คุณสมบัติของจิตวิญญาณ

รูปทรง 6 เหลี่ยมของจิตวิญญาณ ผู้เป็นแก่นแท้ของมนุษย์ทั่วไป

คุณสมบัติของจิตวิญญาณข้อที่ 1 คือ รูปทรงที่แท้จริง

จิตวิญญาณ หมายถึง วิญญาณหลายๆย่านความถี่ที่มารวมตัวกันอยู่อย่าง
สมดุลภายในกล่องพลังงานกล่องหนึ่งซึ่งมีสติปัญญา
ความรัก ความรู้ และแสงสว่างเป็นพลังอำนาจเฉพาะตัว

จิตวิญญาณคือ วิญญาณหรือพลังงานที่มีความสามารถพิเศษ
6 ประการ คือ รู้นึก รู้คิด รู้แสดงออก รู้จดจำ รู้รับรู้ และรู้รับเอา
เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์แห่งกรรม(ร่างกาย)ซี่งเป็นเปลือกนอกของตน
สามารถทำหน้าของตนได้

ถ้าจิตวิญญาณของมนุษย์ดำงรงอยู่อย่างอิสระบนสนามพลังงานจักรวาล
แล้วทุกรูปธรรมทางพลังงานของจิตวิญญาณ
จะมีรูปทรงเรขาคณิตเป็น 6 เหลี่ยมมุม อันเกิดจากสามเหลี่ยม
ด้านเท่าสองรูปซ้อนทับกัน
จำนวนเหลี่ยมมุมของรูปธรรมจิตวิญญาณของมนุษย์
อาจมีมากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้
*ถ้ามีจำนวนเหลี่ยมมุมน้อย แสดงว่ามนุษย์ผู้นั้นจิตยังมีความหยาบอยู่มาก
จิตยิ่งละเอียดมากเท่าใด จำนวนเหลี่ยมมุมก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
จำนวนเหลี่ยมมุมของจิตวิญญาณนี้เกิดจากการจัดระบบการเรียกตัว
กันเองของอนุภาคคลื่นความถี่ทั้งหมดที่มีอยู่ภายในกล่องพลังงานกล่อง
เดียวกันอย่างลงตัว ซึ่งเป็นไปโดยอัตโนมัติ

 

คุณสมบัติของจิตวิญญาณข้อที่ 2 คือ
การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ตนเอง


โครงสร้างทางพลังงานของจิตวิญญาณ



รูปธรรมทางพลังงานที่เป็นจิตวิญญาณใน 1 รูปธรรมนั้น
แท้จริงมิได้มีเพียงแต่จิตวิญญาณเพียงรูปธรรมเดียว แต่ยังมีรูปธรรม
ทางพลังงานอีก 2 รูปธรรมด้วยกัน คือ พลียะเดี้ยนส์ และเมอร์คขะบาห์


รูปธรรมทางพลังงานจิตวิญญาณ มีโครงสร้างหลักของรูปธรรมประกอบด้วย 3 ส่วนคือ
1.จิตวิญญาณที่อยู่ตรงนิวเคลียสของรูปธรรม มวลน้อยมากจนวัดน้ำหนักไม่ได้
2.พลียะเดียนส์ที่อยู่ถัดออกมาจากนิวเคลียส น้ำหนักมวล 20 มิลลิกรัม
3.เมอร์คขะบาห์ที่อยู่ชั้นนอกสุด น้ำหนักมวล 30 มิลลิกรัม

บทบาทและพฤติกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นในมิติทางพลังงานของจิตวิญญาณนั้น
ไม่ว่าจะเป็นการดำรงอยู่ในสนามพลังงานจักรวาลโลก หรือ ในขณะที่ได้รับ
โอกาสให้มาเกิดเป็นตัวตนแก่นแท้ในเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์ก็ตาม

