เธญเธ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 20 สิงหาคม 2007.

แท็ก: แก้ไข
  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    อกุศลกรรมบถ10 หนทางสู่ '' นรก''

    imagesbl.jpg


    <TABLE height=24 width="94%" border=0><TBODY><TR><TD height=27>
    พระพุทธเจ้าตรัสว่า อกุศลกรรมบถ 10 นี้ ผู้ใดเผลอกระทําไป ครั้นเมื่อตายลง
    ก็จะไปสู่นรก ท่านตรัสว่า เหมือนกับถูกจับตัวไปวางไว้
    เลยทีเดียว คือ หนีไม่ได้

    อกุศลกรรมบถ 10 คืออะไร

    ประกอบด้วย

    </TD></TR><TR><TD width="54%" height=115>1. ปาณาติบาต ทำให้สัตว์ให้ตกล่าง คือ ฆ่าสัตว์


    2. อทินนาทาน ถือ เอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ ด้วย อาการแห่งขโมย

    3. กาเมสุ มิจฉาจาร ประพฤติผิดในกาม

    4. มุสาวาท พูดเท็จ

    5. ปิสุณาวาจา พูดส่อเสียด

    6. ผรุสวาจา พูดคำหยาบ

    7. สัมผัปปลาปะ พูดเพ้อเจ้อ

    8. อภิชญา โลภอยากได้ของเขา

    9. พยาบาท ปองร้ายเขา

    10. มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดจากคลองธรรม


    ดังนั้น เราชาวพุทธ ควรจะหมั่นรักษาจิต มิให้เผลอไปกระทําอะไรที่เข้าข่าย 10 ข้อข้างต้น กันนะครับ

    ผมจะเอาที่พระพุทธเจ้าตรัสมาเสริม ให้อ่านด้วย




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ
    ๑๐ ปี อกุศลกรรมบถ ๑๐ จักรุ่งเรืองเหลือเกิน
    แม้แต่ชื่อว่ากุศลก็จักไม่มี และคนทำกุศลจักมีแต่ไหน ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี คนทั้งหลายจักไม่ปฏิบัติชอบในมารดา จักไม่ปฏิบัติ
    ชอบในบิดา จักไม่ปฏิบัติชอบในสมณะ จักไม่ปฏิบัติชอบในพราหมณ์ จักไม่
    ประพฤติอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ในตระกูล เขาเหล่านั้นก็จักได้รับการบูชา และ
    ได้รับการสรรเสริญ เหมือนคนปฏิบัติชอบในมารดา ปฏิบัติชอบในบิดา ปฏิบัติ
    ชอบในสมณะ ปฏิบัติชอบในพราหมณ์ ประพฤติอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ใน
    ตระกูล ในบัดนี้ ฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี เขาจักไม่มีจิตคิดเคารพ
    ยำเกรงว่า นี่แม่ นี่น้า นี่พ่อ นี่อา นี่ป้า นี่ภรรยาของอาจารย์ หรือว่านี่ภรรยา
    ของท่านที่เคารพทั้งหลาย สัตว์โลกจักถึงความสมสู่ปะปนกันหมด เปรียบเหมือน
    แพะ ไก่ สุนัขบ้าน สุนัขจิ้งจอก ฉะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ
    ๑๐ ปี สัตว์เหล่านั้นต่างก็จักเกิดความอาฆาต ความพยาบาท ความคิดร้าย ความ
    คิดจะฆ่าอย่างแรงกล้าในกันและกัน มารดากับบุตรก็ดี บุตรกับมารดาก็ดี บิดากับ
    บุตรก็ดี บุตรกับบิดาก็ดี พี่ชายกับน้องหญิงก็ดี น้องหญิงกับพี่ชายก็ดี จักเกิดความ
    อาฆาต ความพยาบาท ความคิดร้าย ความคิดจะฆ่ากันอย่างแรงกล้า นายพราน
    เนื้อเห็นเนื้อเข้าเกิดความอาฆาต ความพยาบาท ความคิดร้าย ความคิดจะฆ่า
    อย่างแรงกล้าฉันใด ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ


    จาก พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓
    ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
     
  3. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    สาธุ
    ข้อสุดท้ายอันตรายที่สุด มิจฉาทิฐิ
     
