เพราะเหตุใดผมถึง 'ศรัทธา' หลวงพ่อเกษม

คำสอนของท่านยึดพระไตรปิฏกเป็นหลักนะ ศรัทธาส่วนนี้



มีเหตุจึงเกิดหมดเหตุก็ดับบังคับไม่ได้

 

เราปฏิเสธไม่ได้ว่าพระพุทธรูปเป็นส่วนหนึ่งในพระพุทธศาสนาไปแล้วเมื่อรู้สึกตัวเองเต็มแล้วไม่คิดอยากสร้างเพิ่มก้อแล้วแต่ แต่ท่านไม่ควรทำลายอวดผู้อื่น

ภาพพระสงฆ์ทำลายพระพุทธรูปองค์แทนศาสดาในศาสนาที่ตนนั้นกำลังเผยแผ่ เพราะอยากประกาศว่า "เราบรรลุแล้วไม่ยึดติดแล้ว"มันไม่น่าเกิด เหตุผลมันเฉพาะตัวเหมือนธรรมบางอย่างที่รู้ได้เฉพาะตัวเถียงกันให้ตายก้อไม่จบ อีกคนว่าเหนือสมมติอีกคนว่า..แล้วไปตามทุกข์ตามทุบกับสมมติทำไม??

เมื่อก่อนบวชท่านกราบอะไร พอท่านใหญ่โตแล้วท่านไม่กราบ
เมื่อท่านเห็นตัวเหนือทุกสิ่งท่านต้องทำลายงั้นหรือ??
นี่คือพุทธะจริตหรือ??

ทุกอย่างเสื่อมไปตามเวลาพระพุทธรูปย่อมปรักหักพังไปได้เองไม่ใช่ด้วยน้ำมือชาวพุทธ

 

อวดตัวบรรลุ ทั้งที่ยังต้องเดินขอข้าวชาวบ้านกิน ได้ธรรมอะไรไม่เห็นความสง่างาม โล้นซ่าส์ใครไม่เชื่อก็อาละวาด สบัดส้นตีนกวัดไกวสอน ใครโง่ก็รับไป หุ..หุ..

 

พระไตรปิฏกบ้านไหนเขาสอนถ้าเป็นเรื่องจริง คุณเกิดมาก็ไม่ได้เห็นพระพุทธรูปแล้ว
เพราะแม่งทุบกันหมด ดูนานๆ สงสัยตายไปอัธฐิเป็นพระธาตุแบบบลูไดมอน

 

เอามันไปไว้ใต้ต้นไม้คู่กับปลัดขลิกด้วย มันก็ต่ำ
ถ้ามาเดินขอข้าวขอน้ำผ่านหน้าบ้าน นี่จะโยนข้าว โยนน้ำให้แถมจะสอนธรรมให้ด้วยว่า....ให้ก็คือให้...แปลกี่ทีก็คือให้ ผู้มีธรรมโครตสูงขนาดนี้คงไม่ยึดติด
กับท่าทางแล้ว
สาวกเอ๋ย...รองเท้ามันยังยึด...ยังใส่ จีวรก็ยึด..ยังนุ่ง โต๊ะที่มันนั่งก็วัตถุทั้งนั้น กุฏิที่หลับนอนอีกหละทำไมมันไม่ทำลายด้วยว่ะ พระพุทธรูปพูดก็ไม่ได้แม่งทุบเฉยเลย ไอ้เลวเหม่ง....บรรลุธรรมแบบจิงไรจัง...catt3

 

อนุโมทนาธรรมกับหลวงปู่บัว ญาณสัมปันโน ครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 

เอ้าสาวกเกษมทั้งหลาย...
เดี๋ยวเราคนธรรมดาๆนี่ จะยกตัวอย่างให้ดูอีกที
ถ้าโล้นเกษมสั่งให้ทุบหรือเจาะทำลายพระแก้วมรกตที่คนทั้งหลายเคารพ แต่โล้นเกษมบอกว่ามันเป็นการยึดติดทำให้ผู้คนไม่พบธรรมะที่แท้จริงแบบมันหละ
สาวกเกษมคิดว่าไง หรือว่าเสือกเกิดกิเลสขึ้นทันทีแบบมีข้อยกเว้นว่าพระพุทธรูปแบบนั้นทุบได้ แบบนี้ทุบไม่ได้...
เห็นธรรมมั๊ยสาวก ว่าสิ่งไหนควรสิ่งไหนไม่ควร ไอ้ที่ปฏิบัติอยู่ ถืออยู่ทิ้งไปเถอะ แล้วเลือกเดินด้วยปัญญาแท้ๆของตัวเองดีกว่านะ
ปล.ถ้าเมิงทุบพระแก้วมรกต เมิงจะโดนตรูตืบ
ขอข้าวขอน้ำชาวบ้านกิน เสือกคิดแต่เรื่องพิเรน

