ด่วน!! รีบจองที่นั่งเฝ้าระวัง: เดี่ยวภัยพิบัติ1 เเสดงแล้ววันนี้ทุกประเทศทั่วโลก

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"พายุ “แกมี”"
ฉบับที่ 14 ลงวันที่ 04 ตุลาคม 2555​

เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (4 ต.ค. 2555) พายุโซนร้อน “แกมี” (GAEMI) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง
มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 950 กิโลเมตร ทางตะวันออกของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม หรือที่ ละติจูด 14.9 องศาเหนือ และ ลองจิจูด 118.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 95 กม./ชม.

โดยเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ และยังไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทยในระยะนี้

คาดว่า พายุนี้จะทวีกำลังแรงขึ้น และจะเคลื่อนขึ้นฝั่งตอนกลางของประเทศเวียดนามในวันที่ 6 ตุลาคม 2555 จากนั้นจะเคลื่อนผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคกลางของประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 5-8 ตุลาคม 2555 บริเวณประเทศไทยมีฝนหนาแน่นเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่

กับมีลมแรง โดยเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกก่อน จากนั้นภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะได้ผลกระทบในระยะต่อไป ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากสภาวะอากาศร้ายในช่วง

วันเวลาดังกล่าว สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบน และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง

2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 5-6 ต.ค. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมตอนบนของประเทศไทย ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในระยะนี้

ประกาศ ณ วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 16.30 น.

 

ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลต่าง ๆ ครับคุณ puvadon777


สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม...

 

.........................................................................................
จะมีพลังอะไรผลักขึ้นไปข้างบนไหม :'(

 

ต้องใช้พลังความรักสามัคคีเเละความกตัญญููรู้คุณเเผ่นดินของคนในชาติ เรายังมีไหมถ้าไม่มีก็เอวัง หรือจะใช้เทคนอลอจี่สั่งฟ้า-สั่งดินเเบบHaarp เราก็ไม่มีอีก เอาเงินไปลอกคลองกับรับจำนำข้าวเขมรหมด

 

พอขึ้นฝั่งเวียดนามแล้ว ข้าขอให้เจ้า จงอ่อนแรง ยังมีข้าวคอยฝน อีกหลายพื้นที่ในอีสาน ขอมาแบบนุ่มนวล เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผืนดินก็พอ

 

ปภ.เตรียมความพร้อมรับมือพายุแกมี โดยบูรณาการ กบอ.วิเคราะห์สถานการณ์และแจ้งเตือนภัย พร้อมประสานจังหวัดเสี่ยงภัยจัดตั้งศูนย์ส่วนหน้า ติดตามประกาศแจ้งเตือน


วันที่ข่าว : 4 ตุลาคม 2555

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตรียมความพร้อมรับมือพายุแกมี โดยบูรณาการ กบอ.วิเคราะห์สถานการณ์และแจ้งเตือนภัย พร้อมประสานจังหวัดเสี่ยงภัยจัดตั้งศูนย์ส่วนหน้า ติดตามประกาศแจ้งเตือน สำรวจจุดเสี่ยงภัย รวมถึงสั่งเตรียมรถสูบ น้ำแรงดันสูงสนับสนุนการระบายน้ำในพื้นที่เสี่ยงภัยด้วย
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรับมือพายุแกมีที่คาดว่าจะเคลื่อนตัวผ่านประเทศไทย และทำให้เกิดฝนตกหนักบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกและภาคกลางในช่วงวันที่ 5 - 8 ตุลาคมนี้ ว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยร่วมกับคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.)วิเคราะห์สถานการณ์ และแจ้งเตือนภัย โดย กบอ.จะสั่งการในเชิงนโยบาย ส่วน ปภ.จะเป็นหน่วยงานกลางในการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำนโยบายไปปฏิบัติ รวมถึงให้จัดตั้งศูนย์บัญชาการส่วนหน้าภายใต้การบริหารจัดการในระบบ Single Command
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานแจ้งเตือน 30 จังหวัดพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะจังหวัดในภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างที่มีแนวโน้มพายุแกมีจะเคลื่อนตัวผ่านเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดยจัดตั้งศูนย์ส่วนหน้าเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการเตรียมความพร้อมกับหน่วยงานส่วนกลาง ซึ่งจะทำให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีเอกภาพ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ติดตามประกาศแจ้งเตือนภัยอย่างใกล้ชิด สำรวจจุดเสี่ยงภัยดินถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก และจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยประจำจุดเสี่ยงจะได้แจ้งเตือนและประสานอพยพประชาชนได้ทันทีที่สถานการณ์รุนแรง รวมถึงระดมกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมวัสดุอุปกรณ์เครื่องจักรกล โดยเฉพาะรถสูบน้ำแรงดันสูงที่มีระยะการส่งน้ำได้ถึง 3 กิโลเมตร จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและระบายน้ำในจุดที่เกิดน้ำท่วมขังช่วงฝนตกหนัก

สำนักข่่าวแห่งชาติ : ปภ.เตรียมความพร้อมรับมือพายุแกมี โดยบูรณาการ กบอ.วิเคราะห์สถานการณ์และแจ้งเตือนภัย พร้อมประสานจังหวัดเสี่ยงภัยจัดตั้งศูนย์ส่วนหน้า ติดตามประกาศแจ้งเตือน

 

ปภ.เตือน30จว.เตรียมรับมือพายุแกมี 6-7ต.ค.​

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่าจะมีพายุโซนร้อนแกมี เคลื่อนผ่านประเทศลาวตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางของประเทศไทยในช่วงวันที่ 6-7 ต.ค.นี้ ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นและฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ ทั้งนี้ ขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในที่ลาดเชิงเขา ที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ทางน้ำไหลผ่าน เตรียมความพร้อมกับสถานการณ์ฝนตกหนักที่จะทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม โดย 30 จังหวัดที่อยู่ในจุดเสี่ยง คือ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ สุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง ตราด ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง ระนอง และสตูล
ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่ตรวจการเปิดประตูระบายน้ำแสนแสบ-มีนบุรี ตอนประชาร่วมใจ เขตมีนบุรี ในการระบายน้ำพื้นที่ฝั่งตะวันออกโดยกล่าวว่า ขณะนี้ประตูระบายน้ำดังกล่าวเปิดอยู่ที่ 40 เซนติเมตร ซึ่งเป็นระดับที่เปิดอยู่แล้ว ตามปกติ เพื่อระบายน้ำในพื้นที่เขตหนองจอกและมีนบุรี ออกไปยังคลองแสนแสบและอุโมงค์ระบายน้ำพระรามเก้าลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และบางส่วนจะผันออกไป จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนจะออกสู่อ่าวไทย
นอกจากนี้ ในวันที่ 3 ต.ค. ได้เรียกผู้อำนวยการเขต 50 เขต เข้าหารือเตรียมความพร้อมรับมือฝนตกในสัปดาห์หน้า รวมทั้งหามาตรการแก้ไขปัญหาชุมชนนอกคันกั้นน้ำอย่างครบวงจรในระยะยาว

