-เป็นของเธอ-คือเธอได้สักครู่หนึ่ง เธอจะเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ คำกล่าวนี้ไม่ได้เป็นคำพูดที่ไร้ความหมาย ฉันไม่ได้กล่าวเพียงเพราะว่าฉันต้องการจะเสนอทฤษฎี แต่ฉันต้องการให้เธอนำความเป็นจริงนี้ไปฝึกฝนเพื่อใช้งาน

    ก่อนอื่นเธอจะต้องเข้าใจในธรรมชาติของความเป็นจริงว่า โลกและจักรวาลทางกายภาพที่จิตวิญญาณมีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปเป็นร่างกายเนื้อหนังที่เป็นกายภาพนี้ ล้วนเป็นเครื่องพรางที่ซ่อนเร้นธรรมชาติแห่งความเป็นจริงของพลังพื้นฐานของชีวิตไว้ ช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาเป็นเครื่องพรางของโลกและจักรวาลทางกายภาพที่ทำให้เธอสามารถรู้เห็นสภาพแวดล้อมของเธอได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า และทำให้เธอจดจ่อได้กับปัจจุบันเพื่ออำนวยให้จิตวิญญาณมีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปได้ในสภาวะที่เป็นกายภาพ แต่ไม่ได้หมายความว่า จิตวิญญาณถูกคุมขังอยู่ภายใต้เครื่องพรางเหล่านี้ เธอทั้งหลายมีประสาทสัมผัสภายในหรือที่ฉันกล่าวไว้ใน
     
  11. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ผมเริ่มจะมองเห็นความเชื่อมโยงกันของความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นในยุคนี้ครับ
    จากหนังสือของอาจารย์อนาลัย+ อาจารย์ปริญญา ตันสกุล +
    Ask and It Is Given Esther and Jerry Hicks [ Abraham] และเล่มอื่นๆในแนวนี้

    ตอนนี้อ่านไปก็ปั่นความรู้ที่ได้ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน..ให้กลมกลืนกันไป
    เพราะแต่ละความรู้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ น่ารู้ น่าพิสูจน์ ต่อยอดกันไปได้อย่างต่อเนี่องครับ
    ของอาจารย์อนาลัย ก็เป็นความรู้ใหม่แนวธรรมชาติ Soft ลึกล้ำหลากมิติ ยิ่งอ่านก็ยิ่งเข้าใจ+ยิ่งหมดคำถามครับ
    เป็นหนังสือที่อ่านแล้วมุมมองเปลี่ยนไปมาก
    ความรู้ใหม่แนวนี้ดูเหมือนนอกกรอบมิติของคัมภีร์ศาสนาไปบ้าง..
    เพราะความรู้กำลังถูกปฏิรูปให้เหมาะกับยุคสมัยนี้..ซึ่งในปัจจุบันนี้มีก็ให้เลือกอ่านมากยิ่งขึ้น..

    ดีครับที่ได้มีโอกาสรู้จักกับนักเขียนด้วย จึงได้รู้ถึงที่มาของความรู้เหล่านี้
    พอเห็นว่าต้องใช้เวลาถึง 7 ปี 7 เดือนในการทำหนังสือ ยื่งรู้สึกว่าต้องใช้ความอุสาหะมากมาย
    ที่เดียวกว่าจะเสร็จ ต้องขอบคุณพี่นักเขียนอย่างสูงที่ทำหนังสือมาให้เราได้อ่านกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2007
  12. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    ผมได้อ่านมีคำว่า "ตัวตนภายใน"

    ซึ่งอาจทำให้บางท่านสับสนคิดว่าให้ยึดตัวตนของตนหรือ "ติดใน"
    แท้แล้ว ท่าน อ. โนวาฯ ไม่ได้ต้องการเช่นนั้นแน่ แต่อาจด้วยศัพท์
    ทางโลก ทำให้บางท่านอาจเข้าใจผิดได้จริงๆ คือ คิดว่าไปเสริม
    "ตัวกูของกู" แท้แล้วไม่ใช่


    ดังนี้ "ตัวตนภายใน" ก็น่าจะหมายถึง "จิตเดิมแท้" ที่บริสุทธิ์ไร้กิเลส
    เป็น "จิตประภัสสร" คือ ความเป็นพุทธะภายในมากกว่า คิดว่าอย่างนั้นนะครับ


