จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ขอโมทนากับจิตบุญที่46,47ด้วยครับ ครูทั้งหลายคงปลาบปลื้มใจกันน่าดู ยกจิตกันทุกวันแบบนี้
     
  2. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ใครพอทราบบ้างว่าประวัติครูลูกพลังอยู่หน้าไหนอ่ะครับ หาไม่เจอเลย (cry)(หน้าเยอะจัด ฮิๆๆๆๆๆๆ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2012
  3. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    คุณแป้ง buddy0(ถ้าเขียนผิดขออภัย) จิตบุญ 56
    น้องน้ำฝน เพื่อนน้องลูกหว้า ที่จิตเกาะพระใช้ชื่อ Adler จิตบุญ 57

    ลูกศิษย์ครูวิทย์ทั้งคู่ค่ะ

    แต่น แต๊น แต๊น รอรอบบ่ายอีกดวง (ถ้ามี) อิอิ
    ตอนนี้พี่เพ็ญตุนดอกบัวไว้หลายดอก ค่อยยังชั่วหน่อย
    งานหาดอกบัวนี่งานหนักมากเลยพี่น้อง กว่าจะพายเรือเข้าไปเก็บได้...555555555

    ขอแสดงความยินดีกับจิตบุญทั้งสองท่านด้วยนะคะ โห เกาะกันมายาวนานมาก สุดท้ายครูวิทย์คงรำราญ เอ้ย ไม่ใช่ท่านสงสารก็เลยดันจิตกันสุดฤทธิ์เลย ตอนนี้ลูกศิษย์ครูวิทย์เกือบหมดสต๊อกหล่ะ เหลือจิตเด็ก ๆ อีก 2 คน ต๋อมกับดาว ขอให้เร่งความเพียรกันหน่อยนะจ๊ะ จิตหนู ๆ ติดเฉื่อยกันมากเลย ถ้าไม่เชื่อฟังนะ ครูพี่เพ็ญจะให้ส่งการบ้านบนกระทู้ คราวนี้เจอไม้หน้าสามของคุณลินดาแน่ ท่านถือไม้รออยู่แล้ว ฮ่าๆ แซวกันหนุก ๆ อย่าไปซีเรียส ก็จิตครูพี่เพ็ญเบิกบานอ่ะ แต่สงสัยจะน้อยกว่าพี่ภูกะครูวิทย์ เห็นบอกว่าอิ่มจนทานไรไม่ลงแล้ว ส่งมาให้พี่เพ็ญก็ได้น๊า พี่เพ็ญยังรับ(หนม)ได้อยู่ อิอิ

    ไม่รู้จะคุยไร จิตบุญใหม่ส่งการบ้านรอบสุดท้ายบนกระทู้ พร้อมกับรายงานตัวกับพ่อภูและครูวิทย์ด้วยค่ะ แล้วช่วยส่งข้อมูลส่วนตัวขึ้นทำเนียบจิตบุญกับน้องลูกหว้าด้วยนะคะ

    สอบถามเรื่องการวางกำลังใจจากจิตบุญรุ่นพี่ได้ที่เวปจิตเกาะพระหรือที่เฟชจิตเกาะพระค่ะ ที่นั่นมีห้องเฉพาะสำหรับกลุ่มจิตบุญพูดคุยแนะนำและให้คำปรึกษาในเรื่องการวางกำลังใจหลังจิตยกหลายท่านค่ะ โดยเฉพาะครูเมิล คนนี้หญิงเหล็กหญิงแกร่ง ไปขอกำลังใจจากท่านนะคะ

    ขอความร่วมมือจิตบุญใหม่ช่วยส่งข้อมูลทำเนียบจิตบุญให้น้องลูกหว้าด้วยค่ะ
    จะส่งทางอีเมลของน้องลูกหว้า(ถ้ามี) หรือส่งที่ครูของท่านก็ได้ค่ะ

    1. ชื่อ-สกุลจริง , ชื่อเล่น , นามแฝงบนเว็บพลังจิต
    2. ที่อยู่อีเมล
    3. ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน หรือที่อยู่ที่ติดต่อได้
    4. วัน/เดือน/ปีเกิด และอายุ ณ วันที่จิตยก^^
    5. ระยะเวลาการฝึกจิตเกาะพระ เริ่ม....ถึง.....=.....วัน (ถ้าจำได้)
    6. หมายเลขโทรศัพท์
    7. อาชีพ
    8. รูปถ่าย
    9. อื่น ๆ (ลูกหว้าช่วยเสริมด้วยค่ะ)<!-- google_ad_section_end -->

    ปล. ถ้าพี่เพ็ญบอกเล่าขาดตกบกพร่องประการใด ขอพี่ภู ครูวิทย์ น้องลูกหว้าช่วยเสริมด้วยค่ะ

     
  4. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214

    โอ่ย ที่นี่เขาไปกันที่เดียวเท่านั้นแหละ
    ถ้ายังไม่รู้ใจตัวเอง
    งั้นไปหาค่าตั๋วมาก่อนนะ
    ค่อยมาเอา business class !
     
