การมาของดาวนิบิรุ ไม่มีอยู่จริง

แน่ใจเหรอครับ..
ว่าเสนอความคิดน่ะ..มันเหมือนกับการโต้เถียงกันมากกว่าน่ะ..
การเสนอความคิด..เค้าจะต้องหาเหตุผลมาหักล้างกัน..
แต่เท่าที่อ่าน..ไม่มีเหตุผลที่จะมาหักล้างกันเลย..
มีแต่การโต้เถียงด้วยความคิดของตัวเองมากกว่าน่ะ..
ผมอ่านเจอคำว่ากบในกะลา และกบนอกกะลา
นี่เหรอ..การนำเสนอความคิดเห็นที่แตกต่างน่ะ..
ผมว่าน่ะ..ผมอ่านมาดีแล้วน่ะ.
จะต้องไม่มีการต่อว่าฝ่ายตรงข้าม..
เราจะต้องใช้เหตุผลมาชี้นำหักล้างกันมากกว่า

 

อย่าเถียงกันเลยครับ ขอบคุณครับ

 

ขอบคุณมากค่ะ ที่ช่วยตอบแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล และแนะนำการวิเคราะห์ตนเอง จะนำไปปรับใช้ จ่ะ

เรื่องสัญญลักษณ์ที่ใช้ แค่อยากแซว อยากเรียกชื่อเหมือนคนอื่นมั่ง อย่าถือสาเลยเนอะ

ยังไม่ต้องแสดงความยินดี ก็ได้ค่ะ เพราะดิฉันก็เพียงคนธรรมดา ยังมีกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ยังไม่มีอะไรปรากฏให้ใครเห็นว่าประสบความสำเร็จในชีวิตเป็นพิเศษ อิอิ .. นะ

คุณประสบความสำเร็จในงาน ตั้งแต่อายุยังน้อย ยินดีด้วยค่ะ

ปล. เรื่องดาวเนบิรุ จะมีอยู่จริงหรือไม่ คงไม่ใช่สาระสำคัญ

แต่สำคัญอยู่ที่ ณ วันนี้ ท่านเตรียมตัว เตรียมใจ รับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตไว้เพียงใด คำที่พระผู้ปฏิบัติ ท่านเตือนมาถี่ในช่วงนี้ " อนาคตอันใกล้ คนจน คนรวย เท่ากัน " ศึกษาไว้ไม่เสียหลาย

 

ขอให้แต่ละท่านสนทนากันด้วยมิตรไมตรี...นะครับ

มีเหตุผลอะไร...เราควรเอามาวิเคราะห์กัน...ช่วยเหลือกันดีกว่า...ครับ

แต่หากมีการก่อกวน...หรือใช้วาจาไม่สุภาพ...ต้องขอ Censor โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า...นะครับ

 

DA-14 ไม่ใช่ Nibiru แน่นอน...อย่างน้อยนักวิทยาศาสตร์ก็ยืนยันตัวตนและขนาดของมันแล้ว....ครับ



แนะนำว่า...พวกเราควรสนใจปรากฏการณ์บนท้องฟ้า...หลายๆอย่าง

เพื่อมาประกอบการพิจารณา และหาข้อมูล (การมีอยู่ / ไม่มีอยู่ของ Nibiru)...เช่น


- นักดาราศาสตร์...พบว่า...มีอุกาบาตพุ่งชนดาวพฤหัส (และถ่ายภาพไว้ได้)

- เมื่อปี 2009...มีรูขนาดใหญ่ขนาดเท่า...โลก...ปรากฏขึ้นในชั้นบรรยากาศของดาวพฤหัส...ยังไม่มีคำอธิบายอะไรในเรื่องนี้ (ข่าวบอกว่า...ดาวหางพุ่งชน)



http://www.dailymail.co.uk/sciencet...h-spotted-amateur-stargazer-comet-strike.html


- มีอุกกาบาต DA-14 หลุดมาจากดาวพฤหัส...และโคจรเข้ามาเฉียดโลกวันที่ 14 กพ.2013...เป็นต้น