  4. ร่มโพธิ์

    ร่มโพธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,952
    อย่างไรเสีย ผมก็มั่นใจว่าสมาชิกทุกท่านในเวปนี้ คงไม่ไปเกิดในสมัยนั้น เพราะกรรม(ดี)ที่เราร่วมสร้างกันมา อย่างน้อยก็ครึ่งทาง(พระนิพพาน)แล้วครับ..อิอิ
     
  5. noinong

    noinong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +303
    ขออนุโมทนาคะ
    ถ้าหากเราเผลอประกอบอกุศลกรรม ข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อจะทำอย่างไรให้พ้นนรกได้คะ
     
  6. รักแม่

    รักแม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +242
    กลัวจังเลย เคยทำมาทุกข้อเลย ฮือ ๆ
     
  7. แม่น้องนน

    แม่น้องนน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    457
    ค่าพลัง:
    +1,427
    อยากทราบว่าการพูดเล่น เฮฮา สนุกสนาน ในกลุ่มเพื่อน ๆ ถือเป็นการพูดเพ้อเจ้อหรือคะ....ขอบคุณค่ะ [b-wai]
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    http://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8...B8%9A%E0%B8%96

    อกุศลกรรมบถ-กุศลกรรมบถ

    จาก วิกิซอร์ซ


    ข้ามไปที่: นำทาง, ค้นหา
    <!-- start content -->
    [แก้ไข] อกุศลกรรมบถ

    ความประพฤติไม่เรียบร้อย คือ ความไม่ประพฤติธรรม ทางกาย ทางวาจา ทางใจ
    ความไม่ประพฤติธรรมทางกาย มีสามอย่าง
    1. เป็นผู้ฆ่าสัตว์ คือ เป็นคนเหี้ยมโหด มีมือเปื้อนเลือด พอใจในการประหารและการฆ่าไม่มีความละอาย ไม่ถึงความเอ็นดูในสัตว์ทั้งปวง
    2. เป็นผู้ถือเอาทรัพย์ที่เขามิได้ให้ คือ ลักทรัพย์เป็นอุปกรณ์เครื่องปลื้มใจของบุคคลอื่นที่อยู่ในบ้าน หรือที่อยู่ในป่า ที่เจ้าของมิได้ให้ ซึ่งนับว่าเป็นขโมย
    3. เป็นผู้ประพฤติผิดในกามทั้งหลาย คือ ถึงความสมสู่ในพวกหญิงที่มารดารักษา ที่บิดารักษา ที่มารดาและบิดารักษา ที่พี่ชายรักษา ที่พี่สาวรักษา ที่ญาติรักษา ที่มีสามี ที่อิสรชนหวงห้าม ที่สุดแม้หญิงที่เขาคล้องแล้วด้วยพวงมาลัย (หญิงที่เขาหมั้นไว้)
    ความไม่ประพฤติธรรมทางวาจา มีสี่อย่าง
