เพราะความที่ไม่รู้ธรรมจริงจึงโดนหลอกจนเกือบตาย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Supop, 29 สิงหาคม 2012.

  1. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,637
    น่าสนใจมากมายเลยครับ

    ขอบคุณมากๆครับ ที่นำมาถ่ายทอดไห้ได้ทราบกัน

    ในมุมมองของนักปฎิบัติสมมาธิ
     
  2. ก้อนหิน

    ก้อนหิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +238
    ขนาดรู้ พอเพียง ยังโดน....พลังจิตแหลมเยอะครับ
     
  3. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    เท่าที่ผมอ่านกระทู้ที่ผ่านๆมา นี่เราไม่ได้นั่งสมาธิเพื่อขัดเกลากิเลสหรือครับ ที่เราๆท่านนั้นนั่งกันเพื่อให้ได้แค่ฤิทธิ์หรือครับ อ้าวนึกว่าจะทำตามที่พระพุทธองค์สอนเอาไว้ คือทำให้สุดกิจคือ วิมุต หลุดพ้นจากอุปทานทั้งปวง ก่อนพระพุทธเจ้าจะตรัสรู้นั้นมารที่มาล่อหลอกพระองค์ ก็คือกิเลสต่างๆ ที่เกาะกุมอยู่ในดวงจิต แต่พระองค์ผู้มีญาณอันเต็มเปี่ยมและมีโยนิโสมนสิการอันเพียบพร้อมแล้วก็พิจารณาเห็นด้วยพระญาณนั้นว่า สิ่งใดๆในโลนี้ล้วนแล้วแต่เป็นอนิจจัง มีเหตุและปัจจัยในการเกิดขึ้นและดับไปของทุกสรรพสิ่ง มารหรือกิเลสที่เกาะกุมอยู่จึงไม่สามารถกำเริบเกิดเป็นดำริอยู่ในกมลสันดารของพระองค์ได้ต่อไป พูดง่ายคือกิเลส (มาร) ไม่มีเหลืออยู่ในดวงจิตไม่เหลือในสันดาร จึงหลุดพ้นสว่างไสว สะอาด สงบ แล้วพระองค์จึงได้เป็นพระพุทธศาสดาเอกของโลก เป็นศาสดาองค์เดียวที่สามารถนำเหล่าสัตว์หลุดพ้นได้ ขอบคุณที่ได้เกิดในพระพุทธศาสนาและจะขอเกิดต่อๆไปจวบจนกว่าจะได้เข้าพระนิพพาน สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2012
  4. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    อนุโมทนาด้วยครับ ส่วนตัวผมเชื่อว่ามารมีอยู่จริง

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 สิงหาคม 2012
  5. pmntr

    pmntr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +2,244
    ท่านบอกว่าสิ่งที่เราสนใจมาก ก็จะยิ่งก่อให้เกิดอุปาทานมากเท่านั้น
    ไม่ว่าจะรับรู้เรื่องอะไรต้องจำไว้ว่า ต้องรอให้เกิดถึงเชื่อ นอกนั้นรับมาด้วยความเคารพและปฏิบัติตามครูบาอาจารย์ต่อไป

    ผมว่าหลายคนไปตามหาการปฏิบัติอย่างนั้น อย่างนี้ แต่สิ่งที่พระพุทธองค์ท่านสอน ครูบาอาจารย์ท่านสอนทำไมไม่เอากันหนอ ไม่พออีกหรือ เชื่อว่าไม่มีอะไรจะต้องสนใจมากกว่านี้อีกแล้วจริง ๆ
     
  6. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ระหว่างรอ จขก ก็มาเล่าเรื่อง ป้าที่ไปงานฉลองวัด ที่มีการบวชและปฎิบัติธรรม แกเล่าว่า
    แ่กตั้งใจ นั่งสมาธิ ทั้งคืน ทุกคน ต่างก็เอนหลัง พักผ่อนกัน ทั้งที่ไฟสว่าง แกก็นั่ง ของแกไป ซักพัก
    แกเห็นอะไร คนใส่ชุดขาว มาทางแก เอ่อ มองครั้งสอง เขาลอยมา ครั้งสามใกล้อีกนิดส์
    ก็ยังลอยมา ลืมครั้งสี่ ตัดสินใจ หันหลัง นอนดีกว่า ฮาเลย........
     