 

ปรับปรุง เส้นทางพายุโซนร้อนแกมี วันที่ 4 ต.ค.2555 เวลา 21.30 ไทย​

เมื่อเวลา 19.00 น. วันนี้ (4 ต.ค. 2555) พายุโซนร้อน “แกมี” (GAEMI) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง
มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 900 กิโลเมตร ทางตะวันออกของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม หรือที่ ละติจูด 14.7 องศาเหนือ และ ลองจิจูด 117.9 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 64 กม./ชม. ลมกรรโชกแรง 80 ก.ม./ช.ม.เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 3 ก.ม./ช.ม. มีทิศทางตะวันตก พยากรณ์ว่าศูนย์กลางของพายุจะขึ้นฝั่งทางไต้ของเมืองดานัง ในช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม 2555
หลังจากศูนย์กลางพายุพัดผ่านเวียตนามแล้ว จะผ่านตอนไต้ของลาว เข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ทางจังหวัดอุบลราชธานี ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 7 ต.ค. 2555 จากนั้นจะผ่านที่ราบภาคกลาง เส้นทางจะเบี่ยงลงต่ำ เข้าหากรุงเทพฯ ตามถาพจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ของ Weather Underground
จากการพยากรณ์ของ Weather Underground พายุโซนร้อน “แกมี” (GAEMI) จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่น หลังจากขึ้นฝั่งเวียตนาม เวลาเพียง 2 วันที่ ศูนย์กลางพายุโซนร้อน “แกมี” (GAEMI) จะเดินทางผ่านชายฝั่งเวียตนาม ผ่านลาว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถึงภาคกลางของไทย คาดว่าจะผ่านทางเหนือของกรุงเทพฯ ด้วยระยะห่างไม่มากนัก ในเวลาช่วงกลางดึกของคืนวันอาทิตย์ที่ 7 ต.ค. ถึงก่อนเช้ามืดวันจันทร์ที่ 8 ต.ค. 2555 ด้วยความเร็วลม 40 ก.ม./ช.ม. โดยมีลมกรรโชกแรง 50 ก.ม./ช.ม. สภาพอากาศอาจจะเลวร้าย มีลมกรรโชกแรง และฝนตกหนักถึงหนักมาก ยามดึกไฟฟ้าอาจจะขัดข้องได้ ด้วยความรุนแรงของลมพายุ ต้องระวังน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัยต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณที่เคยเกิดปัญหามาก่อน เฝ้าระวังการปล่อยน้ำหรือน้ำล้นจากเขื่อนวชิราลงกรณ์ เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนท่าทุ่งนา

สถานการณ์น้ำ น้ำในเขื่อน น้ำในลำน้ำ น้ำท่วม 3 ตุลาคม 2555 (สอบช)


วิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม กรมอุตุนิยมวิทยา 4 ต.ค.2555 18.30 (ไทย)


แผนที่อากาศกรมอุตุนิยมวิทยา 4 ตค 55 13:00 น.
น่าสนใจมากเพราะอาจจะมีพายุเกิดใหม่ เหนือทะเลฟิลิปปินส์ และร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านอ่าวเบงกอลพม่า ไทย กัมพูชา เวียตนาม ถึงพายุโซนร้อนแกมี ทำให้มีฝนเพิ่มมากขึ้นและสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้นในภูมิภาคนี้


ภาพการพยากรณ์เส้นทางของ พายุโซนร้อน "แกมี" ภายใน 5 วัน จาก Weather Underground อัพเดท 4 ต.ค.2555 เวลา 19.00 (ไทย)



ภาพการพยากรณ์เส้นทางของ พายุโซนร้อน "แกมี" แสดงภูมิประเทศ ภายใน 5 วัน จาก Weather Underground อัพเดท 4 ต.ค.2555 เวลา 19.00 (ไทย)



ภาพจำลองจากคอมพิวเตอร์ Weather Underground อัพเดทเมื่อ 4 ต.ค.2555 เวลา 19.00 ศูนย์กลางของพายุจะะลงต่ำผ่านทางภาคเหนือของกัมพูชา และเข้าไทยทางด้านจังหวัดสระแก้ว แนวโน้มผ่านใกล้ทางเหนือกรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าจะถึงไม่เกินช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 8 ต.ค.2555 และออกจากประเทศไทยทางจังหวัดกาญจนบุรี และพายุจะออกสู่ทะเลอันดามัน และอ่าวเบงกอลในลำดับถัดไป



ภาพการพยากรณ์เส้นทางของ พายุโซนร้อน "แกมี" จากฮ่องกง อัพเดท 4 ต.ค.2555 เวลา 19.00 (ไทย)

Tropical cyclone track information - GIS version

ภาพ พายุโซนร้อน "แกมี" จากเรดาห์ของนาซ่า วันที่ 4 ต.ค.2555 เวลา 21.32 (ไทย)


ภาพเคลื่อนไหว พายุโซนร้อน "แกมี" จาก Weather Underground วันที่ 4 ต.ค.2555 เวลา 19.00 (ไทย)



ภาพการพยากรณ์เส้นทางของ พายุโซนร้อน "แกมี" ภายใน 5 วัน จาก JMA วันที่ 4 ต.ค.2555 เวลา 19.00 (ไทย)



ภาพการพยากรณ์เส้นทางของ พายุโซนร้อน "แกมี" จาก JTWC ประกาศเตือนฉบับที่ 13 วันที่ 4 ต.ค.2555 เวลา 22.00 (ไทย)


การพยากรณ์แต่ละำสำนักก็มีแตกต่างเรื่องเวลากันบ้างตามสมควร แต่ทุกสำนักก็พยากรณ์ตรงกันว่า ศูนย์กลางพายุโซนร้อน "แกมี" จะเข้าไทยอย่างแน่นอน ด้วยความรุนแรงระดับดีเปรสชั่น กรุงเทพฯ น้ำจะท่วมขังเนื่องจากน้ำฝนสูงแค่ไหน และกี่วัน ย่อมขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนที่จะได้รับในหนึ่งวัน และที่ กทม.จะระบายได้

 

ปภ.กระบี่เตือนเฝ้าระวังน้ำป่า-ดินโคลนถล่ม 5-8 ต.ค.