 

ก็ดีแล้วครับ คำสอนไหนที่คิดว่าดีที่ คิดว่าทำได้ ทำแล้วเกิดประโยชน์ ก็น้อมนำไปใช้
อันไหนที่เราทำไม่ได้หรือดูขัดหูขัดตา หรือยอมรับไม่ได้ก็เฉยๆไว้
แล้วก็ค่อยเรียนรู้ๆไปเรื่อยๆ

ตรงนี้เขียนดูสั้นๆไปนะครับ มันต้องมีสาเหตุซิ ท่านถึงมองว่าเป็นหินดินปูนทราย
เพราะข้อความไม่ชัดเจนแบบนี้มั้งครับ เลยดูเหมือนเถียงกันยาวเลยในกระทู้นี้ แต่ละคนก็สรรหาข้อความต่างๆมาโต้แย้งตามความคิดเข้าใจของตัวเอง

แต่เท่าๆที่ผมดูๆมาๆรูปพระพุทธรูปอะไรพวกนั้นที่ ถูกทุบ ถูกเผามั้ง เหมือนบางคนมีความเต็มใจที่จะไม่ยึดถือของพวกนั้นแล้วส่งมาให้ที่วัดเขาทำลายมั้งครับ เคยๆเข้าไปดูใน youtube อยู่ ไม่ใช่ไปแย่งมาหรือไปเอามาจากใครมาทุบมาเผาทำลายซักหน่อย ที่ตบหน้าก็เป็นพระพุทธรูปของวัด ไม่ได้ไปตบไม่ทุบของวัดอื่น แล้วก็อยู่ที่ตัวบุคคลจะถือ ว่าจะถือพระพุทธรูป หรือไม่ถือ

พอดีอ่านข้อความต่างๆในกระทู้นี้แล้วก็อดขำไม่ได้บางอัน

และก็ยังงงกับคำว่าศาสนสมบัติ พอไปหาดูใน Google ก็งงอีก มันเขียนวนไปวนมาซ้ำไปมาทำงง

เลยงงว่าต้องเรียกว่า ศาสนวัตถุ หรือ ศาสนสมบัติ ดี ?
ถึงกับงง เงิ้บ กับนิยาม นัยยะความหมายของ ศาสนสมบัติเลย เพราะมี คำว่า ศาสนวัตถุ ศาสนสมบัติ รวมอยู่ด้วย
แล้วก็ยังมีหัวข้อความหมายของ ศาสนวัตถุ ซึ่งก็มีคำว่า ศาสนวัตถุ ศาสนสมบัติ รวมอยู่ในนั้นด้วย

อันที่เขียนตัวแดงไว้นี่เห็นเกลื่อนมากเลยนะ

 

ถูกต้องครับ มีสาเหตุ หนึ่งในนั้นคือเกิดจากความผิดปกติทางสมอง
ที่ผ่านมาค่อนข้างชัดนะครับว่าคนกลุ่มนี้เขาคิดเพียงรูปธรรม มองอะไรเชิงนามธรรมไม่เป็น ซึ่งอาจพบในผู้ที่มีความผิดปกติทางสมอง คือ บกพร่องด้าน abstract thinking
เช่น ถ้าถามว่า ส้ม กับ กล้วย เหมือนกันอย่างไร คนที่มีแต่ concrete thinking และบกพร่องด้าน abstract thinking ก็จะบอกว่าไม่เหมือน กล้วยยาวๆ สีเหลือง ส้มกลมๆสีส้มๆ มองยังไงก็ไม่เหมือน แต่ถ้าคนปกตินอกจากคิดแบบ concrete ได้ก็ยังสามารถคิดแบบ abstract thinking ได้ด้วยจึงตอบได้ว่า เป็นผลไม้เหมือนกัน เป็นต้น

และผู้ที่มีความผิดปกติทางสมองเหล่านี้ หากไม่เคยประสบอุบัติเหตุทางศีรษะก็มักเป็นผู้ป่วยทางด้านจิตเวช ซึ่งจะมีความผิดปกติด้านอื่นๆร่วมด้วย เช่น คิดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ บรรลุธรรม เป็นต้น

ผมจึงไม่แปลกใจนักหากคนกลุ่มนี้จะมองพระพุทธรูปเป็นเพียงแค่ดิน อิฐ ปูน ซึ่งคนทั่วไปก็เห็นแบบนั้น มองกี่ที่ก็เป็นดิน อิฐ ปูน ต่างกันที่คนปกติสามารถมองได้ลึกซึ้งกว่า มองเห็นถึงคุณค่าของสิ่งเหล่านั้น คือมองพระพุทธรูปแล้วระลึกถึงพระพุทธเจ้า ระลึกถึงคุณงามความดีและบุญคุณที่ท่านมีต่อสัตว์โลก เช่นเดียวกับหนังสือธรรมมะ มองยังไงก็เป็นกระดาษ ไม่ต่างอะไรกับหนังสืออื่น แต่คุณค่าของหนังสือนั้นยิ่งใหญ่จนบางคนกราบไหว้ หรือต้องไว้ที่สูง เพื่อแสดงความเคารพบูชา