เรื่องเหล่านี้น่าสนใจ...และน่าติดตาม...นะครับผมว่า



ปล.วงโครของดาวเทียมประเภท Geosat คือ...วงโคจรที่แรงเหวี่ยงของดาวเทียมกับแรงดึงดูดของโลก...สมดุลย์กัน (ดูการเคลื่อนที่แบบโปรเจคไตล์)

ทำให้ดาวเทียมไม่ตกลงมายังโลก....และไม่หลุดออกไปในอวกาศ (เรียกแบบไทยๆว่า...วงโคจรสถิตย์)

DA-14 โคจรเฉียดโลกเข้ามาต่ำกว่า...แนววงโคจรสถิตย์...ทำให้บางท่านกังวลว่า...มันอาจถูกดูดเข้ามาปะทะผิวโลก (ขนาดแรงปะทะ 2.4 เมกกะตัน TNT .... 160 เท่าของฮิโรชิมา)

70% ของโลกเป็นน้ำ...แต่หาก...มหาสมุทรโดนระเบิดขนาด 2.4 เมกกะตัน...ริมชายฝั่งของโลกทั้งโลกจะเป็นอย่างๆไร ?

ก็ทำอย่าง NASA ทำครับ คือ....

<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/XXKGJb5fqdo?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>



แต่หาก...ความเร็วของมันมาก และถูกเหวี่ยงออกไปนอกอวกาศ...แรงดึงดูดของโลกก็จะไม่มากพอที่จะดูดมันเข้ามาได้

ยังไม่มีใครทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น...โปรดติดตาม....ครับ

 

อนาคตคนจน คนรวย ต้องเท่าเทียมกันครับ เพราะต้องตายแน่นอนครับ

แต่ปัจจุบัน บางท่านเฝ้าระวังจนขาดสติ เสพข่าวจนไม่เป็นตัวของตัวเองครับ

งานที่เคยทำ ก็สั่นคลอน ขาดกำลังใจ ไม่มีชีวิตชีวา เพราะหวังไว้ว่า ต่อไปทุกคนต้อง

ลำบากเหมือนกันหมด เพื่อนผมหลายคนลาออกจากงาน หลีกเลี่ยงงานหนัก และก็เอาเรื่อง

นี้มาอ้างครับ แต่มันผ่านไป 3-4 ปีแล้วครับ เพื่อนผมเริ่มกลับมาหางานทำ แล้วไม่กล้าพูด

เรื่องนี่อีก เพราะอายครับ ยิ่งไม่มีที่ทางให้ปลูกผัก ทั้งยังต้องอาศัยคนอื่นอยู่อีก

เอาเถอะครับ อย่างไรขอให้เข้มแข็งกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เผชิญโลกอย่างกล้าหาญ ถ้าไม่เกิด

ภัย คุณก็อยู่ได้อย่างองอาจ แต่ถ้าเกิดคุณก็มีสติเพราะคุณผ่านสิ่งที่อยู่ในใจคุณได้แล้วครับ

 

เสียใจกับเพื่อนคุณด้วยครับ...มันเป็นเช่นนั้นจริงๆในสังคมไทย


แต่เราจะโยนความผิดทั้งหมดให้...ปลาบู่...Nibiru...Poleshift...อื่นๆ

ก็ไม่น่าจะถูกต้อง...นะครับ (หรือว่าเราสบายใจที่จะทำเช่นนั้น)

ผมไม่เห็นด้วยกับ...ลัทธิกระต่ายตื่นตูม...แต่ก็ทิ้งความระแวงระวังของตัวเอง...ไม่ได้เช่นกัน

ก็พยายาม...หาข้อมูลมาสนทนากันตามประสา...ครับผม

 

2012 DA14 จัดอยู่ในกลุ่มขนาดเล็กกว่า 50 เมตร

 