นายเถลิงศักดิ์ ภูวญาณพงศ์ ผอ.สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ เปิดเผยหลังจากที่กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า ขณะนี้พายุโซนร้อน "แกมี" (GAEMI) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 750 กิโลเมตร ทางตะวันออกของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม หรือที่ ละติจูด 16.2 องศาเหนือ และ ลองจิจูด 116.0 องศาตะวันออก มีความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กม./ชม. พายุกำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ด้วยความเร็วประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

คาดว่า พายุนี้จะเคลื่อนขึ้นฝั่งตอนกลางของประเทศเวียดนามในช่วงวันที่ 5-6 ตุลาคม 2555 และจะเริ่มมีผลกระทบกับลักษณะอากาศของประเทศไทยในช่วงวันที่ 4-8 ตุลาคม 2555 ประกอบมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยจะมีฝนตกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าว สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบน และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

สำหรับจังหวัดกระบี่ เป็นจังหวัดหนึ่งที่เสี่ยงต่อการได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน"แกมี" (GAEMI) จึงแจ้งเตือนไปยังผู้นำท้องถิ่นและมิสเตอร์เตือนภัย ให้เฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมดินโคลนถล่มในพื้นที่ รวม 5 อำเภอ 10 ตำบล 48 หมู่บ้าน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด คอยรับรายงานสถานการณ์ ตลอด 24 ชั่วโมง และนอกจากนี้ทางสำนักงานฯก็มีการเตรียมพร้อมในเรื่องของการเตือนภัยผ่าน sms บนมือถือ หากว่าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ก็สามารถเตือนภัยได้ทันท่วงที

หากว่าเกิดภัยพิบัติขึ้นทางเครือข่ายกู้ชีพกู้ภัย ที่ ปภ.ได้สนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์กู้ชีพกู้ภัยต่างๆ ทั้งเรือยาง เครื่องตัดถ่าง และอุปกรณ์อื่น พร้อมที่จะออกให้การช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที จึงขอเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงอย่าตื่นตระหนก หากเกิดเหตุขึ้นก็ให้ทำการอพยพออกจากพื้นที่อย่างมีสติและรีบแจ้งผู้นำท้องถิ่นหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทราบโดยด่วน สำหรับพายุโซนร้อน "แกมี" (GAEMI) คาดว่าจะมีผลกระทบกับจังหวัดกระบี่ในช่วงระหว่างวันที่ 5-8 ตุลาคม 2555 จึงขอเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงระวังน้ำป่าไหลหลากดินโคลนถล่ม และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ด้านนายจามิกร สังข์รอด กำนันตำบลหน้าเขา อ.เขาพนม กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดินโคลนถล่มเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2554ที่ผ่าน ในพื้นที่หมู่ที่ 7 บ้านบางสร้าง และหมู่ที่ 8 บ้านห้วยน้ำแก้ว ทำให้มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เสียชีวิต 10 ราย สูญหายอีก 1 ราย บ้านเรือนพื้นที่การเกษตรเสียหายเป็นจำนวนมาก จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาตนในฐานะผู้นำท้องถิ่น ได้จัดตั้งชุดเฝ้าระวังดินโคลนถล่ม ในพื้นที่ทั้ง 2 หมู่บ้าน โดยใช้วิทยุสื่อสารคอยติดต่อประสานงาน เนื่องจากโทรศัพท์มือถือไม่สามารถใช้การได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ไร้สัญญาโทรศัพท์

"ทุกครั้งที่มีฝนตกหนักชุดเฝ้าระวังดินโคลนถล่มจะคอยออกสำรวจพื้นที่ หากมีปริมาณน้ำฝนตกมาก สถาการณ์ไม่น่าไว้ไว้ใจก็จะแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้อพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย สำหรับในวันที่ 5- 8 ตุลาคมนี้ ก็จะเฝ้าระวัง พายุโซนร้อน แกมี เหมือนที่เคยปฏิบัติตามปกติทุกครั้ง หลังจากเคยได้รับบทเรียนในปี 2554ที่ผ่านมา" นายจามิกร กล่าว

 

แผ่นดินไหวเขตพม่า แต่ใกล้ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอนขยับตัว​

 

พบรอยเลื่อนจ่อเข้ากรุง สุดเสี่ยง! อาคาร กทม.มีสิทธิ์ถล่มจากธรณีพิโรธมาก 2 ล้านหลัง

อึ้ง! อาคารใน กทม.ไม่ปลอดภัยกว่า 2 ล้านหลัง รับแรงแผ่นดินไหวไม่ได้เลย 1 ล้านหลัง นักวิชาการจี้เสริมโครงสร้างโดยเฉพาะอาคารสาธารณะสำคัญ หลังธรณีวิทยาพบรอยเลื่อนมีพลังที่นครนายก จ่อเข้าใกล้ กทม.มากขึ้น ส่วนการรับมือน้ำท่วม ซัด รบ.ทำสวนทาง อยากระบายน้ำแต่กลับถมคูคลอง ชี้ สร้างเจ้าพระยา 2 เป็นเรื่องเพ้อฝัน แนะทำโครงสร้างระบายน้ำใต้ดิน เป็นกล่องแบบโครงสร้างทางด่วนบางนา-บางปะกง แก้ปัญหาเวนคืนที่ดินประชาชน ด้าน อ.นิเทศศาสตร์ จุฬาฯ สอน รบ.ทำสื่อสารสาธารณะขณะเกิดภัยพิบัติ ต้องตั้งทีมมอนิเตอร์สื่อ สังเกตการรับข้อมูลของประชาชน ชี้ อย่ารอแต่แถลงข่าวอย่างเดียว ส่วนสื่อมวลชนอย่าบีบคั้นน้ำตาแหล่งข่าว และต้องตามประเด็นต่อหลังเกิดภัยพิบัติ เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาและพัฒนา



วันนี้ (3 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ห้องประชุม 201 อาคารวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.ปณิธาน ลักคุณะประสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านวิศวกรรมแผ่นดินไหวและการสั่นสะเทือน คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวระหว่างการสัมมนาวิชาการ “การบริหารจัดการสาธารณะในภาวะวิกฤตจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ” ว่า ภัยธรรมชาตินำมาซึ่งความสูญเสีย แต่ขณะเดียวกัน ก็นำมาซึ่งบทเรียนอันล้ำค่า ก่อให้เกิดการวิจัยและเรียนรู้การแก้ปัญหาในอนาคต ซึ่งการจะแก้ปัญหาได้นั้น จะต้องรู้ต้นตอของภัยธรรมชาติเสียก่อน โดยสาเหตุสำคัญนั้นส่วนหนึ่งมาจากมนุษย์ อาทิ เหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศไทยที่เกิดขึ้นถี่กว่าในอดีต เป็นเพราะมีการขยายตัวเมืองเข้าไปใกล้รอยเลื่อนมากขึ้น การทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะรถยนต์ที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก สูญเสียพลังงานมากขึ้น การปล่อยน้ำเสียของโรงงานอุตสาหกรรม และบ้านเรือนลงสู่แม่น้ำ รวมไปถึงการบุกรุกแม่น้ำและชายหาด โดยการก่อสร้างขวางทางน้ำ เป็นต้น