  5. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    โอ้ว... ท่านเป็นอรหันต์ แล้วหรือ ถึงขนาดจะไปเที่ยวเดียว น่ะ
     
  6. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    การจับภาพพระน้องพุกวางกำลังใจได้ถูกต้องแล้วค่ะ ขั้นต่อไปคือรักษาภาพพระไว้กับจิตให้ได้ต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืน ถ้าภาพพระเปลี่ยนก็ไม่ต้องไปสงสัย ดูไปๆ ด้วยใจสบายเหมือนเดิม

    เรื่องเจอกระทบ มีสติหลุดไปบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดาของอารมณ์ค่ะ ขอไม่เที่ยงย่อมมีเกิดดับเป็นธรรมดา มองให้เห็นว่ามันเป็นธรรมดาตามกฎไตรลักษณ์ อย่าไปยึดเอาอารมณ์ว่าเป็นของเราจิต อารมณ์เกิดก็มีสติรู้ อารมณ์ดับก็มีสติรู้ เมื่อมีกระทบแล้วอารมณ์เกิดก็ให้มีสติรู้และดูอยู่ในจิตของเราอย่างเดียว มันจะโกรธ หงุดหงิด รำคาญ น้อยใจ เสียใจ เศร้า กลุ้ม เบื่อ ทุกข์ สุข อย่างไรก็ให้มีสติตามดูตามรู้โดยไม่ปรุงแต่งต่อ แม้ว่าสติจะยังช้าอยู่แต่ก็ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่งค่ะ อย่างนี้เป็นการฝึกสติรู้กายรู้ใจอย่างต่อเนื่อง ถ้าทำให้บ่อยจนชำนาญ สติจะไวขึ้นค่ะ แต่อย่าไปจ้องหาสิ่งเร้าภายนอกมากนัก ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติในชีวิตประจำวันดีที่สุด ที่สำคัญคือให้มีสตินึกถึงภาพพระที่เห็นในจิตของเราให้บ่อย ทำจิตเกาะพระให้ต่อเนื่อง เดี๋ยวจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในจิตและอารมณ์อีกระดับหนึ่งค่ะ

    ส่งการบ้านขึ้นกระทู้ได้เรื่อย ๆ นะคะ เดี๋ยวจะมีครูมาช่วยตอบ สงสัยอะไรก็ให้ถามมาค่ะ

    พี่เพ็ญ จบ.3
     
  7. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    โมทนาสาธุกับจิตบุญ 56 / 57 ด้วยนะครับ

    ขอให้มาช่วยงานท่านพ่อกันต่อไปนะครับ

    สาธุ

    วิทย์ จบ.11
     
  8. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    ช่วยดูแลจิตตัวเองหน่อยนะจ๊ะ อย่าเที่ยวไปส่องจิตคนอื่นเขาเลยท่าน จิตเราก็รู้อยู่กับเรา แล้วท่านจะมารู้จิตเราได้อย่างไร แต่จิตท่านเราเห็นแต่อัตตากะมานะมันเกาะกันแน่นเลย ขอบใจนะที่มาเล่นต่อคำกันหนุกหนาน แต่เราเบื่อความฟุ้งของท่านแร๊ะ ขอให้ท่านเดินเล่นของท่านต่อไปก็แล้วกันนะ จะไปชั้นไหนก็ตามใจท่าน แต่เราหยุดท่องเที่ยวแล้ว ขอให้เจริญในศีลในธรรม สาธุ
     
  9. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    พี่เพ็ญก็จำม่ายล่าย ลองเสิร์ซหาในกูเกิ้ลดูจิเผื่อจะเจอ เช่น ลูกพลัง หรือจิตบุญ 19
     
  10. suwipha satraphai

    suwipha satraphai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +461
    โมทนาสาธุ กับจิตบุญ 56 และ57 ยินดีที่ได้กลับบ้านด้วยกันค่ะ
     