  7. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ผมรู้สึกยินดีที่ประสบการณ์ของผมพอจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนพี่น้องที่ร่วมเดินทางสายธรรมด้วยกัน

    และขออนุโมทนาในธรรมของทุกท่านครับ แต่ตอนนี้ผมขอยังไม่ตอบนะครับ ขอให้จบเรื่องก่อน ยังอีกเยอะครับ

    ต่อนะครับ

    หลังจากที่รู้ความจริงแล้ว ว่าพวกผมโดนหลอก แถมยังโดนหลอกให้ฆ่าตัวตายจนเกือบตายไปแล้ว

    พวกผมก็มีความโกรธแค้นและเกลียดสิ่งเหล่านี้อย่างมาก และหยุดปฏิบัติในแบบที่พวกเขาสอนมา

    กำลังใจพวกผมตกอย่างแรง

    หลายครั้งที่ผมคิดจะใช้กสิณไฟทำร้ายเพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นเจ็บปวดเสียบ้าง

    พยายามหาวิธีไม่ให้เจ้าพวกนี้รบกวนได้ เพราะในชีวิตประจำวัน พวกเขาก็ยังตามรบกวนไม่เลิกรา

    แล้วยังมีมาแทรกอีกหลายต่อหลายครั้ง ปลอมเป็นเทวดาประจำตัวบ้าง เจ้ากรรมนายเวรบ้าง เพื่อขอบุญกุศล

    บอกตามตรง ตอนนั้นผมท้อที่จะปฏิบัติต่อไปเลยทีเดียว ไม่อยากจะทำอะไรอีกแล้ว รู้สึกสิ้นหวังไปเลย โดยคิดว่า เราอุตสาห์ตั้งใจทำความเพียรขนาดนี้ แต่ก็ยังโดนแต่สิ่งที่ไม่ดีมารบกวนตลอดเวลา หนทางข้างหน้าก็ยังไม่เห็นอะไรเลย เบื่อ....

    แล้วผมก็มานั่งใคร่ครวญในธรรมใหม่ จึงเกิดกำลังใจฮึดสู้ต่อ แค่นี้จะยอมแพ้ไม่ได้ ถ้ายอมแพ้เสียตอนนี้ แล้วที่เราทำมาทั้งหมดและตั้งนานแสนนาน ก็เท่ากับสูญเปล่า เอาหล่ะ สู้มันให้ถึงที่สุด

    แล้วก็มาเริ่มกำหนดภาวนาพุทโธแบบที่ทำตั้งแต่แรก เพื่อให้สมาธิและกำลังใจกลับเข้าสู่ภาวะปกติเสียก่อน แล้วค่อยพิจารณาธรรมใหม่

    ที่ต้องกลับมาตั้งหลักกำหนดภาวนาพุทโธนั้นก็เพราะว่า สมาธิแบบที่ฝึกนี้ จะเป็นการกำหนดแบบเร็ว ทำให้จิตพุ่งทยานไปเร็ว แล้วจิตมันจะเคยชินจะคอยพุ่งไปอยู่ตลอด จึงต้องหาอารมณ์สมาธิแบบเดิมให้จิตเสียก่อน

    แล้วผมก็เริ่มนึกถึงเรื่องของการกำหนดเมตตาที่ตัวเองก็ตั้งใจทำมาแต่แรกเช่นกัน ถ้าเราไปทำเขาให้เจ็บปวดจนกลายเป็นความเจ็บแค้นพยาบาท ก็เท่ากับเราสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีก สร้างภพชาติที่ไม่ดีเพิ่มขึ้นมาอีก แล้วอย่างนี้สิ่งที่เราทำมาก็ไร้ประโยชน์อีกหน่ะสิ

    ผมตั้งกำลังใจใหม่ ทุกสิ่งที่ผ่านมา มันผ่านไปแล้ว เราถือซะว่า มันคือประสบการณ์ มันคือบททดสอบตัวเองที่ดียิ่ง และเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากอย่างที่จะหาผู้ที่ผ่านประสบการณ์เช่นนี้ได้ และเราจะท้อถอยไม่ได้ตราบใดที่ยังไม่ถึงจุดหมาย