ล้วนเป็นพลียะเดี้ยนส์และเมอร์คขะบาห์ เป็นผู้แสดงออกหรือกระทำ
หน้าที่แทนจิตวิญญาณของตนด้วยกันทั้งสิ้น
การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ก็เช่นกัน รูปธรรมจิตวิญญาณทุกๆรูปธรรม
ล้วนสามารถเปลี่ยนแปลงรูกลักษณ์ตัวตนได้ให้เป็นรูปทรงเรขาคณิตได้
ทุกรูปแบบโดยไม่ว่าจะเป็นรูปทรงอะไร ทั้งนี้ผู้มีหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลง
รูปทรงก็คือ เมอร์คขะบาห์ ซึ่งเป็นรูปธรรมชั้นนอกสุด
เมอร์คขะบาห์เปรียบเสมือนเป็นภาชนะหรือกล่องที่บรรจุพลังงาน
ในส่วนของพลียะเดี้ยนส์กับจิตวิญญาณเอาไว้ข้างใน
ถ้าภาชนะบรรจุภายนอกมีรูปทรงเรขาคณิตหรือรูปลักษณ์แบบใด
พลังงานส่วนที่บรรจุอยู่ข้างในก็ย่อมจะต้องมีรูปทรงเรขาคณิตเป็นไปตามนั้นด้วย

ที่รูปธรรมจิตวิญญาณสามารถเปลี่ยนแปลงรูปทรงของจิิตวิญญาณได้เพราะว่า
ต้องการช่วยเหลือจิตวิญญาณทั้งหลายให้มีพลังอำนาจเฉพาะตัว ที่สามารถ
เดินทางท่องเที่ยวไปในสนามพลังงานจักรวาลอันไพรศาลนี้ได้อย่างไร้อุปสรรค
เมอร์คขะบาห์ จะเปลี่ยนแปลงรูปทรงหรือรูปธรรมของจิตวิญญาณให้เป็นแบบใด
ก็ได้ ตามที่จิตวิญญาณซึ่งเป็นนิวเคลียสของตนเอง เพียงแค่จิตวิญญาณสั่นสะเทือน
ภายในตนเองเป็นคลื่นความถี่ที่มีรหัสความต้องการขึ้น
พลียะเดี้ยนส์ก็จะถ่ายทอดรหัสสัญญาณดังกล่าวออกมาสู่เมอร์คขะบาห์
ให้รับรู้อีกทอดหนึ่ง เพื่อให้เมอร์คขะบาห์ทำหน้าที่ตามความต้องการเปลี่ยนแปลง
รูปทรงไปตามที่จิตวิญญาณสั่งทันที ในขณะที่มวลและอนุภาคยังคงเดิม

 

คุณสมบัติของจิตวิญญาณข้อที่ 3 คือ
การเปลี่ยนแปลงขนาดของรูปธรรม
จิตวิญญาณจะเปลี่ยนแปลงรูปทรงได้แล้วยังสามารถเปลี่ยนแปลง"ขนาด"
ของรูปธรรมตนเองได้ไม่จำกัด จิตวิญญาณเปรียบเสมือนกล่องพลังงาน
กล่องหนึ่ง ซึ่งกล่องเป็นภาชนะบรรจุเมอร์คขะบาห์ นั่นเอง

ถ้าจิตวิญญาณหรือกล่องพลังงานนี้จะเปลี่ยนแปลงขนาดให้โตขึ้นหรือ
ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมได้ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงขนาดกันที่กล่อง หรือภาชนะบรรจุ
ให้ใหญ่โตขึ้นตามต้องการ ซึ่งเป็นก็เป็นภาระหน้าที่ของ เมอร์คขะบาห์
อีกเช่นกัน หลักการเปลี่ยนแปลงขนาดของรูปธรรมจิตวิญญาณ
โดยการกระทำของเมอร์คขะบาห์ก็คือ การลดหรือเพิ่มที่ว่างภายในรูปธรรมจิตวิญญาณ
ของตนทั้งระบบ ซึ่งหมายถึง การลดหรือเพิ่มปริมาตรของรูปธรรมจิตวิยญาณนั้นเอง

ถ้าต้องการให้มีขนาดเล็กลง ก็ลดปริมาตรของรูปธรรมทั้งระบบให้เล็กลงตามที่ต้องการ
ซึ่งทำได้โดยการลดพื้นที่ว่างระหว่างอนุภาคพลังงานที่อยู่ภายในรูปธรรม
ทั้งระบบนั้นให้น้อยลง ขณะที่จำนวนอนุภาคหรือจำนวนมวลยังคงเดิม