  11. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ครูครับ ผมขอถามหน้าบอร์ดหน่อยครับว่า หากสมมุติว่าผมต้องไปบวชแล้วทางวัดจะสอนกรรมฐานแนวอื่นๆนี่เราจะวางยังไงดีครับ เช่นท่องพุทโธ ประมาณนี้น่ะครับ จะงงตัวเองไหมครับ พอดีว่าจะศึกษาด้านสติเพิ่มเติมครับ (จากมือใหม่เพิ่งยกครับ )
     
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สำหรับจิตยกแล้ว หรือนามสมมุติว่า "จิตบุญ"

    พวกเราอย่าเพิ่งดีอก ดีใจไปนะ
    เพราะนั่นหมายถึง เพียงแค่รับประกาศนียบัตรในทางโลกเท่านั้น
    และครูผู้สอนรับรองจิตบุญให้ไปเพียงชั่วคราวเท่านั้น
    แต่ผู้ที่มีหน้าที่รับรองจิตของพวกเราโดยตรง ก็คือ พระพุทธเจ้า จะเป็นพระองค์ใดก็ได้

    แต่จิตบุญของแท้จะต้องอยู่ตรงนี้ต่างหาก ก็คือ...
    เมื่อมีสิ่งใดๆ มากระทบจิตของตนเอง ไม่ว่าทั้งดีหรือเลว
    แม้นกระทั่งความตายรออยู่ตรงหน้าก็ตาม
    จิตจะต้องไม่หวั่นไหว และไม่มีผลกระทบต่อจิตใจ(เข้าไปไม่ถึงจิต)

    สำหรับจิตบุญ(ใหม่) ที่ยังมีอินทรีย์ยังอ่อนอยู่ ก็ไม่เป็นไร
    ของแบบนี้ฝึกกันได้ อย่ากังวล

    คำว่า "อินทรีย์อ่อน"
    หรืออินทรีย์ไม่แข็งแรง หมายถึง สติปัญญาของผู้ปฎิบัติโดยตรงเลย
    กล่าวคือ สติน้อย(ความรู้สึกตัว ยังไม่ทั่วพร้อม) และปัญญาน้อย(ตามไม่ทันกิเลส)
    หรือกล่าวอีกนัยยะก็คือ สติยังตามจิตไม่ทัน จิตก็เลยพลอยตามกิเลสไม่ทันไปด้วย
    หรือบางทีตามทันแต่ช้าไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่า(มากๆ)กับผู้ที่ยังไม่เคยปฎิบัติ
    นี่ก็คือ ผลที่เกิดขึ้นโดยตรงเฉพาะของผู้ปฎิบัติเอง

    สำหรับจิตบุญ(จิตยก)แล้วนั้น เราจะรู้ได้อย่างไร???
    จิตบุญมิได้หมายถึง เป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรมกันเฉยๆนะ เรายังถือว่าอินทรีย์ยังอ่อนอยู่
    เพราะจิตบุญทุกดวงถูกฝึกมาเพื่อจะไปถึงพระนิพพาน
    เพราะฉะนั้นแล้ว จิตบุญจำเป็นต้องมีอินทรีย์ที่แกกล้า อันนี้เป็นสิ่งจำเป็นมาก

    ***วิธีแก้ไขสำหรับจิตบุญ(ใหม่)ที่ยังมีอินทรีย์อ่อน ก็คือ
    อินทรีย์ ๕ - วิกิพีเดีย
    จิตพยายามทรงฌานต่ำๆเข้าไว้ ห้ามตกฌานเด็ดขาด เพราะตกฌานเมื่อไหร่ จิตจะทุกข์ทันที
    แต่ถามว่า จิตบุญยังมีทุกข์อีกหรือ?
    พี่ภูถามกลับว่า พวกเธอยังมีกายหยาบกันอยู่ไหม?
    ตราบใดกายมีอยู่ ทุกข์ก็มีอยู่ เพียงแต่จิตไม่เข้าไปยึด
    ขนาดพระเป็นอรหันต์แล้ว ผู้มีอินทรีย์แก่กล้าแล้ว ท่านก็ยังต้องเจริญสติภาวนาตลอดเลย
    (แล้วคิดว่าท่านเป็นใคร?)
    เพราะว่าอะไร เพราะท่านไม่ประมาท ตราบที่เรายังครองขันธ์ู ๕ อยู่
    นี่ไงคือเหตุผล ถึงจิตคุณจะเป็นประภัสสรก็ตาม แต่จิตยังอยู่กับตัวกิเลสครบทุกตัว