ศ.ปณิธาน กล่าวอีกว่า ส่วนสิ่งที่น่ากังวล คือ การเปลี่ยนแปลงของโลกที่เราไม่ทราบจนอาจนำมาซึ่งภัยพิบัติ อย่างกรณีภูเขาไฟระเบิดใต้ธารน้ำแข็งเมื่อปีที่แล้วนั้น นักวิทยาศาสตร์โลกไม่ได้มีการออกมาเตือนใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น การที่ออกมาระบุว่าระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นสูงปีละเท่าใดๆ นั้น ถือว่าผิดทั้งหมด เนื่องจากไม่มีการคำนึงถึงเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดใต้ธารน้ำแข็งมาก่อน

ศ.ปณิธาน กล่าวต่อไปว่า สำหรับการรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาตินั้น ต้องอาศัยกรอบการดำเนินงานเฮียวโงะ (Hyogo) ซึ่งเกิดขึ้นจากการประชุมการจัดการภัยพิบัติเมื่อปี 2548 ภายหลังครบรอบ 10 ปี การเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อ 17 ม.ค.2538 ที่เมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น จนเกิดความสูญเสียเป็นจำนวนมาก ซึ่งกรอบการดำเนินงานเฮียวโงะนั้น จะเน้นในเรื่องของการปฏิบัติและการป้องกัน โดยต้องมีการเสริมสร้างความแข็งแรงของโครงสร้างอาคารต่างๆ ทั้งบ้าน อาคารโครงสร้างพื้นฐาน อาคารสาธารณะที่สำคัญ อาทิ โรงพยาบาล โรงเรียน เป็นต้น เพื่อให้รองรับการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้ การสร้างอาคารใหม่จะต้องถูกต้องตามหลักการรองรับแผ่นดินไหวด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ จะต้องมีการเสริมสมรรถภาพขีดความสามารถทรัพยากรมนุษย์ และรัฐบาลจะต้องมีนโยบายที่ถูกต้องในการรับมือกับภัยพิบัติ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

“ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลย คือ ประเทศเฮติ ที่รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งที่มีการเกิดเหตุแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง จนเมื่อประมาณปี 2553 ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7 ริกเตอร์ขึ้น แม้แต่ทำเนียบประธานาธิบดียังพังทลาย ตึกบัญชาการต่างๆ ก็พัง ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในประเทศ ซึ่งตรงนี้ยูเอ็นได้มีการณรงค์ One Million Safe โดยโรงพยาบาลต้องปลอดภัยจากภัยพิบัติ มีระบบสนับสนุนต่างๆ อาทิ ไฟฟ้าฉุกเฉิน และบุคลากรต้องได้รับการฝึกฝน สามารถจัดการกับภาวะฉุกเฉินได้ เป็นต้น” ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านวิศวกรรมฯ กล่าว

ศ.ปณิธาน กล่าวด้วยว่า หลักการสำคัญอีกประการในการจัดการและรับมือกับภัยพิบัตินั้น คือ ระบบรับมือ “Resilience” ซึ่งเป็นความสามารถของระบบชุมชนหรือสังคม ที่เผชิญภับพิบัติทางธรรมชาติแล้วสามารถต้านทานได้ มีการฟื้นตัวจากผลกระทบได้ในเวลาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังต้องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กลับคืนสู่สภาพเดิมด้วย ส่วนมาตรการบรรเทาภัยพิบัตินั้น ที่สำคัญมีอยู่ 5 มาตรการด้วยกันคือ 1.การเตรียมพร้อมด้านอาคารและโครงสร้างพื้นฐาน 2.การเตรียมพร้อมระบบเพื่อการบรรเทาภัย เช่น ระบบคมนาคมฉุกเฉิน 3.มาตรการด้านกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย 4.มาตรการด้าน Capacity Building และนวัตกรรมการแก้ปัญหา และ 5.มาตรการด้าน Emergency Response

ศ.ปณิธาน กล่าวว่า ในเรื่องการเตรียมพร้อมด้านอาคารและโครงสร้างพื้นฐานนั้น สำหรับในประเทศไทยมีการออกกฎหมายให้มีการออกแบบอาคารให้สามารถรองรับการเกิดแผ่นดินไหวขึ้นเมื่อปี 2550 แม้ก่อนหน้าจะไม่มีการออกแบบให้รองรับการเกิดแผ่นดินไหว แต่เชื่อว่าสามารถรองรับได้ในระดับหนึ่ง โดยต้องมีการพิจารณาเสริมความแข็งแรงของอาคารที่ไม่ปลอดภัยเหล่านั้นให้ปลอดภัย

“ใน กทม.มีอาคารประมาณ 2 ล้านหลัง ที่ไม่ปลอดภัยต่อการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ในจำนวนนี้มีประมาณ 1 ล้านหลัง ที่ไม่สามารถรองรับการเกิดแผ่นดินไหวได้เลย ดังนั้น จำนวนอาคารที่มีมากเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องเลือกปรับปรุงเสริมความแข็งแรง โดยเลือกอาคารสาธารณะที่สำคัญ อาคารโครงสร้างพื้นฐาน ทางด่วน สะพาน โรงไฟฟ้า ประปา สถานีดับเพลิง หรือโรงพยาบาลก่อน เพราะขณะนี้ทราบจากสำนักธรณีวิทยาว่า มีรอยเลื่อนมีพลังเข้าใกล้ กทม.มากขึ้น โดยอยู่ที่ จ.นครนายก แต่จะมีความรุนแรงเท่าไรนั้นไม่สามารถคาดการณ์ได้” ศ.ปณิธาน กล่าว

ศ.ปณิธาน กล่าวเพิ่มอีกว่า ภัยธรรมชาติเป็นเรื่องไม่แน่นอน เนื่องจากมีตัวแปรมากมาย สิ่งสำคัญคือ การเตรียมพร้อมด้านการบรรเทาภัย อย่างกรณีน้ำท่วม รัฐบาลใช้เงินจำนวนมากในการศึกษาน้ำท่วมเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 20 ปี มีการเสนอมาตรการสำคัญในการแก้ปัญหา หนึ่งในนั้นคือการขุดคลองทำแม่น้ำเจ้าพระยา 2 เนื่องจากระบบระบายน้ำธรรมชาติไม่สามารถรับน้ำขณะเกิดพายุมากๆ ได้ ต้องมีระบบระบายน้ำเพิ่มเติม แต่สุดท้ายไม่ได้ทำ และทำในทิศทางตรงกันข้ามคือการถมคูคลองต่างๆไปจนหมด ซึ่งการจะมาแก้ไขด้วยงบประมาณกว่า 3 แสนล้านบาทไม่แน่ใจว่าจะสามารถทำได้