    1. เป็นผู้กล่าวเท็จคือ ไปในที่ประชุมหรือไปในหมู่ชน หรือไปในท่ามกลางญาติ หรือไปในท่ามกลางขุนนาง หรือไปในท่ามกลางราชสกุล หรือถูกนำไปเป็นพยาน ถูกถามว่า แน่ะบุรุษผู้เจริญ เชิญเถิด ท่านรู้เรื่องใด ก็จงบอกเรื่องนั้น เขาเมื่อไม่รู้ก็บอกว่า รู้บ้าง เมื่อรู้บอกว่า ไม่รู้บ้าง เมื่อไม่เห็น ก็บอกว่าเห็นบ้าง เมื่อเห็นก็บอกว่า ไม่เห็นบ้าง เป็นผู้กล่าวคำเท็จทั้งรู้อยู่ เพราะเหตุตนบ้าง เพราะเหตุผู้อื่นบ้าง เพราะเหตุเห็นแก่สิ่งเล็กน้อยบ้าง
    2. เป็นผู้ส่อเสียด คือ ได้ฟังข้างนี้แล้ว นำไปบอกข้างโน้น เพื่อทำลายพวกข้างนี้บ้าง หรือฟังข้างโน้นแล้ว นำไปบอกข้างนี้ เพื่อทำลายพวกข้างโน้นบ้าง ยุพวกที่พร้อมเพรียงกันให้ แตกกันไปบ้าง ส่งเสริมพวกที่แตกกันบ้าง ส่งเสริมพวกที่แตกกันแล้วบ้าง ชอบใจในคนที่แตกกันเป็นพวก ยินดีในความแตกกันเป็นพวก ชื่นชมในพวกที่แตกกัน และกล่าววาจาที่ทำให้แตกกันเป็นพวก
    3. เป็นผู้มีวาจาหยาบ คือ กล่าววาจาที่เป็นโทษหยาบ อันเผ็ดร้อนแก่ผู้อื่น อันขัดใจผู้อื่นอันใกล้ต่อความโกรธ ไม่เป็นไปเพื่อความสงบจิต
    4. เป็นผู้กล่าวคำเพ้อเจ้อ คือ พูดในเวลาไม่ควรพูด พูดเรื่องที่ไม่เป็นจริง พูดไม่เป็นประโยชน์ พูดไม่เป็นธรรม พูดไม่เป็นวินัย กล่าววาจาไม่มีหลักฐาน ไม่มีที่อ้าง ไม่มีที่สุด ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ โดยกาลไม่สมควร
    ความไม่ประพฤติธรรมทางใจ มีสามอย่าง
    1. เป็นผู้มีความโลภมาก คือ เพ่งเล็งทรัพย์อันเป็นอุปกรณ์เครื่องปลื้มใจของผู้อื่นว่า ขอของผู้อื่นพึงเป็นของเราเถิด
    2. เป็นผู้มีจิตพยาบาท คือ มีความดำริในใจอันชั่วช้าว่า ขอสัตว์เหล่านี้จงถูกฆ่าบ้าง จงถูกทำลายบ้าง จงขาดสูญบ้าง อย่าได้มีแล้วบ้าง
    3. เป็นผู้มีความเห็นผิด คือ มีความเห็นวิปริตว่า ผลแห่งทานที่ให้แล้วไม่มีผลแห่งการบูชาไม่มี ผลแห่งการเซ่นสรวงไม่มี ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำดีและทำชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี สัตว์ทั้งหลายที่เป็นอุปปาติกะไม่มี สมณะและพราหมณ์ทั้งหลายผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ผู้ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วสั่งสอนให้ผู้อื่นรู้ไม่มีอยู่ในโลก
    [แก้ไข] กุศลกรรมบถ

