สมาธิเพชร (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)

ธรรมโอวาท
ของ
พระญาณสิทธาจารย์
(หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
วัดถ้ำผาปล่อง ต.บ้านถ้ำ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่


สมัยที่หลวงปู่ยังอยู่ ใครไปภาวนาที่ถ้ำผาปล่อง
ท่านต้องให้หัดนั่งสมาธิเพชรฟังเทศน์ทุกคน
จนมีคนสงสัยว่า ท่านเป็นต้นคิดของการนั่งภาวนาแบบนี้หรืออย่างไร
เพราะที่อื่นๆ ก็ไม่ได้เข้มงวดกวดขันกับท่านั่งมากมาย
คงมีเฉพาะของสำนักของหลวงปู่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
ที่ทุกคนต้องนั่งสมาธิเพชรภาวนา
เกี่ยวกับข้อสงสัยนี้ หลวงปู่เคยชี้แจงว่า

"อันการนั่งสมาธิภาวนาขัดสมาธิเพชรนี้
ไม่ใช่ว่าหลวงปู่เป็นผู้คิด
พระพุทธรูปปางต่างๆ โดยเฉพาะปางเชียงแสน
หรือหลวงพ่อองค์ที่ขัดสมาธิเพชรมีมากมาย
สมัยโบราณท่านนิยมหล่อพระนั่งขัดสมาธิเพชร
ต่อมาญาติโยมก็ขี้เกียจนั่งภาวนาขัดสมาธิเพชร
ก็เลยหล่อไปตามใจชอบ ตามนั่งสบาย"

ที่สำคัญ หลวงปู่บอกว่า

"การนั่งขัดสมาธิเพชรนั้น
เป็นการฝึกฝนคนเราให้เกิดความตั้งใจมั่น
ดูเมื่อพระพุทธเจ้าเราจะได้ตรัสรู้นั้น
พระองค์นั่งขัดสมาธิเพชรใต้ร่มไม้โพธิ์
จึงได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า.."

"..นั่งสมาธิเพชร ใจของเราต้องเป็นเพชร
ไม่ใช่เป็นพลอย..พลอยตามกิเลส
เป็นเพชร คือว่า ถ้าเหล็กเพชร ก็เรียกว่า ตัดเหล็กต่างๆ ได้
เพชรนิลจินดา มนุษย์สมมติกันว่ามีราคาแพง
แต่ยังสู้ใจเพชรของพระพุทธเจ้าไม่ได้
ใจเพชรพระพุทธเจ้านั้น
นั่งขัดสมาธิเพชรทางร่างกายได้
เจ็บปวด ทุกขเวทนาอะไรๆ ทั้งหมดพระองค์สละตายลงไป"

"..เราทุกคนก็ให้พยายามนั่งสมาธิเพชร
จิตมันจะได้เป็นเพชรบ้าง
เดี๋ยวนี้มันเป็นแต่พลอย กิเลสราคะมาก็พลอยตาม
โทสะมาก็พลอย โมหะมาก็พลอย พลอยตามมันไป.."

เวลามีคนใหม่ที่ตั้งอกตั้งใจไปหัดนั่งสมาธิเพชร
หลวงปู่สอนโดยตัวท่านเองทำให้ดูเป็นตัวอย่างช้าๆ
พร้อมกับอธิบายประกอบด้วยเสียงเบานุ่มนวลฟังแล้วอบอุ่น

คำพูดให้กำลังใจของหลวงปู่
ทำให้ลูกศิษย์ใหม่ต้องกัดฟันยกขาที่แข็งโป๊กทั้งสองข้าง
ขึ้นมาไขว้กันไว้ตามอย่างท่านให้ได้
แม้บางคนรู้สึกเจ็บปวดจนน้ำตาแทบเล็ด
และบางคนก็รู้สึกคล้ายจะหงายหลังล้มตึงเดี๋ยวนี้ทีเดียว