2012 ดาวนิบิรุ ผ่านไป (ไม่มี) ชีวิตก็ยังดำเนินอยู่บนโลก อยู่ในระบบสุริยะ อยู่ในจักรวาล ตามเดิม
ตาม ที่คุณ Numtrn ว่าไว้
Kepler's laws of planetary motion
กฎข้อที่ 1 “วงโคจรของดาวเคราะห์ทุกดวงเป็นรูปวงรีที่มีดวงอาทิตย์เป็นจุดโฟกัสจุดหนึ่ง"
กฎข้อที่ 2 “เส้นตรงที่เชื่อมระหว่างดาวเคราะห์กับดวงอาทิตย์ กวาดพื้นที่เท่า ๆ กันในระยะเวลาเท่ากัน”
กฎข้อที่ 3 “กำลังสองของคาบการโคจรของดาวเคราะห์เป็นสัดส่วนโดยตรงกับกำลังสามของกึ่งแกนเอกของวงโคจร”

กฎการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ - วิกิพีเดีย

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=QCZvwHRp1Ck"]MV เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ - YouTube[/ame]

 

วงโคจรแบบ Binary เข้ากับกฏนี้...เหมือนกัน

ซึ่ง...จุดโฟกัสของดาวเคระาห์แต่ละดวง...ไม่จำเป็นต้องเรียงกัน....หรืออยู่ในระนาบเดียวกัน

ปล.ควรแก้ไขข้อ 1 ไม่จำเป็นต้องดวงอาทิตย์...นะครับ...แต่ควรเขียนว่า ... Higher mass star





วงโคจรที่เราคุ้นเคย...เป็นแบบนี้

 

NASA Discovers New Double-Star Planet Systems01.11.12

Click image for multiple resolutions and full caption.
A New Class of Planetary Systems: This artistic rendition depicts the Kepler-35 planetary system. In the foreground, Kepler-35b, a Saturn-size world orbits its host stars every 131 days.
Image credit: © Mark A. Garlick / space-art.co.uk

Click image for multiple resolutions and full caption.
The Kepler-35 System: An artist's rendition of the Kepler-35 planetary system, in which a Saturn-size planet orbits a pair of stars.
Image credit: Lynette Cook / extrasolar.spaceart.org
While long anticipated in both science and science fiction, the existence of a circumbinary planet -- a planet orbiting two stars – like "Tatooine" portrayed in the film Star Wars more than 30 years ago, was not definitively established until the discovery of Kepler-16b, announced in September 2011.

Today, using data from NASA’s Kepler mission, astronomers announced the discovery of two new double-star planet systems – Kepler-34 and Kepler-35 – at the 219th meeting of the American Astronomical Society in Austin, Texas, Jan. 8-12, 2012.

"This work further establishes that such 'two sun' planets are not rare exceptions, but may in fact be common, with many millions existing in our galaxy," said William Welsh of San Diego State University and Kepler participating scientist who led the study. "This discovery broadens the hunting ground for systems that could support life."

The Kepler space telescope detects planets and planet candidates by measuring dips in the brightness of more than 150,000 stars to search for planets crossing in front, or transiting, their stars. The Kepler science team requires at least three transits to verify a signal as a planet.

The two new planets, named Kepler-34b and Kepler-35b, are both gaseous Saturn-size planets. Kepler-34b orbits its two sun-like stars every 289 days, and the stars orbit one another every 28 days. Kepler-35b orbits its smaller and cooler host stars every 131 days, and the stellar pair orbit each other every 21 days. The planets reside too close to their parent stars to be in the "habitable zone"- the region where liquid water could exist on a planet's surface.

At 4,900 and 5,400 light-years from Earth, located in the constellation Cygnus, Kepler-34b and Kepler-35b are among the most distant planets discovered. The findings are described in a new study published Wednesday, Jan. 11, 2012 in the journal Nature.

NASA's Ames Research Center in Moffett Field, Calif., manages Kepler's ground system development, mission operations and science data analysis. NASA’s Jet Propulsion Laboratory, Pasadena, Calif., managed the Kepler mission's development.

For information about the Kepler Mission, visit: NASA - Kepler


Michele Johnson
650-604-6982
NASA Ames Research Center
michele.johnson@nasa.gov

NASA - NASA Discovers New Double-Star Planet Systems

.

 

NASA spots first planet in binary star system

Bringing to mind the fictional world Tatooine in the Star Wars saga, a NASA spacecraft has discovered a Saturn-size world 200 light years from Earth that orbits two stars, a first in the search for exoplanets.