    และสมาธิแบบที่พวกเขาสอนนั้นแน่นอนว่าไม่ได้หายไปไหน ยังคงอยู่ ยังทำได้ทุกอย่าง แต่ผมได้พินิจพิจารณา แล้วได้นำมาผสมผสานกับการภาวนาพุทโธของผมต่อไป สมาธิของผมจึงเกิดความก้าวหน้าไปอย่างมาก

    แล้วต่อไปผมจะวิเคราะห์ในสิ่งที่เป็นเขาที่ผมได้วิเคราะห์ออกมาแล้ว
    และการอยู่ด้วยกันกับผู้หลอกลวงนี้แบบกัลยาณมิตร หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์นั้นมา
    และธรรมะหลายๆอย่างที่ผมได้สื่อสารกับเขา ในโอกาสต่อไป
    ............
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2012
  8. Gangfoo Panda

    Gangfoo Panda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +2,108
    ว้าวว..ๆๆ ดีจัง อนุโมทนาและโมทนา กับของกระทู้ด้วยเจ้าค่ะ:cool:
     
  9. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    อนุโมทนาด้วยค่ะ ยินดีด้วยที่รอดมาได้นะคะ
    "มาร" จะรู้จุดอ่อนเราดี แล้วก็มาดักเราได้ทุกทาง
    ดิฉันก็เคยโดน แต่ว่าไม่บู้ล้างผลาญอย่างคุณนะ
    ทำสมาธิไม่ได้เลยช่วงนั้น นอนก็ไม่อยากนอน
    เพราะมันจะฝันแบบน่ากลัว อึดอัดมากเล่าให้ใคร
    ฟังไม่ได้เพราะจะหาว่าเราบ้า ที่รอดมาได้เพราะ
    ครูบาอาจารย์ ยกความดีให้ครูเราเลย
    ขอบคุณมากที่นำมาเล่าให้ฟัง (หายอึดอัดแล้วล่ะสิ.. อิ อิ)
     
  10. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ข้อมูลบางอย่างจากการวิเคราะห์ของผม

    สิ่งที่เข้ามารบกวนนี้ เขามีฤทธิ์มากจริงๆ สามารถสร้างรูปนิมิตต่างๆได้ หรือเสียง หรือการสัมผัสต่างๆ เช่น ทำให้เกิดความเจ็บปวดทางกายในอวัยวะส่วนต่างๆ หรือเกิดความสบายทางกายก็ได้ และสามารถส่งอารมณ์มากระทบจิตของเราได้ด้วย

    กระแสจิตของพวกเขาจะรุนแรงมาก ถ้าเขาส่งอารมณ์โกรธมา จะรู้สึกถึงความอึดอัด และเกิดความกลัวในอารมณ์โกรธนั้นอย่างมากทีเดียว นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกผมเกรงกลัวต่อเขาอยู่บ้าง

    และลักษณะการกล่อมการหว่านล้อมล่อหลอกนั้น เขาจะใช้บุคคลที่เราพะวงคิดถึงอยู่เป็นประจำก่อนเป็นอันดับแรก ถ้ายังไม่เชื่อ พวกเขาจึงจะค่อยไต่ระดับความเคารพของเราที่มีต่อบุคคลอื่นๆขึ้นไปเรื่อยๆ

    และจะมีการหลอกโดยรูปนิมิตบ้าง เสียงบ้าง แต่ถ้าถึงขั้นเอาจริงของพวกเขา พวกเขาจะใช้การส่งกระแสจิตมากระทบเราโดยตรง เพื่อให้เกิดความหวาดกลัวและยอมเชื่อ

    และพวกเขาเหล่านี้ไม่ต้องการเครื่องเซ่นไหว้ใดๆทั้งสิ้น หรือบุญทานอะไรก็ตามแต่ พวกเขาต้องการแต่บุญกุศลจากการปฏิบัติธรรม และต้องการพระธรรมเท่านั้น

    พวกเขาเหล่านี้จะรู้จักเราจากสิ่งที่เป็นนิมิต เช่น การที่เรานึกถึงรูป เสียง การสัมผัส จากสิ่งที่เรานึกถึง ไม่ว่าจะคนสัตว์หรือสิ่งของ หรือดูจากสภาวะจิต แต่เขาจะอ่านความคิดของเราไม่ได้ ผมลองสังเกตและพิสูจน์หลายครั้งจนแน่ใจว่า พวกเขาไม่สามารถอ่านความคิดได้