ดังนั้นก็ลองพิจารณาดูเองละกันครับว่า คนที่กราบไหว้บูชาพระพุทธรูป กับคนที่บอกว่าไม่ยึดถือวัตถุเลยไม่กราบไหว้ ใครน่าเห็นใจกว่ากัน

ปล. ยังมีอีกหลายกรณี เช่น ผู้ที่ไม่ศรัทธาพระพุทธศาสนาเห็นพระพุทธรูปก็เลยไม่ได้สนใจ หรือศรัทธาแต่เข้าใจผิดเพราะถูกสอนมาแบบผิดๆ หรืออาจเป็นผู้ที่ยังมีจิตหยาบคิดอะไรละเอียดอ่อนไม่เป็น เป็นต้น ซึ่งคนเหล่ายังสามารถเปลี่ยนจากมิจฉาทิฎฐิเป็นสัมมาทิฎฐิได้อยู่ แต่หากมีความผิดปกติทางสมองแล้วต่อให้อธิบายเท่าไหร่ก็ไม่มีทางเข้าใจนอกจากได้รับการรักษาความผิดปกติเหล่านั้นเสียก่อน

 

อันนี้สาวกเกษมคิดเปรียบดูเอานะ และขออนุญาตยกท่านหลวงปู่มั่นเป็นตัวอย่าง
หลวงปู่มั่นท่านกราบพระพุทธรูปตั้งแต่เป็นสามเณร จนกระทั่งมรณภาพ แล้วท่านกราบไปกี่ครั้ง...ทำไมท่านบรรลุธรรม (เหตุ-ผล) มีเหตุเกิดขึ้นจนจบสมบูรณ์แล้ว...

ส่วนการสอนแบบที่นายเกษมกำลังปฏิบัติอยู่ (ยังไม่รู้ผล) มีแต่เหตุ สิ่งที่เกิดคือมีการทำลายสัญลักษณ์ทางศาสนา แต่เรื่องธรรมยังไม่รู้บั้นปลาย ว่าจะบรรลุหรือไม่

หลวงปู่มั่นสอนคนให้ทุบกิเลสที่อยู่ในใจ ไม่เคยสอนให้ทุบทำลายพระพุทธรูปที่เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา สอนธรรมะที่ละเอียด..มีความอดทนในการสอนอดทนต่อทิฎฐิของมนุษย์

นายเกษมสอนให้ทุบกิเลส โดยการทุบทำลายพระพุทธรูปที่เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา สอนธรรมะแบบหยาบแบบเอาชนะ...ไม่มีความอดทนในการสอน ไม่อดทนต่อความมีทิฎฐิของมนุษย์

ถามสาวกเกษม ท่านแน่ใจหรือ....ว่าการกราบพระพุทธรูปจะเป็นการปิดกั้นการบรรลุธรรม
ถามสาวกเกษม ท่านแน่ใจหรือ....กราบพระพุทธรูปแล้วจะตกนรก
ถามสาวกเกษม ท่านแน่ใจหรือ....การทุบทำลายพระพุทธจะทำให้กิเลสที่อยู่ในใจหมดได้
ถามสาวกเกษม ท่านแน่ใจหรือ....การเข้าถึงพระนิพานได้ต้องทุบพระพุทธรูป

ถามสาวกเกษม...
ท่านจะเลือกสรรเสริญ.....พระสงฆ์ที่สุภาพอ่อนโยน หรือท่านชอบสรรเสริญ...ในรูปแบบของเกษมกังนัมสไตล์ ท่านก็ใช้สติไตร่ตรองเอา

หนังสือพิมพ์เคยลงรูปฝรั่งเอาเศียรพระวางต่ำใก้ลกับรองเท้า...ชาวพุทธเห็นแล้วยังรู้สึกไม่ดี
แต่เกษมกังนัมสไตล์จัดให้ทั้งทุบทั้งเจาะ ข้ออ้างคือทำลายกิเลส นี่ก็พึ่งรู้ว่าเกษมยุคใส่รองเท้าแตะเดินขอข้าว ขอน้ำ เขาทำลายกิเลสกันด้วยวิธีนี้ มีธรรมแค่หางอึ่ง เวลาเจอการต่อต้านก็ copy ข้อความจากพระไตรปิฏกมาตอบ ไหลไปเลื่อยๆๆๆๆๆๆ