NASA spots first planet in binary star system | The Space Shot - CNET News


.

 

อยู่ที่คนเราจะเลือกเสพข้อมูลที่ตัวเองเห็นครับ ใครจะพิมพ์อะไรก็ปล่อยเขาไปเถิด
อย่างของคุณ zz อันไหนน่าสนใจผมก็อ่านเพื่อประดับความรู้ อันไหนผมไม่เห็นด้วยก็อาจตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบ หรือละเว้นไป ถ้าคนอื่นจะโต้แย้งผมก็ไม่มองว่าใครจะผิดกับพื้นที่สาธารณะ ขอเพียงอย่าใช้ข้อความหยาบคายก็พอครับ

ส่วนคนอื่นเมื่อได้อ่านแล้ว หากเกิดความคับข้องหม่นหมองในใจ ไม่พอใจ ไม่ชอบ ฯลฯ ผมมองว่ามันคือสติและการควบคุมอารมณ์ของคนๆนั้นครับ ถ้าอ่านแล้วไข้ขึ้น ก็อย่าอ่าน หรือปล่อยผ่านไปดีกว่าครับ

คนมีหลายประเภท สังคมออนไลน์สาธารณะที่ไหนๆ ก็เป็นแบบนี้แหล่ะครับ

 

คนจะรอดได้คือผู้ที่มีศีล5 ง่ายๆเลยคือคนดี ไม่ใช่ว่าคนมีเหตุมีผลที่ถูกใจคุณ...แล้วก็ตัดสินว่าใจคนนี้จะรอด...คุณไม่มีสิทธิ์เลือกใครว่ารอดหรือไม่รอด...กรรมต่างหากเป็น่ตัวกำหนด...แม้แต่ตัวคุณเอง..วันที่23 ก.ย.ดร.ก้องภพ ให้สังเกตุท้องฟ้าอาจมองเห็นดาวดังกล่าวด้วยตาเปล่าได้...คอยดูต่อไป

 

เหตุการณ์ ตื่น นินิรุ

เป็นตัวอย่างที่ดีตัวอย่างหนึ่ง ของการตื่นข่าว

จึงควรศึกษาหาข้อมูลต่างๆดู ให้เข้าใจ

ว่าเหตการณ์อะไร สามารถเกิดขึ้นได้จริง หรือไม่

ผลกระทบที่เกิดขึ้น รุนแรงได้แค่ไหน

มีข้อมูลทางสถิติ อะไรให้อ้างอิงได้บ้าง

มีผลการศึกษาค้นคว้าจากไหน เอามาอ้างอิงได้บ้าง

รูป หรือ วีดีโอ ที่เขาโพสกัน เป็นจริงได้แค่ไหน


.....ไม่อย่างนั้นแล้ว ท่านจะตื่นตระหนกไปกับ หลากหลายเหตุการณ์ จนไม่เป็นอันทำมาหากิน บางคนถึงกับขายบ้าน ขายกิจการ เสียโอกาศที่ดีในชีวิตไป



ยิ่ง คำทำนาย ยิ่งต้อง พิจารณาให้รอบคอบที่สุด เพราะมีมากมายและทะยอยออกมาเรื่อยๆ ....... หากเอาคำทำนาย มาผนวกรวมกันแล้ว สรุปไปว่า เนี่ยเขาทำนายตรงกัน มันต้องเป็นจริงแน่นอน ท่านรู้ได้อย่างไรว่า คำทำนายที่สอง ที่สาม ไม่ได้รับอิธิพลความเชื่อมาจาก คำทำนายที่หนึ่ง


เห็นเป็นเพียงฝรั่งพูด อย่าเพิ่งว่าดูน่าเชื่อถือ ....ฝรั่งมั่วมีเยอะกว่าที่คิด ( กระสุนซอบบี้ เป็นตัวอย่าง )

ใช้สติและปัญญาที่มีอยู่ เพื่อตัวท่านเอง>.......