    และเช่นกัน ผมเองก็เคยลองอ่านสภาวะจิตใจของคนอื่นดูบ้าง แต่ก็ไม่รู้ความคิด รู้แต่อารมณ์จิตเท่านั้น

    ก็เลยคิดว่า การจะอ่านถึงความคิดได้นั้น น่าจะในระดับสมาธิที่สูงมากๆ หรือฝึกมาเฉพาะเจาะจงโดยตรง หรือน่าจะในระดับที่ได้ญาณเลยทีเดียว

    และตามที่ได้สงสัยกัน ว่าผมปฏิบัติมาตั้งนานและมากมาย ทำไมผมถึงไปหลงกลให้โดนเล่นงานเช่นนี้ได้

    ตัวผมเองจะสังเกตจากการพูดคุยตามกระทู้ต่างๆเมื่อก่อนได้ว่า ผมมีความสนใจในเรื่องฤทธิ์อยู่มาก และมีการเร่งปฏิบัติเพื่อให้ได้กำลังสมาธิสูงๆ แต่เรื่องพระธรรมก็ทำอยู่ แต่กิเลสในเรื่องอยากได้ฤทธิ์มันแรงกว่า

    ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมติดมาหลายภพชาติแล้วเช่นกัน

    จึงทำให้โดนเล่นงานโดยมาสอนวิธีปฏิบัติในเรื่องฤทธิ์เพื่อให้เกิดความเชื่อในตัวเขาก่อน

    แล้วจึงค่อยแนบเนียนหลอกไปทางอื่น

    นี่แหละหนากิเลสของเราเปิดทางให้เขา

    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2012
  11. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241
    เจริญพรหมวิหาร ๔ ให้มาก จะช่วยได้...
    ....ยิ่งใช้ฤทธิ์สู้กับมารเท่าใด ก็ยิ่งหลงบ่วงมารเท่านั้น
    ทางออกจากบ่วงมาร คือ ปล่อยวางและรู้ทัน
    อะไรจะเกิดก็ช่างมัน "สติ" เท่านั้น ช่วยให้พ้นภัย

    ....พลังงานแห่งเมตตา จึงอยู่เหนือ ชั้นปรนิมฯ....
     
  12. สุโขสุขี

    สุโขสุขี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,469
    อนุโมทนา สาธุๆ กับจขกท. ครับ
    อ่านแล้วจะได้ระวังมารจากนิมิตให้มากๆ ครับ
    ผมก็เคยนั่งแล้วได้ยินเสียงในหัวว่าคุณเคยเกิดเป็น...
    ผมก็ตกใจแต่ก็ไม่สนใจอะไร ครับ
    ก็นั่งต่อมาเรื่อยๆ ต่อมาก็ได้เห็นภาพ+ได้ยินเสียง ครับ
    ผมก็ดูไปฟังไปแล้วก่อนนิมิตจะหายไปได้ยินเค้าเรียกชื่อ เป็นชื่อที่ไม่คุ้น
    พอออกจากสมาธิเข้ากูเกิ้ลค้นชื่อปรากฏว่าชื่อนั้นมีตัวตนจริง ครับ
    แต่ก็เฉยๆครับ เพราะฟังจากครูบาอาจารย์มา ท่านบอกนิมิตสักแต่ว่านิมิต อย่าไปเชื่อ
     