    ตรงนี้ คือคำตอบสำหรับผู้ที่ไม่รู้จักความหมายดี คำว่า "ออกจากทุกข์"
    เขาออกจากทุกข์ หรือไม่มีทุกข์กันอย่างไร แต่ไม่ใช่เอาธรรมะเข้าข่มนะ
    แต่จริงๆแล้ว ทุกข์นั้นมีอยู่ แต่ทุกข์นั้น กิเลสนั้นมันทำอะไรจิตไม่ได้
    เพราะจิตยกแล้ว หมายถึง จิตตั้งอยู่เหนือขันธ์ ๕ เพราะจิตมันไปรู้ความจริง
    จิตเห็นธรรม จิตพบสภาวธรรม ก็แล้วแต่จะใช้ภาษาสมมุติมาอธิบายกัน
    สรุปแล้ว ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เราจะรู้กันได้ ก็ต่อเมื่อ จิตผ่านวิปัสสนาญาณมาแล้ว
    เราถึงจะรู้ หรือ ถึงบางอ้อ

    ขอยกตัวอย่าง...แฟนจับได้ว่ามีกิ๊ก หรือมีภรรยาน้อย/สามีน้อย(ความจริงก็จะปรากฎวันนั้นเอง)
    คือจับได้แบบคาหนังคาเขานะ ต่อไปใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อใจ ก็ตามแต่ใจเราเอง...ชิ๊มิ๊ๆ

    (จิตกับกิเลสก็เหมือนกัน)
    เมื่อเจอกับสิ่งที่มากระทบจิตโดยตรงนี้
    เราสามารถสอบผ่านได้ทีเดียวเลยมั๊ย(อินทรีย์แก่กล้า) หรือว่าจะต้องสอบซ่อมกันก่อน(ยังอ่อน)
    สำหรับผู้ที่มีอินทรีย์อ่อน แต่ขยันฝึกสติให้มาก วิปัสสนาให้มากกว่าวิปัสสนึก
    ยังดีกว่าผู้ที่มีอินทรีย์แข็งกล้าเฉพาะจิตทรงฌาน แต่จิตยังไม่ยก หรือจิตยังไม่ผ่านการวิปัสสนา
    หรือพวกที่มีความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด อันนี้ไม่เอานะ ถือว่ายังใช้ไม่ได้
    ไม่ใช่รอดเฉพาะในขณะจิตที่ทรงฌานเท่านั้น
    แต่พอฌานถอย(เสื่อม) แต่จิตตก(จิตหลุด)อันนี้ยังใช้ไม่ได้

    การสร้างสติแบบง่ายๆ ได้แก่ จิตเกาะพระ(เพ่งพระเป็นอารมณ์ หรือหมั่นระลึกถึงพระบ่อยๆ)
    แต่ถ้าจิตเบื่อทำจิตเกาะพระ(อย่าทำในขณะที่จิตเบื่อ) ก็อนุโลมให้ทำแบบของเก่าได้แต่ชั่วคราวนะ
    เดี๋ยวจิตจะไม่ยอมวางขอ'เก่า(อันนี้ข้อแนะนำผู้ฝึกใหม่ๆนะ) หรือตามลม(แบบอานาปาน)
    และอันท้ายที่สุดง่ายดี ก็คือ สิ่งต่างๆ ที่มากระทบจิต ทุกขณะจิต ทั้งดีหรือไม่ดี
    ดูสิว่า เรา(สติ)จะตามทันจิตไหม? หรือจิตตามกิเลสทันไหม?

    นี่ไง ครูบาอาจารย์ถึงได้ย้ำเน้นให้กับพวกเราว่า หมั่นเจริญสติๆ ก็เพื่อจะทำให้จิตนิ่ง
    จิตเป็นสมาธิ จิตจะได้ทรงฌานไวๆ นอกจากทรงฌานไว+อย่างต่อเนื่อง
    ก็เพราะว่า จิตจะได้เข้าสู่ความว่าง หรือจิตจะได้ผ่านวิปัสสนาญาณไวๆ จิตจะได้ยกไวๆ