ถ้าต้องการให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ก็เพิ่มปริมาตรของรูปธรรมทั้งระบบให้มากขึ้นตามต้องการ
ซึ่งทำได้โดยการเพิ่มมพื้นที่ว่างระหว่างอนุภาคพลังงานที่อยู่ภายในรูปธรรม
ทั้งระบบนั้นให้มากขึ้น ขณะที่จำนวนอนุภาคหรือจำนวนมวลยังคงเดิมเช่นเดิม

 

คุณสมบัติของจิตวิญญาณข้อที่ 4
คือ การสั่นสะเทือนภายในตนเอง

รูปธรรมจิตวิญญาณทุกรูปธรรม จะมีการสั่นสะเทือนของอนุภาคพลังงาน
ภายในตนเอง เป็นคลื่นความถี่ทั้งหลายนั้นจะลดเลี้ยวเกี่ยวพันกัน
อยู่ภายในกล่องพลังงานของตนเองอย่างลงตัวเสมอ

เกณฑ์สำคัญของทุกสรรพสิ่งที่เป็นรูปธรรมทางพลังงาน
ซึ่งดำรงอยู่ในมิติของแก่นแท้
ก็คือสรรพสิ่งนั้นจะต้องมีการสั่นสะเทือนตนเองอยู่ต่อเนื่องเสมอ

เพราะจิตวิญญาณนั้นคือพลังงานรูปแบบหนึ่งที่ประกอบด้วย
จิตวิญญาณ พลียะเดี้ยนส์ และเมอร์คขะบาห์
ซึ่งพลังงานคืือการ สั่นไหว สะเืทือน เคลื่อนที่
ในขณะเดียวกัน การสั่นสะเทือนของจิตที่เป็นอารมณ์ความรู้สึก
นึกคิดก็จะแสดงออกทางการกระทำ
หรือพฤติกรรมใดๆด้วยร่างกาย หรือเครื่องยนต์แห่งกรรมนั้นเอง

พฤติกรรมทางกายภาพของมนุษย์ จึงเป็นมายา หรือเป็น
ตัวแทนแห่้งพลังอำนาจของจิต ที่เกิดขึ้นจากการสั่นเทือน
เป็นอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของจิตผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ที่อยู่ข้างใน

พลังอำนาจใดๆก็ตามจะเ้กิดขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นจะต้องมี
การสั่นสะเทือนตนเองขึ้นก่อนเสมอ ถ้าสั่นสะเทือนแค่เพียงชั่วคราว
ก็จะเกิดพลังอำนาจเพียงชั่วคราว แต่ถ้าสิ่งนั้นสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง
ก็จะเกิดพลังอำนาจได้อย่างต่อเนื่อง สิ่งนั้นก็จะมีพลังอำนาจที่ถาวรตลอดไปด้วย

รูปธรรมจิตวิญญาณก็เช่นกัน เพราะมีการสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง
ของอนุภาคของมวลพลังงานที่อยู่ภายในนี่เอง
จึ่งทำให้จิตวิญญาณทุกรูปธรรมล้วนมีพลังอำนาจในตนเองด้วยกันทั้งสิ้น
โดยพลังอำนาจหลักๆจะประกอบด้วยอำนาจทางสติปัญญาที่จะรู้สึก
จะนึก จะคิด จะแสดงออกจะกระทำ จะจดจำ จะตอบสนองสิ่งเร้า้ต่างๆได้
และพลังอำนาจด้านบวกที่เป็นความรักเพื่อการดึงดูดเหนี่ยวรั้งผู้อื่น เป็นต้น

ปกติแล้วค่าความถี่ในการสั่นสะเทือนของจิตวิญญาณมนุษย์ต่ำสุด
อยู่ที่ระดับ 600 MHz และค่าความถี่สูงสุดอยู่ที่ระดับ 2,400 MHz
โดยวัดได้จากชั้นนอกสุดบริเวณที่เป็นเมอร์คขะบาห์

 