  13. ธรรมานุภาพ

    ธรรมานุภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +122
    สรุปเป็นเรื่อง นิมิต ที่เกิดจากการปฏิบัติธรรมอีก ท่าน จขกท สนใจเรื่องฤทธิ์ ย่อมหลีกหนีนิมิตไม่ได้ เพราะพื้นฐานของฤทธิ์ต้องฝึกกสิณซึ่งมีนิมิตเป็นเครื่องหมาย เป็นเรื่องปกติของผู้ที่ชื่นชอบฝึกแนวนี้ ต้องยอมรับว่าแนวเตวิชโชขึ้นไปเป็นพวกชอบเดินทางไกลกว่าสุกขวิปัสสโกเพราะอยากรู้ อยากเห็น อยากเป็น มากกว่า ไม่ได้ผิดอะไร เรื่องมารให้คิดเสียว่า เขาคือครูผู้ฝึกสอนให้เราแข็งแกร่ง เพราะถ้าเราไม่แข็งแกร่งเราไปนิพพานไม่ได้ ไม่ควรโกรธ(กิเลส)เกลียดมาร เพราะท้ายสุดมารคือผู้แพ้ทุกคน ถ้ามารชนะจริง พระพุทธเจ้าทั้งหลายและพระอรหันต์ทั้งหลายคงไปนิพพานไม่ได้เลย มารเขาน่าสงสารมากกว่า เจริญเมตตาให้เขาไป เราได้กำไร(พรหมวิหาร4)ด้วย การปฏิบัติก็จะก้าวหน้าต่อไปเรื่อยๆ เจริญในธรรมทุกท่าน สาธุ
     
  14. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    เห็นจะจริงอย่างที่คุณว่าแหละค่ะ ช่วงที่ถูกกวน ดิฉันสวดพระปริตร
    แทบจะทุกบท รู้มั้ยคะมาสำเร็จที่บทอะไร...เมตตาใหญ่ค่ะ
     
  15. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ตรงคำว่า "อย่าไปเชื่อ" อย่าเข้าใจคำว่า อย่าไปเชื่อแบบซื่อๆ นะครับ

    คำว่า อย่าไปเชื่อ เนี่ยะ ให้หมายถึง อย่าไปเอา เรื่องราวนั้นมาอ้าง
    อิงเพื่อให้ได้โภคทรัพย์ ลาภ สรรเสริญ ในทางโลก ........

    ให้พิจารณาคำว่า เชื่อ หรือ ไม่เชื่อ ในเชิงคำว่า มีอามิส หรือ นิรมิส(ไม่มีอามิส)

    ถ้า เรารู้ เราเห็น เรายิน แล้ว ไม่เอามา สร้างโอกาส ฉกฉวย สิ่งใด จากโลก

    อันนี้ แหละถึงจะเรียก สักแต่ว่า


    ถ้าเราไปเข้าใจ ซื่อๆ ว่า อย่าไปเชื่อ คือ โยนทิ้งหมดเลย ไม่ใส่ใจเลย
    อันนี้แทนที่ มรรคจะเดิน วิชา จะเดิน ไปเห็น นิมิตจำนวนมากร้อยโกฏิพัน
    ชาติ จะกลายเป็นว่า ไปนั่งปฏิเสธการเห็น

    แทนที่จะเดินปัญญา ก็กลายเป็น โดน อุปทานเข้าใจคำว่า "อย่าไปเชื่อ"
    ไปถูกส่วน
     
  16. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ฮึย แม้เมื่อวานผมจะชักชวน เจ้าของกระทู้ว่า อย่าโทษมารที่สบช่อง
    จาก..... จนหลอกเขาได้

    แต่ การทักชักชวนว่า อย่าโทษมาร ก็ไม่ได้แปลว่า ต้องไป ยอมอ่อนข้อ
    ให้กับ มาร นะครับ

    อันตรายมั๊กๆ

    เราไม่โทษ มารหนะใช่ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดอุบาย สาว-กลับมาหาเหตุ เป็น
    หัวใจของกรรมฐาน

    แต่เราก็ไม่เอามาร ไม่อ่อนข้อให้มาร เด็ดขาด เพราะ หัวใจของเรา ไม่ได้
    มีเอาไว้เปิดประตูเชิญแขก

    ประเภท เมตตา เมตตา เอามารมาเลี้ยงใกล้ๆ เอา สาวมานั่งใกล้ เดี๋ยว
    พอรโหฐาน หรือ ไม่รโหฐารก็เถอะ คนมันจะหาเรื่อง เสร็จกัน......

    นักปฏิบัติอาจจะบริสุทธิ แต่ ถ้ามันเป็นเรื่องที่ สบช่อง ปั้นขึ้น facebook
    ละก้อ ลามทุ่ง นี่ไม่พอเป็นสำนวนใช้แล้ว ต้องเรียกว่า ลามโกลบอล ....

    แล้วถ้าขึ้น กระทู้ห้องวิทย์นี่ แย่เลย อนูนาคี่ ลูน่า ซูทัส รู้ไปถึงนู้น....
    ดาวนาเม๊ก !!