    ขอโม้แค่นี้ก่อน เดี๋ยวจะยาว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 สิงหาคม 2012
  13. taktay

    taktay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +338
    ทางสายเอก

    จากวันแรกถึงวันจิตยก
    ถ้าไม่ได้ครูวิทย์ท่านนำทางมาคงยังวนเวียน อยู่กับความกลัวภัยพิบัติ เมื่อได้เข้ามาด้วยความที่จิตยังหยาบอยู่ยังไม่เข้าใจ เมื่อตามอ่านไปสักพัก เริ่มถึงใจ เข้าไปเรื่อยๆ จนทนไม่ได้แล้วเรา ที่นี่เขานำพาคนกลับพระนิพพานนี่หน่า แล้วเราซึ่งหาทางกลับพระนิพพาน<แต่หามิเจอ >จะรีรอทำไมอีก ไม่อยากตายทิ้งตายขว้างไปอีกชาติ
    ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ครูที่มีความเมตตามากจริงๆ
    และครูวิทย์มีแต่คอยตาม คอยถาม คอยให้กำลังใจ บางครั้งท้อเพราะดันไปจับสิ่งที่มากระทบ ก็ได้ครูวิทย์นี่แหละค่ะ ทำให้ได้เข้าที่เข้าทาง
    อาการแปลกๆต่างๆในการปฏิบัตื ครูจะคอยบอกตลอดว่าเป็นเพราะอะไร ทำไม ทำให้เราเข้าใจ<ปฏิบัตืโดยไม่มีครูนี่ไม่รอดหรอกค่ะ >เพราะครูท่านจะคอยสอบอารมณ์เราด้วย
    ตอนครูถามเรื่องอารมณ์เป็นอย่างไร ตอนแรกก็ งง คิดในใจก็อารมณ์ดี ต้องตอบแบบนี้หรือป่าวน๊า
    จนมาได้อ่านการบ้านคุณหมออุษาวดีนั้นแหละค่ะถึงได้เข้าใจ <ลอกเหมียนกัน แหะๆ>
    เพราะบางอย่างคล้าย และเป็นแนวทาง สติตามจิตยังไม่ทัน
    เลยเข้าใจว่าต้องส่งการบ้านอย่างไร
    ครูช่วยทุกอย่าง เมตตาทุกเรื่อง ดันจนจิตยกจนได้ กว่าจะยก ทำครูเหนื่อยเลย แหะๆ<พลังที่ครูส่งมาแรงมาก>
    ในกระทู้ครูบอกให้ทำไปแบบโง่ๆ แต่หนึ่งนี่ โง่จริง ไม่ได้แกล้งเลยค่ะแหะๆ
    ครูที่นี่มีจิตเมตตาจริงๆค่ะ ครูภู ครูเพ็ญ ครูวิทย์ ครูลูกพลัง ครูน้องหนู และครูทุกท่าน
    ได้เข้าไปอ่านในห้องอื่น เขาบอกต่อกันว่ากระทู้เรานี้ มีแต่พลังงานที่ดี รู้สึกดีจัง

    ทำๆๆ อย่าอยาก เพียรทำไป สบายๆ ถึงแน่ อยู่กับครูนะค่ะ
    ที่นี่ทางสายเอก ลัด แรง ตรง ที่สุดแล้วจริงๆ ต้องทำถึงรู้........

    หนึ่งขออโหสิกรรมต่อ ครูภู ครูเพ็ญ ครูวิทย์และครูทุกท่าน จิตบุญ จิตบำเพ็ญ จิตเกาะพระทุกท่าน สิ่งใดที่ได้กระทำไปแล้วเป็นการล่วงเกินทั้งเจตนา และไม่เจตนา ทั้งทาง กาย วาจา ใจ ขอความเมตตาให้อภัยต่อดวงจิต ดวงนี้ด้วยเถิดค่ะ
    และขอส่งบุญทั้งหมดทั้งมวล ตั้งแต่ต้นชาติ ถึงปัจจุบันชาติ และบุญที่ได้ปฏิบัติธรรม จิตเกาะพระ ให้แก่ครูทุกท่าน จิตบำเพ็ญทุกท่าน จิตเกาะพระทุกท่าน ผู้เกาะขอบกระทู้ทุกท่าน ขอให้ได้รับผลบุญ ณ บัดนี้ และขอให้ทุกท่านมีความสุข สุขภาพแข็งแรง และได้กลับซึ่งพระนิพพานในชาตินี้เทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

    taktay หนึ่ง จิตบุญ 53
    สู้ๆ นะค่ะ อย่ายอมแพ้ ทุกท่าน ถึงแน่ เดินตามครูนะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2012
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สวัสดีครับคุณพี่นิวเวป
    ผมชอบใจโลโก้ของคุณพี่เจงๆ
    ไม่ทราบว่าไปทำมาจากร้านไหนครับ...อิอิ
    ไม่เบาๆ ลูกพี่เรา
    แต่ถ้าใครสนใจโลโก้เจ๋งๆ ขอเชิญที่ร้านโฟโต้ช๊อพของคุณพี่นิวเวป ฮ่าๆ
     