"..ไม่ต้องไปหนักอกหนักใจ (ให้) ทำตามหลวงปู่จะทำให้ดู
การนั่งแบบนี้ตอนแรกๆ ก็ขัดข้องบ้าง
คือ มันยังไม่คุ้นเคย ปวดแข้งปวดขาบ้าง
เส้นเอ็นมันยังไม่ยาน ยังตึงอยู่
คนเราไม่ว่าอะไร การงานใดๆ มันยังใหม่ก็ไม่คล่องตัว
ที่จะได้เป็นไปก็คือว่า ต้องหัดนั่งไปทุกๆ คืน เดี๋ยวมันก็คล่องสบาย
เป็นการหัดกายบริหารอย่างหนึ่ง หรือว่าดัดเส้นฤาษีก็ว่าได้"

"..ความจริงแล้ว ร่างกายของมนุษย์คนเรานั้น
จะนั่งอย่างไร มันก็มีความเจ็บปวดเป็นธรรมดา
เพราะร่างกายมนุษย์นั้น ร่างกายละเอียด เนื้อก็อ่อน หนังก็บาง
ไม่เหมือนหนังควาย ไม่ว่านั่งแบบใดก็ต้องเจ็บปวด"

"..หัดนั่งมันให้ได้ เอาขาซ้ายขึ้นมาทับขาขวาก่อน
แล้วเอาขาขวาขึ้นมาทับขาซ้าย
ตอนแรกมันไม่อยู่ เส้นเอ็นมันตึง
ก็ให้เอามือจับไว้ไม่ให้มันหลุดลงไป
พอนั่งไปสักพักหนึ่ง มันก็จะยานออกก็หายไป"

"..การนั่งสมาธิภาวนานั้น ให้นั่งขัดสมาธิเพชรให้ไ้ด้
การนั่งขัดสมาธิเพชรนั้น
พระพุทธเจ้าท่านนั่งตั้งแต่วันตรัสรู้จนถึงวันนิพพาน
ท่านบ่ได้นั่งเล็กๆ น้อยๆ เรานั่งเล็กๆ น้อยๆ
ก็อย่าไปบ่นว่า ปวดนั้น เป็นนี้ ไม่สบาย ขาสั้น ขายาว
อ้วนมาก ผอมมาก อย่าไปคิดอย่างนั้น
ทำอย่างไรเราจะเอาชนะกิเลสในหัวใจของเรา
ให้พากันตั้งใจนั่ง ตั้งใจทำตาม
เมื่อผลมันออกมา จะมีสติ จะมีสมาธิ จะมีปัญญา
จะเกิดญาณวิเศษ ละกิเลสให้หมดสิ้นไป"

คัดลอกเนื้อหาจาก
หนังสือละอองธรรม
สิงหาคม, ๒๕๕๕. หน้า ๑๕-๒๐

http://www.dhammajak.net

 

โมทนากับข้อมูลด้วยค่ะ ได้ความรู้อีกเยอะ เพราะตอนแรกที่หัดฝึกนั่งสมาธิ ก็นั่งแบบทั่วไป แล้วรู้สึกปวดหลังมาก คงเพราะว่าเกร็ง ตอนหลังเปลี่ยนนั่งเป็นสมาธิเพชร ดีมากเลย นั่งแล้วลำตัวตรง ไม่ปวดหลัง ไม่ค่อยปวดขาด้วย (อันนี้แล้วแต่เฉพาะคนหรือเปล่าไม่รู้นะ) ปัจจุบันนั่งได้เป็นชั่วโมงแล้ว ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ อีกครั้งค่ะ

 

กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับสมาธิเพชรอยู่พอดีเลย รู้สึกว่าการนั่งด้วยท่าขัดสมาธิเพชรจะทำให้ฐานแน่นกว่าท่าอื่นๆ จะลองดูครับ ขอบคุณครับ