    เรียกว่า เนื้อในนักปฏิบัติอาจจะไม่เสีย แต่ มันเสียในเชิง มหาศีล หรือที่เรียก
    ว่า ทำให้ ศรัทธาต่อศาสนา สั่นคลอน

    ดังนั้น อย่าอ่อนข้อให้มาร อันนี้ก็ต้อง พินา เหมือนกัน

    ******************




    เนี่ยะ ยังรอดูอยู่

    จขกท เขาเล่ามาถึง จุดผุกปมพอดี ว่า ตกลง จะเป็น เพื่อนกับ มาร เหล่า
    นั้นไหม ถ้าเป็น ก็มีแวว เหม็น เสียหายในเชิง น่าเสียดาย ประโยชน์จะ
    ได้น้อย

    แล้วทั้งหลายทั้งปวง เล่ามานี่ เพื่อชี้ทุกข์ หรือเปล่า

    หรือว่า มาแสดง เรื่องราว กฏแห่งกรรม ซึ่งเข้าข่าย แสดงเรื่อง อจิณไตย
    มันจะผลิกเป็น อธรรมวาที ทันทีเลย หาก ไม่ชี้ทุกข์

    เพื่อปรารภเรื่อง "หาอุบายนำออก"

    ถ้า เจ้าของกระทู้หาได้ ก็จะเรียกว่า มาแสดงธรรมให้เรา สมาทานสิกขา
    อาจหาญ ร่าเริง ( สังเกตนะ ถ้า เล่าเรื่องพวกนี้ แล้ว ลืมแสดง การหา
    อุบายนำออกจากทุกข์ คนจะเข้าใจผิด คือว่า สอนให้กลัวการทำสมาธิ
    เวร กรรม ตกแก่ผู้เล่าเรื่องเลยนะ แล้ว อุบายนำออก ไม่ใช่ แค่เรื่อง
    รับมือยังไง จัดการอย่างไร ตรงนี้ จะชัดเจน แก่ผู้เล่าเรื่อง หาก ชี้ทุกข์
    ได้แม่นยำ !! )

    แต่ถ้าหาไม่ได้ แล้วปรารภว่า จะหา ก็เท่ากับมา ร่วมทุกข์ร่วมสุข แสดงการ
    ปรารภความเพียร

    แต่ หาไม่ได้ และ ไม่หา เล่าเรื่องอจิณไตยอย่างเดียว อันนี้ ก็จำต้อง
    จัดเป็น "ทุภพ" อยู่ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 สิงหาคม 2012
  17. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    :cool:({) เรื่องที่ผมจะมาแฝงหาประโยชน์ ไม่ง่ายดังที่คิดหรอกนะจะบอกให้ แล้วในนี้มีใครบ้างที่ไปเช่าวัตถุมงคล ผมไปบอกตรงไหน ที่ผมโพต์ ให้มาเช่าวัตถุมงคล เพียงชื่อผมเท่านั้น ผมไม่จำเป็นต้องให้มาเช่าวัตถุมงคลที่ผม ของผมน่ะมีคนมาหาเองอยู่แล้ว กระทู้ผมก็มี เพียงต้องการ เอาประสพการณ์ มาแลกเปลี่ยนเท่านั้นเอง และการที่ ดูดวงเปิดกรรมอะไรเนี่ย น้องเขามาขอแปะ ซึ่งมีคุณต่อกัน เว็บใหม่ ก็ไม่ใช่ของผม แล้วผมก็ไม่เป็นด้วย ให้เขาสอนบางอย่างเท่านั้นเอง