  15. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ทำไมเดี๋ยวนี้Uplineผมหายไปเลยอ่ะ อยากขอบพระคุณคุณเกษด้วยนะครับ ที่ชักนำมา
    ปล.เจอประวัติครูลูกพลังแล้วครับ อยู่หน้า207นี่เอง
     
  16. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับจิตบุญดวงที่ 56,57 จ้าาาา:cool:
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    พี่ภูคันปากขอตอบก่อน
    แหม๊ระดับจิตบุญงงนี่นะ พระทั้งวัดไม่ยิ่งกว่าคุณหรอ
    จิตยกแล้ว คุณก็ลองทำให้ทั้งหมดไปเลย ว่าอะไรมันจะเหมาะสมกว่าจิตตนเอง คุณตอบแทนจิตตนเองไม่ได้หรอก คอยดูสิ
    เมื่อถึงเวลาจิตจะบอกกับคุณเองว่า ผมชอบอย่างนี้ ถนัดแบบนี้
    เอาเถ๊อะนะ ถึงอย่างไร จิตก็คือประธาน จิตเป็นใหญ่
    สรุปแล้วการเจริญสติภาวนา หรือกรรมฐานมีตั้ง40กอง
    ที่จะทำให้จิตของตนเองนิ่งได้ คนตามหาหรือทำมาก็เยอะเพื่อให้จิตนิ่งอย่างเดียว
    บางท่านไปตามหากันถึงในป่าในดง ปลีกวิเวกเพื่อหวังหาความสงบ
    ที่แท้อะไรสงบหรอ? จิตใช่ไหม?
    ถ้าจิตสงบอย่างเดียว ทั้งโลก ทั้งจักรวาลจึงจะสงบได้
    ไม่ต้องไปตามหานะ ความสงบของตนก็อยู่ที่ ภายในกาย ภายในใจ
    ของตนเท่านั้น
    ที่หนีไปก่อนนั้น ก็เพราะว่า เกี่ยวกับอินทรีย์๕ ยังอ่อน
    จึงต้องหลบหนีทางโลกก่อน เพื่อจะต่อสู้กิเลสของตนเพียงลำพัง

    คุณวัฒฯ คุณถนัดสร้างสติแบบไหน ถามถนัด ไม่จำเป็นจะต้องทำจิตเกาะพระ ลองดูวิธีอื่นบ้างนะ คุณจะได้รู้ แต่ผมทำมาก็เยอะ
    คุณลองไปทำดูบ้าง จะได้รู้
    ที่นี่ไม่ได้ยึดลูกศิษย์หรอก คุณก็อย่าไปยึดแนวทาง รูปแบบมากนะ
    เดี๋ยวจะพายเรือในอ่าง

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  18. A-colyte

    A-colyte เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +630

    ขออสดงความยินดี และ อนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ 56 คุณแป้ง จิตบุญดวงที่ 57 น้องน้ำฝน ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปครับ สาธุ
     
  19. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สวัสดีค่ะ คุณวัฒ แหม..อะไรกันนี้ที่โพสแล้วช้าก็เพราะเรามาโพสตรงกันี้เอง ไม่ได้หายไปไหนค่ะ ช่วงนี้ยุ่งงานค่ะ เข้ามาได้แว๊ปๆ เดียววันหยุดนี้เจอกัน(ในกระทู้ค่ะ) ว่าจะคุยอยู่เหมือนกัน ยินดีจริงๆ ค่ะ ที่จิตเรายกพร้อมกันเลย อัศจรรย์จริงๆ สาธุ สาธุ สาธุ:cool:
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    วิธีออกจากทุกข์และวิมุตติ​
    (ธรรมาทาน)​

    การออกจากทุกข์มีหลายวิธี จำแนกได้ ๔ วิธีคือ

    ๑.วิธีดับที่อวิชชา เป็นวิธีการดับทุกข์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย หรือพระอรหันต์บางองค์ ถ้าดับตรงนี้ได้ก็สำเร็จคุณธรรมสูงสุด ผู้ปฏิบัติต้องผ่านรูปฌานมาก่อน

