ดวงขะตาของคนที่เกิดมาเพื่อสร้างบารมี !!

อยู่ในกลุ่มที่ 2 วันศุกร์ปีมะเมีย
ตรงจริงๆ เลยค่ะ เมื่อก่อนมีทรัพย์มาก มีเงิน มีบ้าน มีรถ แต่ปัจจุบันไม่มีอะไรสักอย่าง(ทำธุรกิจส่วนตัวเจ๊ง) พี่สาวที่มีญาณบอกว่าเบื้องบนทดสอบ ทุกวันนี้กลับมีแต่ความสุขใจหันเข้าหาธรรมะ เข้าใจในคำว่า มียศเสื่อมยศ มีลาภเสื่อมลาภ แต่ก็ไม่เคยเดือดร้อนเรืองการเงินอีกเลย หลังจากเลิกกิจการ มีชีวิตอย่าพอเพียง มีเงินทำบุญให้ทานได้ตามอัตภาพ
ความเป็นอยู่ที่เคยหรูหรา ก็เป็นอยู่เรียบๆ แต่มีความสุขใจแปลกจริงๆน่ะค่ะ

 

น้า ชายของหนู เกิด วันเสาร์ เดือน กันยายน ปีมะแม ทำไมเขาไม่เห็นสนใจเรื่องธรรมมะเลยค่ะ ชีวิตเขาน่าสงสารมาก ต้องเป็นคนเร่รอน ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักเป็นแหล่ง แถมชอบสุรามากๆๆ

 

ไม่เข้ากลุ่มไหนเลยค่ะ แต่ทำบุญ ทำทาน สวดมนต์ นั่งสมาธิทุกวันเลยค่ะ ขออนุโมทนาบุญให้กับเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ

 

สาธุค่ะ กลุ่ม 1 เดือนกันยายน ปีมะแม ถูกต้องค่ะ อนุโมทนาสาธุค่ะ

 

ชีวิตก้าวหน้าค่ะ เรื่องงาน ครอบครัว และชอบนั่งสมาธิค่ะ

 

เมื่อเข้าหาธรรมะ เขาจะรู้จักตัวเอง จากส่วนลึกของจิตใจ..
ต้องเจอวิบากกรรมรุมเร้า เหมือนเร่งตัวเองเข้าสู่ทางธรรมะให้ได้..(เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ)

ปล.ใช้ประสบการณ์ของผมเอง จากคนที่มีทุกอย่าง ใชัชีวิตเหมือนเทวดาเดินดิน ไม่เคยสนใจความรู้สึกของใคร จนกระทั่ง......โดนสั่งสอนซ่ะ.อ่วมอรทัย จนวันนี้ เข้าใจทุกสรรพสิ่งโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ เปลี่ยนวิถีชีวิตจากหน้ามือ เป็นหลังบาทา (จึงเห็นด้วยกับข้อความข้างต้นครับ)

 

ไม่ได้เข้ากลุ่มไหนเลย..แต่คิดดี ใฝ่ธรรมะ และปฏิบัติ(นั่งสมาธิถ้ามีโอกาส) (kiss)

 

ทั้ง กลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 เลยคะ


เกิดเดือนมีนาคม ปี ฉลู
เกิดวันอาทิตย์ ปี ฉลู

อนุโมทนาคะ

 

เกิดวันอังคาร เดือนธันวาคม ปีจอ และจิตใจใฝ่ธรรมะ ตรงนะเนี่ย ปฏิบัติจริงจังมาแล้ว 5 ปี มันเกินคาดจริงๆ

 

อยากฟังค่ะ มีอะไรแนะำนำบ้างค่ะ

 

ขอบคุณมากค่ะ

กลุ่ม 2 ค่ะ วันอาทิตย์ ปีวอก

ชีวิตหวุดหวิว มาหลายครั้ง โดยเฉพาะเรื่องขับรถเร็ว

ตอนนี้พยายามตั้งใจ หากกลับเมืองไทยเมื่อ ต้องใจเย็น อยู่กับสติ ดีที่สุด

 

ขอบคุณมากค่ะ

กลุ่ม 2 ค่ะ วันอาทิตย์ ปีวอก

ชีวิตหวุดหวิว มาหลายครั้ง โดยเฉพาะเรื่องขับรถเร็ว

ตอนนี้พยายามตั้งใจ หากกลับเมืองไทยเมื่อใดเวลาขับรถ ต้องใจเย็น อยู่กับสติ ดีที่สุด