    การที่จะดู หรือว่าคนอื่นกรุณา ตรวจใจตัวเองดู ก่อน เปิดใจให้กว้าง เรื่องมันเป็นดังว่าไหม ถ้าเป็นดังว่า ผมก็จะไม่เถียงเลย ผมน่ะเปิดมาร่วม ๑๐ ปีแล้ว ไม่จำเป็น ต้องมาโฆษนาที่นี่ เจ้าของกระทู้ เขาไม่ได้ห้ามนี่ว่า คุณอย่ามาโพต์ในกระทู้ผมนะ ผมก็มาแชร์เรื่องของการปฏิบัตินะ กรรมนี้มีผล ดีหรือชั่วก็ตามคุณว่าผมโดยที่ผมไม่ได้ ทำอะไรคุณก่อนเลย คุณทำกับผม ๑ เท่า คุณอาจจะได้ รับที่คุณว่าผม เป็น ๑๐ เท่า ไม่ช้าก็เร็ว ใครทำใครได้ ถ้าไม่มีพระเทวทัต คงไม่มีพระพุทธเจ้า มีพระพุทธเจ้าจึงมีพระเทวทัต เป็นของคู่กัน ผมเข้ามาด้วยใจบริสุทธิ์ เพราะเจ้าของกระทู้ ก็โดนคล้ายกัน ยังมีอีกเยอะที่ผมไม่ได้เล่า

    และมันจะมีประโยชน์ ต่อคนอีกหลายคน ไม่มากก็น้อยครับ ผมว่าถ้าคุณโดนอย่างผม เอาแค่ครึ่งเดียวที่ผมโดนมา ที่ผมเล่ามา มันแค่เศษเสี้ยว หนึ่งเท่านนั้น ในชีวิตนี้ผมทำงานมา ก็ ไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ชนิด ผมเล่าให้ ฟังอีกนิดก็ได้ พ่อตาย ได้ไม่ถึง ๒ เดือน น้องชาย ถูกยิง น้ำท่วมไร่ ๑๐ ไร่ ๆมันเทศ มะเขือเทศ ไร่แตง น้ำท่วม ปี ๒๖ เลี้ยงเป็ดอีก พันกว่าตัว ต้องรับผิดชอบ ทุกอย่าง ต่อมาอีก แม่มีผัวใหม่ แพแตก ถ่อหัก ครอบครัว แตกแยก สารพัดเรื่องต้องรับผิดชอบพี่น้องอีก ๗-๘ ชีวิต เอาแค่นี้แหละ ตรงนี้ยังเล่าไม่หมด ถ้าคุณโดนแบบผม อยากจะรู้นัก ว่าจะทำใจได้ไหม จบดีกว่าครับ:cool:
     
  18. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    พระพุทธเจ้าและพระอริยะเจ้าทั้งหลายนั้น ท่านไม่เคยเลยที่จะไม่ กระทำสองสิ่งนี้ควบคู่ไปด้วยกันเสมอคือ การทรงสมาธิอันเป็นการตั้งอยู่ในฌาณสมาบัติและญาณวิปัสนา ควบคู่ไปด้วยกันเสมอ

    เหตุด้วยเพราะกิเลสขั้นละเอียดเปรียบได้กับ ตะกอนละเอียดที่ไหลวนปะปนอยู่ในน้ำในพาชนะหนึ่ง ครั้นเมื่อน้ำและตะกอนยังไหลวนอยู่ไม่หยุดนิ่ง เราหรือจะมีปัญญารู้ดูเห็นตะกอน อันน้อยใหญ่ที่ปะปนอยู่ในน้ำ ครั้นหากเราสามารถกระทำให้น้ำและตะกอนในน้ำนั้นหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวสงบอย๋ได้ เราก็ย่อมเห็นส่วนของน้ำที่ใสสะอาด และส่วนที่เป็นตะกอนที่น้อยใหญ่ แยกออกมาจากน้ำได้อย่างแจ่มชัด ครั้นเมื่อเราเห็นตะกอนอันคือกิเลสน้อยใหญ่ หยาบบ้าง ละเอียดบ้างแล้ว เราย่อมรู้เห็นหน้าตา ลักษณะหากพิจารณาด้วยปัญญาเราย่อมเข้าถึงธรรมชาติของตะกอนกิเลสนั้นๆและย่อมสามารถเข้าถึงสัจจะธรรม สามารถรู้ทันละปล่อยวางตัดซึ่งกิเลสตะกอนน้อยใหญ่เหล่านั้นได้

    อนึ่งท่านผู้ใดยึดในหลักธรรม ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสสั่งสอนไว้และทำปัญญาให้แจ้งว่า
    อะไรเล่าคือการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ อะไรเล่าคือ สัมมาทิฏฐิ ที่จะต้องวางไว้ในจิต
    อะไรเล่าคือผู้ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย และสุดท้ายอะไรเล่าคือเครื่องนำไปซึ่งดวงตาเห็นธรรม รู้แจ้งในธรรมและความเข้าถึงพระธรรมทั้งปวงอันเป็นเครื่องกระทำให้จิตสะอาดบริสุทธิ์ห่างไกลจากกิเลส