คุณสมบัติของจิตวิญญาณข้อสุดท้ายก็คือ
การเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง



ทุกสรรพสิ่งในจักรภพในจักรวาลรวมทั้งจิตวิญญาณของมนุษย์เองนั้น
จะต้องมีการสั่นสะเทือนตนเองอย่างต่อเนื่องเสมอจึงจะเกิด
พลังอำนาจในตนเองขึ้นมาได้ และนอกจากนั้นมันยังจะต้อง
มีการเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองอย่างต่อเนื่องด้วยเพื่อ
สร้างความสมดุลในระบบของตนเองไว้ตลอดไป

เช่นเดียวกันกับดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้
หากไม่มีการหมุนรอบตัวเองให้เกิดแรงโน้มถ่วงของโลกแล้ว
ทุกสรรพสิ่งในระบบโลกจะดำรงอยู่ร่วมกันอย่างคงที่
และสมดุลดังที่เห็นกันไม่ได้แน่
ทุกสรรพสิ่งจะต้องหลุดลอยออกไปจากระบบโลกจนหมดสิ้น
เพราะโลกไ่ม่มีความรักที่ดึงดูดเหนี่ยวรั้งสิ่งใดๆให้เกาะติดอยู่
กับระบบของตนเองไว้ได้นั่นเอง

การเหวี่ยงหมุนไปรอบๆตัวเองอย่างต่อเนื่องนี้
จะมีผลทำให้เกิดการเรียงตัวกันของอนุภาคคลื่นความถี่
ทั้งหลายที่อยู่ในรูปธรรมจิตวิญญาณนั้นจะเกิดเป็นเหลี่ยมมุมขึ้น
ซึ่งมันจะเป็นจำนวนเท่าของสามเหลี่ยมด้านเท่าเสมอ
เช่น เป็น 3 เหลี่ยมมุม เป็น 6 เหลี่ยมมุม หรือ 9 เหลี่ยมมุมก็ตาม
ความสมดุลนั้นน้อยหรือมากของจิตวิญญาณนั้น



จิตวิญญาณรูปธรรมใดก็ตามที่มีจำนวนเหลี่ยมมุมน้อย
แสดงว่ามีความสมดุลในตนเองน้อย
เพราะมีอัตราเร็วของการเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองค่อนข้างต่ำ


จิตวิญญาณรูปธรรมใดที่มีจำนวนเหลี่ยมมุมมาก
แสดงว่ามีความสมดุลในตนเองมาก
เพราะมีอัตราเร็วของการเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองค่อนข้างสูง

อัตราเร็วในการเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองของจิตวิญญาณ
จะอยู่ระหว่าง 6 - 24 รอบต่อวินาที
อัตราเร็วสูงสุดในระดับ 24 รอบต่อวินาทีนี้ คือ
อัตราเร็วที่สูงมากจนเหมือนหยุดอยู่นิ่งๆไม่หมุนเลย
(คล้ายลักษณะการบินของนกฮัมมิ่งเบิร์ด)

 

ขอบพระคุณในธรรมทาน

sun dog รู้สึกถึง "พลียะเดี้ยนส์" ในลักษณะของ "นันทิ"...มันหนัก 20 ส่วนของวิญญาณ ส่วน "เมอร์คขะบาห์" ที่หนัก 30 ส่วนของวิญญาณ นี่นานๆทีจะรู้สึกจ้า

 

แล้ว 11 กับ 12 เหลี่ยมมุมละครับ

 

เสียงหมายเลข 89 ที่ออกมาจากข้า ดูเหมือนว่าจะอยู่ชั้น "พลียะเดี้ยนส์"
หมายเลข 104 (ตอนนี้ไม่ส่งเสียง) เป็นริ้วๆอยู่ที่คอ หนัก ประมาณ 20 เท่าของวิญญาณเหมือนกัน แต่ไม่ยักมั่นใจว่ามาจาก "พลียะเดี้ยนส์" แฮะ

 

เจ้าของกระทู้เป็นอาจารย์ปริญญา ตันสกุล ใช่หรือไม่ค่ะ

เพราะว่า รู้สึกจะทฤษฎีหลักการเดียวกัน