“เลิกฝันได้เลยกับการสร้างแม่น้ำเจ้าพระยา 2 มันเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องมีการเวนคืนที่ดินมาก ทำอย่างไรระบบระบายน้ำก็ไม่พอ เพราะคูคลองต่างๆถูกถมไปนานแล้ว ผมเคยเสนอวิธีการแก้ปัญหา แต่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ จึงไม่มีใครฟัง ในฐานะที่ผมเป็นวิศวกรโครงสร้าง จึงนึกถึงการแก้ปัญหาด้วยการนำโครงสร้างทางด่วนที่มีลักษณะเป็นกล่องอย่างช่วง บางนา-บางปะกง เอามาวางให้ต่ำกว่าระดับพื้นดิน เพื่อใช้ระบายน้ำส่วนด้านบนก็ถมดิน ชาวนาก็สามารถทำไรทำนาต่อไปได้โดยไม่ต้องเวนคืนที่ดิน เท่ากับว่าเรามีคลองระบายอยู่ข้างล่าง ขนาดไม่ต้องใหญ่แต่ทำเป็นร่างแหอยู่ข้างล่างไปทั่วประเทศได้” ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านวิศวกรรมฯ กล่าว


น.ส.สุภาพร โพธิ์แก้ว อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า การสื่อสารสาธารณะในช่วงของการเกิดภับพิบัตินั้น รัฐบาลต้องมีการตั้งศูนย์สารนิเทศ ที่ไม่ใช่รอเพียงการแถลงข่าวอย่างเดียว แต่ต้องเป็นศูนย์ที่พร้อมให้ข้อมูลตลอดเวลา เมื่อผู้สื่อข่าวมีข้อสงสัยสามารถถามแล้วได้คำตอบที่ต้องการ แต่จากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปีที่ผ่านมา รัฐบาลรอการแถลงข่าวเพียงอย่างเดียว มองสื่อไว้เพียงรองรับการแถลงข่าวเท่านั้น สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือการตั้งทีมมอนิเตอร์สื่อ ประเมินสถานการณ์แต่ละวันว่า ประชาชนกำลังเสพข้อมูลอะไร สาธารณชนกำลังสับสนในข้อมูลเรื่องอะไรหรือไม่ หรือมีข่าวลืออะไรเกิดขึ้น เพื่อที่จะสามารถชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจได้

น.ส.สุภาพร กล่าวอีกว่า ในส่วนของสื่อมวลชนนั้น อยากฝากให้คำนึงถึงความเปราะบางทางจิตใจของผู้ที่ได้รับผลกระทบให้มาก เนื่องจากเขาเป็นผู้สูญเสียไม่ควรไปตอกย้ำคั้นถามเพื่อให้ข่าวดูสะเทือนอารมณ์ยิ่งขึ้น เช่น การพยายามซักหาลูกหลานที่หายไปกับสึนามิเจอหรือยัง เป็นต้น ไม่ควรกระทำ เพราะการออกข่าวให้เห็นน้ำตาหรือความฟูมฟายไม่ใช่เรื่องที่ดี อยากให้ใส่หัวใจและมองในมิตินี้ด้วย จึงจะไม่เป็นการเพิ่มผลกระทบโดยไม่รู้ตัว

น.ส.สุภาพร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ เรื่องของการรายงานข่าวภัยพิบัตินั้น ในช่วงก่อนเกิดภัยพิบัติไม่จำเป็นที่จะต้องประกาศให้ดูเป็นภาวะวิกฤติไปก่อน เพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกแฝงอยู่ในสังคม แต่ควรรายงานให้สังคมรับรู้ความเสี่ยง มากกว่ารู้สึกถึงความวิกฤติ ขณะที่ช่วงหลังเกิดภัยพิบัติไปแล้ว เนื่องจากข่าวไม่มีความสด หรืออาจเกิดปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นมาแทน ทำให้ไม่มีการรายงานข่าวหลังภัยพิบัติมากนัก แต่การรายงานข่าวหลังภัยพิบัติถือเป็นส่วนสำคัญ เช่น เวทีถอดบทเรียนน้ำท่วม เป็นต้น ที่จะผลักดันให้เกิดการพัฒนาและนำไปสู่การแก้ปัญหามากขึ้น



Quality of Life - Manager Online - พบรอยเลื่อนจ่อเข้ากรุง สุดเสี่ยง! อาคาร กทม.มีสิทธิ์ถล่มจากธรณีพิโรธมาก 2 ล้านหลัง

 

“อารักษ์” สั่งเลิกส่งออกน้ำมันดิบที่ขุดได้ในไทยภายในปี 56 เล็งนำกลับมาใช้ใน ปท.ทั้งหมด​

4 ตุลาคม 2555 23:18 น.

“อารักษ์” สั่งเลิกส่งออกน้ำมันดิบที่ขุดได้ในไทยภายในปี 56 เล็งนำกลับมาใช้ในประเทศทั้งหมด ป้องกันน้ำมันขาดแคลนในอนาคต "บางจาก" เผยสาเหตุโรงกลั่นไม่ซื้อน้ำมันดิบไทย เพราะขายราคาขายแพงเกินจริง ขณะที่ผู้ผลิตเน้นการส่งออกเพราะได้กำไรสูงกว่า

นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ภายในปี 2556 กระทรวงพลังงานจะยกเลิกการส่งออกน้ำมันดิบที่ขุดได้ในไทยทั้งหมด เพื่อให้นำกลับมาใช้ในประเทศและสร้างความมั่นคงด้านพลังงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากเห็นว่าในอนาคตน้ำมันในตลาดโลกจะเหลือน้อยลง อีกทั้งมีความผันผวนด้านราคาจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองในต่างประเทศ ดังนั้น ไทยต้องหาวิธีนำน้ำมันดิบที่ขุดได้ในประเทศทั้งหมดกลับมาใช้หรือสำรองไว้ใช้ในอนาคตต่อไป