 

เข้ากลุ่มไปด้วยแฮะ แต่ก็จริงอ่ะเจอมาแล้ว ทั้งเรื่องราวแรงๆ
และคนที่ทำร้าย เขาโดนกลับซะผ่าตัดเลย งงไปเลยนี่คือเรื่องจริงๆ
ขอบคุณค่ะ อนุโมทนาด้วยค่ะที่เอามาลงที่เว็บพลังจิตด้วย

 

..........................................................................................เหมือนกัลลลลลลลลลลล์ เลย

 

เข้ากลุ่ม 1 ค่ะเดือนตุลาคม ปีวอก ชอบอ่านหนังสือธรรมะ เข้าวัดปฏิบัติธรรม ถ้ามีโอกาส
ขอบคุณค่ะ

 

ดูเล่นๆผมก็กลุ่ม 2 นะ ^_^

 

เกิดวันอาทิตย์ เดือนมีนาคม ปีฉลู จ้า
ตรงทั้ง 2 เลย catt7

 

ถึงวันที่เกิดไม่ตรงกับที่บอกมา แต่ก็เป็นคนสนใจในธรรมมะมาตลอดโดยไม่มีใครบอกหรือบังคับ และชอบทำบุญทำทาน
ไม่เห็นจะเกี่ยวกับวันเดือนปีเกิดเลย ยุที่ตัวเราต่างหาก แต่ก้อนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ

 

อนสวดมนต์ ควรชำระ กาย และ สำรวมวาจาใจเสียก่อน ระลึกถึงพระคุณพระมหาเมตตาอันไร้ขอบเขตของพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์และพระคุณบุพการี ครูบาอาจารย์

ก่อนสวด หากทานเจ หรือ มังสวิรัติได้ ทุกครั้งก็จะยิ่งดี เพราะเป็นการบำเพ็ญจิตเมตตาอันบริสุทธิ์ต่อดวงจิตทั้งมวลที่เป็นเพื่อน ทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เพื่อเจริญรอยตามปณิธานพระมหาโพธิสัตว์ที่กำลังโปรดสัตว์ทุกภพภูมิ หากทานเจ หรือ มังสวิรัติไม่สะดวก ควรชำระ หรือ บ้วนปากเสียก่อนและขอขมาผ่อนผันต่อพระมหาโพธิสัตว์



--------------------------------------------

บทสวด "อารย-กษิติครภะโพธิสัตตะวายะ-ธารณี"

นโม รัตนะ-ตรายายะ นะมะ อารยะ-กษิติครภะ โพธิสัตตะวายะ มหาสัตตะวายะ ตัทยะถา กษัม-ภุ กษัม-ภุ กษุทะ กษัม-ภุ อากาศะ กษัม-ภุ วาระกะ กษัม-ภุ อะ-ภู กษัม-ภุ ไวระ กษัม-ภุ วัชระ กษัม-ภุ อาโลกะ กษัม-ภุ ทะมะ กษัม-ภุ สัตยามะ กษัม-ภุ สัตยะ นิร-หาระ กษัม-ภุ วยะวะโลกะ กศัน วา กษัม-ภุ อุปะศะมะ กษัม-ภุ นะยะนะ กษัม-ภุ ปรัชญา สัม-ภูติ ระณะ กษัม-ภุ กษะณะ กษัม-ภุ วิศีลยะ กษัม-ภุ ศาสตา ลาวะ กษัม-ภุ วยาฑะสุ ตัล มะ หิเร ทาหิเล ทเม ศเม จักราสิ จักร มศิเล กษิเล ภิเร หีเร-คะระหะ สัม-วะละ วราเต หีเร ประเภ ประ-จะละ วรตะเน รัตนะ ปาเล จะ จะ จะ จะ หีเร มิเล เอการถะ ถะ เข ถะ โคโล ถเล ถเล มิเล พาเฒ ตาเฑ กุเล กุ มิเล ศมิเล อังโค จิตตาวิ อริ คิลิ ปะระ คิลิ กุฏะ ศะมะเล ชางเค ชางเค ชางคุเล หุรุ หุรุ หุรุ กุรุ สตุ มิเล มิมีเล เฒ ศมิเล ตเร ภา ทะ ทะ หาระ หิระ หิเร หุรุ หุรุ นุ ภาวะ-ระชะวิ-โศธะเน สวาหา กลิ-ยุคะ วิ-โศธะเน สวาหา กรุณะ-มะนะ วิ-โศธะเน สวาหา กรุศะ-มหา-ภูตะ วิ-โศธะเน สวาหา กรุศะ-ระสะ วิ-โศธะเน สวาหา กรุศะ-โอชะ วิ-โศธะเน สวาหา สะรวะ อาศา ปริ-ปูระณิ สวาหา สะรวะ สัสยะ สัม-ปาทะเน สวาหา สะรวะ ตถาคะตะ อธิษฐิเต สวาหา สะรวะ โพธิสัตตะวะ อธิษฐิตะ อนุ-โมทิเต สวาหา