    ความประพฤติเรียบร้อยคือความประพฤติธรรม ทางกาย ทางวาจา ทางใจ
    ความประพฤติธรรมทางกาย มีสามอย่าง
    1. ละการฆ่าสัตว์เว้นขาดการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ วางศาตราเสียแล้ว มีความละอาย มีความเอ็นดู มีกรุณาหวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวงอยู่
    2. ละการถือเอาทรัพย์ที่เขามิได้ให้ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ ไม่ลักทรัพย์เป็นอุปกรณ์เครื่องปลื้มใจของผู้อื่น ที่อยู่ในบ้าน หรือที่อยู่ในป่า ที่เจ้าของมิได้ให้ ซึ่งนับว่าเป็นขโมย
    3. ละการประพฤติผิดในกามทั้งหลาย เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกามทั้งหลาย คือ ไม่ถึงความสมสู่ในพวกหญิง ที่มารดารักษา ที่บิดารักษา ที่มารดาและบิดารักษา ที่พี่ชายรักษา ที่พี่สาวรักษา ที่ญาติรักษา ที่มีสามี ที่อิสรชนหวงห้าม ที่สุดหญิงที่เขาคล้องแล้วด้วยพวงมาลัย
    ความประพฤติธรรมทางวาจา มีสี่อย่าง
    1. ละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ ไปในทีประชุม หรือไปในหมู่ชน หรือไปในท่ามกลางญาติ หรือไปในท่ามกลางขุนนาง หรือไปในท่ามกลางราชสกุล หรือถูกนำไปเป็นพยาน ถูกถามว่า บุรุษผู้เจริญ เชิญเถิด ท่านรู้เรื่องใดก็จงบอกเรื่องนั้น เขาเมื่อไม่รู้ก็บอกว่า ไม่รู้ หรือเมื่อรู้ก็บอกว่า รู้ เมื่อไม่เห็นก็บอกว่า ไม่เห็น หรือเมื่อเห็นก็บอกว่า เห็น ไม่กล่าวเท็จทั้งรู้อยู่ เพราะเหตุตนบ้าง เพราะเหตุผู้อื่นบ้าง เพราะ เหตุเห็นแก่สิ่งของเล็กน้อยบ้าง
    2. ละวาจาอันส่อเสียด เว้นขาดจากวาจาส่อเสียด คือได้ฟังข้างนี้แล้วไม่นำไปบอกข้างโน้น เพื่อทำลายพวกข้างนี้ หรือได้ฟังข้างโน้นแล้ว ไม่นำมาบอกข้างนี้ เพื่อทำลายพวกข้างโน้น สมานพวกที่แตกกันให้ดีกันบ้าง ส่งเสริมพวกที่ดีกันให้สนิทสนมบ้าง ชอบใจพวกที่พร้อมเพรียงกัน ยินดีแล้วในพวกที่พร้อมเพรียงกัน ชื่นชมในพวกที่พร้อมเพรียงกัน และกล่าววาจาอันทำให้พร้อมเพรียงกัน
    3. ละวาจาหยาบ เว้นขาดจากวาจาหยาบ กล่าววาจาที่ไม่มีโทษ เพราะหูชวนให้รัก จับใจ เป็นของชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่ ชอบใจ
    4. ละการพูดเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ พูดในเวลาที่ควรพูดตามความจริง พูดเรื่องที่เป็นประโยชน์ พูดเรื่องที่เป็นธรรม พูดเรื่องที่เป็นวินัยและกล่าววาจามีหลักฐาน มีที่อ้าง ได้มีที่สุด ประกอบด้วยประโยชน์ โดยกาลอันควร
    ความประพฤติธรรมทางใจ มีสามอย่าง
    1. เป็นผู้ไม่มีความโลภมาก ไม่เพ่งเล็งทรัพย์อันเป็นอุปกรณ์เครื่องปลื้มใจของผู้อื่นว่า ขอของผู้อื่นพึงเป็นของเราเถิด
    2. เป็นผู้มีจิตไม่พยาบาท มีความดำริในใจไม่ชั่วช้าว่า ขอสัตว์เหล่านี้ จงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนกัน ไม่มีทุกข์ มีแต่สุข รักษาตนเถิด
    3. เป็นผู้มีความเห็นชอบ คือมีความเห็นไม่วิปริตว่า ผลแห่งทานที่ให้แล้วมีอยู่ ผลแห่งการการบูชามีอยู่ ผลแห่งการเซ่นสรวงมีอยู่ ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำดีและทำชั่วมีอยู่ โลกนี้มีอยู่ โลกหน้ามีอยู่ มารดามีอยู่ บิดามีอยู่ สัตว์ทั้งหลายที่เป็นอุปปาติกะมีอยู่ สมณะและพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ผู้ทำโลกนี้และโลกหน้า ให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วสอนให้ผู้อื่นรู้ได้มีอยู่ในโลกนี้
    [แก้ไข] อ้างอิง

    เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนและครบถ้วน กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่ <!-- Saved in parser cache with key thwikisource:pcache:idhash:4399-0!1!0!!th!2 and timestamp 20070821030306 -->รับข้อมูลจาก "http://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A8%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%96-%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A8%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%96"
    <!-- end content -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  9. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    เกิดมาเป็นมนุษย์ ก็คงจะละซึ่งกิเลศไม่ได้ทั้งหมดทั้งปวง แต่ก็จะพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำบาปไปมากกว่านี้ค่ะ
     
  10. guitargun

    guitargun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2007
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +137
    ปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้า..
    หันทะทานิ ภิกขะเว อามันตะยามิ โว,
    วะยะธัมมา สังขารา,
    อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ,
    อะยัง ตะถาคะตัสสะ ปัจฉิมา วาจา.
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! บัดนี้..เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า..
    สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
    ท่านทั้งหลาย จงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด.
    คนไกลฝั่ง...guitargunsolo@hotmail.com
     
  11. naf06

    naf06 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    577
    ค่าพลัง:
    +2,227
    สิ่งที่พวกท่านได้กล่าวไว้ ไม่ต้องรอไปเกิดชาติหน้าหรอกครับ มันกำลังเกิดขึ้นในยุคกึ่งพุทธกาล(2500-2600) คราบบบบบบบบบบ ท่านทั้งหลาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 สิงหาคม 2007
  12. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    พูดบ่อย ๆ ไม่ดี

    พูดเพ้อเจ้อ คือ การพูดที่ไม่เป็นสาระ หาประโยชน์อะไรไม่ได้
    ถ้าพูดบ่อย ๆ พูดเป็นประจำ ก็สามารถทำให้ไปเกิดในนรกได้เหมือนกัน
    แต่คนเราก็ทำบุญมาเยอะไม่ใช่น้อย ๆ ความดีที่ทำคงมากกว่าหลายเท่าตัวครับ
     
  13. แม่น้องนน

    แม่น้องนน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    457
    ค่าพลัง:
    +1,427
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 665078" vAlign=top><TD class=alt1 align=middle width=125>ปอ ตำมะลัง</TD><TD class=alt2>อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ แม่น้องนน [​IMG]
    อยากทราบว่าการพูดเล่น เฮฮา สนุกสนาน ในกลุ่มเพื่อน ๆ ถือเป็นการพูดเพ้อเจ้อหรือคะ....ขอบคุณค่ะ [b-wai]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    พูดเพ้อเจ้อ คือ การพูดที่ไม่เป็นสาระ หาประโยชน์อะไรไม่ได้
    ถ้าพูดบ่อย ๆ พูดเป็นประจำ ก็สามารถทำให้ไปเกิดในนรกได้เหมือนกัน
    แต่คนเราก็ทำบุญมาเยอะไม่ใช่น้อย ๆ ความดีที่ทำคงมากกว่าหลายเท่าตัวครับ</TD></TR></TBODY></TABLE>


    ขอบคุณค่ะคุณ ปอ ตำมะลัง คือว่ากลุ่มแม่น้องนนจะเป็นพวกชอบพูดเล่นเฮฮา
    บ้า ๆ บอ น่ะค่ะ พอมาเป็นสมาชิกเว็ปพลังจิตดอทคอม ก็เริ่ม เฮ้ย ! ไอ้นั่นก็บาป ไอ้นี่ก็ผิดศีล ตายละวา...ความที่เป็นคนสนุกสนานร่าเริงบรรเทิงใจ สิ่งเหล่านี้มันก็สามารถพาเราไปลงนรกได้โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย....

    ...แต่คุณปอ ตำมะลังให้กำลังใจมาว่า ...คนเราก็ทำบุญมาเยอะไม่ใช่น้อย ๆ ความดีที่ทำคงมากกว่าหลายเท่าตัว....

    โอ๊ย ! โล่งค่ะ...โล่งอก...คราวหน้าจะพูดเล่นเฮฮาคงต้องระมัดระวังมากขึ้น

    ....ขอบคุณมากนะคะ....ขออนุโมทนาค่ะ
     
  14. wong3210

    wong3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    553
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,392
    ผมเชื่อว่าบุคคลมีเข้ามาในเวปและศึกษาคำสอนแล้วนำไปปฏิบัติ ย่อมจะเจริญขึ้นๆ แก้ไขจุดบกพร่องตนเองไป ตามความสามารถ แต่มีจุดมุ่งหมายที่จะดี พูดคุยกัน เรื่องทางโลก แต่ก็นำไปคิดว่าเราผิดไปไหม ขาดสติไหม นี่คือกระบวนการพัฒนาตน อยากที่จะเป็นคนดี แม้ว่าตนจะเลวมามากแค่ไหนแบบผม ถ้าทำอย่างสม่ำเสมอ จะมากบ้างน้อยบางไม่เป็นไร และพยายามรักษาศีล๕ให้ได้ อย่างน้อยที่สุดวันพระก็ยังดี ผมว่าขึ้นข้างบนแล้วละครับ เพราะข้อหลักใหญ่คือ มิจฉาทิฏฐิ ที่คุณปอ ตำมะลัง บอกไว้ ไม่เชื่อหลักกฏแห่งกรรม ไม่เชื่อหลักบุญบาป ฯลฯ ทำคนตกนรกมามากต่อมากแล้วละครับ สาธุ.
     