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ประเทศไทยผลิตน้ำมันดิบได้ประมาณ 1.3-1.4 แสนบาร์เรลต่อวัน แต่ส่งออกน้ำมันดิบเพียง 33,000 บาร์เรลต่อวัน หรือเพียงแค่ 4% ของกำลังการผลิตทั้งหมด โดยสาเหตุที่ส่งออก เนื่องจากน้ำมันดิบของไทยเมื่อนำมากลั่นแล้วจะได้เบนซินปริมาณมากซึ่งเกินความต้องการใช้ในประเทศ จึงต้องนำส่วนเกินไปส่งออกแทน อย่างไรก็ตาม กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ สามารถออกประกาศระงับการส่งออกได้ทันโดยไม่ต้องรอแก้ไขกฎหมายแต่อย่างใด แต่ต้องรอให้กลุ่มโรงกลั่นได้ปรับตัวรองรับนโยบายดังกล่าวก่อนจึงจะออกประกาศ

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า สาเหตุสำคัญที่โรงกลั่นไม่นำน้ำมันดิบในไทยมากลั่นทั้งหมด เนื่องจากผู้ผลิตน้ำมันดิบของไทยเห็นว่าหากส่งออกไปขายต่างประเทศจะได้ราคาสูงกว่า ดังนั้นจึงกำหนดราคาขายให้โรงกลั่นในประเทศสูงเกินไป ทำให้โรงกลั่นหันไปนำเข้าจากต่างประเทศมากกว่า อีกทั้งการสั่งนำเข้ายังได้ชนิดน้ำมันที่ตรงตามความต้องการมากกว่าด้วย

อย่างไรก็ตาม หากภาครัฐต้องการให้นำน้ำมันดิบที่ขุดได้ในประเทศมาใช้ทั้งหมดจำเป็นต้องให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบลดราคาจำหน่ายให้โรงกลั่นเพื่อให้คุ้มค่าต่อการกลั่นและจำหน่ายในประเทศ สำหรับบางจากฯ ได้ใช้น้ำมันดิบในประเทศมากลั่น 50% และนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ 50% โดยหากต้องเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำมันดิบในประเทศมากลั่นเพื่อจำหน่ายก็สามารถทำได้ เนื่องจากโรงกลั่นมีความพร้อมและไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนมากนัก

 

รบ.หมีขาวเป็นห่วงศึกซีเรีย-ตุรกี หลัง 2 ชาติสาดกระสุนปืนใหญ่ใส่กันไม่ยั้ง




เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัสเซีย พันธมิตรสำคัญของรัฐบาลซีเรีย แสดงความเป็นห่วงในวันนี้ (4) ต่อสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างซีเรียกับตุรกี หลังทั้งสองฝ่ายระดมยิงปืนใหญ่เข้าไปยังพรมแดนของอีกฝ่าย จนมีทั้งทหารและพลเรือนของ 2 ประเทศบาดเจ็บล้มตาย

เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียวัย 62 ปี แถลงระหว่างเดินทางเยือนกรุงอิสลามาบัดของปากีสถาน โดยระบุว่ารัฐบาลมอสโกมีความกังวลอย่างใหญ่หลวงต่อความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างซีเรียกับตุรกี พร้อมชี้สถานการณ์ดูจะเลวร้ายยิ่งขึ้น

รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียซึ่งอยู่ในตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2004 เรียกร้องให้รัฐบาลซีเรียออกมาให้คำมั่นว่าเหตุปะทะเช่นนี้จะไม่เกิดซ้ำขึ้นอีก พร้อมขอให้มีการเปิดช่องทางการติดต่อสื่อสารสายตรงระหว่างรัฐบาลดามัสกัสกับรัฐบาลอังการาโดยเร็ว

ท่าทีล่าสุดของรัฐบาลมอสโกมีขึ้นหลังกองทัพตุรกียิงปืนใหญ่เข้าไปยังเขตแดนซีเรียจนมีทหารซีเรียเสียชีวิตหลายนายในวันนี้ (4) เพื่อเป็นการตอบโต้ที่ก่อนหน้านี้ไม่ถึง 24 ชั่วโมงกองกำลังของรัฐบาลซีเรียยิงปืนใหญ่เข้ามาในเขตแดนตุรกีจนมีพลเรือนชาวเติร์กเสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีพลเมืองตุรกีเสียชีวิตจากการโจมตีของซีเรียนับตั้งแต่เกิดการลุกฮือต่อต้านระบอบการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาดแห่งซีเรียเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว

 

ศึกซีเรีย - ตุรกี หลีกไม่พ้น​

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=PAMlWqCyQUc]'Turkey one step away from Syria war' - YouTube[/ame]

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=WihdzCjYt6I]Syria conflict- Syria shells Turkish village - YouTube[/ame]

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=tFy4gXwpdP8]Turkey continues Syria shelling, seeks approval for military action - YouTube[/ame]

จับตาดูต่อไป !

 

ผู้ว่าฯโตเกียวดันแผนพัฒนา'เซงกากุ' นักวิชาการหวั่นปักกิ่งเปิดศึกยกใหม่


(แฟ้มภาพ) เรือยามชายฝั่งของญี่ปุ่น และไต้หวัน ยิงปืนฉีดน้ำแรงดันสูงปะทะกันเมื่อวันที่ 25 กันยายน หลังจากกองเรือประมงหลายสิบลำจากไต้หวัน ซึ่งมีเรือตรวจการณ์คอยคุ้มกัน แล่นเข้าไปในน่านน้ำบริเวณหมู่เกาะพิพาทเตี้ยวอี๋ว์ หรือเซงกากุ ที่ทางโตเกียวกำกับดูแลอยู่

เอเจนซี - ผู้ว่าราชการสายเหยี่ยวของโตเกียวผลักดันแผนสร้างโครงสร้างพื้นฐานบนหมู่เกาะที่เป็นกรณีพิพาทกับจีน นักวิชาการหวั่นปลุกกระแสโกรธเกรี้ยวในแดนมังกรและการเผชิญหน้ารอบใหม่ระหว่างปักกิ่งกับโตเกียว

อากิโกะ ซังโตะ สมาชิกวุฒิสภา ที่สังกัดพรรคลิเบอรัล เดโมแครต ปาร์ตี้ (แอลดีพี) อันเป็นพรรคฝ่ายค้าน เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (4) ว่า ชินทาโร อิชิฮาระ ผู้ว่าราชการที่มีแนวความคิดชาตินิยมรุนแรงของมหานครโตเกียว จะพยายามขอความสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นชุดใหม่ เพื่อนำเงินบริจาคจำนวน 19 ล้านดอลลาร์ไปสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ บนหมู่เกาะเซงกากุ เช่น ประภาคาร เครื่องส่งสัญญาณวิทยุ อันจะทำให้ชาวประมงญี่ปุ่นมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ คาดหมายกันว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันที่มีพรรคเดโมแครต ปาร์ตี้ ออฟ แจแปน (ดีพีเจ) เป็นแกนนำ จะต้องประกาศยุบสภาล่างและจัดการเลือกตั้งทั่วไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ โดยที่แอลดีพีซึ่งมีจุดยืนแข็งกร้าวกว่ารัฐบาลปัจจุบันในประเด็นการพิพาทกับจีนเกี่ยวกับหมู่เกาะแห่งนี้ซึ่งญี่ปุ่นเรียกชื่อว่าเซงกากุ และจีนเรียกว่าเตี้ยวอี๋ว์ จะเป็นฝ่ายมีชัย และได้จัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไป

อิชิฮาราผู้นี้เป็นผู้จุดชนวนให้กรณีพิพาทหมู่เกาะแห่งนี้ปะทุร้อนแรงระลอกล่าสุด จากการที่เขาเสนอซื้อหมู่เกาะดังกล่าวซึ่งญี่ปุ่นปกครองอยู่ แต่ปักกิ่งอ้างสิทธิ์เช่นกัน ทางด้านรัฐบาลญี่ปุ่นพยายามหาทางออกด้วยการเข้าเป็นผู้ซื้อหมู่เกาะเองเมื่อต้นเดือนที่แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับจีน แต่ปรากฏว่ากลายเป็นการเดินหมากผิดพลาด เพราะกลับนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงระหว่างสองประเทศทั้งระดับรัฐกับรัฐ ขณะที่ชาวจีนในหลายๆ เมืองทั่วประเทศก็จัดการประท้วง โดยในบางจุดมีการทำลายทรัพย์สินของญี่ปุ่น รวมทั้งชักชวนให้คว่ำบาตรสินค้าจากแดนปลาดิบ

ทางด้าน นารูชิเกะ มิชิฮิตะ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จาก สถาบันบัณฑิตแห่งชาติเพื่อนโยบายศึกษา ในโตเกียว ชี้ว่าการผลักดันของอิชิฮาระอาจทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งที่เพิ่งสงบลงกลับปะทุขึ้นอีกครั้ง โดยทางการปักกิ่งจะออกมาต่อต้านรุนแรง ตามด้วยชาวจีนประท้วงและทำลายผลประโยชน์ของญี่ปุ่น

Around the World - Manager Online - ผู้ว่าฯโตเกียวดันแผนพัฒนา'เซงกากุ' นักวิชาการหวั่นปักกิ่งเปิดศึกยกใหม่

 

'รอมนีย์'พลิกคว้าชัย'ดีเบต'นัดแรก'โอบามา'ผิดฟอร์ม-พลาดโอกาสรุก


ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้สมัครของพรรคเดโมแครต (ขวา) และ มิตต์ รอมนีย์ ผู้สมัครของพรรครีพับลิกัน (ซ้าย) โต้วาทีกันเป็นนัดแรกเมื่อคืนวันพุธ(3) ที่มหาวิทยาลัยเดนเวอร์ ในเมืองเดนเวอร์ มลรัฐโคโลราโด โดยผลโพลระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่ารอมนีย์เป็นฝ่ายชนะ


เอเจนซีส์ - มิตต์ รอมนีย์ อดีตผู้ว่าการมลรัฐแมตซาชูเซตส์ ผู้สมัครของพรรครีพับลิกัน อาศัยท่าทีแข็งกร้าว คำตอบกระชับฉะฉาน พลิกล็อกกลายเป็นผู้มีชัยในการโต้วาทีนัดแรกแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งพรรคเดโมแครต เมื่อคืนวันพุธ(3) อย่างไรก็ดี ชัยชนะครั้งนี้จะมีผลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในต้นเดือนหน้าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ท้าชิงจะรักษาฟอร์มที่ดีขึ้นผิดหูผิดตาไว้ได้นานแค่ไหน

ระหว่างการดีเบตนัดแรกจากทั้งสิ้น 3 นัดซึ่งกำหนดจัดขึ้นในเดือนนี้ทั้งหมด โดยที่ครั้งแรกนี้เน้นประเด็นเศรษฐกิจและกิจการในประเทศนั้น ปรากฏว่า รอมนีย์ทำได้ดีเกินคาดหมาย

ในการเผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรกระหว่างผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีทั้งสอง ในรอบหลายๆ เดือนของการรณรงค์หาเสียงนั้น ผู้ท้าชิงจากพรรครีพับลิกันดูเป็นฝ่ายรุกตลอด 90 นาทีที่ชิงไหวชิงพริบกัน ขณะที่โอบามานั้นแม้ปล่อยหมัดโจมตีแผนภาษีของคู่ต่อสู้ แต่ดูภาพรวมจะเห็นได้ว่าเตรียมตัวมาไม่ดีพอ และพลาดโอกาสในการรุกไล่หลายครั้ง

ทว่าเนื่องจากเหลือเวลาอีกไม่ถึง 5 สัปดาห์ก่อนถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 6 พฤศจิกายน จึงยังไม่แน่ว่ารอมนีย์จะสามารถต่อยอดจากชัยชนะคราวนี้ เพื่อพลิกสถานการณ์ภายหลังที่ตกเป็นรองโอบามามาตลอดได้หรือไม่ ทั้งนี้นักวิเคราะห์มองกันว่า โดยทั่วไปแล้วผู้ท้าชิงย่อมเผชิญความยากลำบากมากกว่าในการโค่นผู้อยู่ในตำแหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของรอมนีย์ ซึ่งทำผิดพลาดหลายครั้งหลายหนในช่วงหลายๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา

ระหว่างการดีเบตนัดแรก รอมนีย์และโอบามา ปะทะคารมกันในประเด็นภาษี แผนดูแลสุขภาพ และบทบาทของรัฐบาลที่สะท้อนความแตกต่างและความแตกแยกกันทางอุดมการณ์ในวอชิงตัน จนกระทั่งนำไปสู่ทางตันทางการเมือง

ผู้ท้าชิงจากรีพับลิกันปล่อยหมัดตรงโจมตีภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอและอัตราว่างงาน 8.1% เรื้อรัง 43 เดือน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่อาจสกัดโอบามาในการพยายามกลับสู่ทำเนียบขาวสมัยที่ 2

รอมนีย์วิพากษ์ว่า โอบามาคิดเหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้วคือ รัฐบาลที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น เก็บภาษีเพิ่ม ซึ่งไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง

ด้านโอบามาโต้ว่า ภายใต้การบริหารของตน เศรษฐกิจสามารถหลุดพ้นจากวิกฤตร้ายแรงที่คณะบริหารชุดก่อนของรีพับลิกันทิ้งไว้ โดยมีการจ้างงานในภาคเอกชน 5 ล้านตำแหน่ง อุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้น และตลาดที่อยู่อาศัยเริ่มกระเตื้อง