----------------------------------------------------------

คาถาจิตที่ยิ่งใหญ่ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์

นะมะ กษิติ-คระภายะ มหา-มัณฑะละ-ราชายะ โอม ศุมภะ นิ-ศุมภะ หาระ จะระ มหา-ปาศะ มารุตะ อโมฆะ วัชรสัตตะวะ สวาหา

---------------------------------------------------------

คาถาจิตที่ไม่เสื่อมถอยของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์

ตัทยะถา มุนิ-ติเร มุทะ-ศระวะ มุนิ หฤทะยะ มติ โรจะ วิ-จาเร มูรธะ-อรจิ อธิ-คมิ ศุกละ-ปักศะ ปรา-ศะระ-ปักษะ มิลัต-ปักษะ สุ รักษะ-กฤเต ตุระณะ กฤจ ฉะเร ปะตะ รักษะ-กฤเต คุหะ คุณะ มิเล อะเวกัศสะ สาเร อนูหะ คิระวัน มุนิ ปะทะ วาก สวาหา

-------------------------------------------------------

คาถาดับกรรมของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์

โอม ประ มัล ละ ทะ นิ สวาหา

---------------------------------------------------

การปฏิบัติธรรมง่ายและสะดวก

โปรดสวดพระนาม "ตี้ จ้าง ผู ซ่า" หรือ คาถา "โอม ประ มัล ละ ทะ นิ สวาหา" เป็นประจำ วันละ ร้อยจบ พันจบ หมื่นจบ หรือ ยิ่งมากยิ่งดี การสวดทุกวันจะเป็นสิริมงคลต่อชีวิต อุปสรรคทั้งหลายจะน้อยลง โรคภัยไข้เจ็บทุเลาเบาบาง เจ้ากรรมนายเวร อโหสิกรรม (ท่านจะภาวนาเงียบในใจก็สะดวก)