    อนึ่ง "จิตเดิมแท้" หรือ "จิตพุทธะ" หรือ "จิตประภัสสร" ก็ตาม
    ผมคิดว่าเป็นความหมายเดียวกันกับ "การหลอมรวมอาตมันเข้ากับปรามาตมัน"
    และเป็นสิ่งเดียวกันกับที่ท่าน อ. โนวาฯ สอนให้เข้าสู่ "ตัวตนภายใน" นั่นเอง


    คิดอย่างไรครับ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2007
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    เห็นด้วยครับ
    ภาษาบนโลกมนุษย์ กับความเข้าใจแต่ละบุคคล ทำให้ตีความต่างกันได้ครับ
    ควรมองให้ทะลุตัวหนังสืออีกทีครับ ไม่ง่ายเลยที่จะใช้คำพูดสื่อถึงความไร้รูปออกมา..
    คุณคนขายธูปมองทะลุเข้าไปได้ ยิ่งทำให้เข้าใจมากขึ้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2007
  14. เอกณัฐยศ

    เอกณัฐยศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    3,628
    ค่าพลัง:
    +9,666
    **** พี่นักเขียน ช่วยแนะนำด้วยครับ ***


    **** พี่นักเขียน ช่วยแนะนำให้ด้วยครับ *****
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2007
  15. ต้นTKenji

    ต้นTKenji เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +683
    พี่นักเขียนครับ ถ้าคนฝันกันถึง 2 ครั้ง ฝันเมื่อปีที่แล้ว และอีกทีปีนี้ครับ แต่ฝันมันเหมือนกันหมดทุกอย่างครับ ฝันนี้จะพยายามจะสื่ออะไรกับผมหรือเปล่าครับทั้งที่ผมไม่ได้คิดอะไรเลยครับ

    และเมื่อช้ามืดผมฝันถึงคนๆนึง และผมไปถามเพื่อน แล้วคำตอบมันถูกต้องอะครับ
    (b-smile)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2007
  16. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เคยอ่านหนังสือเจอ เค้าก็อธิบายคล้ายๆ กับที่คุณ mead ว่ามาแหล่ะครับ ว่าให้พิจารณาถึงคุณสมบัติของมันแทน เพราะว่าถ้ายึดติดกับคำพูดบางทีต่างคนต่างภาษาก็ใช้คำศัพท์ต่างกันในการเรียกสิ่งเดียวกัน

    อย่างเวลาคนฝรั่งนั่งสมาธิ ถึงจุดๆ นึงเค้าจะบอกว่ารู้สึก peace ที่เราแปลว่าสันติภาพ แต่เราเวลาทำสมาธิ จะอธิบายความรู้สึกว่า รู้สึกสงบ นิ่ง บางทีเค้ากับเรา อาจจะรู้สึกเหมือนกันก็ได้ แต่ใช้คำที่เรียกความรู้สึกตอนนั้นไม่เหมือนกัน

    หรือจะเปรียบอีกอย่างว่า ถ้าเราต้องการรู้ว่าคำว่า กล้วย กับ banana อ้างถึงสิ่งเดียวกันหรือเปล่า เราก็ต้องไปดูลักษณะของสิ่งๆ นั้นว่ามันเหมือนกันหรือเปล่า ทั้งรูปร่าง คุณลักษณะ


    ผมก็อ่านหนังสือหลายเล่มเหมือนกัน แล้วก็เอามาตบๆ รวมกันเหมือนที่คุณ mead ทำ หนังสือบางเล่มก็อธิบายคล้ายๆ กับ โนวา อนาลัย ที่ว่าเราเป็นวิญญาณ พอนอนก็กลับเข้าสู่โลกวิญญาณ ไม่แน่ใจว่าเป็นของ ดร.โบรอันหรือเปล่า เค้าอธิบายว่า เราก็เหมือนนักเรียนที่มาเรียนหนังสือตอนกลางวัน ตอนเย็นก็กลับบ้านเพื่อพักผ่อน ตอนกลางวันเราก็มาอยู่ในร่างกายเนื้อ พอนอนเราก็ได้กลับไปยังโลกวิญญาณที่เป็นบ้านตัวเอง