    ๒.วิธีดับที่ตัณหา เป็นวิธีที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า ใบไม้กำมือเดียวที่พระองค์สอน สามารถให้คนพ้นทุกข์ได้ วิธีนี้ผู้ศึกษาจะต้องเจริญสติปัฏฐาน ๔ ตัณหาจะจางคลายไปเรื่อยๆ จนถึงสภาวะจิตหลุดพ้น มีดวงตาเห็นธรรม การหลุดพ้นด้วยวิธีนี้จะได้คุณธรรมขั้นต่ำสุด จนถึงขั้นสูงสุด อาศัยการสิ้นเหตุ ทุกข์ สุดท้ายคือ ทำอาสวะกิเลสให้สิ้น วิธีดับที่ตัณหานี้จะใช้เจตนาของจิตขั้นสมถะเข้าตัดก็ได้

    ๓.วิธีดับที่ผู้สอนรู้จิต และกรรมของผู้ปฏิบัติว่าสร้างเหตุอันใดไว้ที่มาขวางกั้นมรรคผล เมื่อรู้แล้วก็กระทุ้งเข้าไปหาจุดนั้น แล้วให้ปล่อยคลายออก เมื่อจิตคลายยึดก็สามารถทำให้หลุดพ้นได้ พระพุทธองค์ทรงใช้วิธีนี้เป็นส่วนมาก โดยอาศัยเทศน์กระทุ้ง เพราะเหตุว่าพระองค์เป็นสัพพัญญูสามารถรู้วาระจิต และกรรมของสัตว์ต่างๆ แล้วโลกนี้ และมีสาวกบางองค์ก็ใช้วิธีนี้ แต่จะเทียบเท่าพระพุทธองค์นั้นไม่มี ส่วนมากจะสอนเจริญสติปัฏฐาน ๔ ในวิธีที่ ๒

    ๔.วิธีเร่งสติในการหมุนกงล้อของธรรมจักร หาแรงเหวี่ยงให้จิตหลุดออกไป เป็นวิธีที่พระพุทธองค์ใช้กับสาวกบางองค์ เช่น พระจุฬปัณถก โดยใช้มือลูบผ้าขาวไปมา จนจิตคลายความยึดในอาการเปลี่ยนแปลงสองส่วน จึงหลุดพ้นมีดวงตาเห็นธรรม แล้วปล่อยวางขันธ์ จนได้บรรลุอรหันตผล

    ดังนั้นแนวทางการปฏิบัติอายตนะวิปัสสนากัมมัฏฐาน จึงใช้วิธีการออกจากทุกข์วิธีที่ ๔ ซึ่งผู้ที่จิตหลุดพ้นส่วนมากจะมีคุณธรรมขั้นต้นมีดวงตาเห็นธรรมแล้วเจริญองค์ของมรรค ก็จะถึงคุณธรรมขั้นสูงสุด

    เนินดิน เป็น ภูเขา
    ภูเขา เป็น แหล่งทรัพยากร
    แหล่งทรัพยากร เป็น เนินดิน
    เนินดิน ไม่ใช่ เนินดิน

    ความเข้าใจกับคำว่า วิมุตติ (ความหลุดพ้น)

    คนที่จะเข้าใจคำว่า วิมุตตินั้นจะต้องมีจิตหลุดพ้น มีดวงตาเห็นธรรมแล้วถึงจะเข้าใจ ถ้าจิตยังไม่หลุดพ้นแล้ว จะแปลความหมายวิมุตติได้ต่างๆ เรื่องวิมุตตินี้เป็นเรื่องของผู้บรรลุธรรม มีดวงตาเห็นธรรม คนที่จิตยังไม่หลุดพ้น จะไม่เข้าใจ