    อนึ่งพระอริยะเจ้าทั้งหลายต่าง พิจารณาว่า การปฏิบัติของพระอริยะเจ้าทั้งหลายนั้น ล้วนเป็นไปเพื่อความลดละยังให้กิเลสลดน้อยเบาบางลง ผู้ใดสามารถลดละตัดขาดจากกิเลสได้มากกว่ากันผู้นั้นแล คือผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความเจริญยิ่งกว่า

    เรื่องอภิญญาญาณทั้งหลายพระอริยะแลผู้เจริญทั้งหลายล้วนเข้าใจดีว่า เป็นเรื่องของโลกียะ มิใช่โลกุตตระ ย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่เสื่อมไปดับไปไม่จีรังยั่งยืนอะไร อภิญญาเป็นผลข้างเคียงของจิตที่สะอาดบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ก็เท่านั้นเอง

    เราสนใจอยู๋ที่ความสะอาดบริสุทธิ์ของจิต ส่วน อภิญญามันเกิดของมันเป็นธรรมดาปกติ เป็นเรื่องของมัน ท่านเข้าใจอย่างนี้และก็สอนอย่างนี้เสมอครับ


     
  19. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    ขอท่านทั้งหลายกระทำความรู้ให้แจ้งในเรื่องเหล่านี้เพื่อจะได้เป็นเกราะไม่ให้ถูคนชั่วพยามาร หลอกลวงเราได้คือ

    1ท่านต้องทำปัญญาให้แจ้งใน หิริ โอตัปปะคืออะไร กว้างลึกและแคบอย่างไร

    2ท่านต้องทำปัญญาให้แจ้งใน การชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์คืออะไร กว้างลึกและแคบอย่างไร

    3 ท่านต้องทำปัญญาให้แจ้งในสัมมาทิฏฐิคืออะไร การดำริชอบคิดชอบนี้ กว้างลึกและแคบอย่างไร

    4 ท่านต้องทำปัญญาให้แจ้งใน สัมมาสมาธิคืออะไร กว้างลึกและแคบอย่างไรเราควรเจริญสมาธิอย่างไร จึงเรียกว่าถูกต้องถูกทางตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนไว้

    5 ท่านต้องทำปัญญาให้แจ้งใน ความไม่ประมาทในธรรมคืออะไร กว้างลึกและแคบอย่างไร

    หากท่านมีสติมีปัญญาคิดตามและมีเครื่องหรือหลักธรรมอันเป็นเครื่องควบคุม อันความชัวบาบกรรม สิ่งไม่ดีทั้งหลาย พยามารทั้งหลาย ย่อมไม่สามารถทำลายปราการด้่านความดีคุณธรรมของท่านลงได้ครับ ขอให้ใช้ปัญญาให้มากให้ถูกช่องทางตามกรอบตามหลักธรรมของพระพุทธองค์ แล้วท่านจะผ่านสิ่งไม่ดีทั้งหลายเหล่านั้นไปได้ครับ วันนี้เราลองผิดวันหน้าเราลองถูกสุดท้ายเราก็ชนะมารจนได้ เหมือนที่พระพุทธองค์ท่านชนะมารให้เราดูรู้เห็นเป็นแบบอย่างแล้วครับ อย่าไปท้อถอยนะครับ

    กระผมขอให้กำลังใจแด่นักปฏิบัติทุกท่านครับ ขอให้ไปถึงยังฝั่งพระนิพพานทั่วทุกจิต ทุกคนครับ
     
  20. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ^

    หากเป็นดั่งเรื่องราว ตามพระอุปคุต

    คิดว่าพยามารจะส่งเสริม นักปฏิบัติหรือขัดขวาง

    ก็จะเหลือเพียง

    มารทั้ง 4

    กิเลสมาร
    ขันธมาร
    มัจจุราชมาร
    อภิสังขารมาร

    ขอยกตำแหน่ง จ่าฝูงให้กับ กิเลสมาร นั่นคือ มาจากตัวเราเองทั้งสิ้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...