    ตอนนี้ก็อยากฝึกสติให้นอนแล้วจำฝันได้เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยมีเวลาฝึกเท่าไหร่เลย ความฝันที่จำได้ก็มีไม่กี่อัน บางครั้งจะฝันว่าไปที่เดิมซ้ำๆ กัน แต่ว่าเรื่องราวในฝันจะเปลี่ยนไป บางครั้งก็ฝันซ้ำความฝันเดิม แต่ว่าจำได้ว่าครั้งก่อนทำอะไรไป ก็แปลกดี
     
  17. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    เมื่อคืนหลังจากอ่านคำแนะนำของพี่นักเขียนเสร็จ
    ก็เลยไปเปิดหนังสืออาจารย์โนวา "โลกแห่งความจริงหลากมิติภาคต้น"
    แต่เลือกอ่านแค่บทที่อยากรู้คำตอบในขณะนั้น (หนังสือไม่ได้อยู่กับตัวเลยจำไม่ได้ค่ะว่าหน้าที่เท่าไหร่) มีแบบฝึกที่ให้คิดย้อนหลังเหตุการณ์เมื่อวานว่าทำอะไรบ้างและคิดไปถึงพรุ่งนี้ว่าจะทำอะไรบ้าง และถ้าตื่นกลางดึกให้เราอย่าเพิ่งลุกจากที่นอนให้ใช้จิตลุกขึ้นมาและมองไปที่ร่างกายของเรา

    รู้สึกว่าตัวเองตื่นขึ้นมาประมาณตี4-5 ตอนนั้นก็นึกถึงแบบฝึกของอาจารย์ทันทีว่าให้ใช้จิตก่อน ก็เลยนึกให้จิตลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดไฟตอนนั้นก็คิดว่าทำได้ด้วยเหรอ แล้วหันหลังกลับมามองตัวเองที่เตียง ปรากฎว่ามองเห็นตัวเองนอนอยู่ รู้สึกตกใจเหมือนกันเลยรีบหันหลังนอนทับลงไปบนตัวของตัวเองต่อ
    สักพักก็รู้สึกตัวตื่น มองนาฬิกาก็เกือบตี5แล้ว นี่คือเราใช้สติในยามหลับได้ หรือว่าเป็นแค่เราคิดไปเองคะ เพราะมันเหมือนตื่นแต่ไม่ได้ตื่น ส่วนไฟก็ไม่ได้เปิด
     
  18. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,790
    ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ

    ความคิดตายตัว และ ความไม่รู้จักยืดหยุ่น
    เปรียบเสมือนโซ่ล่ามสุนัข ที่บังคับให้มันต้องวิ่งวนอยู่รอบหลัก เพียงแค่รัศมีความยาวของโซ่เท่านั้น

    หากเธอยึดติดอยู่กับหลักเกณฑ์ ของความคิดและความเชื่อในลักษณะนี้
    ชีวิตในหลายชาติภพของเธอ จะต้องสู้รบกับหลักเกณฑ์ ของความคิดและความเชื่อ เกี่ยวกับความดี ความชั่ว ที่ ไร้ข้อพิสูจน์
    ซึ่งทำให้เธอ วิ่งวนเวียน อยู่ในชาติภพเหล่านั้น ด้วย ความสับสน
    สงสัย และเต็มไปด้วย ความกังวล
     
  19. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    แหม คุณ stefa


    บางท่านกำลังน้อยก็ทำให้ตนจบชาติภพไปสิ
    ส่วนท่านที่มีกำลังมาก บ่ยั่นหรอกครับ ที่จะวิ่งวน
    ถ้าการวนรอบแต่ละรอบ เอาคนอื่นๆ ไปนิพพานได้นะฮะ


    มันก็คุ้มค่าไม่เหนื่อยใช่มะฮะ อิๆๆๆ...
     
  20. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    อาจารย์นักเขียนจะไปพักผ่อนต่างอากาศริมทะเลแล้วครับ กับเพื่อนต่างประเทศทางด้านสมาธิ
    ตั้งแต่25สิงหา-2กันยา แจ้งให้ทราบครับมีอะไรถามได้เลยครับ
    กลับมาค่อยซักฟอกกันใหม่ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...