    วิมุตติพระอริยบุคคล แบ่งออกเป็น ๒ อย่าง

    1. พระอริยะบุคคลที่ต้องศึกษาอยู่ (เสขะ) คือ มีจิตหลุดพ้นแล้วแต่มีกิเลสนอนเนื่องในสันดานอยู่ ทำให้มรรค (ทาง) ไม่สมบูรณ์ จึงต้องถอนอนุสัยอยู่เรื่อยๆ บางครั้งอนุสัยมีมาก ก็ผลักดันให้จิตไปรับเอากิเลสเข้ามา ก็เป็นทุกข์โทษ ก็ปล่อยออกไป (วิมุตติที่กำเริบ)
    2. พระอริยะบุคคลที่ไม่ต้องศึกษาแล้ว (อเสขะ) คือ เขาถอนอนุสัยกิเลสในตัวตนหมดแล้ว (อาสวะ) เรียกว่าวิมุตติที่ไม่กำเริบอีกแล้ว ถึงจะมีกิเลสเข้ามา ก็เหมือนหนามที่ตำเท้า เขาถอนทิ้งไปแล้วจะเดินไปไหนก็สบาย ถึงจะถูกก้อนหิน หรือของแข็งก็ไม่เจ็บอีก ในทำนองเดียวกัน ผู้ถูกหนามตำเท้าไม่ถอนออก ถ้าเดิน อาจถูกหนามที่ปักอยู่กระเทือนได้ คือ ผู้ที่มีกิเลสนอนเนื่องอยู่ (เสขะ)

    ข้อควรคิดสำหรับผู้ที่แสวงหาซึ่งความหลุดพ้น

    - บุคคลที่เข้าใจว่าตนเองมีดวงตาเห็นธรรม สามารถมองทะลุปรุโปร่งหมด ทั้งภายในและภายนอก ตลอดจนสากลจักรวาลนี้เขาย่อมเข้าถึงซึ่งแสงสว่างเท่านั้น จิตเขายังไม่หลุดพ้น
    - อย่าใช้คำว่า "ตถาตา" (ความเป็นเช่นนั้นเอง) ไปเกี่ยวข้องกับธรรมชาติของกฎพระไตรลักษณ์ ตถาตา จะเห็นได้ต่อเมื่อบุคคลนั้นมีจิตหลุดพ้นแล้ว
    - บุคคลที่เอาสติไปรวมกับใจมากๆแล้วเห็นว่า กิเลสตัณหาเข้ามาไม่ได้ ถ้ามีสติอยู่บุคคลนี้จิตย่อมไม่หลุดพ้น
    - บุคคลที่ใฝ่หาธรรมที่ใจ เขาย่อมไม่เข้าถึงที่ซึ่งความหลุดพ้น
    - บุคคลที่รู้ว่าใจและจิต สะอาด สว่าง สงบ จิตย่อมไม่หลุดพ้น
    - บุคคลที่รู้เห็นว่า ตนเองได้นิพพาน และตนเองได้เคยไปเมืองนิพพานมาแล้ว จิตย่อมไม่หลุดพ้น
    - บุคคลที่เข้าใจว่าขณะนี้พระพุทธเจ้ากำลังอยู่เมืองนิพพาน และเมื่อเขาตายแล้วจะไปอยู่เมืองนิพพาน เพราะถูกภาพมายาของใจหลอก
    - บุคคลที่รู้เห็นว่า จิตว่างจากตัวตน ของตน จิตย่อมไม่หลุดพ้น
    - บุคคลที่เจริญสติ ตามรู้ตามเห็นอาการของใจและจิต ย่อมไม่เข้าถึงซึ่งความหลุดพ้น
    - บุคคลที่ยกจิตขึ้นไปเหนืออารมณ์ แล้วปล่อยให้ใจไหลเป็นกระแส ย่อมไม่เข้าถึงซึ่งความหลุดพ้น
    - บุคคลที่จะเอากายละเอียดไปเป็นพระอริยะบุคคล ย่อมไม่เข้าถึงซึ่งความหลุดพ้น
    - บุคคลที่ใฝ่หาธรรมทั้งๆที่จิตของตนยังไม่หลุดพ้นย่อมมองไม่เห็นธรรมแม้แต่น้อย
    - บุคคลที่มองเห็นธรรมที่ใจ ย่อมถูกมายาภาพของใจหลอกอยู่ตลอดเวลา
    - บุคคลที่ยึดเวลา อดีต ปัจจุบัน อนาคต ย่อมไม่เข้าถึงซึ่งความหลุดพ้น
    - บุคคลที่ยึดความสุดโต่งในสังขารทั้งหลาย ย่อมไม่เข้าถึงซึ่งความหลุดพ้น
    - บุคคลที่เข้าใจว่าตัวเองหลุดพ้นแล้ว ยังไม่ละความหลุดพ้นนั้น ย่อมไม่เข้าถึงซึ่งความหลุดพ้น
    - ศัตรูที่สำคัญที่กั้นจิตไม่ให้หลุดพ้นคือใจ
    - จิตที่โง่ยอมเป็นข้าทาสของใจอยู่เสมอ เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว จิตย่อมเป็นนายของใจอยู่ตลอดเวลา

    **
     

แชร์หน้านี้

Loading...