เมื่อท่านภาวนาควบคู่ไปกับการสร้างบารมี 6 อย่างของพระโพธิสัตว์ คือ
1. การให้ทาน ด้วยทรัพย์ ด้วยธรรมะ ด้วยแรงกาย ด้วยการให้น้ำใจ ด้วยรอยยิ้ม ให้ความสามัคคี การแสดงความยินดี อนุโมทนา กับคุณความดีของผู้อื่น การบริจาคเลือด หรือ ส่วนของร่างกาย ฯลฯ
2. การมีศีล 5 เป็นอย่างน้อย ไม่เบียดเบียนสรรพสัตว์ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
(นอกจากไม่ฆ่าสัตว์แล้ว หากทานเจ หรือ มังสวิรัติได้ ศีลข้อที่ 1 ก็จะบริสุทธิ์สมบูรณ์ เพราะอาหารที่เข้าปากเรา มาจาก ความเจ็บปวดทรมาน หรือ ความตายของผู้อื่น ให้เราสำนึกบาปและระลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา ที่เติบโตมาได้ก็เพราะเลือดเนื้อพวกเขา แม้พวกเขาไม่เต็มใจให้ฆ่าก็ตาม)
3. การมีขันติ คือ รู้จักอดทนอดกลั้นต่อสิ่งที่ไม่ชอบใจ และอดทนต่อการบำเพ็ญธรรม
4. การมีวิริยะ คือ การพากเพียรกำจัดบาปที่มี เพียรป้องกันไม่ให้ความชั่วใหม่เกิดขึ้น เพียรรักษาความดีที่มีอยู่ และเพียรทำความดีให้เกิดขึ้น
5. การบำเพ็ญทางจิต(ฌาน) มุ่งละอัตตา ลดความเป็นตัวตน
(เราไม่ได้เป็นอะไรสักอย่างหนึ่งเลย กายสังขารที่เราสวมอยู่ภายนอกก็ดี ความรวยความจนที่เรามีก็ดี เพศก็ดี การนับถือศาสนาก็ดี นิสัยต่างๆก็ดี ความรู้มากรู้น้อยก็ดี ยศฐานะ ความว่างก็ดี รูปนามธรรมต่างๆที่เราคิดว่าเราเป็น เรามี หรือ เป็นของเราก็ดี ก็ไม่ใช่เรา เรามี "จิตวิญญาณ Pure Spirit" เท่านั้น เวลามองผู้อื่น ให้มองว่า เขามีจิตวิญญาณเหมือนเรา สิ่งที่เป็นรูปธรรม นามธรรม คือ มายา สิ่งสมมติ มิใช่สัจจะ แต่ สิ่งที่เป็นความจริงแท้ คือ จิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ เท่านั้น (จิตพุทธะที่ไม่ได้ปรุงแต่งหรือยึดหมายอย่างที่ใจหยาบๆเราเป็นไปตามอายตนะของขันธ์ห้า) เราก็จะสามารถอยู่ร่วมกับกิเลส ตัณหา สิ่งสมมติต่างๆได้อย่างสงบ คือ สายกลาง เป็นจิตที่ไม่แบ่งแยก เขาและเราต่างก็มีจิตวิญญาณอันเสมอภาคเท่าเทียมกัน ฟ้าดินมีความเที่ยงตรงและเที่ยงธรรม ใครจะวิเศษไปกว่าใครก็หาไม่)
6. การมีปัญญา คือ การมีวิปัสสนาญาณรู้รูปนามตามความเป็นจริง ฯลฯ ซึ่งการบำเพ็ญบารมีอย่างนี้ จะยิ่งช่วยให้สำเร็จทางโลกและทางธรรม

ที่มาของข้อมูล : หนังสือ กษิติครรภ์โพธิสัตว์มูลปณิธานสูตร โดย พระวิศวภัทร เซี่ยเกี๊ยก แปล

 

ดิฉันเกิด วันอังคาร เดือนธันวาคม ปีจอ เป็นคนต่างจังหวัด ชีวิตไม่ค่อยห่างไกลวัด ส่วนมากจะอยู่กับยายมากกว่าแม่ ยายบวชชี ดิฉันก็ไปนอนเฝ้ายายเวลาท่านไม่สบายตักน้ำอาบน้ำกินให้และยายจะสวดมนต์ทำวัตรเช้าก็จะนอนฟังเป็นประจำ(ตอนนั้นอยู่ช่วงเรียนประถม) และพอช่วงวัยรุ่นก็จะมีรุ่นพี่ชวนกันไปสวดมนต์ทำวัตรเย็นช่วงเข้าพรรษาเป็นประจำ และทุกวันนี้ก็สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิเป็นประจำและเริ่มทำจริงจังเมื่อประมาณปี2550 หลังกลับจากไปแสวงบุญที่อินเดีย เพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายบ่อยๆ แต่ไม่ได้เป็นแบบหนักๆ ทำให้รำคาญและต้องไปหาหมอบ่อยๆ เริ่มสวดมนต์เพราะได้รับการบอกกล่าวจากพระท่านหนึ่งที่คุณรักไร้พ่ายแนะนำ ได้โทรไปถามและปรึกษาเรื่องกรรม ท่านก็ให้คำแนะนำมาคือให้สวดมนต์ บท พระกัณฑ์ไตรปิฎก ธัมมจักรฯ ชิณบัญชร และนั่งสมาธิอีก15 นาที แล้วแผ่เมตตา สวดทุกวันเป็นเวลา3เดือน และให้ทำสังฆทานบ่อยๆ ท่านบอกว่าเดี๋ยวก็จะทราบเอง และหลังจากนั้นก็มีเหตุบีบคั้นต้องไปรับกรรมฐานเพื่อฝึกสมาธิ ในสายสติปัฏฐาน4 และก็ปฏิบัติจนทุกวันนี้เท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวยและปัจจุบันก็ยังคงทำต่อเนื่อง