 

ผมไม่ได้มีความคับข้องหม่นหมองในใจ และไม่ได้ไม่พอใจ และไม่ได้ไม่ชอบ..ผมน่ะมีสติพอและควบคุมอารมณ์ได้ แต่ผมไม่อยากเห็นสังคมต้องมาขัดแย้ง และทะเลาะกันแม้กระทั่งในเว็บบอร์ดใด ๆ เพียงแต่อยากเห็นคนในเว็บบอร์ดนี้สามัคคีกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีจิตเมตตาต่อผู้อื่นในทุก ๆ นาทีครับ..เพียงแต่อยากเตือนสติคนในเว็บบอร์ดนี้ให้ยึดถือศีล 5 ให้มั่น เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจจะได้ช่วยเหลือผู้คนในอนาคต..(อันนี้เรื่องจริง)

 

เท่าที่ผมได้อ่าน เขาบอกว่า Kepler's / Newton's Law ใช้ได้กับระบบดาวย่อยที่มีดาวไม่กี่ดวง อย่างเช่น ระบบสุริยะ มีดวงอาทิตย์กับดาวเคราะห์บริวาร ความคลาดเคลื่อนน้อย แต่พอเอาไปใช้กับ แกแลคซี่ ก็จะเพี้ยนไปเลย เพราะมีองค์ประกอบที่ต่างไปมากมาย เพราะยิ่งไกลออกไปจากโลก ยิ่งยากที่จะศึกษา เดินทางไปได้ก็ไม่ไกล เรายังไม่รู้อะไรอีกเยอะ ( เราน่าจะรู้แค่ 1 ในล้านล้าน ) :'(

สิ่งที่เราสามารถมองเห็นบนท้องฟ้า มีดวงดาวเต็มไปหมด แต่นั้นแค่ 4% เท่านั้น อีก 96% เป็น Dark matter กับ Dark Energy ซึ่ง Dark matter กับ Dark Energy นี่แหละที่เราไม่สามารถนำ Kepler's / Newton's Law มาใช้กับมันได้

การหมุนของแกแลคซี่ Milky Way จึงซับซ้อนกว่าการหมุนของ Solar system มาก เพราะรอบๆภายในแกแลคซี่เต็มไหด้วย Dark matter กับ Dark Energy ซึ่งไปเพิ่มมวลให้มากขึ้น บริเวณไหนมีมาก มวลมากก็จะเคลื่อนที่รอบ mid-plane ได้เร็วขึ้น

วกกลับมาเรื่องนิบิรุ ซึงจุดเริ่มต้นก็มาจากการพบว่าวงโคจรของดาวพลูโตผิดปกติ เลยคิดว่าน่าจะมีดาวอะไรที่มีแรงดึงดูดมาก มาส่งผลกระทำ แต่ผมคิดว่า มีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่รู้จัก ที่อยู่ไกลเกินกว่าที่เราจะเฝ้าดูได้ และกล้องโทรทรรศน์ near infrared น่าจะยังให้คำตอบไม่ได้ทั้งหมดครับ

อ่าน text กันจนมึน ยิ่งอ่านยิ่งถูกดึงไปไกล เดี๋ยวหาทางกลับไม่ได้ pig_cryy

 

ถูกต้องครับ กรรมเป็นตัวกำหนด ตัวผมเอง หรือใครๆ หรือดาวบนฟ้า ย่อมไม่ใช่สิ่งกำหนด

คงเคยได้ยินคำว่า "ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป" ซึ่งมักเป็นคำที่อำนวยอวยพรให้แก่กันในกลุ่มสาธุชนคนดี

ดังนั้น เราต้องย้อนมาพิจารณาแล้วล่ะว่า

เรารักษาศีล5 เพื่ออะไร เพื่อต้องการจะรอดจากภัยพิบัติ หรือเพื่อต้องการให้เป็นพื้นฐานในคุณธรรมที่ยิ่งขึ้นไป
ความต่างของจิต ที่ตั้งไว้ ต่างกันนะครับ เรื่องจิต เรื่องเจตนานี้สำคัญมาก ลองพิจารณาดู