  15. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    ขออนุโมทนา

    การแก้ไขอกุศลกรรมบท 10 ในอดีต

    1.ปฎิบัติตามแก่นพระพุทธศาสนา คือ ละเว้นความชั่ว กระทำความดี ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว

    2.ปฏิบัติตามบุญกิริยาวัตถุ สิ่งที่เป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ, เรื่องที่จัดเป็นการทำบุญ, ทางทำความดี,
    หมวด ๓ คือ
    ๑. ทานมัย ทำบุญด้วยการให้
    ๒. สีลมัย ทำบุญด้วยการรักษาศีลและประพฤติดี
    ๓. ภาวนามัย ทำบุญด้วยการเจริญภาวนา ;
    หมวด ๑๐ คือ
    ๑. ทานมัย ทำบุญด้วยการให้
    ๒. สีลมัย ทำบุญด้วยการรักษาศีลและประพฤติดี
    ๓. ภาวนามัย ทำบุญด้วยการเจริญภาวนา
    ๔. อปจายนมัย ด้วยการประพฤติอ่อนน้อม
    ๕. เวยยาวัจจมัย ด้วยการช่วยขวนขวายรับใช้
    ๖. ปัตติทานมัย ด้วยการเฉลี่ยส่วนความดีให้ผู้อื่น
    ๗. ปัตตานุโมทนามัย ด้วยความยินดี ความดีของผู้อื่น
    ๘. ธัมมัสสวนมัย ด้วยการฟังธรรม
    ๙. ธัมมเทสนามัย ด้วยการสั่งสอนธรรม
    ๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ ด้วยการทำความเห็นให้ตรง

    3.ปฎิบัติตามหลัก ไตรสิกขา สิกขาสาม,
    ข้อปฏิบัติที่ต้องศึกษา ๓ อย่าง คือ
    อธิศีลสิกขา
    อธิจิตตสิกขา
    อธิปัญญาสิกขา
    เรียกกันง่ายๆ ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา

    จุดสำคัญ
    1.ต้องทำกรรมดี ให้บ่อยเป็นอาจิณกรรม(คำว่าบ่อยนี้ คือ คิดแต่เรื่องบุญกุศล การทำความดีทุกลมเข้าออกนะครับ) ซึ่งหากท่านไม่ได้ทำอนัตริยกรรมในชาตินี้ท่านได้ไปสุคติแน่นอนครับ
    2.ทรงอารมณ์กรรมฐานที่ปฏิบัติให้ดี ในเวลาตาย(ทำการกาละเคลื่อนเปลี่ยนภพภูมิ) จะได้ไม่หลงตาย ทรงอารมณ์ที่เป็นกุศลก็ไปสุคตภพแน่นอนครับ แต่จะให้ดีที่สุดเอานาทีทองตอนใกล้ตายี้ล่ะทำนิพพานให้แจ้งให้ได้

    สุดท้ายขออนุโมทนาบุญกุศลที่ทุกท่านปฏิบัติมาแล้วด้วยดีตั้งแต่ต้นจนบัดนี้นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2007
  16. bontc3

    bontc3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +66
    อนุโมทนาครับ อ่านแล้วกลับมาย้อนคิดว่า ผมควรระวังคำพูดให้มากครับ!!!

    = ="
     
  17. it_wut

    it_wut Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +80
    ผมจะทำดีทุกครั้งเมื่อมีโอกาส และจะขอยึดถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิตครับ.
     
  18. kib_jang

    kib_jang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,052
    ค่าพลัง:
    +3,452
    5. ปิสุณาวาจา พูดส่อเสียด

    6. ผรุสวาจา พูดคำหยาบ
    ------------------------


    พิจารณาดูแล้ว มีสองข้อนี้ที่เคยทำ
    และอาจจะทำอยู่บ้างในทุกวันนี้ ก็ทำจริงๆ
    ทำไปด้วยความโกรธ

    เพราะเป็นเพียงมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกิเลสตัณหา
    แต่ก็พยายามฝึกฝนอยู่เช่นกัน พยายามระงับ หักห้าม ขัดเกลาจิต
     

แชร์หน้านี้

Loading...