แต่ที่น่าสงสัยคือ เหตุใดโอบามาจึงไม่แตะต้องประเด็นที่ระดมอัดรอมนีย์ก่อนหน้านี้ เช่น คลิปหลุดที่รอมนีย์พูดระบุว่า ชาวอเมริกัน 47% ที่เป็นฐานเสียงของโอบามางอมืองอเท้ารอให้รัฐบาลอุ้ม, การลอยแพพนักงานตอนที่รอมนีย์บริหารเบน แคปิตอล บริษัทลงทุนในหลักทรัพย์เอกชน, การที่รอมนีย์ขอคืนภาษีจำนวนมากทั้งๆ ที่เป็นผู้มีรายได้มั่งคั่ง, และจุดยืนแข็งกร้าวของผู้สมัครของรีพับลิกันผู้นี้ในประเด็นผู้อพยพ

นอกจากนั้นยังน่าสังเกตว่า ดีเบตครั้งนี้ไม่มีฝ่ายใดมีหมัดน็อคและวาทะเด็ดสยบคู่แข่ง แต่ทั้งคู่กลับงัดกันด้วยข้อเท็จจริงและตัวเลข

อย่างไรก็ดี รอมนีย์ดูมีภาษีกว่าจากคำตอบที่กระชับตรงประเด็น ขณะที่โอบามาออกแนวบรรยายความและเยิ่นเย้อ

โอบามายังก้มมองโน้ตบ่อยครั้งตอนที่ถูกรอมนีย์โจมตีเรื่องผลงาน และครั้งหนึ่งถึงกับแขวะจิม เลห์เรอร์ ผู้ดำเนินรายการว่า “ผมเหลือ 5 วินาทีก่อนที่คุณจะขัดจังหวะ”

โอบามาทำให้รอมนีย์กลายเป็นฝ่ายตั้งรับบ้าง โดยระบุว่าข้อเสนอปฏิรูประบบภาษีโดยการลดภาษีทั่วกัน 20% ของผู้ท้าชิงจะทำให้รัฐบาลมีค่าใช้จ่าย 5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งไม่สามารถชดเชยได้ด้วยการอุดช่องโหว่ด้านภาษีแบบที่รีพับลิกันคุยโขมง

ฝ่ายรอมนีย์ยืนยันว่า แผนภาษีของตนไม่ได้เพิ่มภาระให้รัฐบาล 5 ล้านล้านดอลลาร์อย่างที่โอบามากล่าวหา

โอบามายังตอบโต้ข้อกล่าวหาของรอมนีย์ที่ว่า การปฏิรูปโครงการดูแลสุขภาพในปี 2010 จะกระทบต่อการจ้างงานของธุรกิจขนาดย่อม โดยบอกว่า ต้นแบบของแผนการดังกล่าวคือแผนที่รอมนีย์ใช้สมัยเป็นผู้ว่าการแมสซาชูเสตส์ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้มีการปลดคนงานแต่อย่างใด

รอมนีย์นั้นต้องการใช้เวทีดีเบตที่ถ่ายทอดสดสู่สายตาผู้ชมนับสิบล้าน เพื่อพลิกฟื้นแคมเปญหาเสียงของเขาที่ระส่ำมาหลายสัปดาห์ ขณะที่โอบามาที่มีคะแนนนำจากผลโพลทั่วประเทศ รวมทั้งในมลรัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคใดและจะกลายเป็นจุดสำคัญในการตัดสินผลแพ้ชนะ พยายามไม่ให้การโต้วาทีบ่อนทำลายคะแนนที่นำอยู่ เพื่อกลายเป็นประธานาธิบดีจากเดโมแครตคนที่ 2 ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้กลับสู่ทำเนียบขาวสมัยที่ 2

โพลจากซีเอ็นเอ็น/โออาร์ซีที่สำรวจความคิดเห็นทันทีหลังการดีเบตพบว่า ผู้มีสิทธิ์ออกเสียง 67% คิดว่ารอมนีย์ชนะในการโต้วาทีครั้งนี้ที่จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเดนเวอร์ ส่วนที่คิดว่าโอบามาชนะมีแค่ 25% ขณะที่ไซต์เดิมพันออนไลน์ อินเทรด รายงานว่า โอกาสที่รอมนีย์จะชนะการเลือกตั้งกระเตื้องขึ้น 8.4% หลังการดีเบต อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้เชื่อมั่นว่าเขาจะชนะทั้งสิ้นเพียง 34.3%

สตีเฟน ไชเออร์ ศาสตราจารย์รัฐศาสตร์จากวิทยาลัยคาร์ลตันในมินนิโซตา ชี้ว่าชัยชนะในการดีเบตครั้งนี้จะมีผลต่อการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่ารอมนีย์จะรักษาสมดุลนี้ไว้ได้หรือไม่

Around the World - Manager Online - 'รอมนีย์'พลิกคว้าชัย'ดีเบต'นัดแรก'โอบามา'ผิดฟอร์ม-พลาดโอกาสรุก

 

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"พายุ “แกมี”"
ฉบับที่ 16 ลงวันที่ 05 ตุลาคม 2555​

เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (5 ต.ค. 2555) พายุโซนร้อน “แกมี” (GAEMI) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 900 กิโลเมตร ทางตะวันออกของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม หรือที่ ละติจูด 14.5 องศาเหนือ และ ลองจิจูด 117.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 90 กม./ชม. พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 10 กม./ชม. คาดว่า พายุนี้จะทวีกำลังแรงขึ้น และเคลื่อนขึ้นฝั่งตอนกลางของประเทศเวียดนามในวันที่ 6 ตุลาคม 2555 จากนั้นจะเคลื่อนผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง ของประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 5-8 ตุลาคม 2555 บริเวณตามพื้นที่ตามเส้นทางเดินพายุและพื้นที่ใกล้เคียง มีฝนหนาแน่นเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ กับมีลมแรง โดยเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกก่อน ส่วนภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างจะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรงในช่วงระยะนี้ สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้ภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนเพิ่มมากขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบน และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย
อนึ่ง ในช่วงวันที่ 5-6 ตุลาคม 2555 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมตอนบนของประเทศไทย ทำให้ตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองในระยะแรกและเริ่มมีอากาศเย็นลง

ประกาศ ณ วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 05.30 น.

 

ภาพถ่ายดาวเทียมพายุโซนร้อน “แกมี” (GAEMI) ของเวียตนาม ภาพเคลื่อนไหวแสดงการเคลื่อนที่ของกลุ่มเมฆเวลา 03.00 วันที่ 5 ต.ค. 2555 บริเวณทะเลจีนไต้ ประเทศเวียตนา ลาว กัมพูชา ไทย พม่า และทะเลอันดามัน



http://www.accuweather.com/pt/vn/national/satellite

 

ปริมาณน้ำในเขื่อนสำคัญต่างๆ ล่าสุด 5 ต.ค.2555