ศีลเป็นสิ่งที่ควรส่งเสริมบำรุงรักษา และควรระลึกถึงอยู่เสมอๆ
แต่ใช่ว่าผู้มีศีล5 บริสุทธิ์จะรอดจากภัยทั้งปวง นั่นก็ไม่ใช่
กรรมนั่นแหละเป็นสิ่งกำหนด

ตัวอย่างในสมัยพุทธกาลก็มีครับ อย่างเช่น เพชฌฆาตเคราแดง และท่านสุปปพุทธกุฏฐิ พอสำเร็จพระโสดาบัน
ระหว่างนั้นวิบากกรรมได้มาตัดรอนให้ไปเสวยกรรมดี ด้วยการถูกแม่โคขวิดจนเสียชีวิต
พิจารณาสิว่าศีลท่านบริสุทธิ์ไหม และนั่นคือโลกุตระศีล
ท่านเป็นคนดียิ่งกว่าคนดี เลยครับ เหนือวิสัยของสาธุชนคนดีผู้มีสีลพตปรามาส ขึ้นไปอีก

ดังนั้นที่บอกว่า "คนจะรอดได้คือผู้ที่มีศีล5 ง่ายๆเลยคือคนดี"
จะเห็นได้ว่า ท่านแย้งกันเอง กับที่บอกว่า "กรรมต่างหากเป็น่ตัวกำหนด"

เราควรรักษาศีลเพื่อเป็นศีลบารมี เพื่อเป็นพื้นฐานในคุณธรรมที่ยิ่งขึ้นไป ในแนวทางแห่งมรรคมีองค์8
แต่อย่าไปปักใจไว้ว่า เรารักษาศีลเพื่อต้องการจะรอดจากภัยพิบัติ

ลองพิจารณาดูนะครับ ขอให้พยายามอ่านโดยความเป็นกลางโดยไร้อคติ ซึ่งท่านคงจะพอเข้าใจ

อย่าเห็นว่าเป็นการก่อกวน

หากข้อความผิดพลาดอย่างไร หรือหากอ่านแล้ว ทำให้เกิดความไม่พอใจ ต้องขออภัยครับ​

 

นิบิรุคาบการโคจร: ประมาณ 3,600 ปี

ใน ที่นี้หมายถึงโคจรรอบดวงอาทิตย์ ของระบบสุริยะของเรา

ก็ย่อมต้องอธิบายได้ด้วย Kepler'Law เพราะมันจะได้รับอิธิพลแรงดึงดูด จากดวงอาทิตย์

ซึ่ง เมื่อเอาคาบไปคำนวณ ด้วยสมการ ใน Kepler'Law แล้ว

การเดินทางของมัน จะเป็นวงรี ที่ไกลมากๆ จน แรงดึงดูดของดวงอาทิตย์สงผลไม่ถึง

แปลได้ว่า ไม่มีดาวอะไรจะโครจรรอบดวงอาทิตย์ได้ในลักษณะนั้น ครับ นิบิรุ 469 AU

ดาว พลูโต แค่ 49 AU เอง

{{{ Kepler's third law }}}



........ แต่ถ้าบอกว่า มีคำทำนายว่า นิบิรุ เป็นดาวอะไรสักอย่าง ที่จะเดินทางมาที่ระบบสุริยะของเรา ในปี 2012 อันนี้ ค่อยน่าตื่นเต้นหน่อย

แต่พอบอกว่า คาบการโคจร 3600 ปี ก็ จบกัน



ครูสอนวิชา ฟิสิค อธิบายได้เกือบทุกคน ครับ.....> ที่เขารู้เรื่อง Kepler's law นะ

 

เรื่องคาบวงโคจร 3600 ปี น่าจะเป็นการแต่งเติมเอาเองของ Sitchin

เกือบ 40 ปีแล้ว ยังไม่เคยมีใครยืนยันการมีอยู่ของดาว ขนาดและตำแหน่งที่แน่นอนได้เลย

กาลเวลาจะพิสูจน์ให้เห็นว่า คนที่เชื่อ กับคนไม่เชื่อ ใครจะตัดสินใจถูกกว่ากัน แตไม่รู้จะเลื่อนอีกหรือปล่าวนะ เหมือนมีแว่วๆว่ากลางปี 2013 แน่ะ